How I met your Mother (8/8)
ตอนจบของตอนพิเศษแล้วจ้า บอลเก็บจานใบสุดท้ายไปไว้ในอ่างล้างจาน ก่อนจะเดินกลับมาเช็ดโต๊ะเหมือนกับที่ทำทุกวัน
อยู่ๆอาหารเย็นมื้อนี้ก็ต้องมาปั่นป่วนไปซะได้ เหมือนโดนไอ้ท็อปกับไอ้โต๋บุกเข้ามาเหมือนพายุ แล้วก็หายไปอย่างพายุเสียอย่างนั้น
แต่อย่างน้อยไม่ทำบ้านเขาพังก็ดีพอแล้วล่ะ...
พอหันกลับมาพร้อมผ้าเช็ดโต๊ะบอลก็ต้องงงว่าภูยังนั่งอยู่ที่เดิม... มันทำให้เขานึกขำ
“อ้าว ไม่ไปดูทีวีรึไง”
“อือ ยังน่ะ”
ภูตอบ ท่าทางดูครุ่นคิดอะไรสักอย่าง ราวกับกำลังเถียงตัวเองในใจอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ไอ้อ้วนล่ะ ไปไหนแล้ว”
“อ๋อ มันไปส่งแฟนมันกลับบ้าน”
“อืม” บอลก้มหน้าเช็ดโต๊ะต่อไป ลืมไปแล้วว่าสั่งกักบริเวณลูกตัวเองเอาไว้ “แล้วมานั่งทำอะไรอยู่เนี่ยล่ะ หือ”
“บอล... แต่งงานกันมั้ย”
ผ้าที่พยายามเช็ดคราบซอสฝังแน่นอยู่บนโต๊ะถึงกับหยุดกึก พร้อมๆกับที่เจ้าของผ้าเงยหน้าขึ้นมาหาคนถามทันที
“ห๊ะ? ถามอะไรเนี่ย”
“เฮ้ย เอาจริงนะ” ภูเริ่มร้อนรน “เออ ไม่โรแมนติกเลยว่ะ ให้เอาใหม่มั้ย”
“ไม่ๆๆ เดี๋ยวสิ นี่ตกลงจะทำอะไรเนี่ย” บอลทั้งงงทั้งขำ แต่แล้วก็โดนดึงมือให้นั่งบนเก้าอี้ข้างๆ
“ก็นั่นแหล่ะ... เออ แต่งงานกันมั้ย... อย่าให้ถามหลายรอบสิ”
ภูเริ่มเขินจนไม่กล้ามองหน้า ยิ่งทำให้บอลเอ็นดูเข้าไปใหญ่
“นี่อยู่กันมาตั้งขนาดนี้ยังไม่เรียกแต่งงานอีกเหรอ ฮ่าๆ”
“ไม่ๆ แบบ... จดทะเบียนไรงี้ ไปอเมริกากันก็ได้ หรือฝรั่งเศส หรือแคนาดา อะไรก็ได้”
ได้ยินแค่นี้บอลก็นิ่งอึ้งไป... เพิ่งรู้สึกขึ้นมาเอาตอนนี้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น
“บ้า... นี่เอาจริงเหรอ”
“เอ้อ... ก็จริงน่ะสิ ไม่งั้นจะถามทำไม”
“แล้วมาถามเอาตอนนี้เนี่ยนะ?”
อยู่ดีๆภูก็รู้สึกผิดขึ้นมาครามครัน เดาไม่ออกจริงๆว่าอีกคนจะโกรธหรือเปล่าที่ถามย้อนมาเช่นนั้น
“ก็แหม... ก็มันเพิ่งมีกฎหมายนี่ ที่จริงณุก็ช่วยคิด...”
“อืม เอาสิ”
“หา...”
ยังไม่ทันจะได้ยินเต็มสองหู อีกฝ่ายก็ดันตอบกลับมารวดเร็วจนฟังไม่ทัน
“อืม เอาสิ” บอลตอบอีกรอบ “จะไปเมื่อไรล่ะ”
ภูถึงกับช็อคไป... สมองไม่ยอมประมวลผลอยู่นาน กว่าที่ความดีใจจะแล่นปราดไปทั่วร่าง ชายหนุ่มถึงกับร้องออกมาด้วยความดีใจก่อนจะลุกขึ้นไปคว้าคู่ชีวิตมากอดไว้จนตัวลอย
“จริงเหรอเนี่ย จริงเหรอเนี่ย!!!”
“ก็จริงสิ” บอลหัวเราะ รู้สึกเหมือนโดนหมีตัวใหญ่คว้าไปกอดอย่างไรอย่างนั้น
“ดีเลย... งั้นต้องเริ่มวางแผนแล้วล่ะ ว่าจะหยุดงานเมื่อไร จะไปตอนไหน ไปกี่วัน” ภูนับนิ้วคำนวณสิ่งที่ต้องทำ “แล้วต้องทำอะไรบ้าง ต้องส่งการ์ดเชิญมั้ยเนี่ย แล้วต้องซื้อแหวนใหม่รึเปล่า”
“นี่...” บอลสะกิดให้อีกฝ่ายคลายความตื่นเต้น “แหวนน่ะไม่ต้องไปซื้อใหม่หรอก”
“หือ ทำไมล่ะ”
บอลก้มหน้าลง ค่อยๆพยายามถอดแหวนสีทองบนนิ้วนางข้างซ้ายออกอย่างทุลักทุเล
“เอาวงนี้นี่แหล่ะ ใส่ใหม่อีกรอบก็ได้”
ภูช็อค... เมื่อเห็นแหวนเจ้าปัญหาถูกถอดออกมาได้ถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว
“เดี๋ยวสิ!!! นี่ถอดออกได้ยังไงน่ะ”
“ไม่รู้สิ ผอมลงล่ะมั้ง” บอลว่า พอเห็นว่าอีกฝ่ายได้แต่อ้าปากพะงาบๆก็ยิ่งขำ “ทำไม คิดว่าเราถอดไม่ออกมาตลอดเลยเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ” ภูพยายามถอดของตัวเองออกบ้าง แต่ก็ไม่สำเร็จผล “แล้วทำไมเราถอดไม่ออกฟะ”
“อ้วนขึ้นล่ะสิ” บอลหัวเราะเยาะ “เราถอดออกตั้งนานแล้ว แต่ไม่อยากถอด แค่นั้นเอง”
“อ้าว... อ้าว...”
บอลดึงหน้าอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ “อะไร นี่คิดว่าเราใส่เพราะถอดไม่ออกแค่นั้นน่ะเหรอ... อยู่กันมาขนาดนี้แล้วยังไม่เชื่อใจกันอีก”
ชายร่างสูงพูดไม่ออก ราวกับโดนจี้ใจดำ... ก็เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรให้ชัดเจนเลยสักครั้ง เรื่องราวทั้งหลายก็เลยค้างคามาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่ตอนที่สารภาพรัก ถ้าขอคบกันตั้งแต่แรกก็อาจจะไม่ต้องทนเป็นเพื่อนกันต่อไป หรือตอนที่ใส่แหวนให้ ถ้าขอแต่งงานไปตั้งแต่ตอนนั้นก็ไม่ต้องทนกลัวอยู่ข้างเดียวว่าจะไม่มีอะไรรั้งบอลเอาไว้...
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่เขากลัวไปเองชัดๆ
“ขอโทษคร้าบ”
บอลขยี้ผมอีกฝ่ายจนยุ่งเหยิง รู้สึกเหมือนมีลูกชายสองคนเสียล่ะมากกว่า
ขี้เกียจจะพูดอะไรต่อแล้ว ได้แต่ถึงหน้าภูเข้ามาจุมพิต... มีอ้อมแขนแข็งแรงโอบกอดเอาไว้เช่นในวันวาน เพียงแต่ว่าคราวนี้เรื่องราวคงจะได้เริ่มนับหนึ่งใหม่อย่างชัดเจนเสียที
ในมุมที่บอลมองไม่เห็น... เจ้าลูกชายตัวแสบแอบย่องกลับเข้าบ้านมาเงียบเชียบ มีเพียงแต่ภูที่ขยิบตาส่งให้ บอกว่าในที่สุดแผนการก็สำเร็จ
ณุยกนิ้วโป้งให้ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดหายไปบนห้อง... ทิ้งให้ทั้งสองคนได้ใช้เวลาร่วมกันในค่ำคืนนี้ ราวกับช่วงเวลาวัยเยาว์ได้กลับคืนมาอีกครั้ง...
...................................................................
กลิ่นกาแฟแตะจมูกในตอนเช้า... เป็นสัญญาณบอกว่าโต๋ยังคงตื่นเช้าเหมือนเคย
มิคงัวเงียตื่นขึ้นเพราะกลิ่นกาแฟนั้น นึกดีใจว่าน้าโต๋คงตัดสินใจอยู่ต่อแล้วแน่
พอมาถึงห้องครัวก็พบว่าคาดเอาไว้ไม่มีผิด โต๋ที่ผมยังยุ่งเหยิงกำลังยืนชงกาแฟด้วยกางเกงนอนแค่ตัวเดียว และมันก็ดันเป็นกางเกงของท็อปเสียอีก
“อ้าว มิค ตื่นเช้าจังวะ”
“น้านั่นแหล่ะตื่นเช้า”
พอโต๋หันกลับมายิ่งทำให้เด็กหนุ่มกระอักกระอ่วนที่เห็นร่องรอยสีแดงแสดงความเจ้าของฝังอยู่เต็มร่างชายหนุ่มไปหมด แต่สงสัยเจ้าตัวคงจะไม่รู้เรื่องก็เลยไม่ได้ใส่เสื้อปกปิดเสียอย่างนั้น
“เอ้อ ตกลงน้าจะย้ายออกไปหรือเปล่า”
โต๋นั่งลงกับโต๊ะ ค่อยๆละเลียดดื่มกาแฟของตัวเอง
“อืม ไม่แล้ว”
“เหรอ ดีจัง” มิคยิ้มให้กับตัวเอง นึกดีใจที่แผนการของตนสำเร็จไปได้ด้วยดี... ถึงเขาจะไม่รู้ว่าหลังจากที่ทะเลาะกันที่บ้านณุแล้วทั้งสองคนนี้หายไปไหนก็เถอะ
แต่ที่แน่ๆ... เขารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“โต๋ กาแฟกูล่ะ”
เสียงงัวเงียของท็อปลอยมาถึงก่อนตัวเสียอีก และโต๋ก็ตอบกลับไปอย่างหงุดหงิดเช่นเคย
“กูก็ทำให้แล้วนี่ไง ถามอะไรอยู่ได้ทุกวัน”
พูดไม่ทันจบคนถามก็เดินมาประชิดตัวจากข้างหลัง ก้มลงหยิบแก้วกาแฟของตัวเอง แล้วต่อด้วยการขโมยจูบรับอรุณคนที่ทำกาแฟให้ไม่ให้ได้ทันตั้งตัว
...ไม่ได้เกรงใจคนที่มันมองอยู่เลยซักนิด
“ทำเชี่ยไรเนี่ย! มิคก็อยู่” โต๋ร้อง
“เอ่อ ผมชินแล้วฮะ”
ท็อปเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่ยังง่วงงุนยังคงบางเป็นเส้นขีดเดียว สงสัยว่าเพิ่งจะมองเห็นว่าหลานชายนั่งอยู่ตรงนั้น
“อ้าว ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอ”
“น้า วันนี้วันอาทิตย์”
โต๋หัวเราะเยาะออกมาดังลั่น แล้วก็โดนมองตาขวางไปหนึ่งที
“เออ หัวเราะไปเหอะมึง”
ยังไม่ทันไร เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น... ท็อปเลยหนีเสียงหัวเราะนั้นไปรับโทรศัพท์ที่อยู่อีกห้อง ทิ้งให้ทั้งสองคนได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง
“เออ ดีใจด้วยนะฮะน้า”
“หือ ดีใจเรื่องอะไร”
“เรื่องน้า...กับน้าท็อป”
ชายหนุ่มจ้องหน้าหลานเพื่อนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกลับไปดื่มกาแฟกลบเกลื่อน “เออน่ะ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก”
มิคอยากจะถามเหลือเกินว่าตกลงแล้วตอนนี้สองคนนี้เป็นอะไรกัน แต่ก็ไม่กล้าจะถาม... เพียงแค่เห็นปฏิกิริยาจากวันนี้ก็อนุมานได้ว่า แม้การแสดงออกทุกอย่างจะเหมือนเดิมเกือบทุกอย่างก็จริง แต่ก็คงจะมีสิ่งหนึ่งในจิตใจพวกเขาที่คงเปลี่ยนไปแล้วตลอดกาล
อาจไม่จำเป็นต้องเป็นคนรัก แต่เพียงรู้ว่าความรู้สึกภายในที่มีต่อกันคืออะไรก็เพียงพอแล้ว...
ยังไม่ทันจะพูดอะไรกันต่อ ท็อปก็เดินกลับเข้ามาในห้องครัว สีหน้ายังคงมึนๆอยู่ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เพิ่งได้ยินมาจะเป็นความจริง
“เออ ไอ้ภูโทรมา” ท็อปรายงาน “มันบอกว่ามันจะแต่งงานกับไอ้บอล... แล้วอยากให้เราไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว กับเออ... เพื่อนเจ้าสาว มั้ง...”
โต๋สำลักกาแฟออกมาพรวดใหญ่ “ว่าไงนะ”
“ไม่รู้มัน มันบอกเดี๋ยวจะส่งการ์ดมาอีกที”
“บ้าเหรอ... เอาจริงเหรอวะ อะไรของมัน”
ชายหนุ่มบ่นพึมพำ จนกระทั่งเจ้าของบ้านตามลงมานั่งข้างๆ
“เราเอาบ้างไหมล่ะ”
โต๋อึ้งไปจนอ้าปากค้าง มาล้อเล่นอย่างนี้เขาไม่ขำด้วยหรอกนะ
“ไอ้เหี้ย ได้คืบจะเอาศอก”
ท็อปหัวเราะร่า... เหลือบไปเห็นหลานชายที่ยิ้มให้ หันกลับมามองอีกทีก็พบว่าโต๋กำลังก้มหน้าดื่มกาแฟราวกับจะปกปิดความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในใจ มันทำให้เขายิ่งนึกขำ
เป็นยามเช้าของวันอาทิตย์ที่น่ารื่นรมย์ รู้สึกราวกับว่าชีวิตของเขาสมบูรณ์แล้ว...
End Special Chapter
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
คุยกันซักนิดตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วจ้า!!! ทำไมเรื่องถึงรวดเร็วปานฉะนี้ ฮ่าๆๆ
ก่อนหน้านี้เราคิดเล่นๆจ้ะว่าอยากจะพิมพ์เรื่องนี้สักหน่อย (มีลงอีกที่นึงคือเด็กดี) อาจจะพิมพ์ใต้ดินเบาๆ จำนวนแค่คนสนใจ คงไม่แพงมากหรอก ไม่ได้หนามากนี่ อิอิอิ
ก็เลยอยากจะมาลองหยั่งเสียงถามหน่อยว่า
>>>
ถ้าเราจะพิมพ์อยากได้กันไหมจ๊ะ?<<<
เอ้อ ที่จริงก็ไม่เคยพิมพ์ใต้ดินเองเลยอ่ะนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ส่งเป็นเรื่องทดลองก่อน ฮ่าๆ
ใครที่เคยมีประสบการณ์หรือมีอะไรอยากแนะนำก็บอกมาได้เลยน้า จะขอบคุณมากค้าบบ >_<
ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าจ้ะ...