เรือนหลังที่ 4
"คุณหนูว่าผ้าซิ่นผืนนี้เข้ากับผ้าสไบดีกว่าหรือไม่เจ้าคะ"
จอมขวัญนั่งมองบ่าวรับใช้คนสนิทที่ถือผ้าซิ่นอยู่ในมือสองสามผืนก่อนจะหาวออกมาเล็กน้อยด้วยความง่วงนอนหลังจากถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาทาขมิ้นให้ตัวขาวเหลืองดังทองตั้งแต่เช้ามืด ก่อนที่จะถูกจับมานั่งตรงมุมแต่งตัวมองสร้อยทิพย์ที่รื้อผ้าซิ่นและผ้าสไบออกมาเลือกหลายผืน
"ผืนสีดำก็สวยดีนะพี่สร้อย"
"ไม่ได้เจ้าค่ะคุณหนู ถ้าสร้อยเอาสีดำให้ใส่ล่ะก็โดนลงหวายแน่นอนเลยเจ้าค่ะ"
สร้อยทิพย์ตอบพร้อมกับเอาผ้าซิ่นสีดำและกองผ้าซิ่นหลายผืนนั้นใส่ลงไปในหีบเหมือนเดิมก่อนจะหันไปเปิดอีกหีบหนึ่งแล้วหยิบผืนผ้าซิ่นผืนหนึ่งออกมาถือในมืออย่างชื่นชมในความงดงาม
"ผ้าซิ่นผืนนี้กับสไบผืนนี้ก็แล้วกัน มาเถอะเจ้าค่ะคุณหนูจอมขวัญสร้อยจะแต่งตัวให้คุณหนูเด่นและงดงามกว่าใครเลยล่ะเจ้าค่ะ"
"ผมไม่ได้อยากสวยกว่าใครซักหน่อย"
จอมขวัญบ่นอุบอิบก่อนจะยืนนิ่งยอมให้อีกฝ่ายแต่งตัวตามใจชอบ สร้อยทิพย์นำผ้าซิ่นสีม่วงที่ถักทอลวดลายมาจากเส้นด้ายทองคำมาพันรอบเอวบางแล้วนุ่งจับจีบหน้าและคาดทับด้วยเข็มขัดสีทองที่สลักลวดลายสวยงาม ก่อนจะเอาผ้าแพรสีชมพูอ่อนที่ใส่เมื่อคืนมาพันรอบอกหลายรอบจนหมดผืนแล้วนำผ้าไหมสีชมพูกลีบบัวมาจับจีบห่มเป็นสไบเฉียงตรงบ่าข้างหนึ่งซึ่งขับผิวพรรณให้ดูขาวผ่องสวยงามสง่าและสร้างความสวยงามเพิ่มขึ้นด้วยเครื่องประดับอย่างสร้อยตัวเส้นสีทองสวมเฉียงบ่าถูกแกะสลักด้วยลวดลายดอกไม้ ก่อนที่สร้อยทิพย์จะจับจอมขวัญหมุนตัวอยู่หลายรอบด้วยสายตาชื่นชม
"งดงามมากเลยเจ้าค่ะ ยิ่งพอแต่งตัวแบบนี้แล้วงดงามเหมือนคุณหนูพาขวัญไม่มีผิด"
"อย่างนั้นหรอ"
จอมขวัญจับผมที่ยาวอยู่ด้านหลังนั้นมาม้วนเล่นด้วยความเขินอายเล็กน้อยที่มีคนมาชื่นชมตนเองซึ่งสร้อยทิพย์ก็ยิ้มให้อย่างเอาใจ
"ใช่แล้วเจ้าค่ะ มาเถอะเจ้าค่ะคุณหนูเดี๋ยวสร้อยจะหวีผมให้นะเจ้าคะ"
"อ่า...ครับ"
จอมขวัญเดินไปนั่งหันหน้าไปทางบานกระจกปล่อยให้สร้อยทิพย์ใช้หวีไม้ขนาดเล็กหวีเส้นผมที่ยาวสยายอยู่กลางหลังให้เข้ารูปเข้าทรง ซึ่งจอมขวัญนั่งมองเงาตัวเองในกระจกที่ตอนนี้เส้นผมที่เคยตัดสั้นประบ่านั้นกลับยาวสยายเนื่องจากเมื่อคืนถูกสร้อยทิพย์และจอมทัพนั้นนำเส้นผมของพาขวัญที่ตัดเก็บเอาไว้นานหลายปีมาต่อจนยาวถึงกลางหลังแถมเมื่อลองเอามาดมดูแล้วกลับหอมไปด้วยกลิ่นน้ำอบเหมือนกับเส้นผมที่ยังมีชีวิตชีวาตลอดเวลา
หลังจากหวีผมเสร็จแล้วสร้อยทิพย์ก็เดินไปเปิดหีบที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับที่ทำจากทองคำมากมายซึ่งเลือกหยิบมาชุดหนึ่งแล้วเดินกลับมาหาเจ้านานของตนที่นั่งรออยู่ที่เดิม
"สวยมากเจ้าค่ะ แต่จะสวยมากกว่านี้ถ้าเคียงคู่ด้วยเครื่องประดับ"
"ต้องใส่ด้วยหรือครับ"
จอมขวัญทำหน้าตางอแงแต่ก็ยอมให้อีกฝ่ายใส่เครื่องประดับให้ตนเอง เริ่มจากต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และสวมแหวนขนาดเล็กบนนิ้วมือเรียวยาวนั้นซึ่งใส่ได้อย่างพอดิบพอดีไม่คับและไม่หลวมจนเกินไป
แต่ยังไม่เสร็จเท่านั้นเมื่อสร้อยทิพย์ยกถาดบางอย่างมาแล้วนำแป้งที่ผสมกับน้ำที่มีกลิ่นหอมนั้นมาเกลี่ยทั้วทั้งใบหน้าและผิวพรรณจนเรียบเนียนเข้ากับสีผิวอันขาวผ่องนั้น แล้วนำแผ่นกระดาษชาดสีแดงมาจ่อตรงปากบางนั้นซึ่งจอมขวัญมองด้วยความสงสัยทำให้สร้อยทิพย์แอบหัวเราะออกมาเล็กน้อยอย่างเอ็นดู
"งับซิเจ้าคะ"
'งับ' จอมขวัญงับแผ่นกระดาษสีแดงนั้นก่อนจะปล่อยออกมาทำให้ริมฝีปากที่เคยซีดเซียวนั้นมีสีสันขึ้นมาจนเจ้าตัวต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจเผลอกระซิบกับตนเองอย่างแผ่วเบา "ปากแดงขึ้นเหมือนที่อ่านในหนังสือจริงด้วย"
"การผัดหน้าให้ขาวและทาปากเป็นเรื่องที่หญิงชั้นสูงควรกระทำทุกวันนะเจ้าคะ"
สร้อยทิพย์ยิ้มอย่างพึงพอใจในผลงานของตนเองก่อนจะวางของลงเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นสามครั้งพอเปิดประตูออกมาก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อพบว่าเมืองยืนรออยู่หน้าประตูห้อง
"เองมีอันใดรึอ้ายเมือง ถึงมาเคาะห้องคุณหนูของข้าแต่เช้า"
"ท่านเจ้าคุณให้มาตามคุณหนูพาขวัญไปพบที่ห้องโถงกลางตอนนี้น่ะซิ"
เมืองตอบพร้อมกับพยายามชะโงกหน้าเข้าไปดูข้างในแต่สร้อยทิพย์กลับเอาตัวเข้าไปบังเอาไว้
"แจ้งข่าวเสร็จแล้วก็กลับไปซิเดี๋ยวคุณหนูพาขวัญข้าจะพาไปเอง"
"อืม"
เมืองตอบรับพร้อมกับรีบเดินออกไปจากบริเวณนั้นก่อนที่สร้อยทิพย์จะสะดุ้งตกใจเมื่อหันหลังมาพบว่าจอมขวัญมายืนอยู่ข้างหลังพอดี
"โอ๊ะ! ตกใจหมดเลยเจ้าค่ะคุณหนู"
"เมื่อกี๊ใครมาหรอพี่สร้อย"
จอมขวัญถามด้วยความอยากรู้พร้อมกับมองออกไปก็ไม่เห็นใครยืนอยู่ซักคนซึ่งสร้อยทิพย์ก็ตอบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
"อ้ายเมืองเจ้าค่ะ"
"เมือง?" จอมขวัญทำท่าทางคิดก่อนจะคิดออกว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาจากที่ไหน "อ๋อ! คนเมื่อคืนที่ออกมาต้อนรับท่านเจ้าคุณใช่ไหม เขาคือใครหรอทำไมถึงสนิทกับท่านเจ้าคุณจังเลยล่ะ"
"แค่บ่าวรับใช้คนสนิทของท่านเจ้าคุณเท่านั้นเองคุณหนูไม่ต้องไปสนใจอ้ายเมืองมันหรอกเจ้าค่ะ เรารีบไปพบท่านเจ้าคุณที่ห้องโถงกันดีกว่าตอนนี้ทุกคนพร้อมกันหมดแล้วนะเจ้าคะ"
สร้อยทิพย์เปลี่ยนเรื่องพร้อมกับประคองพาจอมขวัญที่ยังไม่ชินกับการใส่ผ้าถุงนั้นเดินออกจากห้องและตรงไปยังห้องโถงกลางเรือนที่ตอนนี้มีคนนั่งกันเต็มไปหมดซึ่งพอเห็นคนเยอะจอมขวัญก็ขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมเดินต่อแถมหันมากระซิบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ข้าไม่เข้าไปได้ไหมพี่สร้อย"
"ไม่ได้เจ้าค่ะคุณหนู"
สร้อยทิพย์รีบตอบกลับมาทันทีก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงตวาดของท่านเจ้าคุณจอมทัพที่มองมาทางตัวเองอย่างดุดัน
"เมื่อไหร่เองจะพาพาขวัญเดินเข้ามาหะนังสร้อย!"
"มาแล้วเจ้าค่ะท่านเจ้าคุณ"
สร้อยทิพย์ตอบรับพร้อมกับพาจอมขวัญให้เดินเข้าไปตรงที่มีคนนั่งมากมายทำให้จอมขวัญยืนนิ่งมองหน้าจอมทัพด้วยความประหม่าซึ่งจอมทัพเองก็กวักมือเรียกพร้อมกับยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน
"มานั่งข้างพ่อกับแม่ตรงนี้ซิลูกพาขวัญ"
"ค...ค่ะ"
จอมขวัญเดินเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างจอมทัพและพัณณิตาที่ยกมือขึ้นมาลูบผมตนเองอย่างอ่อนโยน โดยที่สร้อยทิพย์นั้นเดินเลี่ยงไปหาพริ้มพรายและเมืองที่นั่งรออยู่ด้านหลัง จอมขวัญยกมือไหว้พัณณิตาที่ยิ้มหวานมาให้พร้อมกับกอดตนเองแน่นไม่ยอมปล่อย
"ลูกไหว้คุณแม่เจ้าค่ะ"
"ยินดีต้อนรับกลับบ้านอีกครั้งนะพาขวัญลูกแม่"
พัณณิตาหอมแก้มซ้ายขวาด้วยความคิดถึงทำให้จอมทัพอดที่จะยิ้มตามไม่ได้เมื่อเห็นภรรยาของตนเองแข็งแรงและมีความสุขเหมือนเมื่อก่อน
"แค่พาขวัญกลับมาแล้วเห็นแม่พัณแข็งแรงขึ้นข้าเองก็มีความสุขเช่นกัน"
"พาขวัญกลับมาทั้งทีจะไม่ให้น้องแข็งแรงขึ้นได้อย่างไรล่ะเจ้าคะคุณพี่" พัณณิตายิ้มหวานพร้อมกับจับมือจอมขวัญมากุมเอาไว้อย่างทะนุถนอม "สัญญากับแม่ซิลูกพาขวัญว่าเจ้าจะไม่หายออกจากบ้านไปอีก"
"เจ้าค่ะคุณแม่ พาขวัญจะอยู่ที่นี่กับคุณพ่อคุณแม่ไม่หายไปไหนอีกแล้วเจ้าค่ะ"
จอมขวัญยิ้มหวานพร้อมกับพูดคำโบราณและสำเนียงโบราณที่จอมทัพและสร้อยทิพย์สอนให้พูดจนคล่องเมื่อคืนนี้นั่นเอง ก่อนจะกอดพัณณิตาอย่างเอาอกเอาใจจนอีกฝ่ายหลงในความน่ารักน่าเอ็นดูนั้นจนอดที่จะหอมแก้มอยู่หลายรอบก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินเสียงแกล้งไอดังมาจากฝั่งของสองแม่ลูกที่ถูกลืม
"อะแฮ่ม! ไม่คิดจะทักทายน้ากับพี่สาวของเจ้าเลยหรือจ๊ะแม่พาขวัญ"
"คุณแม่อย่าพูดอย่างนั้นซิเจ้าคะ น้องพาขวัญอาจจะยังไม่ทันสังเกตเห็นเราก็ได้"
พลอยปภัสยิ้มหวานแต่แววตาแฝงไปด้วยความจิกกัดทำให้จอมขวัญทำหน้าตางุนงงพร้อมหันไปถามจอมทัพด้วยความสงสัย
"ใครกันหรือเจ้าคะคุณพ่อ"
"ตายแล้ว!"
แพรวพรรณรายยกมือทาบตรงอกด้วยท่าทางตกใจ
"หายตัวไปเกือบแรมปีพอกลับมาบ้านดันเสียสติจำใครไม่ได้เลยหรือพาขวัญ"
"อย่าพูดเรื่องเหลวไหลอย่างนั้นซิแม่แพรว"
พัณณิตาห้ามปรามด้วยความไม่ชอบใจทำให้จอมทัพต้องขัดขึ้นมาก่อนที่จะเถียงกันไปมากกว่าเดิม
"พอเถอะทั้งแม่แพรวและแม่พัณ"
"น้องไม่ได้เริ่มก่อนนะเจ้าคะคุณพี่!"
แพรวพรรณรายรีบแก้ตัวพรางเชิดหน้าขึ้นอย่างถือตัว ซึ่งจอมทัพถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะหันมาแนะนำทั้งสองคนให้จอมขวัญได้รู้จัก
"พาขวัญไหว้คุณน้าแพรวพรรณรายซิลูก คุณน้าเขาเป็นภรรยาคนที่สองของพ่อ"
"สวัสดีเจ้าค่ะคุณน้า"
จอมขวัญยกมือไหว้อย่างนอบน้อมก่อนจะจ้องไปยังพลอยปภัสที่ยิ้มหวานมาให้ตลอดเวลา
"ส่วนนั่นคือพลอยปภัส ลูกของแม่แพรวเป็นพี่สาวของเจ้า"
"สวัสดีเจ้าค่ะพี่พลอย"
จอมขวัญยกมือไหว้พรางจ้องมองใบหน้าพี่สาวต่างมาดาอย่างพิจารณา พลอยปภัสเป็นผู้หญิงที่สวยคมและแต่งหน้าแต่งตาจัดแถมสีผิวก็ออกกร้านแดดเล็กน้อยตามแบบฉบับคนอยุธยาขนานแท้เหมือนที่เคยอ่านเจอในหนังสือ นุ่งผ้าถุงสีน้ำเงินเข้มอมมืดตัดกับลวดลายที่ทำมาจากด้ายเงินพร้อมห่มสไบสีแดงแบบเฉียงและสวมใส่เครื่องประดับที่ทำจากเครื่องเงินหลากหลายชิ้นทั้งตัวจนดูเยอะเกินไป แววตาแพรวพราวเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์เข้ากันกับริมฝีปากแดงสดที่ฝืนยิ้มหวานออกมาตลอดเวลา
"สวัสดีจ๊ะน้องพาขวัญ พี่ดีใจมากเลยนะที่น้องกลับเรือนมาอย่างปลอดภัย ว่าแต่เจ้าหายไปไหนมาเป็นแรมปีหรือถึงพึ่งกลับมาป่านนี้"
"เอ่อ..." จอมขวัญนั่งตัวเกร็งเมื่อเจอสายตาจับผิดของแพรวพรรณรายและพลอยปภัสที่จ้องมาอย่างไม่วางตา "ข้าไปอยู่บ้านชาวบ้านแถวชายป่ามาน่ะเจ้าค่ะ"
"เหตุใดจึงต้องไปอยู่บ้านชาวบ้านแถวชายป่าเล่า" แพรวพรรณรายจ้องมองด้วยสายตาจับผิดพร้อมกับเหยียดยิ้มขึ้นมาตรงมุมปาก "หรือเจ้าแอบหนีตามชายใดไปอย่างที่เขาลือกันใช่หรือไม่"
"พูดแบบนั้นได้อย่างไรแม่แพรว เจ้าก็รู้ว่าพวกนั้นเป็นแค่ข่าวลือน่ะ"
พัณณิตาขัดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจซึ่งแพรวพรรณรายไม่ได้เถียงอะไรเพียงแค่ยิ้มเยาะกลับมาเท่านั้น
"น้องแค่พูดไปตามที่ได้ยินมาน่ะเจ้าค่ะ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงเหตุใดจะต้องเดือดร้อนด้วยล่ะเจ้าคะ"
"แม่แพรว!"
พัณณิตาตวาดเสียงดังลั่นด้วยความโมโหก่อนจะอารมณ์เย็นเมื่อจอมขวัญเอามือมากุมเอาไว้แน่น
"อย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะคุณแม่ แค่ข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงใครเขาก็กุเรื่องขึ้นมาได้ทั้งนั้น"
จอมขวัญยิ้มหวานพร้อมสบสายตาแพรวพรรณรายอย่างไม่ยอมแพ้
"พาขวัญไม่ได้หนีตามใครไปทั้งนั้นล่ะเจ้าค่ะคุณน้า ที่พาขวัญไปอยู่ที่บ้านชาวบ้านเพราะพวกเขามาช่วยเอาไว้ตอนที่ตกน้ำเท่านั้นเอง"
"ตายจริง! เจ้าตกน้ำด้วยอย่างนั้นหรือพาขวัญ" พลอยปภัสทำท่าทางตกใจพยายามซ่อนสีหน้าเป็นกังวลไว้ภายใต้แววตาจับผิด "แล้วไปตกน้ำตกท่าได้อย่างไรล่ะ"
"เอ่อ...คือ..."
จอมขวัญอึกอักก่อนจะจับหัวตัวเองและทำท่าทางปวดหัวหนักจนหลายคนตกใจ
"โอ๊ะ! ข้าจำอะไรไม่ได้เลย อือ...ปวดหัวจัง"
"พาขวัญเป็นอะไรมากไหมลูก นังพริ้มเอายาดมมาซิ"
พัณณิตาจับหน้าจับตาจอมขวัญด้วยความเป็นห่วงก่อนจะหันไปรับยาดมจากพริ้มพรายมาให้สูดดมเป็นการใหญ่ซึ่งจอมขวัญเองก็แกล้งดมแล้วทำท่าทางอาการหายปวดหัว
"ลูกดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะคุณแม่"
"แน่ใจนะลูก" พัณณิตาลูบหลังก่อนจะหันไปดุพลอยปภัสที่เชิดหน้าขึ้นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ "จะถามอะไรควรคิดให้รอบคอบกว่านี้หน่อยจะได้ไหมแม่พลอย พาขวัญเองก็พึ่งกลับมาจะซักไซร้อะไรนักหนา"
"พลอยแค่ถามดูด้วยความเป็นห่วงนะเจ้าคะ พลอยผิดตรงไหนเจ้าคะแม่ใหญ่" พลอยปภัสถามกลับพร้อมเชิดหน้าขึ้นอย่างถือตัวพร้อมกับเหยียดยิ้มตรงมุมปาก "หากไม่บอกแสดงว่าข่าวรือที่เจ้าหนีตามผู้ชายไปก็เป็นเรื่องจริงซินะ"
"ไม่ใช่!...นะเจ้าคะพี่พลอย"
จอมขวัญเผลอตะคอกออกไปอย่างลืมตัวก่อนจะหันไปมองจอมทัพอย่างขอความช่วยเหลือซึ่งอีกฝ่ายก็ช่วยอธิบายเรื่องราวให้ทุกคนฟัง
"แม่พลอยก็อย่าไปคาดคั้นอะไรน้องมากมายเลย พาขวัญน่ะจมน้ำนานจนหมดสติโชคดีที่ได้ชาวบ้านแถวนั้นมาช่วยเอาไว้ได้ทันแต่ทว่ากลับจำความอะไรไม่ได้ซักเรื่องจึงให้ที่พักอาศัยอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งพ่อตามไปเจอตัวเมื่อวานที่หมู่บ้านชายป่านั่นแหละ"
"จำความไม่ได้จริงหรือ"
พลอยปภัสจ้องมองคนที่นั่งตรงหน้าอย่างไม่ละสายตาและเต็มไปด้วยความจับผิดซึ่งจอมขวัญไม่หลบสายตากลับยิ้มหวานและทำท่าทางใสซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราว
"เป็นความจริงดั่งที่คุณพ่อกล่าวค่ะพี่พลอย"
"แล้วเหตุใดเมื่อวานข้าเห็นเจ้าตัดผมจนสั้นแถมแต่งตัวเหมือนผุ้ชายอีกล่ะ ไหนเจ้าอธิบายให้น้าฟังได้หรือไม่พาขวัญ"
แพรวพรรณรายจ้องมองด้วยสายตาจิกกัดแต่อีกฝ่ายไม่เกรงกลัวตนเองเหมือนแต่ก่อนซักนิดเดียวแถมยิ้มหวานมาให้มากกว่าเดิม
"ข้าไปอยู่ที่หมู่บ้านชายป่ามานะเจ้าคะคุณน้า ที่นั่นยากลำบากแถมโจรป่าเยอะอีกต่างหาก ข้าก็ต้องป้องกันตัวโดยการปลอมเป็นผู้ชายอย่างไรล่ะเจ้าคะ"
"ถูกต้องแล้วล่ะ แม่แพรว แม่พลอย พวกเจ้าคงไม่มีคำถามอะไรอีกแล้วใช่หรือไม่"
จอมทัพเห็นดีเห็นงามพร้อมจ้องมองสองแม่ลูกด้วยแววตาที่ดุดันทำให้ทั้งสองคนยอมหยุดแต่โดยดี
"ที่น้องถามเพราะเป็นห่วงหลานพาขวัญต่างหากค่ะคุณพี่"
"พลอยก็เป็นห่วงน้องพาขวัญเหมือนกันนะเจ้าคะคุณพ่อ"
พลอยปภัสเสริมขึ้นมาพร้อมยิ้มให้น้องสาวต่างมารดาของตนอย่างประจบซึ่งจอมขวัญก็ยิ้มหวานกลับไปเช่นกัน
"ข้าดีใจที่คุณน้าแพรวและพี่พลอยเป็นห่วงเจ้าค่ะ"
"พาขวัญไปอยู่หมู่บ้านชายป่าเสียนานคงลำบากมากใช่ไหมลูกแม่"
พัณณิตายิ้มหวานมาให้พร้อมลูบเส้นผมนุ่มนิ่มนั้นอย่างอ่อนโยนก่อนจะหันไปสั่งพริ้มพรายและสร้อยทิพย์ที่นั่งหมอบอยู่ด้านหลัง
"นั่งพริ้ม นังสร้อย พวกเองไปจัดเตรียมขนมหวานของโปรดลูกข้ามาซักสองสามอย่างซิไป เร่งมือหน่อยล่ะพวกเอง"
"เจ้าค่ะนายแม่"
พริ้มพรายและสร้อยทิพย์ตอบรับพร้อมกับเดินลงไปทางช่องเล็กด้านหลังเรือนซึ่งเป็นส่วนของโรงครัว ทำให้จอมขวัญอมยิ้มเมื่อมีคนมาเอาอกเอาใจเหมือนคุณย่าไม่มีผิด โดยไม่ทันสังเกตุเห็นพลอยปภัสที่ก้มลงมากระซิบกับบ่าวคนสนิทของตนเองที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก
"จับตามองพาขวัญเอาไว้นะนังฝ้าย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพาขวัญจะจำอะไรไม่ได้"
"เจ้าค่ะคุณหนู"
ฝ้ายตอบรับพร้อมเหลือบมองคุณหนูคนเล็กของเรือนด้วยแววตาอิจฉา
ระหว่างนั้นเองก็มีบ่าวผู้ชายคนหนึ่งเนื้อตัวมอมแมมเดินขึ้นมาบนเรือนแล้วอ้อมไปกระซิบข้างหูเมืองให้ได้ยินกันแค่สองคนซึ่งเมืองก็พยักหน้ารับแล้วโบกมือไล่ให้อีกฝ่ายลงไปก่อนจะคลานเข่ามาหาจอมทัพที่มองมาอย่างสงสัย
"มีอะไรรึอ้ายเมือง"
"ไอ้หาญมาบอกว่าคุณหญิง
รินทร์ทิพย์และคุณหลวง
แทนกานต์มาขอพบขอรับ"
เมืองรายงานทำให้คุณหญิงพัณณิตาตื่นเต้นรีบออกคำสั่งกับบ่าวคนสนิทของจอมทัพทันที
"อ้ายเมืองรีบลงไปเชิญให้คุณหญิงกับพ่อแทนขึ้นมาบนเรือนเดี๋ยวนี้เลย และให้พวกบ่าวไปบอกพวกนังพริ้มให้เตรียมน้ำเตรียมขนมมาต้อนรับด้วย"
"ขอรับนายแม่"
เมืองก้มหน้าพร้อมกับเดินหายลงไปบริเวณหน้าเรือนพร้อมกับบ่าวอีกสองสามคน คุณหญิงพัณณิตาหันมาลูบผมจอมขวัญและยิ้มหวานให้ด้วยแววตาหยอกล้อ
"พาขวัญดีใจใช่ไหมลูกที่พี่แทนเขารีบมาหา"
"ลูก...ต้องดีใจด้วยหรือคะ"
จอมขวัญเลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงงเพราะทำไมตนเองจะต้องดีใจด้วยทำให้พัณณิตานั้นตกใจมาก
"ตายแล้ว! นี่เจ้าลืมพ่อแทนไปด้วยอย่างนั้นหรือ"
"เอ่อ...คือ..."
จอมขวัญหันไปมองท่านเจ้าคุณด้วยสายตาสงสัยทำให้อีกฝ่ายนั้นถอนหายใจออกมาอย่างหนักใจ
"แม่พัณอย่าพึ่งไปเอาความอะไรจากลูกตอนนี้เลย ดูซิพาขวัญมึนงงไปหมดแล้ว"
"น้องก็ลืมไปเลยเจ้าค่ะคุณพี่" พัณณิตาหันไปลูบผมอย่างอ่อนโยน "ไม่ต้องกังวลไปนะ พ่อแทนรอลูกมาตั้งแรมปีแค่รอให้เจ้าจำความได้คงอีกไม่นานหรอก"
"เอ่อ..."
จอมขวัญยิ้มแห้งก่อนจะมองไปยังเมืองที่เดินขึ้นมานำหน้าพร้อมกับหลีกทางให้คุณหญิงรินทร์ทิพย์ที่มีหน้าตางดงามมาก ผิวพรรณขาวผ่อง การแต่งตัวก็ดูดีมีฐานะที่ร่ำรวยพอสมควร แต่ทว่าสายตาที่เหลือบมองเมืองนั้นกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจเช่นเดียวกันกับริมฝีปากอวบอิ่มที่คว้ำลงแสดงถึงความขัดใจ
"วันหลังเองไม่ต้องเสนอหน้าลงไปรับข้าอีกนะอ้ายเมือง"
"คุณแม่ขอรับ"
แทนกานต์แตะไหล่ผู้เป็นแม่เพื่อห้ามปรามแต่อีกฝ่ายกลับหันมาทำหน้างอใส่
"พ่อแทนก็รู้ว่าแม่ไม่ชอบอ้ายเมือง"
"แต่ตอนนี้เราอยู่บนเรือนท่านเจ้าคุณจอมทัพนะขอรับคุณแม่"
แทนกานต์กระซิบให้ได้ยินกันเพียงสองคนทำให้รินทร์ทิพย์ชะงักเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านเมืองที่ก้มหน้าจนแทบจะติดพื้นไปอย่างไม่สนใจอีกต่อไป ทั้งสองเดินเข้ามาตรงห้องโถงกลางที่มีคนนั่งอยู่มากมายแล้วรินทร์ทิพย์จึงยกมือไหว้ผู้เป็นเจ้าของเรือน
"น้องไหว้เจ้าค่ะท่านเจ้าคุณจอมทัพ คุณพี่พัณ"
"สวัสดีขอรับคุณลุง คุณป้า"
แทนกานต์ยกมือไหว้ซึ่งทั้งสองเองก็ยกมือรับไหว้เช่นกันแล้วเชื้อเชิญทั้งสองให้นั่งลงก่อนที่พัณณิตาจะกล่าวทักด้วยรอยยิ้มหวาน
"ไม่ได้เจอแม่รินทร์เสียนานเป็นอย่างไรบ้างสบายดีหรือไม่"
"สบายดีเจ้าค่ะคุณพี่พัณ" รินทร์ทิพย์ยิ้มหวานพร้อมจ้องมองไปทางจอมขวัญด้วยสายตาเอ็นดู "พอน้องได้ข่าวว่าแม่พาขวัญกลับมาแล้วก็รีบมาหาเลยเจ้าค่ะ พ่อแทนน่ะเป็นห่วงแม่พาขวัญมากเลยนะเจ้าคะ"
"จริงหรือแม่รินทร์" พัณณิตายิ้มแย้มอย่างถูกอกถูกใจ "อย่างว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันคงจะคิดถึงกันมากเป็นธรรมดา"
"ห๊ะ!"
จอมขวัญทำหน้าตาเหลอหลาก่อนจะเหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างพิจารณา แทนกานต์ว่าที่คู่หมั้นคู่หมายของพาขวัญนั้นหน้าตาหล่อเหลาคมเข้มมากแต่โชคดีที่ผิวขาวผ่องเหมือนแม่ ร่างกายสูงโปร่งและการแต่งกายดูดีมีฐานะเต็มไปด้วยเครื่องทองมากมาย คิ้วเข้มนั้นขมวดเข้ากันเล็กน้อย ดวงตาคมกริบที่จ้องมองมาทางตนเองเช่นเดียวกันแต่ริมฝีปากกลับเรียบตรงไม่ยิ้มแย้มอะไรทั้งนั้น พอเห็นว่าทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรพัณณิตาจึงแตะไหล่กระซิบที่ข้างหูลูกตนเอง
"ไหว้คุณน้ากับพี่เขาซิลูก ตอนนี้พี่เขาได้รับยศเป็นถึงหลวงแทนกานต์ฝ่ายกรมพระคลังหลวงเชียวนะลูก"
"ข้าไหว้เจ้าค่ะคุณน้า"
จอมขวัญยกมือไหว้อย่างนอบน้อมซึ่งรินทร์ทิพย์ก็รับไหว้เช่นเดียวกัน ก่อนที่จะเห็นไปมองแทนกานต์ที่จ้องมองตนเองอย่างไม่วางตาทำให้ตนเองทำอะไรไม่ถูกฝืนยิ้มแห้งส่งไปให้อีกฝ่ายอย่างกระอักกระอ่วน
"สวัสดีเจ้าค่ะคุณหลวง"
"ไม่ต้องเรียกเช่นนั้นหรอก พูดตามปกติเถิด"
แทนกานต์ยกมือไหว้พร้อมพูดด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่งยิ่งทำให้จอมขวัญยิ้มแห้งมากกว่าเดิมเริ่มวางตัวไม่ถูกมากขึ้นไปอีกจนต้องแอบกระซิบถามจอมทัพด้วยความสงสัย
"เอ่อ...ปกติพาขวัญพูดเช่นไรหรือครับ"
"ชอบยิ้มหวาน พูดจาออดอ้อน พี่แทนคะ พี่แทนขา พร้อมทั้งชอบควงแขนตลอดเวลา"
จอมทัพกระซิบตอบก่อนจะแอบขำเมื่อเห็นจอมขวัญนั้นขนลุกไปทั้งตัวแถมยังทำหน้าตาเหยเก
"ขนลุกไปหมด ต้องทำแบบนั้นเลยหรอครับ"
"ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก เอาแค่พองามก็พอ"
จอมทัพหัวเราะอย่างแผ่วเบาพร้อมลูบผมสวยนันอย่างเอ็นดู ก่อนที่รินทร์ทิพย์จะถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
"คุณพี่พัณเจ้าคะ น้องถามได้หรือไม่เจ้าคะว่าพาขวัญหายไปไหนมาแรมปีขนาดนี้น่ะเจ้าค่ะ"
"พาขวัญเกิดพลัดตกน้ำแล้วความจำเสื่อมจึงต้องไปอยู่หมู่บ้านริมป่าน่ะจ๊ะ"
"โธ่...ลำบากลำบนน่าดูเลยซินะแม่พาขวัญ"
รินทร์ทิพย์ทำหน้าตาออกมาอย่างเห็นใจก่อนที่จะมีเสียงไม่พอใจดังขึ้นมาจากคนที่นั่งอยู่ฟั่งตรงข้าม
"แต่ดูจากท่าทางแล้วคงไม่ลำบากขนาดนั้นมั้งคะคุณหญิงรินทร์ทิพย์"
"โอ๊ะ! คุณหญิงรองนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ" รินทร์ทิพย์แสร้งทำท่าทางตกใจก่อนจะหันไปมองลูกอีกคนหนึ่งของท่านเจ้าคุณด้วยสายตารังเกียจ "แม่พลอยก็อยู่ด้วยหรอกหรือ"
"น้องกับลูกนั่งมาตั้งนานก่อนที่คุณหญิงจะมาอีกเจ้าค่ะ"
แพรวพรรณรายเชิดหน้าขึ้นอย่าถือตัวเช่นเดียวกับลูกสาวที่ถอดแบบมาจากแม่มาไม่มีผิด
"สงสัยคุณหญิงคงตาฝ้าฟางเพราะอายุเริ่มเยอะแล้วน่ะเจ้าค่ะคุณแม่"
"พูดจาไม่เพราะเลยนะแม่พลอย"
พัณณิตาดุด้วยความไม่ชอบใจแต่รินทร์ทิพย์กลับห้ามเอาไว้อย่างไม่ถือสาแต่แฝงไปด้วยความจิกกัด
"ไม่เป็นไรน้องไม่ถือหรอกค่ะคุณพี่พัณ แค่ลูกเมียรองการอบรมสั่งสอนคงจะแตกต่างกันเป็นเรื่องธรรมดา"
"คุณหญิง!"
แพรวพรรณรายตวาดออกมาเสียงดังลั่นด้วยความลืมตัวก่อนที่ช้อยจะจับขาเอาไว้อย่างห้ามปรามแต่กลับโดยสะบัดขาใส่อย่างรำคาญ
"เองไม่ต้องมาจับขาข้าเลยนังช้อย อยากโดนลงหวายรึไงหะ!"
"ช้อยไม่อยากโดนหวายเจ้าค่ะนายแม่"
ช้อยก้มหน้าจนติดพื้นด้วยความหวาดกลัวก่อนที่แพรวพรรณรายจะจ้องตากับรินทร์ทิพย์อย่างกินเลือดกินเนื้อ
"เป็นเมียรองแล้วอย่างไรล่ะเจ้าคะ ทำอย่างกับท่านเจ้าคุณ
แทนนิษฐ์ไม่เคยมีเมียบ่าวเมียไพร่อย่างนั้นแหละ"
"ถึงท่านเจ้าคุณจะมีเมียบ่าวเมียไพร่จริงแต่ข้าไม่มีวันที่จะให้เชิดหน้าชูคอถึงขนาดเป็นเมียรองหรอก"
รินทร์ทิพย์ตอบอีกฝ่ายกลับอย่างไม่ยอมแพ้พร้อมกับเหยียดยิ้มตรงมุมปากอย่างสะใจเมื่อเห็นแพรวพรรณรายโกรธจนตัวสั่นพร้อมกับลุกขึ้นยืนเดินออกไปจากตรงนั้นอย่างโมโห
"ข้าไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงด้วยแล้วขอตัวกลับเข้าห้องก่อนนะเจ้าคะ"
"นายแม่รอช้อยด้วยเจ้าค่ะ"
ช้อยลุกขึ้นเดินตามเจ้านายตนเองไปอย่างรีบร้อนทำให้พลอยปภัสหันหน้ามามองอย่างไม่พอใจและกำลังจะเอาเรื่องอีกฝ่าย แต่ทว่าต้องหยุดลงเมื่อพริ้มพรายและสร้อยทิพย์ต่างนำบ่าวรับใช้ขึ้นมาบนเรือนพร้อมน้ำและขนมหวานมากมายหลายชนิดมามอบให้กับแขกของเรือนทั้งสองอย่างนอบน้อม ก่อนที่สร้อยทิพย์จะคลานเข่าเข้ามาทางด้านหลังพร้อมยื่นจานขนมขนาดกำลังพอดีมือมาให้จอมขวัญอย่างเอาใจ
"ขนมหวานเจ้าค่ะคุณหนู"
"ขอบใจจ้ะพี่สร้อย"
จอมขวัญยิ้มหวานพร้อมเอื้อมมือไปรับจานขนมหวานมาถือมองขนมหลากหลายชนิดในจานด้วยแววตาเปล่งประกายเพราะมีทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เสน่ห์จันทร์ จ่ามงกุฎ กลีบลำดวน ลูกชุบ ช่อม่วง ซึ่งวางเรียงรายกันบนกลีบบัวสีชมพูอย่างปราณีต ทำให้จอมขวัญแอบอมยิ้มแล้วลงมือทานขนมอย่างเอร็ดอร่อยเพราะมันมีรสชาติหวานและหอมมากเหมือนฝีมือคุณย่าที่ตนเองเคยกินเมื่อตอนเด็กไม่มีผิด
โดยไม่ทันสังเกตุเห็นแทนกานต์แอบลอบมองตนเองตลอดเวลาอย่างไม่ละสายตา พร้อมคิ้วเข้มที่ขมวดเป็นปมเพราะกำลังหาเหตุผลว่าทำไมพาขวัญดูแปลกตาไปจากเมื่อก่อน ทั้งท่าทางการวางตัวไม่มาเกาะแขนออดอ้อนแบบเมื่อก่อน ไหนจะการพูดการจาที่ดูห่างเหินแถมไม่มีการยิ้มหวานให้ตนเองอีกต่างหากแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นลืมเลือนทุกเรื่องไปจากการจมน้ำก็เถอะ
ซึ่งพอรินทร์ทิพย์นั้นเห็นลูกชายตนเองจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตาจึงอมแอบยิ้มแล้วยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูลูกชายตนเองอย่างแผ่วเบา
"พ่อแทน ชวนน้องไปเดินเล่นด้านล่างซิลูก"
"ขอรับคุณแม่"
แทนกานต์ตอบรับคำก่อนจะกล่าวกับจอมขวัญที่กำลังทานขนมหลายต่อหลายชนิดอย่างไม่หยุดปากด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่แสดงท่าทีอ่อนโยนเลยซักนิด
"เราไปเดินเล่นด้านล่างกันไหมพาขวัญ"
"เอ่อ..."
จอมขวัญชะงักหยุดเคี้ยวขนมในปากก่อนที่จะพยายามกลืนขนมลงคอเมื่อพัณณิตายื่นหน้าเข้ามากระซิบด้วยท่าทางสนับสนุนพร้อมกับมือที่ยกขึ้นมาลูบผมลูกสาวตนเองอย่างเอ็นดู
"พาขวัญไปเดินเล่นเป็นเพื่อนพี่เขาเถอะลูก เดี๋ยวแม่จะให้นังพริ้มเก็บขนมไว้ให้นะจ๊ะ"
"เจ้าค่ะคุณแม่"
จอมขวัญตอบรับพร้อมจำใจวางจานขนมหวานแล้วเดินตามร่างสูงลงไปด้านล่างกันเพียงสองคนโดยมีสร้อยทิพย์และ
แสงซึ่งเป็นบ่าวคนสนิทของแทนกานต์เดินตามหลังไปอย่างเว้นระยะพอสมควร ซึ่งภาพนั้นทำให้พัณณิตาและรินทร์ทิพย์หันมายิ้มและหัวเราะให้กันสองคนอย่างถูกอกถูกใจ
*******************************