อะไรอะ...พรุ่งนี้จบแล้วมันจะเร็วไปไหมอะ
ยังไม่มีฉากหวานๆเลยอะ
มันเป็นหนังใหญ่ฉายตามโรงอ่ะครับ ไม่ใช่ละครเลยไม่ยาว
อาทิตย์อัสดง บทที่ 12
คนขายของในร้านบอกว่าไม่มีโทรศัพท์ พยุตม์จึงหันไปแสดงท่าทางเพื่อส่งสัญญาณให้คนที่ยืนรออยู่หน้าร้านได้รู้แล้วหันกลับมาสั่งซื้อสินค้าและบอกให้ไปส่งที่เรือยอท์ชซึ่งจอดเทียบอยู่ที่สะพานเรือ ขณะที่กำลังจ่ายเงิน พยุตม์เงยหน้าขึ้นมองโทรทัศน์ซึ่งเจ้าของร้านเปิดเอาไว้ ขณะนี้เป็นรายการข่าวภาคค่ำ สิ่งที่อยู่บนจอทำให้เขาต้องยืนนิ่ง
ผู้ประกาศข่าวกำลังรายงานข่าวการหายตัวไปของนักร้องหนุ่มดาวรุ่งผู้ได้รับเลือกให้ร้องเพลงประกอบภาพยนต์ฮอลลีวู้ดซึ่งถ่ายทำในประเทศไทยเกือบครึ่งเรื่อง ภาพประกอบข่าวเป็นรวมภาพผลงานต่างๆ ของนักร้องหนุ่มคนนั้นทั้งขณะที่กำลังร้องเพลงอยู่บนเวที ขณะให้สัมภาษณ์ และขณะที่ปรากฎตัวท่ามกลางแฟนเพลงที่รุมล้อมแสดงความชื่นชอบ
พีช พิชญ!
อดีตผู้เข้าประกวดการร้องเพลง The Superstar 10 และได้ถอนตัวจากการประกวดก่อนรอบชิงชนะเลิศ
พิชญถูกผู้จัดการประกวดฟ้องร้องเป็นเงินหลายล้านบาทเพราะไปเซ็นสัญญากับบริษัท GM Recordsของสหรัฐอเมริกาเพื่อร้องเพลงประกอบภาพยนต์ฮอลลีวู้ดซึ่งนำแสดงโดยดาราชั้นแนวหน้า ส่วนสถานีโทรทัศน์ Channel One ก็ฟ้องร้องพิชญด้วย นอกจากนั้นยังมีกรณีภาพอื้อฉาวของพิชญถูกนำออกมาเผยแพร่ รวมถึงประเด็นความขัดแย้งกับผู้ให้คำชี้แนะ (คอมเมนเตเตอร์) ประจำการประกวด The Superstar 10 และผู้ชนะเลิศการประกวด
ขณะนี้ไม่มีใครรู้ว่า พีช พิชญอยู่ที่ใด แต่ผู้จัดการส่วนตัวของพิชญชื่อปานฤทัยให้สัมภาษณ์ว่าพิชญกำลังพักผ่อนอยู่ในจังหวัดแห่งหนึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครและจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อบันทึกเสียงเพลงประกอบภาพยนต์ทันแน่นอน พร้อมทั้งปฏิเสธข่าวที่ว่าบริษัท GM Records จะยกเลิกการเซ็นสัญญาให้เป็นนักร้องในสังกัดหากยังหาตัวไม่พบ
พยุตม์แย้งอยูในใจว่า พิชญไม่ได้พักผ่อนอยู่ในจังหวัดแห่งหนึ่งใกล้ๆ กรุงเทพฯ แต่ยืนหน้ามุ่ยอยู่หน้าร้านขายของชำบนเกาะปะดีห่างไกลจากกรุงเทพฯ มาก
มิน่า ถึงร้องเพลงเพราะมาก และที่ดูหงุดหงิดมากก็เพราะไม่ได้กลับกรุงเทพฯ ตามกำหนด แล้วที่หลบมาพักบนเกาะห่างไกลขนาดนี้ก็เพราะปัญหาความขัดแย้งต่างๆ เหล่านี้เอง
พีช พิชญ นักร้องดาวรุ่งของประเทศไทยซึ่งทุกคนรู้จักดี และกำลังจะดังมากกว่านี้อีกหลายเท่า
แต่เขาไม่รู้จักเพราะกำลังแล่นเรือรอบโลกและใช้ชีวิตอยู่บนเรือมาได้เกือบหนึ่งปี
พยุตม์เดินออกมาที่หน้าร้านช้าๆ สายตาจับอยู่ที่ร่างของพิชญ ชายหนุ่มดึงปลายหมวกลงและก้มหน้าลงเล็กน้อย ท่าทางเหมือนพยายามหลบหน้าคน แต่พิชญคงดังทั่วประเทศไทยจริงๆ ไม่เว้นแม้แต่เกาะห่างไกลขนาดนี้เพราะพยุตม์เห็นเด็กสาวสามคนเดินผ่านมาและเมื่อเห็นพิชญก็แสดงอาการดีใจมาก เด็กสาวทั้งสามปรี่เข้ามาหาพิชญและขอลายเซ็น นักร้องหนุ่มชื่อดังหันมามองพยุตม์แวบหนึ่งแล้วหันกลับไปยิ้มและแจกลายเซ็นให้ 'แฟนคลับ' พยุตม์ยืนอยู่เงียบๆ ห่างจากพิชญเล็กน้อยจนกระทั่งเด็กสาวทั้งสามจากไปจึงพูดขึ้นว่า
“ไปกันเถอะครับ คุณพีช”
“ผมไม่ได้ชื่อพีช” พิชญพูดแล้วเดินลิ่วตรงไปที่สะพานเทียบเรือ
“ผมคงหูฝาด” พยุตม์รีบเดินตามมา
“ตาฝาดด้วย” พิชญพูดแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ทำไมคุณไม่บอกผม” พยุตม์ถาม
“ไหนของที่คุณบอกว่าไปซื้อ” พิชญไม่ตอบ กลับถามเรื่องอื่น
“เขาจะเอาไปส่งที่เรือ”
“อีกนานไหม”
“ไม่นานครับ” พยุตม์ส่ายหน้า “แต่น้ำมันคงใช้เวลาครับคุณพีช”
“อย่ามาเรียกผมว่าพีชนะ ผมไม่ชอบ”
“คนอะไรไม่ชอบชื่อตัวเอง”
“พีชไม่ใช่ชื่อผม คนเขาเรียกกันเอง”
“แล้วคุณชื่ออะไรครับ” พยุตม์ถามเสียงเรียบ
“คุณจะรู้ไปทำไม”
“ทำไมนะหรือ” พยุตม์ก้มลงมองคนที่เดินอยู่ข้างๆ เขาแล้วยิ้มยางๆ “ผมก็อยากเรียกให้ถูก จะได้ถูกใจคุณ อีกอย่าง คุณก็ไม่ใช่คนธรรมดานะสิครับ คุณได้ร้องเพลงซาวด์แทร็คหนังฮอลลีวู้ด อีกหน่อยก็ดังไปทั่วโลก”
“ทำไมคุณรู้” พิชญหยุดนิ่ง
“ผมเห็นประกาศคนหายในร้านขายของชำ” พยุตม์พูดเสียงราบเรียบ “ทำไมคุณไม่บอกผมก่อนหน้านี้ครับ ผมจะได้ไปส่งคุณตั้งแต่วันนั้น”
“แล้วทำไมต้องบอก”
“คุณกลัวว่าถ้าผมรู้ว่าคุณเป็นใครแล้วผมจะปฏิบัติต่อคุณเปลี่ยนไปงั้นหรือครับ”
“เปล่า”
“ผมไม่ใช่พวกเห่อดารา”
“ผมไม่ใช่ดารา”
“ผมไม่ใช่พวกเห่อนักร้องคนดัง” พยุตม์พูดใหม่
“เห่อไม่เห่อก็ช่างคุณ”
“มิน่า คุณถึงได้โกรธที่ผมบอกว่าจะให้สองพันสำหรับการร้องเพลงให้ฟังหนึ่งเพลง” พยุตม์ส่ายหน้า
“อย่ามารื้อฟื้น อย่ามาชวนทะเลาะนะคุณ”
“ตั๋วคอนเสิร์ตชมการแสดงของคุณราคาเท่าไหร่ครับ” พยุตม์ถาม
“ไม่รู้ ผมยังไม่เคยเปิดคอนเสิร์ต ผมเพิ่งจะเริ่มเป็นนักร้อง แล้วก็แค่ขึ้นร้องเป็นนักร้องรับเชิญตามแต่เขาจะเชิญ” พิชญยักไหล่
“นักร้องดาวรุ่ง” พยุตม์พูด “พอคุณร้องเพลงซาวด์แทร็คหนังฟอร์มใหญ่ขนาดนั้นและถ้าหนังเรื่องนี้ออกฉาย...”
“ไม่ใช่ ถ้า คุณพูดผิดแล้ว หนังมันได้ฉายแน่ๆ” พิชญพูดแทรก
“ครับๆ” พยุตม์พยักหน้า “หลังจากที่หนังออกฉาย ทั่วโลกก็จะเห็นคุณทาง MTV”
“รู้จักกับเขาด้วยหรือ”
“ผมไม่ใช่กบในกะลา”
“ใครไปว่าคุณเป็นกบในกะลา” พิชญเบ้ปาก “เรียกว่าปลาวาฬในทะเลน่าจะถูกกว่า”
หรือไม่ก็ท่อนซุงในทะเล ตอนนี้ไม่สงสัยแล้วว่าทำไมตอนเห็นเราเขาไม่ได้แสดงท่าทางว่ารู้จักเราเลย ก็เพราะเขาเดินทางรอบโลกมาน่าจะเกือบปีแล้วนี่ไง
“ที่คุณเห็นในข่าว อาจจะไม่จริงทั้งหมดก็ได้นะ บางทีข่าวก็รายงานไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้น” พิชญพูดเสียงราบเรียบ ตามองตรงไปข้างหน้า ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“ผมเป็นคนฟังหูไว้หู”
“ดีแล้ว”
“แต่คู่กรณีคุณเยอะเหมือนกันนะครับ ที่ผมถามคุณตอนอยู่บนเกาะว่าคุณหลบอะไรมาแล้วคุณไม่ตอบ ก็เพราะเรื่องนี้ใช่ไหม”
“เรื่องอะไร”
“เรื่องที่อยู่ในข่าวทีวี”
“ผมไม่รู้ว่าคุณฟังข่าวอะไร ใครรายงาน หรือช่องไหน ถ้าเป็น Channel Oneก็ไม่ต้องพูดถึง เขากะจะเหยียบผมให้จมดินอยู่แล้ว”
“ทำไม” พยุตม์พึมพำเบาๆ ประหนึ่งพูดกับตัวเอง
“อย่าให้เล่าเลย พูดแล้วอารมณ์เดือด คุณก็เลิกซักผมได้แล้ว” พิชญพูดแล้วก้าวขึ้นเรือ
พยุตม์ยืนกอดอกอยู่บนสะพาน รอคนที่ร้านขายสิ้นค้าเบ็ดเตล็ดมาส่งของที่ซื้อเอาไว้ ในใจคิดถึงเรื่องระหว่างเขากับพิชญ
เดิมทีพยุตม์ตั้งใจเอาไว้ว่าเมื่อไปส่งชายหนุ่มเจ้าอารมณ์ถึงฝั่งเขาจะถามชื่อและขอหมายเลขโทรศัพท์ให้ได้ และคิดว่าคงได้ทำความรู้จักกันต่อหลังจากที่เขากลับจากซิดนีย์ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของการแล่นเรือรอบโลกของตัวเอง แต่การที่ได้รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้คือใครและกำลังจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและอาจกลายเป็นนักร้องระดับโลกทำให้เขาต้องคิดใหม่อีกรอบ
หากพิชญดังระเบิด ทุกอย่างคงไม่เหมือนเดิม การเป็นนักร้องระดับโลก หรือแม้แต่เป็นนักร้องดังระดับเอเชียหรือระดับประเทศก็คงยุ่งอยู่กับการแสดงและการปรากฎตัวตามงานต่างๆ ยามค่ำคืน
วิถีชีวิตของเขากับพิชญคงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ทุกอย่างพร้อม พยุตม์กับพิชญเดินทางออกจากเกาะปะดีเมื่อเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม ทั้งสองตกลงกันว่าจะกลับไปนอนที่บ้านบนเกาะและออกเดินทางสู่กระบี่ตั้งแต่เช้า
“คืนนี้ผมยกเตียงให้คุณ” พยุตม์พูดขึ้นเบาๆ
“ไม่ต้องครับ ขอบคุณ ผมจะนอนโซฟา” พิชญตอบ
“คุณนี่ยังไง พอผมอยากนอนเตียงคุณก็จะแย่ง พอผมให้นอนคุณก็ไม่เอา”
“ไม่ต้องคิดว่าเพราะผมเป็นนักร้องดังแล้วจะให้ผมได้อภิสิทธิ์หรอก” พิชญพูดเสียงเบา
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้น”
“คิดสิ คุณคิด ตั้งแต่คุณรู้ว่าผมเป็นใคร ปฏิกิริยาคุณก็เปลี่ยนไป”
“เปลี่ยนไปยังไง” พยุตม์เอียงหน้า เลิกคิ้วถามพิชญ
“เปลี่ยนก็แล้วกัน ผมรู้สึกได้ เพราะฉะนั้น พยายามกลับมาทำตัวเหมือนเดิมให้หน่อยนะ”
“ผมก็ทำตัวเหมือนเดิม ผมขอยืนยัน”
“ไม่เหมือน คุณสุภาพขึ้น” พิชญจ้องหน้าพยุตม์
“เอ๊ะ นี่เป็นคำชมหรือคำด่า” พยุตม์ขมวดคิ้วก่อนจะอมยิ้ม
“ผมง่วงแล้ว” พิชญพึมพำแล้วลุกขึ้นจากที่นั่งข้างคนขับเรือ เดินไปเกาะกรอบหน้าต่างห้องควบคุมเรือ มองออกไปยังความมืดเบื้องนอกแล้วพูดว่า “คิดๆ ไปก็ไม่อยากกลับกรุงเทพฯ”
“อ้าว ไหงเป็นงั้น นี่คุณจะเอายังไงกันแน่ครับ” พยุตม์พูดขึ้น
“ผมแค่บอกว่า คิดๆ ไปก็ไม่อยากกลับ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่กลับ คุณฟังอะไรให้ดีๆ หน่อยสิ”
“ผมก็ว่าผมฟังดีแล้วนะ”
“คุณรู้หรือเปล่า มีอะไรรอผมอยู่ที่นั่นเยอะเลย ทั้งสิ่งดีทั้งสิ่งไม่ดี ทั้งพวกที่รอรุมเหยียบกับทั้งคนที่รอดันผมให้ดัง”
“ผมว่าคุณอย่าไปสนใจพวกรอรุมเหยียบจะดีกว่า การคิดถึงสิ่งที่เป็นลบจะฉุดรั้งคุณไว้” พยุตม์ให้กำลังใจ
“ผมคิดถึงสิ่งที่เป็นจริง ก็เพราะมันมีจริงๆ นี่นา ยังไงผมก็ทำเหมือนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นไม่ได้ เฮ้อ นี่ไม่รู้จะเจอหนักขนาดไหน”
“ผู้จัดการคุณคงช่วยได้ ชื่อก็บอกว่าเป็นผู้จัดการ”
“น่าสงสารพี่ปานจะตาย ป่านนี้คงรับเละ” พิชญถอนหายใจ
“เอาเถอะน่า ทุกอย่างก็คงจะดีขึ้น ยังไงคุณก็ต้องเอาชนะมันได้ อย่าเพิ่งกังวลมากนักเลย ตอนนี้กลับบ้านนอนพักก่อน” พยุตม์ปลอบ
“ก่อนถึงบ้าน คุณจอดให้นอนดูดาวซักหน่อยได้ไหม” พิชญหันมาพูดกับพยุตม์
“เดี๋ยวได้หลับคาเรือ ตื่นสายมาอีกทีก็คงมาโทษผมว่าไม่ปลุก” พยุตม์ทำหน้ามุ่ย
“ก็คุณไม่ปลุกจริงๆ”
“ผมก็ตื่นพร้อมๆ กับคุณนั่นล่ะครับ ทำไงได้”
“ตื่นสาย”
“คุณตื่นเช้านักนี่”
“นะ ตกลงนะ ลอยเรืออยู่ซักชั่วโมงแล้วค่อยขึ้นเกาะ นะครับ” พิชญขอร้อง คราวนี้ทำเสียงขอร้องจริงๆ
“ครับๆ” พยุตม์รับปาก
“เอ แล้วเราจะขึ้นเกาะยังไง ตอนลงเรือก็ห้อยตัวลงมาจากหน้าผา ตอนขึ้นนี่ผมปีนเชือกขึ้นไปไม่ไหวนะจะบอกให้”
“เถอะน่า อย่าห่วงเลย ผมมีวิธีพาคุณขึ้นเกาะก็แล้วกัน ผมจะรับผิดชอบพาคุณไปส่งจนถึงเตียงนอนให้ได้” พยุตม์ยิ้มบางๆ
“ทะลึ่ง”
พยุตม์ดับเครื่องยนต์แล้วเดินออกมาจากห้องควบคุมเรือ เห็นพิชญนอนหงายอยู่บนพื้นเรือ ตามองขึ้นไปบนท้องฟ้า กำลังชื่นชมกับดวงดาวที่พร่างพราว
“คุณจะรู้ไหมว่ามีดาวกี่ดวง”
“ถามแบบนี้ผมกระโดดลงน้ำแล้วกลั้นใจตายดีกว่า” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“ตอบว่าไม่รู้ก็พอแล้ว”
“พิชญ...” พยุตม์เรียกเบาๆ
“หือ” พิชญตอบ ตายังคงมองท้องฟ้า
“คุณเอ่อ...” พยุตม์ลังเล
“อยากฟังเพลงซักเพลงไหม ผมจะร้องให้ฟัง” พิชญพูดขึ้น
“ฟรีใช่ไหมครับ”
“ฟรีสิ ไม่ต้องมาประชดนะ หรือคุณอยากจะเสียเงิน”
พยุตม์หัวเราะเบาๆ แล้วเอนตัวนอนลงข้างๆ พิชญหันมามองแวบหนึ่งแล้วขยับตัวออกห่างเล็กน้อย จากนั้นจึงเริ่มร้องเพลงเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสะกดคนฟัง
Picture the sky that is how high I reach
So far alive none have been right for me
But your love, is a chance I'd like to take
With each breath in me I wait
If it brings you back to me
Because I'm free and I'm young
I'm the loneliest star from the sun
But I feel that I'm close to the one
Who will stop me from coming undone
'Cause I'm free
I have been closed
I have been almost near
(who do you really want to make it, who do you want to kill)
But city light
But nothing quite like here
(who do you really want to be right here)
And your love, (your love) is a light that binds us both, (your love)
With each breath in me I hope
We won't throw it all away...
(เพลง Loneliest Star โดย Seal)
“เศร้าจัง...” พยุตม์พูดขึ้นเมื่อพิชญหยุดร้อง “แต่คุณร้องไม่จบ”
“อย่าบ่นนักเลย ฟังฟรีนะจะบอกให้”
“แสดงว่าถ้าเสียเงินถึงจะได้ฟังจนจบเพลงใช่ไหมครับ” พยุตม์ 'เย้า' พิชญแล้วหัวเราะเบาๆ
“อย่าเริ่มนะครับ อย่าเริ่ม” พิชญพูดแล้วหันหน้าไปอีกด้าน แอบอมยิ้ม
“เปล่า” พยุตม์ปฏิเสธ หัวเราะเบาๆ แล้วเปลี่ยนเป็นนอนตะแคง ยกมือขึ้นหนุนคอตัวเอง มองใบหน้าของพิชญ
“พิชญครับ เราจะพบกันอีกหรือเปล่า”
“เรียกผมว่า นี่คุณ เหมือนเดิมดีกว่า คุณเรียกชื่อผมแล้วมันฟังดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้”
“จริงด้วย” พยุตม์หัวเราะ “เหมือนเรียกคนแปลกหน้า”
“แต่ความจริงเราก็เป็นคนแปลกหน้ากัน” พิชญหันหน้ามาสบตากับพยุตม์
“แม้เราจะไม่รู้จักชื่อกันเลยมาตั้งสิบหกวันทั้งที่อยู่บ้านเดียวกัน แต่ผมไม่รู้สึกว่าเราเป็นคนแปลกหน้า อย่างน้อยก็ตั้งแต่...” พยุตม์นิ่งไป พิชญเองก็นิ่ง รออีกฝ่ายพูดต่อ แต่เมื่อพยุตม์ไม่พูดอะไรพิชญจึงถามขึ้นมาว่า
“คุณชื่ออะไรครับ”
“ทำไมตอนนี้อยากรู้จักชื่อผมแล้ว”
“ก็จนขนาดนี้ยังจะมาทำท่านั้นท่านี้ทำไมอีก คุณรู้จักผมแล้ว ผมยังไม่รู้ชื่อคุณ แบบนี้ไม่แฟร์นี่นา”
“ใช่ ยังจะมาทำท่านั้นท่านี้ทำไมนะ” พยุตม์พึมพำแล้วก้มหน้าลงมาใกล้และพูดว่า “ผมชื่อพยุตม์”
“พยศ”
“พยุตม์ครับ พยุตม์” พยุตม์หัวเราะเบาๆ
“พยุตม์” พิชญอมยิ้ม มองตาพยุตม์ซึ่งกำลังส่องประกายวิบวับเหมือนกับแสงดาวบนท้องฟ้าและทันใดนั้นใบหน้าคร้ามเข้มของพยุตม์ก็ก้มต่ำลงมากกว่าเดิม ปากร้อนผ่าวของพยุตม์ทาบลงบนปากของพิชญ
“อือ” พิชญส่งเสียงเบาๆ แต่พยุตม์ยังคงตรึงใบหน้าของเขาไว้ด้วยการบดริมฝีปากหนักๆ ก่อนจะผ่อนคลายให้หายใจ
“โอ๊ย” เสียงของพยุตม์ร้องเบาๆ เมื่อพิชญกำมือชกเข้าที่ท้องของเขา “อะไรกันนี่คุณ”
“ฉวยโอกาส”
“ทำลายบรรยากาศหมดเลย”
“อย่ามาทำกับผมแบบนี้นะ” พิชญทำเสียงเข้ม
“ผมเปล่านะพีช”
“ผมไม่ได้ชื่อพีช ชื่อนั้นคนเขาพากันเรียกเองเข้าใจไหม ผมไม่มีชื่อเล่น”
“ผมไม่ได้ฉวยโอกาสแบบที่คุณกำลังคิด ไม่ใช่ว่าเพราะคุณเป็นนักร้องดังผมก็เลย...”
“ไม่ต้องอธิบายหรอกครับ” พิชญพูดแทรก
“ผมจูบคุณเพราะผมอยากจูบ เพราะเป็นคุณ ไม่ใช่เพราะคุณเป็นพิชญนักร้องดัง” พยุตม์ทอดเสียงอ่อนโยน
“ช่างเถอะ” พิชญเมินหน้าหนี
“ผมขอโทษ”
“คุณจะทำแบบนั้นทำไมก็ไม่รู้” พิชญพูดเสียงเบา น้ำเสียงราบเรียบแล้วลุกขึ้นนั่งกอดเข่า หลุบตาลงมองพื้นเรือ
พยุตม์ถอนหายใจเบาๆ รู้สึกแปลบๆ ในอก พยายามทำความเข้าใจกับอารมณ์ของพิชญ
'คุณจะทำแบบนั้นทำไมก็ไม่รู้'
เขาทำแบบนั้นเพราะหัวใจมันบอกให้ทำ พยุตม์ตอบอยู่ในใจ
ชายหนุ่มทั้งสองต่างนั่งเงียบกันอยู่นานจนในที่สุดพิชญก็เอนตัวลงและนอนมองดูดาวต่อไป ส่วนพยุตม์ลุกขึ้น เดินไปนั่งบนเก้าอี้แล้วมองออกไปนอกเรือ ปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ
“ผมคงไม่ได้อยู่เมืองไทยอีกนาน” จู่ๆ พิชญก็พูดขึ้นมา
“ครับ” พยุตม์ตอบรับ
“พอไปถึงอเมริกาก็บันทึกเสียงเพลง The End of Time แล้วก็ถ่าย MV เสร็จก็เข้าห้องอัดเริ่มทำอัลบั้มแรก คงยุ่งไปเป็นปี”
“คุณจะออกอัลบั้ม”
“ตอนนี้ข่าวออกไปแค่ว่าผมจะได้ร้องเพลงประกอบหนังเรื่อง The End of Time แต่ที่จริงเรื่องทำอัลบั้มเพลงเตรียมกันมาตั้งแต่ผมถอนตัวจากการประกวด The Superstar แล้ว ที่จะได้ร้องเพลงซาวด์แทร็คเป็นแผนโปรโมทนักร้องขั้นแรกเท่านั้นเอง”
“ที่คุณถอนตัวก็เพราะแบบนี้”
“The Superstar ฟ้องผม กล่าวหาว่าผมโกหก ทำผิดเงื่อนไขการประกวดเพราะเซ็นสัญญาเป็นนักร้องกับบริษัทอื่นขณะที่กำลังประกวดอยู่ ความจริงไม่ใช่ ผมยังไม่ได้เซ็น แค่คุยกัน แต่เขาพยายามจะเอาผิดผมให้ได้ แมวมองจากอเมริกาเห็นผมร้องเพลงเลยสนใจ โชคก็เข้าข้างที่แมวมองคนนั้นรู้จักอาจารย์ผมด้วย”
“แล้วไงต่อครับ” พยุตม์อยากรู้
“มีคนอิจฉาและพยายามทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ ตอนแรกผมจะรอจนจบการประกวด แต่พอทะเลาะกับหลายๆ คนผมก็เลยถอนตัวซะเลย ยังไงก็ไม่ชนะอยู่แล้วนี่ เสียเวลาทำไม”
“คุณร้องเพลงเก่ง น่าจะชนะ”
“ร้องเพลงเก่งอย่างเดียวชนะรายการ The Superstar ไม่ได้นะครับ” พิชญเบ้ปาก
“หน้าตาก็ดี”
“มันมีอะไรมากกว่านั้น อย่าให้เล่าเลย หน้าตาดีร้องเพลงแค่ใช้ได้ก็ไม่ชนะเหมือนกัน” พิชญถอนหายใจ
“ผมว่าคุณร้องเพลงเก่ง” พยุตม์ชม
“คุณไม่เคยเห็นผมร้องเพลงบนเวที จะมาชมว่าร้องเก่งได้ยังไง จริงใจหรือเปล่าเนี่ย”
“โธ่ คุณนี่ก็นะ ถ้าไม่เก่งแมวมองจากอเมริกาจะติดต่อให้ร้องเพลงทำอัลบั้มหรือครับ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ โอกาสแบบนี้น่าจะหนึ่งในร้อย”
“ดูถูก”
“ดูถูกอะไรอีกคร้าบ” พยุตม์สงสัย
“หนึ่งในแสนหรือหนึ่งในล้านมั๊ง”
“หนึ่งในสองล้านก็ได้เอ้า”
“ผมฝันอยากเป็นนักร้องดังระดับโลกมานานแล้วตั้งแต่เรียน ม. ปลาย ผมถึงได้ไปเรียนต่อทางด้านดนตรี”
“ฝันของคุณกำลังจะเป็นจริง”
“คุณมีความฝันหรือเปล่า” พิชญถามพยุตม์
“มีสิครับ หนึ่งในนั้นคือสร้างบ้านสวยๆ บนเกาะสวยๆ และแล่นเรือรอบโลกคนเดียว” พยุตม์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“คุณกำลังบอกว่าฝันของคุณใกล้จะเป็นจริงแล้วหนึ่งอย่าง”
“เป็นจริงแล้วหนึ่งฝันครับ ฝันที่สองกำลังจะเป็นจริงอีกภายในหนึ่งเดือนครึ่ง” พยุตม์หัวเราะเบาๆ “นี่คุณก็ยังคงคิดว่าบ้านหลังนั้นกับเกาะนั่นไม่ใช่ของผมงั้นหรือ”
“ถ้าไม่มีหลักฐานก็ไม่เชื่อ” พิชญเปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคง หันหน้ามาทางพยุตม์ “คุณรู้ไหม ผมกลัวมากที่กำลังเดินตามฝันของตัวเอง ผมไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง”
“แค่เตรียมตัวให้ดีและเดินทางด้วยความระมัดระวัง ผมแล่นเรือรอบโลกก็ใช้หลักการนี้ล่ะ”
“แต่น้ำมันจะหมดถังที่เกาะนี้นี่นะ”
“แหม อุปสรรคมันก็เกิดขึ้นได้ แต่เราก็ต้องเอาชนะมัน” พยุตม์ยักไหล่ อมยิ้ม
“น่าอิจฉาที่คุณเห็นอะไรมาเยอะแยะ”
“น่าอิจฉาคุณด้วยที่กำลังจะเป็นนักร้องไทยที่ได้ร้องเพลงประกอบหนังฮอลลีวู้ด”
“คนแรกด้วยนะเออ” พิชญทำเสียงภาคภูมิใจ
“นักร้องเอเชียคนแรกด้วยหรือเปล่าครับ”
“ไม่รู้สิ คงงั้นมั๊ง”
“ขอแสดงความยินดีด้วยครับ” พยุตม์พูดเสียงนุ่ม
“ผมฝันไกลถึงเวทีออสการ์ด้วยล่ะ ผมฝันว่าเพลงจะได้เข้าชิงรางวัลผมก็จะได้ร้องเพลงบนเวที ถ้าเพลงได้รางวัลด้วยก็ยิ่งดี ผมนึกถึงซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้มชุดแรกติดชาร์ตบิลบอร์ด ได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลอเมริกันมิวสิคอวอร์ดและแกรมมี่”
“อืม” พยุตม์พยักหน้า “ชาร์ตบิลบอร์ดกับแกรมมี่คืออะไรครับ”
“บ้าจริงคุณนี่” พิชญโวยวาย “เป็นปลาวาฬในทะเลจริงๆ ด้วย”
“อะไรนะ”
“ช่างเถอะ” พิชญกระแทกเสียงแล้วนอนหงายมองดูดาวต่อ รู้สึกฉุนพยุตม์ยิ่งนัก
“ใครจะไปรอบรู้หมดทุกอย่าง” พยุตม์พึมพำแล้วเดินไปที่ห้องควบคุมเรือและส่งเสียงถามพิชญ
“กลับกันได้หรือยังครับ คุณจะได้นอนพักสบายๆ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า”
“ออกสายๆ ก็ได้ ไหนๆ ก็ผิดเวลาตั้งสามวันนี่นา”
“ประชดผมหรือเปล่า”
“เปล่า” พิชญตอบเสียงเย็น “ผมนะหรือจะประชดใครเป็นเหมือนคุณ”
“เห็นด้วย” พยุตม์พูด บิดกุญแจติดเครื่องยนต์และขับเรือมุ่งไปยังเกาะไทรงาม ที่พักซึ่งเขาจะได้อยู่กับพิชญสองต่อสองเป็นคืนสุดท้าย
::: End of chapter 12:::