>…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: >…ปฏิบัติการณ์รักของพ่อเหมียว…< [ตอนที่ 24**TheEnd** 06-05-61]  (อ่าน 44730 ครั้ง)

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
น่ารักดี ชอบจัง

ออฟไลน์ onlyplease

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
งื้ออออออออ 

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โล่งอ้กโล่งใจ๋  คิดว่าพี่พีจะโกระซะแล้ววววว

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เอ็นดูแม่มณี

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 12 [100%].…<

“ทำอะไรหรือครับ” ร่างสูงของพีระพลโอบเข้าที่เอวของท่านขุนเบาๆ ขณะที่เขายืนอยู่ข้างกายคนรัก
 
“ผมกำลังจะทอดไข่ชะอม พี่พีชอบปะ”

“ท่านขุนทำก็ชอบหมดแหละ” ปากหวาน...ท่านขุนคิดแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

เขาสองคนคบกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว...สิ่งที่เปลี่ยนไปก็เห็นจะเป็นพี่พีนี่เนี่ยแหละ เขาค่อนข้างปากหวาน ดูเป็นคนโรแมนติกอย่างบอกไม่ถูก เช้า เที่ยงและเย็นพี่พีจะมากินอาหารฝีมือท่านขุนทุกวัน จากนั้นเขาจะกลับบ้านตอนท่านขุนปิดร้าน

พี่พีเทียวไปเทียวมาไม่เคยบ่นเหนื่อยเลยสักครั้งเดียว เขาดูมีความสุขและท่านขุนก็ดูมีความสุข...สิ่งมีชีวิตเดียวที่หงุดหงิดเห็นจะเป็นมณีน้อยนี่แหละ ไม่อยากจะบอก...เสาร์ที่แล้วพวกเขาอยู่ด้วยกันทั้งคืน มณีโดนจับขังอีกแล้ว โกรธมาก...โกรธจนแทบพ่นไฟออกจากปากได้ เสียแต่เธอเป็นแมวไม่ใช่มังกรจะได้พ่นไฟได้อย่างในการ์ตูน พวกเขาคลอเคลียกันไม่ค่อยห่าง ขนาดไลฟ์สไตล์ต่างกันก็ยังคุยกันรู้เรื่อง

ไม่ๆ...พีระพลไม่เคยรู้เรื่องรถของท่านขุนแต่ก็คอยเป็นผู้ฟังเสมอ มณีไม่เห็นว่ามันจะน่าฟังตรงไหน น่ารำคาญจะตาย ล่าสุดบ่นอยากได้รถคันใหม่ บอกไปลองขับ Z1000 แล้วรู้สึกชอบมาก ยกล้อมันมาก พีระพลก็แค่ยิ้มแล้วก็บอกว่ายังไงก็ได้ถ้าท่านขุนคิดดีแล้ว เนี้ยะ...เออ รักกันอะไรก็ดีไปหมดเลยนะแหม มณีไม่เห็นว่าท่านขุนจะเอารถคันใหม่มาเพื่ออะไร เท่าที่มีทุกวันนี้ก็ขับไม่หมดแล้วปะ คนก็คนเดียว จะมีอะไรหลายคัน บ้าบอ

ส่วนวันหยุดของพีระพล เจ้านั่นก็เอาหนังสือมานั่งอ่านที่ร้าน มาให้ท่านขุนดูแลอยู่นั่น บ้านตัวเองไม่มีอยู่หรือไงไม่เข้าใจ แล้วทาสนางก็ช่างเอาอกเอาใจเจ้าแว่นนั่นเหลือเกิน แต่ก็มีบางมื้อที่เจ้าแว่นนั่นจะทำอาหารเหมือนกันแหละ มันเอามาให้กินด้วย...อร่อยดี

“โอ้ย...เบาหวานขึ้นตา” หนุ่มเจ้าสำราญเอ่ยพลางนวดตาตัวเอง ก็ถ้ามันขัดหูขัดตาแล้วจะไปมองมันทำไมล่ะ...มณีอยากบอกแบบนี้ เหมือนเธอที่เชิดหน้าไม่มองเจ้าแว่นนั่นแม้แต่หางตา แค่เห็นว่ากำลังโอบเอวท่านขุน...แค่เห็นว่ากำลังช่วยท่านขุนของเธอทำอาหาร นี่ไม่ได้มองเลยนะยะ

“อ่าวพี่แจ็ก จะมาไม่เห็นบอก...” พีระพลคลายอ้อมแขนออก

“ไอ้พีไม่ได้บอกน้องเหรอวะ” เจ้าของชื่อส่ายหน้า

“ก็ไม่เห็นจำเป็น”

“อ๋อ…กูมันคนไม่จำเป็น ใช่สิ พวกมึงได้กันแล้วนี่ กูก็ก้างขวางคอเท่านั้นแหละ” แล้วดูคนอายุสามสิบกว่าทำตัวงี่เง่า มณีอยากจะตบปากนั่นสักที...เธอไม่แก่ขนาดนั้นก็จริง เธอยังมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเลยเหอะ

“อ่าว มันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นเลยนะพี่แจ็ก ยังไงกับข้าวก็เพียงพอ พี่นั่งก่อนเลยครับ...” ท่านขุนเอ่ยเอาใจ เพราะยังไงพี่แจ็กก็เป็นคนที่ช่วยให้เขากับพี่พีได้คบกัน นี่เท่ากับแจ็กได้รับส่วนลดทั้งปีจากท่านขุนด้วยนะเนี่ย

“วันนี้พี่จะเอารถมาทำ ตอนเย็นกูกลับด้วยนะพี...มึงกลับบ้านปะวะ” ถามแล้วเพิ่งนึกได้ว่าคนเป็นแฟนกันเขาก็อาจจะใช้เวลาหลังเลิกกงานด้วยกันจนถึงเช้าอะไรงี้

“ก็เอารถกลับไปแล้วกัน...” บอกแค่นี้ก็เข้าใจ พีระพลไม่กลับบ้านนี่เอง ท่านขุนแอบยิ้มบาง เขาหันไปสบตากับคนรักของเขาก่อนจะขยับเข้าไปเอาไหล่กระแซะ เป็นการหยอกที่ไม่ต้องพูดจาอะไรกัน

อยากจับแยกออกจริงๆ...มณีขัดใจขั้นสุด เธอทนไม่ได้ กระโดดลงไปที่พื้น เดินนวยนาดมาดมั่นเข้าไปยังท่านขุนและพีละพล โดยที่ชายหนุ่มสามคนยังพูดคุยกันไม่ได้สังเกตเห็นเธอ นี่ขนาดมีเสียงกระดิงดังเบาๆ ก็ยังไม่สนใจ ดูเอาแล้วกันว่าความสำคัญของมณีน้อยลดลงมากขนาดไหน แล้วการที่เจ้าแว่นนอนนี่หมายถึงเธอจะโดนจับยัดกรง

ที่จริงพีระพลไม่อยากให้ท่านขุนขังมณีเอาไว้เวลาที่เขามานอนนี่เลย สงสารที่มณีอยู่กับท่านขุนทุกวัน แต่พอเขามากลับโดนเอาไปใส่กรง ทว่าท่านขุนก็ขอเอาไว้ว่าแค่วันเดียวที่เธอจะอยู่ในกรงบ้าง เธอทำร้ายพีระพลมากเกินไป ถ้าพีระพลมานอนกับเขาพร้อมมณีด้วย มณีจะทำร้ายพีระพลจนมีแต่แผลเต็มไปหมดแน่นอน แค่ทุกวันนี้มณีก็ทำร้ายพีระพลทุกวันอยู่แล้ว

ในขณะที่ท่านขุนหาทางให้มณีอยู่แยกกับพีระพลโดยไม่ต้องใช้กรง พีระพลกลับคิดว่าจะทำอย่างไรให้มณีน้อยเลิกเกลียดเขาเสียที หากเป็นมิตรกันได้...มณีก็ไม่จำเป็นต้องโดนขังกรง หรือโดนลงโทษ พีระพลเข้าใจคนเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงก็ต้องอบรมสั่งสอนสัตว์ในโอวาทเมื่อมันดุร้ายจนเกินไป แต่พีระพลไม่ชอบเท่าไหร่...ไม่คิดว่าการที่มณีทำตามสัญชาตญาณของตนเองจะเป็นเรื่องที่ควรได้รับการลงโทษ ก็นะ...ท่านขุนมีสิทธิ์ บางอย่างพีระพลก็ต้องยอมรับในการตัดสินใจของท่านขุน

แต่นี่แหละ...ที่ทำให้พีระพลพยายามอย่างมากที่จะเอาใจมณีและเป็นมิตรกับเธอให้มากที่สุด

“โอ๊ะ...” พีระพลสะดุ้งน้อยๆ เมื่อโดนมณีเอาขาตนเองเป็นที่ลับเล็บอีกครั้ง

“มณี ทำงี้อีกแล้วนะ...” ท่านขุนเตรียมดุ พีระพลรีบห้าม

“ไม่เป็นไรๆ อย่าดุมณีสิ...ดูสิ น่ารักจะตายเนอะ” ก็เป็นแบบนี้ทุกที ท่านขุนมองพี่พีของเขาก้มลงไปลูบหัวมณีแม้จะโดนมณีข่วนก็ตาม

“มึงโรคจิตอ๋อพี โดนขนาดนั้นมึงยังบอกน่ารักเนี่ยนะ...” แจ็กเคยได้ยินท่านขุนเล่าเรื่องพีระพลตอนอยู่ร้านให้ฟัง บอกว่าพีระพลไม่เคยดุมณีเลยถึงแม้มณีจะทำร้ายตนเองตลอด ทั้งยังรักยังเอ็นดู ลับหลัง...ท่านขุนแอบถามด้วยว่าพี่พีนี่มาโซหรือเปล่า ตอนแจ็กได้ยินแจ็กก็ขำแหละ แล้วก็ยืนยันว่าพีระพลไม่ได้โรคจิตหรอก...แต่มันคงชอบมณีจริงๆ

มณีเข้ามาป่วนเสร็จก็เดินออกไป ท่านขุนทำอาหารต่อแต่พี่พีนี่สิ เอาขนมเดินตามมณีออกไปข้างนอกเรียบร้อย นั่งคุกเข่าตรงพื้นส่วนมณีนอนอยู่กับกำแพงกระจกของร้าน ถึงมณีจะทำร้ายพี่พีบ่อยมาก แต่พอพี่พีเอาขนมไปให้ มณีก็กินนะ...แล้วเธอก็ดูมีความสุขดี ไม่รู้ว่าที่ดุแบบนี้เพราะต้องการพี่พีไปเป็นทาสหรืเปล่า

“เออ...” ท่านขุนมองพี่พีแล้วหันมามองพี่แจ็ก จู่ๆ เขาก็แวบสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้...ว่าจะถามนานแล้ว แต่ลืม

“อะไรวะ”

“พี่สองคนเป็นเพื่อนกันจริงดิ” คืออย่างพี่พีเนี่ยจะไม่พูดกูมึงเลย ไม่เคยได้ยินจริงๆ แต่กับพี่แจ็กเนี่ยใช้คำแบบนี้เป็นปกติ

“ทำไมมึงถามแปลกวะขุน”

“ก็พี่พีดูเรียบร้อยมาก...แต่พี่แบบ” ท่านขุนใช้สายตากวาดมองแจ็กตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า สายตาตีความได้ว่า...ไม่ไหวๆ

“โห เจ็บจี๊ด มันเป็นเพื่อนพี่มาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว บ้านอยู่ระแวกเดียวกัน...พ่อแม่ก็รู้จักกัน”

“แต่ต่างกันราวฟ้ากับเหว พี่พีเป็นฟ้า พี่แจ็กเป็นเหว” ท่านขุนว่าชัดเจน ไม่ต้องให้พี่แจ็กตีความเข้าข้างตัวเองแต่ประการใด

“หนอย ไอ้ขุน...เดี๋ยวเหอะมึง” แจ็กชี้หน้า เขามองผ่านกรอบประตูครัวไปยังพีระพล

“บ้านไอ้พีน่ะมันผู้ดีเก่า...คุณหญิงย่ามันก็เข้มงวดนะ ยิ่งคุณท่านนี่...โหดเชียวแหละ บ้านพี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แต่ดีที่พี่มันลูกเกือบคนสุดท้าย พ่อแม่ไม่ได้คาดหวังมากนัก พอพี่ออกมาจากกรอบได้ก็เป็นแม่งแบบเนี่ย แต่ไอ้พีมันต่างกัน...ทางบ้านรับไม่ได้นะที่มันเป็นเกย์” ท่านขุนจ้องหน้าพี่แจ็กอย่างไว

“จริงดิ”

“เออดิวะ ตระกูลขุนนางเก่ารับไม่ได้หรอกเรื่องผิดเพศ พ่อมันก็นับถือศาสนาคริสต์ ต่อให้เกิดและเติบโตในประเทศที่อิสระเสรีขนาดไหน เขาก็มองว่ารักร่วมเพศคือบาปที่ไม่อาจให้อภัยได้ พีมันรู้...มันทำให้ตระกูลผิดหวังในตัวมัน แรกๆ ทุกคนพยายามทำให้มันกลับเป็นผู้ชายเหมืนอปกติ แต่ก็ไม่ได้ แม่มันร้องไห้ คุณหญิงย่าก็ต่อว่ามัน กลายเป็นพ่อมันที่ยอมรับได้ก่อน พอมันรู้สึกแย่ที่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง...มันก็เลยทำตัวดีๆ เป็นคนดีที่สุด และจะไม่ทำให้พ่อแม่หรือครอบครัวผิดหวังในตัวมันอีก มันก็เลยเหมือนหลุดออกมาจากตำราชายไทยยังไงล่ะ” พี่พีไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ท่านขุนฟัง มีแต่ท่านขุนที่เล่าเรื่องตัวเองในวัยเรียนให้พี่พีฟัง เขาไม่รู้เลยว่า...ผู้ชายที่เรียบร้อยคนนี้ก็เจออะไรมาหนักเหมือนกัน

“นั่นทำให้พี่สองคนต่างกัน...”

“ใช่ มันกลายเป็นนิสัย...กลายเป็นตัวตนล่ะมั้ง” ท่านขุนอาจเข้าใจไม่มาก เขาเกิดมาจากครอบครัวที่ไม่เคร่งเรื่องพวกนี้ อาจมีไม่พอใจบ้าง แต่ก็ยอมรับได้ง่าย ด้วยสัมคมสมัยใหม่มันหล่อหลอม แล้วเขาเองก็ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองเลือก

“ผมว่ามันคงแย่มากที่ครอบครัวไม่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็น” ท่านขุนเปรยขณะหันไปเอาอาหารจัดใส่จาน

“แย่ดิ พูดกรอกหูอยู่ทุกวันว่าใครจะสานต่อตระกูล ใครจะมามีลูกหลานสืบทอด พูดอยู่นั่นแหละว่าการเป็นรักร่วมเพศมันผิดธรรมชาติ ธรรมชาติไม่ได้สร้างมาให้เป็นแบบนี้ เคยถึงขั้นพาไปหาหลวงพ่อเพื่อช่วยให้ไอ้พีกลายเป็นผู้ชายเลยนะ ไปบวชเอย...ทำนั่นทำนี่สารพัด ขนาดมันเป็นคนเรียนดี ได้รางวัลต่างๆ มามากมายเพื่อชดเชยแล้ว ครอบครัวก็ยังมองว่าการที่มันเป็นแบบนี้เป็นเรื่องร้ายแรง ไม่รู้ว่าตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง...” เพราะแจ็กเองก็ไม่ได้อัปเดตเรื่องครอบครัวพีระพลมาสักระยะใหญ่ๆ แล้ว ถามแค่พวกท่านสบายดีไหม พีกลับบ้านไปหาหรือเปล่า อะไรแบบนี้เท่านั้น เรื่องภายในขนาดนั้นเขาแทบลืมไปแล้วด้วยซ้ำ

จะเรียกว่าสงสารก็ได้...มันอาจดูแย่นะ แต่ท่านขุนรู้สึกแบบนั้น เขาเคยรับแรงกดดันช่วงที่เปิดตัวเป็นเกย์ใหม่ๆ จากเพื่อนฝูงและครอบครัวอยู่ แต่ด้วยเป็นคนอารมณ์ดีแล้วก็เป็นมิตรกับทุกคนมาตลอด ท่านขุนใช้เวลาแค่ไม่นานในการทำให้ทุกคนยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น ทุกคนเริ่มเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องรสนิยม ไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นคนดีคนเลวอะไร แต่พี่พีไม่เหมือนกัน...

เหมือนทุกคนมองข้ามสิ่งดีๆ ที่พีทำแล้วมองแค่ว่าพี่พีไม่ได้เป็นเหมือนชายไทยที่ควรเป็น โดนตราหน้าว่าผิดบาป เป็นโรค ผิดธรรมชาติ ยังไงซะมันก็ต้องร้ายแรงกว่าที่ท่านขุนเคยเจอมาอย่างแน่นอน

ท่านขุนเอาอาหารทั้งหมดเสิร์ฟบนโต๊ะให้เรียบร้อย จากนั้นเดินไปหาพีระพลที่ยังนั่งป้อนขนมมณีอยู่หน้าร้าน เห็นแผ่นหลังกว้างดูแข็งแรงและมั่นคงนั่น เขาคิดว่าพี่พีผ่านเรื่องราวแบบนั้นมาได้ยังไง โดดเดี่ยวไหม...ทรมานมากหรือเปล่า ท่านขุนคุกเข่าอยู่ด้านหลังพร้อมสองแขนแข็งแรงโอบกอดเอวพีระพลเอาไว้

“หืม...” พีระพลมองอ้อมไหล่ของตนไปมองยังใบหน้าของท่านขุน

“พี่พีไม่เคยเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังเลย” คนตัวเล็กกว่าเปรยเบาๆ “เพราะผมเอาแต่เล่าเรื่องตัวเองจนไม่ได้ใส่ใจเรื่องของพี่พีหรือเปล่า”

“เปล่าเสียหน่อย คิดมากอะ...แจ็กมันเล่าอะไรให้เราฟังหรือยังไงครับ” พีระพลละมือที่ให้ขนมมณีมาลูบหัวท่านขุนเบาๆ เจ้าแมวน้อยมองด้วยสายตาไม่พอใจ...อะไรกัน มาแย่งความเด่นของฉันอีกแล้ว

“ก็...เรื่องที่ครอบครัวพี่พีรับไม่ได้ที่พี่เป็นแบบนี้” ท่านุขนไม่ได้ปิดบังในสิ่งที่แจ็กเล่า

“อ๋อเรื่องนั้นเอง...นั่นมันนานมากแล้ว ตอนนี้ที่บ้านทำใจได้แล้วล่ะครับ ไม่ต้องไปคิดมากนะ ไม่ต้องกังวลด้วย พี่รับรองว่าจะไม่มีเรื่องพ่อแม่กีดกันแน่ๆ” พีระพลยิ้มบางอ่อนโยน หวังว่ามันจะปลอบใจท่านขุน แต่มันไม่ใช่...ท่านขุนไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น แต่เขารู้สึกเห็นใจพีระพลจับหัวใจ ที่ต้องเผชิญเรื่องราวหนักอึ้งเช่นนั้น

“ผมไม่กลัวเรื่องนั้นหรอก ผมแค่...แค่คิดว่าพี่ต้องลำบากขนาดไหนนะ ต้องอดทนขนาดไหนกว่าจะ...ทำให้พวกท่านยอมรับได้” คนฟังใจชื้นไปหมด รู้สึกดีที่มีคนเห็นอกเห็นใจในสิ่งที่เขาเผชิญมา ปกติแล้วพีระพลไม่เคยพูดเรื่องพวกนี้กับใคร ไม่เคยบอกว่าครอบครัวรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เขาเป็น เพราะเขามองว่านี่เป็นเรื่องของเขา...ส่วนเรื่องที่เขาคบใครอยู่มันเป็นเรื่องของเรา ที่พีระพลเองต้องเอาใจใส่ดูแล และต่อให้ทางบ้านไม่พอใจ เขาก็ต้องกลับไปเคลียร์ให้ได้เพื่อไม่ให้เกิดอาการต่อต้านจนคนรักของเขารู้สึกแย่

“พี่ดีใจที่ท่านขุนแคร์พี่ขนาดนี้นะครับ ยังไงซะ...พี่ก็ผ่านมันมาได้ พี่แกร่งใช่ไหมล่า” ติดตลกน้อยๆ ท่านขุนยิ้มได้นิดหน่อย

“ครับ พี่พีคนแกร่งของผม” ท่านขุนจูบไปที่หัวไหล่เบาๆ

“เราไปกินข้าวกันเนาะ มณีไปกิน...อ่าว” มณีหายไปแล้ว หายไปตอนไหนก็ไม่รู้ แหงสิ...เหมือนอยู่กันแค่สองคนมันจะไปรับรู้ได้ยังไงล่ะ เสียงกระดิ่งก็ดังยังไม่ได้ยินเลย!

เขาทั้งสองช่วยกันมองหามณี เจ้าตัวน้อยหนีไปนอนบนโซฟาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอไม่มองมาที่ท่านขุนหรือพีระพลเลยแม้แต่หางตา แสดงออกชัดเจนว่าฉันไม่สนใจพวกแกหรอกยะ พีระพลยิ้มเอ็นดู แต่เขาไม่ได้เข้าไปเล่นด้วย เดินจูงมือท่านขุนเข้ามาในครัว โดยแจ็กกำลังนั่งจิ้มมือถือรอ

“นึกว่ากูต้องกินข้าวคนเดียวแล้วไหมล่ะ” แจ็กกดปิดมือถือ มองหน้ารุ่นน้องและเพื่อนตัวเอง

“แค่แป๊บเดียวเองพี่นี่บ่นจัง รีบไปไหนหรือไงครับ” ท่านขุนนั่งลง ข้างเขาคือพี่พี

“ไม่รีบ แค่เบื่อพวกมีแฟน”

“แต่เป็นคนจับคู่ให้เรานี่” เป็นคำง่ายๆ พร้อมรอยยิ้มบางๆ ที่กระแทกใจคนฟังจริงๆ

“มึงนะมึง...” มันก็จริงอย่างที่พีระพลว่า แจ็กจึงเถียงไม่ออก

“พี่พีไม่เบื่อที่พี่แจ็กพูดหยาบเหรอ” นี่ท่านขุนกำลังแซะแจ็กอยู่

“อยู่กับพี่มันก็พูดเถอะ” ท่านขุนเลิกคิ้วขณะหันมองพี่พี

“จริงดิ”

“ครับ ธรรมดานี่นา…” ไม่ธรรมดาสำหรับท่านขุนเลยแฮะ

“เหรอ ผมว่ามันน่าแปลกใจนะ ปกติพี่พีไม่พูดกูมึงเลยอะ โห...พี่แจ็กนี่คนพิเศษเลยนะเนี่ย” ท่านขุนทำตาโตใส่ พีระพลเริ่มตักข้าวใส่จานของแจ็กและคนรัก

“เวอร์ไปไอขุน ก็ถ้ามันไม่พูดเลยนี่สิถึงว่าแปลก แต่ก็กูมึงกับกูคนเดียวปะวะ...” อันนี้คือสิ่งที่แจ็กก็ไม่แน่ใจ พีระพลมองหน้าแล้วพยักหน้าตอบ

“ใช่”

“โห...พิเศษจริงด้วยวะ” แจ็กหัวเราะชอบใจยกใหญ่ พีระพลแค่ยิ้มๆ ส่วนท่านขุนหัวเราะตาม

มือเที่ยงเรียบง่ายของชายหนุ่มสามคนผ่านไปโดยใช้เวลาแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กินกันเร็วกว่าตอนทำเสียอีก พีระพลนี่ปกติเวลากินเขาก็ไม่ค่อยพูดค่อยจาอยู่แล้ว คือระเบียบเป๊ะๆ ท่าทางการกินข้าว การดื่มน้ำ พีระพลเหมือนหลุดออกมาจากตำราอย่างที่พี่แจ็กว่าไม่มีผิด แต่ถ้าสังเกตดีๆ แจ็กเองก็ต่างกับพีระพลแค่ไม่มากนัก เขาเองก็มีท่าทีเรียบร้อยและดูสมเป็นผู้ใหญ่ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี

ครั้งแรกๆ...ท่านขุนยอมรับว่าตัวเองเกร็งมากกับการทานอาหารกับผู้ใหญ่ระเบียบเป๊ะ มันเก้งก้างไปหมดเลยมือไม้ ไม่รู้จะต้องทำอะไร ทำแบบไหนน่าเกลียดไม่น่าเกลียด เกิดมาจากครอบครัวชนชั้นกลางเนาะ กินไปคุยไปเป็นเรื่องปกติ แล้วยังไม่ได้มาดเนี้ยบขนาดนั้น ช้อนกลางนี่ใช้บ้างไม่ใช้บ้างเลย แต่พีระพลมาอยู่ด้วย เขาใช้ช้อนกลางตลอด นั่นแหละท่านขุนเลยเกร็ง ทว่าเดี๋ยวนี้ไม่แล้ว...สบายๆ พี่พีบอกให้เป็นตัวเองนั่นแหละดีที่สุด อย่าฝืนเพื่อเขา

ถึงพีระพลจะเจ้าระเบียบ...จะเป๊ะมันเสียทุกอย่าง แต่เขาไม่ได้เอาความเนี้ยบของตัวเองมายัดเยียดใส่ท่านขุน ธรรมชาติท่านขุนแต่งตัวง่ายๆ ไม่อะไรมากมายกับเสื้อผ้าหน้าผมเพราะเขาเป็นช่างซ่อมรถ ติดมอมแมมเสียด้วยซ้ำ อะไรที่ท่านขุนเป็นอยู่แล้ว...ก็เป็นแบบนั้นต่อไป เหมือนพีระพลนั่นแหละ...เขาเป็นแบบไหนเขาก็เป็นแบบนั้น แค่อยู่ด้วยกันแล้วไม่อึดอัดก็โอเคแล้วสำหรับการเป็นคนรักกัน

หลังมื้อเที่ยงของเสาร์วันนี้ พีระพลและแจ็กไม่ได้กลับเข้าไปทำงาน งานพวกเขาเสร็จเรียบร้อยไม่มีอะไรน่าห่วง แจ็กกำลังสนใจการแต่งรถของตนเอง ส่วนพีระพละกำลังนั่งดูหนังสือออกใหม่เดือนหน้า บางครั้งเขาจะมองไปด้านนอก ดูท่านขุนกับเพื่อนตัวเองชี้นั่นชี้นี่ที่รถ สองคนนั้นมีกระป๋องเบียร์อยู่ในมือ ทว่าเบื้อหน้าพีระพลกลับเป็นกาแฟนร้อนหอมๆ หนึ่งแก้ว

ต่างกันจริงๆ...

“มณีอ่านหนังสือไหม” ไม่มีคนให้เล่นด้วยแล้วถึงได้หันมาถามเจ้าเหมียว พีระพลไม่ได้อยากเล่นกับเพื่อนขนาดนั้น เขาก็แค่อยากเป็นมิตรกับมณีไง

“แง่ว!” มณีน้อยสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง บอกได้จะบอกว่าอ่านหนังสือไม่ออก...

“เอ...งั้นเอาของเล่นไหม” คราวนี้มณีหันไปมองพีระพล สายตาดั่งนางพญาของเธอกำลังบอกอีกฝ่ายว่าเอาสิ...เอาของเล่นมาให้ฉัน

“ม้าวววว”

“ฮ่าๆ เอาอะไรดีล่ะ มณียังไม่มีอะไรน้า” พีระพลหันไปมองกองของเล่นเกลื่อนกราดบนพื้นร้าน มันกระจัดกระจายหลายๆ ที่รวมกันไป

มณีกระโดดลงจากโซฟา เธอตรงไปยังม้วนไหมพรมสีแดงที่พีระพลซื้อมาให้เมื่ออาทิตย์ก่อน ตอนนี้มันไม่เหมือนก้อนไหมพรมสวยๆ แต่เหมือนกับ...เส้นด้ายที่พันขยุกขยุยมากกว่า พีระพลยิ้มหวนให้กับความยุ่งเหยิงนั้น ดูก็รู้ว่ามณีน้อยชอบอะไร...

“อยากได้ม้วนใหม่เหรอจ๊ะมณี” เขาถามทั้งที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม มณีคาบเจ้าก้อนด้ายนั้นเข้ามาหาเขา กระโดดนั่งที่ประจำก่อนวางมันลงบนตักพีระพล

“เหมี๊ยววว เหมี๊ยววว เหมี๊ยววว” เสียงอ่อนเสียงหวาน

“ขอหอมทีได้ไหมล่ะ..เดี๋ยวเย็นนี้ไปซื้อให้เลย” เจ้ามณีชะงักไปนิดหน่อย ได้คืบจะเอาศอก...เดี๋ยวก็ข่วนแว่นแตกเลยหนิ

ถึงจะเคืองแค้น แต่มณีก็เขี่ยเจ้าก้อนด้ายพ้นตักพีระพล มันลงไปอยู่อีกด้าน ตรงข้ามกับที่มณีนั่ง จากนั้นเจ้าแมวน้อยผู้เย่อหยิ่งก็ขึ้นไปนั่งบนตักของพีระพลแทนก้อนไหมพรมโทรมๆ พีระพลตกใจมาก...ตกใจมากๆ ครั้งแรกเลยนะที่มณียอมขึ้นมาบนตักของเขาง่ายๆ แบบนี้ เขาตัดสินใจโน้มหน้าเข้าใกล้ ระแวงนิดๆ ถ้าตบโดนหน้าโดนตานี่งานใหญ่เลยนะ เล็บไม่ใช่ธรรมดา

“ฟอด...” เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกเมื่อริมฝีปากและจมูกโด่งเป็นสันแนบเข้ากับหน้าผากเจ้าเหมียว

“แม็ววววว” ได้หนึ่งฟอดแล้ว มณีน้อยรีบเอาอุ้งเท้าไม่กางเล็บของตนดันหน้าพีระพลออกทันที สีหน้าชื่นมื่นนั่นน่ะ...ดูยังไงก็พออกพอใจกับการได้หอมเจ้าเหมียวชัดๆ เพื่อของเล่นหรอกนะ...ไม่ได้ชอบขี้หน้าขึ้นมาเลยบอกจริงๆ!

….100%….

ดูแล้วพี่พีคงฟินกับการได้หอมมณีน้อยมากมาย งานนี้ไหมพรมทับตัวแม่มณีแน่นอน! พี่พีเราสายเปย์อยู่แล้วววววว  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ BooJiRa_

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อยากโดนพี่พีเปย์ต้องตายแล้วเกิดใหม่เป้นแมวไหม  555

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ แมวดำ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
นังมณีถ้าพี่พีหมดรักเมื่อไหร่จะเสียใจ

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ฟินแม่มณีกับพี่พีสายเปย์

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พี่พีนี่ทาสแมวสุดๆ ทาสแมวสายเปย์ซะด้วย 55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
พี่พีสุดยอดจริงๆ

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
แม่มณีจอมแสบเจอลูกตื๊อพี่พีไม่ไหวสินะ :hao7:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แม่มณีเอ้ยยย

ออฟไลน์ __puppy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
มณีเริ่มใจอ่อนกับพี่พีแล้วใช่ไหมมม55555 แรกๆ สงสารพี่พีมาก มณีโหดเกิ๊นนนนน พี่พีชอบความเจ็บปวดจริงๆ 555 น่ารักมากๆ เลยยค่ะ รอตอดตามตอนต่อๆ ไปนะคะ

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 13 [100%]….<

“ก็ได้ๆ...วันอาทิตย์ไปงานหนังสือด้วยรถพี่พีก็ได้ครับ”

(ไม่เคืองพี่ใช่ไหมเนี่ย)

“ไม่เคืองหรอก แต่พี่พีไม่อยากซ้อนผมจริงเหรอ...”

(ไม่ดีกว่าน้า)

“เศร้าเลย แต่ตามใจพี่พี...แล้วเที่ยงนี้พี่พีอยากกินอะไร”

(อื้ม...อะไรก็ได้ครับ พี่ไม่เรื่องมาก) ก็รู้ว่าพี่ไม่เรื่องมากแต่ก็อยากทำอะไรเอาอกเอาใจนี่นา

“อืม...ขนมจีนไหมพี่ ผมไม่ได้กินนานล่ะ”

(อืม...เอาเป็นขนมจีนแกงเขียวหวานได้ไหมล่ะ)

“ได้เลย ผมจัดให้ รับรองพี่พีต้องติดใจมากๆ จนไปไหนไม่รอด”

(ฮ่าๆ แค่นี้ก็ไปไหนไม่รอดแล้วครับท่านขุน) ชอบ...ชอบมากเวลาพี่พีเรียกชื่อเต็ม ฟังแล้วหัวใจเต้นแรง

“ครับ พี่พีตั้งใจทำงานนะ”

(เช่นกันครับ รักท่านขุนนะ)

“รักพี่พีครับ”

ด้วยความที่เมื่อเช้านี้พีระพลไม่สามารถมาที่กินข้าวที่ร้านได้ ทำให้พีระพลต้องโทรมาหาท่านขุนแต่เช้าแทน นอกจากคุยเรื่องปกติทั่วไปแล้วพีระพลยังได้บอกถึงแผนการณ์ที่เขาจะทำในวันอาทิตย์นี้ งานสัปดาห์หนังสือ หนอนหนังสืออย่างพีระพลไม่พลาดหรอก เขาก็เลยถือโอกาสบอกกับท่านขุนให้ได้รู้ ตอนแรกท่านขุนจะให้พีระพลซ้อนมอเตอร์ไซก์เขาไป แต่พีระพลไม่ยอม...

เห็นยอมทุกอย่างมาตลอด...เอาเข้าจริงก็มีดื้อแหละนะ

เขากับพี่พีเข้ากันได้ดี...ดีมาก นี่ตอนนี้ท่านขุนเริ่มจะอยากจับพี่พีมานอนที่นี่ถาวรเสียแล้วด้วยซ้ำ เขามีค่ำคืนที่แสนหวานกับพีระพลแค่คืนวันเสาร์และก็วันอาทิตย์อีกนิดหน่อยเท่านั้น ท่านขุนรู้สึกว่ามันไม่เพียงพออะ...อยากได้อีก โลภมากจริงๆ เลยให้ตาย

อยากนอนกอดทุกวัน...อยากจูบทุกคืน อะไรแบบนี้ ติดที่ท่านขุนไม่กล้าบอกพี่พีของเขาเรื่องความต้องการนี้ ยังคิดว่าพี่พีไม่น่ามานอนที่นี่ถาวรได้ เท่าที่รู้พีระพลมีบ้านหลังเล็กๆ ของตัวเองอยู่หมู่บ้านไม่ไกลจากที่ทำงานนัก ซื้อมาด้วยเงินตัวเองอีกด้วย แบบนี้เท่ากับว่าพี่พีก็มีบ้านที่ต้องดูแลอยู่ จะทิ้งบ้านมาอาศัยกับเขาเลยดูจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าการจับพี่พีมาเป็นแฟน

เข้าใจ...เลยต้องทนนี่ไง

โห่ คืนเดียวมันไม่พอหรอกนะ ท่านขุนเป็นเด็กหนุ่มไง ยังไฟแรงและยังต้องการอยู่เรื่อยๆ ที่จริงพี่พีก็ตามใจเขาแหละ ตามใจทั้งคืนเลยไง แต่ก็ยังไม่พอไง...เอาจริงๆ มาอยู่ด้วยกันไม่ต้องทำกันตลอดก็ได้แค่อยากอยู่ด้วยกันน่ะ

เฮ้อ...ช่วงนี้หมกมุ่นจัง

เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้น ท่านขุนไม่ได้หันไปมองหรอกเพราะกำลังเขียนใบรายการให้จิมออกไปซื้อของที่ตลาด เที่ยงวันนี้จะทำแกงเขียวหวานให้พี่พีทาน พร้อมขนมจีน เป็นแอ้ที่เอ่ยต้อนรับลูกค้า ทว่าเสียงของแอ้กลับหายไปง่ายๆ แค่คำว่าอ่าว...

“ทำอะไรน่ะ” แล้วท่านขุนก็รู้ว่าทำไมแอ้ถึงชะงักไป เมื่อผู้มาใหม่เข้ามายังห้องครัว ทั้งยังชะโงกหน้าเข้ามาดูสิ่งที่ท่านขุนกำลังเขียน

“เอ๋...จะทำแกงเขียวหวานเหรอ พอดีเลย ขอฝากท้องไว้ด้วยสิ” ผู้มาใหม่ยิ้มหวาน ยิ้มน่ารักและสดใส ท่านขุนขยับตัวถอยห่างออกมานิดหน่อยเพราะรู้สึกว่าไหล่ของพวกเขาจะชนกันแล้ว

คนๆ นี้ชื่อรัก...เป็นแฟนเก่าของท่านขุน

มณีน้อยเห็นคนคุ้นเคยเข้ามาก็ตรงดิ่งเข้าไปคลอเคลีย รักละสายตาจากท่านขุนลงไปอุ้มเจ้าแมวน้อยขึ้นมา ยีหัวลูบหัวมณีด้วยความเอ็นดู แต่ท่านขุนไม่ได้รู้สึกชุ่มชื่นอย่างที่มณีเป็น เขาอึดอัด...เขาอยากหายไปจากตรงนี้เลยด้วยซ้ำไป

“มาได้ไง...” ท่านขุนถามแค่สั้นๆ

“ก็ขับรถมาไง ท่านขุนไม่ได้ยินเสียงเจ้ายักษ์ของข้ารึขอรับ” รักเล่นแบบที่เคยเล่น

“โทษที ไม่ได้ยินเลย มีอะไรหรือเปล่าถึงมา”

“มาแบบไม่มีอะไรไม่ได้เหรอ...มาเพราะคิดถึงก็ไม่ได้หรือไง” คำพูดของรักยิ่งทำให้ท่านขุนรู้สึกอึดอัด บางทีคำว่าผู้ใหญ่มันก็ค้ำคอจนพูดอะไรหยาบๆ ออกไปลำบาก

“โทษทีนะ ขอเขียนต่อก่อนแล้วกัน” ท่านขุนทำอะไรไม่ถูก เขากลับไปสนใจเขียนใบรายการที่ต้องให้จิมไปซื้อ รักเล่นกับมณีน้อยของเขา...ใช้คำนี้จัดว่าถูกต้องที่สุด

มณีเป็นแมวของรัก เขาซื้อแมวน้อยมาเพื่อเป็นลูกของเขากับท่านขุน...เป็นเหมือนพยานรักก็ว่าได้ ตอนนั้นมีความสุขมากกับการเลี้ยงลูกแมวตัวนี้ด้วยกัน มณีถูกตั้งชื่อให้คล้องจองกับท่านขุน แถมมณียังรักท่านขุนมากในตอนนั้น เธอติดท่านขุนแจ อ้อนให้ท่านขุนป้อนนมอยู่ตลอด

ทว่าภาพความทรงจำสีหวานนั้นกลายเป็นสีเทาไปแล้วในหัวท่านขุน...ระหว่างเขากับรักจบกันไม่สวยเท่าไหร่

คู่อื่นอาจคิดว่าการที่คนรักเรานอกลู่นอกทางบ้างมันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ถ้ารักกันก็ต้องให้อภัยกันแต่การที่รักมีคนอื่นแอบซ่อนเอาไว้มันทำให้ท่านขุนรับไม่ได้จริงๆ ต่อให้เป็นความผิดครั้งแรกของรักก็ตาม ท่านขุนไม่ยอมให้อภัยและตัดสินใจบอกเลิกง่ายๆ ทันทีที่จับได้ว่ารักเลี้ยงแฟนอีกคนไว้ที่คอนโดตัวเอง ความเด็ดขาดของท่านขุนในวันนั้นดูเหมือนคนไม่เคยรักแฟนคนนี้ แต่ไม่หรอก...ท่านขุนเจ็บปวดมากกับคำว่าเลิกกันเถอะ เราไปต่อด้วยกันไม่ได้แล้วล่ะ

หลังจากบอกเลิก ท่านขุนก็เลิกติดต่อกับรักอีก ไม่คิดจะกลับไปสนใจคนทรยศคนนี้ ต่อให้ตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ท่านขุนไม่ฟังเหตุผล ไม่ฟังคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับท่านขุนแล้ว...การนอกกาย นอกใจจัดเป็นความผิดที่ไม่อาจยอมรับ เขาเกลียดสิ่งที่รักทำ เกลียดที่รักหักหลังความรักที่ท่านขุนได้มอบให้ แต่ถึงท่านขุนจะเด็ดขาดกับรักขนาดไหน ช่วงแรกรักก็มาตามตื๊อ มาขอโทษอยู่ดี

ตอนนั้นอารมณ์ร้อน...ท่านขุนกับรักต่อยกันที่ร้านเพราะท่านขุนอารมณ์ร้ายใส่ รักเองก็ไม่ยอม หาว่าท่านขุนไม่เคยรักตน เรื่องแค่นี้ก็ยอมให้กันไม่ได้ แค่ผิดไปครั้งเดียวเท่านั้นเอง คำพูดนั้นเห็นแก่ตัวสิ้นดี ท่านขุนไม่สนใจใครหน้าไหน เขาเป็นฝ่ายต่อยรักก่อนแล้วทั้งคู่ก็ทะเลาะกันหนักมาจนแยกจากกันไป

ช่วงนั้นเรียกว่าถ้าตายกูก็ไม่ไปงานศพ...

แล้วทำมันนี้ถืงโพล่มา?

“แปลกนะที่ขุนทำอาหารเอง” รักเปรยขณะที่ท่านขุนเดินออกไปด้านนอกเพื่อส่งรายการให้จิม

“จิมไปซื้อมาให้ทีนะ พี่รีบ” สั่งลูกน้องเสร็จก็หันไปหารัก เขาแย่งมณีน้อยมาอุ้มเอง

“วันนี้มาต้องการจะทำอะไร...รถมีปัญหาเหรอครับ” เหมือนพูดกับลูกค้าทั่วไป เรื่องนั้นผ่านมาเป็นปีแล้ว ท่านขุนรู้ดีว่าระหว่างเขากับรักจะไม่มีทางกลับไปเป็นแบบเดิม แต่แปลกที่กาลเวลาทำให้เขาเริ่มปลงกับความเกลียดชังที่เคยมี

“กล่องดำเจ้ายักษ์มีปัญหาน่ะ ก็เลยเอามาให้ท่านขุนช่วยดูให้หน่อย นี่รักตั้งใจมากเลยนะ...อยากให้ท่านขุนเป็นคนทำเจ้ายักษ์เอง” พูดแบบนี้คือเอาใจหรือเปล่า ท่านขุนยิ้มการค้า...ยิ้มแบบที่ยิ้มให้ลูกค้าทุกคน

“ได้สิ เดี๋ยวผมดูให้” ท่านขุนปล่อยมณีลงไปเดินเล่นที่พื้น ซึ่งเธอก็ยังเดินป้วนเปี้ยนอยู่กับรักไม่ไปไหน มันเป็นความคุ้นชิ้น...เป็นความสนิทสนมที่อยู่ในตัวของมณี มันหายไปไม่ได้ ต่อให้คนสองคนเลิกกันไปแล้ว แต่ในความรู้สึกมณี นี่ก็คือคนอีกคนที่เธอรัก

รักไม่ได้ดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากนัก ทั้งรูปร่างและการแต่งตัว รักเป็นคนชอบใส่เสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ทับเสื้อยืดคอวีสีพื้น กางเกงต้องเป็นกางเกงฟอกขาดๆ นิดหน่อย เขามีแบรนด์ที่ใส่ประจำอยู่แล้ว ต่อให้มีกี่ตัวมันก็เป็นยี่ห้อนั้น ทรงผมสุดฮิตตามเทรน รองทรงสั้นแต่ด้านหน้าไว้ยาว จัดให้มันตั้งๆ นิดหน่อยเสริมให้รักดูหล่อเหลา แล้วยังมีแว่นสีชาแหน็บอยู่ที่คอเสื้อ รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังแบบหุ้มข้อ เจ้าตัวเดินตามเจ้าของร้านออกมาด้านนอก

ท่านขุนไม่ได้ให้ความสนใจกับรักนัก เขาคิดว่าตอนนี้รักก็เหมือนลูกค้าคนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้ลูกค้าจะซอมซ่อ หรือว่าดูสติไม่ดีขนาดไหน เขาเป็นเจ้าของร้านก็ต้องต้อนรับขับสู้ เพราะสิ่งที่เราต้องการก็คือเงินของเขา ปฏิเสธไม่ได้นะ...ทำงานเพื่อเงินนี่

เจ้ายักษ์เป็นรถบีเอ็มดับเบิลยู ทรงสปอร์ทพันซีซี คนอื่นเรียกมันว่าฉลามขาวด้วยรูปลักษณ์ของมันเหมือนปลาสายพันธุ์นี้มาก ช่องระบายอากาศตรงแฟริ่งด้านข้างเป็นขีดสามขีดราวกับเหงือกของฉลามไม่มีผิด ไฟหน้าหรือเรามองว่ามันคือหน้าตาของรถก็โฉบเฉี่ยว ดูดุดันบวกกับความแรงของมัน จัดว่าเจ้านี่มันเป็นนักล่าตัวหนึ่งทีเดียว

ท่านขุนเอาแสตนด์สำหรับทรงตัวรถมาทางล้อหลัง จากนั้นใช้มันงัดรถตั้งตรงเพื่อจะได้ทำการแง้มดูอุปกรณ์ควบคุมไฟด้านใน กล่องดำเป็นสิ่งที่คนรักความเร็วส่วนใหญ่เขาใส่กัน มันสามารถควมคุมไฟทั้งคันรถได้ และยังทำหน้าที่เหมือนปลดลิมิตรเตอร์ความเร็วแต่ละคัน เหมือนว่ารถต่อให้ซีซีสูงต่อแค่ไหน ทางศูนย์ก็จะมีค่าควบคุมความเร็วของรถนั้นๆ อยู่ เพื่อจุดประสงค์ที่ต่างกันไป บางแบรนด์ก็ทำเพื่อประหยัดน้ำมัน ในขณะที่บางแบรนด์ไม่ทำเพื่อขับเน้นเรื่องของความเร็วรถ

“ให้รักช่วยไหม”

“ไม่เป็นไรครับ” ท่านขุนก้มๆ เงยๆ หยิบจับเครื่องมือ แอ้ไม่กล้าเข้ามาใกล้เพราะว่าตรงนั้นมันไม่สะดวกกับการมีคนจำนวนมาก เขายืนอยู่ไม่ห่าง เฝ้ามองดูเจ้านายตัวเองกับคนรักเก่าคุยกันเรื่องรถ

ไม่ได้สานต่อควาทรงจำเก่าก่อน ท่านขุนถามแค่อาการของมันและสิ่งที่รักต้องการในการทำรถครั้งนี้ ซึ่งรักก็ตอบเป็นการเป็นงาน เอาเข้าจริงรักเองรู้เรื่องรถไม่ได้น้อยไปกว่าท่านขุน ถึงท่านขุนเปิดร้านซ่อมรถแต่รักเองก็ซ่อมเป็นเช่นกัน ช่วงที่คบกันพวกเขาช่วยกันซ่อมรถที่เข้ามาอยู่ตลอด เป็นเหมือนหุ่นส่วนที่สำคัญ ทั้งในงานและในชีวิต

ไม่น่าเชื่อ...ทั้งที่เชื่อว่ารักกันมากไม่คิดจะเลิกราจากกันได้ ตอนนี้สิ่งนั้นกลายเป็นแค่ความทรงจำสีหม่นไปเสียแล้ว ท่านขุนไม่โหยหาความรักเลวๆ เขารู้ ผิดที่เขาแหละเป็นคนง่ายๆ เขาใช้ความรู้สึกนำทาง...เขารักรัก และเชื่อว่ารักก็รักเขามากจนไม่มีทางทรยศเขาได้ แล้วยังไง...นี่ไงบทสุดท้ายของความรักที่มีแต่ความรู้สึก

พูดไม่ได้หรอก...ตอนนี้ท่านขุนก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่ และเขาก็ยังเชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเอง จะว่าทุเรศก็ได้ ตอนนี้ท่านขุนรักพี่พีของตนยิ่งกว่ารักรักในอดีตเสียอีก ทั้งที่พวกเขารู้จักกันได้ไม่นานและคบหากันมาแค่เดือนกว่าๆ เท่านั้น

“โอเค...สรุปตามนี้ เดี๋ยวผมจะดูอะไหล่ให้ แล้วก็จะเริ่มทำช่วงบ่ายๆ ไว้พรุ่งนี้รักค่อยมารับรถแล้วกันครับ” หลังคุยงานเสร็จ ท่านขุนก็สรุปให้รักฟัง รักไม่ได้มองรถเลย...เขามองท่านขุนไม่วางตา

“นี่ไล่กันหรือเปล่า” ท่านขุนอยากพยักหน้า

“เปล่าครับ หรือว่ารักสนใจสินค้าตัวอื่น...”

“สนใจท่านขุนนี่นับไหม” อยากกรอกตาเป็นเลขแปดแต่ทำไม่ได้ ท่านขุนยังคงยิ้มบางๆ

“ความหน้าหม้อนี้ไม่เปลี่ยนเลยนะครับ อ๋อใช่ รักบอกจะฝากท้องนี่นะ งั้นเข้าไปรอข้างในเถอะครับ” ไม่อยากต่อปากต่อคำ ท่านขุนเดินนำเข้าไปในร้าน รักเดินตาม มณีเข้ามาคลอเคลียทันที

“ขี้อ้อนจังน้า อ้อนไปก็ไม่มีของให้หรอกครับมณี” รักเอ่ยกับแมวน้อย ท่านขุนกดโทรศัพท์หาจิมเพื่อถามว่าได้ของหรือยัง

ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะรับสาย จิมก็โพล่หัวเข้ามาในร้าน เขาเดินมาตรงหน้าท่านขุน สองมือเต็มไปด้วยสิ่งของที่ท่านขุนสั่งให้ซื้อมา จิมวางของข้างหนึ่งลง มันคว้าโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสายของท่านขุนต่อหน้าเจ้าของสายเรียกเข้า

“เดี๋ยวเถอะมึง” ท่านขุนรีบตัดสาย

“ฮ่าๆ ก็พี่อะจะรีบไปไหน...แกงทำแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว” จิมช่วยท่านขุนเอาของเข้าไปในครัว มันวางทิ้งเอาไว้แล้วเดินออกไปเลย รอกินอย่างเดียว

“จิมนี่ยังขี้เกียจเหมือนเดิม แถมท่านขุนของกระผมก็ยังใจดีกับทาสเช่นมันอยู่ดี” ดูสำนวน...เพื่อนเล่นเหรอ

“ฮ่าๆ ก็นะ...อยากให้มันเป็นลูกน้องคนเดียวในประเทศที่สบายกว่าเจ้านายของมัน” ฟังดูก็รู้ว่าเสียงหัวเราะนั้นมันเหมือนหัวเราะเยาะมากกว่า

“แล้วคิดยังไงถึงทำอาหารเองล่ะ” ปกติอยู่ด้วยกันเมื่อก่อน รักไม่ค่อยเห็นท่านขุนทำอาหาร ให้ลูกน้องออกไปซื้อของตลอด

นั่นสิ...ทำไมถึงกลายเป็นคนชอบทำอาหาร คำตอบเหรอ หาง่ายจะตาย...ก็เพราะคนที่กำลังจะมากินข้าวเที่ยงด้วยน่ะสิ พี่พีชอบบอกว่าอาหารที่ท่านขุนทำอร่อย ไม่ว่าท่านขุนจะทำอะไรพี่พีก็ชอบทั้งนั้น นั่นแหละ...ท่านขุนทำเพื่อพี่พีของเขายังไงล่ะ

“ก็...จะว่ายังไงดีล่ะ” ท่านขุนหันไปยิ้มเจ้าเล่ให้รัก ขณะที่มือของเขากำลังเอาของต่างๆ ออกมาจากถุง

“หรือว่าเพราะวันนี้ท่านขุนนึกคึกอะไรใช่ไหม ถ้าใช่นี่...รักโชคดีมากเลยนะที่มาได้จังหวะ” รักเท้ามือกับเคาน์เตอร์ครัว เขาขยับเข้าใกล้ท่านขุนมากขึ้น

“มั้ง แต่ช่วยหลบหน่อยได้ไหม ผมว่ารักควรนั่งรอ”

“ไล่กันนี่นา”

“ครับ” คราวนี้ท่านขุนไม่ปฏิเสธ รักเบะปากใส่นิดหน่อย มันก็ดูน่ารัก...เมื่อก่อนอะนะ

“แล้วช่วงนี้ท่านขุนเป็นยังไงบ้าง...สบายดีไหม” รักไปนั่งรอตรงโต๊ะกินข้าว

“ก็ดี”

“เหรอ นั่นสิ...ท่านขุนดูมีความสุขดีนี่เนอะ แล้วไปได้ไปทริปมั้งปะ รักว่านะ...ตอนนี้อะน่าเที่ยว คนไม่ค่อยเยอะดี นี่กลุ่มรักก็มีแผนจะไปเที่ยวกันวันอาทิตย์นี้ ไปทะเล...ไปปะ เราไม่ได้ซิ่งด้วยกันนานแล้ว ท่านขุนนี่ยังเข้าโค้งสวยอยู่หรือเปล่าน้า” รักพูดเรื่อยเปื่อยดูเป็นธรรมชาติ ก็เขาเคยคบกัน...เขาเป็นคนคุ้นเคย

“วันอาทิตย์นี้ไม่ว่างหรอก”

“อ่าว ทำไมอะ ท่านขุนมีแผนไปไหนเหรอ...รักไปด้วยได้ไหมอะ”

“จะไปงานหนังสือ” เป็นคำสั้นๆ ที่ทำให้รักคิ้วขมวด

“งานหนังสือเดี๋ยวนี้เขามีโคโยตี้เหรอท่านขุน...ฮ่าๆ ตลกอะ ท่านขุนไปงานหนังสือเนี่ยนะ ไปทำอะไร ปกติท่านขุนอ่านอะไรรอดที่ไหน เจ็ดบรรทัดก็หลับแล้วเราอะ” เออ ไม่ปฏิเสธ ทุกวันนี้ก็อ่านไม่ได้เยอะขึ้นหรอก แต่รู้เรื่องหนังสือเยอะนะ...พี่พีเล่าให้ฟัง

“มันตลกขนาดนั้นหรือไง ไปงานหนังสือก็ต้องไปดูหนังสือ...งานหนังสือไม่ได้มีโคโยตี้ให้ดูอยู่แล้วปะ” ท่านขุนว่ากลับสบายๆ

“มันไม่ตลก แต่มันแปลก...หรือว่าท่านขุนของรักเปลี่ยนไปแล้วกันนะ”

“ผมไม่ใช่ของคุณ” เกิดความเงียบไปชั่วอึดใจเมื่อคำตรงไปตรงมาออกมาจากปากของท่านขุน เจ้าของคำพูดไม่ได้สนใจเลยว่าคนฟังจะรู้สึกอย่างไร เขากำลังทำอาหาร หั่นมะเขือเปราะแบบพอดีคำ

ท่านขุนตั้งหม้อบนเตาให้ร้อน ใส่น้ำมันไม่มากนัก มีไอร้อนออกเขาก็เริ่มใส่เครื่องแกงเขียวหวานลงไปผัดให้กลิ่นหอมฉุย นี่ถ้ามากความสามารถกว่านี้เขาจะตำเครื่องแกงเอง ติดที่เขาไม่มีปัญญาทำมากขนาดนั้น จากนั้นก็ใส่ไก่หั่นสำเร็จรูปลงไปผัดกับเครื่องแกง ให้เครื่องแกงซึมเข้าสู่ชิ้นไก่เหล่านั้น ท่านขุนมีความสุขมากกับการทำ ต่อมาก็เทกะทิลงไป...

“รักขอโทษ...” ดูเหมือนอีกคนเพิ่งจะหาคำพูดตัวเองเจอ

“ไม่เป็นไร ไม่ได้คิดมากขนาดนั้น”

“อื้อ ดีใจที่ไม่ทำให้ท่านขุนเคืองอีก...ไม่อยากให้ท่านขุนโกรธเกลียดรักแล้ว” มันเข้าหูซ้ายและทะลุไปหูขวาแหละในความรู้สึกท่านขุน ตอนนี้เขามีแค่พี่พีกำลังจะมา เขาต้องตั้งใจทำ...พี่พีกินรสจัด เติมพริกอีกดีไหมนะ...

“แล้วชีวิตรักเป็นไงบ้างล่ะ” ไม่ได้ถามเอาอะไรนะ ถามไปงั้นๆ...

“ก็โสด...โสดมาเป็นปีแล้วล่ะ หาคนใหม่ไม่ได้เลย ไม่เคยลืมคนเก่าได้...” ติดว่ามันเป็นคำพูดที่น่าจะทำให้ท่านขุนรู้ตัว การที่รักกลับมาแบบนี้เพราะรักมีจุดประสงค์

หึ...ท่านขุนรู้แล้วล่ะ

“อ๋อ อืม...สู้ๆ ล่ะ” โคตรไร้ความรู้สึกร่วม

“นี่...เรากลับมาเริ่มต้น...” รักกำลังจะเอ่ยสิ่งที่ต้องการบอก ถ้าไม่ติดว่าเสียงกระดิ่งหน้าร้านมันดังขึ้นเสียก่อน...

พี่พีมาแล้ว…

….100%….

ก่อนอื่นเราต้องขอโทษมากๆ เลยค่ะที่หายไปหลายวันจัด พอดีเรายุ่งๆ นิดหน่อย ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ หลังจากนี้จะมาบ่อยขึ้นค่ะ งานเคลียไปได้เยอะแล้ว…ดีจายยยยย

ตอนหน้าแฟนเก่าปะทะแฟนใหม่ล่ะ!  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
รอดูว่าพี่พีจะทำไง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Minty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 743
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ชูป้ายไฟรอตอนต่อไป
แฟนคลับพี่พีเชิญทางนี้เลยค่ะ
แฟนเก่าก็อยู่ส่วนแฟนเก่าไป
คนที่ไม่ซื่อสัตย์กับคนรักก็สมควรแล้ว

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
พี่พีอาจจะใช้ความสงบสยบทุกความเคลื่อนไหว  แต่ก็อยากเห็นพี่พีหึงเหมือนกันนะ

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
ลุ้นๆ ตอนหน้าพี่พีคนดีจะเป็นยังไงถ้ามาเห็นแฟนเก่าของขุน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
หูยยยยย ลุ้นเลยว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง

ออฟไลน์ __puppy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
 :hao7: โอ้โหว มาแล้วว คนในอดีตท่านขุน พี่พีก็มาแลเว กรี้ดดด 55555 ลุ้น รอค่าา

ออฟไลน์ Kei

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
หมั้นไส้แฟนเก่ามั่กๆ รุสึกดีที่ขุนมีคนมาจีบเยอะ คนมันมีเสน่ห์ :katai3:

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ค้างงงงงงงงง มากมายยย :katai1:

ออฟไลน์ GukakST

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +187/-5
>….ตอนที่ 14 [100%]….<

“หวัดดีครับพี่พี” แอ้ยกมือไหว้หน้านิ่งเช่นเดิม

“หวัดดีพี่...” ส่วนจิมเริ่มหวาด...แฟนเก่ากับแฟนใหม่มาเจอกันวะ!

“ครับ” พีระพลยกมือรับไหว้น้องๆ ทั้งสองคน เป็นสิ่งที่จิมกับแอ้ชอบนะ...ทุกครั้งที่สวัสดีพีระพล เขาจะยกมือไหว้ตอบเหมือนการรับไหว้เสมอ เหมือนตอนเรียนครูก็สอนเงี่ย แต่โตมาเจอคนทำแบบนี้น้อยมาก ผู้ใหญ่นี่แทบหาไม่เจอ...ยกมือไหว้แล้วก็เออๆ หวัดดี

สิ่งแรกที่พีระพลมองหาไม่ใช่ท่านขุนแต่เป็นมณี ปกติมณีจะอยู่ที่โซฟากลางร้านสำหรับรับแขก มันเห็นได้ง่าย แต่วันนี้เขาไม่เห็น ซ้ายขวาไม่มี เขาตัดสินใจเดินเข้าไปในครัว กลิ่นหอมลอยออกมาจากที่นี่ และอีกคนที่เขามองหาต่อจากมณีเสมอก็คือท่านขุน...

“พี่พีมาเร็วจัง ผมยังทำไม่เสร็จเลย...” ท่านขุนเอ่ยทักแต่พีระพลกลับมองไปที่รัก ถึงจะอาวุโสกว่า แต่พีระพลก็ก้มหัวให้หน่อยๆ เป็นการทักทาย

“วันนี้งานพี่เสร็จเร็วน่ะ ก็เลยมาก่อน...มีอะไรให้พี่ช่วยไหมครับ” เหนือกว่าคนแปลกหน้าคือ...มณีนอนหนุนแขนคนๆ นี้อยู่แฮะ

“อ๋อ เออ...นี่พี่พีเป็นแฟนเรา ส่วนนี่ชื่อรักเป็นเพื่อนผมเองพี่”

“อา...สวัสดีครับ” รักจำต้องเอ่ยทักทั้งที่ยังอึ้งอยู่หน่อยๆ

“ครับ แปลกดี...มณีเป็นมิตรกับคุณด้วย เธอไม่เคยเป็นมิตรกับผมเลยล่ะครับ” พีระพลดูเป็นมิตรมากๆ แต่คนที่อยากกลับมาเอาแฟนเก่าคืนมันมีอคติอยู่แล้วล่ะ

“ก็...”

“รักเป็นเพื่อนผมนานแล้วไงพี่ รู้จักกันตั้งแต่มณียังตัวเล็กๆ อยู่เลย...”

“อ๋อ” พีระพลเข้าใจไม่ยาก เขายิ้มรับบางๆ แล้วเข้าไปช่วยท่านขุนทำอาหาร

รักมองดูคนสองคนยืนเคียงคู่กันตรงเคาน์เตอร์ครัว...ความต่างนี้มันอะไร อีกคนแต่งตัวถูกระเบียบไปทุกสัดส่วน นี่พักเที่ยงนะ แต่ชายเสื้อสีน้ำตาลอ่อนไม่มีหลุดออกมาจากกางเกงแสล็กสีดำนั่นเลย แว่นตาไร้กรอบนั่นอีก...หล่ออยู่หรอก แต่ไม่คิดเหรอว่ามันดูเชยอะ ทรงผมถูกตัดและแต่งให้เข้าทรงแม้ไม่ต้องเซท เรียบร้อยอย่างกับนักวิชาการ แล้วดูท่านขุนสิ...ไม่เข้ากันเลย

“รักช่วยไหม...” แล้วรักก็เอ่ยปาก ท่านขุนเหลือบมามองนิดหน่อย

“ไม่ต้องก็ได้ครับ”

“หน่า...อยากช่วย” รักเข้าไปเบียดอีกข้างของท่านขุน เขาเอื้อมมือเอาจานมาวางเรียงๆ ล้างมือก่อนจะหยิบขนมจีนใส่ ใกล้ชิดกับท่านขุนมากกว่าพีระพลที่อยู่ไม่ห่างนักแต่ก็ไม่ชิดจนน่าเกลียด

มันอาจผิดที่พีระพลเองคิดว่าการที่เราทำตัวสวีตหวานต่อหน้าคนอื่นที่เป็นแขกมากเกินไปมันจะไม่เหมาะสม เขาจึงวางตัวกลางๆ ไม่ได้ห่างอย่างกับคนไม่รู้จัก ไม่เอาสังคม แต่ก็ไม่ได้ใกล้ขนาดที่ว่าจะกลืนกินอีกฝ่ายไปทั้งตัว

แล้วตอนนี้อะไร...รักเบียดจนเขาต้องถอยออกมา

ก็ไม่เชิงว่าเบียดจนยืนต่อไม่ได้ พีระพลแค่รู้สึกว่ามันเริ่มอึดอัดแล้วที่ชายสามคนตัวสูงเกินร้อยเจ็ดสิบจะมายืนเบียดกันหน้าเตาครัว เขาเดินไปที่โต๊ะกินข้าว นั่งลงพลางมองสำรวจ ท่านขุนมีท่าทีรำคาญอยู่บ้าง ส่วนรักก็ร่าเริงสดใส อย่างกลับได้แกล้งท่านขุนเล่น...แบบเพื่อนกันแกล้งกัน

แต่เกินไปไหมล่ะ...ไหล่ชิดกันขนาดนั้นน่ะ เกินไปหรือเปล่า

พีระพลลืมแมวน้อยไปสนิทใจ เขาจดๆ จ้องๆ อยู่กับคนสองคนใกล้ๆ เมื่อกี้ที่ช่วยแกงก็ใกล้เสร็จแล้วแค่จัดจานก็พร้อมทาน มือไม้แทบจะพันกันอยู่รอมร่อ ท่านขุนหลีกแล้ว รักก็ตามเกาะแกะอยู่ดี พีระพลคิดว่าตัวเองคงคิดมากไป..เพื่อนกันแค่นั้นแหละไม่มีอะไร

ขนมจีนสามจานถูกเอามาเสิร์ฟ ท่านขุนนั่งลงข้างพีระพล ส่วนรักนั่งที่เดิมตรงข้ามทั้งสอง ผักเคียงมีไม่มากนักเพราะท่านขุนเองก็ไม่ได้ชอบผักเท่าไหร่ พริกแห้งก็คั่วไม่ทัน ขนมจีนเขียวหวานไก่ตรงหน้าน่าทานมากๆ ถึงไม่เคี้ยวนานแต่ก็ดูเข้มข้นดี

“ผมตำพริกเพิ่มลงไปด้วย พี่พีชอบทานเผ็ดนี่เนาะ...เดี๋ยวผมเอาน้ำให้” ว่าจบท่านขุนเดินไปเอาน้ำกับแก้วมาวางเรียง

“ดูแลดีเสมอเลยน้า...” รักพูดไปก็ส่งสารตาหวานไป พีระพลเห็นทั้งหมดนั่นแหละ

“แล้วคบกันนานยัง” รักเปิดประเด็นขึ้นมาเมื่อท่านขุนนั่งลง

“เดือนกว่าๆ เองครับ” พีระพลเป็นฝ่ายตอบ

“อ๋อ เพิ่งคบกันนี่เอง...” เหมือนรักเยาะเย้ยแปลกๆ ท่านขุนรู้แหละ แต่แสดงอาการอะไรมากไม่ได้ พีระพลเองก็ยังยิ้มอยู่...เขาไม่ได้โง่ เขาแค่มีความเป็นผู้ใหญ่มากพอที่จะเก็บอารมณ์ส่วนตนเอาไว้ข้างใน

“กินๆ ไปเหอะ” ท่านขุนเอ่ยเสียงห้วนนิดๆ ติดความไม่พอใจหน่อยๆ

“ไม่ต้องรีบกินก็รู้ว่ารสมือของท่านขุนอร่อยขนาดไหน รักยังจำได้อยู่เลย...ครั้งแรกที่ท่านขุนทำอาหารให้รักทาน เมื่อก่อนท่านขุนไม่ชอบทำอาหารนะครับ นี่ถ้าผมไม่สบายแล้วอ้อนท่านขุนวันนั้น ผมก็คงไม่ได้ทานอาหารฝีมือท่านขุนหรอก คนอะไร...ขี้เกียจ” ท่าทางเย้าหยอกเป็นกันเองสุดๆ ที่จริงแจ็กก็หยอกเอินท่านขุนแบบสนิทสนมเหมือนกัน แต่ไม่มีแววตาหวานแบบที่รักทำอยู่ตอนนี้

“เหรอครับ...”

“ใช่ครับ พี่อาจ ‘มาทีหลัง’ ก็เลยยังไม่รู้จักท่านขุนดี ผมน่ะ...’มาก่อน’ ก็เลยรู้จักท่านขุนเหมือนรู้จักตัวเองเลยล่ะครับ เนอะ...นี่ๆ ตอนที่เราไปเที่ยวทริปที่สังขะบุรีด้วยกัน สนุกมากเลยเนอะ ตอนนั้นท่านขุนกอดเอวรักแน่นเชียวตอนรักเข้าโค้งน่ะ” พูดไปยิ้มแย้มไป รักพยายามเน้นคำเพื่อตอกย้ำให้พีระพลรู้ว่าตนเองเป็นคนที่มาทีหลัง

พีระพลยิ้มรับง่ายๆ เขาไม่มีคำพูดจะต่อคำรัก เหมือนอีกฝ่ายพูดกับท่านขุนมากกว่าไม่ใช่กับเขา พีระพลเริ่มทานขนมจีนเขียวหวานในจานของตนเอง คล้ายไม่รู้สึกอะไร แต่ท่านขุนรู้สึกอึดอัดมาก อยาจะลุกขึ้นไปต่อยปากเสียๆ นั่นเสียหนึ่งที อย่าคิดว่าเขาไม่รู้จุดประสงค์ของรักที่เอ่ยคำพูดคำจาทำนองนี้

“มันก็แค่เรื่องเก่าน่ะ...” ท่านขุนเหลือบมองพีระพล พี่พีของเขานิ่งมากและก็ยังดูเป็นมิตรไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่นิด ท่าทีแบบนั้นทำให้ท่านขุนคิดว่าพี่พีอาจจะไม่เข้าใจกลเกมของรักก็ได้

“เก่าเหรอ ไม่เก่าหรอก...สำหรับรักอะ มันยังเป็นความทรงดีๆ อยู่เลย...รักอยากให้ท่านขุนไปเที่ยวกับรักอีก วันอาทิตย์นี้เราไปด้วยกันนะ งานหนังสืออะไรนั่นช่างมันเหอะ...น่าเบื่อออก ท่านขุนไม่คิดเช่นหรือขอรับ” ไม่วายหยอกด้วยสำเนียงที่เขาสองคนมักใช้ พีระพลกินเงียบๆ...ไม่พูดถึงจะไม่พอใจที่ว่างานหนังสือน่าเบื่อ

พีระพลเข้าใจ วัยรุ่นส่วนใหญ่ไม่ชอบอ่านหนังสือและมองว่างานมหกรรมหนังสือเป็นงานน่าเบื่อแห่งชาติ ต่อให้หนังสือมันมีเสน่ห์แค่ไหนในสายตาพีระพล แต่เพราะตัวหนังสือมากๆ ไม่มีลวดลายหรือภาพสวยๆ ทำให้มันดูเป็นยานอนหลับชนิดหนึ่งของคนที่ไม่ชอบ

“รัก” ท่านขุนกดเสียงเล็กน้อย เขาไม่กล้าวางท่าทีไม่พอใจมากนักต่อหน้าพี่พี จะว่าเขาสร้างภาพก็ได้นะ และใช่...ท่านขุนกำลังสร้างเพราะไม่อยากให้พีระพลมองดูตนเองเป็นคนไม่ดี

“อะไรล่ะ มันจริงนี่...ทะเลที่เราจะไปรอบนี้นะ ห้องพักสวยมาก เราไม่ต้องจองห้องใหม่เพราะเรา ‘นอน’ ห้องเดียวกัน ดีมะ...จ่ายแค่ค่ากินเอง รับรองว่าอาหารทะเลที่นั่นสุดยอด รักเคยไปรอบหนึ่งแล้ว นะ...เราไปซิ่งด้วยกัน ถึงรอบนี้ท่านขุนจะไม่ได้นั่งซ้อนท้ายเรา แต่แค่ได้ขับรถไปด้วยกัน...มันก็มีความสุขแล้ว” ราวกับกำลังสานต่อความหลังเก่าก่อนต่อหน้าพีระพล

ไม่ใช่เพื่อนเก่าหรอก...ไม่ใช่!

ความรู้สึกของพีระพลบอกแบบนั้น คำพูดคำจาแบบนี้...เรื่องเล่าและความทรงจำแบบนี้ น้ำเสียงหวานๆ และสายตากระเง้ากระงอดอย่างนี้ สองคนนี้ต้องเป็นมากกว่าเพื่อนมาก่อน พีระพลเริ่มเครียด...เริ่มไม่พอใจในสิ่งที่รักกำลังทำอยู่ แต่มันก็พูดยาก เขาเลยเลือกที่จะนิ่งต่อไป และกล่อมให้ตัวคิดไปเสียว่า...เขาเป็นเพื่อนที่มีความทรงจำดีๆ ร่วมกันมามาก

รักเป็นคนเดียวที่ร่าเริงในเวลานี้...ไม่สิ มณีก็ดูมีความสุขที่คนของเธอทั้งสองคนอยู่พร้อมหน้ากัน ต่างกับท่านขุนและพีระพลอย่างสิ้นเชิง พีระพลอาจดูออกยากไปหน่อยเมื่อเขาไม่แสดงออกเลยนอกจากยิ้มบางๆ ยามฟังเรื่องราว แต่ท่านขุนเนี่ยสิ...คิ้วขมวดไปหมดแล้ว เขาเครียด และไม่รู้จะแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้านี้ยังไงดี เขาควรได้พูดกับรักตรงๆ ถึงสิ่งที่รักกำลังทำอยู่ ทว่าอีกใจ...มันร้อนรน มันรอจนพี่พีกลับไม่ได้ ไม่อยากให้กลับด้วยซ้ำถ้าเป็นไปได้

“คุณพีไปด้วยกันไหมครับ สนุกนะ” เห็นท่านขุนเงียบ รักก็หันไปชวนอีกคนที่ดูเป็นมิตรกว่าแฟนเก่า

“อืม...ผมคงไม่สะดวกน่ะครับ”

“อ่าวเหรอครับ เสียดายจัง ว่าแต่คุณขับรถรุ่นอะไร...อยู่คลับไหน ผมรู้จักหรือเปล่า” ใบหน้าหล่อดูไร้พิษภัย แต่คำพูดแบบนั้นเหมือนจะตอกย้ำว่าพีระพลไม่เหมาะกับท่านขุน รักดูออก ผู้ชายคนนี้ไม่ได้ขับบิ๊กไบก์อย่างที่ท่านขุนขับ และอาจไม่ได้มีชีวิตแบบที่ท่านขุนมี

“ผมขับรถเก๋งน่ะ รถญี่ปุ่นเก่าๆ” พีระพลเอ่ยอย่างถ่อมตน

“คุณไม่ได้ขับบิ๊กไบก์เหรอ แปลกใจจัง ผมนึกว่าจะขับบิ๊กไบก์เสียอีก เห็นเป็นแฟนกัน...คือ อย่าว่าผมเลยนะ ผมแค่คิดว่าแฟนกันก็ควรจะมีอะไรเหมือนๆ กัน อย่าง...การได้ขับบิ๊กไบก์คันโปรดไปเที่ยวด้วยกัน มันเป็นบรรยากาศที่ดีมากเลยนะครับ เป็นความรู้สึกที่วิเศษมาก” สายตาหวานล้ำนั้นถูกส่งมาให้ท่านขุน ขนาดพูดกับพีระพลแต่มองท่านขุนไม่วางตา

ถ้าอยู่กับครอบครัวของพีระพล...รักจะโดนมองว่าไร้มารยาทอย่างหนัก พีระพลถอนหายใจเบาๆ เขาโกรธ แหงล่ะ...เขาต้องโกรธอยู่แล้ว แบบนี้ไม่ต่างกับการตอกย้ำเรื่องช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับท่านขุน แถมยังเหมือนใช้ความต่างของเขาเป็นตัวเชื่อมให้กับตนเองและท่านขุนอีก

พีระพลรู้สึกไม่อยากกินข้าวแล้ว แต่เพราะท่านขุนเป็นคนทำ เขาจึงกินมันจนหมดโดยใช้เวลาเร็วกว่าปกติ ดวงตาสีน้ำตาอ่อนมีแววเคืองขุ่นเล็กน้อย หากสังเกตหรือรู้จักกันดีพอ...จะรู้ว่าตอนนี้พีระพลพร้อมสู้นะ ถ้าจะเอา แต่ก็อีกแหละ...ทั้งชีวิตของพีระพล เขาไม่เคยมีเรื่องต่อยตีกับใครเลย ไม่เคยแม้แต่จะมีปากเสียงกับใครทั้งนั้น

“งั้นเหรอครับ พอดี...ผมขับมอเตอร์ไซก์ไม่เป็นน่ะครับ” เป็นความจริง พีระพลไม่เคยขับมอเตอร์ไซก์เลย

“โห คุณนี่มีแต่เรื่องแปลก”

“พอเราต่างกัน มันก็เลยดูแปลกมั้งครับ” พีระพลตอบกลางๆ

“นั่นสินะครับ” ใจจริงอยากจะบอกว่าพีระพลอะแปลกเกินคนธรรมดาเขาแล้ว คนอะไร...จืดชืดเป็นบ้า

“พี่พีอิ่มยัง ผมเก็บให้นะ...” ท่านขุนกินไม่ลงนานแล้ว เขารีบแย่งจานของพี่พีมาซ้อนจานของตนเอง

“รักก็อิ่มแล้ว รักช่วยนะ” คนถูกช่วยส่งสายตาไม่พอใจไปให้ แต่ก็ปฏิเสธไม่ออก สถานการณ์แบบนี้แม่งน่าหงุดหงิดฉิบหาย!

พีระพลเลือกที่จะไม่มองภาพของคนสองคนนั้น ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนปกติดีทุกอย่าง ในใจเหรอ...แทบจะท่องพุธโธอยู่แล้ว ยุบหนอพองหนอ อะไรก็ได้ที่ทำให้ใจเย็นลงอะ

โคตรหงุดหงิด!

ร่างสูงนั่งลงตรงโซฟาสีดำตัวเดิม มณีไม่ได้มาหาเขาแต่คลอเคลียอยู่กับสองคนนั้น เจ้าตัวถอดแว่นสายตาออกแล้วนวดบริเวณหัวตาตัวเองนิดหน่อยเพื่อผ่อนคลายตัวเอง เขาไม่พอใจรักเลย ไม่ชอบมากๆ อย่างกับรักพยายามเสี้ยมให้เขากับท่านขุนแตกคออะไรทำนองนั้น คิดแง่บวกกับผู้ชายคนนี้ไม่ออก

ความสนิทสนม ความรู้ใจและความทรงจำของคู่นี้ดูเหมือนคนรักกันมากกว่าจะเป็นเพื่อนกัน นี่พยายามแล้ว...พีระพลพยายามไม่คิดมากแล้วจริงๆ เขาห้ามไม่ได้เลย ยับยั้งความคิดด้านลบของตัวเองไม่ได้ไม่ว่าจะทำยังไงในตอนนี้ก็ตาม ถ้าเอาหนังสือออกมาอ่านก็คงทำให้รู้สึกดีขึ้นได้ พีระพลเหลือบมองไปทางด้านในครัว ระหว่างทางจากเขาไปครัวนั้นมีลูกน้องของท่านขุนนั่งอยู่ทั้งสองคน ซึ่งสองคนนั้นมีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจอย่างเห็นได้ชัด

มันไม่ใช่เพื่อนจริงๆ...แน่ๆ ยังไงก็ไม่ใช่ แต่ไม่ว่ารักจะเคยเป็นอะไร รักก็ไม่มีสิทธิ์ใช้คำพูดกับเขาแบบนี้...เขารู้สึกว่ารักขาดความเป็นผู้ใหญ่ ใช้คำหยาบเลยก็คือรักดูหน้าด้านมาก ไม่มีมารยาท ไม่มีใครสั่งสอนเหรอ...หรือมีคนสั่งสอนแล้วแต่มันไม่จำกันล่ะ

ทั้งคู่เดินออกมาพร้อมกัน รักยังคงพูดถึงเรื่องความทรงจำเก่าๆ ของเขาทั้งสองคน ความทรงจำอันดีที่พีระพลไม่รู้กับเขาด้วย พีระพลตัดสินใจหยิบมือถือออกมากดเล่น ในขณะที่สองคนนั้นนั่งลงข้างเขา รักแยกไปนั่งอีกตัวฝั่งเดียวกับท่านขุน

“พี่พีดูอะไร...” ท่านขุนเบียดเข้ามาใกล้ ชะโงกหน้ามอง ดูอ้อนๆ เล็กน้อย

“หืม ก็...ดูรายการหนังสือนิดหน่อยนะ”

“คุณชอบอ่านหนังสือเหรอ” พีระพลและท่านขุนเหลือบตาไปมองรักพร้อมกัน มันคือเสือก...มันคือการยุ่งอย่างไม่เข้าเรื่องและไม่ควรทำเลย

“ใช่ครับ ผมชอบอ่านหนังสือน่ะ...” รักทำหน้าเหรอหรา

“ผมว่ามันน่าเบื่อ”

“ผมเข้าใจครับ คนชอบก็ชอบอะเนาะ คนไม่ชอบทำยังไงก็ไม่ชอบหรอกครับ อีกอย่าง…ผมว่าหนังสือมันให้ความรู้ดีนะ ลองอ่านดูบ้าง เพิ่มความรู้ให้ตัวเองไงครับ” พีระพลยิ้มไร้พิษภัย ทว่าคำพูดของเขาก็มีความจิกกัดอยู่ในที ท่านขุนอยากจะยิ้มนะ...แต่ก็ไม่กล้า รักขบกรามตัวเองหน่อยๆ เพื่อข่มอารมณ์

“ท่านขุนก็ไม่ชอบหนังสือ” เฮ้ เหมือนโยนมาให้โง่ไปด้วยกัน

“ฮ่าๆ พี่รู้...ท่านขุนอ่านหนังสือได้ไม่นาน อ่านหนังสือเหมือนเด็กด้วย ชอบที่มันมีรูปภาพ” พีระพลว่าแล้วหันไปยิ้มหวานให้คนรัก ท่านขุนยิ้มตอบ

“พี่พีอ่า...ผมไม่ต้องอ่านมากหรอก รอพี่พีอ่านแล้วเล่าให้ผมฟังดีกว่า ผมชอบแบบนั้นมากกว่านะ แล้ววันนี้พี่พีได้อ่านเรื่องอะไรบ้างหรือเปล่า”

“อืม พี่ยังไม่ได้อ่านเลยนะ แต่พี่คิดว่าพี่จะหยิบเรื่องเดอะดาวินชี่โค้ดมาอ่านแหละ”

“ดูหนังเอาก็ได้มั้งเรื่องนั้นน่ะครับ รู้เรื่องกว่าอีก” สอดอีกแล้ว...พีระพลกับท่านขุนหันไปมองรักอีกครั้ง คนพูดไม่สะทกเลยว่าตัวเองทำตัวไร้มารยาทขนาดไหน เจ้าตัวยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย

รักไม่รู้หรอกว่า...การที่รักเอาแต่สอดเข้ามาแบบนี้ทำให้พีระพลรู้สึกโมโหยิ่งกว่าเดิมเสียอีก จากไม่ชอบหน้า ตอนนี้รู้สึกเกลียดขี้หน้าตงิดๆ เขาอยากพูดเหลือเกินว่าที่บ้านไม่มีคนสอนหรือว่าอย่าแทรกเวลาคนอื่นเขาคุยกัน มันเป็นมารยาทพื้นฐานที่ทุกครอบครัวเขาสอนลูกสอนหลานเลยนะ

“ครับ หนังก็ดี เขาก็ทำมาโอเคนะ แต่ว่ามันตัดดีเทลอะไรหลายๆ อย่างไปเยอะเลย ถ้าเราอ่านในหนังสือเราจะได้ข้อมูลมากกว่าการดูเพื่อความสนุก แต่ยังไงซะ พี่ก็มองว่ามันอยู่ที่คนชอบ” พีระพลตอบกลับนุ่มนวล สมกับที่ครอบครัวอบรมบ่มเพาะเขามาดี ท่านขุนรู้สึกเกรงใจ...รู้สึกเป็นห่วงที่พี่พีต้องมาเจอกับรักแบบนี้ รักไม่มีมารยาทเลย รักไม่ไว้หน้าพี่พีด้วย มีแต่พี่พีที่ยังคงทำตัวเป็นผู้ใหญ่

“ก็ใช่ เออท่านขุน มีหนังเข้าใหม่ด้วย...น่าสนุกมากเลยนะ เราไปดูด้วยกันปะวันนี้ เดี๋ยวรักเลี้ยงเอง แต่ว่า...รักคงต้องขอซ้อนท้ายรถท่านขุนไปนะ” อีกแล้ว...ทำตัวทรามๆ อีกแล้ว

“ผมมีงานต้องทำนะ” ท่านขุนตอบเรียบๆ

“เออเนอะ ท่านขุนต้องทำรถให้รักนี่นา ลืมเลย โทษทีๆ ว่าแต่คุณจะกลับเมื่อไหร่เหรอครับ ผมอยากให้ท่านขุนไปทำรถให้ผมแล้ว...คือผมอยากได้รถผมเร็วๆ” พีระพลกดปิดหน้าจอมือถือ

“งั้นผมกลับเลยก็ได้”

“เดี๋ยวสิพี่พี” ท่านขุนรีบกอดแขนพีระพลเอาไว้

“พี่ไม่ควรกวนท่านขุนเนาะ มีงานก็ทำงานเถอะครับ...ลูกค้ารอรถอยู่ เขาอยากได้เร็วๆ ก็ทำให้เขาเร็วๆ...เขาจะได้ไป...เร็วๆ” รอยยิ้มอ่อนโยนนี้ดูไม่ออกเลยว่าจะเป็นพิษเป็นภัยกับใครได้ รักมองแล้ว รักคิดเลยว่ายังไงเขาก็แย่งท่านขุนมาได้แน่ๆ คนนี้แม่งไร้น้ำยาโคตรๆ โดยที่รักไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดเชิงแหน็บของพีระพลแม้แต่นิดเดียว

คนมันไร้จิตสำนึก…มันก็จะหน้าด้านหน่อย

พีระพลลุกขึ้นยืนโดยจับมือของท่านขุนเอาไว้ เขาเลือกทางเดินอีกฝั่งที่ไม่มีรักนั่งอยู่เพื่อไม่เป็นการเสียมารยาทต่อคนนั่ง ทั้งคู่เดินไปที่รถของพีระพล ทั้งที่นี่เพิ่งจะเที่ยงครึ่ง ปกติพีระพลจะกลับที่ทำงานตอนเที่ยงห้าสิบนาที แต่เจอรักพูดแบบนั้นใส่ เขาก็ไม่อยากอยู่ต่อ รู้นะว่ามันไม่ดีต่อท่านขุน...ไม่ดีต่อความรู้สึกของคนรักของเขา แต่ถ้าอยู่ต่อ เขาก็ประสาทเสียเปล่าๆ พีระพลเปิดประตูนั่งลงประจำที่คนขับ ท่านขุนยืนอยู่ตรงประตูซึ่งพีระพลยังไม่ได้ปิดมัน

“ท่านขุน...” เสียงพี่พียังอ่อนโยนเหมือนเคย แต่เป็นท่านขุนเองที่รู้สึกไม่ดี...รู้สึกผิดเหลือเกินที่ทำให้พี่พีต้องมาเจอกับรักแบบนี้ ถ้ารู้ว่ารักจะเลวร้ายแบบนี้ ท่านขุนจะไล่รักไป

“ครับพี่พี” เจ้าของร้านผู้เครียดมากขานตอบ

พีระพลยิ้มบางๆ เขาเห็นความลำบากใจของท่านขุนเต็มสองตาของเขาเอง และเขาจะไม่โทษท่านขุนในสิ่งที่เพื่อนของท่านขุนเป็นคนทำ เขารู้ดีว่าแฟนของเขาเครียดแค่ไหนกับความปากไม่ดีของอีกฝ่าย พีระพลกระตุกมือท่านขุนเล็กน้อย ทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องโน้มหน้าเข้ามาหาเขาตรงเบาะคนขับ เมื่อมันใกล้แล้ว...พีระพลใช้มืออีกข้างจับตรงคอของท่านขุน รั้งลงมาจนปากทั้งสองแนบชิดกัน

ท่านขุนตกใจ พี่พีไม่เคยทำแบบนี้...พี่พีไม่เคยทำอะไรในที่โล่งแจ้งแบบนี้มาก่อน แปลกแต่รู้สึกดี ในขณะที่พีระพลสอดลิ้นเข้าไปเล่นกับลิ้นของท่านขุนจนฝ่ายตั้งรับเกิดความพึงพอใจ เขาเหลือบสายตาผ่านแว่นไปมองคนตรงกระจก รักอุ้มมณีมองมาที่เขา...มองดูเขากับท่านขุนจูบกันอย่างดุเดือด

ถึงรักจะทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของพีระพล…แต่ครั้งนี้เขารับรู้ได้ถึงความเยาะเย้ยผ่านดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น

“แม่งก็ทำได้แค่นี้แหละ....” แค่นี้ไม่ทำให้รักเลิกตื๊อหรอก!

….100%….

รักมารยาทแย่จนน่าหมั่นไส้อะ ดูยังไงพี่พีก็ดูดีกว่าเห็นๆ ชิ!

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ต้องด้านแค่ไหนนะ

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
บางคนก็ไม่รู้จักคำว่ามารยาท

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
พี่พีคนดีตั้งแต่ต้นยันจบ   :mew1:

ขุนจัดการรักเลยนะ ไม่ต้องไว้หน้าลูกค้าคนเดียวตัดทิ้งไป

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
ต่างกันราวกับฟ้ากับเหว พี่พีคือคนดีมาก รักต้องด้านขนาดไหนถึงทำให้พี่พีเกลียดได้ 55555 รอพี่พี่จัดการไล่รักแบบผู้ดีเลยค่ะ พี่พีสู้ๆนะคะ

ออฟไลน์ HZtaoFan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พี่พีคนดีของชาติมาก
อย่ามายุ่งกับพี่พีของชั้นนนน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด