Episode 25: Is Zylen an alien!?[2]เมื่อคืนนี้คีธทำผมแทบลุกไม่ขึ้นจากเตียง บอกตรงๆ ว่าการผูกพันกันในฐานะคนรักอะไรนี่ทำให้ผมเหนื่อยอ่อนยิ่งกว่าการผูกพันแบบธรรมดาซะอีก เพราะคีธแสดงออกชัดเจนเลยว่าต้องการผมแค่ไหน แถมมันยังหนักหน่วงยิ่งกว่าตอนผูกพันกันธรรมดาด้วย ผมก็เลยมาทำงานวันใหม่ด้วยสภาพสะโพกคราก หลังเดาะเอวเดาะอีกครั้ง แย่ไปกว่านั้นคือวันนี้คีธกับแอสตันลางานไปอีกวันเพราะเจเนซิสมาตามพวกนั้นถึงที่อพาร์ตเม้นต์ผมตั้งแต่เช้าด้วยธุระสำคัญว่าได้เบาะแสของเซนไทน์ ผมก็เลยไม่มีคนช่วยพยุงไปที่สตูดิโอ
ผมก็ไม่รู้หรอกว่าได้เบาะแสอะไรยังไง ไม่ทันจะได้ถามอะไร พวกนั้นก็รีบไปกันเสียก่อน แว่วๆ ว่ามีข่าวลือว่ามีมนุษย์ต่างดาวพันธุ์หนึ่งตายจากการถูกเซนไทน์ดูดพลังงาน คีธก็เลยได้แต่ย้ำผมว่าให้ดูแลตัวเองให้ดี อย่าเข้าใกล้ซีเลนก็เท่านั้น และแน่นอนว่าเรื่องของซีเลนก็รู้ถึงหูริชาร์ดกับแอสตันแล้ว ริชาร์ดก็เลยโดนใบสั่งมาอีกคนว่าอย่าเข้าใกล้ซีเลนด้วย
วันนั้นทั้งวัน ผมกับริชาร์ดเลยเกาะกันแจจนกระทั่งเลิกงาน ทุกอย่างก็ดูราบรื่นและปกติดี เว้นก็แต่สายตาที่บรูคลินมองผมมานี่แหละ วันนี้ดูมันหงุดหงิดงุ่นง่านแปลกๆ จนริชาร์ดยังต้องทักเลย
“ไอ้บรูคลินมันดูเหม็นหน้านายจังวะวันนี้”
“สงสัยคงเพราะฉันเป็นเมียคีธล่ะมั้ง” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจนักขณะที่กำลังจัดเรียงเอกสารสำคัญ ริชาร์ดก็เลยจุ๊ปากให้ได้ยิน
“โหๆๆ เดี๋ยวนี้กล้าพูดเต็มปากเต็มคำนะว่าเป็นเมียมัน ยอมรับแล้วล่ะสิว่านายก็หลงมันอย่างที่มันหลงนายเหมือนกัน”
“ก็ปฏิเสธไม่ได้แหละนะ”
ริชาร์ดหัวเราะร่วนขึ้นมาทันควันที่ได้ยินผมพูดประโยคนี้ ก่อนจะว่าให้ผมได้หงุดหงิดขึ้น
“เป็นไงล่ะฤทธิ์เดชชุดนอนไม่ได้นอนของฉัน ปริ่มเลยล่ะสิเมื่อคืนน่ะ”
ผมนี่แทบจะเอาเอกสารฟาดหน้ามันด้วยความหมั่นไส้เลย ริชาร์ดรีบเบี่ยงตัวหลบก่อนที่เสียงของด็อกเตอร์มาร์ตินจะดังขึ้นเรียกมันไปช่วยงานก่อนเลิกกอง
“เดี๋ยวค่อยมาเจอกันที่หน้าสตูดิโอแล้วกัน จะได้กลับพร้อมกัน”
ผมพยักหน้ารับส่งๆ ขณะที่มันเดินไปหาด็อกเตอร์มาร์ตินกับผู้กำกับวิลล์เพื่อนัดแนะเรื่องงานสำหรับวันต่อไป อีกอาทิตย์เดียวก็จะครบเดือนนึงที่มาช่วยงานที่นี่ แล้วก็จะได้เวลากลับนิวยอร์กแล้ว คิดๆ ไป ผมก็คิดถึงนิวยอร์กเหมือนกันนะ ที่คิดถึงนี่ไม่ใช่อะไรหรอก มันเป็นที่ที่ผมจะได้อยู่กับคีธโดยไม่มีมนุษย์ต่างดาวแฟนเก่าอย่างเจเนซิสและมนุษย์ต่างดาวที่จ้องจะงาบคีธอย่างบรูคลินอยู่ต่างหาก
กับเจเนซิสน่ะ ผมไม่ได้กังวลอะไรนักหรอกเพราะหมอนั่นค่อนข้างจะยึดถือธรรมเนียมของยูนิกม่าอย่างเคร่งครัด คงจะไม่เสนอตัวมาเป็นแม่พันธุ์ทั้งที่คีธเลือกผมแล้วหรอก แต่ไอ้บรูคลินนี่สิ ถึงมันยังรู้แต่ตราบใดที่มันยังดูดปากกันอยู่อย่างนี้ บรูคลินก็ไม่ล้มเลิกความตั้งใจแน่ แต่ก็ช่างเถอะ อีกวันสองวันก็จะได้เวลาที่คีธจะต้องวางไข่สร้างร่างใหม่แล้วนี่ เดี๋ยวผมก็ได้เป็นโฮสต์แทนละ
ผมสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว พอเรียงเอกสารเสร็จก็เดินไปเข้าห้องน้ำก่อนเตรียมตัวกลับห้องบ้างเพราะคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับกันเกือบหมดแล้ว ริชาร์ดเองก็อีกไม่นานคงจะคุยงานเสร็จ ทว่าในจังหวะที่ผมเดินเข้าไปล้างหน้าที่อ่าง เสียงประตูห้องน้ำปิดก็ดังขึ้น พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าเป็นบรูคลินที่เดินตามเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ทำเอาผมย่นคิ้วมองมันทันที
“ทำอะไรของนาย”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย” มันไม่ตอบคำถามผม แต่พูดเรื่องอื่นขึ้นมาแทน แถมครั้งนี้มันยังไม่ได้พูดจาแบบงุบงิบๆ ตามสไตล์มันอีก แต่พูดแบบชัดถ้อยชัดคำจนผมอดเอะใจไม่ได้เลยว่ามันจะต้องมีเรื่องอะไรมาให้ผมเดือดร้อนแน่ๆ และก็เดาได้เลยว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับคีธแหงมๆ
“เรื่องอะไร”
แล้วก็จริงเสียด้วยเมื่อมันพูดขึ้น
“ฉันเตือนนายแล้วใช่มั้ยเรื่องการยุ่งเกี่ยวกับท่านผู้พิทักษ์ นายรับปากฉันแล้วนี่ว่าจะไม่ยุ่ง แต่นี่อะไร เลยเถิดมาถึงผูกพันกันแบบนี้ มันไม่รักษาสัญญานี่หว่า”
“แล้วยังไง” ผมหันไปมองมันด้วยใบหน้าที่ยังพร่างพรายไปด้วยหยาดน้ำ
“ฉันก็จะมาบอกให้นายเลิกยุ่งกับท่านผู้พิทักษ์”
ฟังแล้วก็ต้องย่นคิ้ว ไอ้บ้านี่พูดเอาแต่ได้ชะมัด ไม่ได้สนใจเลยสินะว่าไอ้พวกยูนิกม่ามันมีแม่พันธุ์ได้แค่คนเดียว แล้วก็ผูกพันได้แค่คนเดียวตลอดทั้งชีวิต ซึ่งสำหรับคีธ คนคนนั้นก็คือผม ผมเองก็เคยบอกไอ้บรูคลินไปแล้วนี่หว่าว่าเรื่องแบบนี้มันใครดีใครได้ แต่เหมือนมันจะจำไม่ได้แฮะ
“เรื่องแบบนี้มาบอกฉันไม่ได้หรอก ไปบอกคีธมันโน่น” ผมโบ้ยให้คนกลางซะอย่างนั้น แล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องน้ำไป ทว่าบรูคลินก็มาขวางหน้าไว้เสียก่อน
“ถอยไป” ผมว่าเสียงต่ำอย่างไม่พอใจนักกับท่าทางหาเรื่องของมัน กะว่าถ้ามีต่อยก็ต่อยอ่ะ
ทว่าก็ต้องรีบถอยหลังกรูดเมื่อเห็นว่าบรูคลินค่อยๆ ขยายร่างขึ้นทีละน้อย
เฮ้ยๆ มึงเล่นเอาร่างจริงมาแบบนี้ กูก็สู้ไม่ได้สิวะ ต่อให้เป็นตัวต่อตัวก็เถอะ แน่จริงมึงเอาร่างย่อส่วนมาเซ่!
คิดไปก็เท่านั้นแหละ ไอ้บรูคลินมันกลายเป็นเปรตวัดสุทัศน์ไปแล้วเรียบร้อย ส่วนผมนี่ก็ถอยไปติดขอบอ่างล้างหน้าเลย บรูคลินเดินตามเข้ามาพลางว่าพึมพำ
“ฉันเคยเตือนนายแล้ว เคยเตือนนายแล้วจริงๆ”
“จะ...ใจเย็นๆ มีอะไรก็คุยกันก่อน ถ้านายทำอะไรฉันแล้วคีธรู้ นายจะแย่เอานะเว้ย” ผมพยายามห้ามมัน แต่เหมือนจะไม่ได้ผลเลยเพราะไอ้บ้านั่นยกแขนขึ้นมาพร้อมกับง้างหมัดด้วย
ผมมองหาทางหนีทีไล่ แต่ในห้องน้ำที่ถูกปิดตายแบบนี้มันจะหนีไปไหนได้ล่ะ ผมก็เลยทำได้แค่หลับตาปี๋ ภาวนาขอให้มันต่อยแค่หมัดเดียว แล้วก็อย่าต่อยหน้าก็พอ ทว่าในวินาทีที่มันปล่อยหมัดออกมา เสียงประตูห้องสุขาห้องหนึ่งถูกเปิดก็ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดังหมับและเสียงแหบห้าวของใครบางคน
“รังแกคนตัวเล็กกว่าอย่างนี้ไม่น่ารักเลยจริงๆ นะ”
ผมลืมตาขึ้นทันควัน แล้วก็ต้องเบิกตาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าคนคนนั้นคือ...
“ซีเลน!” ผมกับบรูคลินแทบจะตะโกนออกไปพร้อมกัน
ซีเลนไม่สะทกสะท้านอะไร นอกจากแสยะยิ้มแล้วกดแขนของบรูคลินให้ต่ำลง
“อย่ารังแกมนุษย์โลกสิ”
บรูคลินหน้าซีดไปเลยที่ได้ยินประโยคนี้จากปากของซีเลน ผมเดาว่ามันคงจะตกใจที่ซีเลนรู้ว่ามันเป็นมนุษย์ต่างดาว ผมเองก็ตกใจ ไม่ได้ตกใจที่ซีเลนรู้ว่าบรูคลินเป็นมนุษย์ต่างดาวนะ แต่ตกใจที่รู้ว่าไอ้ซีเลนมันก็เป็นมนุษย์ต่างดาวนี่แหละ
ถ้ามันไม่ได้เป็นมนุษย์ต่างดาว มันจะรู้ได้ไงว่าบรูคลินเป็นมนุษย์ต่างดาววะ!?
บรูคลินรีบผละออกจากซีเลนเลย ซีเลนหัวเราะกับท่าทางหวาดๆ นั่นก่อนจะยื่นนิ้วชี้ๆ ไปยังร่างของบรูคลิน
“ย่อส่วนก่อนออกไปด้วย เดี๋ยวคนอื่นตกใจ”
บรูคลินรีบย่อส่วนร่างตามที่ซีเลนว่า แล้วก็พุ่งออกจากห้องน้ำไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทิ้งให้ผมเผชิญหน้ากับซีเลนที่เดินไปล้างมือที่อ่างอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“เกือบไปแล้วนะ ถ้าฉันไม่มาช่วยนายไว้ได้ทัน นายได้หัวหลุดออกจากบ่าแน่”
“นายเป็นใครกันแน่ซีเลน” ผมไม่สนใจสิ่งที่ซีเลนพูด ถามในสิ่งที่คาใจออกไป
ซีเลนเหลือบมองผมนิดนึงก่อนจะถามคืน
“แล้วนายคิดว่าเป็นใครล่ะ”
“มนุษย์ต่างดาว... แต่เมื่อวานนายบอกฉันว่าไม่ได้เป็นนี่หว่า” ผมนึกถึงคำพูดของมันเมื่อวานได้ทันที
ซีเลนหัวเราะหึ สะบัดมือที่เปียกน้ำไปด้วย
“ใจจริงก็อยากจะโกหกต่อน่ะนะ แต่เห็นนายตกอยู่ในสถานการณ์คอขาดบาดตายก็เลยต้องแสดงตัว อย่างที่บอกว่าฉันอยากได้นายเลยไม่อยากให้นายบอบช้ำซะก่อน และใช่ ฉันเป็นมนุษย์ต่างดาว เป็นไง ตกใจมั้ยล่ะ ความจริงก็ไม่ใช่ความลับหรอกนะ แค่ฉันยังไม่พร้อมที่จะบอกให้ใครรู้ เดี๋ยวจะตกใจกันไปซะก่อน แต่นายก็น่าจะชินแล้วนี่ เจอมนุษย์ต่างดาวออกจะบ่อยไม่ใช่เหรอ”
ผมกลืนน้ำลายเอื้อก ไม่ได้สนใจเลยว่ามันรู้ได้ไงว่าผมเจอมนุษย์ต่างดาวบ่อย นอกจากถอยห่างจากมันทันใดขณะที่ปากยังคงขยับเบาๆ
“นะ...นายเป็นพวกสายพันธุ์อะไร” ผมคิดไปแล้วแหละว่ามันคือเซนไทน์
ทว่าซีเลนไม่ตอบ นอกจากเดินเข้ามาหาผมแล้วแสยะยิ้มร้ายเท่านั้น
“อย่ารู้เลยดีกว่า มันไม่ส่งผลดีกับฉัน... ไม่ส่งผลดีกับนายด้วย”
“นายเป็น...เซนไทน์ใช่มั้ย” ถึงผมจะกลัว แต่ผมก็พูดไป
หากแต่ซีเลนไม่ตอบ โน้มใบหน้าเข้ามาเกือบชิดผมขณะที่ผมถอยกรูดไปจนติดกำแพงเป็นที่เรียบร้อย แล้วว่าขึ้นมา
“บอกแล้วว่าอย่ารู้เลย มันยังไม่ถึงเวลา เอาไว้ถึงเวลาที่นายมานอนแก้ผ้าบนเตียงฉันเมื่อไหร่ ตอนนั้นฉันจะบอกนายเอง” สิ้นเสียง มันก็จูบลงมาที่แก้มผมเบาๆ
ผมนี่ขนลุกไปทั้งตัวเลย สัญชาตญาณร้องบอกเลยว่าอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ก่อนจะรีบเบี่ยงตัวหลบมันออกมาก่อนที่มันจะได้ทำอะไรไปมากกว่าการจูบอีก แล้ววิ่งตรงออกจากห้องน้ำอย่างรวดเร็วโดยมีเสียงของซีเลนดังไล่หลังมาให้ได้ยินแว่วๆ
“แล้วก็อย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเชียวถ้านายยังรักชีวิต ให้รู้กันแค่นายกับบรูคลินเท่านั้น ไม่อย่างนั้น ฉันจะฆ่าคนที่พูดเป็นคนแรก แล้วเอาศพมาปู้ยี่ปู้ยำให้หนำใจ”
มึงมันไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวเฉยๆ แล้วไอ้ซีเลน! มึงมันเป็นไอ้โรคจิตด้วย แล้วคิดเหรอว่ากูจะเก็บเรื่องมึงไว้เป็นความลับ ฝันไปเลยมึง! ฝันไปเลย!
-------------------------------
SD หลังปกของเล่ม 1 มาแล้วล่ะตัวเอง แวะเข้าไปดูกันได้ที่นี่นะคะ
https://web.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.162822727106922.46922.122468307809031/925833234139197/?type=3&theater