สัมผัส{❤}ครั้งที่11
การปรากฏร่างให้มนุษย์เห็นนั้นเหมือนเป็นการฝืนกฎของธรรมชาติที่ห้ามไม่ให้มนุษย์รู้ถึงตัวตนของพวกเรา ดังนั้นเมื่อฝ่าฝืนสิ่งที่ตามมาคือเรี่ยวแรงที่หมดไปอย่างรวดเร็วเหมือนผมที่สลบไปโดยไม่รู้ตัวเมื่อวันก่อน...ถือเป็นโชคดีที่ตอนสลบไปมีแค่ตินทำให้ไม่มีใครเกิดความสงสัยขึ้นมา
จริงอยู่ที่การปรากฏตัวในร่างมนุษย์เป็นเรื่องไม่สมควรแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี...
“อื้มม...สุดยอดเลย...นุ่มสุดๆ”ผมพึมพำด้วยอารมณ์ที่ไม่สามารถบรรยายได้เมื่อมือทั้งสองข้างกำลังปั้นสบู่อาบน้ำที่มีเนื้อเป็นวิปโฟมอยู่ภายในห้องน้ำขนาดใหญ่ที่มีทั้งส่วนที่เป็นฝักบัวและส่วนที่เป็นอ่างให้นอนแช่
เนื้อวิปโฟมนุ่มๆถูกลูบไร้ไปตามร่างกายแทบทุกส่วนทำให้ผมเหมือนกำลังสวมเสื้อผ้านุ่มๆอยู่เลย
เสร็จจากการถูสบู่ผมก็เอื้อมมือไปกดแชมพูสรผมกลิ่นหอมหวานแล้วขยี้ลงบนเส้นผมสีเขียวเข้มยาวที่ลู่ลงเพราะเปียกน้ำหลายๆรอบจนกลิ่นหอมของแชมพูอบอวนไปทั่วห้องน้ำ
“รู้สึกดีจังเลย”การอาบน้ำนี่รู้สึกเหมือนตัวเบาขึ้นหลายกิโลเลย ผมเคยอาบน้ำมาก่อนแต่ไม่ได้อาบด้วยสบู่หรือแชมพูแบบนี้...สำหรับเทพอย่างพวกเราจะอาบน้ำตามน้ำตกหรือลำธารตามแต่ความสะดวก ที่ผมเคยอาบคือน้ำตกที่อยู่ด้านหลังศาลเจ้าแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“แพน!”เสียงทุ้มตะโกนเรียกพร้อมกับเคาะประตูแรงๆ
“อะไร”ผมตะโกนกลับ เสียงนั่นเป็นเสียงของเจ้าของห้องหรือตินนั่นเอง
ได้ยินเสียงแบบนี้แปลว่าคงตื่นเต็มตาแล้วละสิ
ก่อนที่ผมจะเข้ามาอาบน้ำยังเห็นตินหลับสนิทอยู่บนเตียงอยู่เลย แม้ร่างกายผมต้องการที่จะพักผ่อนเพื่อฟื้นพลังงานที่เสียไปแต่ก็ไม่จำเป็นต้องหลับนาน6-8ชั่วโมงเหมือนอย่างมนุษย์ปกติ การที่ตื่นในช่วงพระอาทิตย์กำลังขึ้นนั้นทำให้ผมได้รับพลังงานมาอย่างเต็มเปี่ยมมากกว่าการนอนทั้งวันซะอีก
“จะอาบไปถึงไหนกัน”
“อย่างกน่า”ผมตะโกนอีกรอบก่อนจะพาร่างที่เต็มไปด้วยฟองสบู่เข้าไปใต้ฝักบัวที่เปิดอยู่
“ไม่ได้งกแต่นายเล่นอาบมาจะชั่วโมงแล้วนะ”
“โกหก”ผมไม่มีทางใช้เวลาขนาดนั้นหรอก ถึงจะยอมรับว่าอาบนานจริงๆก็ตาม
“จะโกหกทำไม...ออกมาได้แล้วฉันต้องออกไปทำงาน”ตินตะโกนพร้อมเคาะประตูห้องน้ำอีกรอบ
“ขออีก10นาที”ผมต่อรอง
“ให้แค่นาทีเดียว...ถ้าไม่ออกมาฉันจะไขกุญแจเข้าไป”
“เฮ้ย...อย่าใจร้ายสิติน”เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ล้อเล่นนั่นผมก็รีบจัดการล้างฟองสบู่และแชมพูออกอย่างรวดเร็วแต่เพราะเล่นให้ซะเยอะเลยทำให้อาบยังไงก็ยังรู้สึกลื่นอยู่
“เหลืออีก30วิ”เสียงด้านหน้าประตูเอ่ยเร่ง
“รู้แล้วน่า!”ผมตะโกนก่อนจะปิดฝักบัวแล้วคว้าผ้าขนหนูมาเช็ดร่างกายที่เต็มไปด้วยหยดน้ำลวกๆ
ดวงตาสีเขียวอ่อนของผมหลับลงอย่างช้าๆเพื่อให้สมาธิในการสร้างชุดยูกาตะสีน้ำตาลแกมแดงให้ปรากฏขึ้นบนร่าง เมื่อคืนผมใช้ชุดนอนของตินเพราะรู้สึกว่าพลังที่มีไม่เพียงพอที่จะสร้างชุดใส่ได้แต่วันนี้พลังที่มีดูจะเพียงพอเลยสามารถสร้างชุดขึ้นมาได้ นอกจาชุดแล้วนาฬิกาเรือนเงินที่ตินให้ก็นำมาใส่ไว้ที่ข้อมือเหมือนอย่างเคย
การปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นกินพลังงานมากอย่างที่เคยบอกไปแต่ถ้าชินแล้วก็ไม่มีปัญหา...เพื่อทำให้ชินตั้งแต่เช้าผมเลยอยู่ในร่างมนุษย์ตลอด
“แพน”
แกร็ก
“เสร็จแล้วน่า”ผมเปิดประตูห้องน้ำออกเมื่อได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง
ตินที่ยืนรออยู่ส่งสายตาเคืองๆมาให้แต่มีเหรอที่ผมจะสนใจ คนตื่นก่อนมีสิทธิ์อาบน้ำก่อน...
อยากตื่นสายเองก็ช่วยไม่ได้
“แช่อ่างรึไงถึงได้นานขนาดนี้”ตินถามก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำแทน
“เปล่าสักหน่อย...ใช้ฝักบัวต่างหาก”
“ขนาดฝักบัวยังนานขนาดนี้ถ้าแช่อ่างฉันคงต้องไปอาบห้องอื่น”ตินพึมพำเสียงเบาก่อนจะปิดประตูห้องน้ำลง
“ชิ...”ก็ไม่ได้อาบนานขนาดนั้นสักหน่อย
รอนิดรอหน่อยไม่ได้รึไง
ผมยืนบ่นตินในใจสักพักแล้วค่อยเดินออกมายังห้องรับแขก โทรทัศน์จอใหญ่ยักษ์สีดำถูกเปิดขึ้นเพื่อไม่ให้ห้องเงียบจนเกินไปนัก เสียงของข่าวจากโทรทัศน์ดังแว่วเข้ามาในหูเป็นระยะแม้ผมจะออกมายืนรับลมอยู่ที่ระเบียงด้านข้างห้องรับแขก
ผ่านไปสักพักเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นผมเลยหันไปมองตินที่เดินออกมาจากห้องในชุดทำงาน เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกใส่ทับด้วยแขนยาวสีดำเช่นเดียวกับกางเกงขายาวแลดูเหมือนพวกคุณชายซึ่งก็ใช่
ดวงตาสีฟ้าสดหันไปมองรอบๆห้องเพื่อหาอะไรสักอย่างแต่เพราะเหมือนยังไม่เจอสิ่งที่หาตินเลยเริ่มขมวดคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้นมองด้านบน ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมหลุดยิ้มขึ้นมาเพราะรู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังหาคือตัวผมเอง
“หาแมงมุมอยู่เหรอติน”ผมพูดเสียงเริงร่าโดยที่ยังไม่เดินเข้าไปหาเขา
ตินที่ได้ยินเสียงผมก็หันตามมาก่อนจะยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย...
“ใช่...เป็นแมงมุมตัวโตเลยล่ะ”
เป็นคำตอบที่น่าโมโหใช้ได้เลย
“แล้วหาเจอรึยังล่ะ”ผมกวนต่อ
“เจอแล้ว...เกาะอยู่ที่ระเบียงไง”อีกฝ่ายกวนตอบด้วยรอยยิ้มที่ทำเอาผมต้องกัดฟันแน่น
กะจะกวนตินแท้ๆทำไมถึงได้กลายเป็นผมถูกกวนกลับได้ล่ะเนี่ย
“ผมไม่ใช่แมงมุม!”ตะโกนเสร็จก็ก้าวยาวๆไปหยุดอยู่ด้านหน้าติน
“เห็นชอบลอยไปมานึกว่าพ่นใยได้ซะอีก”
“พ่นได้แต่น้ำลายจะลองไหมล่ะ”
“สกปรก”
“ติน!”ผมตะโกนลั่นเมื่อได้รับคำตอบแบบนั้น
“พอละ...นายเถอะจะเอายังไง”ตินโบกมือเล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าจะเลิกกวน
“เอาอะไร”ผมถามกลับ
“ฉันต้องไปทำงาน”
“แล้ว?”
“ช่วยใช้สมองคิดสักหน่อยเถอะแพน”ตินหันมามองอย่างเอือมๆ
“นี่คุณว่าผมโง่เหรอ”
“เปล่าสักหน่อย”
“ติน”ไหนบอกว่าจะไม่กวนแล้วไง
“เสียงดังน่า...จะอยู่ห้องหรือจะไปกับฉัน”คราวนี้ตินอธิบายให้ผมเข้าให้ขึ้นมาอีกหน่อย
คงจะถามว่าผมจะอยู่ห้องหรือจะไปห้างด้วยกันสินะ
บอกมาแต่แรกก็จบแล้ว
“ไปกับคุณสิ...อยู่ห้องน่าเบื่อจะตาย”ผมตอบไปแบบไม่ต้องคิด
อย่างน้อยไปห้างก็มีหลายอย่างให้ทำ
“คงไม่ลืมนะว่ามนุษย์สามารถมองเห็นนายได้น่ะ”ตินพูดย้ำ
“รู้แล้วน่า”
“แล้วรู้ไหมว่านายไม่เหมือนมนุษย์สักเท่าไหร่”ตินพูดต่อ
“...เพราะผมหล่อ?”ผมเอียงคอถาม
“หึ...เอาที่ท่านเทพสบายใจเลยครับ”พูดจบตินก็เดินไปยังประตูห้องโดยไม่ลืมกดปิดโทรทัศน์ที่ผมเปิดไว้
คำพูดที่ไม่ได้ยินมาซะนานทำเอาผมถึงกับพูดไม่ออกเหมือนเคย
ไอ้น้ำเสียงน้ำนั่นกวนโมโหซะมัด
“สวัสดีครับคุณติน”กายและจิมที่รออยู่ด้านหน้าประตูเอ่ยทักทายพร้อมกัน
“อืม”ตินพยักหน้าตอบเล็กน้อย
“สวัสดีครับคุณแพน”ทั้งคู่เมื่อเห็นผมก็เอ่ยทักทายอีกรอบ
“สวัสดีเช่นกันครับ”ผมทักทายตอบด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้เขาจะไปกับฉัน”ตินหันไปเอ่ยให้บอดี้การ์ดตัวฟังเรียบๆ
“ครับ”ทั้งคู่ตอบรับก่อนที่พวกเราจะลงลิฟต์ไปยังด้านล่าง
รถคันสีดำดูหรูหราแล่นออกไปยังถนนที่เต็มไปด้วยรถมากมายที่สัญจรไปมา เพราะรถติดมากในช่วงเช้าทำให้ใช้เวลานานกว่าปกติกว่าจะถึงห้างสรรพสินค้าที่ตินเป็นเจ้าของ พนักงานที่ยืนคุมบริเวณลานจอดรถรีบเลื่อนที่กั้นออกพร้อมยกมือทำความเคารพแม้สายตาของเขาจะดูสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นผมนั่งอยู่ข้างตินก็ตาม
พวกเราเดินเข้ามาภายในห้างที่ยังไม่มีผู้คนเดินนักเพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดห้างแต่ถึงอย่างนั้นเหล่าพนักงานหรือเจ้าของร้านต่างก็หันมามองทางนี้กันถ้วนหน้า ตอนแรกก็คิดว่าคงมองเจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้อย่างตินแต่พอสังเกตไปสักพักที่พวกเขามองไม่ใช่ตินแต่เป็นผม
สายตาของพวกเขาที่มองมานั้นดูจะเต็มไปด้วยความสงสัยอย่างชัดเจนและมีหลายคนที่หันไปกระซิบกันหลังเห็นผมเดินผ่านไป
ด้วยความที่ไม่เคยปรากฏตัวให้มนุษย์เห็นเลยค่อนข้างกังวลว่าจะถูกมองแปลกๆไหม จากที่อยู่ประเทศไทยมาหลายเดือนทำให้รู้ว่าคนในประเทศนี้ไม่มีสีตาแปลกอย่างผม...ไม่ใช่แค่สีตาที่เป็นปัญหาแต่สีผมเองก็ดูจะเป็นจุดเด่นมากพอดูขนาดแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดยังมองผมเหมือนเห็นตัวประหลาดเลย
หรือการที่ปรากฏตัวในร่างมนุษย์จะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำกันนะ
“กาย”เสียงของตินดังขึ้นก่อนจะหยุดเดินทำให้เหล่าบอดี้การ์ดหรือแม้แต่ผมหยุดตามไปด้วย
“ครับคุณติน”
“วันนี้มีกำหนดการณ์อะไร”ตินหันมาถามก่อนจะใช้สายตาคมๆกวาดไปรอบด้านที่เต็มไปด้วยกลุ่มคนและเสียงซุบซิบ คนเหล่านั้นเพียงแค่เห็นสายตาของตินก็พากันหันหลังกลับเดินไปประจำที่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว
เมื่อไม่มีสายตาจับจ้องมาผมก็รู้สึกสบายตัวขึ้นมาก
“วันนี้หลักๆมีแค่ตอน11โมงมีประชุมกับผู้ถือหุ้นครับ”กายตอบอย่างฉะฉานราวกับรู้อยู่แล้วว่าตินจะถาม
“อืม...พวกนายไปจัดการเรื่องที่ยังไม่เรียบร้อยเถอะ”
“แล้วคุณตินละครับ”ครั้งนี้เป็นจิมที่ถาม
“ฉันมีเรื่องต้องจัดการก่อน”
“แล้ว...”จิมเหล่ตามองมายังผมที่ยืนจัดชุดยูกาตะสีน้ำตาลของตัวเองอยู่
“เขาจะไปกับฉัน”ตินตอบเมื่อรู้ว่าสิ่งที่จิมจะถามคืออะไร
“เข้าใจแล้วครับ”
“ระวังตัวด้วยนะครับคุณติน”กายบอกก่อนจะโค้งตัวเล็กน้อยแล้วเดินจากไปพร้อมกับจิม
“คุณจะไปไหนเหรอติน”ผมเอ่ยถามอย่างงงๆ
นึกว่าจะขึ้นไปทำงานเอกสารบนห้องซะอีก
แบบนี้ผมก็อดแอบไปเดินเล่นน่ะสิ
“ไปจัดการกับนายไง”ตินพูดระหว่างก้าวเดินไปยังบันไดเลื่อนที่อยู่ไม่ไกล
“ห๊ะ...จัดการอะไรผม”ผมวิ่งตามไปด้วยความสงสัย
“นี่ไม่รู้รึไงว่าตั้งแต่เดินเข้ามามีคนจ้องอยู่น่ะ”ตินถามออกมาตรงๆ
“รู้สิ...คงเพราะสีตากับสีผมแปลกๆนี่แน่”ผมบอกพลางลูบเส้นผมสีเขียวเข้มอันแปลกตาของตัวเอง
“ไม่ใช่สีผมกับสีตาหรอก”
“ไม่ใช่เหรอ...งั้นเป็นอะไรล่ะ”พูดจบผมวิ่งตามตินขึ้นไปยังบันไดเลื่อนอีกชั้น
ถ้าไม่ใช่สีตากับสีผมและเป็นอะไรที่ทำให้ถูกพวกเขามองขนาดนั้นกัน
“...”ตินไม่ตอบแต่ใช้สายตามองมายังตัวผมนั่นทำให้ผมก้มมองตัวเองก่อนจะเข้าใจว่าตินต้องการจะสื่ออะไร
“ชุดผม?”ผมบอกออกไป
จะว่าไปตั้งแต่มาประเทศนี้ก็เห็นแต่คนแต่งชุดคล้ายๆกันไปหมด แถมไม่มีใครใส่ชุดยูกาตะเลยด้วย
แปลว่าที่ทุกคนมองคือชุดผมที่ผิดแปลกไปจากคนอื่นไม่ใช่สีตาหรือสีผมอันแปลกตา
“กว่าจะรู้นะ”ตินพึมพำแล้วเดินตรงไปยังโซนขายเสื้อผาที่อยู่บนชั้น6ของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
“แล้วทำไมคุณไม่บอกตั้งแต่ตอนอยู่ห้องเล่า”ถ้าบอกผมจะได้เปลี่ยนชุดที่ใส่
“...”ความเงียบที่เป็นคำตอบไม่รู้ว่าเพราะอีกฝ่ายไม่รู้จะตอบว่าอะไรหรือไม่อยากตอบกันแน่
ไม่นานตินก็เดินมาหยุดอยู่หน้าร้านขายเสื้อผ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าร้านอื่นๆในชั้นถึงสามเท่า แม้จะยังไม่ถึงเวลาเปิดแต่พอพนักงานสาวสวยเห็นตินพวกเธอต่างก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะคุณคณาธิป...วันนี้มีชุดสไตล์ใหม่มาลงพอดีเลยค่ะ”พนังงานสาวคนแรกทักทายด้วยรอยยิ้มหวาน
“มีโทนสีพื้นที่คุณคณาธิปชอบด้วยนะคะ”พนักงานสาวอีกคนพูดสมทบ
“พวกเราจะพาไปนะคะ”
“ทางนี้เลยค่ะ”
และแล้วตินก็ถูกเหล่าพนักงานสาวห้อมล้อมในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งที่ผมเดินตามมาติดๆยังไม่มีใครเข้ามาทักทายเลยสักคนเดียว...
จะบอกว่าผมหล่อไม่เท่าตินงั้นสิ
หรือเพราะว่าตินเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้านี้กัน
ยิ่งคิดยิ่งโมโห
“หื้ม...นึกอะไรดีๆออกแล้ว”อยู่ความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในหัวพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ปรากฏขึ้น
ในเมื่อสนใจตินกันนักก็จะทำให้หมดความสนใจในพริบตาเลยคอยดูเถอะ
“ติน!”ผมตะโกนเรียกคนที่ถูกล้อมไปด้วยหญิงสาวด้วยน้ำเสียงโกรธๆ
สายตาของเหล่าพนังงานสาวหันมามองผมทันทีแถมยังมองด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ด้วย นอกจากสายตาจะไม่เป็นมิตรแล้วยังมองมาอย่างเหยียดๆราวกับไม่เชื่อว่าผมรู้จักตินด้วย
หึ...จัดให้เลยครับสาวๆ
พวกคุณจะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่เหนือกว่า
“ตินทำไมปล่อยให้พวกเธอล้อมแบบนั้นเล่า...ผมหึงรู้ไหม”ผมพูดต่อด้วยน้ำเสียงงอนๆแล้วก้าวเข้าไปคว้าแขนตินมากอดไว้แน่น แค่กอดอย่างเดียวดูจะไม่สะใจเลยซุกหน้าลงที่แขนนั้นแล้วคลอเคลียไปมาเป็นของแถมให้สาวๆที่มองมาอย่างอึ้งๆ
“แพน”สายตาของตินที่มองมานั้นเหมือนกำลังงงว่าผมคิดจะทำอะไรอยู่
“คุณเป็นคนพาผมมาเองนะ ทิ้งกันยังไม่เท่าไหร่แต่ยอมให้ผู้หญิงพวกนี้ล้อมหน้าล้อมหลังได้ยังไง”ผมยังคงพูดไม่หยุด
“...”ตินเองที่นิ่งไปคงเพราะกำลังคิดว่าผมจะมาไม้ไหน
แต่การนิ่งแบบนี้ก็ดีแล้ว...ขืนอีกฝ่ายกวนกลับผมคงเล่นละครฉากนี้ต่อไม่ได้ง่ายๆ
ผมหันไปมองพนักงานสาวที่เริ่มทำท่าไม่พอใจแล้วยกยิ้มขึ้นพร้อมกับประโยคเด็ดที่ทำให้พวกเธอหน้าเหวอไปตามๆกัน...
“ผมเป็นแฟนคุณนะ ทำอะไรนึกถึงใจผมหน่อยสิ”
พูดจบก็ถูหัวตัวเองกับแขนของตินไปมาเหมือนว่ากำลังเขินทั้งที่ในความจริงคือผมกลั้นขำอย่างเอาเป็นเอาตาย ใบหน้าเหวอๆนั่นสุดยอดไปเลย
“เล่นอะไรแพน”ตินพึมพำเสียงเบาผมเลยเงยหน้าขึ้นไปสบกับดวงตาสีฟ้าที่ไม่มีความขุ่นเคืองอย่างที่คิด ตรงกันข้ามดวงตาของตินนั้นดูขบขันกับสิ่งที่เห็นมากกว่า
“ก็พวกเธอเล่นไม่สนใจผมเลยนี่...สนใจแต่คุณคนเดียวมันน่าโมโห ดูแลลูกค้าไม่เท่าเทียมใช้ได้ที่ไหน”ผมบ่นอุบอิบ
“อยากให้พวกเธอสนใจ?”ตินเลิกคิ้วถาม
“ก็ไม่เชิง...อยากให้คุณสนใจมากกว่า”
“หมายความว่าไง”ตินถามกลับ
“ตั้งแต่เข้าร้านมาก็ไม่สนใจกันเลย เอาแต่มองสาวๆสวยๆ”ผมพึมพำเสียงเคือง
“หึ...หึงรึไง”ตินก้มลงมากระซิบ
“ไม่รู้...ว่าแต่มาทำอะไรที่นี่ล่ะ”ผมเปลี่ยนเรื่องเพราะคำถามนั้นผมไม่สามารถให้คำตอบตินได้
ตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าคำรู้สึกนี่คืออะไรกันแน่แล้วจะตอบเขาได้ยังไง
“พามากินข้าว”ตินบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปด้านขวาซึ่งเป็นโซนของเสื้อผ้าผู้ชาย
“กินข้าว?...เสื้อผ้ามันกินได้ที่ไหนเล่า”ผมตะโกนไล่หลังไปเมื่อคิดได้ว่าถูกกวนอีกแล้ว
ให้ตายสิ...กวนได้กวนดีจริงๆ
ร่างผมในชุดยูกาตะสีน้ำตาลแกมแดงวิ่งตามตินเข้าไปภายในโซนเสื้อผ้าผู้ชาย เสื้อผ้ามากมายถูกแบ่งไว้เป็นสัดส่วนดูระรานตามากยิ่งผมที่ไม่รู้ว่าชุดไหนเป็นชุดไหนยิ่งงงเข้าไปใหญ่ผิดกับตินที่เดินดูตามราวแขวนเหมือนเคยชินกับการเลือก
ตินหยิบเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลแก่ขึ้นมามองด้วยใบหน้าครุ่นคิดไม่นานก็แขวนเสื้อตัวนั้นกลับไปแล้วเดินดูต่อจนเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนถูกยกขึ้นมามองบ้าง ดวงตาสีฟ้าสดมองไปยังเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนก่อนจะเหลือมมามองผมที่ยืนนิ่งอยู่ไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้
“มานี่แพน”เสียงทุ้มเรียกพร้อมกับยกมือข้างนึงขึ้นมากวัก
“มีอะไร”ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วถาม
“...”นอกจากจะไม่ได้คำตอบตินยังยกไม้แขวนที่มีเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนใส่อยู่มาวางทาบบนตัวผม
“ติน...เลือกให้ผมเหรอ”ผมถามออกไปอย่างที่คิด
“เอาไหมล่ะ”
“ไม่ต้องหรอก...ถ้าอยากให้ผมใส่ชุดธรรมดาเดี๋ยวผมค่อยใช้พลังเปลี่ยนเอาก็ได้”ผมอธิบายให้อีกฝ่ายฟัง
ถึงความจริงจะชอบใส่ยูกาตะมากกว่าก็ตาม
“เอาไปลอง”ตินไม่ฟังที่ผมอธิบายสักนิด เขาปล่อยไม้แขวนที่มีเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนลงโดยไม่บอกก่อนทำเอาผมเกือบจับไว้ไม่ทัน แม้จะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างเคืองๆแต่ตินก็เดินไปหยิบเสื้ออีกสามสี่ตัวส่งมาให้โดยไม่หันมามองด้วยซ้ำว่าผมรับทันไหม
“พอแล้วติน...เยอะไปแล้ว”ผมบ่นเมื่อเสื้อที่ถืออยู่นี่มากเกือบสิบตัวได้
“ได้...เสื้อพอแล้ว...ไปดูกางเกงต่อ”พูดจบก็หันเดินไปยังมุมกางเกงที่อยู่ไม่ไกล
“ติน”ผมตะโกนเรียกเสียงดังลั่น
ทำไมถึงฟังกันขนาดนี้นะ
(มีต่อค่ะ)