จะรักนาย เท่าชีวิต – Only You
ตอนที่ 13. รับมือ
ต้องตาไม่ได้หยุดวันเสาร์หรืออาทิตย์เหมือนคนทั่วไป แต่เธอก็ชินกับมันแล้ว เพราะงานบริการ ต้องทำงานในวันที่คนอื่นหยุด และจะได้หยุดก็ต่อเมื่อเป็นวันทำงานของชาวบ้าน ปกติเธอจะได้หยุดวันอังคารหรือพุธวันใดวันหนึ่งแล้วแต่ตารางเวรที่จัดมาให้ ช่วงแรกๆเธอโหยหาชีวิตในออฟฟิศเป็นอย่างมาก ที่ทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้า เลิกงานห้าโมงเย็น มีเวลาพักทั้งเสาร์และอาทิตย์ มีวันหยุดตามปฏิทินราชการ แต่พอปรับตัวได้ การทำงานหกวันต่อสัปดาห์ก็ไม่ใช่สิ่งที่หนักหนาจนทนไม่ได้
แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกเปลี่ยนแปลงความเคยชิน หลังจากวันนั้น คุณยอดเยี่ยมก็เหมือนจะไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะเข้ามาใกล้ชิด เขาไม่ได้แสดงออกแบบโจ่งแจ้ง แต่ก็พอจะทำให้เธอหงุดหงิดได้ไม่น้อยกับการที่เขามาเดินตรวจตราหน้าฟร้อนท์บ่อยครั้ง(และบ่อยมากจนเกินความจำเป็น) ลงมาทักทายลูกค้าที่กำลังเช็คอินด้วยตัวเองเป็นประจำ (ซึ่งผู้บริหารคนเก่าไม่ค่อยทำ จะลงมาต้อนรับเฉพาะวีไอพีเท่านั้น) และหลังจากที่คุยกับลูกค้าแล้วก็จะส่งยิ้มหวาน (ที่ในสายตาของเธอมองว่ามันเป็นยิ้มแหยๆ) มาให้ ... แต่พนักงานต้อนรับไม่ได้มีแค่คนเดียว ดังนั้นเธอจึงไม่โดนใครมาเพ่งเล็งเท่าไรนัก
“ช่วงนี้คุณยอดลงมาที่ฟร้อนท์บ่อยเนอะ” เพื่อนร่วมงานของต้องตาตั้งข้อสังเกต ประเด็นนี้เป็นที่ถกเถียงกันทุกวันจนเธอไม่รู้สึกกระด้างกระเดื่องในใจอีก
“สงสัยอยากจะสร้างความประทับใจกับลูกค้ามั้ง” ต้องตาตั้งข้อสังเกต ในบางทีเธอก็เรียกลูกค้าว่าแขก บางทีก็เรียกว่าลูกค้า แล้วแต่อารมณ์ ณ ตอนนั้น
“หรือว่าเค้าจะติดใจยัยนิว” เพื่อนร่วมงานลดระดับเสียงจนแทบกลายเป็นเสียงกระซิบ “นังนั่นสวยอยู่นะ ดูปากสิ แดงยังกะลูกตำลึง คงจัดเต็มมายั่วคุณยอดแน่ๆ” ต้องตาเขี่ยข้าวในจาน รู้สึกรำคาญบทสนทนานี้ แต่ก็ทำให้แค่ยิ้มและพยักหน้าหงึกๆรับคำ
เสียงเพจเจอร์ดัง บี๊บ... ต้องตาหยิบมาเปิดอ่านข้อความ “มีลูกค้าคอมเพลน ไปก่อนนะ” เธอลุกไปทันทีไม่ต้องรอคำอนุญาต
“เดี๋ยวนี้ยัยตาต้องไปทำคอมเพลนด้วยเหรอ พนักงานโรงแรมขาดแคลนขนาดนั้นเลยรึไง” หนึ่งในบรรดาเพื่อนร่วมงานบ่น
“แหมแก ทำเป็นไม่เคย ชั้นยังเคยไปเช็ดกระจกประตูทางเข้าโรงแรมเลย” พนักงานบาร์เทนเดอร์บ่นอุบ
ต้องตาเดินมาตามทาง และหยุดยืนหน้าห้องลูกค้า เคาะประตูแล้วเดินเข้าไปอย่างใจเย็น
“คุณยอดเรียกดิชั้นมา ต้องการให้ช่วยอะไรรึเปล่าคะ” เธอรักษาระยะ
“นั่งก่อน” ผู้เป็นนายยิ้ม “อย่าเพิ่งพูดจาห่างเหินกันแบบนี้สิ”
ต้องตานั่งลงตามคำเชิญ นึกถึงข้อความในเพจเจอร์ “ครบกำหนดให้คำตอบแล้ว มาเจอกันที่...” ท่านั่งหลังตรงได้มาตอนที่เธอเป็นพนักงานต้อนรับของสายการบินหนึ่ง ที่นักบินเจ้าชู้และมือไวดุจปลาหมึก เมื่อหมดสัญญา ต้องตาไม่ต่อสัญญาและไม่ไปสมัครที่อื่นอีก แต่บุคลิกที่ได้รับการปลูกฝังมันยังติดตัวเธอมา “ผมหวังว่าคุณจะจำได้...”
“จำได้ค่ะ” ต้องตายอมรับ เธอไม่มีความจำเป็นต้องเฉไฉ ผู้ชายคนนี้เป็นคนตรงๆ หรืออีกนัยน์หนึ่ง อาจจะเป็นคนซื่อแบบที่เขากล่าวอ้างก็ได้ “แต่ดิชั้นยังไม่เข้าใจว่า คุณยอดชอบอะไรในตัวดิชั้นนักหนา” น้ำเสียงที่ออกมาราวกับกำลังคิดว่าโชคชะตากำลังเล่นตลก
“ต้องมีเหตุผลด้วยเหรอครับ” ยอดเยี่ยมสบตา ผิวสีน้ำผึ้งเนียบเรียบเสริมให้ใบหน้านั้นสละสวยยิ่งขึ้น ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเดินผ่านเธอไปได้แบบไม่ต้องหันไปมองเลยสักครั้ง
“แต่...” ต้องตาพยายามเอ่ย แต่ก็ไม่มีคำไหนหลุดมาอีก
“ผมรู้ คุณกำลังตกใจ คุณกำลังคิดว่าผมกำลังปั่นหัวคุณเล่น”
“แล้วดิชั้นไม่ควรคิดอย่างนั้นเหรอคะ” สำหรับต้องตาแล้ว ผู้ชายที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมแบบนี้ น่าจะมีคนที่คบหาอยู่แล้ว การมาหาเธอนั้นก็เหมือนมาหาขนมหวานทานแก้เลี่ยนคั่นเวลา
“ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น” ยอดเยี่ยมนั่งท่าที่สบายขึ้น มองลึกไปในสายดำขลับของหญิงสาว “ผมหมายถึง ผมไม่มีใคร ไม่มีแฟน ผมจีบผู้หญิงไม่เป็น ชอบผมก็บอกว่าชอบ”
“คุณกำลังทำให้ดิชั้นกลัว” ต้องตาชิงพูดความจริง
“ผมรู้ ผมขอโทษ” ยอดเยี่ยมพูดอย่างจริงใจ ต้องตาปฏิบัติกับชายตรงหน้าเยี่ยงชายหนุ่ม มิใช่เจ้านายกับลูกน้อง ลักษณะการข่มขวัญนั้นเกิดขึ้นเองตามสัญชาติญาณการป้องกันตัว เธอไม่ใช่หญิงสาวัยแรกแย้ม ปีนี้เธออายุ 32 แล้ว แต่ผู้ชายตรงหน้า เด็กกว่าเธอราว 6 หรือ 7 ปีเห็นจะได้
“แต่ดิชั้นแก่กว่าคุณ” ต้องตาพูดความในใจ “มีคนที่สวยกว่าดิชั้น คุณสมบัติดี เพียบพร้อมกว่าดิชั้นเข้าแถวให้คุณเลือกเยอะแยะ ทำไมคุณจะต้องมาสนใจคนธรรมดาอย่างดิชั้นด้วยล่ะคะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่หากฟังผ่านๆจะดูเหมือนว่าเธอเป็นคนก้าวร้าวแข็งกระด้างอยู่ในที
“ความชอบมันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ” ยอดเยี่ยมแย้ง “อย่างผมชอบกินขนมปังหน้าหมู มากกว่าขนมปังกระเทียม ผมต้องบอกเหตุผลกับทุกคนด้วยเหรอ” เขายกกาแฟขึ้นมาจิบ จ้องหน้าของหญิงสาวที่ทำท่าจะค้าน แต่ก็ไม่พูดอะไร
“ที่ผมเชิญคุณมาวันนี้ ผมยังไม่ได้อยากได้คำตอบหรอก ว่าคุณจะให้ผมจีบคุณได้ไหม” ต้องตาฟังแล้วขวมดคิ้วทันที ถ้าไม่ต้องการคำตอบแล้วจะเรียกมาทำไม... “แต่ผมอยากให้คุณช่วยผม ว่าถ้าผมจะจีบคุณผมต้องทำยังไงบ้าง”
ต้องตารู้สึกว่าตัวเองกำลังรับมือกับคนที่พูดยากยิ่งกว่าลูกค้าคอมเพลนว่าผ้าเช็ดตัวของโรมแรมมีขนาดไม่เท่ากันเสียอีก...
***********************************************************************