ตอนที่21"มึงจอดส่งกูข้างหน้านี้แล้วกัน เดี๋ยวกูเดินเข้าไปเอง" ผมบอกคลื่นให้จอดหน้าปากซอย เพราะเมื่อเช้าตกลงกับเกียร์เอาไว้ว่าจะแวะซื้อของเข้าห้องกันก่อน
"เออๆ เดินเข้าไปดีๆนะโว้ย อย่าไปให้ใครฉุดได้ละ" คลื่นเจ้าของรถเอ่ยแซว
"กูเพศอะไรดูด้วยครับ ต้องไปฉุดเขาสิวะ" ชอบพูดเหมือนกับว่าผมเป็นสาวบอบบาง สงสัยไอ้พวกนี้คงจะลืมภาพกระปู๋อันใหญ่ของผมที่เคยแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกัน
"จะพูดอะไรก็ดูคนข้างๆมึงด้วย หึ โชคดี" ไอ้บอสว่าแบบนั้น แล้วปิดประตูขับออกไป ผมหันไปมองคนข้างๆ ที่กำลังทำหน้าเหม็นบูด แถมมีการแอ๊บงอนไม่พูดไม่จาเป็นตัวเสริม มันเห็นผมจ้องๆ ก็ทำเป็นเมินกันเฉย เดินลิ่วๆไปโน่น ผมหัวเราะแฮะๆตามหลัง แล้ววิ่งไปให้เดินไปให้ทัน
"โอ๋ยย พูดเล่นนน ไม่ฉุดใครหรอก มีตัวจริงอยู่แล้วนี่ครับ เนอะ" จับแขนมันแล้วเอาหน้าถูๆ เห็นกล้ามมัดๆของมันแล้วรู้สึกหมั่นไส้ จู่โจมมันซะ!
"....งับหนึ่งครั้ง ปล้ำสองรอบ" เห็นไหมละ ไม้ตายของผม ไม่ทันหายใจก็หายงอนละ ฝีมือผมครับฝีมือผม มันทำตาระยิบระยับ ยกมือที่ไม่ได้ถือกระเป๋ามาคลึงริมฝีปากผม ทั้งคำพูดที่ทำผมเสียเปรียบกับการกระทำที่ทำข้างถนนใหญ่ชวนให้รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาทันที
"อะไรเล่า ไม่งับก็ได้ เอ้ย งับมันพูดกับหมาไม่ใช่เหรอครับ หลอกด่าผมนี่" ค้อนตาใส่คนข้างๆที่หัวเราะหึหึตามประสาคนบ้า แล้วเดินไปเอารถเข็น วางกระเป๋าในนั้นแล้วดันตัวผมให้เดินนำ ไอ้ผมก็เดินนำเหมือนเลือกของเป็นเลยนะครับ
"หมายถึงแมวต่างหาก หึหึ" เกียร์เท้าคางตอบแล้วเข็นรถตาม เหลือบไปมองข้างหลังเจอตาดุที่มองมาด้วยสายตาหวานๆก็ต้องรีบหันกลับ ไม่กล้าหันไปสบตา
ทำไมบรรยากาศเหมือนศรีสามีภริยามาจ่ายตลาดจังวะ
แต่ผมต้องเป็นสามีนะครับ คึ
"เย็นนี้อยากทานต้มยำกุ้งจังหนอ" ผมพูดลอยๆ เหลือบตาไปมองอีกครั้ง คนเข็นเท้าคางอมยิ้มๆอยู่ อารมณ์ดีอะไรนี่ จ้องอยู่นั่นละ เขินเป็นเหมือนกันนะ แล้ววันนี้จะเลือกของเสร็จไหมละนี่
"เผ็ดนะ กินได้เหรอ"
"ก็ไม่ต้องทำเผ็ดสิ ใส่น้ำมันเยอะๆ"
"ต้มยำไม่ต้องใส่น้ำมันนะไอรัก ไม่ต้องหยิบมา" ตายห่า ไอรักหน้าแหกครับ น้ำมันยังอยู่ในมือทั้งสองข้างเลยครับ ผมหันไปหัวเราะฝืดกลบเกลื่อนรอบร้าวบนหนังหน้า
"เผื่อไว้ทอดปลาก็ได้นิครับ" ไม่ใส่ในต้มยำก็ทำอย่างอื่นได้นะเอ้อ
"ในห้องยังมีอยู่ หยิบน้ำปลามาแล้วกัน"
"แหะๆครับ อ้าวแล้วทำไมน้ำมันออกมันๆเหรอครับ" ถามแก้เขินไปก่อนครับ ความจริงก็อยากรู้ด้วยน่ะนะ
"ใส่กะทิหรือนมสด" มันพูดพลางหยิบของใส่ปุบปับ สงสัยคงเริ่มรู้ตัวแล้วว่าควรจะจัดการเองตั้งแต่แรกละ ถ้าให้ผมมาจ่ายตลาดเองคนเดียว มีหวังตลาดวายเสียก่อนเป็นแน่ เอ่อแต่คงไม่วายหรอก เพราะซุปเปอร์มาร์เก็ตเปิดทั้งวัน มีเวลาเลือกยันร้านเจ๊ง และถ้าไม่ง่วงเสียก่อนน่ะนะ
"เกียร์ๆ ฤดูกาลหน้าทุเรียนแล้วเหรอ" ในนี้มีวางขายกันเต็มไปหมดเลยครับ น่าทานทั้งนั้น
"ชอบเหรอ"
"อื้ม" ผมพยักหน้า แล้วยิ้มให้ มันจุ๊บแก้มเบาๆ ผมรีบดีดตัวออกมาหันซ้ายหันขวาไม่มีใครก็โวยวาย โทษฐานลวนลามในที่สาธารณะ ถึงแม้ในใจจะดีใจนิดๆก็ตามเถอะ คนตรงหน้าที่รับฟังทุกคำด้วยใบหน้าล้อเลียน จนมันบอกประโยคที่ทำให้ผมจำต้องเงียบปาก 'เวลาเขิน อย่าโวยวายกลบเกลื่อนสิ เห็นแล้วมันน่าจับฟัด'
"หึ หยุดหน้างอได้แล้ว ไปหยิบมาสิ ถ้าอยากกินอีกพรุ่งนี้จะได้ฝากไอ้เนแว่นขนมาให้จากไร่" มันมองพิจารณาลูกทุเรียนและที่แพ๊คเอาไว้ให้แล้ว ก่อนดันให้ผมไปหยิบ ส่วนมันก็ไปเลือกผลไม้อย่างอื่น แต่ผมไม่เข้าใจเกียร์อย่างหนึ่ง เวลามันจะดันทีไร มันไม่ได้วางมือที่หลังแล้วผลักเหมือนคนทั่วไปนะครับ แต่มันจะมาประชิดเอาตัวบังแล้ววางมือที่ก้นผม ไม่ได้ขยำนะครับ แต่จะสัมผัสเน้นๆ มีการคลึงนิดๆแล้วดันไปข้างหน้าช้าๆให้ผมเดิน ถ้าผมยังชักช้ายึกยักมันก็จะยืนทำซ้ำๆหลายๆครั้ง โรคจิตฉิบหายเลยคุณน้ำแข็งคนนี้
สักพักก็เห็นมันพยักหน้าให้พนักงานแถวนั้นเหมือนรู้จักกัน ผมก็มองตามมันงงๆ พนักงานรีบยกมือไหว้เกียร์ทั้งๆที่ดูหน้าแล้วควรจะรับไหว้มากกว่า แล้วเดินออกไป ก่อนกลับมาพร้อมลังนมช็อคสองกล่อง
"เฮ้ยเกียร์ ทำไมสั่งมาเยอะอย่างนี้ละ จะช่วยดื่มเป็นเพื่อนผมเหรอครับ" ผมตกใจมองกล่องพวกนั้นที่อยู่ในรถเข็นอีกคันอย่างฉงน ผมไม่เคยซื้อมาตุนอะไรขนาดนี้นะครับ อย่างมากก็แค่เหมานมช็อคทั้วเชลฟ์ในร้านเฟรชมาร์ท
"เดี๋ยวก็หมด" เออครับ ก็รู้ว่ามันหมด แต่ไม่กลัวผมท้องอืดหรือบวมนมบ้างหรือครับ ไอรักจุกนมถึงคอหอยแน่คราวนี้
"ขุนผมแบบนี้ ถ้ามีห่วงยางรอบตัว ผมจะโทษคุณเลยคนแรก" มันลูบท้ายทอยผม จากทำเชิดหน้าใส่ กลับต้องสะดุ้งขนลุกขนชันเพราะมือใหญ่ๆของมันที่จู่โจมแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“มีก็ดีสิ จะได้ไม่จม"
"เดินไม่ไหวเหรอ" มันถามแบบหยามหน้าผมตงิดๆ
"โหยคุณน้ำแข็งครับ ผมว่าผมซอยเท้าถี่แล้วนะครับ คุณน่ะถึกไปไหม" ผมเงยหน้าตอบ ลิฟท์ในคอนโดดันเสียซะได้ พวกผมเลยต้องเดินขึ้นอย่างทรหดสุดๆ ถึงแม้ว่าผมจะถือเพียงแค่ถุงผักกับขนมสองถุง กับมันที่แบกทั้งกระเป๋าและของที่ซื้อเกือบทั้งหมด สู้แรงควายๆของช่างวิศวกรในอนาคตไม่ได้หรอกครับ ดีนะที่มันบอกให้พนักงานส่งลังนมตามมาทีหลัง ไม่อย่างนั้นคงไหล่หลุดกันไปข้าง
"พักก่อนไหม"มันถามสายตาห่วงใย ทำผมต้องรีบเสตาหลบอย่างไว
"ไม่ ไม่ครับ อีกชั้นเดียวเอง รีบเดินได้แล้วครับ" ผมดันหลังคนข้างบนให้เดินไป
"แฮ่ ถ้าจะเหนื่อยขนาดนี้นะ..." ผมทิ้งตัวลงโซฟานุ่มๆ ก่อนจะโดนมันลากไปล้างมือล้างเท้าในห้องน้ำ แล้วมานอนนิ่งไม่ไหวติงเหมือนเดิม ผมยกศีรษะขึ้นนิดหนึ่ง มันจับแล้วสอดตัวลงนั่งให้ผมนอนหนุนตักอย่างรู้งาน
"เจ็บมือไหม" มันพลิกมือที่ถือถุงซ้ายขวา ผมว่าบางทีคุณหมาน้ำแข็งมันก็ห่วงเวอร์นะครับ ทำเหมือนไอรักเป็นโรคลูคีเมีย
"คุณแบกหนักกว่าผมอีก ไม่เจ็บบ้างเหรอ" ผมกอดเอวซุกลงหน้าท้องมัน แล้วเงยขึ้นถาม พลิกมือของเกียร์ที่จับกันอยู่มาลูบคลอบ เป็นรอยแดงนิดเดียวแต่ไม่มาก สงสัยสีผิวและความกร้านจะอำพลางรอยแดง อิอิ มันใช้อีกมือลูบหัวผมเบาๆแล้วหอมลงกระหม่อม ลามไปถึงจมูก แก้มทั้งสองข้าง
"นิดหน่อย ขอบคุณที่เป็นห่วง" เกียร์ก้มลงจุ๊บปากให้รางวัลแล้วยิ้มบางให้ผมใจสั่นเล่น
"แค่ถามเฉยๆ กลัวต้องหามไปส่งโรงพยาบาลต่างหาก" ผมส่ายหน้ามุดเข้าไปฟัดซิกแพ็คแน่นๆ มันก็นั่งนิ่งไม่บ้าจี้ แต่ครางต่ำอย่างพอใจเป็นซาวด์เอฟเฟค จนผมรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในประตูหลัง ก่อนที่มันจะคว้าเอวได้ ผมรีบเด้งตัวยืนห่าง และเป็นอย่างที่คิด มือมันยกค้างกอดอากาศ ตาเยิ้มๆมองผมอย่างขัดใจ
"ผม ผมหิวขี้ เอ้ยหิวข้าวแล้วครับๆ รีบไปทำอาหารดีกว่าเนอะ" พูดลิ้นพัน จับผิดจับถูก แล้วสาวเท้าไปห้องครัว ยืนพักให้หัวใจที่เต้นรัวเปลี่ยนมาเต้นปกติ เกือบโดนกินแล้วกู หาอะไรทานดีกว่า คิดเมนูวันนี้พลางจับของที่พึ่งซื้อมา
แล้วมันต้องเริ่มจากตรงไหนวะนี่
กระเทียม กะทิ กะปิ ยังรู้จัก....แต่ที่เหลือมันเรียกอะไรบ้างฟะ ผมว่าการทำอาหารเป็นอะไรที่รุงรังกับการใช้ชีวิตของผมเอามากๆนะครับ
คิดอะไรเพลินๆก็รู้สึกแรงกอดจากด้านหลัง ดันตัวผมติดกับเคาน์เตอร์ ผมจะไม่ว่าอะไรเลยถ้ามันไม่เอาช่วงล่างมาสีกับด้านหลังของผม
"ทำอะไรน่ะครับ! อ้ะ..." รู้สึกถึงไอร้อนที่แพร่มาถึงตัวผม ขนาดพองขึ้นจนดันออกมาโดน ผมถึงกับหน้าแเดงเถือก
"ทำรัก......ได้ไหม" มันกระซิบถามเสียงพร่า พลางเม้มติ่งหู หลังหูจนขนลุกซู่ อย่างนี้อย่าถามผมเลยดีกว่าครับ
"ตะ แต่กับข้าว.."
"อืม.. ไว้ค่อยทำ" มือสะเปะสะปะไปตามตัว พลิกตัวดันตัวผมขึ้นโต๊ะอาหาร สายตาเยิ้มๆ รสจูบหวานๆที่มอบให้แบบนี้ คุณว่าผมรอดไหมละครับ...
.…...............
"ต้องเริ่มทำอะไรก่อนเหรอครับ" หลังจากที่เสร็จกิจกาม ผมกับเกียร์ก็ลุกมาทำอาหารตอนเย็นกันสองคน มันก็ปรามๆไม่ให้ผมลุกมา แต่ผมอยากลองทำอาหารให้เป็นกับเขาบ้าง จึงลุกมาช่วย ถึงจะเพลียๆอยู่บ้างก็ตาม
"ไปนั่งดูตรงนั้นดีกว่านะไอรัก เดินขาถ่างๆแบบนั้นหายเจ็บแล้วหรือไงหื้ม" ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะอ่อนนุ่มขนาดไหน แต่ดูมันพูดนะครับดูมัน ใช้คำพูดที่เสียดสีกับก้นผม ช่างหยาบคายกับผมเสียเหลือเกิน ที่ผมเป็นแบบนี้นี่ไม่ใช่ฝีมือมึงเหรอครับคุณปลวกน้ำแข็ง
"หายแล้วครับ"
"นั้นทำให้เป็นอีกดีไหม" ผมอยากจะเตะเข้ายอดหน้ากรุ่มกริ่มของมัน ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นหัวหน้าพ่อครัวในครั้งนี้ เกียร์เดินมาวางนมช็อคให้บนเคาน์เตอร์ครัวตรงหน้าผม ดีนะที่พนักงานส่งของมากดกริ่งหลังจากผ่านฤดูติดสัตว์ ไม่อยากนั้นคุณหมาน้ำแข็งคงกระฟัดกระเฟียดน่าดู
"เดี๋ยวจะโดนนะเกียร์ ทะลึ่งใหญ่ละ จะดีกว่านั้น ถ้าเราเริ่มทำอาหารกันเสียที ผมหิวแล้วนะ" ผมบอกมันหน้ามุ่ย ยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่กลับ จนจะหนึ่งทุ่มก็ยังไม่ได้เริ่มทำอาหารกัน ถ้าหมอหน้าใสเป็นโรคกระเพาะขึ้นมาใครจะช่วยรักษาครับผมถาม
มันส่งกุ้งมาให้แกะ ผมก็เด็ดหัวดึงหางตามที่เคยมองมันแกะบ่อยๆ แต่เกียร์แตะมือผม พร้อมสอนว่าไม่ควรบีบกุ้งแน่น ระวังกรีกุ้งเวลาเด็ดหัวด้วย ให้ปลอกตามเกียร์แบบนี้ๆ แล้วผ่าหลังกุ้งเอาเส้นสีดำๆที่มันเรียกว่าเป็นขี้กุ้งออกมา และอื่นๆอีกมากมาย ผมฟังอย่างตั้งอกตั้งใจและทำตามวิธีของมันอย่างเคร่งครัด แต่ดูท่าว่าจะไม่รุ่ง ทำเลอะเทอะไปหมด เส้นสีดำขาดบ้าง ดึงไม่หมดบ้าง พยายามจับเบาๆก็เกร็งไปทั้งแขน เกียร์เขาก็ใจเย็นกับผมนะครับ ไม่บ่นไม่ว่าสักคำ แถมยังค่อยๆสอนให้อย่างใจเย็น จนผมแอบคิดในใจว่าความจริงมันไม่ได้เป็นคนใจร้อน ไร้อารมณ์อย่างที่คนอื่นว่าเลยนะครับ เป็นผู้ชายธรรมดาที่มีอารมณ์มีความรู้สึกเหมือนกัน ผมอยู่ใกล้ๆก็รู้สึกว่าเกียร์เป็นผู้ชายที่อยู่ด้วยแล้วอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ได้พูดอะไรมากมาย แค่ความเป็นห่วงเป็นใยที่แสดงออกมานั้นมันก็ทำให้ผมสุขใจแล้ว ยิ่งตอนที่ผมมองแผ่นหลังกว้างกำลังทำอาหารให้ผมทานอย่างในตอนนี้ มันเป็นภาพที่ผมเห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นที่มีคนดูแลเอาใจใส่เราขนาดนี้
ก่อนจะนอกเรื่องกันไปไกล มันคงเห็นผมไม่ประสบความสำเร็จกับการปลอกกุ้งก็บอกให้ผมไปหั่นแครรอทกับหัวหอมเพื่อมาทำแกงจืดเต้าหู้แทน ผมฟังวิธีหั่นอย่างจริงจัง พยักหน้าหงึกหงักให้หัวหน้าพ่อครัว มันก้มลงหอมหัวทุยๆของผมแล้วหันไปทำอย่างอื่น
"เป็นอะไร!" มันรีบล้างมือแล้วมาจับมือผมพลิกไปมา
"อึก..เปล่าครับ"
"แล้วร้องไห้ทำไม!" มันถามเสียงสั่นดังลั่นห้อง ยิ่งทำให้ผมกลัวขึ้นมา
"ก็ ก็ไม่รู้....ซื้ดดดดด" ตัวผมเป็นไรไม่รู้ น้ำหูน้ำตาไหลพราก มันแปลกไปหมด เกียร์จับมือผมแน่น สายตาสอดส่องหารอยแผล ผมเลยรีบเล่าให้มันฟังพร้อมเสียงสะอื้นเป็นพักๆว่าหั่นหัวหอมอยู่ดีๆร่างกายก็เกิดอาการดราม่ากระทันหัน จิตใจบอบช้ำเสียอย่างน้ั้น ไม่ได้โดนบาดหรือฆาตกรรมแต่อย่างใด มันมองผมเล่าจนจบก็หลุดยิ้มออกมา จับคางให้เงยขึ้นแล้วก้มลงจูบซับน้ำตาให้ทั้งสองข้าง แล้วยิ้มบอกว่าหัวหอมเป็นผู้มีอิทธิพล มันจะคอยสั่งให้คนอื่นร้องไห้ ถ้าคนนั้นไม่ชำนาญหั่นมัน แต่มันก็มีอีกวิธีที่จะโค่นล้มหัวหอมได้สำหรับคนเลเวลต้นๆ เฉกเช่นคนนั้นเป็นอัศวินมือใหม่ชื่อไอรัก ก็จะต้องจับตัวหัวหอมซึ่งเป็นบอสใหญ่ ไปแช่ตู้เย็นให้แข็งถึงจะฆ่ามันได้ ผมฟังก็งงๆ เหมือนมันเล่านิทานให้เด็กเจ็ดขวบฟัง ไม่รู้ว่าควรเชื่อเนื้อหาในเรื่องดีหรือไม่ควรเชื่อดี
"ฮึก สรุปคือ อึก ผมต้องเสียเวลารอบอสแข็ง อึก ตัวก่อนเหรอ อึก แต่ท้องผมมันไม่รอแล้ว ฮึก อะครับ" ท้องมันทรยศโดยการตั้งประท้วงหน้ารัฐสภาไอรักแล้วครับ อีกทั้งก้อนสะอื้นยังไม่หมดไปเสียที แต่เริ่มทุเลาลงกว่าเมื่อครู่เยอะเลยครับ อีกสักแปบคงหายไปเอง
"นั่งกินขนมรอไปก่อน ที่เหลือเกียร์ทำเอง" มันล้างมือแล้วเดินไปหยิบตะกร้าใส่ขนมจากห้องนั่งเล่นมาวางบนโต๊ะอาหาร
"แต่ผมว่ามันต้องมีอีกทางสิ" คิดแล้วคิดอีกก็คิดไม่ตก มือหยิบขนมใส่ปากหมุบหมับจนได้ยินเสียงหัวเราะหึหึแว่วๆ แต่ผมไม่ได้สนใจหรอก ผมว่ามันต้องมีวิธีมากกว่านี้สิ ระหว่างกำลังใช้สมอง เกียร์ก็จูงมือให้ไปนั่งคิดนั่งทานดีๆแล้วแกะขนมอีกอันมาจ่อปาก ผมก็อ้าปากรับอย่างเผลอๆ กำลังจะเคี้ยวก็ต้องหลุดออกจากปากเพราะแรงกระเด้งตัวยืนแล้วพูดเสียงดีใจ
"นึกออกแล้วเกียร์ ต้องใช้อันนั้นไง เดี๋ยวมานะครับ" ผมรีบเข้าไปในห้องครัวแบบลืมเจ็บ(ก้น) ไปค้นๆของในลิ้นชักในตู้เสื้อผ้า จำได้ว่าเคยเห็นอยู่แถวๆนี้นะ....เยส! เจอแล้ว
"เกียยยยร์ ทาด๊าาาาาา" เสียงมาแต่ไกล วิ่งมาหยุดตรงหน้าเกียร์ พร้อมหมุนรอบตัวให้มันดูด้วย ไงละ ค้างเลย อึ้งเลยๆ ไอเดียบรรเจิดละสิ หึหึหึ อย่าพึ่งชมกันครับอย่าพึ่งชมกัน
"..........."
"เป็นไงครับ คราวนี้ก็หมดห่วงเรื่องที่ผมจะดราม่าได้แล้วเนอะ" ผมเท้าสะเอวยิ้มยิงฟันแทบครบสามสิบสองซี่ มันนิ่งไปนานจนหลุดหัวเราะเสียงดังสุดๆอย่างที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
"ขะ ขำอะไรน่ะครับ หยุดขำเลยนะคุณ ..เกียร์! นี่! ผมไม่ตลกด้วยนะ! โถ่" ให้ตายสิ จะชมหน่อยก็ไม่ได้ กลับหัวเราะกันเสียอย่างนั้น งอนนะโว้ย เห็นไหมว่าไอรักโกรธแล้วนะครับ แง่งๆ
"หึ...เป็นความคิดที่ดีนะ" มันทำหน้าเหมือนกลั้นอารมณ์เต็มที่ ไม่ทันแล้วครับ ผมเสียความมั่นใจไปแล้ว
"แน่นอนสิครับ ผมคิดมาตั้งนานนะ" ว่าอุบอิบแล้วก็กระดิกแว่นตาดำน้ำโชว์ โดยไม่ทันได้สังเกตคนตรงหน้าว่ากลั้นยิ้มแค่ไหน
"ไม่นานก็แปลกแล้ว พิสดารจริงๆ" เกียร์บ่นพึมพำเบาๆ
"อะไรนะครับ"
"เก็บปากสิ จะยื่นกว่าจมูกแล้ว" ได้ข่าวว่าปากผม จมูกผมไม่ใช่เหรอครับ
"ผมว่าเมื่อกี้ไม่ได้ยินแบบนั้นนะครับ"
"อืม มาทำต่อสิ" เสือกยอมรับแล้วเปลี่ยนเรื่องซะงั้น แต่ผมก็หน้ามึน เดินมาหั่นบอสต่อ
"อะเมซิ่ง ผมเห็นหัวหอมเป็นสีน้ำเงินอะ" ปากพูดไป มือกำมีดสั่นๆก็พยายามซอยหัวหอมให้ถี่ๆเหมือนที่เกียร์ทำ แต่ซอยไปซอยมาทำไมมันหนาจังวะ?!
"................."
"มันไม่ร้องไห้แล้ว แต่ตาผมหายใจไม่ออกอะ"
"................."
"เกียร์ ผมเริ่มเจ็บตาแล้วอะ ร้อนด้วย แต่ทำให้เสร็จก่อนดีกว่าเนอะ.....อ่าว เป็นอะไรน่ะครับ" บ่นให้คนข้างๆที่ฟังเงียบๆ แต่มันเงียบจนผิดสังเกตจึงหันไปดู เจอเพียงไหล่สั่นๆ กับหัวที่พร้อมใจกันสั่นไปพร้อมร่างกาย
"เกียร์" ผมจับต้นแขน มันยื้อตัวเอาไว้สุดชีวิต สุดท้ายผมก็ต้องวิ่งไปอีกด้าน ก็เห็นมันทำหน้าแบบกลั้นขำสุดขีดแบบหน้าดำหน้าแดง เม้มปากแน่น ข่มตาลงแบบไม่ขอรับรู้อะไรทั้งสิ้น
"เกียร์ขำอะไรน่ะ หันมาคุยกันก่อนสิ อย่าหันหน้าหนีกันแบบนี้ ...นี่! ผมโกรธแล้วนะครับ!" ผมดึงแว่นตาดำน้ำออกแล้วระเบิดเสียงดังทนไม่ไหว มันหันมาพยายามหน้านิ่งที่สุด เจอผมโกรธหน้าดำหน้าแดงก็ต้องจ๋อย
"เดี๋ยว อย่างอนสิ" ผมเดินหนีจะออกจากห้อง แต่โดนมันรัั้งกอดจากด้านหลังเสียก่อน
"ไม่ได้งอน ผมกำลังโกรธ" ผมพูดกระชากเสียงเบาลง พยายามดิ้นออกจากวงแขนมัน แต่ก็ต้องหยุดไว้แค่นั้นเพราะประโยคต่อมา
"อย่าโกรธ..กันเลย..........นะ" พูดเสียงเบาแทบไม่ได้ยิน จนผมต้องเงี่ยหูฟัง
"........."
".........นะครับ" หน้าผมจะระเบิดตั้งแต่ประโยคเมื่อกี้แล้วนะ ถ้าไม่ติดว่ากำลังโกรธมัน ผมคงกระโดดจูบมันไปแล้ว
"......อืม....." ผมไม่ได้เป็นคนใจง่ายใช่ไหม ใจอ่อนตั้งแต่ได้ยินมันพูด นะ คำเดียวแล้ว..
"ดีกันนะ" ผมมองนิ้วก้อยที่ยื่นมา สลับมามองคนหน้าโหด
กิริยามึงแบ๊วไปไหมมมมมม
"..ไปหัดทำแบบนี้จากที่ไหนนะ" แต่ผมก็ยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยว มันออกแรงดึงให้หน้าผมกระแทกเข้าอกหนา เกียร์มันชอบให้ซุกอกหรือซาดิสวะเริ่มไม่มั่นใจ
"เคยเห็นป้าเกี่ยวก้อยกับหมาเลยอยากทำ" มันบอกหน้าตาย ถึงคำพูดจะสวนทางกับหน้าตา แต่มันพูดน่ารักจังครับ ดูป้าทำแล้วอยากทำตาม เหมือนลูกเป็ดเดินตามแม่เป็ด แต่เอ่อเมื่อกี้มันบอกว่าอะไรนะครับ ป้าเกี่ยวก้อยกับ....
"คุณกวนตีนผมอยู่หรือเปล่าครับ" ผมว่าใช่
"หึ เรื่องหมาน้อยผู้กล้าหาญ ตอนที่เราเคยดูด้วยกันไง" มันส่ายหน้าปฏิเสธจริงจังแล้วชวนผมเออออด้วย อย่าใช้คำว่าเราเลยครับ ผมจำไม่ได้จริงๆ เพราะส่วนใหญ่ผมจะนั่งเช็คตลาดหุ้นอยู่ข้างๆคนที่บังคับให้มานั่งดูด้วยกัน จึงไม่ได้ดูจริงจังอะไรขนาดมัน
"เหรอครับ แล้วเมื่อกี้หัวเราะอะไรน่ะ รู้นะว่าหัวเราะผม เห็นผมเป็นตัวตลกเหรอ" หรี่ตาจับผิดคนตรงหน้า มันทำหน้านิ่งๆแบบคนไม่ได้ทำอะไรผิด
"ก็ไอรักอยากน่ารักเองนิ" มันก้มหน้าตัวลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน แล้วส่งยิ้มอุ่นหวานให้ ผมเม้มปากแน่น พยายามไม่หลบตานั้น
"...ผมน่ารักตรงไหนกัน" บ้าที่สุด มันพูดเกินจริงไปเยอะหลายโยชน์มาก
"ทุก" ทุกๆ ตุ๊กๆ อะไรวะทุกคำเดียว ผมไม่ใช่ไอ้บอสนะครับ ถึงจะรู้กระจ่างแจ้งเพียงคำสองคำ
"ถ้าเป็นผู้หญิงหุ่นดีตาโตอย่างคุณสาค่อยน่าใช้คำนั้นมากกว่านะครับ"
"หึ" ดูมันทำเสียงขึ้นจมูก เหมือนรังเกียจมากมาย ตายเลี้ยววว กิริยาคุณท่านหยิ่งผยองเสียจริง ผู้ชายต้องชอบเพศแม่กันไม่ใช่หรือครับ ไอ้นี่ก็แปลก ไม่ชอบทั้งหญิงและชาย แต่ไม่เป็นไรครับ รักผมคนเดียวเป็นพอ คิดไปคิดมาไอรักก็แอบเขินเสียเองแล้วครับ
"ทำไมครับ ชอบผู้ชายเหรอ" ผมแกล้งแหย่ แต่ดูท่าอีกคนจะไม่รับมุขด้วย หน้าตึงเปรี๊ยะ
"ไม่ชอบอะไรทั้งนั้น" อ้าวไอ้ตูด ตอบเสียงแข็ง สะบัดหน้าหันงอนผมเรียบร้อย มึงเป็นผู้หญิงหรือเปล่านี่น้ำแข็งงงง
"แหน่ะ งอนอะไรครับ ไม่ชอบก็ไม่ชอบไง พูดเล่นเฉยๆ เกียยยร์" คนตัวใหญ่น้อยใจฝังแน่นมากครับ ลดมือจากที่กำลังหั่นหมูอยู่เป็นยืนนิ่งๆเหมือนแรงงานประท้วงไม่ทำงานทำการเงียบๆ ปากก็ทำเงียบไม่ยอมปริพูดจนผมเพลีย เลยจะงอนทับมันเสีย มันเห็นแบบนั้นก็รีบพูดออกมา แต่พี่แกยังไม่หันมาคุยดีๆนะครับ หน้าไปอีกทาง แต่ปากก็พูดออกมา ขอให้คอเคล็ด สาธุ
"ไอรักชมคนอื่นทำไมละ" นั่นนนน ชมไม่ได้ แต่ว่าได้ว่างั้น เผด็จการขึ้นเรื่อยๆนะมึงนี่
"ผมเปรียบเปรยต่างหาก" ยิ่งรู้เหตุผลมัน ผมก็เวียนหัวขึ้นทันที จะขำก็ไม่ใช่ จะเครียดอารมณ์ขึ้นๆลงๆของมันก็ไม่เชิง คุณน้ำแข็งเอ้ย เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ คุณรู้ตัวบ้างหรือเปล่า
"....ก็ไม่ชอบ" มันเริ่มก้มหน้า กำผ้ากางเกงแน่น มันคงเครียดที่ตัวเองเป็นถึงขนาดนี้ แต่ภาพที่เห็นทำผมหลุดยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้ เหมือนเด็กกำลังโดนพ่อดุอย่างไงอย่างนั้น
"ไม่พูดแล้ว........ผมจะไม่พูดแล้ว ไม่น้อยใจนะครับคุณน้ำแข็ง" ผมเดินเข้าไปกอดมันไว้ทั้งตัวแล้วโยกตัวมันให้มันโอนเอน แต่ไหงเป็นผมที่เอนอยู่คนเดียววะ นึกว่ากอดท่อนซุงแข็ง เงยขึ้นไปมองหน้าที่ก้มลงมา ก็เห็นมันหน้านิ่ง แต่แววตาไม่รู้ว่าดีใจหรือสับสนกันแน่ ความรู้สึกมันตอนนี้คงประดังประเดกันยุ่งเหยิงเป็นแน่
".....อึดอัดไหม"
"กางเกงพอดีตัวครับ" ผมตอบซื่อๆ จนมันต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่ายหน้าเบาๆ แล้วดัน(ก้น เหมือนเดิม)ให้ไปนั่งดูดีๆ ส่วนมันก็ตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารต่อ ผมว่าเราคงกินข้าวตอนห้าทุ่มครึ่ง เล่นพูดโน่นคุยนี่กันไม่หยุด แต่ผมไม่ผิดนะ มันชวนผมคุยทั้งนั้น อิอิ
ผมจะเดินออกไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในห้องนอน แต่ก่อนวิ่งออกไปรับก็กระซิบบอกคนตัวใหญ่ขี้น้อยใจให้หัวใจพองโตสักนิดก็แล้วกัน
"ผมไม่อึดอัดหรอก ไม่ลำบากใจด้วย ที่มีแฟนขี้หึงแบบนี้ แถมดีเสียอีก จะได้รู้ว่าคุณรักผมแค่ไหน ขอบคุณนะครับ" ผมเขย่งบอกแล้วรีบจุ๊บแก้มสากก่อนที่มันจะไหวตัวคว้าผมทันเสียก่อน หึหึ ไอรักชื่นใจจจจ
TBC----------------->>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
+โซ่ขอโทษษษษ โซ่กลับมาแล้วว พอดีมีปัญหากับชีวิตมาประดังประเดกันจนยุ่งเหยิงไปหมด พึ่งปลีกตัวมาอัพให้ทุกคนได้ ขอโทษจริงๆค่ะ
+มหาลัยจะเปิดแล้ว นิสิตนักศึกษาทั้งหลายกลับไปลองเสื้อ กระโปรง กางเกงกันหรือยังเอ่ย อาจจะหลวมจนน่าดีใจ กับฟิตจนน่าแค้นใจแบบเรานะคะ ดิฉันแอบปวดร้าว มาชั่งน้ำหนักล่าสุด ขึ้นมาสองโลแล้ว ขึ้นเลขห้า เจ็บใจที่สุด TOT
+ขอบคุณทุกคนที่ติดตามผลงานกันนะคะ แล้วเจอกันอีกครั้งค่ะ
โซ่