- 2 -
สถานที่ผมรับทำงานพิเศษนั้นเป็นร้านอาหารขนาดใหญ่ครับ มีอาหารทุกประเภท ตั้งแต่ไข่มดแดงยันหูฉลาม บรรยากาศในร้านก็แบ่งออกเป็นโซนๆ จะนั่งกินลมชมวิวข้างนอก จัดเลี้ยงในสวน จองห้องร้องคาราโอเกะก็ตามแต่สะดวก
“หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้พวกพี่ๆทันทีที่เข้ามาหลังครัว พนักงานเยอะแยะกันให้วุ่น ซึ่งปกติมันก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วโดยเฉพาะวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์
แต่วันนี้มันวันอังคารนี่หว่า
“มาก็ดีละโม สายตลอดเลยนะยะ...เอาทอดมันกุ้งไปเสิร์ฟโต๊ะ11 ด่วนๆเลย” พี่ดาวซึ่งเป็นแม่ครัวมือรองหันมายัดจานใส่มือผม และเท่านั้นยังไม่พอ “สปาเก๊ตตี้คาโบนาร่าโต๊ะ3 ข้าวผัดรวมมิตรโต๊ะ7 ซูชิโต๊ะ15 ทั้งหมดนี้โซนBนะ”
พี่ดาวเรียงจานทั้ง4ใส่แขนผมอย่างละ2ข้าง ไม่อยากจะอวดเลยว่าเป็นเด็กเสิร์ฟนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ ต้องฝึกการทรงตัว การถือจาน การเติมน้ำ การเก็บจาน การยิ้ม และบลาๆๆๆๆๆ
แรกๆก็ไม่ชิน พาลจะทำจานตกวันละหลายรอบ โดนหักเงินจนแทบไม่เหลือ แต่หลังๆมาก็เริ่มชินและ เดินหลับตายังไหว ต้องขอบคุณพี่น้อยที่ช่วยฝึกผมอีกที
พนักงานเสิร์ฟที่นี่เป็นแหล่งรวมหลายสัญชาติครับ ไทย เขมร ลาว พม่า มาเลย์ หรือแม้แต่ฝรั่งก็ยังมี เพราะร้านอาหาร ‘กุ้งเต้น’ เป็นร้านอาหารที่ใหญ่และเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว จึงมีลูกค้ามากมายที่พากันมากิน ดังนั้นพนักงานก็ต้องเยอะตามไปด้วย
ผมเดินอย่างระมัดระวังไปที่โซนB แต่ระยะทางนั้นไม่ใช่ใกล้ๆ ผมต้องพยายามเกร็งแขนและหลังตรงเพื่อไม่ให้จานทั้ง4ที่อยู่บนแขนหล่น (เพราะมันจะทำให้ผมอายและยังต้องโดนหักเงินอีก)
และในที่สุดผมก็เดินทางถึงโต๊ะแรก เสิร์ฟสปาเก๊ตตี้ร้อนๆที่โต๊ะ3 ต่อด้วยข้าวผัดรวมมิตรที่โต๊ะ7 ตามด้วยทอดมันกุ้งโต๊ะ11 และจานสุดท้ายซูชิที่โต๊ะ15 ผมเดินอย่างสบายๆเพราะเหลือแค่จานเดียวในมือ ผมมองเห็นโต๊ะ15แล้ว โต๊ะนั้นเป็นโต๊ะใหญ่ น่าจะราวๆ10คนได้
“ซูชิครับ” ผมพูดพร้อมกับวางจานซูชิที่จัดแต่งอย่างดีแล้วสอดใบสั่งอาหารไว้ใต้โต๊ะ เพื่อเป็นการยืนยันว่าได้รับอาหารแล้ว
พอผมเงยขึ้นมาก็พบกับสายตาคู่หนึ่ง เราสบตากันไม่ถึง0.23วินาที ผมก็เป็นฝ่ายหลบไป
ไอ้โท...
คาดว่ามันคงมากับครอบครัว เพราะที่โต๊ะเต็มไปด้วยผู้ใหญ่ทั้งนั้น
“พี่ดาว เดี๋ยวผมขอไปช่วยโซนAนะ” ผมกลับเข้ามาในครัวก็ตรงดิ่งไปหาพี่ดาวทันที พี่ดาวทำหน้างงๆแต่ก็ยัดจานนู่นนี่นั่นมาวางเต็มแขนผมไปหมด
“ระวังอย่าให้ล้มล่ะ” ผมยิ้มรับก่อนจะไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
ถามว่าทำไมถึงขอย้ายไปช่วยโซนAงั้นเหรอ?
คำตอบคือ...ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอมันตอนนี้
จากสายตาที่ผมกับมันต้องกันไม่ถึง0.23วินาทีนั้น ผมไม่สามารถบอกได้ว่ามันคิดอะไรอยู่ถึงได้มากินร้าน ‘กุ้งเต้น’ แห่งนี้ ทั้งๆ มันไม่เคยมากินเลยสักครั้ง และร้านอาหารก็มีเยอะแยะมากมาย ทำไมต้องมากินในวันที่ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเองถูกเอารูปไปโพสขายนวดในเว็บเกย์
ผมพยายามที่จะไม่คิด แต่มันยากนะครับ ห้ามความคิดตัวเองเนี่ย
เฮ้อออออ ตั้งใจทำงานดีกว่า เดี๋ยวจานหล่นละโดนหักค่าจ้างอีก
ผมเลิกงานตอนตี1ครับ แต่ที่ร้านนั้นปิดเที่ยงคืน ผมซึ่งเป็นพนักงานก็ต้องเก็บกวาดร้านให้เรียบร้อยก่อนกลับ ไม่งั้นอาจโดน เฮียโกวเจ้าของร้านโบกหัวทิ่มได้ ผมไม่ได้เวอร์นะ เฮียแกตบหัวทิ่มดินจริงๆ ผมเห็นมากับตา ไม่สิ...ไม่ใช่แค่ผม พนักงานทั้งร้านเห็นคาตาเลย ไอ้คนที่โดนเฮียตบหัวทิ่มเป็นพม่า เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือนก็ริลองของ โดยการขโมยทิปรวมของพนักงาน (ไม่ว่าลูกค้าโต๊ะไหนจะให้เยอะให้น้อย หรือให้กับคนไหนก็ต้องนำทิปนั้นมาหยอดใส่กล่อง แล้วหารกันสิ้นเดือนครับ) เฮียโกวเรียกพนักงานทุกคนมารวมกัน แล้วแกก็เรียกพม่าคนนั้นออกมาข้างหน้า ไม่พูดพร่ำทำเพลง เฮียแกตบจนพม่าคนนั้นล้มลงไปนอนกับพื้น เฮียแกตะคอกเสียงดัง แล้วเรียกการ์ดมาจับพม่าคนนั้นโยนออกไปนอกร้าน
พนักงานทุกคนในร้านถึงกับอึ้ง แต่ก็อย่างว่าละครับ เป็นหัวหน้าคนก็ต้องคุมให้อยู่
ผมนับถือเฮียโกวนะ ถ้าไม่มีเฮียป่านนี้ผมก็คงทำงานอยู่ในห้าง ที่แบบทำงานหนักแต่ได้แค่ชั่วโมงละ38-40บาท งานที่ร้านหนักก็จริง แต่เฮียแกมีข้าวมีน้ำ ที่ไม่ใช่ของเหลือจากในครัว มาให้พนักงานกินเสมอ แถมค่าแรงก็ยังได้วันละ500บาทแลกกับการทำงานตั้งแต่6โมงเย็นจนถึงร้านปิด ได้พักเหนื่อยครึ่งชั่วโมง ค่ารถก็ไม่ต้องเสียเพราะร้านมันอยู่ใกล้กับหอพักผม เดินทะลุซอยหลังหอไม่กี่เมตรก็ถึงแล้ว ได้วันละ500บาท ค่ารถค่าข้าวไม่ต้องเสียสามารถทำงานได้ทุกวัน เดือนนึงมี30วัน 500คูณ30 เท่ากับเดือนนึงผมได้ 15,000 บาท นี่ยังไม่รวมทิป สวัสดิการ และเดือนนึงสามารถหยุดได้3วันแต่ยังได้ค่าแรงตามปกติ คุ้มสุดคุ้มครับกับคนที่ยังเรียนไม่จบและหาเลี้ยงตัวเองอย่างผม
“ไอ้เตี้ยโม ถ้าพรุ่งนี้มาสายอีก เฮียจะหักค่าแรงแกจริงๆนะโว๊ย” ขณะที่ผมกำลังเช็ดโต๊ะอยู่นั้น เสียงบุรุษของผู้ที่เป็นเจ้าของร้านก็ดังขึ้น
กรรม เฮียโกวเห็นได้ไงว๊า ผมอุตส่าห์ย่องเข้ามาแล้วนะ
“15นาทีเองเฮีย”
“15นาทีก็ไม่ได้โว๊ยยยยย!! หอก็อยู่ใกล้ เสือกมาทำงานสายอีก”
“ขอโทษครับเฮีย ผมรีบสุดๆแล้ว แต่พอดีที่คณะมีประชุมนิดหน่อย ผมเลยมาสาย” ผมตอบกลับไป
ท่านผู้อ่านคงคิดว่าผมโกหกเฮียล่ะสิ เพราะว่าตอนเปิดเรื่องผมกำลังนั่งเล่นคอมอยู่ที่หอใช่มะ? แต่นั่นผมใช้เวลาไม่ถึง10นาทีเลยน้า แล้วที่คณะผมก็มีประชุมจริงๆด้วย
“เออๆ จะมาสายก็โทรบอกหน่อยสิวะ ติดธุระที่คณะอะไรก็ว่าไป”
“คร้าบเฮีย”
เฮียโกวก็เป็นคนแบบนี้แหละครับ แข็งนอกนุ่มใน ถึงผมจะมาสายบางครั้ง...เอ่อ...หลายครั้ง...เอ่อ...บ่อยครั้งก็ได้ ถึงผมจะมาสายบ่อยครั้ง แต่ผมก็ไม่ได้สายแบบน่าเกลียดนะครับ แค่สาย 10-15นาทีแค่นี้เอง เฮียบอกจะหักค่าแรงผมแบบนี้มาร้อยรอบแล้วล่ะ แต่ผมไม่เห็นแกจะหักจริงๆซะที
“แล้วจะเอาค่าแรงของวันนี้เลยหรือให้โอนเข้าบัญชี”
“เข้าบัญชีครับ”
“เออๆ เก็บไว้เงินน่ะ ไม่เน่าไม่บูดหรอก”
“ครับ...ผมไปก่อนนะครับ พรุ่งนี้เรียนตั้ง8โมงเช้า” ผมยกมือไหว้ก่อนจะเดินออกมาจากร้าน และตรงไปยังซอยหลังหอเพื่อกลับไปนอน
ทางข้างหน้ามืดมิด แสงไฟกระพริบริบหรี่ข้างทาง เสียงแมลงร้อง พุ่มหญ้าข้างทางสั่นไหวเพราะลมอย่างรุนแรง บรรยากาศเงียบเหงาวังเวงสุดๆ
แต่ผมก็ชินซะแล้วละครับ ซอยทางลัดหลังหอนี้มันเปลี่ยว ผมรู้และหลายๆคนก็เตือนด้วยความหวังดี แต่ผมไม่อยากใช้ทางปกติที่มันต้องเดินอ้อมไกลนี่นา ตั้ง3ป้ายรถเมล์ ถ้าขึ้นรถเมล์ก็ต้องเสียเงินอีก สู้เดินทางลัดเอาดีกว่าครับ ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว
อีกอย่างผมเป็นผู้ชาย คงไม่มีใครกล้า...
“ผลัวะ!!”
แรงกระโชกทำให้ผมตั้งตัวไม่ทัน กว่าจะรู้ตัวก็มีอาการชาที่มุมปากและข้างแก้ม พร้อมกับรสสนิมเฝื่อนๆในปากนั้น ผมสะบัดหน้าหันกลับมา หวังจะต่อยคืน แต่เมื่อง้างมือจะต่อย ผมกลับชะงัก
“ไอ้โท...”
“เออกูเอง”
“ไอ้เหี้ย ต่อยกูทำไมวะ!?” ผมตะคอกใส่มันอย่างลืมตัว ผมถุยน้ำลายปนเลือดนั้นลงกับพื้นดิน ก่อนจะเงยหน้าไปสบกับแววตาวาวโรจน์
ไอ้โทผิดปกติ แรงส่งจากหมัดเมื่อสักครู่ทำให้ผมรู้ว่ามันไม่ยั้งมือและต่อยออกมาเต็มแรง
ถึงแม้จะมืดและแสงไฟข้างทางนั้นไม่ช่วยอะไรมาก แต่ผมกลับรู้สึกได้ถึงความกดดัน ความน่ากลัวจากผู้ชายตรงหน้า ซึ่งผมไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง
“หึ! กูลืมให้ทิปว่ะ”
ไม่ใช่เพียงแค่ตอบปากเปล่า มือหนากระชากตัวผมเข้าไปใกล้อีกครั้ง ก่อนจะยัดอะไรบางอย่างลงไปในเป้ากางเกงของผม
“ทิปเหี้ยไรของมึง!!” ผมสะบัดร่างให้ห่างจากมัน ซึ่งมันก็ปล่อยอย่างง่ายดาย
“กูไปละ พรุ่งนี้เจอกัน” ไอ้โทยิ้มและหันหลังเดินกลับไป
ถ้าคำพูดบอกลาและการยิ้มแบบปกติของไอ้โททำให้สาวๆหลงงมงาย
แต่...คำพูดบอกลาและการยิ้มของมันเมื่อกี้ทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัว
เหมือนกับว่าผมไม่เคยเป็นเพื่อนมัน...
สายตาของผมจ้องมองไปยังแผ่นหลังที่เล็กลงเรื่อยๆ ตัดสินใจหันกลับไปยังทางเดินปกติที่วันนี้ไม่ปกติ ผมไม่เข้าใจ...ผมคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น...
ทำไมจู่ๆมันต้องมาต่อยผมด้วย?
ขณะที่เท้าก้าวเดิน สิ่งผิดปกติอีกอย่างที่มันคาอยู่ตรงขอบกางเกงผมอย่างหมิ่นเหม่ก็คือ...
ธนบัตรสีเทายับๆหนึ่งใบ
Next Chapter >> - 3 - (part1)
โอ๊ยยยยย อย่าเพิ่งปาขวดใส่แพรเซ่ แงงงงง หายไปไม่กี่เดือนเองนะ
นี่ไงเค้ากลับมาแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าจะมีคนอ่านอยู่รึเปล่า ช่างแม่มม จะแต่งซะอย่าง
อ้อ นิยายเรื่อง i'm not เปิดโอนรอบ2นะจ๊ะ ยังมีพอมีเวลาโอน
รายละเอียดคลิก
ไม่อยากตอบเลยแหะว่าหายไปไหนมา ทำไมไม่อัพนิยาย
คือแพรเป็นคนขี้เกียจ+ติสสุดๆ ไม่มีอารมณ์แต่งก็จะไม่แต่ง และพักการแต่งนิยายไปยาวๆ
แต่ถ้าวันไหนมีลูกฮึด (อย่างวันนี้) ก็จะพิมพ์อย่างบ้าคลั่ง 555+
คือแพรไม่อยากรับปากว่าจะอัพสม่ำเสมอ เพราะแพรก็ทำอีกอย่างคือเป็นผู้แปล แปลมังงะ วายยย
Pixie MangaTH มังงะแปลไทย [YAOI]
ซึ่งแน่นอนว่าแพรแปลเอง คลีนเอง ใช้เวลาเหมือนกัน (ไอ้นี่ก็ลูกฮึด จู่ๆหันมาแปลมังงะซะงั้นน่ะ!?)
ไงก็เข้าไปเยี่ยมชมได้ รับรองมังงะที่แพรคัดมา ลายเส้นสวย เนื้อเรื่องเยี่ยมครับผม
(แต่การแปลอาจยังติดๆขัดๆ ต้องขออภัย)
สุดท้ายนี้ เวิ่นมาเยอะ
ขอบคุณสำหรับคนที่อ่านมาถึงตรงนี้นะคะ
หากมีคอมเม้นต์ คุณจะเป็นอีกหนึ่งกำลังใจที่ทำให้แพรกลับมาเขียนนิยายหลังจากพักไปหลายเดือน...
รักคนอ่าน♥