“ผมเอาเรือมาหัดพาย” ในที่สุดเจ้าเด็กรั้นก็ยอมเฉลย “ถ้าผมพายเรือเป็น จะได้ไม่ต้องรบกวนอาจารย์มารับส่งผมอีก”
อาจารย์หนุ่มครางลึกในคอ คำพูดง่ายๆ นั้นบีบคั้นหัวใจเขาได้เหลือเชื่อ
“เจอกันที่โรงเรียนก็คิดเสียว่าผมเป็นอากาศ อดทนหน่อย อีกไม่กี่เดือนผมก็กลับแล้ว ไม่ต้องอยู่รกหูรกตาใครอีก” ดวงตารื้นน้ำมองสบมา วาจาตัดรอน.. หากสายตาเล่า.. มีแต่เยื่อใย
ตัดไม่ขาด..
คนึงทอดถอนใจ เลอมานยังเด็กนัก..
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ก็แค่หัวใจสองดวง ที่บังเอิญมาเจอกันในคืนวันอันว้าเหว่
แค่ความหลง.. แค่ความเหงา.. พัดเพหัวใจมาต้องกัน ก็แค่นั้น
“ก็ดี” เสียงทุ้มแผ่วหวิว จ้องดวงตาคู่นั้นไม่คลาด ใช่.. ก็ดี.. เขาต้องการให้เป็นแบบนี้อยู่แล้วไม่ใช่หรือ แล้วอาการเจ็บยอกในอกนี้คืออะไร
“ถ้าอย่างนั้นผมจะสอนคุณเอง” สิ้นคำเอ่ย ดอกฟ้าหันมองอย่างไม่เชื่อสายตา หมาวัดหมายมั่นอยู่ในใจ ต่อให้คุณชายพายเรือเป็นแล้ว คิดหรือว่าเขาจะไม่มาเฝ้าดูแล
ใครเล่าจะกล้าปล่อยเลอมานไว้กับคนอย่างไอ้ลอย!
**********************************
แสงแดดกระจ่างไม่ร้อนนัก ลมชวยพัดอ่อน อากาศเย็นรื่นชื่นใจได้กลิ่นละไอแดด เรือน้อยลอยไปช้าๆ ตามลำคลอง คนึงคัดท้าย เลอมานนั่งกระทงหน้า หัวเรือแหวกกอหญ้ากอบัว ตัดผิวน้ำเป็นระลอกพลิ้วออกไปสองข้าง ปลาน้อยกระโดดโหยงลอยขึ้นมาพ้นน้ำด้วยความตกใจ เสียงปลาช่อนฮุบเหยื่อในพุ่มไม้ นกเป็ดน้ำฝูงใหญ่บินข้ามหัวไปไกลลิบๆ
เหนือผิวน้ำใสสะอาด บนท้องฟ้าสีคราม ก้อนเมฆรวมตัวกันประหนึ่งความรักที่ก่อเกิดขึ้น เพื่อจะแตกสลายไปด้วยกาลเวลา สุดลูกหูลูกตาจรดเส้นขอบฟ้านั้นคือทุ่งข้าวสีทองอร่าม ปลายเรียวของใบข้าวสะบัดพลิ้วเป็นคลื่นหยอกล้อผีเสื้อและแมลงปอสีสวย ที่ริมบึงโสนกำลังแข่งกันอวดช่อดอกสีเหลือง กลีบที่โรยแล้วร่วงลงเป็นแพอยู่บนผิวน้ำ นกยางขาวบินตัดทุ่งนาสีทองและท้องฟ้าสีครามใสไปฝูงแล้วฝูงเล่า
คนึงนิ่งมองเด็กหนุ่มที่หัวเรือ ดวงหน้าอ่อนเยาว์ดูตื่นเต้นและเพริดกับธรรมชาติรอบตัวไปเสียทุกอย่าง มือขาวยกกล้องราคาแพงที่ติดมาด้วยลั่นชัตเตอร์ครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งมองยิ่งเพลินตา
เหมือนครั้งที่พวกเขาเคยมาพายเรือเล่นกันแบบนี้ คล้ายความรู้สึกและหัวใจอันเมินหมางก็ถูกดึงย้อนกลับไป กำแพงหนาที่ก่อไว้ค่อยๆ พังทลายลงกอง เมื่อก่อน.. เขาเคยพาคุณชายมาดำนา ลอยเรือตามลำคลองใสเส้นนี้ ต่างกันตรงที่วันนั้นท้องนาเป็นสีโคลนรอการเพาะกล้า หากบัดนี้เป็นสีทองอร่ามด้วยข้าวเต็มรวง
เบื้องใต้ผิวน้ำพริบพลิ้ว ฝูงปลาแหวกว่ายอวดเกล็ดประกายเงินยวง พวกชาวนาต่างออกทอดแหยกยอกันเป็นกลุ่ม หลายคนออกยิงนกตกปลา เสียงปืนดังอยู่เป็นระยะ นกบินหนีไปมาจากหนองโน้นไปหนองนี้ บนฟ้านั่น.. ฝูงนกยางสีขาวนับสิบบินตัดแผ่นฟ้าสีครามใส งดงามราวจิตรกรรมที่ธรรมชาติเสกสร้าง ชะล้างความหม่นหมองในอกสิ้น หม่อมราชวงศ์หนุ่มยกกล้องขึ้นเก็บภาพนั้นไว้ด้วยใจอิ่มเอิบ
เลอมานเอาข้าวที่แบ่งใส่ฝาปิ่นโตโรยลงไปในน้ำนิดหนึ่ง ฝูงปลาซิวว่ายเข้ามาแย่งกันเป็นกลุ่ม ปลาหมอตัวใหญ่ค่อยๆ ว่ายเข้ามาใกล้อย่างระมัดระวัง เด็กหนุ่มสูดอากาศสดชื่นเข้าปอด อดคิดถึงบ้านเมืองที่จากมาไม่ได้ คนไทยช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินนี้ มันช่างอุดมสมบูรณ์ อาหารมีให้กินอย่างเหลือเฟือ ผัก ปลา ไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องปลูก สายบัว ผักบุ้ง กุ้งหอยปูปลา หากินได้ง่ายดายดาษดื่น มันเป็นชีวิตที่ไม่ต้องดิ้นรน ไม่ต้องแก่งแย่งแข่งขันกัน
หม่อมราชวงศ์หนุ่มใจหายวาบเมื่อคิดว่าอีกไม่นานเขาก็ต้องจากที่นี่ไป และเมื่อวันนั้นมาถึง ชีวิตของเขาคงต้องกลับไปสู่ความสับสนวุ่นวายในเมืองใหญ่ หาความสงบสุขร่มเย็นไม่ได้ และคงไม่มีโอกาสมาลอยเรือเล่นชายทุ่งแบบนี้อีกแล้ว
คนึงเห็นสีหน้าที่สลดลง แขนกำยำจึงวาดหัวเรือเข้าใต้ร่มจิก ดอกสายสร้อยสีแดงย้อยยาวลงจรดพื้นน้ำ ห่างออกไปทางขวา บัวกางกลีบออกรับแดด อวดความงามบริสุทธิ์ตระการตา
“ใจลอยไปไหน พามาหัดพายเรือนะ ไม่ได้พามาเที่ยวเล่น” เขาทำเสียงดุ แต่ดวงตาพราวระยับ เลอมานมองมาด้วยสายตาเหมือนเด็กถูกขัดใจ “ขยับมาหาครูนี่”
เขาสั่ง เด็กหนุ่มวางกล้องในมือใส่ตะกร้าปิ่นโตที่ยายช้อยเตรียมให้ก่อนถอยหลังเขยิบมา อาจารย์ซ้อนหลัง ดึงไหล่เล็กเข้าไปชิดอก จับมือขาวให้หัดพาย เหมือนเมื่อครั้งเคยจับมือเขียนตัวอักษรไทย
ชิดเหลือเกิน.. ใกล้เหลือเกิน.. ใกล้แค่ปลายเล็บ ใกล้จนกระแสไออุ่นจากแผ่นหลังเล็กถ่ายทอดสู่อกเขา กลิ่นแป้งเด็กหอมอ่อนเคล้ามากับกลิ่นน้ำ กลิ่นทุ่ง กลิ่นลมหนาวที่พัดกรูต้องกาย
คนึงหักห้ามใจเหลือเกินที่จะไม่ฝังปลายจมูกลงบนแก้มขาวที่อยู่ใกล้แค่คืบ
“พาย.. แล้วก็งัด” ครูจับมือศิษย์หัดพาย “บิดด้ามพายให้ใบพายเป็นหางเสือควบคุมทิศทาง ทำได้ไหม” เขากำชับเมื่อเลอมานพยักหน้า “ท่องไว้ พาย..งัด..พาย..งัด”
คนึงถอดเสื้อออก เผยให้เห็นแผงอกล่ำสัน แว่บหนึ่งเห็นเจ้าเด็กดื้อเหลือบมองก่อนเบือนหน้าหนี ร่างสูงใหญ่โดดจากเรือลงไปลอยคอ เนื่องจากเกรงน้ำหนักตัวเขาจะทำให้เลอมานลำบาก ชายหนุ่มว่ายน้ำไปเกาะกิ่งจิกห่างจากเรือไปพอสมควร
“น้ำลึกนะตรงนี้” เขาไม่ได้ตั้งใจขู่ นึกเอ็นดูเมื่อเห็นคนบนเรือหน้าเสีย “เอาล่ะ พายมาหาครูเร็ว”
เลอมานดูตั้งใจมาก มือเล็กกระชับด้ามพายมั่น ออกแรงจ้วงพายอย่างที่เขาสอน ท่าทีเก้กัง ปากสีเรื่อ
พึมพำ..พาย..งัด..พาย..งัด.. คนึงยิ่งให้เอ็นดู
เรือไม่เดินหน้าสักนิด มันเบนหัวไปทางซ้าย ยิ่งคนพายออกแรงจ้วง เรือยิ่งหมุนเป็นวงอยู่ที่เดิม
เสียงห้าวหัวเราะก้องคุ้งน้ำ ฝีพายมองมาอย่างขัดใจ คงอายและนึกว่าเขาเยาะเย้ย เขาพยายามกลั้นหัวเราะ ตะโกนสั่งให้คัดซ้าย คัดขวา เลอมานตั้งใจพายแทบตาย แต่เรือก็ยังหมุนเป็นวงเหมือนเดิม
คุณชายคงท้อแล้ว หยุดพายเอาเสียดื้อๆ ใจคงนึกอยากเขวี้ยงไม้พายลงน้ำเต็มที ดูซิพายจนเหนื่อย แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลง เม็ดเหงื่อเกาะพราวเต็มหน้า เหมือนหยดน้ำค้างบนใบบัวนวล
“โอ๊ย!” จู่ๆ เสียงห้าวก็ร้องเจ็บปวด คนบนเรือชะงักมอง ตาเบิกกว้าง “เล็กช่วยด้วย! ครูเป็นตะคริว!”
ร่างสูงใหญ่ตีน้ำโครมคราม หัวผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ใต้กิ่งจิก ทำท่าเหมือนจะจมอยู่รอมร่อ ร้องโหยหวนไม่ขาดปากนัยว่าทรมานสุดแสน
“อาจารย์!” เลอมานร้องเสียงหลง เท่านั้นละเหตุมหัศจรรย์ก็บังเกิด มือเล็กคว้าไม้พายจ้วงเอาๆ เรืองี้แล่นปรู๊ดยังกะติดเครื่องยนต์
ความเร็วขนาดนี้ แซงเรือหางยาวที่แล่นรับส่งคนจากบ้านแพนมาเกาะเมืองได้เลย
“อาจารย์!” เรือมาประชิดตัว เสียงเล็กสั่นพร่า แขนขาวยื่นมาไขว่คว้า ลนลานดึงตัวเขาขึ้นจากน้ำ คนโดนตะคริวจับตะกายขึ้นเรือได้ไม่ทันไร มือสั่นระริกไล่แตะตามเนื้อตัว ท่อนขากำยำ แผงอกเปลือย คงพอรู้มาบ้างว่าคนเป็นตะคริวนั้นไม่พ้นที่ขาและท้อง
“อาจารย์เจ็บไหม เจ็บตรงไหนครับ” เสียงเล็กสั่นพร่าตื่นตระหนก น้ำตาจะหยดมิหยดแหล่
แต่ภาพเรือน้อยแล่นฉิวเมื่อครู่ยังติดตา คนึงฝืนแสดงละครไม่ไหวอีกต่อไป เขาระเบิดเสียงหัวเราะกึกก้อง ทั้งขำทั้งเอ็นดู
“อาจารย์!” เลอมานรู้ตัวแล้วว่าโดนแกล้ง “เล่นอะไรแบบนี้!”
เจ้าเด็กดื้อทำปั้นปึ่ง หนีออกไปนั่งหันหลังให้ที่ท้ายเรือ อาจารย์หนุ่มพยายามกลั้นขำตามไปสวมกอดไว้หลวมๆ จากด้านหลัง
“ครูขอโทษ ๆ” เขาพร่ำบอกเสียงแผ่วริมใบหู “ไม่เอาน่า หนูเล็กไม่โกรธครูนะ”
“ไม่ต้องมากอดเล็ก!” เลอมานหันมา ซัดเพียะลงหัวไหล่ล่ำสัน หากคนตีกลับเป็นฝ่ายร้อง อาจารย์คว้ามือเล็กขึ้นมาดู รอยแดงเป็นปื้นทั่วมือขาว คืนนี้คงไม่แคล้วเป็นตุ่มน้ำให้ยายช้อยใช้เข็มบ่งออกให้แน่ๆ เขากุมมือน้อยขึ้นจรดริมฝีปาก เป่าเพี้ยงหายแผ่วเบา
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก” หม่อมราชวงศ์หนุ่มพ้อ โธ่.. เขาผิดไปแล้ว ต่อไปจะไม่แกล้งอีก มือใหญ่ประคองใบหน้าอ่อนเยาว์ไว้ หัวแม่มือเกลี่ยไล้แก้มขาวแผ่วเบา “รู้ไหมเล็กตกใจแทบตาย!” เขาเชื่อ ดวงตาสวยๆ รื้นน้ำแทบเรี่ยหยดแบบนี้ เขาเชื่อหมดใจ
ไม่ดีเลย.. เป็นแบบนี้ไม่ดีเลย..
เขาพยายามตีตัวออกห่างแทบตาย สุดท้าย.. กลับมาเป็นแบบนี้อีกจนได้
แค่คนหัวใจเว้าแหว่งสองคน บังเอิญมาเจอกันในคืนวันอันเหว่าว้า
แค่อ้อมแขนโอบอุ่น ในคืนที่อ้างว้างเดียวดาย
ไม่ใช่ความรัก..
แต่เหตุใด ดวงตาทั้งคู่กลับนิ่งมองกันลึกล้ำ ณ ป่าโสนร่มครึ้ม ดอกโสนลอยน้ำเกลื่อนไปตามลมเหมือนมีสีเหลืองแต้มอยู่บนผิวน้ำใส กอไผ่ริมคลองโยกตัวไปมาเป็นเสียงดนตรี ณ ที่แห่งนี้ คนสองคนบนเรือน้อย ริมฝีปากทั้งสองดึงดูดเข้าหากัน แตะกันแผ่วเบาเหมือนกลีบโสนร่วงลงผืนน้ำใส
ปัง! ปัง!เสียงปืนดังซ้อนกันขึ้นสองนัด นกยางสีขาวหล่นผล็อยลงลอยกลางน้ำขนกระจายต่อหน้าเลอมาน เด็กหนุ่มร้องด้วยความตกใจ ทั้งครูศิษย์รีบผละออกจากกัน มีเสียงโวยวายด้วยความดีใจของคนยิงนก ตะโดนบอกกันลั่นอย่างแสนสมใจ เจ้าของเสียงปืนรีบจ้ำเรือเข้ามา
“ไอ้ลอย” คนึงพึมพำ ใจหายวูบ เหมือนพบปีศาจร้ายกลางวันแสกๆ ดวงตาคู่นั้นมองมาวับวามยามเห็นเขากับเลอมานออกมาด้วยกันตามลำพัง
บนเรือของมันยังมีคนอื่นอีก นางทองใบเจ้าของเรือนโคมเขียว
“เห็นไหม ข้าบอกแล้ว แถวนี้มีนกให้ยิงเยอะ” นักเลงหนุ่มหันไปบอก.. เรืออีกลำ.. แล่นตามมาติดๆ ตาสุ่มขี้เมากับเฮียเส็งเจ้าของร้านเหล้าใหญ่ในตลาด..
หัวใจอาจารย์หนุ่มเต้นถะถี่ จูบเมื่อครู่.. สี่คนนี้เห็นเข้าแล้วหรือเปล่า
“อ้าว! นึกว่าใคร” ไอ้ลอยทำตกใจ ทำเหมือนเพิ่งมองเห็นพวกเขา “คุณชายกับครูมาจู๋จี๋กันอยู่นี่เอง พวกผมมาขัดจังหวะหรือเปล่า”
คนึงไม่ตอบคำ กระทั่งเรือสองลำแล่นผ่านไป มีเสียงหัวเราะ เสียงซุบซิบไล่หลัง
อาจารย์เหงื่อผุดซึมขมับ กุมมือศิษย์รักไว้แน่น
เค้าลางหายนะคืบคลานมาแล้ว..
ติดตามต่อครึ่งหลังค่ะ สวัสดีค่าคนอ่านที่รัก
มาอัพต่อแล้วน๊า ตอนที่แล้วอัพไว แต่ตอนนี้ก็กลับมาอัพช้าอีก แอร๊ เก๊าก๋อโต้ด
ช่วงนี้เก๊างานเยอะน่ะ เลิกงานประจำแล้วมีจ๊อบนอกต่ออีก ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าจะตะบี้ตะบันรับงานตาหูเหลือกทำไม ทำไปทำมาก็ชักเหนื่อยๆ เนอะ เฮ้อออ ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวเจ้าของงานมาเห็น อุ๊บส์
ตั้งใจจะเขียนให้จบในปีนี้แหละค่ะ อีกไม่เกิน ๕ ตอนก็จบแล้วล่ะ (คิดว่านะ) เพราะนี่ก็เรื่องดำเนินมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว ใครที่เคยเกลียดๆ อาจารย์คนึงเอาไว้ ก็ขอให้ใจแข็งอย่าสงสารอาจารย์เกินไปเมื่อผลจากสิ่งที่อาจารย์ทำสะท้อนมาหาตัวละกันเน้อ อ๊ะ นี่เค้าไม่ได้สปอย์ชิมิ >_< ส่วนไอ้ลอยกะจินดา ในมหาหงส์คงไม่พูดถึงแล้วล่ะค่ะ ใครอยากรู้ตื้นลึกหนาบางก็ติดตามอ่าน 'ดอกฟ้าในมือโจร' ละกันเด้อ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะคนอ่าน ช่วงนี้ตอนเช้าร้อนชิบผาย ร้อนตับแตกเปรี๊ยะๆ ร้อนจนตัวจะไหม้ พอตกบ่ายฝนกระหน่ำซะงั้น โถวววว ชีวิตคนกทม.
รักคนอ่านค่ะ
ดอกไม้
๑๐ พ.ค. ๕๘
ปล. เจอคำผิดฝากแก้ฝากทักด้วยนะคะ ไปล่ะเดี๋ยวสามโมงเพื่อนมารับไปทำงาน..อีกแล้ว...เบี่ยยยย