รถยนต์คันสวยแล่นมาจอดสนิทที่หน้าบ้านไม้หลังงามที่ถูกปลูกสร้างอยู่ถัดจากไร่ดอกทานตะวันสีเหลืองเบ่งบานสดใสออกมาเล็กน้อย เจ้าของรถจัดการดับเครื่องยนต์แล้วก้าวลงมาพร้อมกับคนที่นั่งเคียงข้างมากับเขา
คนที่เพิ่งเคยมาสัมผัสบรรยากาศร่มรื่นย์สวยงามตรงหน้าได้แต่ยืนชมความงามของทัศนียภาพอย่างเต็มอิ่ม แถมยังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มีความสุข
หวายไม่เคยมีโอกาสได้มาเที่ยวต่างจังหวัด เมื่อก่อนนอกจากเรียนหนังสือกับทำงานหาเงินเขาก็ไม่ได้ปลีกตัวไปไหน หลายชั่วโมงที่นั่งอยู่ในรถระหว่างการเดินทาง เขาไม่รู้สึกเมื่อยล้าเลยสักนิด เพราะมันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นตั้งแต่คืนก่อนที่ไอศูรย์เอ่ยปากชวนมาเที่ยวพักผ่อนด้วยกันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะช่วงหลังๆ เห็นว่าหวายเรียนหนักเกินไปเลยอยากให้พักสมองบ้าง
ไร่ดอกทานตะวันแห่งนี้เป็นสัมบัติเก่าแก่ของบุพการีทั้งสองของไอศูรย์อีกชิ้นที่เขารักและหวงแหนเป็นอย่างมาก ไม่เคยมีความคิดที่จะขายให้ใคร ไม่ว่าจะมีนายหน้ามาเกลี้ยกล่อมหรือโน้มน้าวให้เขากี่รายก็ตามเป็นอันต้องเดินหันหลังจากไปเพราะคำปฏิเสธ แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้ลงมาดูแลด้วยตัวเองอย่างทั่วถึง แต่เขาก็ยังมีคนงานหลายคนที่คอยเป็นหูเป็นตาดูแลให้เป็นอย่างดี และมีผู้ช่วยที่ไว้ใจได้จัดการแทนอยู่แล้ว เพราะปกติแล้วเมื่อมีเวลาว่างจากเรื่องงาน เขามักจะมาพักผ่อนที่นี่กับอารดาเช่นกัน แต่วันนี้น้องสาวไม่ได้มาด้วย แต่กลายเป็นหวายที่มากับเขา เพราะเจ้าตัวดูตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้ออกมาเที่ยวเปิดหูเปิดตา
“สวยมากเลยพี่ไอ”
“หวายชอบมั้ย” ไอศูรย์ถามคนที่ยืนดูไร่ดอกไม้จนเพลิน
“ชอบดิ”
“หมายถึงพี่หรือดอกทานตะวัน”
“ดอกทานตะวัน”
“พูดแบบนี้พี่น้อยใจแย่”
“โหดๆ อย่างพี่ น้อยใจเป็นด้วยหรือไง” หวายหัวเราะคิกชอบใจ นานๆ ทีจะเห็นอสูรหมดท่า
“พี่น่ะผมไม่ชอบหรอก แต่รักเลยต่างหาก”
“พูดจาดี ต้องมีรางวัลให้” ไอศูรย์ทำท่าจะเข้ามาส่งจูบแต่หวายรีบปรามมองซ้ายมองขวาเห็นคนเดินออกมาช่วยขนกระเป๋าเดินทางเข้าไปเก็บด้านใน
“พี่ไอแม่งลามกไม่เลือกที่”
“ก็เด็กพี่มันอยากน่ารักทำไม”
“ผมหิวข้าวแล้ว” หวายทำท่าลูบท้องตัวเอง เพราะการเดินทางจกรุงเทพมาถึงลพบุรีเขายังไม่ได้จอดรถแวะกินข้าวกลางวันที่ไหน ตอนเช้าก็กินแค่โจ๊กไปนิดหน่อย ไอศูรย์จึงเดินนำเข้าไปในตัวบ้านที่เป็นบ้านไม้สองชั้นค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว
มีแม่บ้านอยอยู่ดูแลทำความสะอาดปัดกวาดเช็ดถูอย่างดี แถมก่อนมาถึงยังโทรสั่งให้เตรียมอาหารเอาไว้ เพราะมั่นใจได้เลยว่าหวายต้องบ่นว่าหิว
อาหารบนโต๊ะมีผัดไทยกุ้งสดส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย แม่บ้านบอกว่ามีของหวานและผลไม้สดรออยู่อีก หวายไม่รอช้ารีบลงมือกินอาหารตรงหน้าพร้อมๆ กับไอศูรย์ ทั้งสองคุยกันไปและกินอาหารอย่างมีความสุข
หลังกินของคาวและของหวานล้างปากกันจนอิ่มหนำเรียบร้อย ไอศูรย์ก็พาหวายมาดูห้องนอน หวายยืนสำรวจไปทั่วว่ามีอะไรบ้าง เขากับไอศูรย์ตกลงกันว่าจะมาพักผ่อนที่นี่สักสามสี่วันแล้วค่อยกลับกรุงเทพ
“อยากได้อะไรอีกมั้ย”
“ไม่ละครับ” ในบ้านหลังนี้ก็มีข้าวของทุกอย่างครบหมดแล้ว หวายไม่อยากได้อะไรเพิ่มเติมอีก เสื้อผ้าและของใช้จำเป็นก็เตรียมมาพร้อมเต็มกระเป๋าเดินทาง
“แต่พี่อยาก…” ไอศูรย์อมยิ้มร้ายกาจ การที่เขาพาหวายมาเที่ยวที่ไร่อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่ออยากมีบรรยากาศสุดแสนโรแมนติกร่วมกันบ้าง เผื่อว่าบรรยากาศเป็นใจแล้วเขาจะได้สร้างบทรักที่น่าประทับใจให้กับหวาย
“อยากอะไร”
“อยากได้ของหวาน” มือหนาสัมผัสแก้มใสของคนตัวเล็กกว่า แค่นี้หวายก็รู้แล้วว่าของหวานที่เขาอยากได้หมายถึงอะไร
คราวนี้ไอ้พี่ไอมันไม่ได้มาเล่นๆ เว้ย!
ชายหนุ่มค่อยๆ จูบอย่างเชื่องช้าและนุ่มนวลแต่มือของเขาไม่วายคอยปลดกระดุมเสื้อของอีกฝ่ายไปด้วยเพื่อกระตุ้นอารมณ์ดิบ
ไฟเสน่หาในตัวของเขามันค่อยๆ ลุกโชนขึ้นแล้วก็ยากที่จะดับมันลง
ยิ่งพอเขาถอดเสื้อของหวายออกไปตามด้วยกางเกงขาสั้น สุดท้ายไม่มีอะไรเหลือปิดร่างกายเลยสักชิ้น ส่งผลให้ร่างกายของชายหนุ่มไร้การควบคุมอย่างแรง
ไอศูรย์รีบจัดการเสื้อผ้าของตัวเองออกไปโยนไว้บนปลายเตียงสายตาไม่ยอมละไปจากร่างของหวายที่นอนอยู่บนเตียงกว้าง ใบหน้าคมก้มลงมาหาพร้อมจุมพิตที่เรียวปากสวยอีกรอบ เขาไม่เคยรู้สึกเบื่อที่จะต้องปรนเปรอจูบให้กับหวาย แถมตอนนี้คนเด็กกว่ายังจูบตอบเขาแบบช่ำชองมากขึ้นแล้วด้วย
ร่างสูงถอดถอนริมฝีปากออก เปลี่ยนมาใช้ลิ้นลากตามหน้าอกของหวายเพื่อสร้างความเสียวซ่านรัญจวนใจเพิ่มขึ้น
“อ่า…”
เสียงครางครวญของคนใต้ร่างดังอย่างต่อเนื่อง ไอศูรย์โน้มใบหน้าลงมาประกบริมฝีปากรุมร้อนเพื่อปิดเสียงร้องพร้อมคำหวาน
“พี่รักหวาย” เจ้าของชื่อบิดกายไปมา ทรมานเหมือนจะขาดใจเพราะเขาเล่นเล้าโลมหนักหน่วงขึ้น และเมื่อเห็นว่าหวายพร้อมแล้วสำหรับเขา ชายหนุ่มจึงไม่รอช้า เขาจัดการมอบบทรักให้ต่ออย่างต่อเนื่อง ขยับสะโพกตามจังหวะการเคลื่อนไหวเพื่อพาหวายไปยังดินแดนที่อีกฝ่ายไม่เคยรู้จักมาก่อน
อากาศช่วงห้าโมงเย็นค่อนข้างมีแสงแดดเพียงอ่อนๆ หวายมองดวงตะวันที่เริ่มคล้อยต่ำลงด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ลำแขนหนาของใครอีกคนโอบกอดจากทางด้านหลังเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นของเขามาให้
หวายเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่าไอศูรย์เป็นผู้ชายที่อบอุ่น
เรียกว่าอุ่นจนร้อนเลยล่ะ
แทบไม่อยากเชื่อตัวเองเลยว่าหวายกับเขาจะเดินมาถึงจุดนี้ จุดที่เรียกว่าความรัก ทั้งที่เมื่อก่อนแทบจะฆ่ากันให้ตายไปข้าง
“ตอนเย็นอากาศดีนะพี่ไอ ผมชักจะหลงที่นี่แล้วสิ”
“ไปเดินเล่นกัน” ไอศูรย์ฉุดมือของอีกฝ่ายให้เดินตามไปยังเส้นทางที่ไปสู่ไร่ดอกทานตะวัน
ไม่นานทั้งคู่ก็มาถึงจุดหมาย ไอศูรย์เดินไปเด็ดดอกทานตะวันมาหนึ่งดอก หวายขมวดคิ้วตีหน้าสงสัยว่าเขากำลังจะทำอะไร
“พี่ให้”
“ให้ผมเนี่ยนะ”
“อืม ไม่ชอบหรือไง”
“ผมเคยเห็นแต่เขาให้ดอกกุหลาบกัน”
“หวายไม่เหมือนดอกกุหลาบหรอก” ไอศูรย์คลี่ยิ้ม ที่เขาให้ดอกทานตะวันเพราะมันมีความหมายบางอย่างที่เข้ากับเขาและคนตรงหน้ามากกว่าดอกกุหลาบเป็นไหนๆ
“ไม่เหมือนยังไง”
“ดอกทานตะวันเปรียบเสมือนความรักที่มั่นคงและอดทนต่อทุกสิ่ง” ชายหนุ่มอธิบายถึงความหมายของมัน
“เราอดทนกันมาตั้งเท่าไร กว่าจะมาถึงวันที่เราเข้าใจกัน…”
“…”
“หวายเองก็ต้องอดทนต่อสู้ดิ้นรนมาตลอด ไม่ว่าคนอื่นจะทำร้ายหวายยังไง หวายก็ไม่เคยผูกใจเจ็บกับเขา”
“ขอบคุณนะพี่ไอ ขอบคุณที่พี่รักผม” หวายรับดอกไม้จากเขา คลี่ยิ้มบางๆ วันนี้เป็นวันที่มีความสุขที่สุดเลยก็ว่าได้
และอยากจะสุขแบบนี้ตลอดไป
ไอศูรย์เองก็เชื่อมั่นในหัวใจของเขาว่าจะดูแลปกป้องหวายอย่างดีที่สุด ในเมื่อเรื่องร้ายๆ มันผ่านไปแล้ว ต่อไปนี้เขาจะทำให้ชีวิตของหวายมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา
ชายหนุ่มรั้งคนตัวเล็กเข้ามาหาตัวก่อนจะจูบเบาๆ แล้วเอ่ยคำว่ารักออกไปแต่ก็ไม่วายจะเย้า
“หวายหายเกลียดพี่แล้วใช่ไหม ถึงยอมขนาดนี้”
“ผมเลิกเกลียดพี่ไปตั้งนานแล้ว แต่ผมเกลียดตัวเองมากกว่า ที่ดันเผลอใจไปรักพี่” หวายบอกยิ้มๆ เขาไม่รู้เหมือนกันว่าไปตกหลุมรักผู้ชายพันธุ์โหดอย่างไอศูรย์ตั้งแต่ตอนไหน รู้แค่ว่าตอนนี้คงถอนตัวถอนหัวใจไม่ทันเสียแล้ว
.................................................
คุณไอศูรย์กับน้องหวาย จบแล้วน้าาาาาา สำหรับหนังสือจะตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ HERMIT BOOKS ในปีนี้นะคะ
ในเล่มจะมีตอนพิเสษเพิ่มเข้ามาสามตอนเน้อ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันเสมอมาค่ะ
ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน
https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/