น้ำเสียงทุ้มพร่านั้นอ่อนโยนทว่าก็เอาแต่ใจ หางเสียงที่บ่งบอกว่าจะไม่รับฟังคำโต้แย้งทำให้ภัทรหัวเราะ หยดน้ำใสกลิ้งลงจากหางตาด้วยความยินดีจากหัวใจที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าจะไม่เปิดรับใครเข้ามาอีกแล้ว
"ผมเป็นของคุณเชษฐ์มาตั้งนานแล้วครับ"
ริมฝีปากของร่างสูงหยักยิ้มกับคำตอบเอาใจที่หวานยิ่งกว่าน้ำตาลอ้อย เชษฐ์ค่อยๆ ใช้แขนโอบช้อนเอวของภัทรให้ลุกขึ้นนั่งบนตัก การเคลื่อนไหวนั้นทำให้ช่องทางอ่อนไหวยิ่งโอบกระชับความร้อนรุ่มที่เสียดสีอยู่ในกายมากกว่าเดิม และทำให้แก่นกลางร่างกายของภัทรเบียดแน่นกับหน้าท้องแกร่งยามอีกฝ่ายกอดรัดเขาไว้แนบอก
"อ๊ะ..."
ภัทรหลุดเสียงครางหวิวหวานออกมาอีกครั้งเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นพรมจูบทั่วซอกคอ ฝ่ามือแข็งแกร่งที่บีบเคล้นบนสะโพกสื่อให้รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการให้ทำอะไร ภัทรรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นบนผิวหน้าและตามร่างกายที่ถูกสัมผัส ทว่าก็เพียงแต่เลื่อนมือลงเกาะกุมไหล่หนาเอาไว้ขณะเหนี่ยวรั้งร่างให้ขยับโยกตามที่อีกฝ่ายปรารถนาแต่โดยดี
พัดลมบนเพดานยังคงทำงานเป็นปกติ ลมกลางคืนยังคงโชยเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่างจนชายผ้าม่านลูกไม้เนื้อบางปลิวไหว ทว่ากลับไม่ช่วยลดความรุมร้อนของผิวกายที่ถ่ายทอดความเสน่หาให้กันและกัน ความคุ้นชินในร่างของอีกฝ่ายที่เพิ่มขึ้นทำให้การแสดงความรักเริ่มร้อนแรงดุจพายุที่บ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ และภัทรก็รู้ตัวว่ากำลังจะทนรับความหฤหรรษ์ที่กำลังกำซาบไปตามเส้นประสาททุกเส้นในกายได้อีกไม่นานเมื่อเชษฐ์เลื่อนมือลงรูดรั้งส่วนที่กำลังตื่นตัวของเขาอย่างเร่งเร้า
นัยน์ตาเรียวปิดแน่นขณะทั่วร่างสั่นสะท้านเพราะความสุขสมดุจเกลียวคลื่นที่แตกฟองยามโถมเข้าซัดฝั่ง ชายหนุ่มเกี่ยวกระหวัดแขนรอบลำคอแกร่งเป็นหลักยึดโดยไม่หยุดร่างกายที่เคลื่อนไหว ช่องทางที่บีบรัดอย่างรุนแรงทว่ายังคงบดเบียดความแข็งแกร่งในกายทำให้เชษฐ์คำรามเสียงต่ำขณะกดร่างของภัทรให้นอนลงบนฟูก จากนั้นก็ทาบตัวตามลงเติมฟืนให้เพลิงสวาทที่กำลังลุกโหมด้วยการโจนจ้วงสู่ร่างผอมเพรียวที่ยังคงกรีดร้องชื่อเขาไม่ขาดเสียง
สัมผัสอุ่นวาบที่หลั่งมาจากร่างที่เกร็งกระตุกโดยไม่หยุดเคลื่อนกายเข้าออกทำให้ภัทรส่งเสียงหอบครวญอย่างลืมสิ้นซึ่งการยับยั้งใจกาย ร่างผอมเพรียวยกขาขึ้นเกาะเกี่ยวเอวสอบขณะที่แขนทั้งสองข้างโน้มคอของร่างเบื้องบนลงจูบ ความรู้สึกในเวลานี้ช่างเหมือนกับครั้งแรกที่เขากระจ่างในใจว่าตนยินดีที่จะมอบทุกอย่างให้อีกฝ่ายจนหมดสิ้น แต่สิ่งที่แตกต่างคือคุณเชษฐ์ของเขาอยู่ตรงนี้ในตอนนี้เพื่อตอบรับทุกสิ่งที่ภัทรมอบให้ด้วยตัวเองจริงๆ
"...ฉันรักเธอ"
เสียงกระซิบแผ่วเบาข้างหูจากคนที่ทิ้งกายลงซุกซบบนตัวเขาทำให้ภัทรน้ำตารื้น ชายหนุ่มยกมือที่อ่อนแรงขึ้นลูบไล้แผ่นหลังแกร่งซึ่งลื่นไปด้วยเหงื่อ เรียวขาทั้งสองข้างกระชับเอวอีกฝ่ายแนบแน่นแทนคำบอกว่ายังไม่อยากให้ช่วงเวลานี้จบลงขณะหันไปแนบริมฝีปากบนปลายคาง
"ผมก็รักคุณเชษฐ์ครับ"
เสียงหอบหายใจแรงดังแข่งกับเสียงพัดลมเพดานในห้องที่เงียบสนิท ภัทรหลับตาและดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่ร่างกายแนบชิดโดยมีร่างสูงใหญ่ไล้ริมฝีปากไปตามผิวแก้มชื้นเหงื่อให้ การได้สัมผัสร่างกายเปลือยเปล่าของกันและกันขณะรอให้คลื่นอารมณ์อันปั่นป่วนสงบลงช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่น่าใฝ่ฝัน แต่แล้วความรื่นรมย์ก็มีอันหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ
นัยน์ตาสองคู่กะพริบขณะสบตากันและกัน เชษฐ์ยันตัวขึ้นบนศอกพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ภัทรจึงยิ้มให้พลางยกมือขึ้นลูบหัวไหล่แข็งแรง
"น้าผมคงจะโทรมาน่ะครับ"
ภัทรเอ่ยพลางค่อยๆ คลายเรียวขาที่เหนี่ยวรั้งสะโพกแกร่ง และแม้เจ้าตัวจะไม่ได้ตั้งใจยั่วยวน ทว่ารอยยิ้มและฝ่ามือที่อ้อยอิ่งอยู่บนไหล่ก็ทำให้เชษฐ์แทบอยากจะครอบครองร่างตรงหน้าเสียอีกครั้งในนาทีนี้
"...ช่วยไม่ได้นะ"
ร่างสูงเอ่ยอย่างจำใจขณะยันแขนขึ้นและค่อยๆ ถอยตัวออกอย่างเชื่องช้า ภัทรส่งเสียงครางหวิวขณะรับรู้ถึงความแข็งแกร่งซึ่งกำลังอ่อนตัวและผละจากช่องทางอ่อนไหว ร่างเพรียวนอนนิ่งอย่างอ่อนแรงเมื่อน้ำหนักที่กดทับลุกไปจากร่างเพื่อหยิบโทรศัพท์มือถือมาส่งให้ เมื่อเห็นว่าชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอเป็นของน้าสาวจริงๆ เขาจึงรีบกดรับ
"ครับ น้าจิน"
"ตอนนี้น้าจินกับน้าบรรณกำลังออกจากงานเลี้ยงนะจ๊ะ อีกสักครึ่งชั่วโมงคงถึงบ้าน ภัทรกับคุณเชษฐ์หิวกันหรือเปล่าลูก? น้าจะได้แวะซื้อกับข้าวเข้าไปให้เพราะที่บ้านไม่มีอะไรเลย"
ภัทรเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่นอนตะแคงเท้าศอกอยู่ข้างๆ พลางเสยผมออกจากหน้าผากให้เขาไปด้วย ริมฝีปากบางยกยิ้มก่อนจะตอบน้าสาว
"แล้วแต่น้าจินเลยครับ พวกผมยังไงก็ได้ แล้วเจอกันครับ"
ชายหนุ่มวางสายก่อนจะพยายามดันตัวขึ้นนั่ง คนที่นอนอยู่ข้างๆ จึงลุกตาม
"น้าของเธอว่าไงบ้าง?"
"น้าจินบอกว่ากำลังออกจากงานเลี้ยงแล้วครับ อีกสักครึ่งชั่วโมงคงมาถึง ระหว่างนี้เรารีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนดีกว่า"
ภัทรตอบพลางพยายามจะยันตัวลุกขึ้น แต่แข้งขากลับอ่อนแรงเสียจนคนตัวใหญ่กว่าต้องช่วยประคอง ใบหน้าคมคายยิ้มเมื่อเห็นผิวหน้าเนียนเริ่มซับสีแดงเรื่อ
"ลุกไม่ไหวก็นอนพักต่ออีกหน่อยก็ได้ ยังพอมีเวลาไม่ใช่เหรอ?"
แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายเย้าเพราะห่วงใย แต่ภัทรก็อดย่นจมูกไม่ได้ ผิวแก้มที่เรื่อสีเลือดฝาดอยู่แล้วดูจะยิ่งแดงมากขึ้นเมื่อเขาก้มหน้าตอบเสียงอุบอิบ
"ผมไม่อยากนอนแล้วล่ะครับ ไปอาบน้ำเลยดีกว่า"
ภัทรไม่ยอมขยายความว่าที่ไม่นอนพักต่อเพราะไม่อยากให้ฟูกเลอะเทอะมากไปกว่านี้ แต่หารู้ไม่ว่าอีกฝ่ายเห็นหยาดรักที่ตกต้องลงบนผ้าปูที่นอนจากช่องทางอ่อนนุ่มตั้งแต่ตอนที่ลุกไปหยิบโทรศัพท์มาให้ แล้วก็รู้อีกด้วยว่าถ้าหากบอกไปภัทรคงจะเขิน จึงไม่ได้เซ้าซี้และเพียงแต่ก้มลงช้อนคนตัวเล็กกว่าขึ้นอุ้ม
"คุณเชษฐ์! ผมเดินเองได้นะครับ! ห้องน้ำอยู่ข้างๆ นี่เอง"
ภัทรรีบบอกเมื่อถูกพาเดินออกจากห้อง แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดมากพอแล้วที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้คนที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลทำตามที่ต้องการทั้งที่ควรจะพักผ่อน แล้วยังจะให้เขารบกวนต่ออีกได้อย่างไร
"ไม่เป็นไรน่า ถ้าไม่ไหวฉันก็ไม่ทำหรอก อีกอย่างแค่บริการเจ้าของวันเกิดน่ะแค่นี้ยังน้อยไป"
ประโยคสุดท้ายทำให้คำพูดทัดทานของภัทรติดค้างอยู่ในลำคอ ริมฝีปากบางเผยออย่างประหลาดใจแม้เมื่อเชษฐ์อุ้มเขาออกมาพ้นขอบประตูห้องและยืนอยู่บนชานบ้านแล้ว แสงจันทร์นวลที่ส่องลงมาบนใบหน้างุงงของภัทรทำให้เชษฐ์หัวเราะก่อนจะก้มลงฉวยจุมพิตบนกลีบปากสีสดอย่างมันเขี้ยว
"เป็นอะไร ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ?"
"คุณเชษฐ์...จำวันเกิดของผมได้..."
"...ดังนั้น...ขอร้องล่ะ ตื่นขึ้นมาก่อนจะถึงวันเกิดผมเถอะนะครับ..."ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์ในห้องพักผู้ป่วยเมื่อสัปดาห์ก่อนหวนกลับมาอีกครั้ง เขาค่อนข้างมั่นใจทีเดียวว่าตอนนั้นคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่รู้สึกตัว เพราะไม่ว่าเขาจะชวนคุยหรือบีบมือสักเท่าไหร่ก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง เชษฐ์มองแววตาที่สะท้อนถึงความแปลกใจของภัทร แล้วนัยน์ตาเฉียบคมก็ทอประกายอ่อนโยนลง
“ตกลงตอนนั้นเธอพูดจริงๆ สินะ หลังจากฟื้นแล้วฉันจำได้ว่าระหว่างที่ยังหลับจะได้ยินเสียงใครบางคนดังอยู่ข้างหูตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าฝันไปหรือเปล่าก็เลยไม่เคยพูดถึง แต่เรื่องวันเกิดของเธอน่ะฉันจำได้อยู่แล้ว”
คำตอบนั้นช่วยย้ำความมั่นใจให้กับภัทร เท่ากับว่าเสียงของเขาสื่อไปถึงอีกฝ่ายช่วงที่ยังไม่ได้สติจริงๆ ความประหลาดใจในวูบแรกค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความตื้นตัน ช่วงที่อยู่ในโรงพยาบาลนั้นจิตใจของเขาตกต่ำถึงขีดสุดเพราะต้องคอยเฝ้ามองคนที่รักซึ่งไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัว และภัทรเพียงแต่ต้องการสิ่งยึดเหนี่ยวเพื่อหล่อเลี้ยงความหวังว่าคุณเชษฐ์จะต้องปลอดภัยเอาไว้ ทว่าหลังเจ้าตัวหายดีแล้วก็มีเรื่องราวสารพัดมาให้ขบคิดไม่หยุดหย่อน เขาจึงลืมคำพูดที่ตนพลั้งปากออกไปในคืนนั้น รวมทั้งเรื่องที่วันนี้คือวันเกิดของตัวเองเสียสนิท
ในอกของภัทรหดเกร็งจากความตื้นตันที่ไหลบ่าจนล้นท่วมไปทั้งใจ และความรู้สึกนั้นก็สะท้อนออกมาในหน่วยตาที่เริ่มชื้นไปด้วยไอน้ำอุ่นซึ่งเอ่อคลอ ร่างสูงมองคนในอ้อมแขนที่เอาแต่มองเขาราวกับไม่รู้จะสรรหาคำพูดสำหรับโอกาสนี้อย่างไรแล้วก็ยิ้ม
"เอาไว้พรุ่งนี้กลับถึงกรุงเทพฯ แล้วเราค่อยไปหาร้านฉลองแบบเป็นเรื่องเป็นราวอีกทีก็แล้วกัน สุขสันต์วันเกิดนะ ภัทร"
คนพูดจบประโยคด้วยการแนบประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของเขา และภัทรก็พบว่าต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะกลั้นหยาดน้ำที่ปริ่มขอบตาไม่ให้หลั่งล้นลงมาบนแก้ม เขาทำได้เพียงพยักหน้าแล้วยกมือขึ้นกอดลำคอแข็งแรงไว้ แม้แสงโดยรอบจะค่อนข้างสลัวเนื่องจากชานบ้านตรงนี้ไม่ได้เปิดไฟ แต่เขาก็เห็นได้ว่านัยน์ตาที่ทอดมองตรงมานั้นช่างอ่อนโยนจนไม่น่าเชื่อว่ามีไว้เพื่อมอบให้เขาเพียงคนเดียว
การได้เจอคุณ ได้รักคุณ และได้รับความรักโดยไม่มีเงื่อนไขจากคุณคือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของผม
"ขอบคุณครับ คุณเชษฐ์"
ภายใต้แสงจันทร์นวลกระจ่างในคืนข้างขึ้น ดอกโมกริมรั้วถูกสายลมหอบกลิ่นหอมรื่นให้โชยเข้าไปในบ้านริมทุ่งและโอบล้อมร่างของชายหนุ่มทั้งสองไว้ แววตาสองคู่สบประสานกันราวกับไม่อาจรับรู้ถึงสิ่งอื่นรอบตัว และแม้ไม่ต้องให้ดวงดาวบนฟากฟ้าชี้ทำนายอนาคตอันยาวไกล พวกเขาก็รู้ว่าความในใจที่มีให้แก่กันจะไม่มีวันเปลี่ยนผันเป็นอื่น ต่อให้กาลเวลาจะไหลผ่านไปอีกนานเพียงใดก็ตาม
บทพิสูจน์ความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่ของทั้งคู่ผ่านไปแล้ว และบทเรียนที่ได้รับก็คือความมั่นใจในกันและกันที่จะไม่มีวันสั่นคลอน แม้นว่าอาจจะมีบทพิสูจน์อื่นที่ไม่ได้คาดคิดรอพวกเขาอยู่ข้างหน้า
ตราบใดที่ใจสองดวงเชื่อมโยงกันอย่างแน่นแฟ้นด้วยความรักและเชื่อใจ อนาคตก็เป็นเพียงก้าวหนึ่งที่พวกเขาจะจูงมือข้ามผ่านไปด้วยกัน เฉกเช่นทุกครั้งที่เคยทำร่วมกันมา
อย่างน้อยที่สุด...นั่นก็คือคำสัญญาที่สะท้อนอยู่ในแววตาซึ่งเปี่ยมด้วยความรักแล้ว...
++---End---++
A/N: พอพิมพ์คำว่า End อีกครั้งก็รู้สึกทะแม่งๆ เหมือนกันนะคะ เหมือนจริงๆ แล้วตอนนี้น่าจะเป็นตอนจบบริบูรณ์มากกว่าตอนที่แล้วยังไงบอกไม่ถูก ซึ่งตอนที่แล้วก็นับว่าจบไปแล้วล่ะ อันนี้เหมือนเพิ่มมาให้คนอ่านวางใจว่าที่คุณเชษฐ์แกทนๆ มาตลอดเนี่ย ในที่สุดคุณเขาก็ได้รางวัลคุ้มค่ากับที่อดทนแล้วละ สารภาพว่าเป็นตอนที่เขียนแล้วฝืดม้ากมากเพราะไม่ได้เขียนแบบนี้มานาน ทั้งอ่านแล้วอ่านอีก แก้แล้วแก้อีก ทวนแล้วทวนเล่าจนเข้าขั้นโรคจิตอ่อนๆ (เว่อร์) ก็ได้แต่หวังว่าจะคุ้มค่าสมการรอคอยของแฟนๆ นักอ่านทุกคนนะคะ และแน่นอนว่าตามธรรมเนียมที่เมื่อเขียนเรื่องใดจบเราก็จะรวมเล่ม สำหรับเรื่องนี้ก็มีโครงการจะทำแน่นอนเพราะว่าภาพปกเสร็จแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้จะไม่เปิดจองทันทีเหมือนเรื่องก่อนๆ เพราะอยากเขียนตอนพิเศษให้ครบก่อน แต่ก็จะคอยอัพเดทความคืบหน้าให้เป็นระยะ คาดว่าปลายเมษาหรือต้นพฤษภาน่าจะเห็นรูปร่างของหนังสือมากพอที่จะประกาศจองได้ ระหว่างนั้นก็จะพยายามเขียนอะไรมาให้อ่านเพื่อไม่ให้แฟนๆ ที่รอซื้อเซ็งกันไปเสียก่อน และขอแจ้งว่าตอนนี้ที่เพจของเราเปิดให้เล่นเกมส่งคำโปรยมาชิงนิยายฟรีเมื่อพิมพ์เสร็จอยู่ ยังคงรอผู้ร่วมสนุกอยู่เสมอถึง 19 เมษาตามรายละเอียดในภาพเลย
สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาไม่ว่าจะตั้งแต่แรกหรือไม่ ทุกกำลังใจคือแรงผลักดันให้เราทุ่มเทเต็มที่สำหรับคุณเชษฐ์และน้องภัทรที่ทุกคนรักค่ะ ^___^
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่จะมีให้ล่วงหน้านะค้า รักคนอ่านทุกคนเลยค่ะ จุ๊บๆ