ต่อจากด้านบน
เมื่อหนูด้วงกับโอบอุ้มเดินกลับมาถึงห้องจัดเลี้ยงก็เห็นกลุ่มเพื่อนนั่งหน้าเครียดกันอยู่ แก้วเป็นคนเดียวที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะกำลังโดนน้องเกลต่อว่าเรื่องที่ทำให้หนูด้วงต้องเสียใจ
“ทำไมทำหน้าเครียดกันแบบนี้” โอบอุ้มถามเมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน
“สรุปว่ามันจริงไหมหนูด้วง” นกฮูกถามแทรกขึ้นมา
“ไม่จริง แต่ขอยังไม่เล่านะ เอาเป็นว่ามันไม่จริง แล้วทุกคนก็กลับมาสนุกได้แล้ว ทำหน้าเครียดแบบนี้เดี๋ยวยุงก็มาถามว่าเป็นอะไรกัน ขอให้เรื่องนี้มันจบลงแค่นี้ ได้ไหม” หนูด้วงตอบคำถามของเพื่อนก่อนจะขอร้องให้ทุกคนเก็บเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
“ฟังไม่ได้ศัพท์จับมากระเดียด” น้องเกลยังนึกเคืองความสอดรู้สอดเห็นของแก้ว ตอนที่แก้วมาบอกหนูด้วง ท่าทางของแก้วเหมือนสะใจที่เห็นหนูด้วงเสียใจ นึกแล้วยังโมโหไม่หาย
“เราขอคุยกับแก้วหน่อยนะ” หนูด้วงพูดจบก็เดินนำออกไปที่นอกห้องจัดเลี้ยง
แก้วหน้าเสียเมื่อเห็นท่าทีจริงจังของหนูด้วงแต่ก็ยอมเดินตามออกไป เพราะถึงให้อยู่ก็รู้สึกแย่อยู่ดี ตอนนี้ทุกสายตาที่มองมาก็แทนคำตำหนิได้โดยไม่ต้องพูด
“เราไม่ได้อยากให้หนูด้วงเสียใจ ได้ยินมาก็รีบมาบอก เพราะหนูด้วงคือเพื่อนของเรา เราก็ไม่อยากให้เพื่อนเราถูกหลอก” แก้วรีบอธิบาย
“เราคือเพื่อนของแก้วจริงๆ ใช่ไหม”
“ทำไมถามอย่างนั้น”
“เรารู้ว่าคนที่เขียนด่าเราคือแก้ว”
“ไม่จริง หนูด้วงเอามาจากไหน ต้องมีใครใส่ร้ายเรา”
“น้องด้าวบอก”
“อะไรนะ นี่หนูด้วงเชื่อตุ๊กตาเอเลี่ยนเนี่ยนะ”
“เธอคงไม่รู้จักน้องด้าวดี งั้นดูนี่นะ” หนูด้วงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาแล้วหยิบภาพส่งให้แก้ว เป็นภาพตอนที่แก้วกำลังเขียนด่าหนูด้วง มุมกล้องที่ถ่ายก็มาจากตัวน้องด้าวนั่นเอง หนูด้วงเอาน้องด้าวมาวางก่อนจะกดเปิดกล้องและตั้งถ่ายอัตโนมัติเอาไว้
“เรา...เรา”
“แก้วไม่ชอบเราแล้วทำไมถึงอยากมาเป็นเพื่อนกับเรา”
“หนูด้วงมีทุกอย่าง มีแต่คนรักคนเอาใจ ทำอะไรก็มีแต่คนเออออตามไปหมด หนูด้วงคงไม่เข้าใจคนที่อยู่นอกสายตาคนอื่นหรอก”
“แล้วมันเกี่ยวกับความเป็นเพื่อนด้วยเหรอ”
“ก็ถ้าเราได้มีเพื่อนอย่างหนูด้วงหรือเป็นหนึ่งในกลุ่มของหนูด้วง คนอื่นจะมองเห็นเรา คนรวยๆ ใครก็อยากเข้าหาทั้งนั้น”
“ในสายตาของแก้วคนรวยดียังไง แค่เด่นแค่นั้นเหรอ”
“ถ้าเราเดือดร้อน เขาก็ช่วยเหลือเราได้”
“ผิดแล้ว ถ้าอยากได้เพื่อนที่ช่วยเหลือแก้วได้ เพื่อนคนนั้นไม่ใช่แค่เพื่อนที่รวย แต่ต้องเป็นเพื่อนที่มีน้ำใจ”
แก้วอึ้งไปเพราะเถียงไม่ออก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็คิดว่าหนูด้วงไม่มีวันเข้าใจคนอย่างเธออยู่ดี เกิดมามีแต่คนรุมล้อมเอาใจ คนที่ไม่เคยสัมผัสกับความทุกข์อย่างหนูด้วงจะมาเข้าใจคนที่ไร้ตัวตนอย่างเธอได้ยังไงกัน
“ถ้าแก้วอยากมีเพื่อนแบบไหน แก้วต้องเป็นเพื่อนแบบนั้นด้วยเหมือนกัน ต่อให้มีเงินมากมายก็ทำให้ใครรักไม่ได้ถ้าไม่มีความจริงใจ เรากับกลุ่มเดอะซูไม่ได้รักกันเพราะรวยหรือเพราะเงิน เราดูแลกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่มีใครเอาใจหรือตามใจใครตลอดเวลา แต่พวกเราอยู่กันอย่างเข้าใจในสิ่งที่เพื่อนเป็น”
“หนูด้วงรู้ว่าเราเขียนด่าแล้วทำไมยังให้เรามาที่นี่ด้วย ต้องการให้เราเห็นอะไร”
“เราไม่ได้อยากให้แก้วมาบ้านเราเพื่อเห็นว่าเรามีอะไรบ้าง แต่เราอยากให้ที่บ้านของเราเห็นมากกว่าว่าแก้วคือเพื่อนของเรา” หนูด้วงพูดจบแก้วก็ร้องไห้ออกมา
แก้วรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป เพราะความอิจฉาอยากได้อยากมี อยากทัดเทียมกับคนอื่น ไม่ได้ตั้งใจเขียนด่าหนูด้วงเพราะเกลียด แต่แค่หาวิธีทำให้ตัวเองเข้าหาหนูด้วงได้ อยากให้หนูด้วงรับตัวเองเข้ามาเป็นเพื่อนรักในกลุ่มโดยไม่สนใจว่าวิธีนั้นมันผิด
“ยังอยากเป็นเพื่อนเราไหม” หนูด้วงถาม
“ได้เหรอ เรายังเป็นเพื่อนหนูด้วงได้เหรอ”
“ต้องเป็นคนดี คนมีน้ำใจนะ ต้องจริงใจ ทำได้รึเปล่า”
“ได้ เราจะทำ ให้โอกาสเรานะ”
“ได้สิ ชื่อแก้ว เป็นนกแก้วไง กลุ่มเดอะซูยินดีต้อนรับ”
“แต่ว่า...” แก้วคิดว่าคนอื่นคงไม่ยอมรับเธอง่ายๆ เหมือนหนูด้วง โดยเฉพาะน้องเกล
“แก้วต้องพิสูจน์ตัวเอง เราทำได้แค่เชื่อใจแก้ว แต่แก้วจะทำลายความเชื่อใจอีกไหมก็แล้วแต่แก้ว ทุกอย่างแก้ไขได้”
“ตกลง เราจะทำให้ให้ทุกคนเห็น เราขอโทษนะหนูด้วง”
“เราให้อภัย จริงๆ เรากอดแก้วได้นะ แก้วไม่ใช่ผู้ชาย พี่โอบไม่หึงหรอก” หนูด้วงทำท่าคิด แก้วหัวเราะทั้งน้ำตาก่อนจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปสวมกอดหนูด้วง
คนอื่นที่แอบดูอยู่ก็พากันถอนหายใจ บางคนก็ลอบยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปในทิศทางที่ดี มีแต่น้องเกลและสิงโตที่ดูจะหงุดหงิดมากเมื่อเห็นหนูด้วงเชื่อใจคนง่ายๆ ตามเคย แต่ทั้งคู่ก็เข้าใจดี เพราะหนูด้วงใจดีแบบนี้เสมอเพื่อนๆ ถึงได้รักหนูด้วง รักและเป็นห่วงมากที่สุด
……
เช้าวันรุ่งขึ้นพญาให้คนไปปลุกเด็กๆ เพราะจะพาไปฝึกทำขนมกับนับตังค์ ไหนๆ ก็มาเที่ยวที่เกาะแล้วก็ไม่อยากให้มานอนตื่นสายแล้วปล่อยเวลาให้สูญไป เมื่อทุกคนรู้ว่าจะได้ไปเรียนทำขนมก็ตื่นเต้นกันยกใหญ่ แม้หลายคนที่ทำขนมไม่เป็นก็อยากจะลองเพราะรู้มาว่าฝีมือมัมๆ ของหนูด้วงอร่อยที่สุดในจักรวาล
“หอมจังเลยฮะ มัมๆ ทำก๋วยเตี๋ยวแน่ๆ หนูจำกลิ่นได้” หนูด้วงส่งเสียงชื่นชมมาก่อนตัว เมื่อนับตังค์ละมือจากเครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยวเจ้าของเสียงถึงโผล่เข้ามาพอดี
“เรื่องนี้ล่ะไวจริงๆ นะตัวแสบ มัมทำก๋วยเตี๋ยวโบราณให้ทุกคนกินก่อนเรียนทำขนม ลวกเครื่องทั้งหมดให้แล้ว ที่เหลือมาจัดการกันเองนะ”
“ได้เลยฮะ มัมไปพักก่อน เดี๋ยวหนูกินกันเสร็จแล้วจะตั้งใจเรียนฮะ”
“มาให้มัมหอมแบบพัดลมก่อน” นับตังค์อ้าแขนออก หนูด้วงโผเข้าหาแล้วเป็นฝ่ายหอมแก้มนับตังค์เอง เพื่อนคนอื่นๆ เห็นก็อดยิ้มตามในความน่ารักของทั้งคู่ไม่ได้
“พอแล้ว อายเพื่อนบ้าง ทุกคนลวกเส้นกันตามชอบเลยนะ ไม่ต้องรีบ แต่อย่าให้รอนาน” นับตังค์แกล้งขู่
“น้องหม่อนไม่รีบแต่น้องหม่อนขอกินสามชามได้ไหมครับพี่ตัง”
“เรียกพี่ตังแบบนี้ให้ห้าชามเลย”
“เย่” น้องหม่อนชูมือชูไม้ดีใจ ไม่สนสายตาของพี่ชายที่เตือนเรื่องการกินเลยสักนิด
เมื่อโอบอุ้มทำก๋วยเตี๋ยวให้น้องแฝดแล้วก็พาทั้งคู่ไปนั่งกินรวมกับคนอื่นๆ จากนั้นตัวเองก็กลับไปนั่งกินกับหนูด้วงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมผา เป็นสถานที่โปรดที่เคยมานั่งเล่นกันตั้งแต่ที่นี่ยังเป็นแค่บ่อน้ำพุร้อน
“พี่โอบ พี่โอบ ดูหนูนะ” หนูด้วงเรียกอีกฝ่ายให้หันมาสนใจตัวเอง เมื่อพี่โอบหันมามองก็รีบคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปากก่อนจะสูดเส้นดัง ‘ซู๊ด’ โชว์
โอบอุ้มรู้ทันทีว่าหนูด้วงต้องการอะไร ฝ่ายนั้นไม่ได้อยากโชว์การสูดเส้นก๋วยเตี๋ยว น้องชอบทำแบบนี้ตั้งแต่ยังเด็กๆ เพียงเพื่อต้องการให้เขาช่วยเช็ดน้ำก๋วยเตี๋ยวที่กระเด็นจากปลายเส้นมาเปรอะหน้าให้ต่างหาก
“กินเลอะเทอะ” โอบอุ้มหยิบทิชชูมาซับน้ำก๋วยเตี๋ยวที่เปื้อนแก้มออกให้ อยากจะถามหนูด้วงว่าการอ้อนแบบนี้มันคุ้มค่ากว่าการยอมให้น้ำซุปเปื้อนหน้าตรงไหน แต่คำตอบคงอยู่บนใบหน้าของหนูด้วงแล้ว ขนาดโดนดุว่าเลอะเทอะ เจ้าตัวยังยิ้มแฉ่งไม่หุบ
“พี่โอบ ดูหนูอีกทีนะ” หนูด้วงเตรียมสูดเส้นก๋วยเตี๋ยวอีกครั้ง แต่โดนมือของพี่โอบห้ามเอาไว้
“เดี๋ยวมันกระเด็นเข้าตา”
“แต่ว่า…” หนูด้วงหน้าหงอยเพราะก๋วยเตี๋ยวยังไม่หมดชามเลย ยังอ้อนไม่หนำใจ
“ถ้ากินเลอะเทอะพี่ต้องเช็ดหน้าหนูด้วยทิชชู แต่ถ้ากินไม่เลอะเทอะเดี๋ยวพี่เช็ดแก้มให้…” โอบอุ้มโน้มใบหน้าไปกระซิบข้างหูคนขี้อ้อน “ด้วยปากของพี่ ดีไหมครับ”
หนูด้วงตาเป็นประกายพร้อมกับระบายยิ้ม “ก็ได้ก็ได้ หนูไม่สูดก๋วยเตี๋ยวให้เลอะเทอะแล้ว” พูดจบก็ยกชามก๋วยเตี๋ยวขึ้นแล้วค่อยๆ ซดจนหมดชาม
“ว่าแล้วเชียว” โอบอุ้มนึกไว้ไม่มีผิด หนูด้วงก็คือหนูด้วง ทั้งอ้อนทั้งแสบไม่มีใครเกิน เจ้าตัวไม่รู้รึไง ไม่ต้องหาวิธีมาอ้อนเขาก็อยากจะหอมจะกอดน้องทุกเวลา ถ้ากลืนกินน้องได้เขาคงจัดการไม่เหลือ
“พี่โอบรักหนูไหม” เจ้าตัวแสบวางชามก๋วยเตี๋ยวลงก่อนจะหันมาถาม
“อย่ากลัวว่าพี่จะไม่รัก กลัวว่าพี่จะรักหนูมากจนกินหนูเข้าไปดีกว่า”
“เนื้อหนูไม่อร่อยหรอก ถ้าจะกินหนู ปล้ำหนูดีกว่า” หนูด้วงป้องปากกระซิบอีกฝ่ายทั้งที่ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้น เล่นมุกเองก็เขินเองจึงหัวเราะคิกคักแก้เขิน
“ถ้าปล้ำมันต้องมีขัดขืน แต่หนูด้วงสมยอมพี่ทุกที จริงไหม” โอบอุ้มถามพลางขำ หนูด้วงทำท่าคิดก่อนจะเห็นจริงตามที่พี่โอบว่า
“ก็จริง อาน้องก็บอกให้รู้จักขัดขืนบ้าง แต่พอพี่โอบจูบหนูทีไร หนูก็ลืมขัดขืนทุกที ก็ได้ก็ได้ คืนนี้หนูจะขัดขืนนะฮะ”
“พี่รักหนูจัง” โอบอุ้มยิ้มบางๆ ก่อนจะหอมที่หน้าผากของอีกฝ่าย ทุกกิริยาท่าทางของน้องมันทำให้เขาควบคุมอาการไม่ค่อยได้ น้องน่ารักจนอยากพากลับห้องทุกเวลา
ส่วนคนถูกหอมยิ้มจนตาหยี ถ้าต้องยิ้มกว้างกว่านี้คงต้องไปหาหมอเพราะขากรรไกรคงจะค้าง ก็เวลาพี่โอบบอกรักทีไรหัวใจของหนูด้วงมันเต้นแรงทุกที หนูด้วงคงต้องหาวิธีให้พี่โอบบอกรักบ่อยๆ หัวใจมันจะได้ชิน
“ทำไมนาโมไม่นั่งกินกับน้องหม่อน น้องหม่อนเดินหาจนเมื่อยขาเลย” น้องหม่อนเดินถือชามก๋วยเตี๋ยวตามหาพ่ออยู่นาน จนมาเห็นว่าพ่อและพี่หนูด้วงแอบมากินก๋วยเตี๋ยวกันสองคนที่ใต้ต้นไม้
“โต๊ะมันเต็มไงครับ”
“น้องหม่อนจะเอาอีกชาม นาโมไปทำให้หน่อย”
“ครับๆ” โอบอุ้มรีบลุกขึ้นเพราะไม่อยากให้น้องหม่อนงอแง
“คุณโอบ ต้องรีบกลับไปที่เกาะแสงแดดกันแล้วครับ” ก้านวิ่งเข้ามา สีหน้าเครียดจนหนูด้วงต้องรีบลุกขึ้นยืนตามโอบอุ้มเพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นครับ” โอบอุ้มถาม
“ป้าประนอมโทรมาบอกพี่ว่าบ้านและร้านของคุณโอบถูกรื้อค้น กล้องวงจรปิดก็ถูกทำลายเลยไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใคร” ก้านรีบบอก
“ฝีมือนังดาวเรืองน่ะสิ” เสียงของนายหัวพยนต์ดังแทรกมา สีหน้าดุดันของนายหัวพยนต์ทำให้ทุกคนพากันเกรงกลัว
“เป็นไปได้ไงครับ ดาวเรืองติดคุกตลอดชีวิตไม่ใช่เหรอครับ” มีคุณเดินเข้ามาสมทบเมื่อเห็นนายหัวพยนต์พาลูกน้องขึ้นมาบนนี้เต็มไปหมด
“มันได้รับอภัยโทษ ถูกปล่อยตัวออกมาได้หลายวันแล้ว มีคนเห็นมันไปที่เกาะแสงแดด”
“หนูว่า...” หนูด้วงจะพูดอะไรออกมาแต่โอบอุ้มคว้ามือของหนูไปบีบเสียก่อน หนูด้วงจึงไม่พูดต่อ
“หนูด้วงกับเด็กๆ อย่าเพิ่งกลับไปที่เกาะแสงแดด อยู่ที่นี่ก่อน ให้ตาหาตัวมันให้เจอเสียก่อน”
“ไม่ได้ฮะ หนูต้องกลับไปเรียน”
“หนูด้วง!” นายหัวพยนต์หัวเสียเมื่อหนูด้วงไม่เชื่อฟัง
“หนูจะกลับฮะ หนูหนีไปตลอดชีวิตไม่ได้ แล้วก็ไม่มีใครปกป้องหนูได้ตลอดชีวิต”
“ตามใจจนเคยตัว ตาไม่ให้กลับ” นายหัวพยนต์ตวาดเสียงดัง “พวกมึงพาหนูด้วงกลับไปที่โรงแรม”
“คุณปู่ครับ อย่าทำแบบนี้เลย ให้ผมดูแลหนูด้วงเองนะครับ” โอบอุ้มเข้ามาขวาง
“เรื่องอื่นฉันยอมมามากแล้ว แต่เรื่องนี้ยอมไม่ได้”
“แต่คุณตาบอกเองว่าอภัยให้เขาแล้ว ทำไมต้องไปจัดการเขาอีกฮะ ทำไมไม่เลิกแล้วต่อกัน”
“เพราะตาไม่อยากเสียหนูไป ตาจะปกป้องหนูจนลมหายใจสุดท้ายของตา” นายหัวพยนต์ตอบเสียงสั่น สิ่งที่กลัวมาตลอดชีวิตก็เกิดขึ้นจริง ขนาดกำชับสารวัตรแล้วว่าอย่าให้คนที่เคยทำร้ายหนูด้วงรอดพ้นจากที่คุมขัง แต่สุดท้ายแล้วผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นก็ได้รับอิสรภาพจนได้
“ก็ได้ก็ได้ แต่หนูไม่อยากไปอยู่ที่โรงแรม ให้หนูกลับไปที่วังของเรา ให้น้องแฝดอยู่กับแด๊ดดี้ไปก่อนนะฮะ ส่วนคนอื่นๆ ให้พักที่นี่ พรุ่งนี้ค่อยกลับ” หนูด้วงไม่ได้เถียงคุณตาอีกเมื่อเห็นว่าสิ่งที่อีกฝ่ายทำก็เพื่อตัวเอง แต่ขอร้องที่จะไปอยู่ ‘วังของเรา’ ซึ่งหมายถึงบ้านที่ตลาดแทน
“ก็ได้ แล้วตาจะให้คนไปส่งเพื่อนๆ ของหนูด้วงกลับมหา’ลัยพรุ่งนี้เช้า แต่หนูด้วงต้องอยู่ที่นี่ พวกมึงดูแลนายน้อยให้ดี ถ้านายน้อยได้รับอันตรายพวกมึงรู้ใช่ไหมว่าจะเป็นยังไง แล้วนี่พญามันไปไหน ไปตามมันมาหาฉันเดี๋ยวนี้” นายหัวพยนต์ยังคงเกรี้ยวกราดใส่ลูกน้องจนไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
มีคุณกับนับตังค์ก็ไม่อยากเข้าไปขัดขวางคำสั่ง รู้ดีว่าที่นายหัวพยนต์เป็นแบบนี้เพราะเป็นห่วงหนูด้วงอย่างสุดหัวใจ ความร้ายกาจของดาวเรืองที่ผ่านๆ มาก็ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ขนาดคนอยู่เยอะแยะยังลักพาตัวหนูด้วงไปได้ การให้ลูกน้องของนายหัวพยนต์ช่วยดูแลหนูด้วงไปก่อนก็เป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่นับตังค์กังวลก็คือวิธีการที่นายหัวจะจัดการกับดาวเรือง เมื่อนายหัวพยนต์กลับไปแล้วจึงรีบต่อสายหาเทียมฟ้าเพื่อให้คอยยับยั้งหากนายหัวพยนต์และพญาใช้ความรุนแรงในการจัดการครั้งนี้
โปรดติดตามตอนต่อไป
ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะพี่จ๋าน้องจ๋า
ตั้งแต่ตอนนี้ไปเลิฟคงไม่ได้ลงเนื้อเพลงแล้วนะคะ เพราะกลัวเรื่องลิขสิทธิ์
และตอนเก่าๆ จะตามไปแก้ไขทีหลัง ขอบคุณที่รอและเอ็นดูหนูด้วงเสมอนะคะ
....รัก...