V
v
v
“Hey, buddy. (ว่าไงเพื่อน)” ผมหันไปมองแซ็คนั่งลงทักทายกับน้องหมาพันธุ์ไทยหูตั้งตัวสีน้ำตาลเข้มที่เสียตาไปทั้งสองข้าง แม้ว่าเจ้าหมาจะมองไม่เห็นแต่มันก็ส่ายหางเมื่อได้ยินเสียงของแซ็ค พอเขายื่นมือออกไปลูบหัวมัน เจ้าหมาน้อยก็เอาหัวถูกับมือของแซ็คด้วยความออดอ้อน
“เดี๋ยวผมเข้าไปจัดการเรื่องบริจาคของก่อน คุณนั่งเล่นอยู่กับหมาก็ได้” แซ็คพยักหน้าขณะที่กำลังเกาพุงเจ้าหมาตาบอดขี้อ้อน
เมื่อช่วงเช้าตรู่ผมทำบุญตักบาตรไปแล้ว พอสักเก้าโมงก็ออกจากบ้านมาที่มูลนิธิสัตว์พิการเพื่อเอาอาหารและของใช้จำเป็นต่อหมาแมวพิการทั้งหลายมาบริจาค ผมไม่ได้ทำแบบนี้ทุกปีหรอก บางทีก็แค่ทำบุญอย่างเดียวแล้วก็จบ ส่วนปีนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ แค่เห็นมูลนิธินี้ในอินเตอร์เน็ตเลยอยากมาทำ
“แม่ เงินที่น้องติมฝากไว้” แม่ผมหยิบซองสีขาวออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นมาให้ ผมตั้งใจเอาเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการทำงานกับลูคัสมาบริจาค คิดเอาเองว่าจะได้เป็นการเริ่มต้นที่ดี และต่อยอดให้ดีต่อ ๆ ไป ฮิๆ
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่ร่วมทำบุญกับน้องๆ” พี่เจ้าหน้าที่หน้าตาใจดียื่นประกาศนียบัตรทำความดีกับมูลนิธิมาให้ ผมยิ้มกว้างแล้วรับไว้
“เราอุปถัมภ์น้องหมาได้มั้ยฮะ”
“ได้ค่ะ แต่ทางเราต้องขออนุญาตตรวจสอบประวัติผู้ที่จะอุปถัมภ์สักเล็กน้อยนะคะ เพราะบางคนมาเอาน้องไปแล้วใช่ว่าจะดูแลดี แถมบางคนยังทำไม่ดีกับน้องอีกทั้งที่น้องก็ไม่สมประกอบอยู่แล้ว” จู่ ๆ หัวใจผมก็แป้วและรู้สึกใจหาย ขนาดหมาเกิดมาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ยังมีคนคิดทำร้ายซ้ำเติมอีกงั้นเหรอ
“น้องติมจะรับเลี้ยงหมาเหรอ” ผมหันไปมองน้าแพนกับแม่แล้วยิ้มบาง
“ถามดู เผื่อมีคนอยากรับไปเลี้ยง” ผมหันไปมองผ่านประตูกระจกสีทึบของตึกสำนักงานที่มองเห็นด้านนอกได้ แซ็คนั่งอยู่บนพื้นหญ้าและมีเจ้าหมาตัวนั้นนอนเอาคางเกยตักเขาอยู่และเขาก็กำลังใช้มือขวาลูบหัวมัน
“ถ้ารับไปก็เอาไปอยู่บ้านเรา แต่แม่แค่กลัวไอ้จัมโบ้มันกัดเขา ปีโป้น่ะมันไม่กัดหรอก”
“ถ้ามีหมาที่บ้านอยู่แล้ว ทางเราก็ต้องขอศึกษาพฤติกรรมหมาที่บ้านผู้อุปถัมภ์ด้วยน่ะค่ะ ว่าจะเข้ากับน้องใหม่ได้มั้ย” ผมหันไปยิ้มให้พี่พนักงานและพยักหน้าด้วยความเข้าใจ
หลังจากพนักงานผู้ชายของมูลนิธิขนกระสอบอาหารและของใช้ที่ผมนำมาบริจาคลงจากรถกระบะเพื่อนน้าแพนเสร็จเรียบร้อย ผมก็เดินเข้าไปเยี่ยมน้องหมาน้องแมวในสถานที่เลี้ยงของทางมูลนิธิ บางตัวต้องอยู่ในกรงเป็นพิเศษ แต่บางตัวก็ถูกเลี้ยงในลานกว้าง
“บางตัวอาการสาหัสมาก แต่ใจเขาก็สู้น่ะ ก็เลยอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้” ผมหันไปพูดให้แซ็คฟังว่าพี่พนักงานพูดอะไร เขายิ้มบางและพยักหน้า
“ฉันดีใจที่ตัวเองสู้ไม่แพ้หมากับแมว จนรอดมาถึงตอนนี้เช่นกัน” ผมยิ้มให้กำลังใจ ยื่นมือซ้ายไปลูบต้นแขนขวาของเขา แซ็คยืนมองหมาตัวสีขาวแซมส้มที่ขาหน้าขาดทั้งสองขากำลังวิ่งเล่นกับเพื่อนตัวอื่นสนุกสนานแล้วคลี่ยิ้ม
“คุณเก่งมาก” แซ็คหันมามองหน้าผมด้วยสายตาอ่อนโยน
“ขอบคุณที่นายเข้ามาเป็นความหวังให้กับชีวิตฉัน”
“ไม่ใช่ผมหรอก ตัวคุณเองต่างหากที่มีหวัง ถึงได้ฮึดสู้และผ่านมันมา”
“แต่ถ้าไม่มีนาย ฉันก็คงไม่สู้ขนาดนี้” ผมยิ้มกว้าง
“โอเค ผมรับความดีนี้ไว้ก็ได้” ผมยักคิ้ว แซ็คขยับมุมปากสองขึ้นสูงจนหางตาย่น ผมหันกลับไปมองเจ้าหมาสองขาหน้าขาดหายไปที่ตอนนี้นั่งพักเหนื่อยลิ้นห้อยด้วยความเอ็นดู
“ผมเข้าไปได้หรือยังเนี่ย” ผมถามแซ็คทางโทรศัพท์
[โอเค! เข้ามาได้เลย] ผมขำคิกคักทั้งที่ยังไม่เห็นว่าเขาจะทำอะไรให้
เนื่องจากไม่มีเพื่อน ๆ คอยช่วยเหลือ แซ็คจึงบอกผมตรง ๆ ว่าจะเซอร์ไพรส์วันเกิด แต่จะไม่ให้ผมเห็นก่อนจนกว่าเขาจะอนุญาต ผมเลยต้องออกมานั่งดูหนังรอตรงพื้นที่เอนกประสงค์บนชั้นสองหน้าห้องพระ เมื่อกี้โทรเช็กกับเขาหลังจากรอเขาจัดการอะไรอยู่ในห้องนอนมาเกือบชั่วโมง
ก๊อกๆ
“ผมเข้าไปแล้วนะ” ผมตะโกนบอก ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ กลับมา ผมยืนรออีกอึดใจหนึ่งถึงบิดลูกบิดประตูและดันเข้าไปในห้องนอน
ภายในห้องมืดสนิท มีแสงสว่างเพียงจุดเดียวคือเทียนรูปตัวเลขอายุของผมที่ปักอยู่บนเค้ก แต่ที่ทำเอาผมผงะไปในแวบแรกคือหัวกระต่ายอันใหญ่สีขาวหูสีชมพู ตาโตสีฟ้าและยิ้มโชว์ฟันกระต่าย ใจผมหายวาบเพราะมันให้ความรู้สึกเหมือนหนังฆาตกรรมที่ฆาตกรจะใส่หน้ากากประหลาด ๆ แล้วตามฆ่าคน
“Happy birthday, bunny!” เสียงอู้อี้ดังมาจากในหัวกระต่าย ผมหัวเราะแล้วเดินเข้าไปยืนตรงหน้ากระต่ายยักษ์ ยิ้มขำเมื่อเห็นว่าสองมือที่กำลังถือเค้กอยู่นั้นใส่ถุงมือขนสีขาวอันใหญ่ไว้ด้วย แถมกระต่ายตัวนี้เซ็กซี่สุด ๆ ด้วยการผูกโบว์สีทองไว้ตรงคอและไม่ใส่เสื้อโชว์หุ่นล่ำให้ชวนน้ำลายไหล
“Oh, this bunny is so hot! (โอ้ว กระต่ายตัวนี้ฮ็อตจัง)” ผมแกล้งแซว
“Make a wish! (อธิษฐานสิ!)” ผมหลับตาลงและอธิษฐานไม่ยาวมากก่อนจะเป่าเทียนดับทีเดียว
“Yayyy!” เสียงกระต่ายร้องด้วยความดีใจ ผมหัวเราะแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มกระต่ายเป็นการขอบคุณ
“Thank you, big bunny. (ขอบคุณนะเจ้ากระต่ายตัวใหญ่)”
“Turn on the light. (เปิดไฟสิ)” ผมเดินไปเปิดไฟตามที่เขาว่าแล้วพอหันมาก็ต้องหัวเราะอ้าปากกว้างด้วยความรู้สึกหวิว ๆ ในท้อง
“Surprised!”
“อ้ากกก” ผมร้องด้วยความเขินกับภาพตรงหน้าที่เห็น แซ็คถือเค้กด้วยมือขวาแล้วกางแขนทั้งสองข้างออก เพราะเมื่อกี้อยู่ในความมืดผมเลยไม่ได้สังเกตว่าท่อนล่างเขาใส่แค่กางเกงชั้นในทรงสามเหลี่ยมสีทองมันเลื่อมตัวจิ๋วที่รัดเป้าเขาตึงแน่นเปรี๊ยะ ผมหัวเราะถูกอกถูกใจก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพ กระต่ายตัวโตยืนเก๊กหล่อ (แม้ว่าไม่เห็นหน้า) ให้ผมถ่ายเต็มที่
“This is a video. Show your step a little bit. (อันนี้วิดีโอ เต้นหน่อยสิ)” พ่อกระต่ายตัวใหญ่เด้งเป้าขึ้นลงเบา ๆ หลายทีติดกัน ผมหัวเราะเอิ๊กอ๊าก กระต่ายตัวใหญ่เปลี่ยนเป็นหมุนเอวไปตามเข็มนาฬิกาซึ่งทำได้พลิ้วสมกับเป็นนักเต้นระบำเปลื้องผ้า
“คิๆๆๆ” ผมห่อไหล่เขินเมื่อกระต่ายตัวโตเดินเข้ามาหาผมแบบที่เดินไปด้วยเด้งเป้าไปด้วย จนกระทั่งเจ้ากระต่ายยักษ์เดินมาติดตัวผมชนิดที่เป้าตุง ๆ นั้นแนบไปกับต้นขาผมแล้ว
“ว้ากกก” ผมร้องด้วยความสยิวกิ้วเมื่อแซ็คถูเป้าขึ้นลงกับต้นขาผมช้า ๆ จนขนผมลุกชันไปทั้งร่าง สักพักก็เปลี่ยนเป็นจับผมหันหลังก่อนจะเด้งเป้าใส่ก้นผมแรง ๆ หลายทีติดกัน
“วะอะๆๆๆ” ผมหัวเราะอ้าปากกว้าง ตัวสั่นไปตามแรงเด้าของเขา
“Okay, okay, take some photo. (มา มา ถ่ายรูปกัน)” ผมหยุดถ่ายวิดีโอแล้วเปลี่ยนเป็นโหมดกล้องหน้า เดินไปเอาไม้เซลฟ์ฟี่มาจัดการใส่โทรศัพท์และเปิดสัญญาณเชื่อมกัน พอเสร็จเรียบร้อยก็เข้าไปยืนซ้อนหน้าพี่กระต่าย เอนตัวเอาหัววางบนไหล่ซ้ายของเขา กระต่ายตัวใหญ่ใช้แขนซ้ายโอบเอวผมไว้ ผมชี้ไปที่กล้อง ดวงตาสีฟ้าของเจ้ากระต่ายมองกล้องไม่กะพริบ เมื่อได้ภาพที่กว้างแบบเห็นกระต่ายถือเค้กและหัวกระต่ายไม่ขาดแล้ว ผมก็กดรีโมตเล็ก ๆ ของไม้เซลฟ์ฟี่ถ่ายภาพไปหลายภาพ
“Sexyyyy” ผมยิงฟันยิ้มกว้างแล้วก็กดถ่ายภาพคู่กับแซ็คในร่างพี่กระต่ายไปหลายช็อต ผมดึงโทรศัพท์ออกจากไม้เซลฟ์ฟี่แล้วก็ใช้แขนตัวเองถ่ายรูปแทนไม้ในมุมใกล้ไปอีกสี่ห้าภาพ
“Thank you, big bunny.” ผมลดแขนลง หันไปหอมแก้มกระต่ายทั้งสองข้าง พี่กระต่ายเอาเค้กวางบนโซฟาปลายเตียง ก่อนจับไหล่สองข้างของผมแล้วดันให้ไปนั่งอีกซีกของโซฟา ยกมือทำท่าบอกว่าให้ผมนั่งนี่ก่อนที่จะเดินไปตรงตู้เก็บของ เขาถอดถุงมือข้างขวาออกเพื่อใช้กดแม็คบุ๊กของผมที่วางอยู่กับลำโพงสีดำสองอัน
“Wowww!” ผมปรบมือเมื่อได้ยินเสียงดนตรี เป็นดนตรี EDM ที่ไม่ได้หนักหน่วงหรือเสียงแตกแบบในผับบางผับที่ผมเคยไปกะเดน อันนี้เป็นจังหวะกำลังดี เสียงทุ้มหนัก
“ฮะฮ้าวววว” ผมร้องด้วยความตื่นเต้นเมื่อแซ็คยกสองมือกระต่ายปุกปุยขึ้นจับหัวแล้วก็เด้งไปซ้ายทีขวาทีตามจังหวะเพลงอยู่เกือบนาทีก่อนที่เขาจะปล่อยมือออกจากหัว หยุดเด้งเป้าแล้วยืนหันหลังครู่หนึ่งก่อนจะย่อเข่าลง สองมือวางบนหัวอีกครั้ง เหมือนว่าพอเขาจับจังหวะเพลงได้ก็เด้งก้นแน่น ๆ งอน ๆ ใส่ผมตามจังหวะดนตรี
“อ๊า อะๆๆๆ” ผมหัวเราะไปปรบมือไปด้วยความถูกใจ สักพักแซ็คก็เปลี่ยนท่าด้วยการยังย่อเข่าไว้เหมือนเดิม แต่ปล่อยมือสองข้างออกจากหัว แล้วก็หมุนเอวไปด้านขวาเป็นวงกลมและค่อยหมุนมาหาผมทั้งที่เอวยังวนหวานไม่เลิก
“วู้วว วู้ว วู้ว!” แซ็คเด้งตัวยืนขึ้น ยกสองมือจับหัวอีกรอบ เด้งเป้าฝั่งละสองทีตามจังหวะดนตรีสลับกับที่สองเท้าก้าวเดินมาข้างหน้า เดินสลับเด้งอยู่เป็นนาที พี่กระต่ายก็มายืนตรงหน้าผม แล้วพี่กระต่ายก็ทำให้ผมร้องเสียงหลงตกใจ
“โว้ววว โฮ่ววว” พี่กระต่ายแกโดดขึ้นคร่อมผมบนโซฟา เป้าสีทองตุงมันเลื่อมอยู่หน้าผมพอดี แล้วสักพักพี่กระต่ายก็จับหัวผมไว้จากนั้นก็เอาเป้าถูไปรอบหน้าผมจนผมหัวเราะตาปิด
“อ๊าๆ อ้าๆๆๆ” ผมยกสองมือตีก้นของแซ็คหลายทีติดกันเพราะขำกับสิ่งที่เขาทำ เขาเอาเป้าถูหน้าผมอยู่เป็นนาทีถึงค่อยกระโดดลงไปยืนบนพื้นตามเดิม ตรงกับจังหวะที่เพลงหยุดเล่นพอดี ผมที่ยังหัวเราะหน้าแดงหน้าร้อนปรบมือให้เขารัว ๆ กระต่ายยักษ์โค้งหัวลงเป็นการขอบคุณ
“Bad ass!” แซ็คดึงหัวกระต่ายออกจากหัวตัวเอง เผยให้เห็นหน้ายิ้มแย้มของเขากับเส้นผมที่เปียกเหงื่อเบา ๆ ผมปรบมือดังขึ้นกว่าเดิม
“วุฮู้ววว”
“You like it? (ชอบมั้ย)” แซ็คถามตาเป็นประกาย ใบหน้าสดใส ผมพยักหน้ารัวๆ
“I love it!” แซ็คยิ้มกว้าง หมุนตัวเดินเอาหัวกระต่ายไปวางบนหลังตู้ข้างแม็คบุ๊ก และถอดถุงมือปุกปุยวางไว้ข้างกัน ผมยิ้มขำตาหยีกับโบว์สีทองตรงคอและกางเกงในตัวจิ๋วสีทองมันเลื่อมตรงเป้า
“ท่าเต้นอาจจะไม่เป๊ะมาก มีเวลาซ้อมไม่กี่ชั่วโมงเอง” เขาเดินมายืนเท้าเอวตรงหน้าผม เป้าสีทองตรงกับปากผมเป๊ะ และผมก็เห็นว่าเจ้าสิ่งนั้นขยายตัวใหญ่ขึ้นจนหัวโผล่ออกมานอกขอบกางเกงในแล้ว
“แค่นี้ผมก็ประทับใจมากแล้วพ่อกระต่ายตัวโต” แซ็คยิ้มกว้าง หันไปมองเค้กช็อคโกแล็ตที่วางอยู่บนโซฟาก่อนหันกลับมามองหน้าผม
“กินเค้กมั้ย” ผมพยักหน้า
“อื้อ เอาสิ กินด้วยกัน” แซ็คเดินไปหยิบเค้กขึ้นมาถือ เขานั่งคุกเข่าลงแทนที่เค้ก ผมหันไปเตรียมจะตักเค้กกิน แต่ก็ต้องอ้าปากหวอเมื่อแซ็คดึงกางเกงในลงจนแคร็อทที่แข็งตัวเด้งออกมา
“ฉันตักให้” แซ็คบอกเสียงแหบพร่า แววตาที่มองผมนั้นคมกล้า มือขวาลดเค้กลงมาอยู่ใต้แคร็อทอันเขื่อง มือซ้ายจับแก่นกายของเขาจิ้มลงไปบนหน้าเค้กช็อคโกแล็ตจนเป็นรู เขาใช้มือซ้ายจับตรงนั้นแล้วพยายามช้อนเค้กขึ้นมาจนได้เนื้อเค้กกับช็อคโกแล็ตติดส่วนหัวแคร็อทมาประมาณหนึ่ง
“กินสิกระต่าย” เขายกเค้กออกไป ผมสบตาเขาแล้วยิ้มกรุ้มกริ่ม เขายิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วขวาข้างเดียว ผมอ้าปากแล้วงับของโปรดตัวเอง ใช้ลิ้นเลียเค้กกับช็อคโกแล็ตที่ติดอยู่บนนั้น รูดปากเข้ารูดปากออกสักพักจนรู้สึกว่ากวาดเนื้อเค้กกับช็อคโกแล็ตหมดแล้วก็ถอนปากออก ผมเลียลิ้นรอบปากมองแคร็อทที่ยังมีช็อคโกแล็ตกับเศษเค้กติดอยู่ประปรายแล้วก็ยิ้ม
“ขอฉันชิมเค้กบ้างสิ” ผมเงยหน้าขึ้นมองแซ็ค เขาวางเค้กลงบนพนักพิงโซฟาก่อนก้มลงมาประกบปากกับผม ลิ้นของเขากวาดในปากผมเชื่องช้าราวกับกำลังเก็บรายละเอียดรสชาติเค้กที่ยังคลุ้งอยู่ในปากของผม
“อืม…” แซ็คดึงหน้าออกไป เรายิ้มให้กัน มีช็อคโกแล็ตติดริมฝีปากบนของเขาเป็นจุดเล็กๆ
“…หวานกำลังดีเลย” ผมคลี่ยิ้ม แซ็คยื่นสองมือมาถอดเสื้อยืดของผมออกจากตัว เขาก้าวเท้าลงจากโซฟาและลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าผม ดึงกางเกงผมออกไปจนผมตัวเปลือยเปล่า
“เริ่มมีเต้านมแล้วนะ” เขายิ้มแซว ผมยิ้มเขิน แซ็คยื่นหน้าเข้ามาดูดนมข้างซ้ายของผมหนึ่งที แต่ก็เล่นเอาผมเสียววูบวาบ ผมยกสองแขนคล้องคอเขา แซ็คเอาสองมือวางลงบนโซฟาคร่อมตัวผมไว้ ก้มหน้าลงซุกไซ้คอผมอย่างอ่อนโยน ผมแหงนหน้าหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ความรู้สึกอุ่นวาบแล่นไปทั่วตัว
“อืม…” ผมครางเสียงเบา ในหัวปลอดโปร่งโล่งสบาย หัวใจเบาหวิวราวกับไร้น้ำหนัก ปลดเปลื้องทุกอย่างออกไปแล้วปล่อยให้ใจไปตามความรู้สึกดี ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น
แซ็คเลื่อนลงจากคอผมไปจูบที่กลางอก และไล่จูบลงไปเรื่อยจนถึงหน้าท้อง ลงต่ำไปอีกจนเจอไอติมแท่งตั้งแข็งตระหง่าน เขาจูบส่วนหัวสีแดงอ่อนหนึ่งครั้งแล้วก็จับผมนอนบนโซฟาครึ่งตัว ตรงก้นแอ่นขึ้น แซ็คใช้สองมือแหวกก้นผมก่อนก้มลงใช้ลิ้นเลียกลีบเนื้อสีน้ำตาลอ่อน
“Ha…” ผมครางเสียงแผ่ว หลับตาพริ้มอย่างรู้สึกดี ลิ้นสีแดงของแซ็คเลียกลีบเนื้อรัวต่อเนื่องกันอยู่นานก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเป็นแยงลิ้นเข้าออกรูตรงนั้นจนมันเปิดเป็นโพรงเล็ก ๆ เขาตวัดสายตาขึ้นมองขณะที่ปลายลิ้นของเขาแหย่เลียอยู่ข้างในไม่หยุด ผมกัดริมฝีปากแล้วยิ้ม แซ็คยิ้มในดวงตาจนผมรู้สึกเขิน เขาทำแบบนั้นสักพักก็หยุดมองผลงานตัวเองแล้วคลี่ยิ้มพอใจ
“พร้อมแล้ว” ผมเม้มปากยิ้มเขิน แซ็คผละออกจากตรงนั้น จับขาขวาผมยกขึ้น ก้มลงจูบเนื้อต้นขาด้านใน ไล่จูบตามเนื้อขาไปเรื่อยจนกระทั่งไปถึงปลายเท้าเขาก็หยุดแล้วลืมตามองผมที่มองเขาด้วยความรู้สึกตื่นเต้น หัวใจเต้นตึกตัก เขาคลี่ยิ้มละมุนก่อนก้มจูบลงบนหลังเท้าของผมอย่างแผ่วเบาและเนิ่นนาน
“แซ็ค…” เขาลืมตามองผมและยิ้มอ่อน วางเท้าผมไว้บนไหล่ของเขา แซ็คหยิบเสื้อยืดผมไปเช็ดแคร็อทที่เปื้อนเค้กจนสะอาด จากนั้นเขาก็ถ่มน้ำลายใส่มือจนชุ่มแล้วเอาไปวนรอบหัวแคร็อท ทำอย่างนั้นอยู่สามครั้งจนแคร็อทเยิ้มไปด้วยน้ำลายแล้วเขาก็ยื่นมือขวามาหาผมพร้อมกับพยักหน้า ผมยกเท้าลงจากไหล่ของเขา เด้งตัวลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมือซ้ายไปจับมือเขา เดินเข้าไปหาแซ็คอีกแค่ก้าวเดียว จากนั้นก็อ้าขาคร่อมตัวเขา
“Don’t worry. I got you. (ไม่ต้องกังวล ฉันเอาอยู่)” เขาใช้มือซ้ายจับแก่นกายให้ตั้งมั่น ผมย่อตัวลงจนกระทั่งรู้สึกถึงส่วนหัวทิ่มอยู่ตรงทางเข้า ผมยกสองแขนโอบรอบคอของเขา เรามองตากัน แซ็คพยักหน้าหนึ่งครั้ง ดวงตาสีเทาเต็มไปด้วยความเร่าร้อนอันแสนละมุนละม่อม ผมกลืนน้ำลายลงคอขณะที่กลีบเนื้อของตัวเองค่อย ๆ กลืนกินแคร็อทของโปรดเข้าไปจนเต็มลำ ผมหายใจหอบอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็สงบลงเมื่อแซ็คยกมือขวาลูบหัวผมและจูบหน้าผากผมไปที
“Welcome back. (ยินดีต้อนรับกลับมา)” แซ็คกระซิบ ผมยิ้มไม่เห็นฟัน เรามองตากัน ส่งผ่านความรู้สึกมากมายผ่านสายตา หัวใจผมเต้นถี่รัว ผมเลื่อนมือขวาลงมาแนบบนอกซ้ายของแซ็ค หัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะเดียวกันกับผม
“Happy birthday, bunny.” ผมพยักหน้าตอบ แกล้งตอดรัดเขาไปหนึ่งทีจนแซ็คย่นคิ้วชวนให้หัวเราะแผ่วเบา แซ็คคลี่ยิ้มเมื่อเห็นผมหัวเราะ
“You are my first love. I love you so much. (นายเป็นรักแรกของฉัน ฉันรักนายมากนะ)” ผมหอมแก้มเขาไปข้างละทีก่อนที่จะกอดเขาไว้ และกระซิบข้างหูซ้ายของเขา
“You are my first love, too. I love you so much, too. (คุณเป็นรักแรกของผมเช่นกัน ผมรักคุณมากเช่นกัน)” แซ็คกอดผมแน่น ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มในลำคอ
“And I love your grammar so much. (และฉันก็รักแกรมม่าของนายมากเลย)”
“And I love my dick-tionary so much!” ผมหัวเราะคิกคักและตอดรัดเป็นสัญญาณว่าให้เขาเริ่มได้แล้วเพราะตอนนี้ท้องน้อยผมหน่วงเหลือเกิน
เม้าท์เม้าท์เม้าท์กะขุ่นเจ้แฮปปี้เบิร์ทเดย์นะจ๊ะน้องกระต่ายของพี่แคร็อท ^____^ ได้ดูพี่อั้นเต้นแบบเอ็กซ์คลูซีฟเลยน้าาา
อีกสี่ตอนจะจบละเด๊อออ
เจอกันตอนหน้าค่า