Chapter 18
เกิดมาเพื่อพบกัน
ในตอนแรก พวกพี่ๆตัดสินใจว่าจะกลับที่พักกันเลยเพราะอาการบาดเจ็บของผม แต่ผมค้านเอาไว้ ค่าตั๋วเข้าที่นี่มันแพงหูฉี่แล้วพวกเขาเพิ่งจะเริ่มต้นเล่นกันแค่อย่างเดียว ถ้ากลับกันเลยกลายเป็นว่าจะไม่สนุกกันซะเปล่า
พี่กันเลยตัดสินใจว่าจะพาผมไปคลินิกก่อนแล้วหลังจากนั้นค่อยกลับที่พัก เพราะเราเอารถมาคันเดียว ผมกับพี่กันเลยต้องอาศัยรถสองแถวคันเล็กของทางไร่
บรรยากาศรอบๆข้างเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ผมนั่งตรงกันข้ามกับคนตัวสูงที่เหม่อมองออกไปนอกตัวรถ เสียงจิ้งหรีดเรไรดังตลอดสองข้างทางระหว่างที่รถค่อยๆขับไป อาการแสบแผลของผมเริ่มจะระบมมากขึ้น มีบางครั้งที่เผลอเอามือไปจับผ้าพันแผลเพราะมันปวดจี๊ดขึ้นมา
เหมือนพี่กันจะสังเกตเห็นว่าผมเจ็บแผล เขาเลยย้ายมานั่งฝั่งเดียวกับผมแล้วคอยดูคอยเช็คผ้าพันแผลให้
“เจ็บเหรอ เดี๋ยวกลับที่พักไปกินยาแก้ปวด”
“ผมขอโทษนะ”
“ขอโทษทำไม”
“ทำทริปกร่อยเลยอ่ะ”
“มันเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดทั้งนั้นแหละ”
ถอนหายใจออกมาเบาๆ
บางทีก็เบื่อความซุ่มซ่ามของตัวเอง ถึงพี่กันจะพูดว่ามันเป็นอุบัติเหตุก็เถอะ
ทางเข้ามาที่ไร่ค่อนข้างขรุขระพอสมควร แถมกว่าจะออกไปถึงคลินิกก็ต้องใช้เวลาเป็นหลายชั่วโมง การนั่งอยู่เฉยๆมันทำให้คอยพะวงเรื่องแผลที่เจ็บ ผมเลยหยิบหูฟังขึ้นมายัดใส่หูแล้วเปิดเพลงกล่อมตัวเอง
หันไปมองคนตัวสูงที่นั่งอยู่ด้านข้าง เห็นพี่กันหลับตาเพื่อพักสายตาอยู่ เลยยื่นหูฟังอีกข้างให้กับเขา
“ฟังมั้ย”
พี่กันรับไปใส่หูตัวเองแต่โดยดี เพลงเบาๆสบายๆ เข้ากับบรรยากาศตอนกลางคืนแบบนี้มาก ผมสูดกลิ่นเขียวๆของต้นหญ้าเข้าปอด เพราะเส้นทางนี้ไม่ค่อยมีรถเข้าออก เลยไม่มีกลิ่นควันรถคอยกวนจมูก จะมีก็แต่กลิ่นน้ำหอมของคนข้างตัวนั่นแหละที่คอยกวนใจอยู่ตลอด
เวลาได้อยู่ข้างๆเขาแบบนี้แล้ว
มันรู้สึกหลายๆอย่าง ทั้งอบอุ่น ทั้งมีความสุข
ผมไล่ดูเพลงในโทรศัพท์ เลือกเพลงภาษาญี่ปุ่นจากภาพยนตร์อีกเรื่องที่ผมชอบ แต่เป็นเวอร์ชั่นที่มีคนเอามาร้อง cover เอาไว้ ซึ่งผมชอบความนุ่มในเนื้อเสียงของคนร้องเอามากๆเลย
Suki dayo tte kimi no kotoba Uso mitai ni ureshikute
Marude chigatte mieru Itsumo miageru sora mo
Gita wo oshiete kureru yubisaki
Tsutawaru nukumori sono yokogao mo Tokubetsu ni kawaru “แปลให้ฟังหน่อย”
น้ำเสียงทุ้มๆเอ่ยขึ้น พร้อมกับท่อนฮุคของเพลงที่ดังขึ้นมาพอดี
Kimi ga iru dake de Arifureta hibi mo
“แค่มีเธออยู่ด้วย แม้มันจะเป็นวันที่ธรรมดา” Ippun Ichibyou Subete itoshikunaru
“ไม่ว่าจะหนึ่งนาที หนึ่งวินาที ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็นความรัก” Ima kono shunkan Jikan ga tomaru nara
“ในตอนนี้ ถ้าเวลามันหยุดลง” Dakishimete Gyutto Gyutto Hanasanaide
“ช่วยกอดฉันไว้แน่นๆ อย่าปล่อยเด็ดขาดเลยนะ” ผมหันไปยิ้มให้กับเขา เพลงนี้เป็นหนึ่งเพลงที่ผมชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง พอได้รู้ความหมายของมัน ก็ยิ่งตกหลุมรักมันมากขึ้นไปอีก
หวังว่าพี่กันจะชอบมัน
เหมือนกับที่ผมชอบ
พี่กันนั่งฟังเพลงไปเงียบๆ จนกระทั่งถึงท่อนที่เพลงใกล้จะจบ
Kimi to deau tame Umaretekitan da
“ฉันเกิดมาเพื่อจะได้พบกับเธอ” Sekai de ichiban watashi Shiawase dayo
“ฉันมีความสุขที่สุดในโลกเลย” Ashita taiyou ga Noboranai toshitemo
“แม้ว่าพรุ่งนี้ดวงอาทิตย์จะไม่ขึ้นก็ตาม” Afureru ai ni Tsutsumareteita kara
“เพราะความรักมันปกคลุมอยู่ยังไงล่ะ” พอเพลงจบปุ๊บ มือของคนตัวสูงก็สัมผัสลงที่ท้ายทอยของผม ดึงเข้าไปใกล้ตัว
มากไปกว่านั้น
ริมฝีปากของเขาสัมผัสลงมาบนริมฝีปากของผม เบาบางและนุ่มนวลราวกับกลัวว่าผมจะแตกสลายหายไป
ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ไม่ทันได้เตรียมใจอะไรทั้งนั้น เหมือนกับเวลารอบๆตัวหยุดลงชั่วครู่ เหมือนกับลมหายใจของผมหยุดนิ่งไปแบบกระทันหัน
เป็นเวลาค่อนข้างนานที่ริมฝีปากนุ่มๆของเขาสัมผัสลงมา ผมกลั้นหายใจจนแทบจะหมดลม พี่กันค่อยๆถอนริมฝีปากของตัวเองออกอย่างเชื่องช้า มือเกลี่ยปรอยผมของผมขึ้นไปทัดหู ฝ่ามือของเขาคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มผมไม่ยอมถอยห่าง
“แม่ง” ลมหายใจอุ่นๆของเขาเป่ารดอยู่ที่ปลายจมูกของผม
เราใกล้กันมากเกินไป
และหัวใจผมคงจะเต้นดังมาก
ดังกว่าเสียงจิ้งหรีดอีกล่ะมั้ง
ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้าแบบไหนออกไป รู้แค่ว่านี่เป็นครั้งแรกเลยที่สามารถจ้องนัยน์ตาสวยๆของเขาได้นานกว่าปกติ มันเหมือนกับว่า เราสามารถคุยกันผ่านทางสายตาได้อย่างนั้นแหละ
คนตัวสูงเป็นฝ่ายหันหน้าไปก่อนในคราวนี้ พี่กันกุมมือของผมเอาไว้แน่นแล้วมองตรงไปด้านหน้า ส่วนผมทำได้แค่เม้มริมฝีปากของตัวเองแล้วนั่งก้มหน้าอยู่เงียบๆ
จูบแรกของผมกับเขา
เหมือนจะขาดใจตายเลยจริงๆ
“นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว ภาษาญี่ปุ่นก็เก่ง” เขาโพล่งขึ้นมาขัดบรรยากาศกระอักกระอ่วนระหว่างเราสองคน ผมสะอึกแล้วน้อยแล้วหันไปตอบ
“ไม่หรอก ผมกำลังเรียนอยู่ต่างหาก”
“เก่งดิ นอกจากนั้น เรื่องทำตัวน่ารักเนี่ย เก่งเป็นที่หนึ่งเลยจริงๆ”
พี่กัน…
ไอ้พี่บ้า
“หายตกใจหรือยัง ที่ล้มอ่ะ”
“หายแล้ว”
“แต่กูยังไม่หายเลย”
หันไปมองหน้าเขา
“เหรอ”
“อือ ตอนนั้นคิดแต่ว่า อยากจะวาบไปรับมึงแทนคอนกรีตอ่ะ”
ผมหัวเราะเบาๆ
“ถ้าทำแบบนั้นพี่ก็เจ็บดิ”
“ไม่เห็นจะสนเลย”
“แต่ผมสนนะ”
มือของผมบีบตอบฝ่ามืออบอุ่นของพี่กัน ถ้าผมเห็นเขาเจ็บ ผมคงทนไม่ได้ ตอนนั้นที่เขาเข้าโรงพยาบาล ผมยังแทบจะทนไม่ได้เลย
“เพราะถ้าพี่เจ็บ ผมก็จะเจ็บมากกว่าพี่ไง”
“ถ้าไม่หยุดพูดกูจะกินหัวมึงเข้าไปตอนนี้เลยอ่ะตัวนิ่ม”
ไม่พูดแล้วก็ได้
“แล้วตกลงเพลงเมื่อกี้คือเพลงอะไร” พี่กันถาม แต่ผมไม่ตอบ เขารอฟังคำตอบอยู่ พอเห็นว่าผมไม่พูดเขาเลยแยกเขี้ยวแล้วบีบหลังคอผม ผมรีบหดคอเป็นเต่า
“ทำไมไม่พูด”
“ก็พี่บอกว่าถ้าพูดจะกินหัว”
“กูหมายถึงหยุดจีบกู ไม่ได้สั่งให้หยุดพูดไปเลย”
ใครจะไปรู้ล่ะ เกิดพี่กินหัวผมขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง ไอ้คนใจบาป
“กวนส้นตีนจริงๆ”
แลบลิ้นใส่เขาก่อนจะเปิดมือถือโชว์ชื่อเพลงให้พี่กันดู
“Aiokuri แปลว่าส่งความรัก มันเป็นเพลงประกอบละครญี่ปุ่นเรื่องนึงที่พระเอกย้อนเวลากลับไปหานางเอก คล้ายๆ About Time นั่นแหละ”
“กูไม่เคยดู”
“พี่เคยดูอะไรบ้างในชีวิตนี้นอกจาก…”
“หนังโป๊”
ไอ้บ้าพี่กัน!
ผมตีแขนเขาแรงๆ พี่กันหัวเราะเหมือนมีความสุขที่ได้แกล้งผมจนหน้าเหวอ
“ผมแค่คิดว่า คนสองคนจะเจอกันด้วยเหตุผลอะไร แล้วทำไมเรารู้สึกผูกพันกับเขา ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกัน มันเหมือนกับว่ารู้สึกคุ้นเคยอะไรแบบนั้น”
ทั้งๆที่มันไม่มีเหตุผลเลยสักนิด แค่จ้องตาก็ดันตกหลุมรักเขาเนี่ย
เขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ผมก็ดันชอบเขาแบบไม่มีเหตุผล ก็เลยคิดว่ามันคงมีอะไรบางอย่างที่เชื่อมเราสองคนเข้าด้วยกัน ประมาณนั้นล่ะนะ
“ชอบดูหนังรักจริงๆนะเราอ่ะ”
อือ ผมชอบดูหนังรัก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งสวยงามนะ
“ผมว่าผมจะเปลี่ยนมาดูหนังผีแล้วอ่ะ”
“อือ ผีแรกเลยก็ ผีอยากขอกอดทม”
“ห้ะ” ผีอยากขอกอดทมคืออะไร
“ผมอยากขอกอดที”
พี่กัน…
“เป็นบ้าเหรอ”
กว่าจะกลับถึงบ้านพัก พวกพี่ๆก็มาถึงกันก่อนแล้ว เห็นพี่หมอสี่นั่งหน้าซึมๆเอาขาจุ่มน้ำอยู่ริมสระ ผมเลยเดินเข้าไปทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างทั้งๆที่ตอนแรกอยากจะขึ้นไปซุกตัวลงบนที่นอน
“โอเคมั้ย” เขาถามขึ้น ผมพยักหน้าตอบ
นอกจากพี่กันแล้ว มีอีกหนึ่งคนที่ผมเริ่มจะคุ้นชินกับเขามากเป็นพิเศษก็คือผู้ชายที่หน้าตาเหมือนเต้าหู้ไข่คนนี้นี่แหละ ไม่รู้ทำไมการคุยกับพี่หมอสี่ถึงทำให้ผมรู้สึกสบายใจ
อาจจะเป็นเพราะครอบครัวของเราตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันล่ะมั้ง
แล้วเขาก็เหมือนจะเป็นพี่ชายที่ดีมากๆด้วย
“ไอ้กันล่ะ”
พี่หมอสี่ถาม ผมพะยักเพยิดหน้าไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน เห็นว่าคุยเรื่องสำคัญกับทางบ้านอยู่ ผมเลยเดินเข้ามาก่อน
“พี่โอเคมั้ย ทำไมดูไม่ค่อยดี” คนด้านข้างสะดุ้งเล็กน้อยที่ได้ยินผมถามออกไปแบบนั้น ริมฝีปากฉีกยิ้มจางๆออกมาเหมือนมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ
“ไม่มีไรหรอก”
“จริงเหรอ”
“อือ เฟลๆนิดนึง”
“เฟลไรอ่ะ”
“แล้วทำไมต้องไปอยากรู้อยากเห็นเรื่องของมันล่ะ” พี่กันแทรกขึ้นมา ผมหันไปทำหน้าบูดใส่เขา ถ้าผมอยากรู้อยากเห็นแล้วจะทำไมเล่าไอ้พี่บ้า
“ก็ผมเป็นห่วงนี่”
“ทะเลาะกับแฟนล่ะมั้ง ทำไม มันทำไรมึงอีก” คนตัวสูงนั่งลงด้านข้างผม กลายเป็นว่าตอนนี้พี่หมอสี่กับพี่กันนั่งประกบผมอยู่
ผมไม่เข้าใจว่าพี่กันกับพี่หมอสี่กำลังคุยเรื่องอะไรกัน เลยได้แต่นั่งฟังเงียบๆ
“ไม่มีไร”
“หมอ กูไม่ชอบคนโกหก”
“ก็เรื่องเดิมๆ”
“ไอ้เรื่องเดิมๆเนี่ย คือมันทำไม” พี่หมอสี่เม้มริมฝีปากแน่น ยังไม่ทันจะได้พูดคุยอะไรกันมากกว่านี้ โทรศัพท์ของพี่หมอก็ดังขึ้นมา เหมือนจะเป็นไลน์คอล ภาพที่ปรากฎบนหน้าจอทำเอาผมขมวดคิ้ว
เดี๋ยวนะ
หน้าตาคุ้นๆแฮะ
นั่นมันลุง…
“มีอะไร” ผมยังไม่ทันจะได้พูด พี่หมอก็กดรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป
“แล้วเป็นบ้าอะไรต้องมาขึ้นเสียงใส่กู เป็นโรคเหรอ ถ้าเป็นโรคก็ไปหาหมอ”
“กูไม่ใช่หมอ กูเป็นนักศึกษาแพทย์ที่กำลังเรียนอยู่ และยังต้องเรียนอีกหลายปี!!”
ผมกับพี่กันมองหน้ากันแล้วกระพริบตาปริบๆ
ในมโนภาพของผม พี่หมอสี่เป็นคนนุ่มนิ่มเรียบร้อยเหมือนเต้าหู้ไข่ แต่ตอนนี้ที่ผมเห็นอยู่ คือร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่เวลาโมโหดูไม่ต่างอะไรจากนักเลง
พี่กันดีดนิ้วดังเป๊าะๆบอกว่าต้องการจะคุยกับทางปลายสาย พี่หมอสี่เลยส่งให้แบบว่าง่าย คนตัวสูงกรอกเสียงเย็นๆโมโนโทนลงไป
“มึงทำอะไรเพื่อนกู กลับไปเดี๋ยวจะเจอดี”
“อือ พูดไรหัดคิดบ้าง คนฟังมันเสียใจ ถ้าไม่ขอโทษมันดีๆกูตบบ้องหูอ่ะเอาจริง”
หูย
น่ากลัว
พูดจบเขาก็คืนโทรศัพท์ให้พี่หมอพลางยักคิ้วหลิ่วตาใส่ผม ความเถื่อนของพี่กันน่ะผมค่อนข้างจะชินแล้ว แต่พี่หมอเนี่ย ผมยังไม่ชินเลยจริงๆ
“เออ แค่นี้ แค่นี้ก็แค่นี้ดิ!”
ว่าที่คุณหมอวางสายไปเหลือทิ้งเพียงความโมโหที่ยังปรากฎอยู่บนหน้า ผมเงยหน้ามองพี่หมอสี่ พอเขาเห็นว่าผมมองอยู่เจ้าตัวเลยหันกลับมายิ้มหวานให้
ไอ้หยา
นี่มันหมาจิ้งจอกในคราบลูกแกะชัดๆ
“จะว่าไป เมื่อกี้ลุงรหัสหรือเปล่าอ่ะ” ผมเอ่ยปากถามออกไป ทั้งพี่กันและพี่หมอสี่ต่างก็หันขวับมามองหน้ากัน
“ลุงไหน”
“มองผิดป่ะตัวนิ่ม”
“ไม่ผิดนะ หน้าแบบนั้นมีลุงรหัสของผมคนเดียวนั่นแหละ” มองไม่ผิดหรอก ก็เมื่อกี้เขาโทรเข้ามาทางไลน์ เพราะเห็นสองคนปฏิเสธเสียงแข็ง เลยเปิดภาพโปรไฟล์ในไลน์ของลุงรหัสให้ดู
ทั้งโทนสี รูป คือคนๆเดียวกับที่โทรหาพี่หมอสี่เลยครับ
“พี่หมอคบกับลุงรหัสของผมเหรอ”
“เอ่อ” พี่หมอสี่ถึงกับใบ้กินกระทันหัน เป็นพี่กันที่รีบลุกขึ้นยืนแล้วดึงผมกลับขึ้นไปบนห้องโดยไม่ยอมให้ผมได้ถามอะไรต่ออีก
ถ้าพี่หมอสี่คบกับลุงรหัสผมจริงๆ จากที่พี่กันคุยกับลุงรหัสเมื่อกี้ สนิทชิดเชื้อถึงขั้นจะตบบ้องหูกันขนาดนั้น ก็แสดงว่า… พี่กันรู้จักกับลุงรหัส …
อ่า
นี่มันเรื่องอะไรกันนะ
ผมงงไปหมดแล้ว
“ทำไมพี่ถึงรู้จักกับลุงรหัสล่ะ”
เซ้าซี้เขาตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง พี่กันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินไปทิ้งตัวลงบนที่นอน ผมรีบเดินตามเขาแล้วกระโดดไปนั่งอยู่ข้างๆพลางเขย่าตัวเขาแรงๆ
“พี่กัน”
“ตอบนะ”
“ทำไมถึงรู้จักกับลุงล่ะ”
“ไม่รู้ไม่ชี้ไม่สน ไม่คุยด้วย” เขาทำท่าปิดหูแล้วอุดหน้ากับหมอน ยิ่งทำให้ผมโมโหมากเข้าไปอีก
“ถ้าพี่ไม่หันมาคุยดีๆ ผมจะจ้วงไส้บราวน์จริงๆนะ”
“เฮ้ยเดี๋ยว!”
พี่กันรีบกระเด้งตัวขึ้นมา เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้ทำท่าจะจ้วงไส้หมีสุดรักสุดหวงของเขา เขาก็ทำท่าจะล้มตัวลงนอนใหม่ แต่ผมดึงแขนเขาเอาไว้
ยังไงวันนี้ก็ต้องรู้ให้ได้
“ตอบมา!”
“โอเคๆ กูรู้จักกับลุงรหัสของมึงมาตั้งนานแล้ว”
“ตั้งแต่เมื่อไร”
“เป็นปี”
“…” เป็นปีเลยเหรอ ผมกับพี่กันรู้จักกันยังไม่ถึงปีเลยนะ
“มันเป็นน้องรหัสของพี่ชายกู จำได้มั้ย ที่บอกว่ามีพี่ชายหนึ่งคนแต่คนละแม่”
ผมนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อคืนที่เราคุยกัน พยายามจับต้นชนปลายให้ได้
น้องรหัสของพี่ชายของเขา ถ้างั้นแสดงว่า…
“ปู่รหัสเป็นพี่ชายของพี่กันเหรอ”
พี่กันพยักหน้าพลางส่งยิ้มมาให้ รอยยิ้มของเขาทำเอาใจผมกระตุกวูบ
“พี่รู้จักผมมาก่อนหน้านั้นใช่มั้ย”
“อือ รู้จักตั้งแต่มึงไปสอบที่คณะนั่นแหละ”
ย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนที่ผมไปสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยคณะอักษรศาสตร์ มันคือเมื่อปีที่แล้ว และวันนั้นคนเยอะมากๆผมเลยไม่ได้สังเกตผู้คนรอบข้าง พอสอบเสร็จก็รีบกลับพร้อมกับเจ้าเพื่อนตัวแสบเลย
ผมเจอพี่กันครั้งแรกตอนที่เข้ามหาลัยแล้ว แต่พี่กันบอกว่าเขารู้จักผมตั้งแต่ก่อนผมจะเข้ามหาวิทยาลัยอีกนี่มัน…
“ทำไมหน้าแดง”
รู้สึกดีใจสุดๆไปเลยครับ
ดีใจจนทำอะไรไม่ถูกเลย
สั่นไปหมดเลยเนี่ย
ผมได้แต่ใช้ฝ่ามือปิดใบหน้าที่ร้อนผะผ่าวของตัวเองเอาไว้ ถ้าอย่างนั้นเพราะปู่รหัสน่ะเหรอที่เป็นคนบอกพี่กันว่าวันๆหนึ่งผมไปที่ไหนบ้าง ไหนจะเรื่องตารางเรียนของผมที่จู่ๆเขาก็มี แล้วการที่เขาโผล่มาเจอผมในแต่ละที่ มันก็ไม่ใช่เรื่องบัญเอิญ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นความตั้งใจของเขา
อย่างนั้นน่ะเหรอ
ผมไม่พร้อมกับเรื่องแบบนี้จริงๆ
พี่กันน่ะ … จะน่ารักเกินไปแล้ว
“กอด” ฝ่ามืออุ่นๆของพี่กันดึงแขนสองข้างของผมออก เขาดึงผมเข้าไปใกล้
“โอเค กูยอมรับก็ได้”
ยอมรับ? เขาจะยอมรับอะไร
แค่นี้มันก็มากเกินพอสำหรับหัวใจของผมแล้ว
“
กูตกหลุมรักมึงตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ เมื่อตอนมึงไปสอบเข้า ตอนนั้นแหละ”
ใจผมเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ความจริงที่ได้รับรู้มันยิ่งกว่าได้ยินว่าเขาเองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับผม แต่นี่มันมากเกินไป มากจนทำให้ผมแทบจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ
“พี่รักผมตั้งแต่ตอนนั้นเหรอ”
“อือ แล้วหลังจากนั้นก็ตามหามึง”
เขารักผม ก่อนที่ผมจะตกหลุมรักเขาอีก
นี่ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า
มันใช่เรื่องจริงมั้ย
“ยิ่งพอรู้ว่าได้อยู่สายรหัสเดียวกับปู่รหัสของมึงแล้ว ยิ่งดีใจโคตรๆ”
“ตอนนั้นคิดแต่ว่า ในที่สุด… กูก็ตามหามึงเจอแล้วนะ”
“พอได้รู้ว่ามึงเองก็ชอบกู”
“มันดีสุดๆไปเลยว่ะ”
“รักนะครับ กอดของกัน” ริมฝีปากของพี่กันกดลงบนหลังมือของผมเบาๆค้างไว้แบบนั้น หัวใจที่สั่นราวกับจะตายให้ได้ทำให้ผมไม่กล้าที่จะลดฝ่ามือของตัวเองลงจากใบหน้า
ผมเคยเชื่อเสมอว่าความบังเอิญมักจะเกิดขึ้นในสามครั้ง แต่พี่กันกลับเปลี่ยนความเชื่อเหล่านั้นไปแทบจะทั้งหมด ยิ่งพอได้ยินเรื่องนี้แล้ว ยิ่งทำให้ผมเชื่อว่า
ความบังเอิญ มันเกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียว แต่หลังจากนั้น ล้วนเป็นความตั้งใจของใครคนใดคนหนึ่งเสมอๆ
เสียงเพลงที่เพิ่งได้ฟังไปย้อนกลับเข้ามาในโสตประสาทผมอีกครั้ง พร้อมกับอ้อมแขนกว้างๆของพี่กันที่สวมกอดเอว ของผมไว้หลวมๆ
Kimi to deau tame Umaretekitan da
ฉันเกิดมาเพื่อจะได้พบกับเธอ
…
Sekai de ichiban watashi Shiawase dayo
ฉันมีความสุขที่สุดในโลกเลย
ผมย้อนกลับไปคิดถึงวันแรกที่ได้เจอกับพี่กัน นัยน์ตาสีสวยของเขาที่จ้องมองมา มันเป็นเรื่องบังเอิญสำหรับผมที่ได้เจอกับเขาและตกหลุมรักเขา
แต่สำหรับเขา ผมไม่รู้เลยว่าครั้งนั้น เป็นครั้งที่เท่าไรที่เราได้เจอกัน
“เฮ้ยๆ หนังสือหล่นอ่ะ”
“ขอบคุณครับ”
หลังจากที่เราสองคนหันหลังเข้าหากันแล้ว ผมไม่เคยรับรู้เลยว่าประโยคต่อมาที่เขาพูดขึ้นท่ามกลางคนมากมายที่เดินสวนกันบนสถานีรถไฟฟ้า
คือคำว่า
“คิดถึงนะ รู้มั้ยวะ”// พูดแบบนี้ก็เปลี่ยนชื่อเรื่องจาก Likeกัน เป็น Missกอด เลยไป เหม็นฟามรัก!
เพื่ออรรถรส เปิดเพลงหน้าบทความฟังไปด้วยจะดีมากกก
Facebook : Jiwinil Twitter : jiwinil_
ขอบคุณทุกๆคนที่รักและเอ็นดูกอดกันนะคะ สำหรับคนที่อยากอ่านพาร์ทของพี่กัน
จะบอกว่า ... coming soon เด้อ