ข้าวหอมลูบหัวสัตว์เลี้ยงแสนรักซึ่งเข้ามาประจบเลียจนมือไม้ชุ่มไปด้วยน้ำลาย โดยเฉพาะโจ๋น้อยที่ออกอาการดีใจ กระโดดเกาะหน้าเกาะหลังจนเจ้าของหมั่นไส้
“นี่ถ้าปีนขึ้นหัวฉันได้ แกเป็นปีนขึ้นมาแล้วใช่มั้ยไอ้ดื้อ!”
ร่างโปร่งผลักสุนัขสีขาวด่างลูกผสมพันธุ์บางแก้วออกห่างแล้วเดินขึ้นเรือน
เพียงพ้นบันไดก้าวสู่พื้นกระดาน ขาทั้งสองข้างก็หยุดชะงักในทันที สองตาเบิกกว้างมองแขกอันไม่คาดฝันนั่งหัวโด่มองตรงมาเช่นกัน
“ไอ้หมอ!”
ถ้าทำได้ร่างเล็กก็อยากจะหันหลังวิ่งตามรถสุเทพออกไปด้วยกัน เพราะที่เขาเห็นตรงหน้าคือต้นตอความวุ่นวายที่เกิดขึ้น นายทิเบต...ไอ้หมอภูเขา! ยกโขยงมากันทั้งครอบครัวเลยมั้ง ด้วยเห็นป้านิภากับชายสูงวัยนั่งติดกัน ถัดมาก็เป็นทิเบตนั่งคู่กับหญิงสาวหน้าละหม้ายคล้ายกัน นั่งล้อมวงที่โต๊ะรับแขกขนาดสิบสองคนนั่งในเรือนรับรอง
“ไม่เข้ามาล่ะ”
เสียงกำนันสิงห์เอ่ยปากเรียกบุตรชายยืนตะลึงนิ่งเงียบ
ร่างโปร่งเดินตัวลีบใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปนั่งลงข้างบิดา เงยหน้ามองทุกคนกำลังมองเขาเป็นตาเดียว ข้าวหอมรู้สึกเหงื่อกาฬจับทั่วใบหน้า ลางสังหรณ์บางอย่างร้องเตือนบอกให้เขาระวัง สายตาหวั่นไหวหันมองพี่ชายพี่สาวนั่งหน้าตาไม่สู้ดีอยู่ด้านขวามือของบิดา
“ไปเถลไถลที่ไหนมาจนค่ำมืดป่านนี้ ลุงกับป้าเขามาถึงตั้งแต่เย็นแล้ว โทรศัพท์ก็ไม่ยอมพกไป”
กำนันสิงห์บ่นขณะบุตรชายยกมือไหว้แขก
“เลยไปหาข้าวกินในเมืองมาพ่อ”
ข้าวหอมตอบเสียงเบาแล้วเม้มปากแน่นด้วยใจสั่นพิกล
กำนันสิงห์ถอนใจยาวคร้านจะดุว่าบุตรชาย ตัดบทแนะนำกับแขก
“นั่นคุณวิวัฒน์ พ่อหมอทิเขา แล้วก็หนูนาน้องสาว อายุมากกว่าเราไม่กี่ปีหรอก”
ข้าวหอมยกมือไหว้ประหลกๆหากในสมองไม่ได้อยากรู้ชื่อแซ่ ตอนนี้เขาอยากรู้ว่าคนพวกนี้มาทำไมมากกว่า
“พ่อกำลังคุยว่าอยากรวบรัดแต่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทางหมอทิเองก็ตกลง เลยว่าจะคุยรายละเอียดกันเลย”
สิ้นคำบอกของบิดาข้าวหอมก็หันขวับไปมองหน้าทิเบตอย่างไม่เชื่อหู ความเย็นยะเยือกคืบคลานจากปลายเท้าค่อยๆลามมาถึงช่องอก รู้สึกได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรง รอบตัวหมุนคว้างไร้ทิศทาง
“แต่งงาน!”
ริมฝีปากบางพึมพำเสียงเบา ในสมองอื้ออึง ภาพข้างหน้าเหมือนพร่าเลือน
“มีอะไรรึ”
กำนันเห็นบุตรชายหน้าซีดแล้วให้หวั่นใจ ความคิดที่ยอมตกลงแต่งงานนั้นอาจเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ พอถึงเวลาเข้าจริงอาจกลับลำได้ง่ายๆเหมือนเรื่องที่ก่อ เพราะฉะนั้นก่อนที่ทุกอย่างจะพังทลายไม่เป็นท่า พ่อคนนี้จำต้องใจร้ายอีกครั้ง
“หากวันนี้แกก่อเรื่องอีกเป็นตัดพ่อตัดลูกกัน!”
คนเป็นพ่อเอ่ยเสียงกระด้างให้พอได้ยินกันสองคน แล้วฉวยข้อมือเล็กซึ่งกำหมัดแน่นบนหน้าขาบีบแรงๆใต้โต๊ะใหญ่
ข้าวหอมหันมองหน้าบิดาแล้วอยากร้องไห้ นี่เขาต้องแต่งงานจริงๆนะหรือ? ด้วยสายตาของบิดานั้นแข็งกร้าวไม่มียอมอ่อนข้อหรือถอยแม้ครึ่งก้าวเลยในเรื่องนี้ สายตาคู่โศกหันหาพี่สาวเหมือนจะขอความช่วยเหลือ หากพี่สวยก็ทำหน้าปั้นยากให้ใจหล่นวูบ ก่อนจะเคลื่อนสายตามองพี่ชาย ยิ่งเหมือนปิดประตูตอกฝาโลงกันไปใหญ่ เมื่อพี่สารหันหน้าหนีทันทีไม่ยอมสบตาด้วย
กำนันสิงห์มองบุตรชายพยักหน้ารับด้วยดวงตาอับแสงแล้วใจหาย หากแข็งใจดำเนินเรื่องต่อ ฝ่ายข้าวหอมซึ่งอับจนหนทางหันหน้ามองทิเบต อยากจะแล่เนื้อเอาเกลือทาให้หายแค้น
มาทำไมกันฮึ!ไอ้หมอภูเขา จะมาให้เรื่องมันยุ่งขึ้นไปอีกทำไมกัน!
ทิเบตเห็นดวงตาวาวโรจน์แดงก่ำ นึกลังเลชั่ววูบ แต่จะมากลับลำเอาตอนถึงถิ่นเขาแล้วเป็นได้ถูกยิงไส้แตกแน่นอน ร่างสูงถอนหายใจเหนื่อย ไม่คิดสบตากับคนตัวเล็ก ก็ดูสิ แทนที่จะตั้งท่าตั้งตัวเป็นอริแต่เริ่มแบบนี้ ควรจะหันหน้ามาคุยกันดีกว่า มีประโยชน์กว่าการใช้อารมณ์เป็นไหนๆ
เพราะหลังจากนี้เป็นได้จ้องหน้าเห็นตากันทุกวัน! แล้วดูซิว่าจะตีหน้ายักษ์ไปได้ซักกี่น้ำ เมื่อยเมื่อไรจะได้คุยกัน!
“งั้นตกลงว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปหาฤกษ์หายามที่ดีที่สุดในสองอาทิตย์นี้นะ ส่วนสินสอดฉันจะยกไปให้สมน้ำสมเนื้อทางแม่นิภาแน่นอน หรือแม่นิภาคิดว่ายังไงล่ะ”
กำนันสิงห์ยิ้มในดวงตาถาม หากคนถูกถามกลับทำหน้าตะลึงตกใจกันทั้งแถบ
“อะไรนะพ่อกำนัน! ไม่ใช่ให้ทางฉันยกขันหมากมาสู่ขอหรอกหรือ”
นิภาเสียงแข็งหลังตรงเนื่องจากผิดไปจากที่เข้าใจไว้โข จนผู้เป็นสามีต้องจับข้อมือรั้งไว้ให้สงบสติอารมณ์ เดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไป
“เฮ้ย...ได้ยังไง ลูกฉันผู้ชาย ฉันก็ต้องไปสู่ขอสิ”
“ลูกฉันก็ผู้ชายนะพ่อกำนัน!”
สิ้นเสียงนิภาทุกคนที่นั่งล้อมวงเป็นเงียบกริบ
เอาล่ะสิ จะมาตกม้าตายเพราะเรื่องใครเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวเนี่ยนะ ข้าวสารเกาศีรษะแรงๆมองทุกคนทำหน้าปั้นยาก กูว่าแล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้...
“เอาน่าๆแม่นิภา ไหนๆเรื่องก็เป็นแบบนี้ก็ให้ทางฉันยกขันหมากไปขอลูกแม่นิภาเองดีกว่า รับรองฉันจะจัดสินสอดให้แม่นิภาไม่อายใครเลย”
กำนันสิงห์ตอบอย่างมั่นใจเต็มที่ ในขณะที่ทิเบตอึ้ง อยากจะขำก็ขำไม่ออกเอางานนี้ล่ะ
“กำนัน กำนันขอให้ทางฉันรับผิดชอบ ฉันก็รับผิดชอบ แต่เรื่องนี้ฉันไม่ยอมนะกำนัน”
นิภาเสียงหลงน้ำหูน้ำตาจะร่วง เพราะยังไงเธอก็ไม่ยอมให้ลูกเป็นฝ่ายเจ้าสาวแน่นอน ถึงจะต้องแต่งงานกับผู้ชายด้วยกัน แต่อย่างน้อยก็ขอเหลือความเป็นลูกผู้ชายให้ลูกชายเธอด้วยคำว่าเจ้าบ่าวก็ยังดี
“ไม่น่า...ให้ทางฉันสะดวกกว่าเยอะ”
กำนันสิงห์มองหน้าบุตรชายแล้วมองกลับไปยังนิภาด้วยทีท่าอ้ำๆอึ้งๆ เพราะตัวเองก็ไม่อยากเป็นฝ่ายเจ้าสาวเหมือนกัน
“กำนัน! เรื่องนี้หัวเด็ดตีนขาดฉันก็ไม่ยอม ถ้าจะแต่งทางฉันต้องเป็นฝ่ายเจ้าบ่าวเท่านั้น!”
“แม่...ใจเย็นๆ”
คุณวิวัฒน์โอบเอวภรรยาซึ่งผุดลุกขึ้นยืนดวงตาวาวโรจน์ให้นั่งลง
นักเลงลูกทุ่งอย่างกำนันสิงห์ถึงผงะกับแววตาเด็ดขาดไม่โอนอ่อนของผู้หญิงตัวเล็กๆ
“แต่...”
กำนันสิงห์เองก็คิดจะท้วงให้ถึงที่สุด หากถูกนิภาตอกกลับให้คราวนี้เถียงไม่ออก
“ก็คืนนั้นลูกกำนันอยู่ข้างล่างไม่ใช่เหรอ เพราะฉะนั้นลูกกำนันก็ต้องเป็นฝ่ายเจ้าสาวไป ส่วนลูกฉันอยู่ข้างบนก็ต้องเป็นเจ้าบ่าวถูกมั้ยข้าวสาร!”
นิภาที่เลือดขึ้นหน้าหันขวับมองคนเห็นคนแรกแล้วร้องลั่นเรือนให้เรื่องบานปลาย สายตาคาดคั้นทำให้ข้าวสารนั่งหน้าเหลือไม่ถึงนิ้ว
“หรือจะบอกว่าที่ป้าพูดมันไม่จริง!”
ทุกสายตามองไปยังชายหนุ่มจนรู้สึกประหม่าอยากจะทึ้งผมตัวเองแรงๆ แล้วทำไมจะต้องเป็นฉันล่ะป้า ข้าวสารมองนิภาอย่างเซ็งชีวิตพลางเหลือบเห็นแววตาถมึงทึงของบิดา ถ้าขืนตอบไม่เป็นคุณเป็นถูกเตะแน่นอน จึงอึกอักหลบสายตาตอบให้นิภาปวดจี๊ดในสมอง
“ฉันจำไม่ได้”
“ห๊ะ!”
นิภาร้องเสียงหลงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นตุกติก ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีชมพูขบเม้มเข้าหากันแน่นตัวสั่นเทิ้ม และก่อนจะได้โวยวาย เสียงหนึ่งก็แทรกขึ้นมาให้ใจชื้น
“ฉันจำได้พี่สาร! ฉันจำได้ พี่หอมยังพูดเลยว่า ตื่นขึ้นมาก็เห็นคุณทิอยู่บนตัวแล้วน่ะพี่”
ไอ้ขันซึ่งมาความจำดีผิดที่ผิดเวลาโพล่งบอก ให้กำนันสิงห์หนวดกระตุกตาถลนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า
“ไอ้ขัน! ยังอยากจะกินน้ำพริกอยู่มั้ยฮึ”
เสียงคำรามเดือดดาลทำเอาไอ้ขันคอหด พร้อมกับถูกข้าวสารตบกะโหลกเสียหลายที โทษฐานรู้ดีไม่ดูตาม้าตาเรือ
ไอ้ขันที่เพิ่งรู้ตัวยกมือลูบศีรษะตัวเองแรงๆหน้าจ๋อยตัวลีบพลางเหลือบมองข้าวสารที่นั่งบนเก้าอี้ ส่วนตัวเองอยู่บนพื้นกระดานด้วยท่าทางน่าสงสาร
“เอ็งจะถูกพ่อแพ่นกบาลก็วันนี้ล่ะ” คำพูดของข้าวสารทำเอาไอ้ขันเบ้ปาก
ส่วนข้าวหอมหน้าชาอับอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนี ริมฝีปากบางจึงขบกัดสะกดกลั้นอารมณ์พลุ่งพล่านไว้เต็มที่ เพราะพูดอะไรไม่ได้ ในเมื่อมันจริงทุกอย่าง
วันนั้นพลิกตัวคร่อมซะก็ดีหรอก!
“เห็นมั้ย พ่อกำนันมีอะไรจะแย้งอีกมั้ย”
นิภาถามผู้มีพระคุณอย่างเหลืออด ด้วยเธอยอมมาจนถึงตอนนี้แล้ว ถ้าเรื่องนี้กำนันไม่ยอมให้เธอบ้าง เป็นได้ขาดกันจริงๆแล้วงานนี้
เห็นนิภาท่าทางขึงขังจริงจังและหลักฐานมันรัดตัวดิ้นไม่หลุด งานนี้กำนันสิงห์จึงจำยอมตกลงพลางมองข้าวสารและไอ้ขันตาขวาง
ที่แบบนี้ล่ะไม่ดิ้นเป็นปลาไหลใส่สเก็ตบ้าง น้องแกเลยต้องเป็นเจ้าสาวเลยเห็นมั้ย
แล้วจะให้ช่วยยังไงล่ะพ่อ เห็นตำตาออกแบบนั้น ข้าวสารเห็นแววตาบิดาก็รู้ความนัยพลางโต้ตอบในใจ ด้วยขืนพูดออกมาเป็นได้ถูกเตะ วิ่งลงเรือนแทบไม่ทัน
“ตกลงตามนี้นะพ่อกำนัน ทางฉันจะจัดขันหมากมาสู่ขอ ส่วนเรื่องงานพิธีการฉันอยากให้จัดแบบง่ายๆเฉพาะคนในครอบครัว กำนันจะเห็นว่าอย่างไรจ๊ะ”
“ได้”
ดูกำนันสิงห์จะหมดอารมณ์เจรจา นิภาพูดอะไรมาเป็นพยักหน้ารับอย่างแกนๆ
“งั้นก็เหลือรอฤกษ์อย่างเดียว ฉันขอตัวกลับเลยนะพ่อกำนัน”
“อ้าว ไม่ค้างหรือ ห้องหับก็มี” กำนันสิงห์มองนิภาลุกยืน
นิภาอึกอัก หากวิวัฒน์จับมือเตือนสติไว้ก่อน ด้วยไหนๆก็จะมาเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว
“ก็ดีครับ นานๆทีจะได้นอนฟังเสียงจิ้งหรีดเรไรบ้าง”
วิวัฒน์ซึ่งปล่อยให้ภรรยาพูดมาตลอด ถือโอกาสทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยก่อนจะกระทบกระเทือนใจกันอีก
“งั้นสวยไปเตรียมห้องหับให้ป้าเขาด้วยนะ” กำนันสิงห์หันไปบอกลูกสาวคนโต “อาบน้ำอาบท่าแล้วจะได้ออกมากินข้าวกัน”
วิวัฒน์พยักพเยิดหน้าให้ภรรยาและลูกเข้าห้องไปก่อน ส่วนตัวเองยังอยากนั่งคุยกับกำนันสิงห์ต่อ
ทิเบตลุกขึ้นเดินตามเวียนนา ผู้เป็นน้องสาวไปยังห้องพัก หากก่อนไปได้หันกลับไปมองข้าวหอมนั่งก้มหน้าก้มตาไม่มองใคร รู้สึกบอกไม่ถูก
เขาตัดสินใจผิดหรือถูกกันแน่!
ข้าวหอมรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมองจึงเงยหน้าปะทะสายตาร่างสูง ดวงตาคู่แดงก่ำด้วยอับอายสะท้อนอารมณ์เจ็บปวด ให้ทิเบตเผลอใจอ่อนกับลูกยักษ์ลูกจระเข้โดยไม่รู้ตัว
น่าสงสาร...ร่างสูงยกยิ้มบางปลอบใจอีกฝ่าย เพราะหวังจะได้ปรับความเข้าใจกันในไม่ช้าโดยลืมนึกสงสารตัวว่าจะเจอกับอะไรในภายภาคหน้า เมื่อแววตาที่มองมาเปลี่ยนไปจนเดาเจตนาไม่ถูก
มันดูเจ้าเล่ห์เย่อหยิ่งแปลกๆพิกลชวนขนลุก
และในค่ำนั้นข้าวหอมก็ไม่ได้ออกมากินข้าวกับคนอื่น เพราะมัวแต่คิดเตรียมการณ์ตอนรับว่าที่เจ้าบ่าวให้สมกับที่เสนอตัวเข้ามาให้เขาเชือดถึงที่!
- TBC -
มาเเจกการ์ดเเต่งงานของหมอกับหอมจ้า
ใครจะไปร่วมงานรีบลงชื่อเลย