HEY! STOP ME BABY!!
รักกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
*คุณพ่อมือใหม่*
เช้าวันหยุด
ขณะที่คุณชายเวย์ อดีตสกินเฮดกำลังนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์สบายอารมณ์ ข้าวตังก็เดินเข้ามาในบ้านพร้อมเด็กผู้หญิงตัวน้อยคนหนึ่ง
“เวย์” หนุ่มหน้าหวานเอ่ยเรียก
เวย์เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์มามอง ส่งยิ้มให้เมียรักแล้วชะงักกึกเมื่อเห็นว่ามีเด็กหญิงตัวน้อยมาด้วย เวย์พับหนังสือพิมพ์เก็บแล้วลุกไปหา
“พาลูกใครมาน่ะ?”
เวย์เดินเลี่ยงเด็กน้อย เพราะไม่ถูกกับเด็ก ดวงตากลมแป๋วแหววนั่นก็มองตาม ขณะที่ข้าวตังส่ายหน้ากับกิริยาอาการของเวย์ วิญญู เป็นเอามากนะนี่
“ลูกของเราไง”
“ห... หา? ลูกเรา? เรามีลูกตั้งแต่ตอนไหนวะ??”
คำตอบจากหนุ่มหน้าหวานทำเอาเวย์ วิญญูมึนตึ้บ ตั้งแต่แต่งงานกันมา เขาไม่เคยแอบไปวอกแวกนอกลู่นอกทางที่ไหนเลยนา หรือว่า...!!
เวย์เบิกตากว้างมองข้าวตังอย่างไม่อยากเชื่อ แต่พอมาคิด ๆ ดู คนอย่างข้าวตังคงไม่มีทางไปทำใครท้องได้หรอก มีแต่เขานี่ที่จะทำให้ข้าวตังท้อง เอิ้ก ๆ
“........” ข้าวตังมองเวย์อย่างหวาด ๆ เมื่ออีกฝ่ายเดี๋ยวทำหน้างง เดี๋ยวตกใจ เดี๋ยวหัวเราะ เอ่อ... นี่กูไม่ได้รักกับคนบ้าหรอกใช่ไหม???
“หงึ” เด็กหญิงตัวน้อยมองเวย์ที่ท่าทางแปลก ๆ แล้วก็กอดขาข้าวตังแน่น หนูกลัวววว
“เป็นบ้าอะไรวะ ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ กินยาผิดปะ?” ข้าวตังเหน็บแนม
“เปล่า แล้วนี่ตกลงพาลูกใครเขามา?”
เวย์ปรับกิริยาอาการของตนเองให้ดูเป็นผู้เป็นคนปรกติเขา ก่อนเอ่ยถามหนุ่มหน้าหวานอีกครั้ง เพราะไม่เชื่อว่าตนเองหรือข้าวตัง คนใดคนหนึ่งจะไปแอบมีลูกไว้ที่ไหน
“ลูกเรา” ข้าวตังย้ำคำเดิม
เวย์ย่นหัวคิ้ว พูดบ่อย ๆ ชักเริ่มจะเชื่อตามแล้วนะนี่
“ยังมาอำอีก” เวย์ว่า
“อำบ้าอำบออะไร อย่าบอกนะว่ามึงลืม?”
“ลืมอะไรวะ?”
เวย์ วิญญูเอ๋อเหรอไปแล้ว ยิ่งเห็นอีกฝ่ายทำหน้างอน เวย์ยิ่งคิดหนัก เฮ้ย! นี่มันไม่ธรรมดาแล้วนะ!
เมื่อเห็นท่าว่าเวย์จะจำไม่ได้จริง ๆ ข้าวตังจึงเอาเอกสารรับรองบุตรบุญธรรมของเวย์มาให้ดู เวย์งงว่าตนเองไปทำไว้ตอนไหน ข้าวตังจึงเท้าความให้ฟังว่า ตอนไปมูลนิธิของลุงโชคแล้วเจอน้องหนูไลลาคนนี้แล้วเกิดรู้สึกถูกชะตาเลยขอรับมาเลี้ยงดู
“ใครถูกชะตานะ?” เวย์ขัดการสาธยายอธิบายความของหนุ่มหน้าหวาน
ข้าวตังทำปากยื่นเมื่ออีกคนดักคอ แล้วบอกไปอย่างเสียไม่ได้
“กูก็ได้”
“ใครนะ?” เวย์ทำเงี่ยหู เอ่ยถามล้อเลียน
“ข้าว ไอ้ข้าวคนนี้เองล่ะครับ!” ข้าวตังว่าประชดหน้าตึง พูดกู พูดมึงก็ไม่ได้ ไอ้เวย์บ้า!
“มีประชดนะ เดี๋ยว ๆ” เวย์ชี้หน้าคาดโทษ
หนุ่มหน้าหวานแลบลิ้นใส่ไม่กลัว เวย์ทำท่าฝากไว้ก่อนแล้วจึงอ่านเอกสารที่ข้าวตังนำมาให้ดู เขาเซ็นรับรองบุตรไปได้ยังไงกัน แต่ก็คงไม่น่าแปลกใจเท่าไรหรอกมั้งนะ ข้าวตังเสียอย่าง ต่อให้อีกสิบเวย์ วิญญู ก็สั่งได้
“พ่อ”
เสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเอ่ยเรียกก่อนเขย่าขาข้าวตังที่นั่งข้าง ๆ เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองคนเอาแต่คุยกันไม่สนใจหนูน้อยเลย เวย์เหลือบมองเมียรักของตนเองกับหนูน้อย ให้เขาเซ็นรับรองบุตร แต่ให้เรียกตัวเองว่าพ่อ ยังไงกันล่ะนั่น
ข้าวตังยกตัวหนูน้อยไลลาให้ขึ้นมานั่งบนตัก ตากลมแป๋วจึงมองตรงมายังเวย์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม เวย์ชะงัก กระแอมเล็กน้อยก่อนทำเป็นก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารราวกับมันสำคัญมากมาย ตาโต ๆ นั่นมันกดดันเขา~
“ไลลา เรียกป๋าเวย์สิลูก”
เวย์เงยหน้าขึ้นมามองเมื่อข้าวตังบอกให้เด็กหญิงตัวน้อยเรียกตนเองว่าป๋า ทำให้มองสบตาแป๋วแหววนั้นอย่างไม่ตั้งใจ เด็กน้อยมองมาที่เขานิ่ง ๆ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าทั้งเวย์ทั้งข้าวตังต่างลุ้นพอกัน ก่อนที่ริมฝีปากอมชมพูเล็ก ๆ น่ารักนั้นจะขยับเขยื้อนเอ่ยคำออกมา
“ป๋า”
อา เสียงเล็ก ๆ กับหน้าตาแสนใสซื่อนั้นเกือบทำให้เวย์ตกหลุมพรางเสียแล้ว แต่เมื่อนึกถึงเวลาเด็กตัวน้อย ๆ ร้องไห้กระจองอแง เสียงหวีดร้องแหลมเล็ก ทั้งดื้อทั้งซนแล้ว เวย์ก็ปัดความรู้สึกเมื่อครู่ทิ้งไปแล้วท่องไว้ว่ามันเป็นหลุมพราง แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ใช่ เพราะข้าวตังดูจะปลาบปลื้มชื่นชมสมประดีเสียเหลือเกิน กอดรัดฟัดเหวี่ยงลูกสาวบุญธรรม(ของเขา)เสียแนบแน่น
“เก่งมากลูก น่ารักกกก”
“เฮ้ย ๆ ยังไม่ได้ยอมรับเลยนะว่าเป็นลูกน่ะ”
เวย์เอ่ยแย้ง ทำให้ดวงตากลมโตสองคู่มองตรงเป๋งมาที่เขา หน้าตาที่ดูดุโดยไม่ตั้งใจของเวย์ทำให้หนูน้อยไลลาเบะปากจะร้องไห้ แม้แต่คนที่ตั้งตัวเป็นพ่ออย่างข้าวตังยังเอากับเขาด้วย ตกลงใครเด็กใครผู้ใหญ่วะเนี่ย?
“เออ ๆ ยอมก็ได้ อย่าร้องนะ ถ้าร้องนี่มีเจ็บ ทั้งพ่อทั้งลูกเลย” เวย์ข่มขู่
“ไม่ร้องนะคะ ไลลา”
เมื่อเวย์บอกยอมรับข้าวตังก็รีบปลอบหนูน้อยกลอยใจทันที งานนี้ไม่หมูนา โอกาสที่เวย์จะยอมให้เลี้ยงเด็กได้แบบนี้หาได้ยาก ถ้าฉลาดพอก็ต้องรีบคว้าเอาไว้ หึ ๆ
เวย์ วิญญู หรือจะรู้ทัน ข้าวตัง ปิโยรส
หลังจากมีน้องไลลาเข้ามาเป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้าน ทั้งบ้านของข้าวตังและบ้านเวย์ก็ดูจะคึกคักกันใหญ่ ต่างก็เอาอกเอาใจน้องหนูตัวน้อยหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูคนนี้เป็นอย่างมาก แต่คนที่ไม่เข้ามาร่วมวงกับคนอื่นสักครั้งก็ยังคงเป็นเวย์ วิญญู เจ้าเก่า เวย์พยายามที่จะเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับเด็กน้อย แต่คนมันอยู่บ้านเดียวกัน ยังไงก็ต้องเจอต้องใกล้ชิดกันอยู่วันยันค่ำ
ในวันหนึ่งที่เวย์กลับบ้านหลังจากทำงานมาเหนื่อย ๆ พอเดินเข้ามาด้านในอย่างกับพายุลง พื้นบ้านเกลื่อนกราด เละเทะ เต็มไปด้วยของเล่นเด็ก เห็นข้าวตังกำลังเล่นอยู่กับน้องไลลาจึงเอ่ยถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ข้าวตังเลยบอกเด็กก็แบบนี้ล่ะ เล่นซนตามประสา เพราะน้องไลลาตัวน้อยก็เพิ่งจะสองขวบครึ่ง กำลังซนเลยทีเดียว
“มึงก็มาเล่นกับลูกบ้างสิ เวย์ กูเห็นมึงชอบเลี่ยงเรื่อยเลย เดี๋ยวลูกมันก็ฝังใจหรอกว่ามึงไม่รัก” ข้าวตังกระซิบกระซาบ
เวย์มองหนูน้อยที่เล่นของเล่นไม่สนใจใครแล้วกลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ มันจะดีรึ? แต่พอมองข้าวตังที่พยักหน้าหงึกหงักแล้วเวย์จึงกลั้นใจเข้าไปเล่นกับหนูน้อย ตอนแรก ๆ มันก็ดีอยู่หรอก เพราะน้องไลลาเล่นของเล่นก๊อก ๆ แก๊ก ๆ ไปตามเรื่อง แต่พอเวย์คลายใจได้หน่อยเดียว หนูน้อยก็ปีนขึ้นขี่คอ ทำให้เวย์ร้องลั่น
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก”
ร่างสูงดีดผึงขึ้นมาจากเตียงนอน เหงื่อท่วมตัวไปหมดอย่างกับแอร์ในห้องเสีย ข้าวตังเข้ามาในห้อง มองเวย์ที่นั่งหอบอยู่บนเตียงแล้วเอ่ยถาม
“เป็นอะไร แหกปากซะลั่นบ้าน”
เวย์ที่ตั้งสติอยู่ชั่วครู่ เมื่อทบทวนทุกอย่างดีแล้วจึงรู้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นมันแค่ความฝัน เพราะตอนนี้เขาอยู่บนเตียงนอน ไม่ใช่ห้องนั่งเล่นที่มีของเล่นเกลื่อนกราด และในห้องนี้ก็ไม่มีน้องไลลาตัวน้อยคนนั้นด้วย
“เวย์ฝันอะ ข้าว” เวย์เอ่ยบอกข้าวตัง
หนุ่มหน้าหวานขมวดคิ้วก่อนเอ่ยถาม “ฝัน? ฝันอะไรวะ?”
“ฝัน มัน... ฝันโคตรร้ายเลย ข้าว เวย์ฝันว่าเวย์มีลูก อ๊ากกกกก เด็กผี โคตรซน เวย์ไม่อยากมีลูกอะ ข้าว ไม่เอาแล้ว บรื๋อออ”
เวย์เล่าไปก็ทำท่าขนลุกไป แถมมีแต่งเติมเองอีกมากมายหลายล้านแปด ต่อเมื่อเงยหน้ามองอีกคน เวย์ก็ชะงักคำพูด สีหน้าข้าวตังดูเจื่อน ๆ อย่างไรไม่รู้
“มีอะไร?” เวย์เอ่ยถามคนหน้าหวานที่เหมือนจะมีเรื่องปิดบัง
“คือ... เวย์ เวย์อย่าโกรธนะ ข้าวจะบอกว่า เอ่อ…”
พูดเพราะ แถมแทนตัวเองว่าข้าวเสียด้วย มีพิรุธชัด ๆ มาแนวนี้ต้องทำอะไรผิดมาชัวร์! เวย์กอดอกหรี่ตามองข้าวตังที่ยิ้มแหยส่งมาให้…
ห้องเด็กอ่อน ณ โรงพยาบาล
เด็กหญิงตัวน้อยวัยแรกเกิดกำลังนอนหลับปุ๋ย ผิวเด็กอ่อนใสอมชมพู ปาก คอ คิ้ว คาง ดูจิ้มลิ้มพริ้มเพรา มันคงจะน่ารักมากในสายตาของเวย์ ถ้าคนที่ยืนอยู่ข้างกันจะไม่เอ่ยบอก
“ข้าวรับเขาเป็นลูกแล้วล่ะ เวย์”
เสียงหวาน ๆ ของเมียรักมันช่างไม่หวานหูเอาเสียเลย เวย์ทำหน้าเหมือนจะตาย นี่เขาต้องเลี้ยงเด็กจริงหรือ ม่ายยยยยยย ความฝันมันต้องไม่ใช่ความจริงเซ่!!
ถึงจะอยากให้มันเป็นแบบนั้น แต่สุดท้ายแล้วเวย์ วิญญู ก็ต้องตามใจข้าวตังสุดที่รักอยู่ดี คุณพ่อมือใหม่อย่างข้าวตังจึงต้องไปเรียนเรื่องดูแลลูกกับพยาบาล เข้าคอร์สเป็นจริงเป็นจังกันเลยทีเดียว เวย์เองก็ต้องไปด้วย แม้จะไม่เต็มใจไปก็เถอะ แต่พอไปบ่อย ๆ คุณป๋าอย่างเวย์ก็ชักจะเริ่มชิน
คุณแม่ทั้งสองของเวย์กับข้าวตังดูจะตื่นเต้นที่จะได้เลี้ยงหลาน อยากตั้งชื่อให้หลานด้วยกันทั้งนั้น ข้าวตังจึงถามเวย์บ้างว่าอยากตั้งชื่อลูกว่าอะไร เวย์ดันไปตั้งชื่อลูกสาวว่าน้องมะลิ เพราะตัวลูกขาวจั๊วะเหมือนดอกมะลิเลย ข้าวตังว่าเดี๋ยวลูกโตขึ้นก็เปลี่ยนเป็นแจสมินหรอก สุดท้ายแล้วข้าวตังจึงให้คุณแม่ทั้งสองช่วยกันตั้งชื่อจริงของลูกสาวให้ ส่วนเขาตั้งชื่อเล่นให้ลูกเอง ลูกสาวตัวน้อยชื่อน้องข้าวหอม เป็นอันตกลงกันเช่นนั้น แต่เวย์ก็ยังเรียกน้องมะลิอยู่ดี จะแหวกไปไหน
คุณแม่ทั้งสองช่วยกันเลี้ยงหลานตอนที่เวย์กับข้าวตังไปทำงาน พอกลับมาพวกเขาก็ต้องดูแลเอง ทั้งอาบน้ำ ป้อนนม กล่อมนอน กลางคืนดึกดื่นก็ต้องลุกมาเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก เป็นงานหนักที่เวย์กับข้าวตังแทบจะยอมแพ้ แต่ในเมื่อมันคือหน้าที่ของความเป็นพ่อ ทั้งคู่ก็ยังคงทำอยู่อย่างนั้น คอยเฝ้าดูการเติบโตของลูกสาวตัวน้อย เมื่อเห็นพัฒนาการของลูกเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ คุณพ่อทั้งสองก็รู้สึกหายเหนื่อยกับความเหนื่อยยากที่ผ่านมา
แต่พอน้องข้าวหอมยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งดื้อ ยิ่งซน เพราะมีคุณย่ากับคุณพ่อคอยให้ท้ายตลอด จะมีก็แต่ป๋าเวย์ที่ชอบดุเวลาทำผิด คุณพ่อข้าวตังก็จะเป็นคนปลอบเวลาร้องไห้งอแง เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยทำให้เวย์ปวดหัว ทำงานมาเหนื่อย ๆ กลับมาต้องมาเจอแบบนี้ เวย์แทบกระอัก ด้วยความเครียดจากการทำงานทำให้พาลพาโลไปทุกสิ่งอย่าง ยิ่งพอถึงเวลานอนแต่น้องข้าวหอมยังอยากเล่นอยู่ ข้าวตังตะล่อมก็แล้ว บังคับก็แล้วยังดื้อดึง ร้องไห้เสียงดังจะเอาให้ได้ ทุกทีไม่เคยจะเป็นแบบนี้ เวย์ก็ชักจะทนไม่ไหวขึ้นมาจนตวาดเสียงดัง
“เงียบ!!”
ทั้งข้าวตังทั้งลูกน้อยชะงักกึก เวย์ลุกออกไปจากห้องนอนขณะที่สองพ่อลูกนั่งจ๋อยที่ถูกดุ
พออารมณ์ดีขึ้น เวย์จึงกลับเข้ามาในห้อง กะว่าจะขอโทษข้าวตังกับลูกน้อยด้วยที่เสียงดังใส่เมื่อครู่ เขารู้สึกเครียดแล้วก็ปวดหัวตุบ ๆ พอมาเจอเสียงร้องของลูกสาวยิ่งแย่ไปใหญ่
เมื่อเข้ามาในห้อง ข้าวตังกับลูกก็หลับไปแล้ว เวย์เอนกายลงนอนโดยมีลูกสาวตัวน้อยอยู่ตรงกลาง สองพ่อลูกข้าวตังกับข้าวหอมเขากอดกันกลม ข้างแก้มป่องของลูกน้อยมีคราบน้ำตาเป็นทาง เวย์นอนตะแคงมองหน้าลูก แตะแก้มป่องนั้นแล้วเช็ดคราบน้ำตาให้แผ่วเบา หนูน้อยข้าวหอมขยับตัวแล้วค่อยลืมตาขึ้นมา ก่อนพลิกกายมาหาเขา แขนเล็กป้อมพาดกอดคุณป๋าเอาไว้แล้วหลับตาลงอีกครั้ง
เวย์ยิ้มกับความเดียงสานั้น เขามองข้ามมันไปได้อย่างไรกันนะ ความน่ารักน่าเอ็นดูของลูกสาวตัวน้อย แม้จะดื้อจะซนไปบ้าง แต่ลูกสาวของเขาก็น่ารักกว่าใคร เวย์กอดลูกกับข้าวตังไว้แล้วจึงค่อยผล็อยหลับไปด้วยกัน
เวย์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน หัวเขาหนักจนแทบลุกขึ้นมาไม่ไหว เหลียวมองไปรอบห้องอย่างงัวเงียเพื่อมองหาลูกสาวกับข้าวตัง ก่อนจะสะดุดกับข้าวตังที่เปิดประตูเข้ามาในห้อง มันช่างเหมือนกับในความฝันจนเวย์แอบหวั่นใจ
“ข้าว”
“เดี๋ยววัดไข้นิดนึงนะ เวย์” ข้าวตังบอกกับคนที่เพิ่งตื่นนอน
เวย์ถึงได้รู้สึกตัวว่าบนหน้าผากของตนเองมีแผ่นเจลลดไข้แปะอยู่ ข้าวตังวัดไข้เสร็จแล้วจึงเช็ดตัวให้ เวย์นั่งมึน สมองยังประมวลผลช้าอยู่ ทำไมเขามึนหัวขนาดนี้นะ
“ข้าว”
“หือ?”
“ลูกล่ะ?”
“ลูก?” ข้าวตังทวนคำ
“อืม น้องมะลิไปไหนแล้วล่ะ?” เวย์ถามหาลูกสาวตัวน้อย
ข้าวตังยังไม่พูดอะไร พอเช็ดตัวเสร็จ เอาน้ำในอ่างไปเททิ้งในห้องน้ำก่อนออกมานั่งใกล้ ๆ เวย์แล้วมองหน้า
“อะไร?” เวย์งง ๆ ว่าข้าวตังจะมองตนเองแบบนั้นไปทำไม
หนุ่มหน้าหวานแตะหน้าผากของเวย์เพื่อวัดอุณภูมิร่างกายอีกครั้ง “ไข้ลดแล้วนะ เดี๋ยวก็หายดีแล้ว อย่าโหมงานหนักอีกล่ะ”
“พูดเรื่องอะไรน่ะ แล้วลูกล่ะ?”
เวย์ยังคงเอ่ยถามหาลูก เพราะข้าวตังมัวแต่พูดไปเรื่องอื่น ไม่ยอมตอบเขาสักที หรือว่าเขาจะฝันไปอีกแล้ว แต่ความฝันครั้งนี้มันช่างสมจริง ตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกับลูกสาวตัวน้อย ช่วงเวลาที่เขากับข้าวตังเลี้ยงดูลูกมาอย่างยากลำบาก ช่วงเวลาที่พวกเขามีความสุขเมื่อลูกเริ่มคลาน ช่วงเวลาที่ลูกตั้งไข่และหัดเดิน ช่วงเวลาที่ลูกของเขาพูดได้คำแรก ทำไมมันช่างสมจริงขนาดนี้ ความผูกพันที่มีนี่ก็ด้วย แล้วไหนจะมือน้อย ๆ ที่เขากุมนั่นล่ะ มันหายไปหมดเลยหรือ นี่เป็นเพียงความฝันอย่างนั้นหรือ ยิ่งคิด เวย์ยิ่งปวดหัว ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้ำตาของตนเองกำลังไหล
“เวย์ เป็นอะไร ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ?” ข้าวตังเอ่ยเรียกอย่างตกใจที่เห็นเวย์ร้องไห้
“ข้าว…”
เวย์เอ่ยเรียกข้าวตังแล้วก็ไม่รู้ว่าจะพูดจะบอกว่าอย่างไรดี ตอนนี้เขาเหมือนสูญเสียสิ่งสำคัญไป ข้าวตังกอดคนตัวโตเอาไว้ ลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
……..
หน้าโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่ง
ชายหนุ่มในชุดทำงานกำลังจูงมือเด็กหญิงตัวน้อยวัยสี่ขวบออกมาจากประตูโรงเรียน ทั้งคู่พากันไปขึ้นรถที่จอดอยู่ใกล้ ๆ โรงเรียนแห่งนั้น เมื่อขึ้นมาบนรถ ชายหนุ่มก็คาดเข็มขัดนิรภัยให้หนูน้อย มือป้อม ๆ นั้นไหว้ขอบคุณผู้ใหญ่อย่างน่ารัก เมื่อรถเคลื่อนตัว หนูน้อยจึงเอ่ยขึ้นมา
“ป๊ะป๋า วันนี้ข้าวหอมอยากกินพิซซ่าค่ะ ป๋าพาข้าวหอมไปหน่อยน้า~” เด็กหญิงออดอ้อน
“แต่วันนี้คุณย่าทำก๋วยเตี๋ยวหลอดไว้รอหนูแล้วนะลูก เอาไว้วันหลังดีไหมคะ?” ผู้เป็นพ่อบอกปัดโดยยกเอาคุณย่ามากล่าวอ้าง
เด็กหญิงตัวน้อยมุ่ยหน้าทำแก้มพอง ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือของคุณป๋าที่วางอยู่ที่ใส่ของข้าง ๆ ตัวขึ้นมากดหมายเลข
“ก็ข้าวหอมอยากกินวันนี้อ่า โทรหาคุณพ่อดีกว่า ป๋าไม่ตามใจข้าวหอมเลย”
คุณป๋าส่ายหน้ายิ้ม ๆ ขณะที่ลูกสาวตัวน้อยโทรถึงใครอีกคน
“พ่อขา ข้าวหอมอยากกินพิซซ่า”
เมื่อปลายสายกดรับก็คุยกันเสียงแจ๋ว เวย์ฟังเสียงเล็ก ๆ ที่โต้ตอบกับ ‘คุณพ่อ’ แล้วยิ้ม คุณพ่อข้าวกับป๋าเวย์ เฮ้อ ฟังแล้วมันชื่นใจจริง ๆ
น้องหนูข้าวหอมโทรหาคุณพ่อ อ้อนว่าอยากทานพิซซ่า แต่พ่อข้าวบอกว่าไว้วันหลัง เพราะวันนี้ย่าทำก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยไว้รอท่าแล้ว น้องข้าวหอมตัวน้อยก็ยอมตามใจคุณพ่อไม่มีเกี่ยงงอน มีหันมาบอกคุณป๋าอีกด้วยแหนะว่าคุณย่าทำก๋วยเตี๋ยวไว้รอแล้ว ข้าวหอมจะกินก๋วยเตี๋ยว เวย์ถึงกับถอนใจ มันน่าน้อยใจไหมนี่ ทีเขาพูด ลูกไม่เห็นจะยอมฟังเลย ใคร ๆ ก็รักก็ฟังแต่ข้าวตัง อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เพราะแม้แต่เขาเองก็ทั้งรักทั้งหลงข้าวตังไม่แพ้กัน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน น้องข้าวหอมก็วิ่งตื๋อไปหาคุณพ่อข้าวทันที แล้วเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้คุณพ่อกับคุณย่าฟังเสียงแจ๋ว คุณพ่อให้พี่เลี้ยงพาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนลงมากินข้าว หลังจากกินข้าวเสร็จ น้องข้าวหอมก็ดูทีวีกับคุณปู่คุณย่าแล้วถึงไปเข้านอน หอมแก้มราตรีสวัสดิ์คุณปู่คุณย่าแล้วยังหอมเผื่อไปถึงคุณลุงทั้งสามคนอีกด้วย
ริมระเบียงกว้างห้องเวย์ หลังจากที่ส่งลูกเข้านอนไปแล้วเรียบร้อย คุณพ่อกับคุณป๋าที่ยังไม่ง่วงก็ออกมาคุยกันข้างนอก
“เหมือนที่เวย์ฝันไว้ไหม?” ข้าวตังเอ่ยถาม
“ยิ่งกว่าอีก” เวย์ตอบรับอย่างรู้กันว่าอีกคนหมายถึงอะไร
“ไม่ต้องร้องไห้หาลูกแล้วใช่ไหมคุณป๋า~” ข้าวตังเอ่ยล้อเลียนทั้งสีหน้าก็ไปด้วยกันหมด ก่อนที่จะยิ้มขำ
“หึ ๆ” เวย์หัวเราะในลำคอกับคำล้อของสุดที่รัก
มันเหมือนเป็นโชคชะตาหรือฟ้าลิขิตที่ขีดเส้นให้เขาได้พานพบกับลูกสาวของเขาในวันนี้ ไม่นึกฝันว่าวันหนึ่งคนที่อยู่ในความฝันจะมีตัวตนขึ้นมาจริง ๆ ตอนที่เจอน้องข้าวหอมครั้งแรก เวย์ไม่ลังเลใจเลยที่จะมอบใจให้เด็กหญิงคนนี้ รับรู้ได้ด้วยใจ ด้วยความรู้สึกผูกพันที่มีว่าเด็กคนนี้นี่ล่ะ ที่จะเข้ามาใช้ชีวิตร่วมกับเขาและข้าวตัง มาเป็นหนึ่งในคนสำคัญของพวกเขาสองคน
เวย์ถอนใจเบาแล้วยิ้มบาง รู้สึกเต็มตื้นไปทั้งอกเมื่อวันนี้มีคนสำคัญทั้งสองคนอยู่เคียงข้าง ทั้งคนรักที่เป็นเหมือนอีกครึ่งหนึ่งของชีวิต และลูกสาวตัวน้อย ๆ ที่เป็นดั่งดวงใจอีกดวง
“ขอบคุณนะ ข้าว ที่คอยอยู่เคียงข้างเวย์มาจนถึงวันนี้”
“และจะอยู่ตลอดไปด้วย” ข้าวตังเอ่ยต่อ
เวย์มองตาคนที่ยืนพิงราวระเบียงอยู่ข้าง ๆ แล้วยิ้มให้ กุมมือเรียวแล้ววาดแขนโอบตัวบางนั้นไว้ในอ้อมกอด
“ก็เป็นซะแบบนี้ จะไม่ให้รักได้ไง”
“รักมากกว่านี้ก็ได้ ไม่เกี่ยง” หนุ่มหน้าหวานยักคิ้วกวน ๆ ให้
เวย์หัวเราะ ก่อนหอมแก้มขาว ๆ นั่นไปฟอดใหญ่
“แค่นี้ก็ยกให้หมดใจแล้วครับผม”
ข้าวตังทำปากว่าเลี่ยน แต่รอยยิ้มหวานกลับเกลื่อนใบหน้า ทั้งคู่หันมองเข้าไปภายในห้องนอนที่ลูกสาวตัวน้อยของพวกเขากำลังนอนหลับปุ๋ย เป็นเจ้าหญิงตัวน้อย ๆ ที่นำพาความสุขและเสียงหัวเราะมาให้ ทำให้คนที่เกลียดกลัวเด็กอย่างกับอะไรรักได้ขนาดนี้
น้องข้าวหอม(มะลิ) ลูกสาวของป๋าเวย์