“รวมทั้งสามีนายด้วยน่ะเหรอ”
ริมฝีปากสีสดคลี่ยิ้มยั่วประสาท หลังสำรวจแล้วว่ามือไม้ขาแข้งเล็กๆไม่สามารถทำอันตรายเขาได้
ดวงตาแวววาวเหมือนมีลูกไฟอยู่ภายใน ยิ่งทำให้ร่างสูงนึกอยากกำราบความดื้อด้านนี้ให้อยู่หมัด และคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะบ้าจี้ทิ้งความสุขุมรอบคอบลงไปยั่วโมโหอีกฝ่ายเสียเอง ทั้งๆที่แค่เงียบไป ทุกอย่างก็จะสงบนิ่ง แต่เขาทำไม่ได้
เพราะในเสี้ยวหนึ่งของหัวใจกำลังสนุกที่มีอีกฝ่ายคอยจับจ้อง ไล่ตาม แม้จะเต็มไปด้วยความอาฆาตแบบเด็กๆก็เถอะ ‘หรือจะหลงเสน่ห์เสียแล้วก็ไม่รู้’ ทิเบตยิ้มฝืด หากไม่คิดปฏิเสธใจตัวเอง ด้วยแม้อีกฝ่ายจะหาเรื่องทะเลาะ แต่เขาไม่คิดเกลียดชังซักนิด กลับคอยดูความพิเรนทร์ที่อีกฝ่ายเค้นสมองคิดจนหัวคิ้วขมวดได้ทั้งวัน
“ใคร? ใครเป็นสามี! พูดให้ดีๆนะ” ข้าวหอมตะคอกกลับ
“ก็ฉันไง สามีนาย” ทิเบตยิ้มเย้าอย่างอารมณ์ดี “คนเป็นภรรยาก็ต้องพูดจาเพราะๆกับสามี แล้วก็ทำตัวดีๆไม่ใช่แกล้งเช้าแกล้งเย็นแบบนี้ เข้าใจมั้ยฮึ” ร่างสูงตบเบาๆที่แก้มผ่อง หากอีกฝ่ายสะบัดหน้าหนีคล้ายรังเกียจ ดวงตาคู่คมกล้าจึงหรี่ลง “ไม่งั้นก็ต้องลงโทษกันบ้างล่ะ”
คำคาดโทษของทิเบตทำเอาข้าวหอมแทบจะกัดลิ้นตัวเองตาย เกิดมานอกจากพ่อแล้วไม่เคยมีใครกล้าลงโทษเขาซักคน แล้ว...แล้วเจ้านี่เป็นใคร!
“ก็ลองดูสิ ฉันจะเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่าเลย กล้าก็ลองสิ”
คนดิ้นไม่หลุดยังปากเก่ง ทั้งที่หน้าดำหน้าแดงจากการพยายามพลิกตัวหนี
‘เอาอีกแล้ว ไอ้การชอบฝากรอยรักรอยแค้นนี่มันแก้ไม่หายจริงๆ’ คนระอาใจยิ้มมีเลศนัย
“ถ้ายอมขอโทษมาดีๆจะยอมปล่อยไปก็ได้ แต่ถ้าไม่ ฉันจะเอาให้ไม่ได้หลับได้นอนจนเช้าเลย”
“อะไรนะ! ใครจะยอมขอโทษ ไม่มีทาง ปล่อย!”
คำพูดกำกวมส่งผลให้ข้าวหอมผวา รวบรวมแรงทั้งหมดดันคนตัวหนักออก แต่ร่างสูงที่รู้แกวรีบกดน้ำหนัก รวบคว้าข้อมือเล็กไว้ด้วยมือเดียว แล้วกระตุกผ้าเช็ดตัวที่คล้องคออีกฝ่ายออกมามัดมือเจ้าของไว้แน่น
“จะขอโทษดีๆมั้ย” ทิเบตถามย้ำ ให้โอกาสผู้ร้ายกลับใจ
“ไม่!”
ดวงตากลมโตเบิกกว้างไม่คิดหลบ แต่ลึกลงไปแล้วก็หวั่นๆไม่น้อย
“นี่! รู้มั้ยว่าน้ำพริกนั่นถ้ากินเข้าไปมันจะทรมานขนาดไหน ทำเป็นเด็กไปได้ โตแล้วนะ ผิดก็ต้องยอมรับผิดสิ ไม่ใช่ตะแบงแบบนี้”
“นายก็รีบกลับไปสิ ฉันจะได้ไม่ต้องทำ!”
“ถ้ามันเป็นทางแก้ปัญหาได้ล่ะก็ ฉันทำไปนานแล้ว ตัวนายเองก็รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอ หรือเที่ยวโยนความผิดให้คนอื่นเป็นท่าเดียว”
“ฉันไม่ได้โยนความผิดนะ แต่นายผิดจริงๆนี่! ถ้านายไม่เข้ามาในห้องนอนฉันวันนั้น ก็ไม่เป็นอย่างนี้หรอกเจ้าบ้า!”
คนอึดอัดคับแค้นเริ่มหมดความอดทนตะเบ็งเสียงข่ม
“นี่...” ทิเบตถอนหายใจ “เลิกขุดคุ้ยเรื่องนี้เถอะ เพราะยังไงวันนี้ฉันก็ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนายอยู่ดี”
“คำก็สามี สองคำก็สามี ฉันไม่ได้อยากมีผัวนะเว้ย!”
ข้าวหอมที่ทนฟังจนสุดกลั้น เกร็งกล้ามเนื้อยกลำตัวขึ้น แล้วเอาศีรษะโขกหน้าผากอีกฝ่ายเสียงดังโป๊ก!
“โอ๊ย!”
ทิเบตที่ไม่ทันระวังตัวผงะ เจ็บหน้าผากจนหน้าเหยเก หากมือยังคว้าร่างเล็กไว้ได้และกดแนบลงกับพื้นดังเดิม มองคนดิ้นไปดิ้นมาอย่างหมั่นเขี้ยว
ถ้าวันนี้ไม่ได้กำราบชำระความกันซะบ้าง เขาคงนอนไม่หลับไปอีกหลายคืนทีเดียว
“นายนี่มันเป็นภรรยาที่ไม่ได้ความเอาเสียเลย”
น้ำเสียงกดดันแกมข่มขู่กลายๆส่งผลให้ข้าวหอมหยุดนิ่ง ประเมินสถานการณ์ตรงหน้า หากปากก็ยังไม่วายต่อล้อต่อเถียง
“นายมันดีนักนี่ ไอ้ผัวเฮงซวย!”
“โฮ้...ยอมรับแล้วเหรอ ดีขึ้นมานิดหนึ่งนะ ยังไม่ทันได้สั่งสอนเลย” ทิเบตแสร้งยิ้ม หากในใจนึกหาวิธีลงโทษอีกฝ่ายพัลวัน “แล้วรู้หรือเปล่าว่าภรรยาที่ดีต้องกราบสามีทุกคืนน่ะ” รอยยิ้มซ่อนความนัยทำเอาข้าวหอมกระตุก “เพราะถ้าไม่รู้ฉันจะช่วยสอนให้ จนกว่านายจะพยักหน้าขอโทษที่แกล้งฉันไว้เลยเชียว”
สิ้นคำขู่ ทิเบตก็กระชากผ้าห่มผืนบางมามัดข้อเท้าเล็กทั้งสองข้างไว้แน่น แล้วเอาผ้าเช็ดผมปั้นเป็นก้อนอุดปากที่พร้อมจะแหกตะโกนปลุกคนทั้งเรือน
“ไอ้...ไอ้บ้า ทุเรศ”
เสียงอู้อี้ติดอยู่ในลำคอ เมื่อถูกร่างสูงยกตัวขึ้นเหมือนก้อนแป้งโยนลงบนเตียงนุ่ม ดวงตาคู่แวววาวมองคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีอย่างหวาดระแวง
‘ถ้ากลัวก็ไม่น่ามาท้าทายแต่แรกเลย’ ทิเบตแปลความหมายในแววตาก็นึกขำแล้วทรุดตัวนั่งข้างๆคนถูกมัด
“จะขอโทษมั้ย”
คำตอบที่ได้รับกลับมาคือดวงตาแดงก่ำแข็งกร้าว ทำให้ทิเบตถอนใจ ก่อนจะลงมือจี้ลงที่เอวเล็กเต็มแรง
ร่างเล็กสะดุ้งโหยง บิดตัวหนีอาการจั๊กกะจี้สุดตัว ทั้งอยากหัวเราะและด่าว่าอีกฝ่ายในคราวเดียว แต่ทำไม่ได้เพราะถูกอุดปากไว้ ได้แต่มองคนทำตาขวาง
ทิเบตกักร่างบางไว้ด้วยแขนข้างเดียว คิ้วได้รูปเลิกขึ้นถามอีกครั้ง เมื่อหยุดให้ข้าวหอมมีโอกาสได้หายใจเต็มปอด เพราะเดียวจะหัวเราะจนขาดใจตายไปซะก่อน แต่คนหัวดื้อมีหรือจะยอมถูกกำราบด้วยการจั๊กกะจี้ให้เสียเชิง แถมยังแค้นจนเลือดขึ้นหน้า เพราะได้แต่อู้อี้คำรามในลำคอ ไม่คิดสยบ
คุณหมอหนุ่มพยักหน้ารับรู้ แล้วยิ้มเย็น ลงมือจี้ที่รักแร้ให้ร่างเล็กดิ้นพล่าน หากนัยน์ตาเจิดจ้าไม่ยอมแพ้แม้มีคราบน้ำตาเอ่อล้นแล้วก็ตาม คนคิดวิธีแกล้งคืนแบบเด็กๆจึงเปลี่ยนไปยึดข้อเท้าภรรยาไว้แน่น แล้วสะกิดที่ฝ่าเท้าไปมา ข้าวหอมพยายามงอเข่าชักเท้าหนีจากการจับกุม แต่ไม่ได้ผล ได้แต่กลิ้งไปกลิ้งมาพร้อมอาการอึดอัดคับอกเหมือนจะขาดใจตายเสียให้ได้
“ยอมรึยัง ถ้ายังไม่ยอมจะจี้ให้ขาดใจตายไปเลย”
ทิเบตแสร้งยิ้มดุใส่คนหน้าดำหน้าแดง และเดาได้ลางๆว่าราตรีนี้อีกยาวไกลนัก ดูจากท่าทางคนหัวดื้อที่นอนหอบจนตัวโยน แต่แววตาล้อแสงไฟเป็นประกาย
และก็จริงดังคิด เมื่อทั้งคนจี้และคนถูกจี้หมดแรง หลังผ่านไปค่อนคืน ทิเบตมองร่างเล็กเหนื่อยจนไม่ได้สติ หลับใหลพร้อมกับคราบน้ำตาที่เกิดจากการหัวเราะอย่างคับแค้นใจ
ร่างสูงระบายลมหายใจยาวยืด นั่งมองใบหน้าขาวชั่วครู่ นิ้วมือเรียวแข็งแรงยกขึ้นเกลี่ยไรผมชื้นเหงื่อให้อย่างเบามือ
“ดื้อจริง”
ทิเบตพึมพำบ่น แล้วเอนตัวลงนอนข้างคนตัวเล็ก ซึ่งปล่อยให้นอนคุดคู้โดยไม่คิดจะแก้มัดให้ เพราะไม่อยากตื่นมาตาเขียวไม่รู้ตัว
จนเช้าทิเบตจึงตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวท่ามกลางสายตาเคียดแค้นของคนบนเตียง ที่ยังถูกมัดเป็นก้อน ก่อนเดินตัวปลิวออกไปลากำนันสิงห์กลับกรุงเทพ ทิ้งให้ไอ้ขันเข้าไปปลุกแล้วเห็นสภาพลูกพี่ตัวเองถูกมัดยังกับแหนม ดิ้นไปมาส่งเสียงอู้อี้บนเตียงด้วยอาการตกตะลึง
“พี่หอม!”
ไอ้ขันรีบแก้มัดดึงผ้าอุดปากออก มองลูกพี่ดีดตัวขึ้นมาจากเตียงอย่างหัวเสียสุดฤทธิ์
ข้าวหอมปาผ้าที่ใช้อุดปากลงพื้น แล้วเดินไปยังหน้าต่าง มองทางเข้าบ้านอย่างคับแค้นใจเหลือทน
“ไอ้หมอ!”
-TBC-
กว่าจะรักกัน หอมมัยมันดื้องี้วะ
อีกไม่กี่ตอนเท่านั้นพายุลูกใหญ่จะมา
หอมจะได้อยู่ภายใต้ร่าง เอ้ยย อำนาจของหมอทิอะป่าวน้ารออ่านกันเลยนะ
เจอกันวันศุกร์ค่ะ
+1 ให้ทุกคน