ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง ตอนที่ 84(ตอนจบ) (21/1/2559)  (อ่าน 162543 ครั้ง)

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 70


          ไหนไอ้ลุงนั่นบอกว่าจะทำให้รู้สึกดีขึ้นไงฟะ นี่มันเหมือนไปยืนอยู่ริมเหวแล้วโดนถีบตกลงมากระแทกกับชะง่อนหินชัดๆ!

          แต่…มันก็โล่งอย่างน่าประหลาดเหมือนกัน ทั้งที่ก่อนหน้าเจ็บเจียนตายแท้ๆ แต่พอเผชิญหน้าตรงๆแบบนี้ ความหนักที่ทับถมอยู่ในอกก็หายไปอย่างกับโกหกเลย แม้จะทำเอากลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้วก็ตาม

          ทำไมถึงรู้ตัวช้าจนสายไปด้วยนะ…บางทีถ้าเราไม่เอาแต่หนี ผลลัพธ์อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้…

          จบแล้วสินะ…

          “…ฉันไม่คิดจะให้เราต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เลย”

          เนเผลอลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของหนุ่มใหญ่ ก่อนจะเพิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้คุยกับตน

          “อาไม่ต้องขอโทษหรอกครับ ผมเข้าใจ” ศาสตร์บอกเสียงนิ่งก่อนจะปรายตามองเด็กหนุ่มด้วยความไม่พอใจนัก “ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ”

          พอวัฒน์พยักหน้าให้ ศาสตร์ก็เดินกลับเข้าบ้านไป ไม่วายยังหันมาหรี่ตาใส่เนอย่างอาฆาตมาดร้ายทิ้งท้ายก่อนจะปิดประตูเสียงดัง แต่เนก็ไม่ได้โต้ตอบกลับอะไร เพียงแค่นิ่งอึ้งเพราะเกือบเศร้าเก้อเนื่องจากเข้าใจผิดว่าโดนปฏิเสธ

          แต่เห็นสีหน้านิ่งของวัฒน์ ถ้าไม่เศร้าตอนนี้ เดี๋ยวตอนหน้าก็คงเศร้าเป็นแน่

          “อะไร” วัฒน์ถามเสียงขุ่นเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเอาแต่จ้องหน้าตนค้างนิ่ง

          เนกะพริบตาปริบๆ “คือ...ผมคิดว่าคุณจะตอบปฏิเสธผม...”

          “อ้อ อยากให้ฉันตอบปฏิเสธสินะ”

          “ไม่ใช่สักหน่อย!” เนร้องเสียงตื่น “ผมรู้ว่ามันออกจะแปลกๆ...ก็ผมเคยทำไม่ดีกับคุณไว้ตั้งเยอะ...แล้วจะมารักคุณได้ยังไง”

          ได้ยิน ‘เรื่องไม่ดี’ ออกมา จากที่กำลังนิ่งๆ วัฒน์ถึงกับหน้าแดงเถือก

          “ผมเองก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่...บางทีอาจจะเพราะความผิดพลาดในครั้งนั้น...” เนว่าต่อด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ใบหน้าก็แดงแจ๋เมื่อนึกถึงเรื่องไม่น่าอภิรมย์เมื่อตอนที่หน้ามืดไปปล้ำลุง “ทีแรกผมคิดว่าคุณเป็นแค่ตาลุงบ้าอำนาจชอบแกล้งชาวบ้าน ปากไม่ดี ชอบแขวะผมตลอดเวลา มนุษย์สัมพันธ์ก็ติดลบจนคนอื่นเขาไม่กล้าคุยด้วย...”

          และตอนนี้จากที่วัฒน์หน้าแดงเพราะเขิน เขาเริ่มหน้าแดงเพราะอย่างอื่น

          “แต่พอรู้ว่าความจริงคุณไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย...ผมก็รู้สึกผิดที่มองคุณไม่ดีอยู่ตั้งนาน…แล้วก็ไม่รู้ว่าเผลอไปรักคุณเข้าตอนไหน...รู้ตัวอีกทีมันก็ตัดใจไม่ได้แล้ว” เด็กหนุ่มว่าต่อ ชักอยากจะหนีไปจากตรงนี้จริงๆจังๆเพราะต้องทำในสิ่งที่ทำร้ายหัวใจอยู่นานสองนานจนชักจะทนรับไม่ไหว “...ผมพูดขนาดนี้แล้ว คุณไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือไงเล่า!”

          วัฒน์สะดุ้งนิดหน่อยเมื่ออีกฝ่ายขึ้นเสียงใส่ หนุ่มใหญ่มองคนที่ทั้งอายทั้งกลัว ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          แล้วก็ต่อยเด็กหนุ่มเข้าเต็มแก้มซ้ายเสียหน้าหัน ถึงจะไม่แรงเท่าไหร่ แต่ก็ทำเอาเจ็บจี๊ดเลยทีเดียว

          “โอ๊ย! ทำบ้าอะไรของคุ...”

          พูดไม่ทันจบ คนชกก็กระชากตนเข้าไปประกบปากเสียอย่างนั้น ทำเอาแรงยัวะที่โดนต่อยเมื่อครู่บินหายไปหมด ทั้งยังตามน้ำจูบตอบไปด้วยอีกต่างหาก

          เนได้แต่อึ้งมองคนที่ถอนจูบออกมา แม้สีหน้าจะยังคงนิ่งเฉยแต่แก้มกลับแดงเรื่อตัดกับผิวเข้มจนชัดเจน แต่เพียงไม่นานหนุ่มใหญ่ก็ก้มลงราวกับทนมองหน้าตนไม่ไหว แต่มือทั้งสองของวัฒน์ยังคงจับคอเสื้อของเด็กหนุ่มเอาไว้แน่น

          “ถ้าเปลี่ยนใจตอนนี้ ฉันเป่าแกทิ้งแน่”

          เด็กหนุ่มอ้าปากพะงาบๆ ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกนัก แม้สิ่งที่ได้ยินจะชัดเจนเกินพอก็ตาม

          “ฮิ้ววว ฮ่าๆ ฉันบอกแกแล้วไงว่ามันต้องทนไม่ได้ จ่ายมาเลย”

          และอึ้งยิ่งกว่าเมื่อได้ยินเสียงของฉัตรดังมาจากกำแพงอิฐข้างๆ พอเงยหน้ามองก็ต้องสะพรึง เพราะไม่ได้มีแค่ฉัตรที่เกาะกำแพงแล้วหัวเราะร่ามองมาที่ตน แต่ยังมีต่อ โค้ก แล้วก็ปาล์มด้วย ซึ่งโค้กกำลังออกอาการเบื่อหน่าย ต่อเพียงแค่มองมาทางตนเฉยๆ ส่วนปาล์มกำลังอ้าปากค้างเพราะช็อกสุดๆ

          “โธ่เว้ย เห็นแม่งใจแข็งนักก็คิดว่าจะไม่บอกวันนี้ซะอีก เซ็งเลย” โค้กตัดพ้อเสียงอ่อนก่อนจะหยิบแบงค์ห้าร้อยให้หนุ่มใหญ่ที่เกาะกำแพงอยู่ข้างตน “นายนี่มันไม่อดทนเอาซะเลยว่ะไอ้เน”

          เจ้าของชื่อได้แต่อึ้งเหมือนเดิม...ถึงจะไม่สนว่าจะโดนรู้หรือไม่ แต่ใครมันจะไปคิดว่าจะมีคนมาแอบดูกันอยู่ด้วยเล่า!

          “นะ...นี่มันหมายความว่ายังไงครับเนี่ย!” ในที่สุดเนก็ดึงสติกลับมาจนได้เสียที และก็เริ่มจากชี้ไปยังเหล่าตุ๊กแกที่เกาะกำแพงเรียงรายกันสลอน

          “เฮ้ย ไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย แต่กำลังประชุมอยู่ที่บ้านไอ้โค้ก แล้วมีหมาที่ไหนก็ไม่รู้ดันมาสารภาพรักลั่นหน้าบ้านไอ้ศาสตร์เลยออกมาดูต่างหาก” ฉัตรว่าเสียงสูง แต่ในมือกำลังถ่ายวิดีโอลงมือถือตัวเองด้วยท่าทีสนุกสนานเป็นที่สุด “แหม มุมไม่สวยเท่าไหร่ แย่จัง”

          “เอ๊ย!! ไอ้ลุงบ้านี่” เนวิ่งเข้าไปยังกำแพงแล้วกระโดดเหยงๆหมายจะแย่งมือถือ แต่อีกฝ่ายหนีลงไปอีกฝั่งอย่างรวดเร็ว และพลพรรคคนอื่นๆเช่นกัน ยกเว้นปาล์มที่ดูเหมือนจะมีคนดึงลงจากกำแพงมากกว่าตั้งใจจะหลบมือของเน “บ้าเอ๊ย ไอ้พวกเวร!”

          “อย่าตะโกนนักเลยน่า แค่เมื่อกี้ก็จะได้ยินกันทั้งซอยแล้ว” วัฒน์ปรามเสียงดุปนรำคาญ ทำเอาคนที่กำลังตื่นตระหนกถึงกับชะงัก “หมดธุระแล้วใช่ไหม งั้นก็รีบๆกลับบ้านได้แล้ว”

          เนหันกลับมามองคนที่เดินออกไปจากบ้านของศาสตร์โดยไม่รีรอแม้แต่น้อย จนเนได้แต่รีบวิ่งตามออกไป

          “เอ่อ...ตกลงนี่มัน...เอ่อ...ยังไง...อะไร...” เนละล่ำละลักถามเสียงลน

          “พูดอะไรฉันไม่เข้าใจ” ท่าทีของหนุ่มใหญ่ดูนิ่งจนไม่เหมือนคนที่เพิ่งโดนสารภาพรักมาหมาดๆเลยสักนิด “เดี๋ยวฉันขับให้ แล้วนั่งนึกไปซะว่าอยากจะพูดอะไรกับฉัน”

          เนมองมือที่ยื่นออกมาก่อนจะส่งกุญแจให้ แล้วเดินไปนั่งตรงข้างคนขับโดยที่ยังคงมึนไม่เลิก

          “คุณคบกับคุณศาสตร์ไม่ใช่หรือครับ แล้วทำไมถึง...เอ่อ...จูบผมล่ะ...” หลังจากตั้งสติอยู่นานจนเกือบจะถึงบ้าน เนก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ยังเต็มไปด้วยความสงสัย

          “ฉันไม่ได้คบกับเขา”

          คราวนี้ถึงกับตาโตเป็นไข่ห่านเลยทีเดียว

          “ก็เกือบไปแล้วล่ะ” วัฒน์ว่าต่อด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนจะเบรกรถเสียแรงจนเนเกือบพุ่งไปชนกระจกรถ “ตอนนายนอนแหง็กอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันก็พยายามจะตัดใจไปรักศาสตร์เขา แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้...ทั้งที่ไม่ได้อยากจะรักไอ้เด็กบ้าเซ็กซ์ขี้โม้ปากหมาช่างปีนเกลียวอย่างนายเลยสักนิด”

          มีย้อนอีกนะลุง...

          “ที่ฉันโกหกนายไปก็เพราะศาสตร์แนะนำนั่นล่ะ” วัฒน์บอกต่อเสียงเอื่อยก่อนจะเหยียบคันเร่งต่อ “เขาบอกว่านายมันปากแข็ง โง่งี่เง่า ซื่อบื้อ ถ้าไม่โกหกแบบนี้ก็ไม่มีวันรู้ใจตัวเองหรอก อย่าลืมไปขอบคุณเขาเสียล่ะ ทั้งที่ทำแบบนี้มีแต่จะทำให้เขาเจ็บด้วยซ้ำ”

          ทำไมผมรู้สึกเหมือนคุณด่ามากกว่าหมอนั่นเป็นคนด่าผมล่ะ

          “ผมขอโทษ…” ด้วยความที่ผิดจริง บวกกับผลลัพธ์ดีเกินคาด เด็กหนุ่มจึงยอมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยระคนดีใจ “ก็ผมไม่รู้นี่นาว่าผมรักคุณ…แถมน่าอายจะตายคบกับตาลุงหน้าบูดอย่างคุณ”

          “งั้นเราเลิกกันเลยดีไหม”

          “ไม่!!” เนร้องเสียงหลง แล้วถอยไปติดประตูเมื่อเห็นสีหน้าพญามารของหนุ่มใหญ่ “ไอ้อายมันก็อาย แต่ไอ้รักมันก็รักนี่”

          วัฒน์ยังคงหรี่ตานิ่วหน้าและบึ้งปากเหมือนอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          “เออ ฉันก็อายเหมือนกันโว้ย ใครรู้เข้าว่าฉันคบกับนายคงโดนหาว่าเป็นตาแก่ตัณหากลับไปหลอกเด็กอย่างแกมาแหงม” หนุ่มใหญ่โพล่งเสียงแข็งแล้วกัดฟันกรอด ดวงตาเรียวปรายมองคนนั่งข้างอีกครั้ง “…แล้วตกลงคืนนี้จะนอนที่ไหน”

          เนเลิกคิ้วมองหนุ่มใหญ่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ...ถึงจะโง่งี่เง่ายังไง เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังชวนให้เขากลับไปนอนห้องเดิม

          “ห้องคุณได้ไหมล่ะครับ…ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเลย…” เด็กหนุ่มเอ่ยขอเสียงอ้อมแอ้ม ถึงตอนนี้จะได้คบกันแล้วก็เถอะ แต่มันก็ยังอดหวั่นไม่ได้อยู่ดี แถมสีหน้าของวัฒน์ในตอนนี้ก็บ่งบอกชัดเจนว่ายังเคืองคดีปากแข็งของตนอยู่

          “แล้วจะบอกพวกรุตว่าไง” วัฒน์เอ่ยถามเสียงเรียบ ในตอนนี้ได้ขับมาถึงหน้าบ้านแล้ว “ถ้าพวกนั้นถาม ฉันจะบอกตามตรง”

          เนหันมองหนุ่มใหญ่ ซึ่งแม้ท่าทีจะจริงจังขึงขัง แต่ใบหน้าที่แดงจัดชัดเจนบอกให้รู้ว่าวัฒน์เองก็เขินกับเรื่องนี้เหมือนกัน

          “ผม…ผมก็เหมือนกัน” ปากบอกแบบนั้น แต่น้ำเสียงกลับสั่นเสียจนวัฒน์ถึงกับเบ้หน้า “ผมพูดจริงนะ! ถ้าให้กลับไปเป็นเหมือนตอนที่คุณบอกว่าคบกับคุณศาสตร์น่ะ…ไม่เอาด้วยหรอก…”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองคนตรงหน้าที่สลดลงทันควัน ทั้งอย่างนั้นกลับทำให้เขายิ้มออกมา

          “เออ ฉันเชื่อ” ว่าแล้วก็อดลูบหัวอีกฝ่ายไม่ได้ ทั้งยังคลี่ยิ้มออกเพราะนึกเอ็นดูอีกฝ่าย แม้ก่อนหน้านั้นจะอยากต่อยมันอีกสักสามสี่หมัดก็ตาม “งั้นก็รีบไปเก็บของกลับมาละกัน...เร็วๆหน่อยละกัน พรุ่งนี้ต้องเข้าบริษัท”

          เด็กหนุ่มมองหน้าอีกฝ่ายที่แดงเรื่อ ก่อนจะผงกหัวแล้วเผ่นลงจากรถไปทันที

          เนยอมรับว่าถึงจะห่างหายไปหลายอาทิตย์ แต่ตนก็ไม่ได้มีอาการลงแดงอดอยากเซ็กซ์มากจนหน้ามืดเหมือนเมื่อก่อนเลย แต่พอได้สัมผัสวัฒน์อีกครั้ง ไอ้อาการอย่างว่ามันก็ไหลทะลักยิ่งกว่าก๊อกแตก แม้จะพยายามยามเตือนสติตัวเองไม่ให้ขยี้อีกฝ่ายจนแหลกเละ แต่มือไม้และร่างกายกลับไม่ยอมทำตามใจสั่งเลยสักนิด จนเขาได้แต่ยอมแพ้และหวังว่าวัฒน์จะช่วยร้องห้ามเตือนสติตน...ถ้าทำได้น่ะนะ

          “อึก...”

          เสียงร้องในลำคอดังขึ้นเป็นระยะ ผิวเนื้อที่กดบดเบียดไปมาบนริมฝีปากทำเอาหนุ่มใหญ่นิ่วหน้า ลิ้นร้อนสอดใส่เข้าควานหาอย่างบ้าคลั่งและหิวกระหาย กระนั้นวัฒน์ก็เพียงแต่ส่งเสียงครางเบาๆออกมาพร้อมกับตอบรับรสจูบที่ดูดดื่มและหนักหน่วงด้วยความต้องการที่ไม่น้อยไปกว่าอีกฝ่าย และไม่นึกจะห้ามการกระทำที่รุนแรงของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย จนคนที่สติไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว ยิ่งบ้าคลั่งและกัดกินอีกฝ่ายสุดกำลังเพื่อเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายและอดอยากมานานแสนนาน

          สัมผัสที่รุนแรงและไอร้อนจากฝ่ามือที่บีบจับลูบไล้ไปทั่วร่างทำเอาวาบหวามและทรมานไปพร้อมกัน และแม้จะรู้สึกเจ็บจนช้ำ แต่หนุ่มใหญ่กลับไม่นึกอยากร้องห้ามคนที่นอนทับตนแต่อย่างใด ความรู้สึกเสียดายและโหยหารสสัมผัสที่เว้นช่วงไปเสียนานนั้น มีมากกว่าความเจ็บจนยอมห้ามปากของตนเอาไว้ เหลือเพียงเสียงครางกระเส่าที่ดังขึ้นอย่างพึงใจเท่านั้น

          “อ๊ะ”

          หนุ่มใหญ่ปรือตามองคนที่ร้องเสียงหลงตรงหน้าตน ก่อนจะเลิกคิ้วเมื่อเนเอาแต่ชะงักค้าง

          “เป็นอะไร...” เมื่ออีกฝ่ายเอาแต่นิ่งเงียบ วัฒน์จึงเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัยปนขัดใจที่อีกฝ่ายหยุดบรรเลงเอาดื้อๆ ดวงตาเรียวมองคนที่เอาแต่ก้มหน้างุดจนหนุ่มใหญ่ไม่สามารถรู้ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรไป

          “เอ่อ...ไม่มีอะไรครับ...”

          หากเป็นเมื่อก่อน เขาก็คงจะปล่อยผ่านและช่างมันอยู่หรอก แต่วัฒน์เบื่อที่จะต้องเจอประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีกแล้ว

          “ถ้าไม่มี นายจะหยุดทำไม” วัฒน์คาดคั้นเสียงขุ่น ก่อนจะใช้ศอกยันร่างตัวเองขึ้นมาจากเตียง “มีอะไรก็บอกสิ ไม่ใช่เอาแต่เงียบ เดี๋ยวก็เข้าใจผิดเหมือนเมื่อก่อนอีกหรอก”

          เนออกอาการกระอักกระอ่วนก่อนจะก้มหน้าที่แดงจัดซุกลงบนแผงอกของหนุ่มใหญ่

          “…ผมเสร็จซะแล้วล่ะครับ”

          ได้ยินคำตอบถึงกับเบิกตาโพลง นี่ยังไม่ทันได้ถอดเสื้อกันด้วยซ้ำ

          “กะ...ก็ไม่ได้ทำตั้งนานแล้วนี่นา แถมผมก็ไม่ได้ไประบายที่ไหนเลยด้วย” เนโพล่งเสียงตื่น ใบหน้ายังคงซุกอกวัฒน์ไม่เลิก ทำเอาคนฟังรู้สึกจั๊กจี้นิดหน่อยเวลาที่ปากเนขยับไปมาอยู่บนผิวของตน “...ผมคิดถึงคุณมากเลยนะ...มากจนแทบบ้าเลย...”

          วัฒน์เลื่อนสายตาลงมองคนที่เอาแต่ซุกไม่เลิก ใบหน้าของตนก็ร้อนผ่าวไม่แพ้กับอีกฝ่าย หนุ่มใหญ่ถอนหายใจ ก่อนจะขำขึ้นมาจนเนต้องเงยหน้ามอง

          “ก็นายมันขี้โกหกนี่ ฉันถึงต้องบังคับให้นายพูดไง” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่กลับหัวเราะออกมาพร้อมกับลูบหัวเด็กหนุ่ม แต่เพียงไม่นานก็กลับมาทำหน้านิ่ง “ไหนก่อนหน้านั้นบอกว่ามีความสุขดี แล้วก็ได้ระบายแล้วด้วยไง”

          เนเม้มปากแน่นเมื่อโดนอีกฝ่ายจับโกหกได้

          “เออ ผมมันขี้โกหก” เด็กหนุ่มบอกเสียงอู้อี้ ทั้งซุกทั้งกอดคนตรงหน้าแน่น และถึงจะรู้ว่าที่จริงมันเป็นความผิดของตน แต่ก็อดนึกแค้นอีกฝ่ายไม่ได้

          วัฒน์สะดุ้งเฮือกเมื่อโดนลิ้นร้อนสอดผ่านร่องเสื้อเข้ามา ก่อนที่เด็กหนุ่มจะผละออกมาด้วยใบหน้าบึ้งตึง

          “คุณยังไม่ได้บอกผมเลยนะ” เด็กหนุ่มว่าพลางแกะกระดุมของอีกฝ่ายออก ซึ่งรอบนี้เร็วจนวัฒน์ไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ แถมยังกลับไปถอดเสื้อของตนต่ออีกต่างหาก “บอกว่ารักผมได้ไหม”

          คราวนี้คนอายุมากกว่าเป็นฝ่ายหน้าแดงเถือก

          “พูดสิครับ” คราวนี้เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายคาดคั้นแทน แถมไม่ได้คาดคั้นเปล่าๆ แต่ยังปลดปราการของวัฒน์จนเกลี้ยง จากนั้นก็ลูบไล้ไปมาบนร่างของอีกฝ่ายปลุกอารมณ์ไปเรื่อยราวกับจงใจ

          วัฒน์นิ่วหน้าพยายามจะอ้าปากพูดแต่เพราะโดนเด็กหนุ่มแกล้งไม่เลิก จากที่พูดยากๆอยู่แล้วยิ่งยากเข้าไปกว่าเดิม

          “พูดสิครับ พูดง่ายๆแค่คำเดียวก็ได้ ไหนๆเวลาเราก็ไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วไม่ใช่หรือครับ อย่าทำให้เสียเวลาสิ” เนว่าจบก็โน้มหน้าลงไปโลมเลียยอดอกที่แข็งชูชัน อีกมือก็สะกิดอีกข้างพลางบีบหมุนขยี้ไปมาอย่างหมั่นไส้

          นี่แกแก้แค้นกับเรื่องก่อนหน้าใช่มั้ยวะ ไอ้ห่าเอ๊ย

          “ฉัน...” เสียงพูดที่ครางต่ำดังออกมาจากลำคออย่างยากลำบากทำให้คนที่เอาแต่แกล้งเงยหน้ามองอย่างลุ้นระทึก “เออ! ฉันรักแก พอใจหรือยัง”

          กระแทกเสียงใส่แบบนี้คงจะซึ้งอยู่หรอกลุง...

          แต่เนก็ไม่ได้คาดคั้นต่ออะไรนัก ส่วนหนึ่งเขาเชื่อว่ายิ่งเค้นไป ลุงแกคงโกรธตนเสียเปล่าๆ และอีกส่วนคืออารมณ์ที่เพิ่งปลดปล่อยเริ่มกลับมาเข้าที่ทางทางอีกครั้งแล้วด้วย

          “อื๊อ....” แรงดูดดุนตรงซอกคอรุนแรงเสียจนเผลอร้องออกมา แต่กระนั้นหนุ่มใหญ่ก็ไม่ได้ห้ามแต่อย่างใด ปล่อยให้อีกฝ่ายไปเรื่อยจนสาแก่ใจ “อึก...”

          มืออุ่นร้อนที่กอบกุมส่วนอ่อนไหวของตนแน่นก่อนจะขยับเร้าอารมณ์ของตนจนเสียว ซ่านไปทั่วกาย ร่างที่นอนหงายกระตุกเกร็งหอบหายใจเสียรุนแรง เสียงร้องครางดังลั่นเมื่อเด็กหนุ่มใช้นิ้วที่ชุ่มไปด้วยเจลหล่อลื่นชอนไช เข้ามาภายในกายของตน

          “...เจ็บหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างกังวล เพราะไม่ได้ทำเสียนานแล้ว อะไรที่เคยเข้าได้ปกติในคราวนี้กลับคับแน่นเสียจนเข้าไปได้แค่ครึ่งทางก็ต้องหยุดลงเสียก่อน แม้อันที่จริงเขาอยากจะให้เวลากับอีกฝ่ายมากกว่านี้ แต่ตัวเขาเองก็ทนไม่ค่อยจะไหวเหมือนกัน ถึงได้รุกเข้ามาทั้งที่รู้ว่าวัฒน์ยังไม่พร้อมนัก

          หนุ่มใหญ่หอบหายใจแรงอยู่พักใหญ่ก่อนจะส่ายหน้าให้ มือทั้งสองยื่นมาตรงหน้าเด็กหนุ่มเหมือนต้องการจะกอด ใบหน้าชื้นเหงื่อเงยขึ้นแล้วปรือตามองราวกับกำลังเว้าวอนอ้อนขอสิ่งที่เฝ้ารอมานานแสนนาน ทำเอาเนที่กำลังหวั่นกลัวจมลงสู่ความต้องการของตนทันที

          “อ๊า” แรงเคลื่อนตัวของเด็กหนุ่มที่ถาโถมเข้ามาทำเอาเสียวซ่านจนแทบคลั่ง หนุ่มใหญ่เพียงแต่ร้องครวญครางและระบายความปั่นป่วนที่โหมพัดอยู่ในกายด้วยการจิกเล็บแน่นลงบนหลังของคนตรงหน้า “เน...อึก...”

          เจ้าของชื่อเพียงแต่ขยับสะโพกไม่หยุดหย่อน ดวงตาเรียวเลื่อนมองคนตรงหน้าที่ดิ้นพราดไปด้วยความทรมาน ท่าทีเหล่านั้นกระตุ้นความต้องการภายในเสียจนไม่รู้เบื่อ เสียงทุ้มที่ร้องครางฟังดูเหมือนกำลังทรมานเจียนตายนั้นกลับระรื่นหู จนอยากจะขยี้ให้อีกฝ่ายส่งเสียงร้องให้ดังขึ้น

          “อื๊อ...อ๊ะ...” หนุ่มใหญ่กระตุกวาบเมื่อเด็กหนุ่มเริ่มรุนแรงใส่ตนมากขึ้นเรื่อยๆ “ดะ...เดี๋ยวสิ...อึก...”

          หนุ่มใหญ่กัดปากแน่น ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาเหมือนคลื่นซัดทำเอาปั่นป่วนไปหมด อารมณ์ภายในเอ่อล้นจนสุดทนและพังทำนบออกมาเสียไม่เหลือดี

          “อึก...อื๊อ...” เสียงทุ้มยังดังอย่างแหบพร่าไม่หยุดตามแรงขยับเข้าออกของอีกฝ่าย แม้อารมณ์ของตนจะพุ่งออกมาเสียจนหมดเกลี้ยง แต่เด็กหนุ่มยังคงขยับไม่หยุด ทำเอาวัฒน์ได้แต่ร้องครางและหอบกระเส่าเพราะโดนความสุขสุดยอดกระแทกจี้จุดซ้ำๆจนแทบคลั่ง “เน...”

          เจ้าของชื่อยอมหยุดลงเสียที ส่วนหนึ่งเพราะได้ระบายอารมณ์ภายในจนสุดแล้ว ดวงตาเรียวปรือมองคนที่นอนหอบหายใจอย่างแรงตรงหน้า มือทั้งสองของวัฒน์ยังคงคล้องคอตนไม่ปล่อย

          “รักนะ...”

          เนถึงกับเบิกตาจนแทบถลน หน้าแดงก่ำ

          ทีตอนให้พูดทำเล่นตัว ชอบทำให้ดีใจไม่ทันตั้งตัวอยู่เรื่อยเลย ตาลุงบ้านี่!

          “จะต่ออีกหรือเปล่า” ทั้งที่สภาพดูไม่เหลือแรงจะต่อ แต่วัฒน์กลับเอ่ยถามเด็กหนุ่มขึ้นด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรง

          เนลังเลสองจิตสองใจอยู่นานกว่าจะตอบ

          “แค่นี้ก็พอครับ” ที่จริงก็อยากจะต่ออีกสักยก แต่เด็กหนุ่มเลือกที่จะปฏิเสธแทน แล้วลงไปนอนข้างๆ “คือ...ผมอยากทำแบบนี้มากกว่า...”

          ว่าจบก็กอดหนุ่มใหญ่ต่างหมอนข้างเสียแน่น ทำเอาคนที่กำลังเหนื่อยๆถึงกับลืมหายใจ

          “ผมคิดถึงคุณ...” ว่าแล้วก็เอาหน้ามาแนบแก้มของหนุ่มใหญ่ก่อนจะหอมเสียเต็มฟอด “ตอนที่นอนกันคนละห้อง ผมไม่เคยหลับสนิทเลยนะ”

          “อย่าเวอร์น่า” วัฒน์สวนเสียงตื่น ก่อนที่อาการลุกลี้ลุกลนของตนจะค่อยๆหายไป “...ที่จริง ฉันก็นอนคนเดียวมาตั้งนาน แต่พอนายหายไปแค่ไม่กี่วัน ก็เหงาๆเหมือนกัน...”

          “จริงหรือ” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความดีใจ จนวัฒน์แอบยิ้ม “เห็นไปนอนบ้านคุณศาสตร์นี่นา”

          “ฉันไม่ได้นอนบ้านเขา” หนุ่มใหญ่ตอบอย่างเหนื่อยใจ “ฉันไปนอนบ้านฉัตรต่างหาก”

          เนมองคนตรงหน้าก่อนจะเม้มปากแน่น

          “ผมแทบบ้าตอนคิดว่าคุณกับเขามีอะไรกัน”

          “เออ ฉันรู้ ไม่งั้นเมื่อคืนก่อน นายคงไม่หน้ามืดปล้ำฉันใช่ไหมละ” วัฒน์ว่าก่อนจะพ่นลมออกมาจากลำคอ “ถ้าแกไม่เอาแต่ย้ำว่าเห็นฉันเป็นแค่ ผู้ ใหญ่ ที่ เคา รพ เฉย เฉย เรื่องมันก็จบไปนานแล้ว”

          “คร้าบๆ ผมผิดไปแล้วคร้าบ” เนร้องเสียงขุ่นหวังให้อีกฝ่ายเลิกขุดความผิดของตนเสียที “…ว่าแต่คุณบอกว่าไม่ได้ไปนอนบ้านเขา แล้ววันนี้ไปบ้านเขาทำไมหรือครับ”

          มาถึงก็เริ่มหึงฉันเลยเรอะ…ไม่สิ จะว่าไปมันก็ทำแบบนี้มาตั้งนานแล้วนี่หว่า…ไอ้เด็กซื่อบื้อเอ๊ย!

          “ไปเรื่องงานต่างหาก” วัฒน์บอกเสียงแข็ง แต่ลึกๆก็แอบดีใจนิดๆ ก่อนจะเปลี่ยนมาหงุดหงิดขึ้นเมื่อต้องพูดถึงศัตรู “ไอ้เวรเดชมันเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ฉัตรแค่เรียกมารวมตัวแล้ววางแผนรับมือไอ้แว่นนั่นน่ะ...”

          “หรือครับ...” น้ำเสียงของเนเองก็ไม่ได้ต่างจากหนุ่มใหญ่นัก

          โอเค...ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่าย เนกับวัฒน์ก็คงไม่ลงเอยกันบนเตียงแบบนี้หรอก

          แต่แค้นก็ส่วนแค้นเฟ้ย!

______________________________
เราก็วางพลอตแถวๆนี้ ไว้นานพอสมควรว่าจะให้เป็นแบบนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมไม่เขียนทางฝั่งวัฒน์กับศาสตร์ในช่วงที่เนกำลังบ้า บอ เพราะมันไม่มีอะไรเลยนั่นล่ะ เพราะเอาเข้าจริงๆ วัฒน์ทำใจไม่ได้หรอก (ฮา) ขนาดกับคนที่เลิกกันไปอย่างเป็นทางการ ลุงแกยังตัดใจไม่ได้เลย แล้วถ้าต้องอยู่ใกล้ระยะเผาขนกับเน คงทำใจเลิกรักไม่ได้หรอก

ส่วนตา ศาสตร์ที่สตอล์ค(?)ลุงแกมาตั้งนานก็รู้จุดนี้ดี ถึงจะไม่อยากยอมรับยังไงก็เห็นความสุขลุงมาก่อนอยู่แล้ว เลยเสนอให้ลุงแกไปลองใจเนก่อน อะฮือ...พระรองตูมันชีช้ำกระหล่ำดองจริง  =_=

อนึ่ง นิดนึงเกี่ยวกับเรื่องรวมเล่ม ตอนนี้จำนวนใกล้ความจริงแล้วนะงับ XD หากใครสนใจเรื่องรวมเล่มก็สามารถกดทำแบบสอบถามที่ลิ้งนี้เน้อ

http://goo.gl/forms/uhq9nHazgK

อสอง เกี่ยวกับตอนพิเศษในเล่ม มีรีเควสอะไรอยากได้กันเป็นพิเศษไหมงับ ตอนนี้ที่จะเขียนแน่ๆก็คงเป็นเรื่องของศาสตร์ช่วงเก็บกำไรจากลุง แต่เผื่อใครอยากได้อะไรเพิ่มเติม(ที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องหลักแน่ๆ) สามารถเสนอมาได้นะงับ =w=

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
ในที่สุด  :hao6:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ไอ้เรารึก็ใจหายใจคว่ำจากการทิ้งท้ายในตอนที่แล้วมากกก
มาตอนนี้ก็ฟินสิคะ 5555  :hao6: :hao7:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
 :impress2: :impress2: :impress2: ง่อวววววว ในที่สุดคู่นี้ก็ลงเอยกันสักทีนึกว่าจะลากยาวปล่อยให้อิเนมันดราม่าบ้าบออยู่คนเดียวต่อไปซะอีก แต่แหม พอใจตรงกับลุงปุ๊บนี่จัดลุงหนักเลยนะเนเก็บกดละสิท่า ฮ่าๆๆ

ส่วนเรื่องตอนพิเศษ อยากหาคู่ให้ปาล์มจังเลยค่ะจะมีใครมาจีบหนุ่มคนนี้มั้ย ละก็ขอเรื่องต่อหน่อยเถอะนี่สงสัยจริงจังว่าตกลงต่อนี่มีพลังลึกลับจริงๆหรือยังไงกันแน่ อ้อ อีกเรื่องที่อยากรู้ก็เรื่องเดชกับลุงนี่แหละสองคนนี้เหมือนจะมีเบื้องหลังกันมานะแล้วทำไมเสียงเดชถึงเหมือนเสียงลุงล่ะ เอาจริงๆเราเคยแอบคิดว่าเดชชอบลุงรึเปล่าด้วยนะ สุดท้ายเรื่องคุณสิทธิ์กับวิน(ไม่แน่ใจจำชื่อผิดมั้ย)เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนี่เป็นมายังไงค่ะ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ลงเอยกันได้เสียที  :mc4:  นึกว่าจะต้องลากยาวกันไป

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ในที่สุด   :katai2-1:

ลุ้นมาตั้งหลายตอน

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 71


          แต่ในบางครั้ง ความแค้นก็ไม่อาจทำให้ทุกอย่างเป็นไปดั่งใจได้ โดยเฉพาะกับเจ้านายแสนซื่อและโคตรดื้อคนนี้

          “ผมขอโทษนะครับ ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบนี้” เนบอกเสียงตื่น หลังจากกลับมาจากห้องประธานในบริษัทวัฒน์ก็มีอาการเหมือนคนไร้สติตลอดทางจนถึงห้องของตัวเอง ซึ่งเนก็ไม่แปลกใจนัก

          “มันไม่ใช่ความผิดของนายหรอก…เพราะถึงนายไม่ทัก เดี๋ยวคุณสิทธิ์ก็ต้องจัดการเองอยู่ดี”

          เนมองคนที่เดินง่อนแง่นแล้วลงไปนอนฟุบอยู่บนโต๊ะ ท่าทางเหมือนคนหมดอาลัยตายอยากเต็มทน เพราะโดนเจ้านายแสนดีทำในสิ่งที่ชวนชอกช้ำเป็นที่สุด

          ด้วยความที่อยากจะมุ่งมั่นตั้งใจแก้แค้นให้เต็มที่โดยไม่มีเรื่องงานมาขัดขวาง เลยทำการมอบอำนาจหน้าที่ของประธานให้กับวัฒน์ ซ้ำร้ายยังมอบหมายให้เดชดูแลกิจการงานกลางคืนทั้งหมดด้วย แถวบ้านเรียกซวยกับซวยลูกเดียว

          ที่จริงเนก็อยากจะพูดปลอบใจ เพียงแต่เขาพอจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนที่อยากจะได้คำปลอบอะไรนัก เลยได้แต่เงียบและคิดหาทางอื่นที่น่าจะดีกว่าแทน

          “บางทีมันอาจจะดีกว่าก็ได้นะครับ” เนเว้นช่วงเล็กน้อยเพราะคนที่กำลังสลดติดโต๊ะถึงลุกพรวดมามองตนทันควัน ทำเอาเด็กหนุ่มชะงักก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ “ตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีและหายากที่จะจัดการคุณสิทธิ์ ผมคิดว่าเขาคงไม่ปล่อยผ่านง่ายๆแน่ ถึงตอนนี้เราอาจจะใช้โอกาสนี้จัดการเขาก็ได้นะครับ”

          วัฒน์เพียงแต่มุ่นคิ้วให้ ถ้าไม่ติดเรื่องความปลอดภัยของสิทธิ์ก็คงจะดีกว่านี้

          “ผมเข้าใจว่าคุณเป็นห่วงคุณสิทธิ์นะครับ แต่คุณสิทธิ์เขาก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ...แถมเอาเข้าจริงๆ เขาก็เก่งพอๆกับคุณฉัตร ไม่เสร็จไอ้เดชง่ายๆหรอก”

          “ฉันแค่ไม่อยากเสี่ยง” หนุ่มใหญ่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “ถึงจะเก่งยังไงก็เถอะ แต่ลองว่าโดดเข้าหาอันตรายโต้งๆแบบนั้น ใครมันจะไม่ห่วงกันบ้างเล่า!”

          เนเลิกคิ้วขึ้นเมื่อหนุ่มใหญ่จ้องตนด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้

          “นายเองก็เหมือนกัน เป็นไปได้ก็อย่าเที่ยวบาดเจ็บจนเข้าโรงพยาบาลจะได้ไหม”

          เด็กหนุ่มอ้าปากค้างเล็กน้อยก่อนจะก้มหน้าไปทางอื่น

          “ขอโทษนะครับ…ที่ทำให้เป็นห่วง…” เสียงทุ้มดังขึ้นอย่างเบาบาง “ตอนนี้ผมคงไม่เก่งพอที่จะช่วยคุณสิทธิ์แล้วตัวเองไม่บาดเจ็บได้…แต่ผมจะพยายาม”

          วัฒน์นิ่วหน้ามองเด็กหนุ่มที่เป็นฝ่ายสลดแทน ก่อนจะยื่นมือไปลูบหัวเหมือนต้องการจะปลอบใจ

          “…ผมก็ไม่ได้ว่าหรือรังเกียจอะไรหรอกนะครับ แต่ท่าทางจะชอบลูบหัวผมจังเลยนะ” เด็กหนุ่มอดทักไม่ได้ ตั้งแต่ตกลงคบกัน นี่ก็ครั้งที่เจ็ดได้แล้วกระมัง

          พอโดนทัก หนุ่มใหญ่ก็ออกอาการขัดเขินขึ้นมา ก่อนจะชักมือกลับ และบ่ายหน้าหนีไปทางอื่น

          “…นายน่ารักดี ฉันเลยอดไม่ได้…”

          เนมั่นใจเลยว่าถ้าเป็นก่อนคบกัน อีกฝ่ายไม่มีทางพูดตรงๆแบบนี้แน่ ทำเอาเด็กหนุ่มหน้าแดงเถือกเพราะไม่ได้ตั้งตัวกับคำตอบเหล่านั้น เมื่อนึกถึงคำพูดของสิทธิ์ที่ว่าวัฒน์รักเด็ก…หมายถึงความหมายโดยตรงแบบบริสุทธิ์ใจน่ะนะ…เขาก็ชักเข้าใจแล้วว่าทำไมหนุ่มใหญ่ถึงได้ยอมเจ้านายจอมโยเยของตนนัก

          แม้ที่จริงการโดนชมว่าน่ารักจะไม่ใช่สิ่งที่ผู้ชายส่วนใหญ่จะปลื้มปริ่มนัก แต่เนก็โดนชมแบบนี้มาทั้งชีวิตจึงรู้สึกว่านั่นเป็นคำชมที่ปกติสำหรับตน และก็ไม่ได้มองว่ามันแย่ตรงไหน ถึงใจจริงจะอยากได้คำชมที่สมกับผู้ชายมากกว่าก็ตาม

          แต่พอคนชมเป็นวัฒน์ เด็กหนุ่มกลับดีใจจนหุบยิ้มไม่อยู่

          “จริงหรือครับ”

          หนุ่มใหญ่มองหน้าอีกฝ่ายที่เหมือนกำลังคาดหวังบางอย่าง ทำเอาเรื่องที่มันหลุดออกมาจากปากยากอยู่แล้วยิ่งมีอุปสรรคหนักกว่าเดิม จนวัฒน์ได้แต่พยักหน้าของตนที่แดงไม่แพ้กับอีกฝ่ายให้

          “ค…คุณเองก็น่ารักเหมือนกันละครับ”

          แต่วัฒน์กลับมุ่ยหน้าใส่แทน ทำเอาคนที่อุตส่าห์พูดจริงจังได้แต่อ้าปากค้าง

          “โทษทีนะ แต่ไอ้สภาพฉันเนี่ย มันห่างไกลกับคำนั้นจนฟังแล้วไม่รู้สึกว่าโดนชมเท่าไหร่น่ะ” ยิ่งไอ้คนพูดมันน่ารักกว่าเห็นๆแบบนี้แล้วดีใจไม่ลง

          “เอ๋…แต่ผมเห็นว่าคุณน่ารักนี่นา” เนยังคงยืนกรานไม่เลิก “ทั้งน่ารัก ทั้งเก่ง ทั้งเท่ จนผมยังอิจฉาเลย”

          ...ฉันว่าแกเมื่อก่อนดีกว่าตอนนี้เยอะเลยนะ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ฉันใจสั่นพร่ำเพรื่อแบบนี้

          “ปกตินายชมใครต่อใครเขาง่ายๆแบบนี้เลยหรือ” วัฒน์ถามพลางหยิบงานขึ้นมาสะสางต่อ เพราะไม่เคยเอ่ยชมใครเท่าไหร่นัก เลยอดถามไม่ได้

          “ผมก็แค่พูดไปตามความจริงเท่านั้นละครับ” วัฒน์ชักไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมสาวๆถึงได้หลงมันนัก “…คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมพูดเพราะผมเห็นว่าคุณน่ารัก...จริงๆนะ”

          แกจะทำให้ฉันเลือดสูบฉีดตายให้ได้เลยใช่ไหม

          “อะ...อืม ...” หนุ่มใหญ่ตอบรับเสียงเบา ก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง ไม่อย่างนั้นเขาได้เป็นโรคหัวใจจริงๆแน่ “ถ้างั้นก็รีบๆทำงานเถอะ จะได้ไปวางแผนฆ่าคน”

          เนมั่นใจว่า ‘ฆ่า’ ที่วัฒน์พูด เป็นความหมายโดยตรง น้ำเสียงก็เหี้ยมเกรียมเสียจนเขายังสยองแทนเป้าหมาย

          “ว่าแต่เดชเนี่ย เป็นคนยังไงหรือครับ” ในขณะที่นั่งจัดการงานตรงหน้าไปได้เกือบครึ่ง เนก็เอ่ยถามแก้เบื่อขึ้นมา “เห็นคุณสิทธิ์เคยบอกผมว่าเมื่อก่อนคุณกับเขาสนิทกันมาก”

          “เออ เพราะงั้นฉันถึงอยากจะฆ่ามันไง” วัฒน์กระแทกเสียงใส่ ก่อนจะกัดฟันแน่น มือก็ยังคงปั่นงานไม่หยุด และเห็นอาการของวัฒน์ในตอนนี้ ทำเอาเนชักกลัวๆขึ้นมา หากเขาไปหักอกลุงแก มีหวังโดนเป่าดับอย่างที่วัฒน์เคยว่าเอาไว้แน่ “มันทำงานกับตระกูลคุณสิทธิ์ตั้งแต่เกิดเหมือนกับฉัน...เรียนที่เดียวกัน โตมาด้วยกัน ทำงานเป็นผู้ติดตามคุณมาโนช พ่อคุณสิทธิ์เหมือนกัน และมันก็เป็นเพื่อนสนิทฉัน...ทั้งอย่างนั้นกลับกล้าทรยศคุณสิทธิ์...”

          ว่าจบก็กำหมัดกระแทกโต๊ะเสียงดังจนเนสะดุ้ง สีหน้าคั่งแค้นเสียเต็มประดาจนน่ากลัว

          “ละ...แล้วเขาทรยศคุณสิทธิ์ทำไมหรือครับ...”

          วัฒน์ละจากงานแล้วมองหน้าเด็กหนุ่ม ท่าทางเหมือนกำลังสับสนเต็มทน

          “ไม่รู้”

          “หา” เด็กหนุ่มร้องลั่น

          “ก็ไม่รู้จริงๆนี่” วัฒน์ว่าพลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย “...ฉันรู้แค่ว่าหมอนั่นทำตัวแปลกไปช่วงที่คุณสิทธิ์อายุสักเจ็ดแปดขวบได้ แล้วมารู้เอาจริงๆว่าหมอนั่นตั้งใจจะฆ่าคุณสิทธิ์ก็เมื่อตอนคุณสิทธิ์อายุสิบสาม...ฉันจับคนที่มาลอบสังหารคุณสิทธิ์ได้ มันบอกว่าไอ้เดชเป็นคนว่าจ้าง...แต่ยังไม่ทันพาตัวไปหาคุณมาโนชได้ นักฆ่าคนนั้นก็ดันโดนจัดการก่อน...ก็ฝีมือมันนั่นล่ะ เฮอะ”

          “แล้วคุณเคยถามเขาไหมครับว่าเพราะอะไร”

          “เป็นร้อยรอบ มันก็เอาแต่โกหกหน้าด้านๆทุกรอบ แถมยังมีหน้ามาชวนฉันไปร่วมมือกับมันอีก” วัฒน์ตอบเสียงขุ่น “เฮอะ คิดว่าคบกันมานานเท่าไหร่แล้ว ทำไมฉันจะไม่รู้ว่ามันโกหก ไอ้เวรเอ๊ย”

          “หรือครับ...”

          จากที่กำลังโกรธๆถึงกับวูบลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงหงอยๆของคนถาม วัฒน์มุ่นคิ้วมองคนที่สนใจกับงาน แต่ทำหน้าเหมือนโดนหวยกินจนหมดตัว

          “โอ๊ย ทำอะไรของคุณนะ” เนร้องเสียงหลงแล้วจับหน้าผากของตนแน่นเมื่อโดนหนุ่มใหญ่ดีดมะกอกทีเผลอ

          “อย่าหึงไม่เข้าเรื่องน่า ฉันแค่เคยสนิทกับมัน ไม่ได้คิดอะไรไปในทางนั้นสักหน่อย” วัฒน์ดุใส่ด้วยใบหน้าแดงเรื่อ ก่อนจะหันกลับไปมองเอกสารตรงหน้า แต่ก็ยังมีเหลือบมองเด็กหนุ่มที่ยังคงจ้องตนไม่เลิก หนุ่มใหญ่ทำท่าอ้ำๆอึ้งๆ ก่อนจะเลื่อนสายตาหลบกลับ “…ผู้ชายที่ฉันรักก็มีแต่นายคนเดียวเท่านั้นล่ะ”

          ดูดิ๊ จากหน้าหมาหงอย ตีหางผับๆเชียว

          บทสนทนาเรื่องเดชหยุดลงเพียงเท่านี้เมื่อต้นเคาะประตูและเดินเข้ามา เด็กหนุ่มจึงกลับมาสนใจกับงานของตนต่อด้วยท่าทางระรื่นจนต้นแอบสงสัย แต่เพราะตัวเองก็ต้องคุยงานกับวัฒน์ ต้นจึงได้แต่เหล่มองเด็กหนุ่มที่ยิ้มหน้าบานแบบไม่มีเก็ก

          วัฒน์นั่งตรวจเอกสารพลางคิดถึงเนเรื่อยเปื่อย จริงอยู่ว่าตอนนี้เป็นแฟนกันแล้ว แต่กลับไม่ค่อยจะรู้เรื่องของอีกฝ่ายเท่าใดนัก ซึ่งก็ไม่แปลกอะไรเพราะวัฒน์เองก็ไม่เคยได้ถาม และก่อนหน้าก็เห็นเป็นศัตรู ใครเขาจะมานั่งซักประวัติกันบ้าง

          แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วนี่นะ...ถ้ายังไม่ถามอีก ต่อให้เพราะมันน่าเขินหรือยังไง มันก็ดูไม่เอาใจใส่เท่าไหร่เลยนี่

          “เน”

          ในระหว่างที่กำลังนั่งตรวจเอกสารที่ต้นนำมาให้ อยู่ๆวัฒน์ก็เอ่ยเรียกเด็กหนุ่มทั้งที่สายตาก็ยังคงมองแฟ้มงานในมือ และแน่นอนว่าต้นเองก็หูผึ่งอัตโนมัติทันที

          “นายชอบกินอะไรหรือ”

          อย่าว่าแต่คนโดนถามเลย บุคคลที่สามเองยังตาโตเป็นไข่ห่านเพราะไม่คิดว่ารองประธานหน้าตายที่ไม่เคยสนใจใครคนนี้จะเอ่ยถามเรื่องส่วนตัวกับเพื่อนร่วมงานรุ่นเด็ก

          เนอึ้งมองอีกฝ่าย พยายามทำตัวให้นิ่งที่สุด เพราะไม่อย่างนั้น จากที่ดูปกติมันจะชวนให้ต้นสงสัยกว่าเดิม และนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เนอยากให้เกิด ลองว่าต้นรู้ โลกรู้แน่นอน ถึงที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากปิดก็เถอะ แต่เขามั่นใจว่าถ้าออกมาจากปากของหนุ่มร่างท้วม คงโดนตีไข่ใส่สีเกินจริงแน่ๆ ถ้าต้นสังเกตดีๆจะพบว่าบริเวณต้นคอของคุณรองประธานก็มีรอยจ้ำแดงๆที่เป็นผลมาจากการทำรักเมื่อคืนโผล่แพลมออกมาพ้นคอเสื้อเชิ้ตโดยที่เจ้าตัวเองไม่คิดจะปิดแม้แต่นิดเดียว และรวมกับคำถามที่วัฒน์เอ่ยกับเนเมื่อครู่แล้วล่ะก็ ไม่ต้องคิดให้มากความเลยด้วยซ้ำ

          “อ๋อ ผมกินได้หมดละครับ” เด็กหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ใจนั้นเต้นโครมคราม

          “ไม่มีที่อยากกินเป็นพิเศษเลยหรือ”

          ตอนนี้ต่อให้ทำตัวเป็นปกติแค่ไหน ต้นก็เหล่มามองด้วยสายตาที่ไม่อยากจะให้มองเอาเสียเลย

          “...หอยมั้งครับ”

          คราวนี้ต้นหันกลับไปทางวัฒน์แทน เพราะทันทีที่ได้ยินคำตอบของเด็กหนุ่ม วัฒน์ถึงกับขำแบบไม่มีกั๊ก

          “เออ สมเป็นนายฉิบหาย ฮะๆๆ” หัวเราะไม่พอ มีเพิ่มหางเสียงอันไพเราะให้อีก ทำเอาตาของหนุ่มร่างท้วมแทบจะถลนออกมาจากเบ้าที่ได้เห็นมิติใหม่ของวัฒน์อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งขนาดเนเองก็ยังได้เห็นเป็นครั้งที่สองเท่านั้น

          “เอ่อ…จะถามไปทำไมหรือครับ” เนเอ่ยถามต่อพลางขยิบตาส่งซิกทุกวิถีทางหวังจะให้หนุ่มใหญ่รู้ว่าคนที่นั่งอยู่ข้างๆวัฒน์กำลังทำสีหน้าอย่างไรอยู่ แต่คุณรองประธานยังคงมองแต่เอกสารตรงหน้าไม่เลิก

          “ก็เผื่อว่าวันไหนว่างๆจะพาไปกินไง”

          โอ๊ยลุง ถ้าจะหวานไม่ดูสถานที่แบบนี้ ผมปล้ำลุงตรงนี้เลยดีไหม!

          “คุณวัฒน์ครับ!” เด็กหนุ่มโพล่งเสียงตื่นเพราะทนไม่ไหวอีกต่อไป “วันนี้คุณใส่กางเกงในสีอะไรหรือครับ!”

          คราวนี้นอกจากตาจะหลุดออกมาจากเบ้า ปากของต้นก็อ้ากว้างจนแทบกรามหลุด

          “หา” วัฒน์ร้องด้วยระดับเสียงที่ดังไม่ต่างกับเด็กหนุ่ม ส่วนหนึ่งเพราะตกใจกับคำถามที่ไม่ควรจะถาม ส่วนหนึ่งก็ไม่เข้าใจว่าเด็กหนุ่มจะถามทำไม ในเมื่อตอนเช้าก็เห็นอยู่แท้ๆ “ถามอะไรบ้าๆของนายน่ะ”

          “เมื่อกี้ที่คุณถาม ผมก็รู้สึกแบบนั้นละครับ”

          วัฒน์เลิกคิ้วก่อนจะนิ่วหน้า

          คำถามฉันมันไม่ได้คุกคามทางเพศตรงไหนเลยนะเว้ย

          แต่ยังไม่ทันจะได้เถียง วัฒน์ก็หันไปเห็นต้นที่ยังคงค้างนิ่งด้วยอาการเดิม ก่อนจะถึงบางอ้อ

          “เออๆ โทษที” ต้นค้างกว่าเดิมเพราะวัฒน์เป็นฝ่ายยอมรับผิด “ต้น”

          “คะ...ครับ” เจ้าของชื่อสะดุ้งโหยงก่อนจะกระโดดออกมาจากเก้าอี้ทันควัน

          “เสร็จแล้ว เรียบร้อย ไม่มีแก้...ขอบใจนะ” วัฒน์บอกแล้วยื่นแฟ้มให้โดยไม่มองหน้า แต่เนมั่นใจมากว่าต้นต้องคิดว่าหนุ่มใหญ่หงุดหงิดใส่มากกว่าจะอายเป็นแน่ เพราะพอรับแฟ้มมา หนุ่มร่างท้วมก็หนีออกไปจากห้องทันที

          “ผมไม่ได้ไม่อยากให้ใครรู้นะครับ ผมแค่เขิน แล้วก็ประหม่าเฉยๆ” หลังจากเหลือกันเพียงสองคน เนก็บอกเสียงเบาโดยที่ใบหน้ายังคงแดงเรื่อ

          “เออ ฉันรู้” ใบหน้าของวัฒน์เองก็ไม่ได้ต่างจากเด็กหนุ่มนัก “ไม่งั้นนายคงไม่ถามอะไรบ้าๆแบบนั้นหรอก”

          “ครับ” เด็กหนุ่มตอบรับเสียงอ่อนพลางเหล่มองคนที่กลับไปสนใจทำงานของตนอีกครั้ง “แล้วคุณล่ะครับ ชอบกินอะไรหรือ”

          “ก็พวกของที่ทำมาจากเต้าหู้น่ะ...อะไร” วัฒน์บึ้งหน้าเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ “ฉันไม่ได้กินเพื่อสุขภาพอะไรหรอกนะ แต่ฉันชอบของฉันจริงๆ...อุ๊บ...หึๆ...”

          อยู่ๆหนุ่มใหญ่ก็เบือนหน้าหนีแล้วหัวเราะเสียอย่างนั้น และไม่ต้องคิดนานเนก็รู้สาเหตุ

          “หอย...หึๆ...” วัฒน์ว่าโดยที่พยายามกลั้นหัวเราะสุดตัวจนเนชักของขึ้นตงิดๆ

          “แต่ตอนนี้ผมว่าผมคงไม่ได้ชอบกินหอยเท่าไหร่แล้วล่ะ” คนอายุมากกว่าหันไปมองน้ำตาเล็ด ยังคงยิ้มไม่เลิก “เพราะดันไปติดใจเห็ดมากกว่า”

          หัวเราะลั่นเลยทีเดียว ท่าทางลุงแกจะถูกใจมุกใต้สะดือเสียเหลือเกิน

          “ไม่ชอบไส้กรอกไปด้วยเลยหรือไง” มีตบมุกกลับอีกต่างหาก “โอ๊ย...ฮะๆ ตกลงชอบกินจริงๆใช่ไหมเนี่ย”

          ถ้าเอาตามความหมายที่ลุงหัวเราะก็เห็ดนะ



____________________________________


ใกล้เข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว =w= (กว่าจะได้เข้า เล่นเอาขาลาก...)
ตอบคุณ @ R@ini@r เรื่องปาล์มนี่คงได้คู่นอร์มอลละนะงับ ฮา ส่วนเรื่องอื่นที่เสนอมานี้ต้องขอบพระคุณมากเลย >w< ขอนำไปเป็นตัวเลือกสำหรับโพลนะงับ

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
อ้างถึง

ใกล้เข้าสู่ช่วงท้ายแล้ว =w= (กว่าจะได้เข้า เล่นเอาขาลาก...)
ตอบคุณ @ R@ini@r เรื่องปาล์มนี่คงได้คู่นอร์มอลละนะงับ ฮา ส่วนเรื่องอื่นที่เสนอมานี้ต้องขอบพระคุณมากเลย >w< ขอนำไปเป็นตัวเลือกสำหรับโพลนะงับ


ด้วยความยินดีค่ะ แอบเสียดายที่คนสวยแบบปาล์มไม่มีคนจีบ ฮาา ใกล้เข้าช่วงท้ายนี่ใกล้จบหรือใกล้ไคลแม็กซ์ค่ะแต่ลุงกับเนเพิ่งจะหวานกันได้ไม่กี่ตอนเอง ขอเพิ่มความหวานอีกสักนิดก่อนได้มั้ย นานๆจะเจอเด็กเมะเคะลุง ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ตอนแรกสารภาพว่าแอบไม่เก็ตมุก คือเก็ตแค่หอยแต่ไม่เก็ตเห็ด
แต่พออ่านไปแล้วถึงรู้ 55555555555
 :hao7:
นุ้งเนติดใจเห็ดของลุงซะแล้วสิ คึๆๆๆ  :hao6: :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
ให้เขาหวานกันอีกซักหน่อยแล้วค่อยจบนะ

แบบว่ากว่าเขาจะได้หวานกัน คนอ่านงี้รอเหงือกแห้ง  :L1:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
เฮ้อ ลุ้นจนเหนื่อย

ขอหวานๆทดแทนเลยนะ  :hao3:

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
คือมันหวานนะ แค่ขำง่ะ

ออฟไลน์ kunt

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-1
เอิ่มมม มุ้งมิ้ง สินะ ตอนนี้มันมุ้งมิ้งสินะ แหม สักตอนเนอะ
เอ

ออฟไลน์ nijikii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 293
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
ตามอ่านจนถึงตอนปัจจุบันแบ้ววววววววว
ฮือออออออออออออ
เหนื่อย (หัวเราะ)

ภาษาที่ใช้บรรยายออกมาดีมากเลยค่ะ
คือมันเป็นรูปแบบที่อ่านแล้ว เห้ย.. เจ๋งว่ะ
ที่สำคัญคือเนื้อเรื่องชวนติดตามมากกกกกก
ไอ้เนจะปากแข็งไปถึงไหน
อาวัฒน์จะเลิกซึนยังไง
ไอ้สองคนนี้เมื่อไหร่จะลงเอยกัน
ลุ้นไปหมดเลยค่ะ
55555555555

ส่วนตอนนี้พอเปิดปากคุยกันได้เพราะการช่วยเหลือ?ของคุณฉัตร จากที่ลุ้นมานานนี่โล่งเลย แต่แอบเคืองอาวัฒน์นะ นึกว่าจะคบกับศาสตร์จริงๆ นี่ภาวนาให้เนมันโดนกระสุนเจาะอีกสักรอบ ให้อาวัฒน์ร้องไห้ขี้มูกโป่งไปเลย จะได้เลิกซึนสักที
(ทำไมอยากให้พระเอกเจ็บหนักล่ะฟะตูเนี่ย)
5555555555555

ตอนต่อไปจะมาตอนไหนไม่รู้
แต่เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 72


          เนขับรถมายังบ้านของฉัตรตามคำสั่งของวัฒน์หลังจากเลิกงาน เด็กหนุ่มได้แต่ปั้นหน้ายุ่งเมื่อคิดว่าจะต้องไปเจอพี่แฟนที่ท่าทางจะหาเรื่องแกล้งเข้าเต็มสตรีม ยิ่งนึกถึงคืนที่ตนไปสารภาพรักกับวัฒน์ก็ร้อนใจจนทำนิ่งไม่อยู่

          เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ทำใจอยู่นานกว่าจะออกมาจากรถ เนพยายามทำเมินเรื่องในคืนนั้นแล้วรีบๆไปคุยธุระให้เสร็จโดยเร็วเสียที

          “อ๊ะ”

          เนเลิกคิ้วมองคนตรงหน้า เพราะแทนที่ฉัตรหรือปาล์มจะเป็นคนเปิดประตู กลับเป็นศาสตร์แทน ใบหน้านิ่งเรียบจนดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่จ้องมองตน แต่ดูจากคิ้วที่วิ่งชนกัน ก็คงไม่ได้ดีใจที่ได้เห็นหน้าเขาเท่าใดนัก

          เมื่อนึกถึงบุญคุณที่วัฒน์บอกมา แม้จะกระดากปากไม่อยากพูดอย่างไรก็ต้องคงทำ

          “มันยังไม่จบหรอกนะ”

          แต่ก่อนที่เนจะได้อ้าปาก ศาสตร์กลับเอ่ยพูดขึ้นมาเสียก่อนด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ทำเอาเด็กหนุ่มได้แต่นิ่วหน้ามองด้วยความสงสัย

          “พลาดเมื่อไหร่ฉันไม่ปล่อยอาวัฒน์ให้นายแน่” ศาสตร์ยังคงพูดต่อด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “ลุงฉัตรรอนายอยู่ข้างใน”

          ว่าเสร็จแล้วก็เดินหายเข้าไปด้านในทันที ปล่อยให้แขกผู้มาเยือนได้แต่ยืนอึ้งกับการประกาศสงครามอันยาวนานอยู่ที่หน้าประตู

          “เอ้า เป็นอะไร ใบ้กินเรอะ” คราวนี้เป็นเสียงฉัตรที่ดังลอดออกมาจากประตู ซึ่งด้านในไม่ได้มีแค่เจ้าของบ้านกับนายหน้าตาย แต่ยังรวมถึงคนอื่นๆอีกหลายคนด้วย และแต่ละคนก็พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชวนให้เนขนลุกเกรียว…ยกเว้นเพียงแค่ปาล์มที่ดูยังอึ้งไม่เลิก “หรือกำลังคิดถึงใครอยู่กันละจ๊ะ”

          ช่างเป็นการเรียกสติที่ได้ผลชะงักนัก แถมไอ้ฝูงแซวก็เป่าปากล้อกันยกใหญ่ ทำเอาคนที่เขินเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งอยากจะวิ่งเข้าไปแจกเท้าให้เรียงคน เสียแต่จำนวนเยอะและแต่ละคนก็กำลังง่วนอยู่กับการจัดแจงยุทโธปกรณ์กันอยู่ หากเข้าไปซัดจริงๆคงได้มีปืนลั่นใส่แน่

          “จะคิดถึงใครก็เรื่องของผมสิครับ” เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง อยากจะวิ่งหนีไปให้รู้แล้วรู้รอดเสียเหลือเกิน

          “แหม ไม่คิดก็ไม่คิด…เอ้า นี่ของจ้ะ” ฉัตรที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นแฟลชไดรฟ์สีดำออกมา พอเนเข้ามารับอย่างกล้าๆกลัวๆ และส่งแฟลชไดรฟ์อีกอันให้ หนุ่มใหญ่ก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงระรื่น “เป็นไงบ้างจ๊ะข้าวใหม่ปลามัน วางแผนไปฮันนีมูนที่ไหนเหรอ”

          มันใช่เวลาไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์เรอะลุง แล้วไอ้พวกเหวนี้จะฮิ้วๆกันอีกนานไหมวะ!!

          “เอาน่าๆ เครียดไปใช่ว่าเรื่องมันจะจัดการง่ายขึ้นสักหน่อย ฝากบอกไอ้คนชอบเครียดที่บ้านด้วยก็แล้วกัน” ฉัตรโบกมือให้อย่างไม่ทุกข์ร้อน “ทางฉันเองก็เตรียมการเฝ้าระวังไอ้เดชมันเหมือนกัน รับรองคราวนี้ถ้ามันเคลื่อนไหวเมื่อไหร่ก็เสร็จพวกเราแน่”

          “ให้มันเป็นอย่างั้นจริงๆเถอะครับ” เด็กหนุ่มว่า ยังคงกังวลไม่เลิก “ถ้าอย่างงั้นผมกลับก่อนละกัน...”

          “แหม รีบกลับไปสวีทหวานกันหรือไงจ๊ะ” พอโดนแซวไม่เลิก เนก็ชักคันไม้คันมือขึ้นมาตงิดๆ อย่างน้อยไม่ต้องไปถึงกองเชียร์ แค่ได้ซัดตาลุงถึกนี่สักทีก็ยังดี “ยังไงทางโน้นก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน ฉันได้ยินมาว่าพวกกลุ่มอื่นก็เล็งจังหวะนี้กันอยู่ บางทีพวกมันอาจจะไปจัดการที่บ้านด้วย”

          “อ้อ...” เด็กหนุ่มตอบรับเสียงสูงก่อนจะทำหน้าเหมือนเห็นผี “ครับ...เมื่อคืนก็มีมาบ้างล่ะ แต่คงไม่เป็นไรหรอก”

          หนุ่มใหญ่เหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ “แกนี่ก็แปลกดีนะ เห็นตอนไอ้วัฒน์จัดการศัตรูแล้วก็ยังไม่ยักจะกลัวมัน”

          โอ๊ย บอกตรงๆ แค่คิดก็สั่นแล้ว

          “ผมว่าไม่กลัวมากกว่าที่แปลก” ลองว่าออกไปจัดการเป่าศัตรูดับกันง่ายๆด้วยใบหน้าเฉยเมยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่โตหลังจากเล่นผีผ้าห่มไปหมาดๆ แบบนั้น ใครมันจะไม่หวาดกันบ้าง “แต่...ถึงจะน่ากลัว แต่ก็มีส่วนน่ารักนะ”

          คนฟังถึงกับพากันสำลักและตีหน้าเหยเก แต่เนก็ไม่อยากเสียเวลาเสวนาต่อ รีบเดินหนีออกไปจากบ้านทันที

 

          พอกลับมาถึงบ้าน เนก็ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ระหว่างทางที่กลับมาวัฒน์โทรบอกเนแล้วว่าสิทธิ์ยังหาบ้านเช่าใกล้ๆกับที่ทำงานเดียร์ไม่ได้ ซึ่งฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่แน่นอนว่าคนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับการกระทำนี้นักย่อมต้องรู้สึกแย่อยู่แล้ว วัฒน์เองก็คงจะกังวลยิ่งกว่า หลักฐานก็คือการที่สมาชิกในบ้านพากันนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องครัวนี่ล่ะ

          “เอ่อ...มีอะไรหรือครับ” ที่จริงก็รู้อยู่แล้ว แต่ก็เอ่ยปากถามไปเพื่อความแน่ใจ

          “ก็ไอ้วัฒน์น่ะสิ ตั้งแต่กลับมาก็เอาแต่ทำหน้าเหมือนจะฆ่าคน ลองออกอาการกระฟัดกระเฟียดเดินไปเดินมาทั่วบ้านแบบนี้ใครจะไม่กลัวกันบ้างวะ ยิ่งเมื่อคืนก็เพิ่งเห็นผลงานรอบบ้านมันไปด้วย โอ๊ย ฉันละสยอง” รุตที่นั่งอยู่หัวโต๊ะบ่นเหมือนอัดอั้นมานาน ทั้งที่ตัวเองก็เป็นคนเอาศพศัตรูไปจัดการแท้ๆ

          เนเลิกคิ้วขึ้น “เขาก็แค่กังวลเฉยๆนี่ครับ”

          เหล่าคนกังวลที่นั่งสุมหัวอยู่บนโต๊ะพากันมองเนเป็นตาเดียว ก่อนที่สองสาวจะพากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้ทำเอาเนชักรู้สึกหวั่นขึ้นมา

          “แหม พี่เนรู้ใจอาวัฒน์น่าดูเลยนะคะ” แม้น้ำเสียงที่ใช้จะสดใส แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูมีเลศนัยจนไม่น่าไว้ใจเป็นที่สุด “ถ้างั้นพี่ช่วยไปทำให้อาวัฒน์หายกังวลทีสิคะ พวกหนูกลัวจะแย่อยู่แล้ว คุณสิทธิ์ก็เอาแต่บอกว่าไม่เป็นไรๆท่าเดียว น้า”

          ถึงจะไปชอบลุงแล้วก็เถอะ แต่แรงอ้อนของสาวๆมันก็มีพลังรุนแรงจนยากจะต้านทานเสียเหลือเกิน ยิ่งคนอ้อนน่ารักน่างาบด้วยยิ่งแล้วใหญ่...แต่คิดแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะนอกใจนะ!

          “ถ้างั้นพี่จะลองดูนะ” ที่จริงเนก็ตั้งใจจะทำอยู่แล้วด้วย เลยตอบรับออกมาอย่างง่ายดาย ก่อนจะขอตัวไปหาต้นเหตุที่ทำให้บ้านมีแต่บรรยากาศอึดอัดกระจายไปทั่ว “อ๊ะ จริงสิ แมวไม่ต้องไปทำความสะอาดที่ห้องพี่แล้วนะ พี่ย้ายกลับไปอยู่ห้องคุณวัฒน์แล้ว”

          ซึ่งก็ยังคงมีแต่สาวๆที่ยิ้มกว้างจนแทบไม่หุบ ในขณะที่คนสูงวัยพากันประหลาดใจ

          “อ้าว ย้ายกลับตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” รุตเอ่ยถามพลางเหล่มองแมวกับเอมที่พากันหัวเราะคิกคักไม่เลิก

          เนทำท่าอึกอักอยู่พักใหญ่ ก่อนจะยอมเปิดปาก “เมื่อวานน่ะครับ...”

          “อย่างนั้นหรือ” แต่เพราะรุตเข้าใจว่าช่วงนี้มีเหตุต้องเฝ้าระวัง วัฒน์เลยให้เนไปอยู่ด้วยจะได้ช่วยกันมากกว่า แม้จะยังสงสัยไม่เลิกว่าเด็กสาวยิ้มอะไรกันนัก “เออๆ งั้นก็รีบไปเถอะ ถ้าทำได้นี่ฉันเลี้ยงเหล้าแกเลย”

          “ถ้างั้นอารุตคงต้องเตรียมเงินไว้เลยล่ะค่ะ”

          เนได้แต่ยิ้มเจื่อน ไม่ได้แปลกใจอะไรนัก ในเมื่อพ่อรู้ พี่รู้ แฟนรู้ แล้วทำไมแมวจะไม่รู้ ก็ยังดีที่ท่าทางนางจะยังไม่รู้ ไม่อย่างนั้นคงมองเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิมแน่

 

          ถึงแม้จะรู้มาจากคนในบ้านแล้วว่าวัฒน์กำลังกังวล แต่นี่ขนาดสิทธิ์ยังไม่ได้ไปไหน(แค่กำลังวางแผนออกไป) ยังอาการหนักขนาดนี้ เนก็แทบคิดไม่ออกเลยว่าถ้าสิทธิ์ออกไปจริงๆแล้ววัฒน์จะอาการหนักขนาดไหน

          “คุณวัฒน์ครับ...” เด็กหนุ่มเอ่ยเรียกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานในห้องนอนอย่างไม่แน่ใจนัก “ไม่เป็นอะไรนะครับ”

          เห็นหน้าซูบซีดที่หันมา บอกว่าไม่เป็นอะไรนี่สิแปลก

          “อย่ากังวลไปหน่อยเลยครับ เดี๋ยวก็หน้าแก่เร็วหรอก”

          จากที่กำลังห่อเหี่ยวถึงกับแยกเขี้ยวใส่ทันควัน

          “ก็แก่ไปนานแล้วไง ฉันสี่สิบแล้วนะว้อย จะให้ไปเต่งตึงเหมือนแกเรอะ” วัฒน์แหววใส่เสียงขุ่น และยิ่งหงุดหงิดกว่าเดิมเมื่ออีกฝ่ายหัวเราะใส่

          “เชื่อใจคุณสิทธิ์หน่อยเถอะครับ...อย่างน้อยเขาก็โตแล้วนะครับ” เนปลอบก่อนจะเข้าไปบีบไหล่หนุ่มใหญ่จากข้างหลัง “ผมยังไม่อยากให้คุณคิดมากจนเส้นเลือดในสมองแตกนะ”

          “โธ่เว้ย ก็มันเครียดนี่หว่า” ถึงปากจะว่าอย่างนั้นแต่คิ้วที่ชนกันเป็นเส้นเดียวกันคลายลงแล้ว “แล้วทางฉัตรเป็นไงบ้าง”

          “เขาบอกว่าตอนนี้รอแค่ให้อีกฝ่ายงับเหยื่อเท่านั้นละครับ” ว่าแล้วก็ล้วงเอาแฟลชไดรฟ์ที่ได้จากฉัตรให้หนุ่มใหญ่ แล้วคลายเส้นอีกฝ่ายต่อ “เท่านี้ก็ไม่ต้องกังวลแล้วนะครับ...แถมคนที่จะไปเฝ้าคุณสิทธิ์ก็เป็นพี่ฤทธิ์กับพี่ก้องด้วย ปลอดภัยอยู่แล้วล่ะ”

          “ก็จริง…” แต่กระนั้นสีหน้ากลับไม่คลายกังวลจนหมด ซึ่งเนก็ไม่แปลกใจนักหรอก เพราะเอาเข้าจริงๆ เขาก็เป็นห่วงสิทธิ์อยู่เหมือนกัน ถึงจะประจักษ์ในความเก่งของฤทธิ์กับก้องมาแล้ว แต่ก็อดกลัวเหตุสุดวิสัยไม่ได้อยู่ดี ยิ่งเจ้านายตัวเองเป็นพวกชอบกระโดดเข้าหาเรื่องอย่างไม่จำเป็นอยู่ด้วย

          “น่าครับ คุณเครียดแล้วมันเดือดร้อนคนในบ้านนะครับ” ได้ยินอย่างนั้น จากที่กำลังเคลิ้มๆกับแรงนวดถึงกับหันขวับ “ตอนนี้พวกน้องแมวเขาคิดว่าคุณโมโหอยู่นะครับ”

          “ฉันไม่ได้โมโหสักหน่อย” วัฒน์ร้องเสียงตื่น ก่อนจะคิดหนัก “...อย่าบอกนะว่าบางทีที่พวกนั้นไปนั่งรวมตัวกันในครัวเพราะคิดว่าฉันโกรธ...”

          “ก็รู้ตัวดีนี่ครับ” คราวนี้เด็กหนุ่มกลับเป็นฝ่ายติติงคนอายุมากกว่าแทน “คุณสิทธิ์อาจจะรู้...แต่คนอื่นเขาน่ะเข้าใจคุณผิดตลอดเลยนะครับ...ขนาดผมเองบางทีก็ยังเข้าใจผิดเลย”

          สีหน้าของหนุ่มใหญ่ฟ้องทนโท่ว่าไม่เชื่อแม้แต่น้อย แต่พอเห็นแววตาเซ็งชีวิตของเด็กหนุ่ม เขาก็ชักเถียงไม่ออก

          “...โทษทีละกัน” เมื่อเห็นเนเอาแต่มองหน้านิ่ง วัฒน์ก็เอ่ยออกมาอย่างเสียมิได้ “…แล้วนายรู้ด้วยหรือว่าฉันโกรธหรือไม่โกรธ…”

          เนมองสายตาที่เหมือนกำลังคาดหวังอะไรบางอย่างของหนุ่มใหญ่ เด็กหนุ่มปั้นหน้ายุ่งคล้ายกับลังเลที่จะเอ่ย แต่สุดท้ายก็ยอมเปิดปากเมื่อลุงแกเริ่มจะทำหน้าเหมือนอยากกัดหัวเขา

          “เพราะเมื่อก่อนคุณเข้มงวดกับผมมาก โกรธผมโน่นนี่สารพัดตลอดน่ะสิ ผมถึงรู้ไงว่าตอนไหนคุณโกรธจริงๆ”

          วัฒน์รู้สึกเหมือนมีใครเอามีดมาแทงเข้ากลางอกยังไงยังงั้น แหงล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าใจผิด มีหรือจะไปโกรธพร่ำเพรื่อใส่อีกฝ่ายกัน

          “ขอโทษนะ” หนุ่มใหญ่เอ่ยอีกครั้ง ชักไม่กล้าจะมองหน้าเด็กหนุ่มมากขึ้นทุกที “แล้วคราวหลังฉันจะระวัง

          เนกลับหัวเราะแทน

          “แต่ผมอยากให้คุณเป็นแบบนี้ต่อไปมากกว่านะครับ”

          เอ้า ไอ้เด็กบ้านี่ จะเอายังไงกับตูฟะ

          “ก็...ถ้าเกิดคุณทำตัวเข้าใจง่ายขึ้น…คนอื่นก็จะเห็นความน่ารักของคุณ...แล้วเกิดมีคนมาชอบอีกผมก็แย่สิครับ...แค่ตอนนี้มีคนเดียวผมก็กลัวจะแย่อยู่แล้ว” นี่กลัวจริงๆนะ ยิ่งเพิ่งโดนประกาศสงครามมาจะให้ไม่หวั่นได้ยังไงกัน

          วัฒน์อ้าปากหมายจะค้าน แต่พอคิดถึงศาสตร์ก็พูดไม่ค่อยจะออกเท่าใดนัก

          “ไอ้บ้า”

          ปกติโดนด่าแล้วหงุดหงิดนะ แต่เห็นอีกฝ่ายหลบตาใบหน้าแดงเรื่อแบบนี้แล้วทำเอายิ้มไม่หุบ

          “ทีเมื่อเช้าฉันแค่ถามว่าชอบกินอะไรทำเป็นอาย ทีงี้พูดเอาๆเลยนะ” วัฒน์เอ่ยเสียงต่ำ หน้าแดงก่ำกว่าเดิม

          “ก็ตอนนั้นมีพี่ต้นอยู่ด้วยนี่ครับ ตอนนี้อยู่กันสองคนจะอายอะไรล่ะ”

          วัฒน์เบิกตามองคนที่เขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มันสารภาพรักกับตนอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะมานึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์เสียตัวโดยมิได้ตั้งใจ เด็กหนุ่มก็ชอบทำตัวกะลิ่มกะเหลี่ยพูดจาหวานจ๋อยใส่สาวๆไปทั่วอย่างไม่อายปากนัก...ซึ่งถ้าไม่นับคำว่ารัก อีกฝ่ายเองก็พูดตรงๆจนเขาตะลึงไปหลายทีอยู่เหมือนกัน

          “คุณไม่ชอบหรือ...”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองเด็กหนุ่มที่หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          “ฉันไม่ได้เกลียดหรอก...ก็แค่มันไม่ชิน…เลยเขินนิดหน่อย” หนุ่มใหญ่ตอบเสียงค่อย

          “ผมก็เขินเหมือนกันละน่า” เนร้องและยิ่งปั้นหน้ายุ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายแลดูจะไม่เชื่อตนเอาเสียเลย “ทีเหมือนก่อนคุณยังใช้ให้ผมชินกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของคุณเลย ทีงี้มาพูดซะเองนะครับ”

          โอ้โห ยังย้อนเก่งเหมือนเดิม น่าเตะซักสามป้าบจริงๆ

          “อีกอย่าง…เพราะเมื่อก่อนผมไม่ยอมพูดเรื่องมันถึงได้แย่ลง…ผมก็เลยแค่จะพยายามพูดความในใจออกมาให้มากที่สุดก็เท่านั้น…”

          ย้อนเก่ง แต่อันนี้ให้อภัย

          “อ่า…นั่นสินะ” หนุ่มใหญ่ตอบรับเสียงค่อย เพราะรู้ดีว่าตัวเองก็มีส่วนผิดเรื่องปากแข็งเช่นกัน “…ยังไงก็…ค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ ไม่ต้องรีบร้อนหรอก”

          เพราะถ้าเอ็งยังคงเปิดเผยซะหมดเปลือกแบบนี้ มีหวังตูต้องหัวใจวายตายก่อนสิ้นปีนี้แน่

          “ครับ…” ท่าทางเนเองก็ดูจะทำตัวไม่ค่อยถูกเท่าไหร่เหมือนกัน “แปลกดีนะ...ปกติถ้าเป็นสาวๆคนอื่น ผมไม่เห็นต้องมากังวลหรือประหม่าแบบนี้เลยแท้ๆ...”

          วัฒน์เลิกคิ้วก่อนจะอดยิ้มให้อย่างเอ็นดูไม่ได้ แต่คนมองกลับบึ้งหน้าแทน

          “อะไรละ” ทั้งที่อีกฝ่ายกำลังงอนแต่คนถามกลับหัวเราะใส่ลำคอเสียอย่างนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนท่าทางเหล่านั้นคงชวนให้หงุดหงิดมากกว่าน่ารักแน่

          “...จะหาว่าผมหึงไม่เข้าเรื่องก็ได้นะ แต่เมื่อวันก่อนตอนที่เราอยู่กับคุณสิทธิ์ในห้องทำงาน ผมเห็นคุณยิ้มให้กับหน้าจอมือถือเหมือนกับตอนนี้เลย”

          “แล้วยังไงล่ะ”

          “ก็คุณโค้กบอกว่าตอนนั้นคุณคุยไลน์กับคุณศาสตร์ ผมก็แค่อยากรู้ว่าคุณคุยอะไรกันถึงได้ยิ้มหน้าบานขนาดนั้น”

          วัฒน์อ้าปากค้างอยู่พักใหญ่ก่อนจะหัวเราะใส่คนที่กำลังมองตนอย่างจริงจังและคาดคั้น ทำเอาเนชักสีหน้าใส่

          “อยากรู้จริงหรือ”

          เห็นลุงแกท่าทางเหมือนภูมิใจนำเสนอแล้วเนชักไม่อยากจะรู้ตงิดๆ

          หนุ่มใหญ่หยิบมือถือของตนออกมากดหน้าจออยู่สองสามทีก่อนจะยื่นให้เด็กหนุ่ม

          “ดูเอาเองละกัน”

          เนรับมือถือของอีกฝ่ายมาดู ทันทีที่เห็น จากที่กำลังนิ่วหน้าก็อ้าปากค้างหน้าแดงเถือก เพราะในจอเป็นรูปของตนที่กำลังแอบนั่งมองวัฒน์อยู่ตรงเก้าอี้เมื่อตอนอยู่ในห้องทำงานของสิทธิ์ แถมพอเลื่อนไปเรื่อยๆก็พบว่าไม่ได้มีแค่รูปเดียวอีกด้วย จากที่กำลังอึ้งถึงกับอายจนอยากมุดดินหนีแทน

          “นี่คุณแอบถ่ายผมหรือ”

          “ก็อดไม่ได้ เห็นเอาแต่แอบมองฉันอยู่นั่นล่ะ” วัฒน์บอกเสียงเรียบ “เพราะงี้ไง จะตัดใจก็ตัดไม่ได้สักที เอาแต่ทำตัวชวนให้ฉันหวังอยู่เรื่อย...เพราะงั้นถ้านอกใจ ฉันเป่าดับจริงๆแน่”

          เกือบจะเป็นเบาหวานแล้วนะ แต่เจอประโยคหลังนี่ระดับน้ำตาลในเลือดลดฮวบเลย

          “ผมขอโทษนะครับ...” เขาอดเอ่ยไม่ได้ เพราะดันทำให้อีกฝ่ายรอเสียตั้งนานเพราะความอายของตัวเอง

          “เปลี่ยนจากขอโทษเป็นอย่างอื่นดีกว่านะ” วัฒน์ว่าโดยที่ตอนนี้ใบหน้าก็เริ่มแดงขึ้นมา ทั้งยังหลบตาไปทางอื่น ทำเอาคนที่เขินเป็นทุนเดิมอยู่แล้วยิ่งเขินหนัก

          “ถี่ๆได้หรือครับ”

          “เอ้า ก็คบกันแล้วนี่หว่า ไม่ได้แค่ทำสัญญาเพื่อระบายของอยากของนายเฉยๆแล้วนะ” วัฒน์ดุลั่น ก่อนจะค่อยๆลดระดับเสียงลง “...ช่วงนี้เองก็ยุ่งๆ ไอ้เรื่องที่ว่าจะชวนไปกินข้าวคงต้องหลังจากฆ่าไอ้เดชได้ก่อนก็แล้วกัน”

          ซึ่งมันก็คงจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีไอ้คำว่า ‘ฆ่า’ เนี่ย

          “ไม่เป็นไรครับ...กะ...กินบนเตียงไปก่อนก็ได้”

          โอ๊ย ถ้าจะอายก็อย่าพูดสิฟะ คนฟังก็อายเหมือนกันนะเฟ้ย ไอ้เด็กบ้า

          ทั้งสองพากันชะงักเมื่อมีเสียงสัญญาณร้องเตือนมาจากเครื่องส่งวิทยุบนโต๊ะทำงาน ของวัฒน์ หนุ่มใหญ่เปิดโทรทัศน์ใกล้ๆเพื่อดูกล้องวงจรปิด และเมื่อเห็นเงาตะคุ่มตรงบริเวณกำแพงหลังบ้านขยับไหวไปมาราวสองสามเงา เขาก็เปิดเก๊ะใหญ่แล้วหยิบไรเฟิลออกมา

          “จัดการก่อนแล้วค่อยทำละกัน” วัฒน์บอกด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายปนรำคาญเต็มทน “ฝากเรียกรุตทีนะ”

          เด็กหนุ่มพยักหน้าให้ด้วยอารมณ์ไม่ต่างกันนัก



____________________________________


ช่วงนี้หน้าหนาวแล้ว (ถึงอากาศจะไม่หนาวตามก็เถอะ) ดูแลสุขภาพกันด้วยนะงับ คนเขียนเป็นไข้มาสองวันแล้ว @_@

ออฟไลน์ lnwboomgo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮ่ะๆๆ โหดๆไว้ก่อนสินะสนุกมากๆ

ออฟไลน์ Tennyo_Y

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 739
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ลุงคะ เป็นการชวนที่สมกะลุง 555

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
  ทำไมมันต้องมีเรื่องก่อนที่จะอะจึ๊ยๆ กันด้วยว้า  :katai4:
รอตอนหน้าน้า

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
อารมณ์ค้างแบบนี้ อาวัฒน์โหดได้โล่ห์แน่  :hao7:

แต่คนอ่านก็ค้างด้วย  :hao5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
 :m16: ฮึ่ม ใครบังอาจมาขัดฉากสวีทลุงฟร่ะยิ่งมีน้อยๆอยู่ ถ้ามาร้ายเป่าให้ร่วงเลยนะลุงโทษฐานที่มาขัดจังหวะ  o18

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 73


          “ท่าทางเหนื่อยน่าดูเลยนะ...”

          ต่อเอ่ยเสียงเรียบพลางมองคนที่นอนฟุบอยู่ตรงหน้าเคาท์เตอร์บาร์ของตน ก่อนจะยื่นแก้วเหล้าให้ และเนก็หยิบมาซกโฮกก่อนจะกลับไปฟุบต่อราวกับคนกำลังช้ำรักก็มิปาน ในตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังนั่งรอหนุ่มใหญ่ที่ขึ้นไปคุยงานกับฉัตรอยู่บนชั้นสาม

          และเพราะไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจะต้องรู้ หรือเพราะเห็นเนเริ่มออกอาการเหนื่อยเพราะไม่ค่อยได้พักมาเป็นสัปดาห์แล้วก็ไม่ทราบได้ วัฒน์ถึงได้บอกให้มารออยู่ตรงนี้แทน ซึ่งแม้จะไม่พอใจเท่าไหร่ แต่เขาเองก็ไม่อยากจะฟังเรื่องปวดหัวอีกต่อไปเท่าไหร่แล้วด้วย แม้การมานั่งรอตรงนี้จะไม่พ้นเรื่องน่าปวดหัวอีกเรื่องเลยก็ตาม

          “เออสิ ไหนจะงานกลางวัน งานกลางคืน ไหนจะพวกนายที่ล้อฉันทุกทีที่เจอหน้า จะไม่ให้เหนื่อยได้ไง” เนบ่นเสียงขรม ก่อนจะชูนิ้วกลางให้บริกรคนหนึ่งที่เดินผ่านแล้วแซวตน “เฮอะ ทีตอนคุณวัฒน์อยู่ด้วยละไม่กล้า ไอ้พวกบ้าเอ๊ย”

          “คนเราก็รักชีวิตกันทั้งนั้นละ” ต่อบอกเสียงเรียบ แต่สีหน้าซีดลงอย่างเห็นได้ชัด “แล้วฉันก็ไม่ได้แซวนายสักหน่อย”

          “ไม่ต้องเลย ฉันจำที่นายเอาเรื่องฉันไปโพนทะนาให้คนอื่นฟังเมื่อครั้งก่อนได้นะเฟ้ย”

          “ก็ตอนนั้นฉันเข้าใจว่านายจะปล้ำคุณฉัตรนี่...มันไม่ดีที่จะไปทำอะไรกับคนมีครอบครัวแล้ว” ต่อแย้งกลับเสียงเนือย “แต่ตอนที่ฉันรู้ว่านายชอบคุณวัฒน์ ฉันก็ไม่ได้บอกใครเลยนอกจากแมวนะ”

          อ้อ แกนี่เองต้นข่าวของน้องแมว…ว่าแต่เอ็งรู้ได้ไงฟะ…แต่ก็ไม่กล้าถามยังไงก็ไม่รู้…

          “แล้วไอ้ปาล์มไปไหนวะ” หลังจากได้รับเหล้าแก้วที่สองมา เนก็เอ่ยถามพลางหันมองไปทั่ว ตั้งแต่มาที่นี่เขาก็ไม่เห็นปาล์มเลย

          “เห็นบอกว่าติดธุระ จะมาสายนิดหน่อยน่ะ...นั่นไง...”

          เนหันมองตามนิ้วที่ชี้ไปด้านประตู ปาล์มที่เดินเข้ามาได้ไม่เท่าไหร่ก็ชะงักเมื่อเห็นหน้าเน ก่อนจะออกอาการเหมือนเห็นตัวประหลาด

          “จะช็อกอีกนานมั้ยวะ หา” เนชักเริ่มทนไม่ได้ แค่มองหน้าอีกฝ่ายในยามปกติก็อายจะแย่อยู่แล้ว

          “...ก็มันยังอึ้งไม่หายนี่...” ปาล์มว่าพลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากจะเชื่อนัก “ใครมันจะไปคิดวะว่าไอ้คาสโนว่าบ้าผู้หญิงจะมากินอาฉัน”

          “อย่าย้ำนักจะได้มั้ยวะ” เนกดเสียงต่ำแล้วแยกเขี้ยวใส่

          “...ที่นายเคยปรึกษาฉันก็คืออาวัฒน์ใช่ไหม”

          “เออ” เนชักอยากจะมุดดินหนีเข้าจริงๆ โดนแซวยังรู้สึกโกรธ แต่เห็นท่าทีไม่อยากจะเชื่อของปาล์มแล้วรู้สึกผิดปนอายเหลือเกิน

          ปาล์มปั้นหน้ายุ่งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปในเคาท์เตอร์ สีหน้าเหมือนเห็นของแปลกหายไปแล้ว เหลือไว้แต่เพียงความสงสัยที่ชวนให้เนรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแทน

          “ถ้ารักกันจริงๆ ฉันก็ไม่ได้อะไรหรอก...แค่ไม่อยากจะเชื่อว่าอย่างนายจะรักอาวัฒน์”

          “โอ๊ย นายคิดว่าฉันยอมสารภาพรักกับลุงแกให้เสียชื่อเสือผู้หญิงทำมะเขืออะไรละวะ รู้หรือเปล่าว่าพวกที่บาร์เก่าที่ฉันทำงานมันถึงกับฉลองใหญ่เลยนะเว้ย ตอนที่รู้ว่าฉันคบกับผู้ชายน่ะ จะบ้าตาย”

          “...นั่นสินะ...” แม้จะเอ่ยคล้อยตาม แต่น้ำเสียงยังเจือความข้องใจไม่เปลี่ยน “...ไงก็ขอให้รักกันนานๆก็แล้วกันนะ เพราะถ้านายหักอกอาวัฒน์เมื่อไหร่ ฉันคงไม่ได้เห็นหน้านายอีก”

          ซึ่งข้อนั้นเขารู้ซึ้งดีจนถึงขั้วหัวใจเลยทีเดียว

 

          “แน่ใจนะว่ามันจะได้ผลจริง”

          “แน่ใจซี่ ก็เห็นรูปพวกนี้แล้วไม่ใช่หรือ” ฉัตรเอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจก่อนจะใช้มือหนาของตนตีลงบนรูปที่วางอยู่บนโต๊ะแก้ว “ตอนนี้มันก็ใช้ให้ลูกน้องเที่ยววิ่งหามือปืนนักฆ่าอิสระไปทั่วขนาดนั้นทั้งที่ฝั่งศัตรูของคุณสิทธิ์เองก็มาโจมตีเราไม่ขาดสาย แสดงว่ามันก็คงร้อนใจพอสมควรเหมือนกันละน่า ที่เหลือก็แค่หาทางบีบมันให้มากกว่านี้ มันจะได้ยอมตัดสินใจลงมือเองจริงๆ”

          เนื่องจากวัฒน์ไม่ยอมพูดอะไรเลย จึงทำให้คุณพี่ชายชักหวาดหวั่นกลัวอีกฝ่ายจะไม่ยอมทำตามที่ตนเสนอเสียจริง

          “ก็ได้ ทำตามที่ว่าไปเลยละกัน”

          ฉัตรแทบจะกระโดดออกจากโซฟาเมื่อได้ยินคำตอบ

          “เออ รับรองว่าไม่ต้องถือมือแกแน่” หนุ่มใหญ่ร่างยักษ์ให้คำมั่น “แกก็วางใจแล้วก็ไปสวีทกับไอ้เนให้สบายใจเฉิบไปเลยเน้อ”

          “พูดง่ายนี่ คิดว่างานของคุณสิทธิ์มันน้อยนักหรือไง” เสียงทุ้มเล็ดลอดออกมาด้วยความหงุดหงิดจนทำเอาคนระรื่นถึงกับหน้าถอดสี ยิ่งตอนนี้สีหน้าของวัฒน์ยิ่งซูบตอกเพราะต้องทำงานหนักเกินตัวยิ่งทำให้เขาดูน่าสะพรึงเข้าไปใหญ่ “นี่ก็ยังดีที่พวกนักฆ่ามันมาที่บ้านน้อยลง...แต่ก็ไม่รู้ว่าทางฤทธิ์กับก้องจะหนักหนาสาหัสแค่ไหนบ้าง”

          “เอาน่า ไม่ต้องห่วงหรอก พวกนั้นจัดการได้สบายๆอยู่แล้ว” ฉัตรพยายามปลอบน้องชายจอมคิดมากของตน “ต่อให้คุณสิทธิ์ซนแค่ไหนก็เถอะ ไอ้พวกนั้นก็ตามคุณสิทธิ์ทันอยู่แล้ว”

          “เออ นายก็ทำให้ได้อย่างที่พูดเถอะ” ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างไร้อารมณ์แล้ว ฉัตรชักเริ่มกลัวจริงๆจังๆถึงอนาคตของตัวเองหากแผนไม่สำเร็จเสียจริง

          ในขณะที่วัฒน์กำลังเก็บเอกสารบนโต๊ะเข้ากระเป๋าถือของตน เสียงเอะอะตึงตังจากด้านล่างก็ดังแว่วขึ้นมาดึงความสนใจของคนที่นั่งอยู่ในห้องพัก ก่อนที่ฉัตรจะเป็นคนแล่นออกไป ส่วนวัฒน์ก็เก็บเอกสารจนเรียบร้อยแล้วถึงตามลงไปอย่างไม่รีบร้อนนัก

          แต่พอเห็นสาเหตุ เขานึกอยากวิ่งกลับไปหยิบปืนมาตรงนี้เสียจริงๆ

          “ผู้จัดการที่นี่อบรมพนักงานยังไงนะ ถึงได้ต้อนรับแขกได้แย่แบบนี้”

          น้ำเสียงทุ้มที่ชวนเข้าใจผิดดังขึ้นมาจากร่างสูงที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์บาร์ พลางปัดเศษน้ำที่ติดอยู่บนเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มของตน ก่อนจะเลื่อนสายตามองลงไปยังเนที่นั่งอยู่กับพื้น ใบหน้าของเด็กหนุ่มขึ้นรอยช้ำเล็กๆบนแก้มซ้าย ส่วนฉัตรก็ยืนคั่นกลางระหว่างทั้งสองด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายคล้ายกับอยากจะหลับเต็มทน

          “ฉันไม่ใช่พนักงานของที่นี่โว้ย” เนว้ากลั่น ก่อนจะพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างทุลักทุเล “เพราะงั้นฉันมีเรื่องกับแกได้อยู่แล้ว”

          “ช่าย มันไม่ใช่พนักงานที่นี่ เพราะงั้นไม่ใช่ความผิดฉันนา เน้อ” คุณผู้จัดการที่ดีเอ่ยเสียงยียวนกวนประสาทก่อนจะหันไปถามหาความเห็นจากเหล่าพนักงานในสังกัดของตนที่พากันพยักหน้าให้อย่างพร้อมเพรียง “เพราะงั้น เอาเลยไอ้หนูเน”

          “หยุดนะ”

          ได้ยินเสียงห้ามของวัฒน์ เนกับฉัตรถึงกับกระโดดจนตัวลอย และไม่ใช่แค่เด็กหนุ่ม แต่รวมไปถึงพนักงานทุกคนที่พากันหน้าซีดปากสั่นอย่างกับเห็นผีก็มิปาน ส่วนเดช เมื่อเห็นวัฒน์ จากที่กำลังทำหน้าเบื่อหน่ายไม่แพ้ฉัตร กลับเหยียดยิ้มกว้างอย่างดีใจเสียจนทำให้คนที่อารมณ์เสียเป็นทุนเดิมอยู่ แล้วยิ่งหน้าบูดหนักข้อ

          “ไงวัฒน์ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีไหม”

          เห็นถุงใต้ตาตูแล้วมันดูสบายดีไหมล่ะไอ้แว่น!

          “มาทำไม”

          ในขณะที่คนอื่นพากันหวาดหวั่นกลัววัฒน์จะองค์ลง มีเพียงเดชที่ดูจะยินดีเสียเหลือเกิน

          “ก็มาตรวจตรางานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายแทนคุณสิทธิ์เท่านั้นเอง” เดชเอ่ยด้วยน้ำเสียงสูงคล้ายกับจงใจ “นี่ก็จะกลับแล้วล่ะ”

          วัฒน์ไม่พูดอะไรต่อนอกจากจ้องมองอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนเดชเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำแค่เพียงเงียบ เขาจึงยักไหล่ให้ก่อนจะเดินจากไปพลางผิวปากอย่างสบายอารมณ์

          “ต้องขอโทษทุกท่านด้วยนะคร้าบ พอดีเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะครับ ไม่มีอะไรหรอก” หลังจากพายุพัดไปแล้วฉัตรก็รีบเอ่ยด้วยน้ำเสียงระรื่นพลางตบมือดึงความสนใจของทุกคน “เอ้าๆ ไปทำงานได้แล้ว อย่าอู้ๆ”

          เมื่อทุกอย่างกลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง วัฒน์ก็เดินเข้าไปหาเนที่ยังคงยืนนิ่ง แต่สีหน้าหวาดหวั่นจนคนอายุมากกว่าแปลกใจ

          “ก็ไอ้บ้านี่น่ะสิครับ ไม่รู้เมาอะไรมาอยู่ๆก็เข้าไปหาเรื่องไอ้เดชซะอย่างนั้น ผมพยายามห้ามก็ไม่ยอมฟัง” ปาล์มรีบฟ้องใส่อย่างหงุดหงิดเอาการ “ให้ตายเถอะ ถึงจะไม่ชอบขี้หน้ายังไงก็น่าจะห้ามใจกันบ้าง”

          หลังจากฟังความจากพยาน จำเลยยิ่งตัวสั่นหนักกว่าเดิม ทั้งที่วัฒน์ยังไม่ได้ว่าอะไรด้วยซ้ำ

          “กลับบ้าน”

          ทีแรกปาล์มกับต่อที่แอบมองอย่างหวั่นใจคิดว่าวัฒน์จะต้องทำโทษเนแน่ๆ แต่นอกจากที่วัฒน์แค่เรียกให้กลับ เนที่เอาแต่ออกอาการหวาดกลัวจนถึงเมื่อครู่ก็ทำหน้าประหลาดใจออกมาแทน ก่อนจะเดินตามหนุ่มใหญ่ออกจากบาร์ไปติดๆ ทำเอาทั้งสองพากันแปลกใจยกใหญ่กว่าเดิม

          “อย่าบอกนะว่าเพราะมันขึ้นแท่นตำแหน่งแฟนแล้วอาวัฒน์เลยไม่ว่าอะไรมันเนี่ย”

          ปาล์มหันมากระซิบถามต่อด้วยใบหน้าตื่น ในขณะที่คุณเพื่อนเองก็มีอาการไม่ต่างกันนัก แต่ก็ไม่ได้ตอบกลับไปเพราะกลัวเกินกว่าจะกล้าสันนิษฐาน

 

          “คุณไม่โกรธผมหรือครับ”

          วัฒน์ปรายตามองคนที่นั่งข้างตนซึ่งยังคงสงสัยไม่เลิกมาตลอดตั้งแต่ขับรถออกจากผับ ทำเอาคนที่นั่งเงียบมานานถอนหายใจ

          “นายไม่ใช่คนแรกที่หาเรื่องมันเพราะทนไม่ได้นี่” เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้มแบบนี้ เนก็รู้ทันทีว่าคนแรกเป็นใคร “ฉันแทบจะยิงมันให้ตายด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าคุณสิทธิ์มาห้ามไว้น่ะ...แล้วนี่นอกจากที่หน้า โดนมันทำร้ายตรงไหนอีกหรือเปล่า”

          “เปล่าครับ แค่โดนชกเฉยๆ” ว่าแล้วก็รู้สึกแปลบที่แก้มซ้ายขึ้น เล่นเอาเนซึ้งเลยว่าทำไมฉัตรถึงห้ามตนไปมีเรื่องกับอีกฝ่าย เพราะนอกจากเขาจะไม่สามารถแม้แต่จะแตะตัว ยังโดนชกเสียหงายด้วยท่าทีสบายๆเสียอีก

          “แล้วนึกยังไงไปหาเรื่องมันละ” หนุ่มใหญ่เอ่ยถามด้วยอย่างใคร่รู้ “ฉันไม่เคยเห็นนายทนไม่ไหวจนถึงขั้นใช้กำลังเลยสักครั้ง ถ้าไม่ถึงที่สุดจริงๆนี่”

          เนเม้มปากแน่นคล้ายกับไม่อยากจะพูดนัก

          “คุณรู้ตัวหรือเปล่าว่าเสียงหมอนั่นเหมือนของคุณเลย”

          “หา ตรงไหนวะ”

          “ก็ตรงนี้ไง เหมือนกันจนน่าโมโหเลยล่ะครับ” เนร้องขึ้นอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กัน “ฟังแล้วเหมือนคุณเป็นคนที่คิดจะหักหลังคุณสิทธิ์แทนนี่นา...ผมทนฟังไม่ได้หรอกครับ”

          แถมความหลังปวดจิตมันย้อนมาแทงจึ๊กๆจนแทบจะสำรอกความผิดที่ผมทำกับคุณเลยล่ะครับ ประเด็นหลักๆเนี่ย

          วัฒน์นิ่วหน้าคล้ายกับยังไม่อยากจะเชื่อนัก แต่เห็นท่าทีเจ็บแค้นแสนสาหัสของเด็กหนุ่ม หน้ามันก็ร้อนวูบขึ้นมาเสียอย่างนั้น

          “เอาเถอะ เอาเป็นว่าฉันไม่ได้โกรธนายหรอก” วัฒน์เอ่ยปลอบเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่แค้นใจไม่เลิก “แต่วันหลังอย่าไปยุ่งกับมันคนเดียวก็แล้วกัน ฉันยังไม่อยากรีบเป็นโสด”

          ฟังแล้วชวนหงุดหงิดแต่ไม่รู้ทำไมกลับขนลุกขึ้นมาแทน ถึงจะไม่อยากยอมรับอย่างไร แต่เดชก็เก่งกว่าตนจริงๆนั่นล่ะ ไปหาเรื่องคงมีแต่ตายกับตาย


____________________________________

เกี่ยวกับตอนพิเศษในเล่มใครมีอะไรเสนอเพิ่มเติมอีกก็ได้นะงับ =w=/

ปล. ยอดผู้สนใจหนังสือตอนนี้ขาดอีกนิดหน่อย ใครสนใจทำแบบสอบถามตามลิ้งนี้นะงับ =w=  http://goo.gl/forms/uS1CfPnvR3

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
 :z13:
---------------------
รึว่าเดชจะชอบวัฒน์?? #เดามั่ว
รอน้า :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2015 22:26:18 โดย boboman »

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ลุง!!!พออินเลิฟละรู้สึกว่าลุงมุ้งมิ้งขึ้นหง่ะคำพูดคำจานี่ก็ไม่มีกั๊กแล้วนะคิดอะไรก็พูดออกไปเลย ชอบๆ แต่เอาจริงเรื่องเสียงนี่ลุงไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าเสียงคล้ายกับเดชอะ แล้วตกลงคนที่หักหลังนี่เป็นเดชจริงเหรอคือบางทีอ่านไปก็แอบคิดว่าเข้าใจผิดอะไรกันมั้ยบางทีอาจเป็นคนอื่นที่คิดไม่ถึงก็ได้ รอวันความสงสัยจะถูกเฉลย

 :กอด1: :กอด1: กดคนแต่งแรงๆหนึ่งทีช่วงนี้ขยันอัพรัวๆ

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
 :z13:  :z13: จิ้มคนเขียน

ปล่อยให้ลุงได้หวานบ้างเถอะ  :z3: คนอ่านยังค้างมาจากตอนที่แล้วเลย  :ling1:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ขอหวานๆอีกค่ะ ไม่ทันไรเครียดอีกแล้ว

คนอ่านปวดตับค่าาา :ling1:

ออฟไลน์ musddmp

  • อิอิ คริคริ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 155
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-0
ภารกิจร้าย พ่ายประตูหลัง
         
ตอนที่ 74


          “เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”

          ชายวัยสามสิบกว่าที่เดินตามหลังเดชเข้ามายังในบ้านหลังโตถึงกับสะดุ้งโหยงจนเท้าไม่ติดพื้น เมื่อคนที่เป็นหัวหน้าตนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ดวงตาที่กำลังเบื่อหน่ายบัดนี้วาวโรจน์ไปด้วยความกระหายใคร่รู้ในสิ่งที่ลูกน้องเพิ่งเอ่ยเมื่อครู่

          “ผม…ผมบอกว่าตอนที่ผมเข้าไปในร้านไอ้ฉัตรก่อนที่คุณจะเข้าไปน่ะ ผมได้ยินพวกพนักงานคุยกันว่าคุณวัฒน์เขาคบกับเอ่อ…” คนเป็นลูกน้องค้างไปเพราะไม่แน่ใจว่าควรจะพูดดีหรือเปล่า แต่เห็นหัวหน้าจ้องมองตนด้วยใบหน้าเหี้ยม ความลังเลก็โดนทะลวงไปด้วยความกลัวตายจนโพล่งออกมาเสียหมด “คบกับผู้ชายน่ะครับ”

          สิ้นเสียง ลูกน้องอีกสามสี่คนที่อยู่ด้วยต่างพากันนิ่วหน้าเบ้ปากคล้ายกับไม่อยากจะเชื่อนัก มีเพียงเดชคนเดียวที่ยังคงมีสีหน้าเช่นเดิม

          “มันเป็นใคร”

          “ระ…รู้สึกจะชื่อเนละมั้งครับ คนที่หาเรื่องคุณในร้านน่ะครับ…”

          จากที่คิดว่าหัวหน้าจะต้องโมโหเอามากๆ ที่ตนพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่เดชกลับหัวเราะลั่นจนน้ำตาเล็ด

          “ฮะๆๆ อย่างนั้นหรอกหรือ หมอนั่นทำฉันตกใจได้ตลอดจริงๆ” เดชเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสูงอย่างทุกที ใบหน้านั้นไม่เจือแม้แต่ความหงุดหงิดแม้แต่น้อย หนุ่มใหญ่ปาดน้ำตาออกก่อนจะสวมแว่นกลับเข้าที่เดิม “ถ้าเป็นไอ้หนูนั่นจริง ฉันก็ยังพอรับได้มากกว่าแม่สาวเชียร์เบียร์น่ารำคาญนั่นอีกนะ…”

          พูดเพียงแค่นั้นแล้วก็กลับมาหน้านิ่งเหมือนเดิม แต่กลับดูน่าสะพรึงขึ้นอย่างน่าพิศวง

          ใช่…ที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากจะแตกหักกับเพื่อนรักอย่างวัฒน์เลยสักนิด แต่ที่ทุกอย่างมันต้องกลายมาเป็นแบบนี้ก็เพราะมาโนชกับสิทธิ์นั่นล่ะ

          นับตั้งแต่ว่าที่ผู้สืบทอดคนนี้เกิดมา บุรุษผู้เคยทำให้ทุกคนพากันครั่นครามเพียงแค่ได้ยินชื่อกลับกลายมาเป็นเสือแก่ที่ทิ้งอำนาจเงินทองทั้งหมดไปและยัดเยียดของเหล่านั้นให้กับลูกชายเพียงคนเดียวของตน ที่ไม่ได้นึกอยากเดินตามรอยบิดาเลยสักนิด แต่เพียงเพราะไม่อาจทนทอดทิ้งเหล่าคนที่เคยติดตามบิดาตนได้ สิทธิ์จึงพยายามแบกรับสิ่งที่ตนไม่ชอบ ทั้งยังตั้งใจจะแปรเปลี่ยนทุกอย่างให้กลายเป็นเรื่องถูกต้องอีก

          น่าขำสิ้นดี! ไอ้อยากจะทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไปเพราะเหนื่อยและเบื่อหน่ายก็ยังพอรับได้ แล้วทำไมจะต้องเอามันไปให้คนที่ไม่ได้อยากจะรับด้วย ไอ้คนรับก็พอกัน ถ้าไม่ชอบนักก็ทิ้งไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจะดีกว่า หรือไม่อย่างนั้นก็ยกให้ใครที่เขาเหมาะสมกว่าก็ได้ จะมาทำตัวครึ่งๆกลางๆแบบนี้ไปทำไม ไอ้ความเห็นใจไม่เข้าเรื่องพรรค์นั้น มีแต่จะทำให้กลุ่มมันตกต่ำลงจนน่าสังเวชเสียเปล่าๆ

          และที่น่าเจ็บใจกว่าคือเพื่อนที่ร่วมทำงานกันมาตั้งนานกลับไม่ขัดคำสั่งของมาโนชเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งยังสนับสนุนสิทธิ์เต็มที่เสียจนแทบไม่เหลือเค้าปีศาจร้ายที่เขาเคยรู้จัก ทั้งที่ตนก็พยายามคัดค้านเต็มที่ แต่คนส่วนใหญ่กลับเห็นชอบเสียอย่างนั้น โดยเฉพาะวัฒน์

          เพราะไอ้เด็กนั่นไม่ใช่หรือ แก๊งเรามันถึงตกต่ำจนคนอื่นเขาพากันดูถูกแบบนี้…ไม่รวมถึงนายที่ต้องกลายมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กของหมอนั่นอีก เห็นแล้วอยากจะอ้วก นายไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย...ไม่ใช่เลยสักนิด...

          ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งทนไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าอดทน จนกระทั่งนึกถึงทางออกสุดท้ายที่ไม่ได้จะอยากทำนัก แต่เพราะเหลืออดแล้วถึงได้ตัดสินใจทำ

          ลองว่าไม่มีสิทธิ์สักคน ทุกอย่างคงกลับไปเป็นเหมือนเดิม หรือไม่อย่างนั้นก็ให้มันล่มสลายไปเลยก็ได้ ดีกว่าให้มันยังคงอยู่อย่างน่าสมเพชแบบนี้ตั้งเยอะ ยังไงเขาก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วด้วย เพราะต่อให้ต้องตายเพราะทรยศ ก็ยังดีกว่าต้องอยู่เป็นตัวตลกให้ใครต่อใครหัวเราะยังจะดีกว่า

          และทั้งที่เคยเกือบจะได้ตายสมใจด้วยมือของเพื่อนตัวเองแท้ๆ สุดท้ายเจ้าเด็กนั่นยังจะมาขัดขวางอีก ช่างเป็นคนดีผิดพ่อผิดแม่มันเสียเหลือเกิน

          เขาเองก็ไม่ได้รังเกียจคนดีนักหรอก แต่มาอยู่ผิดที่ผิดตำแหน่งแบบนี้ เห็นแล้วมันน่าหงุดหงิดจนทนไม่ได้ หากอยากจะเป็นคนดีในตำแหน่งนี้นัก เขาก็จะทำทุกอย่างให้อีกฝ่ายพ้นไปจากที่ตรงนั้นซะ ยิ่งตอนนี้ถือเป็นโอกาสดีที่สุดเท่าที่เคยรอมาแล้วด้วย เขาไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านเลยไปเฉยๆแน่

          ที่ผ่านมาที่เขาไม่เคลื่อนไหวให้มากนักเพราะคนในกลุ่มคอยจับตามองตนมาก จึงทำได้แต่ตอดเล็กตอดน้อยไปเรื่อย หวังว่าเมื่อได้อำนาจมากพอแล้วจะโค่นล้มเสาหลักให้พังในทีเดียวไปเลย ซึ่งตอนนี้ก็มากเหลือล้น พร้อมกับโอกาสที่อาจจะหาไม่ได้อีกแล้วด้วย

          คราวนี้มันจะไม่เหมือนอย่างที่ผ่านมาแน่...ฉันจะให้พวกนายตาสว่างเองว่าวิธีการของไอ้เด็กนั่นมันผิด

 

          เนนิ่วหน้ามองซองแผงยาสองซองที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของวัฒน์ตรงหน้าตนด้วยความเคร่งเครียด ชั่งใจอยู่นานมากทีเดียวว่าจะใช้มันดีหรือไม่ ใจจริงเขาอยากจะให้วัฒน์สมัครใจกินเองมากกว่า แต่ลุงแกไม่ยอมนี่แหละ

          ‘ตอนนี้มันใช่เวลามานอนที่ไหน’

          เขาก็เข้าใจว่าตอนนี้มันยุ่งจนแม้แต่เวลาพักก็น้อยลงจนแม้แต่ตัวเนเองยังอ่อนล้าไปด้วยเลย แต่อย่างน้อยงานเขาก็ไม่ได้ทำงานมากกว่าวัฒน์ ยังได้พักเยอะกว่าลุงแกโข แต่นี่ขนาดว่าวันอาทิตย์ วัฒน์ยังต้องไปนั่งสะสางงานที่บริษัทเลย

          ถ้าฝืนแบบนี้ต่อไป ได้ตายคางานก่อนจัดการเดชแน่

          และดูเหมือนฉัตรก็จะรู้ดีเหลือเกิน ถึงได้ให้ยานอนหลับกับเขาเมื่อวันก่อนตอนที่เนไปเอาเอกสารจากที่ร้าน ทั้งยังแซวเขาไม่เลิกว่าหากวัฒน์ไม่ยอมกิน ก็ให้ตนลากขึ้นเตียงแล้วเอาให้หมดแรงจนลุกไม่ไหวซะเลย

          แบบนั้นมันไม่น่าจะเรียกว่าพักละมั้ง เดี๋ยวได้ขาดใจตายคาเตียงจริงๆหรอก

          “เน”
         
          เจ้าของชื่อสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนที่แก่ลงไปเป็นสิบปี ท่าทางเหมือนยืนไม่ค่อยจะอยู่นัก ใบหน้าก็อิดโรยทรุดโทรมและซีดเซียวเหมือนคนเป็นโรค ขอบตาก็ดำคล้ำอย่างกับหมีแพนด้า

          “เอ่อ เสร็จงานแล้วหรือครับ” เนทักพลางมองตะวันที่ยังส่องจ้าผ่านหน้าต่างห้องนอน

          “คิดว่านะ...” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแหบแห้ง ก่อนจะเดินสะโหลสะเหลแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอนแบบไม่สนใจจะถอดถุงเท้าด้วยซ้ำ

          แต่ยังไม่ทันจะได้ม่อยหลับ เสียงโทรศัพท์ก็ปลุกเจ้าของเสียแล้ว

          “เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ” วัฒน์ร้องเสียงหลงเมื่อเนกระชากมือถือออกไปจากมือตนแล้วกดทิ้งเสียอย่างนั้น

          “เลิกทำงานสักทีเถอะครับ เดี๋ยวก็ตายหรอก” เนขึ้นเสียงใส่ ก่อนจะยกมือถือหนีจากมือของอีกฝ่าย “งานเดินช้าไปวันเดียวไม่ทำให้บริษัทเจ๊งหรอกครับ แต่ถ้าคุณไม่หยุดพักละก็ ได้ตายก่อนแน่”

          หนุ่มใหญ่อ้าปากหมายจะเถียง แต่แรงก็ไม่ค่อยจะมีนัก สมองเองก็ฝืดเคืองจนคิดอะไรไม่ค่อยจะออกด้วย

          “เออๆ พักก็ได้”

          “งั้นก็รีบลงไปนอนเลยครับ” เนแทบจะกระโดดตอนที่เห็นอีกฝ่ายยอมง่ายๆ

          “เดี๋ยวๆ ไม่ต้องขนาดนี้ก็ได้มั้ง” วัฒน์ร้องบอกเมื่ออีกฝ่ายบริการให้เสียดิบดีด้วยการพาตนนอนเตียงดีๆพร้อมกับห่มผ้าให้ ยังดีหน่อยที่ไม่ได้เปลี่ยนเสื้อให้ด้วย

          “น่าครับ....แล้วก็นี่” เนว่าก่อนจะยื่นยาหนึ่งเม็ดพร้อมแก้วน้ำ “ยาแก้ปวด กินสักหน่อยจะได้หลับสบาย”

          เขาไม่ได้โกหกนะ มันเป็นยานอนหลับที่มีสรรพคุณแก้ปวดจริงๆนี่

          และเพราะเพลียมากแล้วด้วยหรือไร วัฒน์จึงยอมกินง่ายๆโดยไม่ไถ่ถามเลยสักนิด ทำเอาเนถึงกับยิ้มออก กินปุ๊บฟุบปั๊บ แบบไม่ต้องรอผลเลยสักนิด

          หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีเสียงมือถือของวัฒน์ดังขึ้นอีกแล้ว ซึ่งเนเกือบจะกดตัดสายทิ้งไป แต่พอเห็นว่าเป็นชื่อของฉัตรจึงกดรับขึ้นแทน

          “ครับ”

          “อ้าว แกจัดหนักไอ้วัฒน์จนมันนอนพังพาบอยู่บนเตียงแล้วเหรอ”

          “ใช่ที่ไหนละครับ!” เนตะคอกใส่ก่อนจะสะดุ้งแล้วหันไปมองคนที่กำลังนอนหลับฝันดี ก่อนจะลดระดับเสียงลด แม้ท่าทางต่อให้ฝูงช้างตกมันวิ่งผ่านวัฒน์ก็คงไม่มีทางจะตื่นขึ้นมาก็ตาม “เขาเหนื่อยจนหลับไปแล้วเฉยๆต่างหาก”

          “เออ ยังไงก็ขอแค่มันพักบ้างก็พอ” เนสุดแสนจะโล่งใจเมื่ออีกฝ่ายเลิกแซว “งั้นแกมาช่วยงานฉันหน่อยสิ มาที่บ้านฉันตอนนี้เลยนะ”
         
          หลังจากวางหูไปเนก็ได้แต่ปั้นหน้ายุ่งแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะออกไปจากห้องอย่างจำยอม อย่างน้อยเขาก็หวังว่าทุกอย่างคงจะดีขึ้นเมื่อจัดการเดชได้

 

          วัฒน์ปรือตามองเพดานในห้องนอนตนอย่างงัวเงีย พอหันไปมองรอบเตียงก็พบว่าในตอนนี้ตนอยู่ในห้องเพียงคนเดียว เห็นเวลาแล้วหนุ่มใหญ่ถึงกับผงะที่ตนเผลอนอนยาวเสียสิบกว่าชั่วโมง เขาค่อยๆยันร่างขึ้นมาอย่างยากลำบาก แม้จะได้พักผ่อนไปเสียเต็มที่แต่ก็ยังรู้สึกเพลียไม่เลิก จนชักอยากจะล้มกลับไปนอนเหมือนเดิม

          แต่เสียงมือถือที่ดังขัดขึ้นดูจะไม่ยอมให้เขาทำตามที่ต้องการนัก

          วัฒน์นิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นเป็นเบอร์ไม่คุ้นเคย เขาชั่งใจอยู่นานจนกระทั่งสายตัดไป และในที่สุดก็กดรับเมื่อโทรเข้ามาอีกครั้ง

          “ไง โทรไปตั้งหลายทีไม่ยอมรับนะ”

          หนุ่มใหญ่ชักสีหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงของเดชในสาย

          “นี่ก็นานมากแล้วนะที่ไม่ได้โทรหานาย” อีกฝ่ายยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนคิดถึงความหลังอยู่

          “จะดีกว่านี้ถ้าไม่ต้องได้ยินอีกตลอดชีวิต” วัฒน์พ่นใส่อย่างหงุดหงิด ยิ่งเพิ่งตื่นๆชวนให้อารมณ์เสียหนักกว่าเดิม

          “แล้วตอนนั้นทำไมถึงไม่ฆ่าฉันซะให้จบเรื่องไปเลยล่ะ”

          คนที่กำลังง่วงมุ่นคิ้วหนัก นี่ถือเป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายกระชากเสียงใส่นับตั้งแต่เห็นเป็นศัตรูกัน

          “แต่ในเมื่อไว้ชีวิตฉันก็ขอใช้ให้คุ้มละกัน” เสียงปลายสายพูดต่อ ไม่เจืออาการล้อเลียนเยาะเย้ยอย่างทุกที “เสียดายเป็นบ้าเลยนะที่วันนั้นไอ้สิทธิ์มันไม่ตาย หนังเหนียวจริง”

          วัฒน์บึ้งหน้า แม้จะรู้อยู่แต่แรกว่านั่นคือแผนของอีกฝ่าย แต่ก็ไม่อาจระงับความโกรธที่ปะทุอยู่ภายในเอาไว้ได้เลย

          “ทำไมถึงต้องทรยศคุณสิทธิ์”

          “นายก็ชอบถามอะไรซ้ำๆเหลือเกินนะ” คราวนี้อีกฝ่ายกลับมาใช้น้ำเสียงสูงเหมือนเดิม “ก็ฉันอยากนั่งในตำแหน่งของไอ้เด็กอมมือนั่นแทนไง”

          “ทำไมถึงต้องทรยศคุณสิทธิ์”

          เดชชะงักค้างไปเมื่อเจอคำถามเดิมติดๆกัน

          “ฉันรู้อยู่แต่แรกแล้วว่านั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของแกจริงๆ” หนุ่มใหญ่เอ่ยก่อนพลางกุมหัวตัวเอง “แต่เพราะแกไม่คิดจะบอก ฉันเลยไม่คิดจะถามมาตลอด เพราะในเมื่อตั้งใจจะเป็นศัตรู เหตุผลอะไรก็ไม่จำเป็นทั้งนั้น”

          ปลายสายเงียบไปนานมากกว่าจะพูดขึ้น

          “แล้วนึกยังไงรอบนี้ถึงถามเสียล่ะ คิดว่าถ้ารู้แล้วจะมาช่วยแก้ปัญหาได้หรือไง”

          “ไม่คิด” วัฒน์ตอบฉะฉาน “แค่ฉันจะได้ฆ่านายอย่างไม่ต้องติดใจสงสัยอะไรก็เท่านั้น”

          อีกฝ่ายหัวเราะลั่น

          “คำตอบสมเป็นนายจริงๆเลยนะ” น้ำเสียงทุ้มกลั้วหัวเราะ “ก็ได้ ฉันจะบอกว่าทำไม...แต่ต้องหลังจากที่ไอ้สิทธิ์มันตายก่อนน่ะนะ”

          “ได้ ฉันจะถามแกอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะยิงแกทิ้งโดยที่แกทำอะไรคุณสิทธิ์ไม่ได้แม้แต่ปลายเล็บ”

          ทั้งที่เจออีกฝ่ายสวนกลับทันควัน เดชกลับหัวเราะราวกับไม่ได้เกรงกลัวคำขู่นั่นเลยสักนิด

          “ก็มาดูละกันว่าฉันหรือนายที่จะแพ้”

          วัฒน์มองโทรศัพท์ในมือตนนิ่ง คิ้วหนามุ่นเข้าหากันด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะโยนมือถือทิ้งลงบนเตียงแล้วลุกขึ้นหมายจะเข้าไปผ่านน้ำให้ตาสว่าง แต่ยังไม่ทันจะได้เดินไปถึงหน้าประตูห้องน้ำเสียงมือถือก็ดังขึ้นอีกแล้ว

          “หวังว่าจะเป็นข่าวดีนะ”

          เจอโดนดักคอแบบนี้ ฉัตรถึงกับค้างไปหลายวิ

          “เอ่อ มันมีทั้งคู่อะ” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างหวาดๆปนลังเล “งั้นเอาข่าวดีก่อนก็แล้วกัน เรื่องที่ฉันบอกนาย ตอนนี้ทุกอย่างฉลุยเรียบร้อย เราเก็บหลักฐานว่าไอ้เดชติดต่อกับศัตรูเราได้แล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่แกละ ว่าจะจัดการมันเลยหรือยังไง”

          “หลักฐานแค่นั้นยังทำอะไรมันไม่ได้มากหรอก” วัฒน์บอกเสียงเหี้ยม ทำเอาคนในสายหวั่นขึ้นมาแปลกๆ “เอาแบบให้ชัดเจนว่ามันตั้งใจฆ่าคุณสิทธิ์ เอาให้ดิ้นไม่หลุด”

          “ครับผม...” ฉัตรตอบเสียงค่อย เมื่อข่าวดีกลายเป็นข่าวไร้ประโยชน์

          “แล้วข่าวร้ายล่ะ”

          คนในสายเงียบไปนานมาก

          “คือพอดีฉันขอให้เนมาช่วยงานกับฉันคืนนี้ แล้ว...”

          พูดเพียงแค่นั้นไปสายก็ตัดเสียแล้ว

          วัฒน์ดึงมือถือออกมาก่อนจะกดโทรกลับ แต่กลายเป็นฝากข้อความเอาไว้

          “บ้าจริง” หนุ่มใหญ่สบถก่อนจะพยายามโทรไปอีกครั้งแต่ผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม “อะไรวะ”

          วัฒน์โทรไปหาเนแทน เขานึกแค้นฉัตรอยู่เล็กๆที่โทรไม่ติดเอาช่วงเวลาสำคัญเสียอย่างนั้น แต่ก็โทรไม่ติดเหมือนกัน หนุ่มใหญ่พยายามโทรหาเนอีกครั้ง แต่ก็ฝากข้อความไปซะทุกครั้ง จนเขาชักหวาดหวั่นขึ้นมา

          ไม่หรอก เนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหมอนั่นสักหน่อยนี่…

          เขาพยายามระงับความกลัวของตน และถึงแม้จะบอกตัวเองเช่นนั้น กลับไม่ทำให้ความกังวลลดลงไปเลยแม้แต่น้อย

          “เหวอ”

          วัฒน์เลิกคิ้วมองคนที่ร้องใส่หน้าตน ก่อนจะถอนหายใจออกมา

          “มีอะไรหรือเปล่าครับ” เนนิ่วหน้ามองคนที่อยู่ๆก็เปิดประตูผางก่อนที่ตนกำลังจะเปิดพอดี

          “ฉันโทรหานายไม่ติด”

          “อ๋อ พอดีแบตหมดน่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบพลางนิ่วหน้าให้ “มีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ”

          “ไม่...ไม่มีอะไร แค่ก่อนหน้านั้นไอ้ฉัตรโทรมาแล้วสายตัด” หนุ่มใหญ่ว่า รู้สึกเหมือนหมดแรงเอาดื้อๆ

          เนสะดุ้งนิดหน่อยก่อนจะประคองอีกฝ่ายที่เข้ามาพิงตน ใบหน้าที่ซุกตรงซอกไหล่ทำเอาเด็กหนุ่มลุกลี้ลุกลน แต่ก็ยื่นมือไปโอบอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติเสียอย่างนั้น

          “เอ่อ…ไม่เป็นอะไรนะครับ”

          “ไม่” เสียงทุ้มเอ่ยงึมงัมอยู่บนไหล่ของเด็กหนุ่ม

          “เป็นห่วงผมหรือครับ” เห็นอาการของอีกฝ่ายแล้วอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ เลยพลั้งปากแซวออกไป

          “อืม”

          เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนหายใจลำบากขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทั้งที่เป็นคนออกปากแซวเองแท้ๆ ยิ่งอีกฝ่ายเอ่ยอยู่ใกล้ๆหูตน ทำเอาร้อนผ่าวไปทั้งหน้า

          “มะ…ไม่ต้องเป็นห่วงผมนักหรอกครับ…คุณมากกว่าที่น่าเป็นห่วง” เด็กหนุ่มบอกเสียงตะกุกตะกัก แต่ก็ไม่ยักจะผลักอีกฝ่ายออก “แล้วนี่ตื่นขึ้นมาทำอะไรป่านนี้น่ะครับ”

          “แค่ฝันร้ายน่ะ”

          เนชะงักเล็กน้อย เพราะน้ำเสียงหนุ่มใหญ่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นเสียจนน่ากลัว

          “แล้วเป็นไงบ้าง เห็นฉัตรบอกว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นด้วยนี่” หลังจากโล่งอกก็เอ่ยถามแล้วผละออกมาจากเด็กหนุ่ม

          “เอ๋ ก็ไม่มีนะครับ” เนนิ่วหน้า “ขาออกมาเขายังแซวผมอยู่เลย”

          “งั้นหรือ...ถ้างั้นคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร...” หนุ่มใหญ่สรุปความ เพราะถ้ารุนแรงจริงๆ รายนั้นคงพูดขึ้นมาก่อนแล้ว “ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปถามแล้วกัน”

          เนพยักหน้าให้พลางมองคนที่แย่งห้องน้ำตัวเอง เขาไม่แน่ใจว่าเพราะอีกฝ่ายยังพักผ่อนไม่พอหรืออย่างไร ถึงได้ทำสีหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น

          คงไม่มีอะไรมั้ง



_______________________________________________



ใกล้ไฟท์แล้ว =w=

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4
จะเข้าโหมดเครียดกันอีกแล้วเหรอ  :ling1:

งงกับเดชมันจังเลย มันสับสนหรือคนอ่านสับสนก็ไม่รู้  :m26:

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
ฉัตรตั้งใจจะพูดอะไรอ่า  :katai1:
เรื่องจริงจังรึว่าเรื่องไร้สาระล่ะเนี่ย?

ออฟไลน์ minneemint

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1632
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด