-24-
“คุณกีล์!”
ผมหันไปตามเสียงเรียก เห็นชายหัวทองโดดเด่นโบกมือมาแต่ไกล ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าหน้าตาคุณเจย์ดูสดใสขึ้น คงเป็นเพราะได้เคลียร์ปัญหากับโซโล่ไปแล้ว
ว่าแต่เขามาทำอะไรหน้าคณะผม…
เวลาเลิกเรียนแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าคนหน้าคณะจะเยอะขนาดไหน นี่ก็มองคุณเจย์กันคอแทบหัก ดีที่ผมรีบลงมาก่อนเพื่อนเพราะต้องไปทำงาน ถ้าพวกมันมาด้วยสงสัยได้โดนถามยาวจนไปทำงานสายแน่ๆ
“คุณเจย์ มาทำอะไรครับ”ผมเดินเข้าไปหาคนที่กำลังยืนยิ้มรออยู่ รู้สึกแปลกตานิดหน่อยเพราะเขาอยู่ในชุดเสื้อคอวีกางเกงขายาวธรรมดา ทั้งยังไม่ได้เซตผมเหมือนทุกวัน วันก่อนๆเวลาเจอกันทีไรเขามักจะใส่ชุดสูทอยู่เสมอ โซโล่บอกผมว่าคุณเจย์ต้องเดินทางไปดูงานแทบทุกวัน พอมาเจอแบบนี้ดูเด็กลงกว่าเดิมเสียอีก
“มาหาคุณกีล์ครับ”คุณเจย์ว่าแล้วมองไปรอบๆ สบตาใครเจ้าตัวก็ยิ้มให้ไปหมดจนพวกผู้หญิงหน้าแดงกันเป็นแถบ “พอดีวันนี้ผมว่างเลยมาเที่ยวเล่น เห็นคุณชายบอกว่าวันนี้จะไปเล่นดนตรีที่งานวันเกิดรุ่นพี่ เขาเลยวานให้ผมมาบอกคุณกีล์แล้วไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟรอเขาพร้อมคุณ”
“วันนี้โซจะไปเล่นดนตรีข้างนอกเหรอครับ”ผมถามอย่างแปลกใจ ก้าวเท้าเดินไปพร้อมกับคุณเจย์ ปกติโซโล่ไม่ได้เล่นดนตรีที่อื่นนอกเหนือจากในมหา’ลัย ผมไม่เคยได้ยินเขาพูดเรื่องนี้มาก่อนเลย
“คุณชายบอกว่าคุณเก้าบังคับน่ะครับ”คุณเจย์ว่าแล้วหัวเราะเบาๆ ผมเองก็ยิ้มตามไปด้วยเพราะพอจะคิดภาพเด็กแสบนั่นบังคับเพื่อนออกอยู่เหมือนกัน “คุณเก้าเองก็โดนรุ่นพี่บังคับให้ไปงานวันเกิดเพราะเป็นรุ่นพี่ในสาย เห็นว่าโดนบังคับให้เล่นดนตรีเพราะไม่มีของขวัญวันเกิดให้น่ะครับ”
ผมพยักหน้าเข้าใจ เหมือนจะเคยได้ยินโซโล่พูดมาว่าคณะเขาแทบจะไม่มีคนที่ร้องเพลงเพราะเลยนอกจากเก้ากับรุ่นพี่อีกสองสามคน เพราะงั้นเด็กปีหนึ่งแถมยังร้องเพลงเพราะอย่างเก้าเลยโดนใช้งานหนักเป็นพิเศษ ส่วนเรื่องของขวัญนั่นคงเอาเป็นข้ออ้างเสียมากกว่า
“แล้วนี่พวกนั้นยังไม่เลิกกันเหรอครับ”
“เห็นว่าอยู่คุยเรื่องเพลงอีกหน่อยครับ น่าจะมีวงดนตรีจากข้างนอกมาเล่นด้วยเลยต้องนัดคิวกัน พวกคุณชายน่าจะขึ้นเวทีกันตอนห้าทุ่ม”
“แล้วคุณเจย์ไปด้วยหรือเปล่าครับ”
“โดนคุณชายบังคับให้ไปครับ เห็นบอกว่าอยากให้พักผ่อนบ้าง”
“ดีแล้วล่ะครับ”จริงๆก็อยากจะบอกว่าไม่ต้องตามใจเจ้าหมาก็ได้อยู่เหมือนกัน แต่พอเห็นใบหน้าเปื้อมยิ้มของคุณเจย์แล้วผมก็เข้าใจทันที…ที่บอกว่าโดนบังคับก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง อีกอย่างจะว่าคุณเจย์ก็คงไม่ได้…
เพราะดูเหมือนผมจะตามใจเจ้าหมานั่นมากกว่าคุณเจย์เสียอีก
“คุณเจไดเองก็ไปด้วยนะครับ เห็นว่าว่างอยากปลดปล่อย เดี๋ยวก็จะติดรถไปพร้อมกันหมด”
ผมหัวเราะเมื่อได้ยินอย่างนั้น จะว่าไปก็ไม่ได้เจอเจไดมานานแล้วเหมือนกัน ท่าทางจะอ่านหนังสือหนักน่าดูถึงได้บอกว่าอยากปลดปล่อย
“แล้วอย่างนี้จะไปกันยังไงหมดครับ ให้ผมนั่งรถกลับเองก็ได้นะ”เพราะตอนเช้ามารถโซโล่ ยังไงที่นั่งก็ไม่พอถ้าไปด้วยกันหมด
“ผมกลับไปเปลี่ยนรถมาแล้วครับ”คุณเจย์ว่าแล้วหันมามองหน้าผมยิ้มๆ “คุณกีล์เองก็ต้องไปนะครับ คุณชายไม่มีทางให้คุณกลับเองคนเดียวอยู่แล้ว”
“ผมก็ว่าแล้ว”ผมรับคำ ไม่ได้ปฏิเสธอะไร พรุ่งนี้ผมเองก็ไม่มีเรียนอยู่แล้วเพราะอาจารย์ท่านเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด ส่วนเจ้าหมาก็บอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานว่ายกคลาส ไม่อย่างนั้นผมเชื่อว่าคุณเจย์คงโดนบอกให้พาผมไปส่ง แล้วรอดูจนกว่าผมจะเข้านอนมากกว่าพาไปงานด้วย
กิ๊ง
ผมเดินนำคุณเจย์เข้าไปในร้าน ทักทายน้องผู้ชายที่กำลังจะออกกะก่อนจะพาคุณเจย์ไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆเคาน์เตอร์ ผมจัดการเรื่องคนที่จะมาทำงานแทนเรียบร้อยแล้วเพราะอีกแค่อาทิตย์เดียวผมก็จะเลิกทำงานพิเศษ เงินเก็บที่ออมมาตั้งแต่ปีหนึ่งดูเหลือเฟือเพียงพอที่จะให้ผมอยู่ได้จนถึงช่วงทำงาน แถมช่วงนี้ผมแทบไม่ได้ใช้เงินเลยเพราะมีคนคอยออกแทนให้ตลอดอีกต่างหาก
พนักงานที่เข้ามาใหม่ชื่อโต้ง ดูเหมือนจะเป็นญาติพี่แก้วที่ว่างงานอยู่ ช่วงนี้เขาจะเข้ากะทำงานพร้อมผมเพื่อเรียนรู้งาน พอผมออกจากงานแล้วก็จะทำแทนผมพร้อมกับน้องอีกคนที่อยากได้เวลางานเพิ่ม
ผมทำงานพร้อมกับสอนงานโต้งไปด้วย ส่วนคุณเจย์ก็นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ ผ่านไปสักพักเจไดก็เข้ามาในร้าน ทักทายผมเสร็จก็ฟุบลงกับโต๊ะข้างๆคุณเจย์อย่างเหนื่อยอ่อน ผมไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวไปทำอะไรมา แต่ถ้าให้เดาก็คงเรื่องเรียนเหมือนเดิม
กิ๊ง
ผมหันไปยิ้มให้คนที่เดินเข้ามาในร้านโดยอัตโนมัติ พอเห็นว่าเป็นใครก็รู้สึกเหมือนรอยยิ้มตัวเองจะกว้างขึ้นนิดหน่อย เก้าทำหน้าบูดยกมือทักทายผมแล้วก็เดินไปนั่งฟุบข้างๆเจได ส่วนโซโล่ยังคงหน้านิ่งเหมือนเคย พอหันมาสบตาผมก็ยิ้มน้อยๆแล้วเดินมาหา
“เป็นยังไงบ้างครับ”ผมถามตามความเคยชิน แล้วก็ได้รับรอยยิ้มอ้อนๆกับมือที่ยื่นมาหาเหมือนทุกครั้ง
“เหมือนเดิม…แล้วกีตาร์ล่ะ”
“เหมือนเดิมเช่นกันครับ”ผมวางมือแปะลงบนมือที่ยื่นมาหา บีบเบาๆแล้วปล่อยออก โซโล่พยักหน้าพอใจก่อนจะเดินไปที่โต๊ะ
ผมหันมาจัดการเครื่องดื่มกับขนมหวานให้ทั้งคู่ที่มาใหม่ ไม่ลืมเผื่อแผ่ถึงเจไดที่โดนเก้าถีบเก้าอี้จนต้องลุกขึ้นมาขยี้ตาด้วย
“เป็นยังไงบ้างครับ”
ผมเลิกคิ้วเมื่อได้ยินเจไดพูดด้วยเสียงแปลกๆ มือวางแก้วน้ำกับขนมที่ใส่ถาดมาลงที่โต๊ะ
“เหมือนเดิม…แล้วตัวเองล่ะ”ตามมาด้วยเสียงเก้าที่พยายามทำให้ดูนิ่งจนน่าหมั่นไส้
“เหมือนเดิมเช่นกันครับ”เจไดว่าแล้วเหลือบตามองผมทีโซโล่ที “แล้วทำไมตัวเองถึงเหมือนเดิมล่ะ”
หืม…นอกจากเปลี่ยนเป็นคำว่าตัวเอง ยังมีการเพิ่มเติมบทเข้าไปอีกเหรอเนี่ย
ผมหัวเราะเบาๆ ยืนกอดอกมองบทละครที่เด็กสองคนกำลังเล่นด้วยความสนใจ คุณเจย์เองก็วางหนังสือในมือแล้วเงยหน้าขึ้นมองยิ้มๆ ต่างกับเจ้าหมาหน้านิ่งที่นั่งตักเค้กไม่สนใจใครโดยสิ้นเชิง
“แหม…เค้าจะไม่เหมือนเดิมได้ไงอะ ก็เค้าใช้ให้เพื่อนเก้าเรียนแทน จดแทน แล้วเค้าก็นอนหลับทั้งวันเลยอะตัวเอง นี่ขนาดอาจารย์ถามเค้ายังใช้ให้เพื่อนเก้าตอบแทนเลยนะ สบายสุดๆเลยอะ”เก้าพูดเสียงนิ่งทั้งที่รูปประโยคดูแปลกๆ และไม่ลืมที่จะเหลือบมองคนที่กำลังกินเค้กด้วยสายตาจิกกัด
ผมเกือบกลั้นขำไม่ทันเมื่อเห็นคนที่โดนพูดถึงเงยหน้ามองเพื่อนเงียบๆ มือที่กำลังจะตักเค้กเข้าปากเปลี่ยนเป็นยื่นให้เพื่อนที่นั่งหน้าบูดแทน
ดูก็รู้ว่าโซโล่แคร์เก้าขนาดไหน…เหมือนกับคนที่บ่นไม่หยุดแต่ก็ยังทำให้ตลอดนั่นล่ะ
“มึงคิดว่าเค้กคำเดียวจะทดแทนบุญคุณกูได้เหรอวะ!”เด็กแสบว่า หน้าตาบึ้งตึงขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายก็ยื่นปากมางับเค้กคำโตเมื่อเห็นว่าโซโล่จะดึงมือกลับ “ครั้งสุดท้ายแล้วนะเว้ย…กูโดนป้าสมรด่าเพราะไปตอบคำถามแทนมึงเลยเนี่ย!”
ที่แท้ก็โดนอาจารย์ว่าเพราะไปตอบคำถามแทนเพื่อนทั้งที่ไม่ได้โดนถาม
“แล้วพวกเราจะนั่งกันแบบนี้เหรอครับ…อีกนานเลยนะกว่าพี่จะเลิกงาน”ผมถามเมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มเข้าสู่ปกติ
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมเอาหนังสือมานั่งอ่านอยู่แล้ว”เจไดว่าแล้วชี้ไปที่ตั้งหนังสือด้วยใบหน้าแหยงๆ
“ผมเองก็ไม่มีปัญหาครับ”คุณเจย์พูดยิ้มๆแล้วยกหนังสือภาษาอังกฤษในมือให้ดู
“แล้วเก้าล่ะครับ”ผมมองไปมองเก้าเป็นคนสุดท้าย ส่วนโซโล่มารอผมจนชินแล้วไม่น่ามีปัญหาอะไร เห็นเอาอุปกรณ์ติดไม้ติดมือมาด้วยตลอด
“ผมนั่งฟังเพลงได้เป็นวันอะพี่”เก้าว่าแล้วหยิบสายหูฟังที่เจ้าตัวมักจะพาดไว้ที่คอเสมอชูให้ผมดู
“ครับ งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ”
ผมเดินกลับไปทำงานหน้าเคาน์เตอร์ หันไปมองที่โต๊ะเป็นระยะเมื่อรู้สึกว่ามีคนกำลังมองมา พอผมมองกลับก็เจอเข้ากับหน้านิ่งๆของคนๆเดิมทุกครั้งจนต้องยิ้มกลับไปทุกที
ขี้อ้อนจริงๆ…
เรามาถึงที่งานวันเกิดกันตอนเกือบห้าทุ่มแล้ว ที่จัดงานดูเหมือนจะเป็นบ้านของใครสักคนที่ใหญ่พอควร มีรถจอดเรียงกันเป็นทางยาวเต็มหน้าบ้านไปหมด คุณเจย์ต้องหาอยู่นานกว่าจะได้ที่จอดรถ
พูดถึงเรื่องรถ…พอผมเห็นรถคันนี้และจำได้ว่ามันเคยจอดอยู่ตรงโซนวีไอพีที่ที่พักผมเลยไปถามคุณเจย์…สรุปว่ารถตรงโซนวีไอพีที่ผมเห็นมันไม่ใช่รถของพวกคนรวยๆที่มีแต่รถแพงๆอย่างที่ผมคิด แต่รถเกือบสิบคันตรงนั้นเป็นของโซโล่ทั้งหมดต่างหาก
ฟังแล้วก็อึ้งไปเหมือนกัน ดูเหมือนเจ้าหมานี่จะไม่ใช่แค่รวยตามที่เจ้าตัวพูดหรอก จะใช้คำว่าเศรษฐีผมยังไม่แน่ใจว่าใช้ได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ
“กีตาร์…”เสียงเรียกอย่างเป็นห่วงดังขึ้นจากด้านข้าง ไม่รู้โซโล่เปลี่ยนจากการเดินนำหน้ามาเดินข้างผมเมื่อไหร่
“ไม่เป็นไรครับ”ผมยิ้มให้แต่ดูเหมือนเจ้าหมาจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ผมเลยใช้นิ้วตัวเองเกี่ยวนิ้วอีกคนแล้วแกว่งไปมาเบาๆ “พี่แค่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ”
“คิด?”
“คิดว่าหมาตัวนี้รวยจริงๆด้วย”ผมว่าเสียงยานคาง ยื่นมือไปขยี้หัวหมาตัวที่ว่าด้วยความหมั่นไส้จนเจ้าตัวหน้ามุ่ย
“น้องกูพาแฟนมาด้วยว่ะ”เสียงเฮฮาจากด้านหน้าเรียกให้ผมหันไปมอง แล้วก็พบว่าเป็นเด็กดุริยางค์หน้าตาคุ้นๆกำลังชูแก้วเหล้าทักทาย น่าจะเคยเห็นตอนไปทะเล เขานั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำด้านหน้าเวที มีคนที่ผมคุ้นคุ้นตาอยู่หลายคนนั่งอยู่รอบๆ
“สวัสดีครับ”ผมทักทาย ส่งยิ้มให้ตามมารยาท ไม่ได้ว่าอะไรเมื่อได้ยินเสียงแซวจากรอบทิศทาง
“ตามสบายนะกีล์”ผู้ชายที่คาดที่คาดผมรูปเค้กซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของวันเกิดพูดขึ้น ดูจากคำเรียกแล้วคงอยู่ปีสี่เหมือนผม
“ขอบคุณครับ”
โซโล่พาผมกับคุณเจย์มานั่งตรงเก้าอี้แถวหน้าเวที ส่วนเจไดนี่วิ่งทักคนนั้นคนนี้ไปทั่วงาน ดูๆไปแล้วท่าทางเขาเหมือนเด็กดุริยางค์มากกว่าเด็กแพทย์เสียอีก
ผมมองตามโซโล่ที่เดินขึ้นไปบนเวทีกับเก้าด้วยรอยยิ้ม โซโล่นี่ไม่แปลกเท่าไหร่เพราะนิ่งยังไงก็ยังอย่างนั้น แต่เก้านี่ผมรู้สึกเหมือนเวลาอยู่บนเวทีทีไรเปลี่ยนเป็นคนละคนตลอด ท่าทางแสบๆนั่นหายไปหมดเลย
ดูเหมือนจะมีแค่สองคนนั้นบนเวที เพราะโซโล่กำลังรับกีตาร์โปร่งมาจากผู้ชายคนหนึ่งแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนเก้าก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างกัน
“โหลๆ เทสๆ”น้ำเสียงขี้เล่นจากบนเวทีเรียกให้ทุกสายตาหันไปมอง เก้ายิ้มน้อยๆก่อนจะมองไปทางเจ้าของวันเกิดซึ่งนั่งอยู่ริมสระน้ำ “พวกผมมาเล่นให้ละนะพี่บี ห้ามบ่นแล้วนะเว้ย”
“ไอ้ห่า! มึงหลานรหัสกูก็ต้องมาอยู่แล้วปะวะ”คนที่เก้าเรียกว่าบีซึ่งเป็นเจ้าของวันเกิดตะโกนกลับแล้วยกมือที่ถือแก้วเหล้าชี้หน้าเก้า
“ผมง่วงนอนจะตายห่าอยู่แล้ว กว่าจะลากไอ้โซมาได้ แม่ง…”เก้าบ่นอุบอิบออกไมค์ ทั้งผมทั้งคุณเจย์หัวเราะเบาๆกับท่าทางน่าเอ็นดูของเขา
“ไม่ต้องพูดเลยมึง ของขวัญวันเกิดกูก็ไม่มี”
“นี่ไงของขวัญ…”เก้าว่าแล้วยืดอก “ค่าตัวพวกผมไม่ใช่ถูกๆนะครับผม นี่มาเล่นให้ฟรีๆเลยนะเนี่ย”
“ไอ้…”
เสียงหัวเราะดังลั่นทั่วงานเมื่อเก้าหันไปสะกิดขาคนหน้านิ่งด้านข้างให้เริ่มดีดกีตาร์ ซึ่งมันเท่ากับเป็นการตัดบทคำพูดของบีพอดี ส่วนคนโดนตัดบทก็ด่าทอเสียงดังแต่มุมปากก็ฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นที่รักของทุกคน…
เสียงเพลงจังหวะเบาๆที่ดังออกมาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก ต้องยอมรับว่าเสียงของเก้ามีเสน่ห์มากจริงๆ พอได้จับไมค์แล้วก็กลายเป็นคนที่ดูน่ามองขึ้นมาทันที คงยากที่ใครจะละสายตาไปจากเจ้าตัวได้
ผมขยับสายตาไปมองคนที่นั่งเล่นกีตาร์ โซโล่มองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มนิดๆ นอกจากก้มลงไปมองกีตาร์แล้วก็ไม่ได้มองไปที่อื่นอีก น่าแปลกที่ผมรู้ว่าสายตานั่นกำลังบอกว่าอยากลงมาหาไวๆ
ตอนจบเพลงที่สี่ผมเห็นโซโล่สะกิดเก้าแล้วซุบซิบกันอยู่สองคน เก้ากรอกตาทำหน้าบูดก่อนจะพูดออกไมค์เสียงดังจนผมสะดุ้ง
“พี่บี! โซมันถามว่าอีกนานปะกว่าจะมีคนมาเปลี่ยน มันจะลงไปหาแฟน!”
เล่นแบบนี้เลยเหรอเด็กแสบ…
“เล่นให้ครบสิบเพลงเลยมึง!”บีตะโกน ท่าทางน่าจะเมาพอควร “ไม่เอาของขวัญมาก็รับผิดชอบเลยห่า”
ผมอมยิ้มเมื่อไม่ใช่แค่เก้าที่ทำหน้าบูด ตอนนี้เจ้าหมาที่นั่งเล่นกีตาร์ก็ทำหน้าบูดไม่แพ้กัน
สมเป็นเพื่อนกันจริงๆ…
“คุณชายดูมีความสุขมากเลยนะครับ”คุณเจย์พูดลอยๆ ตามองไปบนเวทีพร้อมรอยยิ้ม “ผมไม่ได้เห็นคุณชายเป็นแบบนี้มานานแล้ว”
“งั้นคุณเจย์ก็อยู่ด้วยกันนานๆสิครับ”ผมยิ้มให้เมื่อเขาหันมามอง
“ที่คุณชายมีความสุขเพราะคุณกีล์ต่างหากครับ”
“ก็อาจจะใช่ครับ”ผมไม่ปฏิเสธเพราะโซโล่เองก็บอกว่าผมเป็นความสุขของเขา “แต่โซดูมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิมตอนที่คุณมาที่นี่”
ผมอยู่กับโซโล่แทบจะตลอดเวลา ไม่แปลกที่ผมจะรู้ดีว่าเขามีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง อย่างช่วงหลังจากที่เข้าใจกับคุณเจย์แล้วเขาก็ดูมีความสุขมากขึ้นจริงๆ ต่อให้หน้านิ่งแค่ไหน แต่ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆของเขาผมรู้สึกถึงมันชัดเจน
“คุณกีล์ก็รู้ว่าผมทำไม่ได้”คุณเจย์ยิ้มเศร้า เอนตัวพิงกับพนักพิงแล้วเงยหน้ามองฟ้า
“แต่คุณท่านก็กำลังจะมาไทยไม่ใช่เหรอครับ”
“ครับ…แต่คงไม่ได้อยู่ที่นี่ คุณท่านน่าจะไปอยู่แถวบริษัทใหม่มากกว่า”
“อย่างน้อยก็ยังอยู่ในไทยนะครับ คุณน่าจะขอมาหาโซได้”ผมพยายามมองโลกในแง่ดี คิดว่าคุณท่านไม่น่าใจร้ายกับคุณเจย์
“ผม…ไม่ค่อยแน่ใจครับ ถ้าคุณท่านยอมก็อาจจะมาได้”
“คุณยอมท่านมากเลยนะครับ”ผมพูดยิ้มๆ ยังจำได้ชัดเจนถึงสิ่งที่คุณเจย์เคยพูด…ไม่ใช่แค่คำสั่งของคุณแม่โซโล่เขาถึงกลับไป…แต่เพราะตัวเขาเองด้วย
“ถ้าเรื่องอยู่ใกล้ ผมก็คงยอมรับว่าเต็มใจครับ”เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ “แต่ผมไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านจะทำกับพวกคุณ ผมไม่รู้เลยว่าท่านคิดอะไรอยู่”
“คุณเจย์…”
“ผมไม่อยากให้คุณชายเสียใจเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”ผมพูดอย่างมั่นใจ ไม่ได้หลบตาเมื่อคุณเจย์หันมามอง “ผมยังยืนยันคำเดิม…”
“…”
“ผมไม่มีวันทิ้งโซ”
ต่อให้ ‘ใคร’ มาขวางก็ตาม...
“โซซซซซ…ถึงคราวกูเมื่อไหร่มึงไม่ช่วยกูขโมยพี่กีล์แน่”
ผมพยายามช่วยโซโล่ดึงตัวเพื่อนที่เมาแล้วทำท่าจะไหลไปกับเก้าอี้ขึ้นมานั่งเหมือนเดิม หลังลงมาจากเวทีสองเพื่อนซี้ก็กินเหล้ากันรัวๆ โซโล่ไม่เท่าไหร่เพราะค่อยๆจิบ แต่เก้านี่กระดกเอาๆ ผมดูแล้วเด็กนี่ไม่ใช่คนคออ่อนหรอก แต่กินเหมือนกินน้ำแบบนี้คอแข็งขนาดไหนก็คงทรงตัวอยู่ยาก
ที่ผมไม่ห้ามเพราะคิดว่านอกจากทรงตัวไม่อยู่แล้วเจ้าเด็กแสบก็ยังพูดคุยรู้เรื่องเหมือนปกติ เอาไว้พูดไม่รู้เรื่องเมื่อไหร่ค่อยห้ามก็แล้วกัน
“เรียกพี่ก็ไม่ได้อะ ทำไมวะ”
แต่ดูเหมือนควรจะห้ามได้แล้ว…พูดเรื่องอะไรล่ะเนี่ย
“แล้วหายไปไหนตั้งนาน…หาไม่เจอเลยอะ”เก้ายังบ่นไม่หยุด คิ้วก็ขมวดมุ่นเหมือนคนไม่พอใจ
“พูดเรื่องอะไรครับเก้า”ผมถามเบาๆ ไม่ได้คาดหวังคำตอบเท่าไหร่ แค่ชวนคุยเพื่อเช็คว่าเมาขนาดไหน
“เจอเมื่อไหร่นะ...โดนแน่”
โดน?…
“โซ…”ผมหันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่น่าจะพึ่งได้ที่สุด โซโล่ขมวดคิ้วหน่อยๆแต่ก็ยอมวางแก้วเหล้าแล้วดึงเพื่อนให้นั่งดีๆ
“พูดอะไรของมึง”
“ใครวะ”เก้าหน้าบึ้ง ขยับตัวนั่งแล้วขยี้หัวตัวเอง “จ๋า…คนนั้นหายหัวไปเลยอะ เราอยากเจอ”
“เก้า!”โซโล่เรียกเสียงดัง ดันหัวเพื่อนที่เริ่มเอียงให้กลับไปตั้งตรง
“อ้าวโซ…มึงเจอคนนั้นบ้างปะวะ”
ท่าจะเมาหนัก
“ผมว่าพากลับก่อนดีกว่าครับ”คุณเจย์หัวเราะก่อนจะลุกจากโต๊ะมาช่วยพยุงเก้า
“ดีเหมือนกันครับ”ผมส่งเก้าให้โซโล่กับคุณเจย์พยุงแล้วเดินไปลาบีที่ท่าทางเมาไม่รู้เรื่อง ส่วนเจไดก็บอกว่าเดี๋ยวมีคนมารับที่นี่ ปัญหาคือเก้าที่โซโล่บอกว่าอยู่หอคนเดียวแถวๆมหา’ลัย ถ้าจะย้อนกลับไปก็ดูจะดึกเกิน แถมเก้าก็หลับไปแล้วเรียบร้อย ไม่รู้ว่าเอากุญแจไว้ไหนแล้วจะขึ้นหอได้หรือเปล่าอีก
สุดท้ายพวกผมก็เอาเก้ากลับมาด้วยกัน คุณเจย์ขอตัวกลับห้องไปแล้ว ส่วนเก้าก็เข้าไปนอนอีกห้องซึ่งไม่มีคนใช้ เจ้าหมาบอกว่าเป็นห้องเผื่อไว้เฉยๆยังไม่เคยมีใครมานอน จริงๆก็จะเอาไว้รับแขกแต่ตัวเองไม่ชอบให้ใครมาอยู่แล้วเลยปล่อยว่างไป
ผมปล่อยให้โซโล่ไปอาบน้ำก่อน ส่วนตัวเองมาเตรียมนมอุ่นไว้ พอเห็นแก้วที่วางอยู่คู่กันแล้วก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
น่ารัก…
อยากเห็นตอนเจ้าหมาไปซื้อแก้วคู่นี่จริงๆ
หลังจากได้แก้วมาก็กลายเป็นผมกินนมอุ่นกับโซโล่อยู่ทุกคืน เรียกได้ว่าติดไปด้วยอีกคนเลยก็ว่าได้ ตอนแรกผมไม่ได้กินนมตลอดแบบนี้ ที่มีติดไว้ในตู้เย็นที่ร้านกับที่หอนั่นก็เพราะผมชอบเอาไว้กินเวลานอนดึกแล้วหิว ไม่ได้ถึงขนาดต้องกินทุกวัน
ดูเหมือนอะไรๆก็เปลี่ยนไป…ในทางที่ดีขึ้น
ผมสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นจากผิวหนังของคนที่เดินมากอดจากด้านหลัง หมาขี้อ้อนวางคางลงบนไหล่ผมเหมือนทุกทีแล้วกอดไว้แน่น ไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่ยืนกอดอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย
“อ้อนอะไรครับ”ผมถามแล้วจับแขนที่กอดเอวตัวเองไว้ ไม่ได้ดึงให้ปล่อยแค่จับไว้นิ่งๆอยู่อย่างนั้น
“คิดถึง”
“เรายังไม่ได้ห่างกันเลยนะครับ…นอกจากตอนเรียน”ผมหัวเราะ แกะแขนเจ้าหมาออกแล้วหันไปเผชิญหน้า
“แค่ตอนเรียนก็คิดถึงแล้ว”เจ้าหมาทำหน้าตึง ยื่นมือมากอดเอวผมแล้ววางคางไว้บนไหล่เหมือนเดิม
“ตอนพี่ฝึกงานต้องห่างนานกว่านี้อีกนะครับ”ผมอดพูดไม่ได้เพราะยังไงก็เป็นความจริง อยากให้เจ้าหมาเตรียมใจเอาไว้บ้างว่าจะไม่ได้เจอกันทุกวันเหมือนเคย
ถึงจะบอกว่าตัวเองรวยบินไปหาได้ตลอดก็เถอะ
“นั่นสิ…นี่แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็แย่แล้ว นั่นตั้งห้าวัน”
หมายความว่าจะบินมาทุกอาทิตย์สินะ
“อดทนหน่อยนะครับ”
“ครับ”เจ้าหมาถอนหายใจแต่ก็ยอมรับคำอย่างว่าง่าย
“พี่…”
“หิววววววววววววววววววววววววววว!”
ผมสะดุ้ง ผละตัวออกจากโซแทบไม่ทัน ลืมไปเสียสนิทว่ามีแขกอีกคนอยู่ในห้อง ใครจะไปคิดว่าคนที่ดูท่าทางเมาแบบนั้นจะลุกขึ้นมาบ่นหิวได้ในเวลาไม่ถึงสองชั่วโมง
“หิว!”เก้ายืนพิงประตูห้องมองมาทางพวกผม ท่าทางเมาๆหายไปหมดเหลือแต่ใบหน้ามุ่ยๆเหมือนคนง่วงนอน
“ไอ้เก้า!”โซโล่เรียกเสียงดังหมดมาดนิ่งๆ ก่อนจะเดินไวๆไปหาเพื่อนแล้วล็อคคอลากไปที่โซฟา
“ไอ้โซ! ปล่อยยยยยยยย”
ผมยืนพิงโต๊ะมองสองเพื่อนซี้ทะเลาะกันขำๆ มันไม่ใช่การทะเลาะกันแบบหาเรื่อง แต่เป็นการทะเลาะกันที่น่ารักที่สุดที่ผมเคยเห็น
โซโล่ที่ตัวใหญ่กว่าล็อคคอเก้าแล้วขยี้หัวทุยๆนั่นด้วยความหงุดหงิด ส่วนเก้าก็พยายามดิ้นให้หลุด พอไม่ได้ผลก็กัดแขนโซโล่เสียอย่างนั้น
“กูหิว!”
“มึงขัดจังหวะกู!”
“ก็กูหิวอะ!”
“ครับๆ…เดี๋ยวพี่ทำอาหารง่ายๆให้ทานนะ”ผมตัดบท ปล่อยให้สองเพื่อนซี้กัดกันต่อ ส่วนตัวเองแยกมาทำอาหารง่ายๆให้เก้ากิน
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหุบยิ้มไม่ได้ คิดว่าเจ้าหมาคงเข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว รอบกายเขายังมีคนอีกมากมายอยู่เคียงข้าง
ผมไม่อยากนึกเลยว่าถ้าโซโล่ไม่ได้กลับมาที่ไทยแล้วจะเป็นยังไง
แต่มันไม่สำคัญแล้ว
ตอนนี้เขาอยู่ที่นี่และได้พบกับความสุข…แค่นั้นก็พอแล้ว
----------------------------------
ติดแฮชแท็ก #โซโล่กีล์
Fan Page : Chesshire. Twitter : @Chesshire04