กระต่ายยักษ์กับจักรวาลอันอบอุ่น♥
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ตัวละครที่คุณรักที่สุดในเรื่อง

ตุลย์
ปอนด์
เลือกไม่ถูกว่าชอบใครมากกว่ากัน เหมามันทั้งสองเลยละกัน

ผู้เขียน หัวข้อ: กระต่ายยักษ์กับจักรวาลอันอบอุ่น♥  (อ่าน 895251 ครั้ง)

ออฟไลน์ noomasoi3

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 171
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
ยังไงมันก็ยต้องมีคนเจ็บ ควิลเจ็บอ่ะดีแล้ว เพราะถ้าควิลเจ็บอีกไม่นานก็จะหาย
แต่ถ้าปอนด์เลือกควิลมันคงเจ็บไปเรื่อยๆ เป็นเจ็บเรื้อรังเลี้ยงไข้ทั้งสามคน
เพราะเท่าที่อ่านมาตลอดนี่สัมผัสได้เลยว่าผู้แต่งสื่อมาว่าตุลย์กับปอนด์รักกัน
รีบๆดีกันนะตุลย์-ปอนด์ เราอยากเห็นตุลย์หื่นๆคนเดิมกลับมา

ออฟไลน์ supernatural

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
    ตอนที่ 44  คบกันมะ...

   ตอนที่เดินกลับเข้าไปในร้านพบว่าโต๊ะไอ้ตุลย์คิดเงินเสร็จเรียบร้อยแล้ว และเพื่อนๆ มันเตรียมตัวกลับ ผมหันไปหาคนที่ตัวสูงที่สุดในนั้น (รองลงมาจากไอ้เปรตวัดสุทัศน์นะ)

   “เอ่อ... เดฟ วานขับรถพาไอ้ตุลย์มันไปส่งโรงพยาบาลทีสิ มันรออยู่ที่รถ” เขาเลิกคิ้วนิดนึ่งแต่ก็ยอมรับคำแต่โดยดี

   “อือได้  แล้วปอนด์ล่ะ?”

   “พามันไปก่อนเลย เดี๋ยวเราขับรถตามไป”

   เดฟพยักหน้าแล้วเดินออกไป ผมถอนใจอย่างโล่งอก กำลังจะขยับเท้าเดินตามออกไป ก็พอดีพี่ต้องเดินมาตบบ่าเสียก่อน

   “โหย... ปอนด์ เจ๋งจริงๆ ว่ะ พี่ไม่รู้จะขอบคุณเรายังไงดี นึกว่าวันนี้จะไม่ได้ปิดร้านซะแล้ว”

   “ไม่ขนาดนั้นมั้งพี่” ผมตอบพลางยิ้มแห้งๆ

   “จะเหลือเหรอ คนกำลังเฮิร์ท ตุลย์เค้าคงชอบปอนด์มากจริงๆ อ่ะ พอเห็นปอนด์ไปกับควิลถึงได้เมาเละขนาดนี้” 

   “โหย... พี่ก็คิดมากไป มันอาจจะเสียใจเรื่องอื่นก็ได้”  ผมแถไปข้างๆ คูๆ ทั้งที่นึกในใจว่านี่มีคนรู้เยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ

   “คนกันเองไม่ต้องถ่อมตัวหรอก พี่รู้ว่าตั้งนานแล้วว่าตุลย์เค้ามาชอบปอนด์ เพราะเค้ามาที่นี่เพราะปอนด์จริงๆ ปอนด์น่าจะสังเกตว่า ถ้าตุลย์จะมาเค้าจะโทรมาจองก่อนทุกครั้งและทุกครั้งเค้าต้องถามว่าปอนด์จะมาหรือเปล่า ถ้าวันไหนปอนด์ไม่มาเค้าก็ไม่มา  ตอนที่ปอนด์เดือดร้อนเรื่องเงิน ตุลย์เค้าก็เป็นคนมาเสนอตัวช่วยเอง ทีแรกพี่ก็นึกว่าแค่แฟนติดนักร้องเฉยๆ แต่ไปๆมาๆ มันหนักถึงขั้นร้องเพลงให้นี่ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ”

   ผมไม่รู้จะตอบพี่ต้องว่ายังไงดีกับเรื่องที่ผมไม่เคยสังเกต อันที่จริงเรื่องที่ตุลย์มาฟังผมร้องเพลงบ่อย ผมก็รู้เพราะมันนั่งโต๊ะหน้า แต่เรื่องที่มันถามถึงผมนั่นผมไม่เคยรู้ และไม่เคยเชื่อเรื่องที่มันบอกว่าเป็นแฟนคลับผมมานานนั่นเลยสักนิด

   “เอาน่า พี่รู้ว่าตุลย์คงไม่ใช่เสป็กปอนด์ แต่ปกติปอนด์ก็ชอบเซอร์วิสลูกค้าอยู่แล้วนี่ จะมีเพิ่มมาอีกคนไม่น่าจะลำบากอะไรมั้ง แล้วเรื่องควิลไม่ต้องห่วงนะ พี่เก็บความลับเก่ง ถึงปอนด์จะแอบกิ๊กกั๊กกับใคร พี่ก็ไม่เอาไปเล่าให้ควิลฟังแน่ๆ” พี่ต้องหัวเราะ แต่ผมกลับหัวเราะไม่ออก

   “ควิลเค้าโทรมาหาพี่ต้องบ่อยเหรอครับ”

   “ก็ไม่บ่อยหรอก นานๆที แต่จะเรียกว่าโทรหาพี่ก็ไม่เชิง ส่วนใหญ่ก็ถามถึงแต่ปอนด์น่ะแหละ”

   “ทำไมพี่ไม่บอกผมเลย”

   “แค่โทรมาถามสารทุกข์สุกดิบเฉยๆ บอกไปก็เท่านั้น ถ้ามาให้เจอเป็นตัวเป็นตนอย่างวันนี้ก็ว่าไปอย่าง แล้วนี่ตกลงกลับไปคบกันเหมือนเดิมใช่ไหม”

    ผมส่ายหน้า...

   “อ้าว ทำไมล่ะ หรือว่าควิลเค้าไม่พอใจที่พี่เรียกเรากลับมาหรือเปล่า?”

   “เปล่าครับ ผมผิดเองแหละ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควิลจะยกโทษให้อีกหรือเปล่า แต่... ยังไงถ้าควิลติดต่อมาอีก ฝากบอกเขาให้ทีนะครับว่าไม่ต้องเป็นห่วงผม ปอนด์ตัดสินใจได้แล้วว่าจะแก้ปัญหาของตัวเองยังไง”   


ต่อรีล่าง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2015 10:18:54 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS

   -ตุลย์-

   ตั้งแต่รู้จักมันมา... ผมก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนมีความอดทนมาก....

   อดทนต่อความผิดหวัง เสียใจ อดทนต่อความน้อยใจและโกรธเกรี้ยว นอกจากนี้ผมยังเป็นคนขี้กลัวขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็น และสิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดในตอนนี้คือการสูญเสียมันไป...    

   ว่ากันว่าเมื่อเรารู้สึกกลัวที่จะสูญเสียสิ่งใดแปลว่า.... เรารักสิ่งนั้นเข้าแล้ว...

   เสียงเปิดประตูทางเบาะหลังด้านคนขับทำให้ผมรีบหันไปมอง เห็นเดฟวางกระเป๋ากีตาร์ลงบนเบาะหลัง จากนั้นก็ปิดกระตูและพาตัวเองเข้ามาประจำที่คนขับ

   “แล้วคนอื่นล่ะ” ถามขณะที่อีกฝ่ายสตาร์ทรถ

   “กลับกันหมดแล้ว” รถค่อยเคลื่อนตัวออกจากที่จอด

   “โทษทีนะ ที่วันนี้ทำงานกร่อย” ผมเอ่ยลอยๆ ระหว่างหันมองทิวทัศน์นอกกระจกรถไปพลาง

   “ไม่ต้องคิดมาก มีแต่คนเค้าเป็นห่วงมึงทั้งนั้นแหละ แล้วมึงจะเอายังไงต่อไปวะ”

   “อะไรยังไง”

   “ก็เรื่องปอนด์ มึงลงทุนขนาดนี้ กูนึกว่ามันจะดีใจเข้ามากระโดดจูบซะด้วยซ้ำ ไหงอะไรมันกลับตาลปัดขนาดนี้วะ”

   “กูเองก็ไม่รู้... อย่างเดียวที่กูทำได้ตอนนี้คงมีแค่รอละมั้ง...”

   “ที่จริงกูก็ไม่ได้รังเกียจอะไรปอนด์มันนะเว้ย แต่พอเห็นมึงเป็นแบบนี้แล้ว บางทีกูก็อยากยุให้มึงมีคนอื่นไปซะที  มึงเองก็ไม่ได้ขี้เหร่แถมยังมีคนชอบตั้งเยอะแยะ ถ้าเลิกทำหน้าดุๆ ตลอดเวลา หัดพูดจาดีๆ กะคนอื่นเค้ามั่ง คงมีคนเข้าหามากกว่านี้อีก” 

   “มึงไม่เข้าใจ....”

   ได้ยินเสียงถอนหายใจแรงๆ หนึ่งที เป็นเชิงเห็นด้วยว่ามันคงไม่มีวันเข้าใจผมจริงๆ ว่าทำไมผมถึงตัดใจไม่ได้สักที




   หลังจากไอ้วอกทิ้งผมไว้กับความสิ้นหวัง ผมเดินกลับมาทันเห็นมันให้ผู้ชายตัวเล็กอีกคนขี่หลัง... สำหรับคนอื่น สิ่งที่มันหยิบยื่นให้คือความห่วงใยและอ่อนโยน แต่กับผมมีแต่ความเย็นชาตลอดมา

    เจ็บปวดแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงระบายออกด้วยการซัดกระจกห้องน้ำเต็มแรง

   ผมเดินกลับมาที่โต๊ะด้วยสภาพที่ทำให้คนแตกตื่น แต่ยังรินเหล้าลงแก้วอย่างเชื่องช้า และไม่ได้สนใจคำเตือนของใครเลยสักคน บุคคลที่ดึงความสนใจของผมมากที่สุดคือพี่ต้องเจ้าของร้านที่มีท่าทีกลัวๆ กล้าๆ เขาคงเข้าใจว่าผมเมามาก แต่ความจริง ผมไม่ได้เมาเลย

   “ขอโทษนะพี่ ผมทำกระจกห้องน้ำแตกไปแล้ว เอาไว้ตอนเช็กบิลพี่คิดรวมค่าเสียหายลงไปด้วยแล้วกัน”

   “เรื่องนั้นน่ะช่างมันเถอะ พี่ว่าตุลย์ควรไปทำแผลให้เรียบร้อยก่อนดีกว่านะ”

    “ผมจะกลับได้ยังไง นี่ผมอุตส่าห์ถ่อมาฟังเพลงถึงนี่ แต่นักร้องตัวดีของพี่หนีกลับไปก่อน ตามมันกลับมาเลยไม่งั้นผมไม่กลับ...” รู้ทั้งรู้ว่าเป็นคำขอที่เอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย ยิ่งเห็นสีหน้าลำบากใจของเจ้าของร้านก็รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้เลย... 

    แต่สุดท้ายมันก็กลับมา...

   มีมากมายหลายคำถามที่ผมอยากถาม แต่เมื่อคิดไปว่าอาจจะได้รับคำตอบที่เสียดแทงใจอีก ก็ได้แต่บอกตัวเองว่า อย่าเลย... แค่เห็นมันเดินกลับมา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด แค่นั้นก็ยังดี

   ท่ามกลางหยดเลือดและความเจ็บปวดเพราะน้ำหนักของผ้าที่กดลงมาซับเลือดให้ ผมกลับไม่สามารถละสายตาไปจากใบหน้าของมันได้เลย ความอ่อนโยนอันเล็กน้อยทำให้ผมลืมความบาดหมางและเรื่องราวบีบคั้นที่ผ่านมาทั้งหมด
   ทุกถ้อยคำที่ตอบโต้ แฝงไว้ด้วยความห่วงใย แม้จะแค่นิดเดียวหัวใจผมก็กลับชุ่มชื่นและมีความหวัง...

    คำถามที่วนเวียนถามซ้ำ...พอหรือยังกับความรู้สึกแบบนี้...

   การย่ำอยู่กับที่ ไปไม่ถึงจุดหมาย แต่ครั้นจะถอยกลับก็ทำไม่ได้....

    แต่สัมผัสบางเบาที่ประทับลงมาที่มุมปาก

    “จูบสัญญา ...พอใจหรือยัง...” คำพูดเพียงประโยคเดียวที่ทำให้ทุกคำถามกลืนหายไปกับสายลม....

    “ไม่พอ....”  ผมตอบแล้วดึงร่างนั้นเข้าหาตัวอีกรอบด้วยสัมผัสที่แนบชิดกว่าเดิมมาก และผมบอกตัวเองว่าไม่อยากปล่อยมันไปไหนอีกเลย....



   โล่งใจอย่างไรบอกไม่ถูก เมื่อเดินออกจากห้องทำแผลของโรงพยาบาล แล้วพบว่าคนที่สัญญาไว้ว่าจะตามมาทีหลังนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

   “เดฟล่ะ” ผมเอ่ยถามเมื่อไม่เห็นหัวสารถีเพื่อนยากที่พามาส่งก่อนหน้านี้

   “บอกให้มันขับรถมึงไปเก็บ”

   “แล้วเราจะกลับกันยังไง”

   “ก็ไปรถกูไง หรือไม่หรูเลยไม่อยากนั่ง โทรบอกให้มันย้อนกลับมารับไหมล่ะ?” อีกฝ่ายถามด้วยหน้ากวนๆ

   “เปล่าสักหน่อย... แค่ถามเฉยๆ” มันยักไหล่

   “นั่งลงดิจะยืนค้ำหัวอีกนานป่ะ”

   ผมนั่งลง ใช้ช่วงเวลาสั้นๆ ของการรอคิวจ่ายยามองหน้ามัน
   
   “ลงดิ...”  คนขับรถบอกหลังจากจอดมอไซค์ของมันที่ริมทางเท้าใกล้ๆ ทะเล

   “พามานี่ทำไม ดึกแล้วมันอันตรายนะ” ผมเตือน

   “แป๊บเดียว... กูมีเรื่องอยากคุยด้วย” มันบอกซ้ำขยับหลังเบียดทำให้ผมต้องขยับขาก้าวลงอย่างเสียไม่ได้
   ผมเห็นมันเดินไปทรงทะเลเลยเดินตามไปยืนข้างๆ

   “มึงจำครั้งแรกที่เราเจอกันได้ไหม” มันเอ่ยถามทั้งๆ ที่ตามองทะเลไม่ได้มองมายังผมเลยสักนิด

   “ได้สิ กูจำเกย์โรคจิตได้...” ผมตอบด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

   “มึงคิดว่าเราเจอกันครั้งนั้นเป็นครั้งแรกจริงๆ เหรอ?”

   “ไม่รู้ดิ ไงกูกะมึงก็ต้องเคยเจอกันในคณะบ้างอยู่แล้ว แต่ถ้าไม่ได้คุยอะไรกัน กูก็ไม่นับว่าเป็นการเจอกันอย่างแท้จริงอยู่ดี”

   “ช่างเถอะ ถ้ามึงจำได้ว่ามึงเคยว่ากูแบบนั้น มึงก็คงไม่ปฏิเสธใช่ไหมว่าเมื่อก่อนมึงเคยเกลียดเกย์จริงๆ”

   “บอกแล้วไงว่าเปล่า ถึงจะไม่ได้ชอบอะไรนักแต่ก็ไม่ได้เรียกว่าเกลียดสักหน่อย ถึงไงเพื่อนกูก็เป็น นี่มึงคงยังไม่รู้ใช่มะว่าไอ้เดฟมันเป็นไบ เอาจริงๆ กูก็เพิ่งมารู้ตอนหลังเหมือนกันแหละ แต่เวลาเราจะคบเพื่อน กูว่ารสนิยมเรื่องเพศมันก็ไม่ได้สำคัญอยู่ดี  ที่อยู่ดีๆ ก็ถาม นี่มึงโกรธเรื่องนี้มาโดยตลอดเลยเหรอ? กูแค่แกล้งมึงเล่นเฉยๆ หรอก ซึ่งที่จริงมึงก็โรคจิตจริงๆ”

   “ห่า... กูไม่ได้ตั้งใจมอง แล้วเจอกันครั้งแรกมึงรู้ได้ไงกูเป็นเกย์”

   “กูได้ยินสิ มึงคุยกับพี่ต้องในห้องน้ำ ยังบอกผู้ชายอย่างกูต้องเป็นชายในฝันของสาวๆ หรือไม่ก็เทพบุตรของเกย์รับ กูงี้ขนลุกไปหมด...ไม่เคยได้ยินผู้ชายด้วยกันพูดชม” ผมเลือกที่จะไม่พูดต่อว่าผมได้ยินแม้กระทั่งตอนที่มันพูดจีบพี่ต้องด้วยซ้ำ เพราะดูท่าว่าพี่เขาไม่น่าจะเล่นด้วย

   “อะไรนะ มึงได้ยินเหรอ?” มันถามกลับมาเสียงดัง สีหน้าเหมือนโลกถล่มไปแล้ว

   “เออ กูนึกว่ามึงชอบกูมาตลอดตั้งนาน พอกูบอกไอ้เดฟ มันบอกไม่เชื่อ เพราะมันรู้ว่ามึงเป็นรุกไง... กูข้องใจเลยไปถาม แล้วมึงตอบว่าอยู่สายรุก กูยังคิดว่ามึงโกหกเลย”

   “มึงข้องใจมึงเลยมอมเหล้ากูว่างั้น ?” ผมชะงัก เมื่อรู้สึกว่าคำถามมีแววไม่พอใจขึ้นมาอีก

   “เราไม่พูดถึงเรื่องเก่าได้ไหม  มันก็นานแล้ว กูยอมรับก็ได้ว่ากูมันเหี้ยเอง  ถ้ามึงอยากให้กูขอโทษ จะให้พูดสักกี่ครั้งก็ได้...”

   “งั้นตอบมาอีกข้อ ถ้าสมมุติ คนที่ทำรถมึงเป็นรอยไม่ใช่กู มึงจะยื่นข้อเสนอแบบเดียวกันป่ะ”

   “ถ้าเป็นผู้ชาย รับรองได้ โดนกระทืบจมดินแน่...”

   “ถ้าเป็นผู้หญิงล่ะ”

   “กูไม่แย่ขนาดทำร้ายผู้หญิงหรอก ก็คงตกลงเรื่องซ่อมรถปกติแหละ มึงถามทำไมเหรอ....”

   “งั้น... กูขอจ่ายค่าซ่อมรถให้มึงย้อนหลังได้ไหม”

   “ไม่ต้อง มึงจะบ้าเหรอ?”

   “จริงๆ นะ กูไม่อยากรู้สึก...” มันทำสีหน้าเหมือนกำลังคิดถึงอะไรแย่ๆ มากจนไม่อยากพูดถึง

   “งั้นกูมีอะไรจะบอก ถ้ากูบอกแล้วมึงอย่าโกรธกูนะ”

   “อะไร...”

   “รถกูมีประกัน”

   “ฮะ ว่าไงนะ!!”

   “ถึงจะต้องออกก่อน แต่ก็เบิกย้อนหลังได้อยู่ดี เพราะงั้นอย่าคิดมากเลย”

   “งั้นมึง... ก็หลอกแดกกูมาตั้งนาน” ไอ้วอกหน้าแดงและลมออกหูกำไม้กำมือเหมือนอยากทำร้ายใครสักคนแต่พยายามยั้งตัวเองไว้

   “ถ้ามึงอยากทำร้ายกูก็ได้นะ ถ้าจะทำให้มึงรู้สึกดีขึ้น” มันไม่ตอบแต่พยายามหลับตาสูดลมหายใจยาวลึก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลับสู่สภาพปกติ มันถอนใจแรงๆหนึ่งทีอย่างปลงตกก่อนจะลืมตาขึ้นจ้องท้องฟ้าดำมืดในคืนนี้

    “เมื่อปีที่แล้ว กูกับแฟนเคยมาเที่ยวที่นี่ แล้วก็ถูกพวกจิ๊กโก๋รุมทำร้าย แล้วตอนนั้นก็มีเพื่อนร่วมคณะคนนึงเข้ามาช่วย  ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจมาช่วยก็เถอะ แต่กูรู้สึกติดหนี้บุญคุณเค้ามาโดยตลอด” มันเว้นระยะการพูดทำให้ผมรู้สึกว่าเรื่องราวมันช่างคลับคล้ายคลับคลาอย่างไรชอบกล ผมหันไปขมวดคิ้ว  และมันหันหน้ามามองผมเช่นกัน

   “วันนั้นมีคำบางคำที่กูอยากพูดแต่เค้าปฏิเสธที่จะรับมัน แต่ตอนนี้ ถึงมึงไม่อยากฟัง แต่... ขอบคุณมากนะตุลย์ ขอบคุณที่ช่วยกูและควิลไว้ ถึงมึงจะจำมันไม่ได้ กูก็ขอบใจที่ช่วยรับฟังมันซะที...”

    เรื่องที่มันเล่าเป็นภาพอันเลือนรางที่ผมพอจำได้บ้าง คงเพราะมีแผลเป็นที่ศีรษะ เลือดที่ไหลลงมาตามหน้าผากมาตามคิ้วทำให้ผมเลือกที่จะหลับตาจึงไม่เห็นหน้าคนที่เข้ามาคุยด้วย  ผมไม่สนใจพวกเขา ไม่รับแม้แต่คำขอบคุณ มันแย่ที่ผมไม่รู้เลยว่าจะเป็นมัน

    “แค่นี้เราสองคนก็ไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ... กลับกันเถอะ” น้ำเสียงของมันสดใส แต่ผมรู้สึกตัวชาไปหมด เมื่อได้ฟังประโยคนั้น ได้แต่หมุนตัวช้าๆ มองร่างของมันก้าวเดินไปที่รถ แต่ตัวผมเองกลับยทนนิ่ง มันคงรู้สึกได้ว่าผมไม่ได้เดินตามไปมันจึงหันกลับมา

   “เฮ้ย... มาดิวะ จะยืนทำซากอะไรตรงนั้น ไม่ไปกูทิ้งไว้นี่นะ” เสียงมันตะโกนอย่างอารมณ์ดี... แต่ผมก็ยังไม่สามารถก้าวเดินไปหามันได้  ผมเห็นมันเริ่มหงุดหงิดจนเดินกลับมาอีกที

   “เป็นอะไรของมึงอีก...”

   “นี่ใช่ป่ะ เหตุผลของทุกอย่าง ทั้งเรื่องที่มึงกลับมา ทั้งเรื่องที่มึงใจดี  กูหลงนึกว่ามึงห่วงกูจริงๆ ซะอีก”

   “กูไม่อยากให้คนที่เคยช่วยกูไว้ต้องมาเจ็บตัวเพราะกู  มึงจะเรียกมันว่าห่วงก็ได้”

   “แต่เหตุผลสำคัญที่มึงกลับมาไม่ใช่แค่นั้น ที่มึงถามเรื่องข้อแลกเปลี่ยน ที่มึงเล่าเรื่องที่กูเคยช่วยมึงไว้  มึงแค่จะหาวิธีตัดขาดจากกูอย่างสมบูรณ์แบบ มึงจะได้ไปอย่างสบายใจไม่มีอะไรติดค้างกัน สำหรับเรามันไม่มีทางไปต่อเลยใช่ไหม?”

   “แล้วมึงคิดว่ามันมีรึเปล่าล่ะ” คำถามนั้นทำให้ผมหยุดชะงัก ทำไมผมช่างขี้ลืม ผมจะถามมันไปทำไมในเมื่อมันก็เพิ่งจะตอบผมมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วนี่เอง


    “กูต้องทำยังไง มึงถึงจะเชื่อว่ากูไม่ได้ล้อเล่นหรือหลอกลวงมึง ต้องทำยังไง มึงถึงจะรักกู ช่วยบอกกูหน่อยสิ.... ยังมีอะไรอีกไหมที่กูทำได้ แล้วกูยังไม่ได้ทำ”

   “ไม่มี.........”



   “มึงกลับไปเถอะ กูขออยู่นี่สักพัก...” ผมบอกอย่างคนหมดเรี่ยวแรงแล้วหันหน้าเข้าหาทะเล

   “ตุลย์... กลับไปด้วยกัน กูไม่ปล่อยมึงไว้นี่คนเดียวแน่” ผมหลับตา กำมือแน่น ไม่เข้าใจมันเลย เดี๋ยวก็บอกจะทิ้งเดี๋ยวก็บอกไม่ทิ้ง

   “ถ้ามึงยืนยันว่ามึงรักกูจริงๆ เลิกเอาแต่ใจตัวเองแล้วฟังที่กูพูดบ้างก็ดีนะ”

   หมดความอดทน หันขวับกลับไปคว้าร่างของมันเข้ามากอด ลืมไปด้วยซ้ำว่ามือข้างที่ถนัดมีแผลที่หลังมือ

   “เป็นแฟนกับกูสิ แล้วกูจะเชื่อฟังมึงทุกอย่าง... มึงทำได้ไหม?” เป็นอีกครั้งที่ผมตะโกนใส่มันด้วยอารมณ์ “ถ้าทำไม่ได้ มึงก็ควรจะเลิกทำเหมือนสงสารกูสักที มึงรู้ไหมกูพยายามแล้วที่จะตัดใจ แต่ทุกครั้งที่กูเดินห่าง มึงก็กลับมาทำให้กูมีความหวังอยู่เรื่อยๆ ถ้ามึงไม่ได้รักกู แล้วมึงทำไปเพื่ออะไร”

   “กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไปทำไม ทำไมต้องคอยวิ่งหนีทุกครั้งที่มึงเข้ามาใกล้ แต่พอมึงหายไปก็เอาแต่มองหา พอมึงหยุดเดินกูก็ยืนรอ มันเป็นแบบนั้นมาตลอด ซ้ำแล้วซ้ำอีก... อาจจะเป็นเพราะกูกลัวกับการสูญเสียอีกครั้ง จึงไม่กล้ายอมรับว่าใครบางคนมีอิทธิพลมากแค่ไหน มันจะเป็นยังไงถ้าคนที่เคยเดินอยู่ข้างๆ วันหนึ่งเขาก็เดินนำไป หากวันไหนที่กูหยุดเดินแล้วมึงเดินหนี กูควรทำไงดี?”

   “มึงมีสองมือ สองแขนเหมือนกูหรือเปล่า กอดกูไว้สิ แล้วห้ามไม่ให้กูไป มันยากมากหรือไง? ยากกว่าการเลิกรักมึงรึเปล่า เพราะมีแค่เรื่องนั้นแหละที่กูยอมรับว่ามันยากมากเหลือเกิน...”

   ผมมองตามันที่จ้องกลับมา ผมไม่เข้าใจสายตาแบบนั้น สายตาที่เหมือนจะซึ้งแล้วก็หลบตาไป

   เหอะ.... !! สมเพชตัวเอง คืนนี้คืนเดียวผมบอกรักมันไปแล้วตั้งกี่รอบ แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันรับรู้บ้างเปล่า

   “กลับเถอะ” เลิกบ้าซะที ผมบอกตัวเอง แล้วปล่อยตัวมันออก พยายามสงบจิตใจอันฟุ้งซ่านพร้อมทั้งเดินกลับไปที่รถ

   “ตุลย์” ผมหงุดหงิดจนไม่อยากตอบ เดินต่อไปอีก

   “ตุลย์” ก็ยอมกลับแล้วนี่ไง ยังต้องการอะไรอีก...

สวบ.... ทีนี้ไม่ใช่แค่เสียงแต่มาเป็นสัมผัส...

   และมันก็ทำสิ่งไม่คาดฝันอีกตามเคยคือการวิ่งเข้ามากอดผมจากด้านหลัง ผมกำลังหงุดหงิดจึงพยายามแกะมือมันออก แต่มันยิ่งรัดแน่นเข้า...

   “มึงบอกกูเองนะว่าถ้ามึงเดินหนี ให้กอดไว้...” ก็จริง เพิ่งบอกมันไปเมื่อกี้นี้เอง ผมเลยได้แต่ยืนนิ่ง

    “มีอะไรก็พูดสิ...”

   “ลองคบกันดูไหม... กูอยากรู้ว่าวิธีของมึงใช้ได้จริงหรือเปล่า...”

   ผมออกจะแปลกใจกับเหตุผลแบบนั้น แต่เมื่อนึกได้ว่าไอ้คนพูดมันเป็นพวกปากแข็งอยู่แล้วเลยรู้สึกว่าคำพูดแบบนี้ก็เข้ากับคนอย่างมันดี

    อาจจะเป็นเพราะผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กับสถานการณ์ที่กำลังจะดีแล้วก็เปลี่ยนเป็นเลวร้าย ดี ร้ายจนปรับตัวแทบไม่ทัน ดังนั้นเมื่อโดนคำถามแบบนี้ขึ้นมาผมจึงไม่อยากต่อความยืดด้วยคำถามประเภท จริงหรือเปล่า แน่ใจนะ มึงรักกูไหม...

    สิ่งที่ควรจะทำคือตอบตกลงมัดมือชกมันเลยดีกว่า แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง



   “คบแล้วห้ามเลิกนะเว่ย...”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-03-2015 10:22:17 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
คำพูดปอนด์เหมือนจะหายมาม่าแล้วแต่ทำไมเรายังหน่วงอยู่เลย สงสารตุลย์ เง้อ

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
กราบกรานนนนนนนนนน.....อูยยยลุ้นจนเหนียวเบย  :hao5: :hao5: :hao5:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
มีเมียติสต์มาก โคตรซับซ้อนยิ่งกว่าชะนียามมีเมนส์

นายต้องอดทนนะตุลย์....

ปล.ขนาดบอกรักยังคิดเองว่าไม่ใช่.... ปอนด์ นายรับตำแหน่งเคะคิดเยอะแห่งปี(หลายปีซ้อน)ไปเลย

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
จัดหนักๆ ซะทีดีไหม กว่าจะยอมรับออกมาได้

ออฟไลน์ PoP~Pu

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-5
โอ้ยยย กว่าประโยคนี้จะหลุดจากปากปอนด์  ในที่สุด...ในที่สุดดด :heaven

ออฟไลน์ nutty

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-3
กระต่ายโคตรซับซ้อน ในที่สุดก้อคิดได้
สงสารตุลย์คืนนี้โดนปั่นหัวหลายรอบ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ inpurplethief

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
ดีมาก เปิดใจคุยกัน
วิธีของตุลย์ต้องดีแน่ๆ ลองดูนะ

ขอบคุณคนเขียนค่ะ มาดึกเชียว

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
 ในที่สุดก็คุยเรื่องเดียวกันสักที

เฮ้อออออ

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ลุ้นคู่นี้ให้พูดเรื่องเดียวกันยิ่งกว่าดูบอล :เฮ้อ:

คำตอบจะเป็นแบบไหนน้อ


 :กอด1: :L2: :L2: :pig4:


ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
ตอนที่  45 เหตุผลเดียวกัน

   “ลองคบกันดูไหม... กูอยากรู้ว่าวิธีของมึงใช้ได้จริงหรือเปล่า...”

   ผมออกจะแปลกใจกับเหตุผลแบบนั้น แต่เมื่อนึกได้ว่าไอ้คนพูดมันเป็นพวกปากแข็งอยู่แล้วเลยรู้สึกว่าคำพูดแบบนี้ก็เข้ากับคนอย่างมันดี

    อาจจะเป็นเพราะผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กับสถานการณ์ที่กำลังจะดีแล้วก็เปลี่ยนเป็นเลวร้าย ดี ร้ายจนปรับตัวแทบไม่ทัน เหมือนโดนปั่นหัว ดังนั้นเมื่อโดนคำถามแบบนี้ขึ้นมาผมจึงไม่อยากต่อความยืดด้วยคำถามประเภท  จริงหรือเปล่า แน่ใจนะ มึงรักกูไหม...

    สิ่งที่ควรจะทำคือตอบตกลงมัดมือชกมันเลยดีกว่า แล้วเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง


   “คบแล้วห้ามเลิกนะเว่ย....”

    .
    .
   .

   กลับมาถึงห้องของมัน ผมนั่งลงบนเตียงมองไอ้วอกยัดข้าวกล่องและน้ำผลไม้ที่ซื้อมาจากเซเว่นระหว่างทางแช่ตู้เย็น
   จากนั้นมันก็เปิดตู้เสื้อผ้าคว้าผ้าขนหนูพาดบ่าเดินเข้าห้องน้ำไป

   20นาทีผ่านไปมันอาบน้ำเสร็จเปลี่ยนเสื้อผ้า และโยนผ้าขนหนู (ใช้แล้ว) มาให้

   “อาบน้ำดิ”

   “เช็ดตัวให้ดิ มือเป็นแผล อาบเองไม่ได้”

   “อย่ามาสำออย คนเป็นแผลที่ขาเค้ายังอาบน้ำได้เลย นี่เป็นที่มือ แค่ยกสูงๆ ก็อาบได้แล้ว...” มันบอกแล้วเดินเข้ามาหาพยายามจะถอดเสื้อให้

   “งั้นมึงอาบให้ได้มะ?”

   มันชะงักมือที่ดึงเสื้อผมแป๊บนึงก่อนจะตอบว่า

   “อือ.....”



   ข้ามตอนอาบน้ำไป แม้ว่าผมจะรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ให้ความรู้สึกดีๆ มากๆ เวลามีมือคนอื่นมาคอยลูบไล้ หรือเกาหนังศีรษะให้ ซึ่งโดยปกติแล้วผมค่อนข้างหวงหัวตัวเองเอาเรื่อง ต่อให้เพื่อนสนิทยังไม่ยอมให้แตะง่ายๆ ยิ่งตบหัวนี่ลืมไปได้เลย ผมเอาตาย... แต่เพราะตัวสูงเลยไม่ค่อยมีคนยุ่งเท่าไร... แต่ กบมันผมไม่หวงเลย ผมอยากให้มันรู้ว่าเวลามีคนพิเศษ  คนๆ นั้นจะได้สิทธิพิเศษที่แตกต่างจากเพื่อน หรือคนรู้จักหลายๆ อย่าง

   ผมได้บอกเซอร์เก่าๆ มาใส่ตัวหนึ่ง ใส่ได้เพราะมันยืดๆ ถ้าขนาดปกติจะคับเพราะมันตัวผอมกว่า ส่วนเสื้อเลยไม่ใส่ให้อึดอัด

   “ทำอะไร...”  ผมถามเมื่อผมเห็นมันเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ โดยไม่ปิดประตู

   “ซักเสื้อ...”

   “ทิ้งแล้วซื้อใหม่เหอะ เลอะเลือด มันซักออกยาก”

   “เสียดาย ไปค่ายแล้วได้มา”

“กูก็บอกมึงแล้วว่าอย่าเช็ดมึงก็ไม่เชื่อ....”

    “ก็มึงเลือดโชกขนาดนั้น...... ช่างเถอะ ไปๆ มึงไปนอน ลองแช่ไฮเตอร์ทิ้งไว้ซักคืน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยซักใหม่...” มันลุกขึ้นยืนแล้วเอามือดันพุงให้ผมถอยออก

   “ไว้เดี๋ยวกูซื้อเสื้อใหม่ให้ละกัน”

   “ไม่ต้องเลย ถ้าจะให้อะไรนะ เอาแบบที่ไม่ต้องซื้อ แต่หายากๆ ดีกว่า...”

   “ได้ เดี๋ยวจะหามาให้...” มันมองหน้าผมด้วยสายตาฉงนแต่ก็ไม่ถามอะไรมันคงสงสัยว่าผมรับปากมันนี่ คิดออกแล้วหรือไงจะหาอะไรมาให้  บอกตามตรงตอนนี้ผมก็ยังนึกไม่ออก แต่คิดว่าสักวันคงจะหาเจอ...
   


   ผมเป็นฝ่ายขึ้นไปนอนบนเตียงฝั่งติดผนัง ในขณะที่ไอ้วอกเดินไปปิดไฟ ท่ามกลางความมืด...ผมใจเต้น... เมื่อรู้สึกว่าฟูกนอนยุบลงและกลิ่นสบู่อวลเตะจมูก

   “ขยับมาข้างนอกกูจะนอนข้างใน”

   “อะไรวะ เรื่องมาก” ผมแอบบ่นแต่ก็ขยับออกมาให้มันคลานเข้าไปนอนข้างใน

   “นอนข้างนอกดีแล้ว ขืนนอนข้างใน ตอนหลับๆ กูพลิกไปโดนมือมึงพอดี” ผมลืมนึกเรื่องนั้นไปเลย...

   “คิดไปเองหรือเปล่านะว่าวันนี้มึงใจดีจัง นั่นเพราะกูไม่สบาย หรือเพราะกูเป็นแฟนมึง...”

   “คิดว่าอย่างไหนล่ะ?”

   “อย่างไหนกูก็รู้สึกดีทั้งนั้น....อย่างแรกรู้สึกดีที่รู้ว่ามึงเป็นห่วง ถ้าเป็นอย่างหลังก็รู้สึกดีที่ได้เป็นแฟนกัน...”

“ตุลย์....เอาจริงๆ ที่กูตัดสินใจแบบนี้นะ เพราะกูไม่ยากให้มันคาราคาซัง คนรักก็ไม่ใช่ จะไปไหนก็ไม่ได้ ทั้งๆ ที่กูเองยังไม่รู้เลยว่ามันจะเวิร์คหรือเปล่า” เอาอีกละ อุตส่าห์ไม่ถามเหตุผลแล้วนะเนี่ย เพราะไม่อยากให้งานกร่อย.... แต่มันก็เป็นงี้ทุกทีสิน่า
   ถอนใจเฮือก... ตะแคงตัวไปมองหน้ามันท่ามกลางความมืด...

   “มึงมันพวกคิดเยอะ... กูยังไม่เห็นอยากคิดอะไรเลย ทั้งๆ ที่กูต่างหากสมควรจะกลัวมากกว่ามึงด้วยซ้ำ เพราะมึงมันพวกผีเข้าผีออก เอาแน่เอานอนไม่เคยได้สักอย่าง มีแต่ทำให้กูเสียใจ”

   “เออ กูเป็นอย่างนั้นแหละ กูรู้ตัวเองดีอยู่  ถ้าวันไหนมึงทนไม่ได้ก็บอกมาละกัน กูเข้าใจ”

   “แค่มึงอยู่ตรงนี้ กูก็มีความสุขมากจนไม่รู้พูดยังไงละ เพราะงั้นไม่ว่ายังไง กูจะพยายามประคองมันไปเรื่อยๆ”

   “ขอบใจนะ แต่ถ้าวันไหนมึงเจอคนที่ดีกว่ากู เหมาะสมกว่ากู หรือรักได้มากกว่า มึงไม่ต้องฝืนเลยนะ บอกมาเหอะกูรับได้...”

   “มันก็ต้องมีอยู่แล้วล่ะ คนที่ดีกว่าเหมาะสมกว่า แต่ถ้าคนที่รักมากกว่า กูว่าคงไม่มี”  อันนี้ผมพูดจริงๆ เลย

   เพราะความมืดทำให้ผมไม่รู้ว่าสายตามันเป็นเช่นไร...  แต่ถ้าให้เดาก็คงอึ้งหรือไม่ก็ซึ้ง
   รู้แต่ว่าตอนนี้หน้าของเรามันใกล้กันมาก... มากเสียจน....

   “จูบได้ป่ะ....” เอ่ยถามไปในที่สุด คงเพราะวันนี้โดนด่าไปเยอะเรื่องความเอาแต่ใจ เวลาจะทำอะไรเลยอยากขอ....

   “มากกว่านั้นก็ได้.....”  ผมถือว่านั่นเป็นคำอนุญาตเชิงเชิญชวนให้ล่วงเกินมันได้ตามใจชอบ และผมก็ไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะปฏิเสธ......

   ถ้าเพียงแต่ระหว่างการปฏิสัมพันธ์ ผมจะไม่โดนไอ้วอกเอาแผ่นหลังทับมือจนเลือดซึมเอาเสียก่อน จากนั้นไอ้จอมโวยวายมันก็เลยไม่ยอมให้ผมทำต่อ...ทั้งๆ ที่ผมยืนยันแล้วว่าไม่เป็นไร - - สุดท้ายเราก็เลยได้แต่นอนกอดกันเฉยๆ แต่ถึงจะแค่กอด...สำหรับวันนี้ กลับเป็นกอดที่รู้สึกดีกว่าที่ผ่านมาตั้งไม่รู้กี่เท่า....




   ผมสะดุ้งตื่นตอน9โมงกว่าด้วยนาฬิกาปลุก... ลืมตาอย่างงัวเงีย เพราะเมื่อคืนนอนดึก

   “ปิดเทอมอยู่ มึงตั้งปลุกไว้ทำไม?” ผมถามอย่างข้องใจ  คนถูกถามลุกขึ้นคลานเข่าข้ามขาผมลงจากเตียงไปยังมือถือของมันเพื่อปิดเสียง

   “กูต้องไปซ้อมดนตรีที่ชมรมน่ะสิ” จะว่าไปก็พอคุ้นๆ อยู่หรอกนะเรื่องนี้...

   “กับยาสระผม?”

   “เออ...” มันรับคำด้วยเสียงรำคาญ บิดไหล่บิดคอไปมา แล้วเดินไปเปิดตู้เย็น หยิบกล่องข้าวมาเข้าเวฟ ก่อนจะหยิบผ้าขนหนู เดินเข้าห้องน้ำไป.... และเปิดประตูออกมาในนาทีเดียวกัน

   “มึงดูเองนะว่ามียาก่อนอาหารป่าว....ถุงยาบนโต๊ะคอมอ่ะ” ปิดประตูฉับ....

   ผมเกาคอ... แล้วยิ้ม...ขนาดตัวเองยังลืมเลยว่าต้องกินยา
   


   
   หลังอาหารมื้อเช้า ด้วยข้าวต้มกุ้ง...(สูตรอีซี่โก) ส่วนมันกินกะเพราไก่  มันก็เหมือนจะต้องไป.... ซึ่งผมไม่ค่อยอยากให้มันไปเท่าไร ...

   “ตอนเที่ยงซื้ออะไรมาให้กินด้วยนะ”

   “มื้อเช้า 10โมง เที่ยงมึงจะกินอีกแล้วเหรอ?” มันหันมาทำหน้าดุ

   “ก็กูอยากเจอมึงนี่นา”

   “วู้ มึงนี่ก็เยอะไปละ...”

   “แค่นี้ทำให้แฟนไม่ได้เหรอ?”

   “ก็เป็นแฟนกันแล้ว บอกแล้วให้เลิกเอาแต่ใจไง เดี๋ยวเย็นก็กลับแล้ว”

   “มีแฟนแล้วมันก็ต้องอ้อนหน่อยดิวะ ไม่งั้นจะมีไว้ทำไม หรือจะให้ว่ามีไว้ทำอย่างอื่นอย่างเดียว...” ผมถามแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม มันขมวดคิ้ว หรี่ตาใส่

   “การที่กูกะมึงคบกัน ไม่ได้แปลว่า กูอนุญาตให้มึงสามารถเอากูได้24 ชั่วโมงนะ ช่วยเข้าใจซะใหม่ด้วย”

   “ให้เวลานอนสัก10ชั่วโมง ที่เหลือ... ได้”

   “เชี่ยตุลย์!!” ผมเห็นมันแยกเขี้ยวใส่ แล้วหัวเราะเบาๆ

   “ล้อเล่น ใครจะไปอึดอย่างนั้น..”

   “ล้อเล่นก็ดีแล้ว อย่าให้กูรู้สึกว่าคิดผิดเลยที่ตัดสินใจขอคบกะมึง...” ได้ยินแล้วรู้สึกแย่ไงไม่รู้สิ....

   “ส่วนหนึ่งที่มึงยอมคบกับกู เพราะเรื่องเมื่อปีที่แล้วป่ะ” นึกเสียใจเหมือนกันที่ถาม เพราะรู้ตัวดีกว่าไม่คำตอบจะออกมาเป็นแบบไหน ผมไม่มีทางเลิกรักมันได้อยู่ดี

   “ถ้ากูตอบว่าใช่ มึงจะบอกเลิกกูตอนนี้เลยป่ะ....”

   “ไม่หรอก.....” ผมตอบด้วยเสียงเบาโหวง

   “งั้นกูมีนิทานจะเล่าให้ฟัง..” ผมเงยหน้าขึ้นฟัง

   “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... มีสาวงามนางหนึ่งเดินทางไปเที่ยวป่ากับสามี ระหว่างทาง นางผลัดตกลงไปในแม่น้ำอันเชี่ยวกราก ด้วยความตกใจ สามีของนางกระโดดลงไปช่วยทั้งๆที่ ตัวเองก็ว่ายน้ำไม่เป็น ทั้งคู่ล่องลอยตามสายน้ำจนตกลงไปในน้ำตกอันสูงชัน หญิงสาวฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตัวเองรอดชีวิตได้ด้วยความช่วยเหลือของพรานป่า ด้วยความงามของนางพรานป่าจึงของนางแต่งงาน หญิงสาวรู้สึกซาบซึ้งในบุญคุณ แต่ไม่อาจตอบตกลงได้เพราะตัวเองมีสามีอยู่ก่อนแล้ว  พรานป่าพยายามหว่านล้อมว่า เขาอาจจะตายในน้ำตก และให้เวลานาง1ปี ถ้าหากระหว่างนี้ไม่พบสามีของนาง ขอให้นางแต่งงานกับตน ผ่านไป1ปีก็ไม่มีวี่แววของสามีของนาง หญิงสาวจึงตกลงแต่งงานกับพรานป่าเพื่อทดแทนบุญคุณที่ช่วยชีวิต  5 ปีหลังจากนั้น เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ระหว่างที่นางไปซักผ้าที่ริมลำธารเหมือนปกติ จู่ๆนางก็ได้พบสามีเก่าที่น่าจะตายไปแล้วยังมีชีวิตอยู่ ทั้งสองเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง และนางพบว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร นางก็ไม่เคยหมดรักในตัวสามีเลย  .....คำถาม..... ถ้าต้องเลือกได้เพียงคนเดียว นางจะเลือกอยู่กับผู้ชายคนไหน”

   “ถึงคนแรกมันจะโง่ไปซะหน่อย แต่ก็คงรักนางจริงๆ ไม่งั้นคงไม่โดดลงไปช่วยทั้งๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น”

   “แล้วมึงรู้ได้ไงคนที่สองไม่รัก ไม่งั้นจะรอได้เป็นปีเหรอ”

   “แล้วสรุปว่าเลือกใคร”

   “เอ๊ะ กูถามมึงก่อน”

   “กูไม่รู้ กูไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น มึงอ่ะชอบถามคำถามยากๆ”

   “ยากอะไร ก็บอกอยู่ในคำถาม ว่าผู้หญิงเค้าไม่เคยหมดรักในตัวสามีเก่า เค้าก็ต้องเลือกกลับไปอยู่แล้ว”

   “แล้วคนใหม่อ่ะ ถ้าไม่ได้เค้าช่วย ไม่ซี้ม่องเท่งคาน้ำตกไปละเหรอ? นางจะไม่ลังเลสงสารบ้างหรือไง” ผมถาม ชั่วแวบหนึ่งก็พาลนึกไปถึงตัวเอง

   “กูว่านะ ต้องทนอยู่กับคนที่ไม่รักนานตั้ง5ปีนี่ ก็เหมือนตายทั้งเป็นแหละวะ มันน่าจะลบล้างทดแทนกันได้แล้ว”

   “แล้วตอนนี้มึงรู้สึกแบบนั้นหรือเปล่า ก็มึงเลือกกูนี่..”

   “บ้าน่า... ถ้ารู้สึกแล้วกูจะเลือกมึงเหรอ ที่จริงเมื่อวาน ควิลเค้าก็ให้กูเลือกเหมือนกันนะ แต่กูเลือกมึงแทน คำตอบของกูอาจจะไม่เหมือนผู้หญิงคนนั้น แต่... เหตุผลกูอ่ะ เหมือน.....”

   ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเป็นตัวผมเองที่พูดประโยคนี้ออกไป ไอ้วอกจะเข้าใจไปอีกอย่างหรือเปล่า แต่สำหรับคนมองโลกในแง่ดีอย่างผม มันซาบซ่านอยู่ในอก...จนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย....

   “มึงจะบอกว่ามึงรักกูใช่ไหม?”

   “แล้วมึงคิดว่ารักหรือเปล่าล่ะ?”

   “เดี๋ยวนี้ตอบคำถามด้วยการถามกลับนะ”

   “ก็เลียนแบบใครบางคนแถวนี้ล่ะ”

    “สรุปว่ารัก....ใช่มะ” อดขำไม่ได้ เวลาเห็นคนหน้าซีดๆ มันเกิดหน้าแดงขึ้นเฉยๆ

   “ไม่รู้โว้ย ฉลาดนักก็คิดเองบ้างเถอะ กูสายละ ไปก่อนนะ”   

   มันตัดบทแล้วลุกขึ้นเดินไปที่ประตูหมุนลูกบิดแล้วเปลี่ยนใจเดินย้อนกลับมาหยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจ พอกลับไปที่ประตูยังไม่ทันบิด มันก็หันมาอีก ค่อยๆ เดินเลี่ยงไปหยิบกีตาร์

   ผมนั่งยิ้มแก้มจะแตก ทำไมรู้สึกว่าวันนี้มันมันเขินได้น่ารักดีจังนะ

    และเช้าวันแรกของการได้มีมันเป็นแฟน ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก.....




    .......
   
   หน่วงๆ มานานแสนนาน จากนี้ขอหวานๆ กันบ้างนะ
   ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะคะ ทั้งๆ ที่ดองนานขนาดนี้ นิจะพยายามต่อไปเรื่อยๆ จนจบนะ
   เหลือเรื่องสุดท้ายแล้ว อยู่เป็นกำลังใจให้นิด้วยแล้วกัน
   รักคนอ่าน *-*

นิค่ะ


ปล. ใครยังไม่ไลค์ แฟนเพจ กดกันด้วยน้า

https://www.facebook.com/Bunnypoundbread
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2014 23:05:12 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
กรี๊ดดดดดด วอกเขิลน่ารักมาก อยากหยิกแก้มน้องวอก

(แล้วคู่นี้ลงเอยกันแล้ว แล้วหนูควิลล่ะคะ????)

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
คู่นี้น่ารักไม่ดบาเลยทีเดียว นึกว่าจะ   โหด หื่น เป็นอย่างเดียว 555

ออฟไลน์ em1979

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 464
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ปลื้มปริ่ม กว่าจะมีวันนี้ได้ วันที่วอกยอมรับความจริง ดีใจสุดๆ

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
แหมะ นึกว่าดูหนังอินเดีย วิ่งไล่จับกันไปมา
ปากให้ตรงกับใจกันหน่อย แมน ๆ คุยกันนะเฮ้ย
แล้วหนูควิลของเราจะหาใครมาดูแลแทนละหนอ

ออฟไลน์ inpurplethief

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-0
หลังจากลุ้นมาหลายปี คู่นี้ก็มีโมเม้นท์ที่ชื่นใจคนอ่าน
สบายใจ มีความสุขจัง

ขอบคุณ และเป็นกำลังใจให้เขียนจนจบสมบูรณ์ในเร็ววันนะคะ

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ปลาบปลื้มมากๆๆๆ   หวานกันแบบละมุนหน่อยๆๆน่ารัก :mew1:


เป็นกำลังใจให้น้องนิต่อไปจนจบจ่ะ :กอด1: :L2: :pig4:

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6773
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :mew1: หวาน อบอุ่นดีค่ะ
วอกดูแลดีเชียว แทบไม่ต้องอ้อนอะไรมากเลย

ออฟไลน์ why yyy

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +309/-8
Re: ♪ผมรักนักร้อง♫ ☺กระต่ายยัก
«ตอบ #2906 เมื่อ01-10-2014 08:04:39 »

ขอบคุณ :)

ออฟไลน์ Zarch krub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0

ออฟไลน์ Zitraphat

  • ความแน่นอนตั้งอยู่บนฐานแห่งความไม่แน่นอน
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1025/-43
    • https://www.facebook.com/zitraphat.chonlavade
นิสู้ๆ นิสู้ๆ อย่าแกล้งกระต่ายอีกเลยนะสงสารมัน  :hao5:

ออฟไลน์ rmlab

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1679
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-2
อ่านกี่ครั้งก็รักเรื่องนี้ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด