ตอนที่ 45 เหตุผลเดียวกัน
“ลองคบกันดูไหม... กูอยากรู้ว่าวิธีของมึงใช้ได้จริงหรือเปล่า...”
ผมออกจะแปลกใจกับเหตุผลแบบนั้น แต่เมื่อนึกได้ว่าไอ้คนพูดมันเป็นพวกปากแข็งอยู่แล้วเลยรู้สึกว่าคำพูดแบบนี้ก็เข้ากับคนอย่างมันดี
อาจจะเป็นเพราะผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กับสถานการณ์ที่กำลังจะดีแล้วก็เปลี่ยนเป็นเลวร้าย ดี ร้ายจนปรับตัวแทบไม่ทัน เหมือนโดนปั่นหัว ดังนั้นเมื่อโดนคำถามแบบนี้ขึ้นมาผมจึงไม่อยากต่อความยืดด้วยคำถามประเภท จริงหรือเปล่า แน่ใจนะ มึงรักกูไหม...
สิ่งที่ควรจะทำคือตอบตกลงมัดมือชกมันเลยดีกว่า แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
“คบแล้วห้ามเลิกนะเว่ย....” .
.
.
กลับมาถึงห้องของมัน ผมนั่งลงบนเตียงมองไอ้วอกยัดข้าวกล่องและน้ำผลไม้ที่ซื้อมาจากเซเว่นระหว่างทางแช่ตู้เย็น
จากนั้นมันก็เปิดตู้เสื้อผ้าคว้าผ้าขนหนูพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำไป
20นาทีผ่านไปมันอาบน้ำเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้า และโยนผ้าขนหนู (ใช้แล้ว) มาให้
“อาบน้ำดิ”
“เช็ดตัวให้ดิ มือเป็นแผล อาบเองไม่ได้”
“อย่ามาสำออย คนเป็นแผลที่ขาเค้ายังอาบน้ำได้เลย นี่เป็นที่มือ แค่ยกสูงๆ ก็อาบได้แล้ว...” มันบอกแล้วเดินเข้ามาหาพยายามจะถอดเสื้อให้
“งั้นมึงอาบให้ได้มะ?”
มันชะงักมือที่ดึงเสื้อผมแป๊บนึงก่อนจะตอบว่า
“อือ.....”
ข้ามตอนอาบน้ำไป แม้ว่าผมจะรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ให้ความรู้สึกดีๆ มากๆ เวลามีมือคนอื่นมาคอยลูบไล้ หรือเกาหนังศีรษะให้ ซึ่งโดยปกติแล้วผมค่อนข้างหวงหัวตัวเองเอาเรื่อง ต่อให้เพื่อนสนิทยังไม่ยอมให้แตะง่ายๆ ยิ่งตบหัวนี่ลืมไปได้เลย ผมเอาตาย... แต่เพราะตัวสูงเลยไม่ค่อยมีคนยุ่งเท่าไร... แต่ กบมันผมไม่หวงเลย ผมอยากให้มันรู้ว่าเวลามีคนพิเศษ คนๆ นั้นจะได้สิทธิพิเศษที่แตกต่างจากเพื่อน หรือคนรู้จักหลายๆ อย่าง
ผมได้บอกเซอร์เก่าๆ มาใส่ตัวหนึ่ง ใส่ได้เพราะมันยืดๆ ถ้าขนาดปกติจะคับเพราะมันตัวผอมกว่า ส่วนเสื้อเลยไม่ใส่ให้อึดอัด
“ทำอะไร...” ผมถามเมื่อผมเห็นมันเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ โดยไม่ปิดประตู
“ซักเสื้อ...”
“ทิ้งแล้วซื้อใหม่เหอะ เลอะเลือด มันซักออกยาก”
“เสียดาย ไปค่ายแล้วได้มา”
“กูก็บอกมึงแล้วว่าอย่าเช็ดมึงก็ไม่เชื่อ....”
“ก็มึงเลือดโชกขนาดนั้น...... ช่างเถอะ ไปๆ มึงไปนอน ลองแช่ไฮเตอร์ทิ้งไว้ซักคืน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยซักใหม่...” มันลุกขึ้นยืนแล้วเอามือดันพุงให้ผมถอยออก
“ไว้เดี๋ยวกูซื้อเสื้อใหม่ให้ละกัน”
“ไม่ต้องเลย ถ้าจะให้อะไรนะ เอาแบบที่ไม่ต้องซื้อ แต่หายากๆ ดีกว่า...”
“ได้ เดี๋ยวจะหามาให้...” มันมองหน้าผมด้วยสายตาฉงนแต่ก็ไม่ถามอะไรมันคงสงสัยว่าผมรับปากมันนี่ คิดออกแล้วหรือไงจะหาอะไรมาให้ บอกตามตรงตอนนี้ผมก็ยังนึกไม่ออก แต่คิดว่าสักวันคงจะหาเจอ...
ผมเป็นฝ่ายขึ้นไปนอนบนเตียงฝั่งติดผนัง ในขณะที่ไอ้วอกเดินไปปิดไฟ ท่ามกลางความมืด...ผมใจเต้น... เมื่อรู้สึกว่าฟูกนอนยุบลงและกลิ่นสบู่อวลเตะจมูก
“ขยับมาข้างนอกกูจะนอนข้างใน”
“อะไรวะ เรื่องมาก” ผมแอบบ่นแต่ก็ขยับออกมาให้มันคลานเข้าไปนอนข้างใน
“นอนข้างนอกดีแล้ว ขืนนอนข้างใน ตอนหลับๆ กูพลิกไปโดนมือมึงพอดี” ผมลืมนึกเรื่องนั้นไปเลย...
“คิดไปเองหรือเปล่านะว่าวันนี้มึงใจดีจัง นั่นเพราะกูไม่สบาย หรือเพราะกูเป็นแฟนมึง...”
“คิดว่าอย่างไหนล่ะ?”
“อย่างไหนกูก็รู้สึกดีทั้งนั้น....อย่างแรกรู้สึกดีที่รู้ว่ามึงเป็นห่วง ถ้าเป็นอย่างหลังก็รู้สึกดีที่ได้เป็นแฟนกัน...”
“ตุลย์....เอาจริงๆ ที่กูตัดสินใจแบบนี้นะ เพราะกูไม่ยากให้มันคาราคาซัง คนรักก็ไม่ใช่ จะไปไหนก็ไม่ได้ ทั้งๆ ที่กูเองยังไม่รู้เลยว่ามันจะเวิร์คหรือเปล่า” เอาอีกละ อุตส่าห์ไม่ถามเหตุผลแล้วนะเนี่ย เพราะไม่อยากให้งานกร่อย.... แต่มันก็เป็นงี้ทุกทีสิน่า
ถอนใจเฮือก... ตะแคงตัวไปมองหน้ามันท่ามกลางความมืด...
“มึงมันพวกคิดเยอะ... กูยังไม่เห็นอยากคิดอะไรเลย ทั้งๆ ที่กูต่างหากสมควรจะกลัวมากกว่ามึงด้วยซ้ำ เพราะมึงมันพวกผีเข้าผีออก เอาแน่เอานอนไม่เคยได้สักอย่าง มีแต่ทำให้กูเสียใจ”
“เออ กูเป็นอย่างนั้นแหละ กูรู้ตัวเองดีอยู่ ถ้าวันไหนมึงทนไม่ได้ก็บอกมาละกัน กูเข้าใจ”
“แค่มึงอยู่ตรงนี้ กูก็มีความสุขมากจนไม่รู้พูดยังไงละ เพราะงั้นไม่ว่ายังไง กูจะพยายามประคองมันไปเรื่อยๆ”
“ขอบใจนะ แต่ถ้าวันไหนมึงเจอคนที่ดีกว่ากู เหมาะสมกว่ากู หรือรักได้มากกว่า มึงไม่ต้องฝืนเลยนะ บอกมาเหอะกูรับได้...”
“มันก็ต้องมีอยู่แล้วล่ะ คนที่ดีกว่าเหมาะสมกว่า แต่ถ้าคนที่รักมากกว่า กูว่าคงไม่มี” อันนี้ผมพูดจริงๆ เลย
เพราะความมืดทำให้ผมไม่รู้ว่าสายตามันเป็นเช่นไร... แต่ถ้าให้เดาก็คงอึ้งหรือไม่ก็ซึ้ง
รู้แต่ว่าตอนนี้หน้าของเรามันใกล้กันมาก... มากเสียจน....
“จูบได้ป่ะ....” เอ่ยถามไปในที่สุด คงเพราะวันนี้โดนด่าไปเยอะเรื่องความเอาแต่ใจ เวลาจะทำอะไรเลยอยากขอ....
“มากกว่านั้นก็ได้.....” ผมถือว่านั่นเป็นคำอนุญาตเชิงเชิญชวนให้ล่วงเกินมันได้ตามใจชอบ และผมก็ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะปฏิเสธ......
ถ้าเพียงแต่ระหว่างการปฏิสัมพันธ์ ผมจะไม่โดนไอ้วอกเอาแผ่นหลังทับมือจนเลือดซึมเอาเสียก่อน จากนั้นไอ้จอมโวยวายมันก็เลยไม่ยอมให้ผมทำต่อ...ทั้งๆ ที่ผมยืนยันแล้วว่าไม่เป็นไร - - สุดท้ายเราก็เลยได้แต่นอนกอดกันเฉยๆ แต่ถึงจะแค่กอด...สำหรับวันนี้ กลับเป็นกอดที่รู้สึกดีกว่าที่ผ่านมาตั้งไม่รู้กี่เท่า....
ผมสะดุ้งตื่นตอน9โมงกว่าด้วยนาฬิกาปลุก... ลืมตาอย่างงัวเงีย เพราะเมื่อคืนนอนดึก
“ปิดเทอมอยู่ มึงตั้งปลุกไว้ทำไม?” ผมถามอย่างข้องใจ คนถูกถามลุกขึ้นคลานเข่าข้ามขาผมลงจากเตียงไปยังมือถือของมันเพื่อปิดเสียง
“กูต้องไปซ้อมดนตรีที่ชมรมน่ะสิ” จะว่าไปก็พอคุ้นๆ อยู่หรอกนะเรื่องนี้...
“กับยาสระผม?”
“เออ...” มันรับคำด้วยเสียงรำคาญ บิดไหล่บิดคอไปมา แล้วเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบกล่องข้าวมาเข้าเวฟ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนู เดินเข้าห้องน้ำไป.... และเปิดประตูออกมาในนาทีเดียวกัน
“มึงดูเองนะว่ามียาก่อนอาหารป่าว....ถุงยาบนโต๊ะคอมอ่ะ” ปิดประตูฉับ....
ผมเกาคอ... แล้วยิ้ม...ขนาดตัวเองยังลืมเลยว่าต้องกินยา
หลังอาหารมื้อเช้า ด้วยข้าวต้มกุ้ง...(สูตรอีซี่โก) ส่วนมันกินกะเพราไก่ มันก็เหมือนจะต้องไป.... ซึ่งผมไม่ค่อยอยากให้มันไปเท่าไร ...
“ตอนเที่ยงซื้ออะไรมาให้กินด้วยนะ”
“มื้อเช้า 10โมง เที่ยงมึงจะกินอีกแล้วเหรอ?” มันหันมาทำหน้าดุ
“ก็กูอยากเจอมึงนี่นา”
“วู้ มึงนี่ก็เยอะไปละ...”
“แค่นี้ทำให้แฟนไม่ได้เหรอ?”
“ก็เป็นแฟนกันแล้ว บอกแล้วให้เลิกเอาแต่ใจไง เดี๋ยวเย็นก็กลับแล้ว”
“มีแฟนแล้วมันก็ต้องอ้อนหน่อยดิวะ ไม่งั้นจะมีไว้ทำไม หรือจะให้ว่ามีไว้ทำอย่างอื่นอย่างเดียว...” ผมถามแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม มันขมวดคิ้ว หรี่ตาใส่
“การที่กูกะมึงคบกัน ไม่ได้แปลว่า กูอนุญาตให้มึงสามารถเอากูได้24 ชั่วโมงนะ ช่วยเข้าใจซะใหม่ด้วย”
“ให้เวลานอนสัก10ชั่วโมง ที่เหลือ... ได้”
“เชี่ยตุลย์!!” ผมเห็นมันแยกเขี้ยวใส่ แล้วหัวเราะเบาๆ
“ล้อเล่น ใครจะไปอึดอย่างนั้น..”
“ล้อเล่นก็ดีแล้ว อย่าให้กูรู้สึกว่าคิดผิดเลยที่ตัดสินใจขอคบกะมึง...” ได้ยินแล้วรู้สึกแย่ไงไม่รู้สิ....
“ส่วนหนึ่งที่มึงยอมคบกับกู เพราะเรื่องเมื่อปีที่แล้วป่ะ” นึกเสียใจเหมือนกันที่ถาม เพราะรู้ตัวดีกว่าไม่คำตอบจะออกมาเป็นแบบไหน ผมไม่มีทางเลิกรักมันได้อยู่ดี
“ถ้ากูตอบว่าใช่ มึงจะบอกเลิกกูตอนนี้เลยป่ะ....”
“ไม่หรอก.....” ผมตอบด้วยเสียงเบาโหวง
“งั้นกูมีนิทานจะเล่าให้ฟัง..” ผมเงยหน้าขึ้นฟัง
“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... มีสาวงามนางหนึ่งเดินทางไปเที่ยวป่ากับสามี ระหว่างทาง นางผลัดตกลงไปในแม่น้ำอันเชี่ยวกราก ด้วยความตกใจ สามีของนางกระโดดลงไปช่วยทั้งๆที่ ตัวเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น ทั้งคู่ล่องลอยตามสายน้ำจนตกลงไปในน้ำตกอันสูงชัน หญิงสาวฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตัวเองรอดชีวิตได้ด้วยความช่วยเหลือของพรานป่า ด้วยความงามของนางพรานป่าจึงของนางแต่งงาน หญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ แต่ไม่อาจตอบตกลงได้เพราะตัวเองมีสามีอยู่ก่อนแล้ว พรานป่าพยายามหว่านล้อมว่า เขาอาจจะตายในน้ำตก และให้เวลานาง1ปี ถ้าหากระหว่างนี้ไม่พบสามีของนาง ขอให้นางแต่งงานกับตน ผ่านไป1ปีก็ไม่มีวี่แววของสามีของนาง หญิงสาวจึงตกลงแต่งงานกับพรานป่าเพื่อทดแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิต 5 ปีหลังจากนั้น เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ระหว่างที่นางไปซักผ้าที่ริมลำธารเหมือนปกติ จู่ๆนางก็ได้พบสามีเก่าที่น่าจะตายไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ ทั้งสองเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง และนางพบว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร นางก็ไม่เคยหมดรักในตัวสามีเลย .....คำถาม..... ถ้าต้องเลือกได้เพียงคนเดียว นางจะเลือกอยู่กับผู้ชายคนไหน”
“ถึงคนแรกมันจะโง่ไปซะหน่อย แต่ก็คงรักนางจริงๆ ไม่งั้นคงไม่โดดลงไปช่วยทั้งๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น”
“แล้วมึงรู้ได้ไงคนที่สองไม่รัก ไม่งั้นจะรอได้เป็นปีเหรอ”
“แล้วสรุปว่าเลือกใคร”
“เอ๊ะ กูถามมึงก่อน”
“กูไม่รู้ กูไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น มึงอ่ะชอบถามคำถามยากๆ”
“ยากอะไร ก็บอกอยู่ในคำถาม ว่าผู้หญิงเค้าไม่เคยหมดรักในตัวสามีเก่า เค้าก็ต้องเลือกกลับไปอยู่แล้ว”
“แล้วคนใหม่อ่ะ ถ้าไม่ได้เค้าช่วย ไม่ซี้ม่องเท่งคาน้ำตกไปละเหรอ? นางจะไม่ลังเลสงสารบ้างหรือไง” ผมถาม ชั่วแวบหนึ่งก็พาลนึกไปถึงตัวเอง
“กูว่านะ ต้องทนอยู่กับคนที่ไม่รักนานตั้ง5ปีนี่ ก็เหมือนตายทั้งเป็นแหละวะ มันน่าจะลบล้างทดแทนกันได้แล้ว”
“แล้วตอนนี้มึงรู้สึกแบบนั้นหรือเปล่า ก็มึงเลือกกูนี่..”
“บ้าน่า... ถ้ารู้สึกแล้วกูจะเลือกมึงเหรอ ที่จริงเมื่อวาน ควิลเค้าก็ให้กูเลือกเหมือนกันนะ แต่กูเลือกมึงแทน คำตอบของกูอาจจะไม่เหมือนผู้หญิงคนนั้น แต่... เหตุผลกูอ่ะ เหมือน.....”
ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นตัวผมเองที่พูดประโยคนี้ออกไป ไอ้วอกจะเข้าใจไปอีกอย่างหรือเปล่า แต่สำหรับคนมองโลกในแง่ดีอย่างผม มันซาบซ่านอยู่ในอก...จนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย....
“มึงจะบอกว่ามึงรักกูใช่ไหม?”
“แล้วมึงคิดว่ารักหรือเปล่าล่ะ?”
“เดี๋ยวนี้ตอบคำถามด้วยการถามกลับนะ”
“ก็เลียนแบบใครบางคนแถวนี้ล่ะ”
“สรุปว่ารัก....ใช่มะ” อดขำไม่ได้ เวลาเห็นคนหน้าซีดๆ มันเกิดหน้าแดงขึ้นเฉยๆ
“ไม่รู้โว้ย ฉลาดนักก็คิดเองบ้างเถอะ กูสายละ ไปก่อนนะ”
มันตัดบทแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตูหมุนลูกบิดแล้วเปลี่ยนใจเดินย้อนกลับมาหยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจ พอกลับไปที่ประตูยังไม่ทันบิด มันก็หันมาอีก ค่อยๆ เดินเลี่ยงไปหยิบกีตาร์
ผมนั่งยิ้มแก้มจะแตก ทำไมรู้สึกว่าวันนี้มันมันเขินได้น่ารักดีจังนะ
และเช้าวันแรกของการได้มีมันเป็นแฟน ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก.....
.......
หน่วงๆ มานานแสนนาน จากนี้ขอหวานๆ กันบ้างนะ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ ทั้งๆ ที่ดองนานขนาดนี้ นิจะพยายามต่อไปเรื่อยๆ จนจบนะ
เหลือเรื่องสุดท้ายแล้ว อยู่เป็นกำลังใจให้นิด้วยแล้วกัน
รักคนอ่าน *-*
นิค่ะปล. ใครยังไม่ไลค์ แฟนเพจ กดกันด้วยน้า
https://www.facebook.com/Bunnypoundbread