++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
(ต่อค่ะ)
เวลาหนึ่งทุ่มกว่า...จอมไตร คุณหญิงที่กลับมาจากข้างนอกในเวลาไล่เลี่ยกัน ประสิทธิ์และจอมราชันก็กลับมาถึง ทางด้านการเตรียมการก็เสร็จสมบูรณ์
สวนขนาดใหญ่ที่เนรมิตเป็นปาร์ตี้ย่อมๆ โต๊ะสนามถูกปูผ้ารองสีขาว มีถาดอาหารวางเรียงดูน่าทาน โต๊ะกลมอีกสี่ตัวมีเก้าอี้วางล้อมอยู่โต๊ะละห้าตัว อาหารที่เหลือถูกทยอยนำขึ้นโต๊ะ มีทั้งปีกไก่ทอด คอหมูย่าง กุ้งเผาร้อนๆ สปาเกตตีพร้อมนำราดแกงเขียวหวานปลาแซลมอลแบบไทยๆ ข้าวผัดปูร้อนๆ และ น้ำใบเตยในโถแก้วใบใหญ่หอมกรุ่น
สมาชิกในบ้านเริ่มช่วยกันจัดงาน จอมเวทย์ยกถังน้ำแข็งถังใหญ่มาวางที่สนาม ส่วนพวกผู้ใหญ่ที่เพิ่งกลับบ้านก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน เด็กก็ช่วยกันคนละไม้คนละมือ เจ้าลูกหมูก็ช่วยยกแก้วเปล่าสะอาดมาจัดเรียงข้างจานเปล่า พี่จอมทัพหายเข้าไปในบ้านแล้วออกมาพร้อมกับเครื่องเสียงครบชุด ค่อยๆมาจัดเสียบสายไฟ ต่อลำโพงให้พร้อมสรรพ เมื่อดูแล้วไม่มีอะไรต้องทำอีก จอมเวทย์และจอมใจรีบวิ่งกลับไปอีกบ้านแล้วหยิบกรอบรูปที่ทำไว้มาที่นี่
รอจนทุกคนในบ้านมากันพร้อมหน้า ท่านจอมไตรก็ถือโอกาสกล่าวอะไรเล็กน้อย
“วันนี้ก็เป็นวันดีอีกหนึ่งวัน ที่เราทุกคนได้อยู่กันพร้อมหน้า...แล้วก็...สุขสันต์วันเกิดนะราชัน ขอให้ลูกมีความสุข” ว่าเสร็จท่านจอมไตรก็กอดและตบไหล่ลูกชายเบาๆ ส่วนคุณหญิงก็เข้ามาสวมกอดลูกชายคนโตแน่น จากเด็กชายตัวน้อยกลายมาเป็นชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ที่เธอภูมิใจ จอมราชันทรุดตัวลงคุกเข่า พนมมือกราบลงแทบเท้าของผู้มีพระคุณทั้งสองที่ให้โอกาสเขาเกิดมาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวที่อบอุ่น ทุกคนน้ำตาซึม หลังจากก็ถึงคิวประสิทธิ์และอรอุมาซึ่งมาอวยพรพร้อมกับกล่องของขวัญกล่องเล็กที่ถูกห่อเรียบง่ายแต่ดูหรูหรา ชายหนุ่มขอบคุณ และเดินเข้าไปสวมกอดแล้วก็กอดร่างท้วมนิ่มของป้าอุ่นใจที่ยืนยิ้มกว้าง รวมถึงลงทศ ซึ่งสองคนนี้เป็นคนเก่าคนแก่ในบ้านที่อาจเลี้ยงได้ว่าเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่อ้อนแต่ออด รวมถึงยิ้มให้กับสองสาว แตงไทยและจันทร์
จอมพล...น้องชายคนรองก็เดินเข้ามากอดร่างใหญ่ของพี่ชายไว้ คนโดนกอดก็กอดตอบ
“สุขสันต์วันเกิดครับพี่ มีความสุขนะครับ” ว่าพร้อมยื่นกล่องของขวัญมาให้เช่นกัน เจ้าตัวรับมาและนำไปวางข้างๆกล่องทีได้จากป๊าม้าของจอมใจ
คราวนี้น้องชายคนสามสุดเซอร์เดินหน้าขรึมเข้ามา พร้อมกับยกมือกอดพี่ชายไว้เบาๆ แล้วปล่อย “สุขสันต์วันเกิดพี่ราชัน” แล้วเจ้าตัวก็กล่องเล็กๆอีกกล่องออกมาจากประเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้
มาถึงคิวของน้องชายคนที่สี่และคนที่ห้า ที่เดินยิ้มกริ่มเข้ามาพร้อมกับมือไขว้หลังไว้ไม่ยอมเอามาข้างหน้า ซึ่งทุกคนก็รู้แล้วว่าสองคนนี้มีอะไรมาเซอร์ไพรด์ พี่ใหญ่ยืนมองยิ้มๆ
สองแสบของบ้านเดินมาถึงปุปก็ยื่นของที่ซ่อนอยู่ข้างหลังออกมาแล้วร้องเพลง “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ เดียร์บราเธอร์...แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...” เพลงร้องแฮปปี้เบิร์ดน่ารักๆจากน้องทั้งสองคน ทำเอาพี่ใหญ่ยิ้มกว้าง ส่วนคนอื่นก็อมยิ้ม
มือใหญ่รับของนั้นมาแล้วมองดู มันเป็นกระดานที่ปิดด้วยกระดาษสีครีม มีรูปต่างๆทั้งหมดหกรูปแปะอยู่พร้อมกับข้อความเล็กใต้รูปที่ต้องหัวเราะขำ...
รูปเจ้าหนูน้อยอาบน้ำในกะละมัง ซึ่งเห็นแล้วต้องยิ้มมุมปาก...ใต้รูปเขียนว่า... ‘ก๊าบ กาบ ก๊าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมอง เพราะในคลองมีหอยปูปลา ^_^’
รูปต่อมาเป็นรูปที่มีน้องชายสี่คนยืนยิ้มเรียงกันในชุดนักเรียน... ‘โตเรียงเล็กคร้าบผม’
รูปครอบครัวพร้อมหน้าที่สวนสัตว์เขาดินก็ถูกเขียนใต้ภาพว่า...’ทัศนาจร ผักผ่อนวันหยุดงาน ทุกคนสุขสำราญ ชีวิตชื่นบานยืนยาว...ปล. หนูหนักไหมครับพี่ราชันจ๋า...อิอิ ^()^’ พี่ใหญ่ถึงกับขำเพราะว่ารูปนั้นเป็นรูปที่เขาเอาเจ้าลูกหมูขึ้นหลังส่วนเจ้าตัวก็โผล่หน้ามายิ้มแฉ่งชูสองนิ้ว
ไล่ดูไปจนถึงภาพสุดท้ายที่เป็นภาพงานวันเกิดเขาเมื่อปีที่แล้ว ใบหน้าทุกคนดูมีความสุข ใต้ภาพถูกเขียนว่า...’สุขสันต์วันเกิด แฮปปี้เบิร์ดเดย์...ทุกปีเลยครับ’
ด้านล่างสุดมีตัวการ์ตูนหน้าทะเล้นสองตัววาดอยู่พร้อมลงชื่อ...’จาก...ผมและผมครับ’
ผมและผมยืนยิ้มแฉ่งแข่งกันหน้าบานอยู่สอง แล้วผมคนแรกก็ก้าวเข้ามากอดพี่ใหญ่
“สุขสันต์วันเกิดครับพี่ ขอบคุณที่เกิดมาเป็นพี่ชายของผม” จอมเวทย์บอกซึ้งๆ
หลังจากผละออกจากกัน ผมคนที่สองก็กระโดดตุ้บเข้าหาอ้อมกอดพี่ใหญ่ที่รออยู่
“สุขสันต์วันเกิดเช่นกันครับ...พี่ราชันจ๋าๆ คิกๆๆ มีความสุขมากนะครับ...รักที่สุดเลยด้วย” เจ้าหนูยิ้มแฉ่งให้ จนพี่ชายอดไม่ได้ที่จะฟัดแก้มด้วยความหมั่นเขี้ยว เจ้าตัวหัวเราะคิกคักๆ จนคนอื่นก็ยิ้ม
...บ้านนี้มีแต่รัก...
หลังจากอวยพรกันเรียบร้อยก็ถึงเวลาปาร์ตี้ ท่านจอมไตรเปิดงานด้วยการลุกไปตักอาหารที่วางเรียงไว้ คนอื่นจึงทยอยลุกไปตักบ้าง โดยผู้ใหญ่ก็นั่งโต๊ะหนึ่ง ส่วนเด็กๆก็นั่งอีกโต๊ะ
จอมทัพได้โอกาสลุกไปเปิดเพลงคลอเพิ่มบรรยากาศซึ่งส่วนมากเป็นเพลงสากลเสียส่วนใหญ่
เจ้าลูกหมูวิ่งหน้าตั้งไปหยิบจานแล้วตักใหญ่ ทั้งคอหมูย่าง ปีกไก่และสปาเกตตีแกงเขียวหวานจนพูน อีกจานก็หยิบกุ้งแม่น้ำเผาตัวโตสีสดใส่จานมาอีกหลายตัว
วางจานลงโต๊ะแล้วก็นั่งรอจนพี่ๆตักอาหารมาครบ ก็ลงมือกันเลย จอมใจตักเส้นสปาเกตตีที่ราดน้ำแกงจนชุ่มเข้าปากแล้วก็รู้สึกว่าอร่อยสุดยอด ทั้งน้ำแกงเข้มข้นเข้ากับเส้นได้เป็นอย่างดี เป็นการนำอาหารไทยๆมาผสมผสานกับอาหารอิตาลีได้อย่างลงตัว กินไปฟังเพลงเพลินไป
“พี่พลจ๋า...หยิบกุ้งให้หน่อยครับ” แขนสั้นๆเป็นอุปสรรคต่อการหยิบกุ้งแม่น้ำที่ถูกเคลื่อนย้ายไปอีกฝั่ง
“ครับ เดี๋ยวพี่แกะให้” พีพลคนน้ำใจงามตักกุ้งมาไว้ในจานตัวเองแล้วลงมือแกะเปลือกหัวลอกเปลือกออก จนได้กุ้งเนื้อแน่นขาวอวบส่งไปให้ในจาน จอมใจยิ้มขอบคุณแล้วจิ้มกินเคี้ยวตุ้ยๆ
...ปริ้น...
เสียงแตรรถดังมาจากหน้าบ้านพร้อมกับลงทศที่วิ่งออกไปดู คนที่มานั้นก็คือเพื่อนสนิทของพี่ชายใหญ่สองคน
...จักรภพและชินกฤต...
“อ้าว...นั่นจักรกับชินไม่ใช่หรือนั่น” จอมไตรเอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนบุตรชายเดินมา ทั้งสองคนที่มาใหม่ยิ้มและยกมือสวัสดีทักทายผู้ใหญ่ทั้งสี่คน ก่อนเดินมาที่โต๊ะเพื่อน
“ไงวะ มาช้าจัง” จอมราชันทักทายเพื่อน
ชินกฤตยักคิ้วให้ “เออ...สุขสันต์วันเกิดเว้ยไอ้เพื่อนรัก” ยื่นกล่องของขวัญขนาดยักษ์ไปให้ “อันนี้ฉันกับจักรซื้อหารกันเว้ย...”
จักรภพยิ้มรับแอบคิดในใจว่าเขาไม่ได้อยากหารซื้อของขวัญชิ้นนี้ เขาอยากซื้ออย่างอื่นแต่เพื่อนจอมแสบบังคับให้เขาหารกับมัน เขาไม่อยากคิดเลยว่าเวลาเพื่อนรักเปิดออกมาดูแล้วจะรู้สึกอย่างไร...
“อะไรวะ” จอมราชันถาม ส่วนเพื่อนตัวแสบทำเพียงยักคิ้วกวนให้ ไม่ตอบแล้วหันไปสนใจน้องคนอื่นแทน
“สวัสดีครับน้องพลคนสวย” คนโดนทักว่า “สวย” คิ้วกระตุก แต่ยังคงส่งยิ้ม
“สวัสดีครับพี่ชิน”
“ว่าไงทัพ” แล้วก็หันไปทักชายหนุ่มหน้านิ่งมาสนใจใคร กินข้าวผัดปูไปเรื่อยๆ
“ครับ...”
จักรภพเอ่ยทักทายทุกคนบ้างอย่างเป็นกันเองบ้าง
ด้านชินกฤตก็หันมาให้ความสนใจกับเจ้าหนู...เขาเห็นน้องตัวกลมตั้งแต่เล็กเช่นกัน เห็นแล้วอยากฟัดอยากกัดแก้มพองๆ “ไงครับน้องใจ”
จอมใจยิ้มทัก “สวัสดีครับพี่ชิน พี่จักร”
ท่านจอมไตรเดินมาหา “ตักอาหารกันตามสบายเลยนะชิน จักร” สองคนจึงเดินไปตักอาหารมาทานบ้าง
กินไปคุยไปให้ความรู้สึกเพลิน จอมเวทย์จึงได้ฤกษ์เปิดคอนเสิร์ตย่อมๆ เจ้าตัวเลือกเพลงสุดโปรดอย่าง Payphone ของ Maroon5
“Yo…What’s up everybody!!! Are you guys ready for the show? If yes!! Let the show begins!!!” เสียงทุ้มร่ายภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วเนื่องจากเรียนอยู่โรงเรียนเอกชนที่เป็นคริสต์มาตลอด พร้อมเสียงปรบมือเสียงโห่ร้อง...
I'm at a payphone trying to call home
All of my change I spent on you
Where have the times gone
Baby it's all wrong, where are the plans we made for two?
ฉันอยู่ที่ตู้โทรศัพท์ พยายามต่อสายไปยัง "บ้านของเรา"
เหรียญที่มีทั้งหมดนี้ ฉันจะใช้มันเพื่อโทรหาเธอ
ช่วงเวลาของเราหายไปไหนกันหมดนะ
คนดี ทั้งหมดนี้มันผิดพลาดไปหมดเลย เรื่องที่เราเคยวาดฝันร่วมกันไว้มันหายไปไหนหมดแล้ว?
Yeah, I, I know it's hard to remember
The people we used to be
It's even harder to picture
That you're not here next to me
You say it's too late to make it
But is it too late to try?
And in our time that you wasted
All of our bridges burned down
ใช่ ฉันเอง...รู้ดีว่ามันยากที่รื้อฟื้นมัน
ความสัมพันธ์ที่เราเคยมีมาร่วมกัน
แล้วก็ยิ่งยากขึ้นไปอีกที่ต้องนึกภาพ
ที่ไม่มีเธออยู่ตรงนี้เคียงข้างฉันอีกแล้ว
เธอบอกว่ามันสายไปแล้วที่เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่มันจะสายไปที่จะลองดูอีกครั้งจริงๆ เหรอ?
แล้วช่วงเวลาของเราที่เธอใช้ไปอย่างไร้ค่า
แล้วความสัมพันธ์ของพวกเราก็พังทลายไม่มีชิ้นดี
I've wasted my nights
You turned out the lights
Now I'm paralyzed
Still stuck in that time when we called it love
But even the sun sets in paradise
ฉันใช้คืนวันให้มันผ่านไปอย่างไร้ค่า
เพราะเธอได้ดับแสงสว่างในชีวิตฉันไปแล้ว
ตอนนี้ฉันได้แต่ยืนตัวชา
ยังคงติดตรึงในห้วงเวลานั้น ที่เราเคยเรียกมันว่า "รัก"
แต่แม้กระทั่งในสรวงสวรรค์ ก็ยังต้องมีเวลาที่ดวงตะวันต้องลับขอบฟ้า
I'm at a payphone trying to call home
All of my change I spent on you
Where have the times gone
Baby it's all wrong, where are the plans we made for two?
ฉันอยู่ที่ตู้โทรศัพท์ พยายามต่อสายไปยัง "บ้านของเรา"
เหรียญที่มีทั้งหมดนี้ ฉันจะใช้มันเพื่อโทรหาเธอ
ช่วงเวลาของเราหายไปไหนกันหมดนะ
คนดี ทั้งหมดนี้มันผิดพลาดไปหมดเลย เรื่องที่เราเคยวาดฝันร่วมกันไว้มันหายไปไหนหมดแล้ว?
If happy ever after did exist
I would still be holding you like this
All those fairytales are full of sh*t
One more stupid love song I'll be sick
ถ้าเกิดความสุขชั่วนิรันดร์เหมือนในเทพนิยายมันมีอยู่จริง
ตอนนี้ ฉันก็คงยังได้โอบกอดเธอเอาไว้
แต่เพราะนิทานหลอกเด็กพรรค์นั้นมีแต่เรื่องลวงโลก
ฉันคงต้องตายแน่ๆ ถ้าเกิดยังต้องทนฟังเพลงรักโ.ง่ๆ ต่อไปอีกแม้สักเพลงเดียว
You turned your back on tomorrow
Cause you forgot yesterday
I gave you my love to borrow
But just gave it away
You can't expect me to be fine
I don't expect you to care
I know I've said it before
But all of our bridges burned down
เธอหันหลังให้กับวันพรุ่งนี้ของเราไปแล้ว
เพราะเธอจะลืมทุกเรื่องในวันวานของเรา
ฉันให้ความรักแก่เธอไป
แต่เธอกลับทิ้งไปไม่ใยดี
อย่ามาหวังให้ฉันยังมีความสุขดีเลย
เพราะฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะมาห่วงใยอะไรกันอยู่แล้ว
ฉันรู้ว่าฉันเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้ว
แต่ความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เราเคยมีร่วมกันมันพังทลายลงไปไม่มีชิ้นดี
I've wasted my nights
You turned out the lights
Now I'm paralyzed
Still stuck in that time when we called it love
But even the sun sets in paradise
ฉันใช้คืนวันให้มันผ่านไปอย่างไร้ค่า
เพราะเธอได้ดับแสงสว่างในชีวิตฉันไปแล้ว
ตอนนี้ฉันได้แต่ยืนตัวชา
ยังคงติดตรึงในห้วงเวลานั้น ที่เราเคยเรียกมันว่า "รัก"
แต่แม้กระทั่งในสรวงสวรรค์ ก็ยังต้องมีเวลาที่ดวงตะวันต้องลับขอบฟ้า
I'm at a payphone trying to call home
All of my change I spent on you
Where have the times gone
Baby it's all wrong, where are the plans we made for two?
ฉันอยู่ที่ตู้โทรศัพท์ พยายามต่อสายไปยัง "บ้านของเรา"
เหรียญที่มีทั้งหมดนี้ ฉันจะใช้มันเพื่อโทรหาเธอ
ช่วงเวลาของเราหายไปไหนกันหมดนะ
คนดี ทั้งหมดนี้มันผิดพลาดไปหมดเลย เรื่องที่เราเคยวาดฝันร่วมกันไว้มันหายไปไหนหมดแล้ว?
If happy ever after did exist
I would still be holding you like this
All those fairytales are full of sh*t
One more stupid love song I'll be sick
ถ้าเกิดความสุขชั่วนิรันดร์เหมือนในเทพนิยายมันมีอยู่จริง
ตอนนี้ ฉันก็คงยังได้โอบกอดเธอเอาไว้
แต่เพราะนิทานหลอกเด็กพรรค์นั้นมีแต่เรื่องลวงโลก
ฉันคงต้องตายแน่ๆ ถ้าเกิดยังต้องทนฟังเพลงรัก**ๆ ต่อไปอีกแม้สักเพลงเดียว
Now I'm at a payphone...
ตอนนี้ ฉันยังคงอยู่ที่ตู้โทรศัพท์
(เพลง Payphone โดย Maroon5)
[/i]
พอถึงท่อนแลพเจ้าตัวก็ทำปากพะงาบๆไปกับเพลง ทำเอาคนดูถึงกับขำแต่คนร้องยังไม่แคร์...ร้องฮึมฮำต่อจนจบเพลง เสียงปรบมือไล่...เอ้ย...ชอบใจก็ดังไม่ขาดสาย พอพี่เวทย์ร้องจบก็ถึงตาชินกฤตมาสร้างสีสัน เพลงที่เลือกคือ...
“หมาจะเกิดชิงหมาเกิด...หมาจะเกิดชิงหมาเกิด...” ร้องแต่ท่อนนี้ซ้ำไปมาจนเจ้าของวันเกิดหมั่นไส้ ขอลดอายุตัวเองโดยการไล่แตะไอ้เพื่อนตัวดี หลังจากไล่ถีบกันไปหลายรอบ เจ้าตัวถึงยอมปล่อยไมค์แล้วเปลี่ยนตัวนักร้อง
“แฮ่ม...ใจขอร้องบ้าง” คราวนี้ถึงตาเจ้าหนูครองไมค์กับเขาบ้าง เพลงที่เจ้าหนูเลือกเป็นเพลงฟังสบายหูที่อยู่ในโฆษณารถยนต์ชื่อดัง ซึ่งเจ้าตัวรู้สึกว่าเป็นเพลงที่เข้ากับบรรยากาศของครอบครัว
“...บอกฉันสักคำว่าเธอทำได้อย่างไร...เพราะฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่กับเธอ...” เสียงทุ้มใสของน้องน้อยเรียกเสียงปรบมือระงม จอมราชันยิ้มอ่อนโยนเมื่อมองร่างน้องน้อย...
บอกฉันสักคำว่าเธอทำได้อย่างไร
เพราะฉันรู้สึกดีทุกครั้งที่อยู่กับเธอ
ที่จริงนับตั้งแต่ที่เรานั้นแรกเจอ
ไม่คิดว่าจะรักได้มากมาย
เธอรู้วิธีดูแลคนที่ห่วงใย
จนฉันแปลกใจความรู้สึกที่ฉันมี
เคยรักมากเท่าไหร่ก็ยังรักได้อีก
ไม่รู้ว่าเป็นได้อย่างไร
ตั้งแต่พบกันวันนั้น
ใจก็รู้ว่าเราจะมีกันวันนี้
เธอเติมเต็มสิ่งดีๆ ให้ทุกวันที่มี
กลายเป็นวันที่มีความหมาย
ไม่ใช่แค่วันพรุ่งนี้
แต่จากนี้แม้นานเท่านานสักเพียงไหน
จะมีเธอ เธอมีฉันมีกันตลอดไป
ยิ่งพบเจอยิ่งได้รู้จักยิ่งรักเธอหมดใจ
ขอบฟ้าไม่เคยจะเหมือนเดิมเลยสักวัน
มีสีสันชวนให้มองดูอยู่เรื่อยไป
ก็คงเหมือนตัวเธอที่มีเรื่องราวใหม่
มาทำให้ประทับใจทุกที
ชีวิตของคนๆ หนึ่งได้อบอุ่นใจ
และได้รู้ตัวว่าเป็นคนที่โชคดี
ขอบคุณนะที่ทำให้ทุกๆ นาที
ได้มีความหมายที่สำคัญ
ตั้งแต่พบกันวันนั้นใจก็รู้ว่าเราจะมีกันวันนี้
เธอเติมเต็มสิ่งดีๆ ให้ทุกวันที่มี
กลายเป็นวันที่มีความหมาย
ไม่ใช่แค่วันพรุ่งนี้
แต่จากนี้แม้นานเท่านานสักเพียงไหน
จะมีเธอ เธอมีฉันมีกันตลอดไป
ยิ่งพบเจอยิ่งได้รู้จักยิ่งรักเธอหมดใจ
ตั้งแต่พบกันวันนั้นใจก็รู้ว่าเราจะมีกันวันนี้
เธอเติมเต็มสิ่งดีๆ ให้ทุกวันที่มี
กลายเป็นวันที่มีความหมาย
ไม่ใช่แค่วันพรุ่งนี้
แต่จากนี้แม้นานเท่านานสักเพียงไหน
จะมีเธอ เธอมีฉันมีกันตลอดไป
ยิ่งพบเจอยิ่งได้รู้จักยิ่งรักเธอหมดใจ
ยิ่งรักเธอหมดใจ
(เพลง ยิ่งรู้จักยิ่งรักเธอ โดย ดา เอ็นโดรฟิน)
[/i]
“ขอบคุณครับ...และ...สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งครับพี่ราชัน”
...ตั้งแต่พบกันวันนั้น ใจก็รู้ว่าเราจะมีกันวันนี้...
...ยิ่งพบเธอ ยิ่งได้รู้จัก ยิ่งรักเธอหมดใจ...
...การเกิดมาพบกันนี่มันช่างวิเศษนัก...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้ยาวประมาน13หน้าเอสี่ได้ค่ะ แบบตอนแรกกะตัดฉับ แต่กลัวเสียอารมณ์ซึ้งๆ เลยต่อยาวโลด
To be Continue