โดนจิ้ม ดิ้นกระแด่วๆๆๆ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์นะค้า ++++++++++++++++++++++++
แต๊ก...แต๊ก...แต๊ก...แต๊ก...
ผมนอนฟังเสียงนาฬิกา พลิกตัวไปมาก็หลายรอบจนขี้เกียจจะนับ หลับตาแล้วก็ลืม สักพักก็หลับ แล้วก็ต้องลืมใหม่
...นอนไม่หลับ...
...ธี...
ในหูได้ยินแต่เสียงร้องเรียกชื่อปนหอบสะอื้น ไอ้เปี๊ยกครางออกมาทุกครั้งที่ผมเสือกตัวเข้าไปอย่างรุนแรง ทำไปด้วยความฉุนเฉียว...เพียงแค่คิดว่ามันกำลังคิดถึงใครอยู่ทั้งๆที่ผมกำลังอยู่ในตัวมัน...ผมก็หงุดหงิดจนยั้งตัวเองไม่อยู่
ริมฝีปากที่นุ่มหยุ่น หอมหวานอย่างกับช็อคโกแล็ตรสเหล้า เนื้อตัวที่ขาวกระจ่างแม้จะอยู่ในห้องที่เปิดไฟแค่สลัวๆ ปฏิกิริยาไร้เดียงสาบอกได้ว่าไม่เคยมาก่อน แล้วยังช่องทางคับแคบที่ตอดรัดจนร้อนอย่างกับไฟเผาอย่างนั้น
...ลืมไม่ลง...
ผมลุกขึ้นนั่ง ล้วงมือเข้าไปใต้เสื้อยืดคอย้วย เกาหน้าท้องตัวเองแรงๆ อีกมือก็ขยี้ผมจนยุ่งไปหมด แล้วล้มตัวลงนอนอีกรอบ ถอนหายใจหนักๆหนึ่งที พยายามหลับตาลง ข่มใจไม่ให้ไปคิดถึงมัน
...อือ...อือ...
หึ...ถ้าอาการในคืนก่อนคือ ‘ติดใจ’ อาการในคืนนี้ก็คงจะเป็น ‘หลงใหล’ ซะล่ะมั้ง
...พอ...พอแล้ว...ฮือ...
...ครั้งแรกของมัน...เมื่อคืนผมปลดปล่อยไปสามครั้ง...ทั้งๆที่เป็นครั้งแรกของมัน...ผมดึงดันสอดใส่เข้าไป...ทั้งๆที่มันยังไม่พร้อม
หลังจากออกมาจากห้องน้ำ ตัวมันก็หายไป ทิ้งไว้แค่รอยเลือดเป็นวงอยู่บนผ้าปูที่นอนสีขาว ตอนแรกหงุดหงิดจัด เลยยังไม่ทันได้เห็น มาสะดุดตาตอนที่อารมณ์เริ่มเย็นลงแล้ว ถึงได้รู้สึกกระวนกระวาย
มันจะเป็นอะไรรึเปล่า?
หลังจากนั้นก็เช้าพอดี หน้าที่ผู้อำนวยความสะดวกอย่างผมก็ต้องออกไปทำงาน หัวปั่นจนหยดสุดท้าย ตอนบ่ายเรือเทียบท่า ร่ำลาลูกค้าจนเสร็จ ก็หามันไม่เจอซะแล้ว...ก็ยังไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
แต่พอกลับมาถึงบ้าน ล้มตัวลงนอน กลับคิดถึงแต่เรื่องของมัน
...ต้ารักธี...
+++++++++++++++++++++++++++++
“อ้าว! พี่ธี วันนี้หยุดไม่ใช่เหรอคะ?” แอนเงยหน้าขึ้นจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้า ทักทายผมอย่างแปลกใจ
“อืม...มีธุระนิดหน่อยน่ะ” ผมตอบพลางเดินไปทางตู้เอกสาร เลือกแฟ้มข้อมูลลูกค้าเล่มล่าสุดออกมา วางลงบนโต๊ะทำงาน พลิกหน้ากระดาษไปเรื่อย
“....” นิ่งไปพักใหญ่หลังจากที่พลิกมาได้สามสี่หน้า ตั้งใจจะหาชื่อมัน...มันก็ชื่อต้าไง...แล้วชื่อจริงล่ะวะ?...
“มีไรเปล่าคะ?” แอนเดินอ้อมมาข้างหลัง ชะโงกหน้าเข้ามาดูแฟ้ม...สอดรู้สอดเห็นเชียวนะเอ็ง
“เปล่าหรอก...ไม่มีอะไร แค่...เอ่อ...” ทำไมต้องร้อนตัวด้วยวะตู เฮ้อ!
สาบานได้ว่าผมได้ยินเสียงหัวเราะขึ้นจมูก หันกลับไปมองก็พบว่ายัยแอนหลิ่วตายิ้มกรุ้มกริ่มมาให้ “จะหาชื่อน้องน่ารักคนนั้นใช่ม้า~”
“เอ่อ...” เฮ้ย! ทำไมหน้ามันร้อนๆ “ก็...เออเว้ย...ไอ้เปี๊ยกมันลืมของไว้ ว่าจะเอาไปคืน”
แอนมันกลั้นหัวเราะครับ! ผู้อ่านดูมันเด้! มันแทรกตัวเข้ามาด้านหน้าผม แล้วพลิกหน้ากระดาษพรึ่บพรั่บ พอถึงหน้าที่ใช่ ก็ปล่อยให้ผมก้มหน้าคว้ากระดาษจดยิกๆ
ผมว่านะ...ไอ้ใบกรอกรายละเอียดลูกค้าเราคงได้เวลาต้องปรับปรุงใหม่แล้วล่ะ ถามทำไมวะ รายด้งรายได้ รู้จักบริษัทมาจากไหน จะมาใช้บริการอีกหรือไม่...ทำไมไม่รู้จักถามวันเกิด อาหารที่ชอบ หรืองานอดิเรกซะบ้างวะ?
พอผมจดเสร็จก็รีบยัดกระดาษเข้ากระเป๋ากางเกง หันกลับไปมอง ยัยแอนก็ยังยืนเหล่ตาอยู่นั่นแหละ งานการไม่รู้จักทำ เดี๊ยะหักเงินเดือนซะนี่
“มีอะไร” ผมทำเสียงเข้มถามมัน...ดู๊ดู มันไม่ยักกลัว...ทีไอ้เด็กบ้านั้น ยังไม่ทันพูดเลย แค่เข้าใกล้ก็ถอยกรูดก่อนแล้ว
“เปล๊า~” มันตอบกลั้วหัวเราะ
ขี้เกียจฟาดปากกับมันครับ ผมเลยเดินหนีออกมาซะเลย ยังได้ยินเสียงมันตะโกนตามหลังมาอีก
“เอาหัวใจไปคืนเจ้าของหรอคะพี่ 555”
...ไอ้เชี่ย...
+++++++++++++++++++++++++++++++
ตอนนี้ผมกำลังยืนพิงรถตัวเองอยู่ข้างถนนครับ ด้านหน้าสำนักงานของไอ้เปี๊ยกนั่นแหละ สาเหตุก็เพราะที่อยู่ที่มันกรอกในใบสอบถามดันเป็นที่อยู่บริษัท แทนที่จะเป็นที่อยู่บ้านตัวเอง
มองนาฬิกาข้อมือ...นี่ผมยืนรอมันมาชั่วโมงครึ่งแล้วเหรอเนี่ย? คนอย่างผมเนี่ยนะ ต้องมายืนตากลมร้อนสูดควันรถรอไอ้เด็กปากหมา...แต่หน้าตา...โคตรน่ารัก...อย่างนี้
...เฮ้อ...
กำลังคิดอยู่ว่าจะเดินไปนั่งที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามดีมั้ย...ที่ไม่ไปตั้งแต่แรกเพราะกลัวมันออกมาแล้วมองไม่เห็นน่ะครับ...ชะเง้อมองร้านกระจกท่าทางจะเย็นสบายอยู่หมาดๆ มันก็เดินเปิดประตูออกมาจากบริษัทพอดี
วันนี้มันอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อน ผูกเน็คไทเข้าชุด กับกางเกงแส็คสีดำ ดูแล้วค่อยเหมือนคนเรียนจบแล้วหน่อย...เฉพาะการแต่งตัวนะครับ ผมว่ายังไงหน้าตามันก็ยังเด็กอยู่ดี
มันเดินถือกระเป๋าเป้ ก้มหน้างุดๆ ไม่มองหน้าหมาหน้าแมวที่ไหนทั้งนั้น ขนาดเฉียดหน้าผมไปมันยังไม่รู้สึกตัวเลย
ผมเดินตามมันไป ดูท่าเดินมันก็พอจะรู้ว่าเจ็บอะนะ เขย่งซะขนาดนั้น แถมยังเดินช้าเต่าคลานอีก เห็นแล้วสงสารครับ
ผมควักมือถือขึ้น กดเบอร์ที่เพิ่งเมมเข้าเครื่อง...ที่จริงจะเรียกมันเลยก็ได้แหละครับ แต่อยากแอบมองมันอีกหน่อย
มันหยุดเดิน ล้วงกระเป๋ากางเกง คว้ามือถือขึ้นมาดูหน้าจอ มันไม่รู้หรอกครับว่าใครโทรมา...ดูมันลังเลหน่อยๆ ก่อนจะกดรับ
“ฮัลโหล”
“...” เวร...พูดไม่ออก ได้ยินเสียงมันแล้วใจสั่นครับ คิดถึงแต่ตอนที่มันร้องครางอยู่ใต้ตัวผม
“ฮัลโหล” เสียงมันหนักขึ้นนิดหน่อย....ไอ้เปี๊ยกนี่มันขี้หงุดหงิดง่ายนะครับ
ปิ๊น!
เสียงแตรรถข้างถนนดังขึ้นพอดี มันคงดังเข้าไปในโทรศัพท์ด้วย ไอ้เปี๊ยกมันเลยเอะใจ เอาโทรศัพท์ออกจากหูแล้วหันหน้ามองรอบๆตัว
ตอนนี้ผมยืนอยู่ข้างหลังมัน ห่างไปซักสิบกว่าเมตรได้ พอมันหันมาจ๊ะเอ๋ผมเท่านั้นล่ะ
“เฮ้ย!” แม่ม...หันกลับวิ่งหนีไปเฉยเลย แล้วผมจะทำไงได้ล่ะครับ นอกจาก...วิ่งตาม
คว้าแขนมันได้ มันก็หันกลับมาถลึงตาใส่ผมทันที “ไอ้เชี่ย มึงต้องการอะไร!” พูดไม่เพราะเลยครับ
ผมฟาดหัวมันไปทีนึง คราวนี้มันยิ่งถลึงตาใส่ใหญ่
ผมจับข้อมือมันไว้ไม่ปล่อย ล้วงกระเป๋ากางเกง แล้วเอาถุงก๊อบแก๊บใบเล็กใส่ในมือมัน มันก็มองขมวดคิ้วงงๆล่ะครับ
“อะไร” มันถาม
“ยา” ผมตอบมันสั้นๆ...มันนึกอยู่นานว่ายาอะไร ผมเลยชี้ลงข้างล่าง เท่านั้นแหละครับ หน้าแดงแจ๋เลย
“ไม่เอา” มันสะบัดหน้าหนี ทำท่าจะดึงมือออก แต่ผมไม่ยอมปล่อย
“จะเอาไปทาเองดีๆ หรือจะให้ทาให้ล่ะ?” ไอ้นี่ต้องขู่ครับ ถึงค่อยยอมรับไป
มันยังพูดงุบงิบอยู่ “ไม่ขอบคุณหรอกนะเว้ย”
“ก็ไม่ได้ขอให้ขอบคุณ” ถลึงตาอีกแล้วครับ...น่ารักจัง...ผมจับข้อมือมัน เดินหันหลังกลับไปทางที่เดินมา มันก็ขืนตัวเอาไว้ไม่ยอมเดินตาม
“ไปไหน?”
“ไปรถ”
“ไปทำไม ไม่ไป จะกลับบ้าน ปล่อย” มันแง่งเสียงไม่หยุดเลยครับ แถมยังดึงไม่ผ่อนเลย
สุดท้ายผมเลยหันหน้ากลับไป กระซิบใส่หูมัน “จะยืนจับมือกันอยู่กลางถนนอย่างนี้ซักชั่วโมงก็ได้นะ”
มันถึงยอมฮึดฮัดเดินตามมาข้างหลัง แถมมีการเหยียบส้นรองเท้าผมอีกต่างหาก แม่ง! สะดุดเกือบล้ม...ไอ้ตัวแสบนี่!
พอผมพามันยัดเข้ามาในรถได้ ก็ถามมัน “จะกินอะไร”
มันนั่งหน้าบู้ มองตรงอย่างเดียว “ไม่กิน”
ผมถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วขับรถไปห้างใกล้ๆ
พอจอดรถในที่จอดเรียบร้อย ก็เปิดประตูออกมา ไอ้เปี๊ยกยังนั่งคอแข็งอยู่เลยครับ ผมเลยต้องเดินไปเปิดประตูฝั่งมัน ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ลงมาได้แล้ว”
“ก็บอกว่าไม่กิน จะกลับบ้าน”
“กินก่อนน่า เดี๋ยวพาไปส่ง” โอกาสล่ะครับ จะได้รู้จักบ้านมัน ฮี่ๆ
มันหันขวับมาทางผม จ้องเขม็ง “ถามจริงเหอะ มาหาทำไม...รู้สึกผิดหรือไง?”
สะอึกเลยครับ คำถามนี้...จะว่ามาหาเพราะอะไร...รู้สึกผิดก็ส่วนหนึ่ง แต่มันแค่ส่วนเล็กเท่านั้นเองนี่นา แล้วเหตุผลหลักล่ะ?...
ผมเงียบไปนาน มันก็ยังจ้องผมอยู่ ปากแดงๆที่คอยแต่จะพูดเชือดเฉือนขยับน้อยๆ “หรือว่า...”
“หรือว่าลุงชอบผม?” ...ชะ ไอ้นี่ปากกล้าจังวะ กับเพื่อนมันไม่กล้าบอก ทีงี้ละถามหน้าตาเฉย
“...ไม่ใช่ลุง เรียกพี่ธีดิ” หน้าผมร้อนผ่าว ไม่กล้าสบตามัน
มันซึมกับชื่อนี้ไปนิดหน่อย...รักเพื่อนมากขนาดนี้เลยเหรอ...
“ตอบไม่ตรงคำถาม” มันก้มหน้าพูด แต่ก็ยอมเดินลงจากรถนะครับ มันเดินลงมายืนอยู่หน้าผม จ้องตาผมไม่กระพริบ แล้วก็ค่อยๆเดินเข้ามาใกล้
ตึกตัก...ตึกตัก
เฮ้ย! หยุดใจสั่นได้แล้ว กะอีแค่เด็กคนเดียว
มันยังไม่หยุดครับ มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ...เรื่อยๆ...
...
...
...
“อั้ก!!!” จุกเลยครับ ลูกชายโพ้ม!!! ผมลงไปนั่งยองๆงอตัว หน้าเขียวหน้าแดงอยู่อย่างนั้น มันก็ยังยืนมองนิ่งๆ...ไม่นิ่งเท่าไหร่หรอก ผมว่าผมเห็นมันยกมุมปากนะ
“สำหรับลุงหื่นกาม” มันยืนกอดอกพูด...ดีนะครับที่ลานจอดรถนี้ไม่มีคนผ่านมา ไม่งั้นอายตายหะ
มันยังยืนรอผมอยู่นิดหน่อย พอทุเลาพอจะลุกขึ้นยืนได้ มันก็หันหลังเดินนำหน้าผมไปเลย
“ไปได้แล้ว หิว...เลี้ยงด้วย”
นี่ผมเป็นไอ้ลูกหมาของมันไปแล้วเหรอ?
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไอ้เปี๊ยกนี่มันนักกินของแท้แน่นอนไม่ต้องสงสัยเลยครับ ที่เคยเห็นมันกินข้าวผัดขนาดสี่คนกินบนเรือนั่นน่ะ ยังน้อยไป...ผมว่าต่อไปถ้าไม่อยากหมดตัว คงต้องพาไปเลี้ยงบุฟเฟต์
“เฮ้ย! อิ่มยัง เดี๋ยวท้องอืด” ผมปรามมัน มันก็ยังไม่หยุดครับ ยังคงคีบซูชิใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆอยู่อย่างนั้น
“ทำไม กลัวหมดตัวหรือไง...โหย ผู้ใหญ่ไรว้า งกชะมัด” อ้าว กวนตีนอีก กูอุตส่าห์ห่วง
ก็รอมันสวาปามต่อไปล่ะครับ...ไม่เข้าใจจริงๆ ตัวกะเปี๊ยกเดียวเอาอาหารไปไว้ตรงไหน...
สุดท้ายมันก็ยอมวางตะเกียบ...แล้วก็หันไปหาพนักงาน... “น้องๆ ขอเมนูหน่อย”
เฮ้ย!!
มันหันมามองหน้าผมแล้วหัวเราะเอิ้กๆ “ล้อเล่นน่ะ”
แม่ง...เกิดมาเพิ่งเคยถูกเด็กแกล้งตลอดก็คราวนี้ล่ะครับ...สงสัยผมจะเป็นฝ่ายแพ้ทางมันนะเนี่ย
พอมันเลิกกินได้ ผมก็คว้าซองยาที่วางอยู่บนโต๊ะ หยิบยาลดไข้ยื่นให้...ก็พอจะรู้ตอนที่จับมือมันน่ะครับ ว่าตัวมันรุมๆหน่อยๆ
มันรับไปกำไว้ในมือ อีกมือก็ล้วงๆควักๆเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง พอมันมองหน้าจอเท่านั้นล่ะ หน้าเศร้าลงทันที
“ว่าไง”
“อือ...กินข้าวอยู่”
“ข้างนอกน่ะ มาหาก็ไม่บอก จะได้รอ...แล้วไม่ไปกับแฟนหรอวะ?” เสียงมันเริ่มออกเครือๆหน่อยๆตอนที่มันพูดถึงแฟนนี่ล่ะครับ ผมเลยพอจะเดาได้ว่าเพื่อนมันที่ชื่อไอ้เชี่ยธี (เหมือนด่าตัวเองไงไม่รู้) คงจะโทรมา
“เปล่า...ไม่ได้เป็นอะไร” มันสูดจมูกซื้ดๆหน่อยๆ ดูท่าจะทนไม่ค่อยไหวแล้วล่ะครับ เลยรีบตัดบทแล้วก็วางสายไป
พอเก็บมือถือเข้ากระเป๋าได้ ก็นั่งก้มหน้าเงียบเลย ผมเลยยื่นมือไปจับบนมือที่มันกำยาเอาไว้ “กินยาก่อน”
เหมือนมันเพิ่งรู้ตัวครับ มันโยนยาเข้าปาก ยกแก้วน้ำซดตาม ระหว่างนั้นก็เห็นมันแอบปาดน้ำตาตัวเองด้วยหลังมือ
“ไปเหอะ” มันลุกขึ้นเดินออกไปรอนอกร้าน ผมก็เลยต้องรีบเรียกพนักงานเก็บเงินแล้ววิ่งตามออกไป
++++++++++++++++++++++
ระหว่างทางเราแทบไม่คุยอะไรกันเลย มีแต่เสียงวิทยุแทรกมาเบาๆ ช่วงที่ออกจากห้างเป็นช่วงรถติดพอดีครับ กว่าจะไปถึงบ้านมันก็ฟ้ามืดพอดี...ที่จริงมันจะไม่ยอมให้มาส่ง...ก็คงกลัวผมรู้จักบ้านมันนั่นแหละ แต่ผมยืนยันจะส่งให้ได้ มันคงรำคาญบวกกับอารมณ์ไม่ค่อยเสถียรล่ะครับ ถึงได้ยอม
บ้านมัน...จะเรียกว่าบ้านก็ไม่เชิง เป็นอพาร์ทเม้นมากกว่า...ห้องอยู่ชั้นสาม มันเดินนำผมขึ้นไปข้างบน ผมก็เดินตาม ดูแผ่นหลังมันแล้วรู้สึกเศร้าๆยังไงบอกไม่ถูก
เดินขึ้นไปจนสุดขั้นบันได เลี้ยวซ้าย อยู่ดีๆมันก็หยุดเดินทันที เล่นซะผมเกือบจะชนหลัง
“...ธี...” ตอนแรกนึกว่ามันเรียกผม...แต่มันไม่ใช่...เสียงของมันคล้ายๆจะดีใจ แต่ก็เจือโหยหาอยู่ในที
ตรงหน้ามันมีผู้ชายอยู่คนหนึ่ง ตัวเตี้ยกว่าผมหน่อยนึง หน้าตา...ก็จัดว่าไม่เลวร้าย...แต่ผมว่าผมหล่อกว่านะ (จะให้มองกลางๆมันก็หล่อแหละ แต่ผมว่ามันไม่หล่อ...ก็คู่แข่งผมนี่หว่า)
“ต้า” มันเดินเข้ามาใกล้ไอ้เปี๊ยก เอามืออังหน้าผาก “เป็นไงบ้าง ทำไมตัวรุมๆ”
“เปล่า กูสบายดี แล้วมึงมาทำไมวะ ทำไมไม่ไปหาแฟน” ไอ้เปี๊ยกเอ๊ย...ไม่ต้องทำเสียงร่าเริงขนาดนั้นก็ได้
“ต้า...กู...” มันกำลังจะพูด แต่พอเหลือบมาเห็นผมมันก็ชะงักไป “นี่ใครเหรอ ต้า?”
ไอ้เปี๊ยกอ้ำอึ้งไปพักใหญ่ ผมเลยตอบไปแทน “พี่ชื่อธี เป็นคนรู้จักน่ะ” ผมอยากตอบว่าเป็นมากกว่านี้นะครับ แต่สงสารไอ้เปี๊ยกอะ มันคงไม่อยากให้เพื่อนมันรู้
ไอ้เชี่ยนั่นจ้องผมเขม็งอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ...หวงก้างหรอวะ...มีแฟนแล้วก็ไปหาแฟนเด้ มาหาเด็กกูทำไม
“ธี...” ไอ้เปี๊ยกอ้าปากจะพูด แต่ก็ชะงักไปเหมือนกัน เพราะเสียงโทรศัพท์ของไอ้เชี่ยนั่นดังขัดจังหวะซะก่อน
“ฮัลโหล...ครับ...ครับ...ไปเดี๋ยวนี้แล้วครับ...” เพื่อนมันคุยสั้นๆ แต่เสียงที่ดังลอดลำโพงมือถือมาก็พอจะแยกออก ว่าเป็นเสียงผู้หญิง
ระหว่างที่ไอ้ไม่หล่อคุยโทรศัพท์ ไอ้เปี๊ยกมันเดินถอยหลังมาก้าวหนึ่ง คว้ามือผมบีบไว้แน่นเลยครับ
“โทษทีนะต้า พอดีติดธุระด่วนน่ะ แล้วคืนนี้จะโทรหานะ” เพื่อนมันพูดแค่นั้น แล้วก็รีบผลุนผลันวิ่งลงบันไดไป...ไม่ต้องโทรหาก็ได้เว้ย คืนนี้กูปลอบใจเอง
คนที่มันรักวิ่งหายไปจากมันแล้ว มันก็ยังยืนก้มหน้าอยู่ตรงทางเดิน อีกมือก็ยังบีบมือผมไว้แน่น
“ต้า” ผมลองเรียกมันดู
“หือ?” มันหันกลับมามอง...หน้าตาดูก็รู้ว่าแกล้งทำเฉย ใจมันไม่เฉยอย่างหน้าตามันน่ะสิ เห็นแล้วสงสารเป็นบ้า
ผมคว้าหัวมันเข้ามาซบบ่าตัวเอง มันก็ขืนหน่อยๆ สุดท้ายก็ยอมยืนอยู่นิ่งๆ
“ต้า” ผมเรียกมันอีกครั้ง มันไม่ตอบแต่ขยับตัวนิดหน่อย
“ไปนั่งรถเล่นกันก่อนเหอะ...” มันไม่พูดอะไร แต่พอผมหันหลัง เดินจูงมันลงบันได มันก็เดินตามมาเงียบๆ
...คนเราเวลาอกหัก มันน่าเศร้าขนาดนี้เลยเหรอวะ?...
...ผมไม่เคยรักใครจริงจัง ผมเลยไม่รู้...ผมรู้แต่ว่าถ้ามันทำให้ไอ้เปี๊ยกเศร้าได้ขนาดนี้...ผมก็ไม่อยากให้มันอกหัก
...แต่ถึงยังไง...ผมก็ดีใจที่มันอกหัก...ผมเป็นคนเลวมากมั้ยเนี่ย?...
++++++++++++++++++++++++++++++++
เลื้อยหนี