kagehana : มิสเตอร์โคลตันหล่อมากกกกค่ะ ผู้ชายบ้าแมว อิ๊อิ๊ อีเดฟยังคงถูกน้องทิ้งต่อไป(?)
ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ
สวัสดีปีใหม่ค่ะ -44-
“พี่ไม่ไปกับผมจริงๆเหรอ” คนที่ใส่รองเท้าอยู่หันมาถามอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล “ผมไปหาเพื่อนแป๊บเดียว แล้วเราไปหาอะไรกินกันก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอก กลับมากินที่บ้านเถอะ เดี๋ยวพี่ทำอะไรให้กิน” อิสราส่ายศีรษะช้าๆ เพราะว่าออกไปจากบ้านคนเดียวแล้วเจอกับคนรักเก่า ทำให้เขาไม่กล้าที่จะออกไปเสี่ยง อยู่รอให้ชยางกูรกลับมาฟังดูเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
“งั้น...ผมจะรีบกลับนะ”
“อื้ม รีบไปรีบมานะ” เขายิ้มให้ก่อนจะปิดประตูบ้านลง บ้านเดี่ยวพร้อมสวนเล็กๆในชานเมืองราคาไม่แพงอย่างที่คิดไว้ ดีที่อพาร์ทเมนต์เก่าขายได้ในราคาดี ทำให้เขาหลบหนีมาอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองได้
-ก็อกๆ-
เสียงเคาะหนักๆดังขึ้นพร้อมกับเงามืดของชายร่างสูง รอยยิ้มกว้างเผยขึ้นเมื่อเจ้าของเดินมาเปิดให้
“ลืมอะไรเหร-??!!!” ไวเท่าความคิด มือสองข้างดันประตูปิดทันทีโดยไม่รอช้า อิสรารีบตบกลอนให้เข้าที่ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องนอน
ชายหนุ่มคว้าโทรศัพท์ที่ข้างหัวเตียงมาแล้วกดโทรออกหาชยางกูร
“รับสิเดฟ... รับ...”
เสียงเคาะประตูเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงสบถหยาบคาย เจคอบตบประตูจนมือเจ็บแล้วเริ่มใช้ขาเตะถีบประตูที่กางกั้นไว้
แต่เสียงโทรศัพท์ที่ได้ยินจากในห้องทำให้อิสรานิ่งไป ถ้าโทรหาตำรวจตอนนี้อาจจะช้าเกินไป ยิ่งเสียงเตะถีบประตูดังขนาดเขายังอดสะดุ้งไม่ได้ ก็ทำให้แน่ใจว่าอีกไม่เกินสองสามครั้ง เจคอบคงเข้ามาในบ้านได้
“เปิดสิเอส หรืออยากให้ฉันพังเข้าไปจริงๆ” เสียงตะโกนทุ้มห้าวดังเร่ง
ภาพของทนายร่างสูงที่พบกันในร้านหนังสือแวบผ่านเข้ามา อิสราไม่รอช้า รีบเปิดลิ้นชักหยิบเอานามบัตรของโคลตันออกมาแล้วกดโทรออกตามเบอร์ด้านหลังที่อีกฝ่ายเขียนไว้ให้ทันที
“สวัสดีครับ โคลตันพูดครับ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานกดรับสาย เบอร์แปลกๆที่โทรเข้าเบอร์ส่วนตัวในชั่วโมงการทำงานทำให้อารมณ์อ่านเอกสารสะดุดไม่น้อย แต่น้ำเสียงที่ตอบกลับไปยังคงทุ้มนุ่มเฉกเช่นเวลาคุยกับลูกความเสมอ
“โคลตัน ใช่มั้ยครับ” อิสราเอ่ยขอบคุณพระเจ้าในใจเมื่อได้ยินเสียงจากปลายสาย
“....เอส?” ปลายสายอุทานอย่างตกใจกึ่งแปลกใจ
“ขอโทษถ้าผมโทรมากวนเวลา แต่ว่าตอนนี้ ผมกำลัง”
“เป็นอะไรหรือเปล่า” โคลตันไม่ทันได้ถามต่อ เสียงโครมครามก็ดังเข้าหูโทรศัพท์ เสียงของผู้ชายอีกคนที่ตะโกนหยาบคายเสียงดังทำเขานิ่วหน้า ชายหนุ่มเหน็บโทรศัพท์แนบหูไว้กับไหล่แล้วหยิบกระเป๋าส่วนตัววิ่งออกจากสำนักงานท่ามกลางสายตาสงสัยของลูกน้อง
“เอส เอส! ได้ยินผมมั้ย”
เจ้าของชื่อไม่ได้เอ่ยตอบ แต่กลับรีบวิ่งไปปิดล็อคประตูห้องนอนของตัวเอง แล้วเข้าไปหลบในห้องน้ำก่อนจะล็อคซ้ำอีกที
...ซื้อเวลาโง่ๆ
“เอส ตอบผมหน่อย” เสียงในโทรศัพท์ยังถามย้ำ
“ฮัลโหล” เขาหยิบโทรศัพท์ในห้องน้ำขึ้นมากรอกเสียงลงไป
“ผมจะรีบไป” โคลตันกรอกเสียงอย่างเร่งรีบแล้วสตาร์ทเครื่องรถขับออกมาหา “ผมอยู่ไม่ไกล..คุณหาของป้องกันตัวแถวนั้นได้มั้ย”
“ผมจะพยายาม” อิสราวางโทรศัพท์คืนที่เดิม เขาแทบจะกลั้นลมหายใจเอาไว้ตอนที่ได้ยินเสียงประตูบ้านพังเมื่อครู่ คำว่าอยู่ไม่ไกลของโคลตันนั้น ชายหนุ่มภาวนาให้ไม่ไกลจริงๆ
“จะเล่นไล่จับกันหรือไง ออกมาได้แล้วน่า” เสียงพูดหงุดหงิดดังจากหน้าประตู เจคอบหยิบเชิงเทียนเหล็กที่เป็นของแต่งบ้านกระแทกเข้าที่ลูกบิดห้องนอน เสียงโลหะกระทบกันดังเปรื่อง...ลั่นดังทั่วทั้งบ้าน
“ไอ้ลูกชายนายไปไหนเสียล่ะ หรือว่าเบื่อของเก่าแล้ว...มาเถอะน่าเอส สำส่อนอย่างนายต้องอยู่กับฉันนี่ล่ะ ฮะฮะฮะ”
คนที่ถูกเรียกไม่เอ่ยตอบเพราะไม่อยากไปกระตุ้นอีกฝ่ายให้มาทำลายประตูนี้เร็วขึ้น แม้เพียงวินาทีเดียวก็ยังดี เขาหันมองในห้องน้ำที่ดูจะไม่มีอะไรหยิบจับให้ใช้ป้องกันตัวได้เลย
“เฮ้ จะเปิดดีๆหรือจะให้ฉันพังเข้าไปอีก” เพราะเสียงที่เงียบลงทำให้จังหวะการตีรัวเร็วขึ้น เจคอบดึงลูกบิดที่หักพังออกแล้วก้าวเข้าไปในห้องนอนของอิสรา เงารูปคนในห้องน้ำประตูกระจกทำให้เขายิ้มเหี้ยมเกรียมออกมา
“เอส...อยู่ในห้องน้ำทำไม ออกมาคุยกันสิ”
“ไม่เจคอบ กลับไป” แม้จะอยู่ห่างกันเพียงประตูกั้น แต่อิสราก็อดก้าวถอยไม่ได้ด้วยความหวาดกลัว
-เพล้ง-เก้าอี้ไม้ในห้องถูกเหวี่ยงพุ่งทะลุกระจกห้องน้ำ มือหนาเอื้อมเข้ามาแล้วบิดลูกบิดประตู เจคอบเปิดออกแล้วเดินย่างสามขุมเข้าไปหาร่างที่ขดตัวซุกอยู่ริมอ่างน้ำ ใบหน้าคร้ามบิดเบี้ยวด้วยรอยยิ้มวิปลาสและเสียงหัวเราะในลำคอ
“หาเจอแล้ว...ที่รัก...”
“จ เจคอบ” อิสราเอ่ยเสียงสั่นขณะมองรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง
...คงไม่ทันแล้ว
มือหนาใหญ่เอื้อมไปจับที่ไหล่แล้วลากออกมาจากมุมห้องน้ำ ร่างบอบบางถูกเศษกระจกบาดเป็นทางยาว เลือดสีสดที่ออกมาจากร่างแม้จะไม่ใช่แผลใหญ่โตแต่ก็เรียกรอยยิ้มกว้างจากชายรสนิยมวิตถารที่กำลังออกแรงอยู่ไม่น้อย
“อา...ฉันเคยบอกนายไปหรือยัง ว่านายเหมาะกับเลือดจริงๆ” เจคอบขยุ้มเส้นผมอิสราให้เงยหน้าขึ้นมอง
“ปล่อย... ปล่อย ฉันเจ็บเจคอบ” แม้จะบอกแบบนั้น แต่อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะฟังอยู่แล้ว
เสียงอ้อนวอนของอิสราไปไม่ถึงหูของคนที่ใช้กำลังลากเขาออกมาถึงโซฟากลางห้อง เจคอบเหวี่ยงร่างที่เล็กกว่าขึ้นบนโซฟาแล้วฉีกทึ้งเสื้อผ้าเนื้อบางจนขาดรุ่งริ่ง ผิวกายที่มีเลือดซิบถูกฟอนเฟ้นอย่างไม่ออมแรงจากฝ่ามือหยาบจ้วงที่รุกรานร่างเปล่าเปลือย เจคอบก้มหน้าลงกัดลำคอเรียวจนเป็นรอยฟันช้ำ..กระชากราวกับสัตว์ป่าหิวกระหาย
“อึก-!!? เจ็บ ปล่อยฉัน!! ปล่อย” เขาร้องเสียงดังโดยไม่สนใจว่าจะมีใครได้ยิน เขาหวังด้วยซ้ำว่าชยางกูรจะกลับมาบ้านได้แล้ว แต่คนที่เพิ่งออกไปไม่มีทางจะกลับมาเร็วขนาดนั้นแน่ๆ
“ถอยออกมาไม่งั้นไอ้นี่ยิงนายพรุนแน่” เสียงที่ดังอยู่ข้างหลังเรียกให้เจคอบหันกลับไป แต่ฝ่ามือที่กระแทกที่ไหล่และของแข็งๆที่จิ้มหลังเขาทำให้ทำได้เพียงตวาดถาม
“ใครวะ ไอ้--” เสียงห้าวเงียบลงเมื่อสิ่งแข็งๆที่เลื่อนขึ้นมาจ่อศีรษะกระแทกเขาอีกครั้ง....ปืน...ชายวิปริตคิดขึ้นมาในหัวได้ทันที
“เอามือไพล่หลัง” โคลตันสั่งแล้วกระแทกเข่าไปที่ข้อพับทำเอาร่างสูงทรุดลงคุกเข่าอยู่กับพื้น
“โคลตัน! ระวัง!” เพราะเห็นสายตาของเจคอบที่ดูไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย
เจคอบเหวี่ยงหมัดทันทีที่สิ้นเสียงเตือน แต่คนที่คอยระวังกลับฟาดสันมือใส่ต้นคอได้ก่อน ร่างใหญ่หนาเหลือกตากว้างก่อนจะรูดตัวลงกองที่พื้นอย่างที่เรียกได้ว่าสลบกลางอากาศ โคลตันเหวี่ยงแท่งเหล็กที่แกล้งทำเป็นปืนทิ้งลงพื้นแล้วเข้าไปประคองร่างเปลือยของอิสรา
“เอส..คุณไหวมั้ย” สูทตัวหนาถูกนำมาห่อคลุมร่างที่สั่นไหวเพราะความหวาดกลัว
“ขอบคุณ ขอบคุณครับ โคลตัน”
“ไปแต่งตัวก่อนนะเอส..เดี๋ยวตำรวจกำลังมา ผมกดโทรตอนเห็นประตูบ้านคุณ” โคลตันประคองอิสราขึ้นมา เขาสบถเบาๆเมื่อเห็นแผลเล็กแผลน้อยบนผิวกาย ชายหนุ่ม 'พลาด' เผลอเหยียบเจคอบที่นอนอยู่บนพื้นไปอีกสามสี่ทีก่อนจะพาอิสราเดินไปอีกห้อง
มือสองข้างยึดเอาเสื้อสูทคลุมร่างกายไว้แน่น หัวใจของเขายังไม่ยอมเต้นช้าลงง่ายๆ ชายหนุ่มเหลือบสายตามองคนข้างๆแล้วนึกขอบคุณพระเจ้าที่ยังเห็นใจเขาอยู่ เพราะหากโคลตันมาช้ากว่านี้ เขาก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
“ขอโทษที่ผมเรียกตำรวจมา แต่ผมไม่อยากให้คุณเป็นเหยื่ออีก และถ้าให้ผมแนะนำ อย่าทำแผล..ปล่อยไว้อย่างนี้ โทษบุกรุกหนักไม่เท่าพยายามฆ่านะเอส” โคลตันเหลือบมอง...แมวตัวสวยที่ถูกทำร้ายเสียจนสะบักสะบอม หางลู่หูตกตัวสั่น อิสรายังคงสั่นอยู่และคงจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้หยุดสั่น
“... ครับ เข้าใจแล้ว...” บางทีนี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วสำหรับปัญหานี้ “เจคอบ... เขาจะเจอโทษแบบไหนบ้าง... เหรอครับ”
“อืม....” จะให้บอกข้อกฏหมายกับประชาชนธรรมดาดูจะเป็นเรื่องยากไปหน่อย “อย่างน้อยๆก็จำคุกครับ แต่ผมจะเป็นทนายให้...รับรองว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกสักพักใหญ่ๆเลย”
เขามองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่สั่นไหวก่อนจะบีบบ่าให้กำลังใจเบาๆ
“ไม่ต้องห่วง มันจะผ่านไปนะเอส....”
“... ขอบคุณครับ โคลตัน” เขาเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ แม้จะอยากยกยิ้มให้แต่ตอนนี้เขาไม่เหลือแรงจะยิ้มให้ใครแล้วทั้งนั้น
โคลตันดันหลังให้อิสราเดินเข้าไปในอีกห้อง ไม่นานนักตำรวจหลายนายก็มาถึง เจคอบถูกใส่กุญแจมือและแจ้งข้อหาที่ทนายความมือหนึ่งซึ่งตำรวจรู้จักกันดีเป็นคนแจ้ง สภาพบ้านและผู้เสียหายทำให้เรื่องการดำเนินคดีเป็นไปตามที่โคลตันคิด รวมกับฝีปากของเขา...โคลตันยกยิ้มเมื่อเห็นร่างใหญ่ถูกพานั่งบนรถตำรวจจากไปด้วยใบหน้าไร้สีเลือด
ก็สมแล้วไง...พวกใช้กำลังต้องเจอของจริง
“กาแฟสักแก้วมั้ย” ทันทีที่เหลืออยู่สองคน โคลตันก็เอ่ยปากขึ้น...ในแบบฉบับผู้ชายที่คลั่งไคล้แมว ไม่ใช่ทนายความมาดขรึมแบบเมื่อครู่
“... ไม่เป็นไรครับ... ขอบคุณ” อิสราดูจะยังไม่พร้อม เขายังนั่งอยู่เฉยๆโดยที่มือก็ยึดเอาเสื้อสูทของโคลตันเอาไว้
โคลตันไม่สนใจคำว่าไม่เป็นไร เขาหันหลังเข้าไปขอใช้ครัว ไม่นานนักก็ออกมาพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่นสองแก้ว เขาวางให้อิสราที่โต๊ะเล็กด้านหน้าแล้วยกของตัวเองขึ้นจิบ
“เอส...จิบกาแฟหน่อย มันช่วยได้..”
เขามองหน้าของโคลตันที่รู้สึกว่าต่างจากเมื่อครู่นิดหน่อยก่อนจะยอมยกแก้วขึ้นจิบ “... ขอบคุณ... ครับ”
“ได้เลี้ยงกาแฟผมคืนแล้วนะ” ทนายความหนุ่มพูดยิ้มๆ
“... ผม ต้องขอบคุณคุณอีกรอบนะครับ ที่มาช่วย... วันนี้” เขาค้อมศีรษะลงเล็กน้อยก่อนจะจิบกาแฟต่อ
“พี่เอส! เกิดอะไรขึ้น” ร่างชายหนุ่มผมทองก้าวเข้ามาพร้อมของพะรุงพะรังหน้าตาตื่นทำให้โคลตันหยุดพูด นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองไปทางชยางกูรก่อนจะหันกลับมามองอิสรา
ชยางกูรปราดเข้ามาหาโดยโยนของในมือทิ้งไว้ที่พื้น ชายหนุ่มมองเนื้อตัวถลอกปอกเปิดและใบหน้าช้ำของอิสราแล้วรวบตัวมากอดไว้แน่นโดยไม่พูดอะไรต่อ ภาพตรงหน้าทำเอาคนมองถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรขัดบรรยากาศ
“... เอ่อ ไม่เป็นไรแล้วเดฟ... พอดี คุณโคลตันมาช่วยทัน” เขาค่อยๆดันอีกฝ่ายออกเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยแนะนำ
“นี่เดฟ รูมเมทผมครับ”
ชยางกูรเม้มริมฝีปากแน่น แม้แต่ยามที่จับมือทักทายกับโคลตันเขาก็ยังมองอยู่ที่อิสรา
“ผม...ไม่น่าออกไปเลย..มันตามมาที่นี่ได้ยังไง”
“พี่ก็ไม่รู้...” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทต่ออีกฝ่าย อิสราจึงเลือกที่จะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับรูมเมทที่ว่า “เอาเป็นว่า ไม่เป็นไรแล้ว...”
“ไม่เป็นไรได้ไง แผลขนาดนี้”
“โดนจับไปแล้ว ก็......” พอนึกถึงเจคอบที่เคยใจดีก็อดมีแววตาที่หม่นหมองลงไม่ได้ เขาส่ายศีรษะเบาๆสลัดเอาเยื่อใยออกไป “ก็ดีแล้ว”
“อย่าบอกนะว่าสงสารน่ะ มันทำไว้ตั้งเท่าไหร่” ชยางกูรอดนึกแค้นใจแทนไม่ได้ ชายหนุ่มหันไปหาโคลตันแล้วโค้งตัวให้ “ขอบคุณที่มาช่วยนะครับ”
“ที่จริงถ้าแจ้งตำรวจแต่แรกคงดีกว่านี้..ใช่มั้ยเอส”
“... ไม่ต้องตอกย้ำพี่ก็ได้” เขาหันหน้าหนี
“ผมว่าเขาพูดถูกนะ คุณใจอ่อนเกินไป...ถ้าคราวนี้ไม่มีใครมาช่วย ดีไม่ดีอาจจะเกิดอะไรร้ายแรงกว่านี้ก็ได้” ทนายความหนุ่มวางถ้วยกาแฟลง “เอาล่ะ..รูมเมทคุณกลับมาแล้ว ผมต้องขอตัว”
“เดี๋ยวครับ... เอ่อ... ถ้ายังไง... ให้ผมได้ขอบคุณ...” อิสราเผลอตัวไปจับเอาปลายแขนเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้
“หืม?” โคลตันมองแล้วอมยิ้มนิดๆ ดูท่าว่าแมวน้อยจะดีขึ้นแล้วหลังจากที่ถูก 'รูมเมท' กอดปลอบใจ
“ให้ผมได้ขอบคุณ... ยังไงดีครับ...”
“เรื่องแค่นี้ไม่ต้องขอบคุณหรอก ไว้ว่างๆคุณแวะเอาอาหารไปฝากสาวน้อยที่บ้านผมก็ได้”
“อาหาร? เธอชอบทานอะไรเหรอครับ” อิสรารีบถามต่อทันที
“ก็พวกอาหารเม็ด...ถ้าปลื้มมากๆก็เป็นพวกแซลมอลปรุงรส..แต่ต้องป้อนทีละคำนะ”
“เอ๋? สาวน้อยที่ว่า เป็น... หมาหรือแมวครับ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ
“วิเชียรมาศ สก็อตติช โฟลด์ แล้วก็หิมาลายันครับ” เจ้าของแมวเอ่ยตอบชื่อพันธุ์ “แวะไปเล่นได้...ถ้าคุณอยากปรึกษาเรื่องวันนี้กับผม”
“... ขอบคุณอีกครั้งนะครับ... แล้ว ผม.. จะติดต่อไปเรื่องคดี....” เขายิ้มจางๆให้เป็นการขอบคุณ
ทนายหนุ่มยิ้มให้อีกครั้งแล้วเดินออกไป เขาเตือนให้ชยางกูรรู้เรื่องล็อคของบ้านแล้วขับรถจากออกไปทั้งที่สูทเนื้อดียังคงสวมอยู่บนร่างของอิสรา
“คนดีนะเนี่ย ไปรู้จักมาตอนไหนน่ะพี่เอส”
“ก็เนี่ยล่ะ ที่ช่วยพี่ที่ร้านหนังสือ” คนตัวบางหันมาตอบก่อนจะนึกขึ้นได้ “เสื้อนี่...”
อิสราอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ “คงต้องเจอกันเร็วขึ้นแล้วล่ะ”
“แล้ว....” ชยางกูรมองไปรอบๆห้องที่เละเทะ “คืนนี้เอาไง ไปโรงแรมมั้ย”
“ก็คงต้องอย่างงั้นแหละ กว่าจะทำให้สวยเหมือนเดิมได้... เอาถูกๆใกล้ๆพอ” ชายหนุ่มถอนหายใจเมื่อมองตามชยางกูรไปรอบๆ
รูมเมทหนุ่มโอบไหล่บางเค้ามากอดเบาๆ สัญชาติญานปกป้องตัวเองของอิสราน้อยนิดนักเมื่อเทียบกับคนปกติทั่วไป เมื่อก่อนที่เคยคบกันก็ว่าแย่แล้ว แต่ตอนนี้กลับดูเหมือนยิ่งหนักกว่าเก่า แม้ภายนอกจะดูเป็นผู้ชายที่พอจะดูแลตัวเองได้ แต่เอาเข้าจริง...ข้างในกลับอ่อนไหวจนต้องหาหลักมายึดอยู่เสมอ
“เอาเป็นว่าไปเก็บของจำเป็น...แล้วเราไปกัน”
“โอเค... พี่มีแค่ชุดนอนแล้วล่ะ” เขาหลับตาลงเอนพิงไหล่คนที่โอบเอาไว้เล็กน้อย
...ถ้าเรากลับไปเหมือนเดิมได้...
...ก็คงดีนะ...
“ของผม...แค่คอมก็พอ คืนนี้อัสซี่จะพาปันมานอนค้างที่บ้าน...เห็นบอกว่าจะแอบเปิดกล้องสไกป์ไว้ให้เห็นปัน” ชยางกูรพูดอย่างอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แม้ว่าจะไม่สามารถพูดกันได้โดยตรง แต่สองเพื่อนซี้ของปัณวิทย์ยังคงแอบทำอะไรเพื่อเขาอยู่เสมอ
“... อืม งั้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวพี่ไปหยิบชุดนอนก่อนก็แล้วกัน” เขาไม่ได้มองหน้าของชยางกูร เพราะไม่ต้องมองก็รู้ว่าสีหน้าของชายหนุ่มมีความสุขแค่ไหน
ทั้งสองคนพากันย้ายตัวเองมานอนที่โรงแรมใกล้ๆบ้านและฝากเรื่องให้คนดูแลบ้านช่วยซ่อมแซม เตียงคู่หลังโตในห้องถูกจับจองครึ่งหนึ่งด้วยร่างสูงที่นอนคว่ำ รอสัญญาณตอบรับผ่านระบบออนไลน์ที่ใช้ประจำ
“พี่นอนก่อนนะ” อิสราเอ่ยไปทั้งที่รู้ว่าคงยังนอนไม่หลับง่ายๆ แต่เขาก็ไม่อยากนั่งฟังชัดๆให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าไม่สะดวกใจ
“โทษที่พี่ เดี๋ยวผมเอาไปเล่นที่โต๊ะ นอนไปก่อนเลยนะ” มือหยาบยันตัวเองแล้วหยิบคอมเดินไปที่โซฟาเล็กๆ
“กู๊ดไนท์เดฟ” เขาเอ่ยเสียงเบาก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นคลุมร่างเอาไว้
อิสรานึกอิจฉาปัณวิทย์ในใจที่อดีตคนรักของตัวเองยังคงใส่ใจขนาดนี้ ตอนที่เลิกกับชยางกูรใหม่ๆ เขานึกอยากรู้ขึ้นมาว่าอีกฝ่ายจะมีอาการเศร้าเสียใจแบบนี้ด้วยเหมือนกันหรือเปล่า
...แต่รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์
ชยางกูรตั้งโน้ตบุ๊คไว้บนโต๊ะกลาง ปรับหน้าจอให้พอดี และสัญญาณสีส้มกระพริบจากอาธิปก็เปิดขึ้นมา ชยางกูรมองบรรยากาศในห้องของอาธิปสักพักก่อนเจ้าของยูสเซอร์เนมจะปรับระดับจอให้พอดี....และปัณวิทย์เองก็เหมือนกับอยู่ตรงหน้าเขาทั้งที่เจ้าตัวไม่รู้เลย
/กูบอกแล้วไงว่าไม่ดูคลิปโป๊/ เสียงปัณวิทย์ดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะจ้องมองหน้าจอ /อะไรของมึงหะอัฐ/
To Be Continued.....