บทที่เก้า --- เลี้ยงสาย
ผ่านไปเดี๋ยวเดียว ชีวิตในมหาลัยของผมก็ใกล้เข้ามาถึงช่วงสอบกลางภาคของเทอมหนึ่งแล้ว
อะไรกันเนี๊ยะ ทำไมมันถึงเร็วอย่างนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าผมมีหลายๆอย่างผ่านเข้ามาในชีวิตก็ได้ไหนจะเรียน ไหนจะงานที่องค์การ(ที่จริงก็ไม่ค่อยไปทำหรอกนะ) ไหนจะเรื่องนั่นเรื่องนี้ เลยทำให้ดูเหมือนกับว่าเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน (กับพี่นิคจะเจอกันบ้างที่องค์การ บางทีพี่แกก็พาไปกินข้าว พาไปสถานีอ้างว่าให้ไปดูคอม แต่พอไปก็ไม่เห็นเป็นอะไร ส่วนพี่หมอทีเจอกันบ่อยที่ร้านเค้ก ในMSN แล้วพี่เขาก็โทรมาคุยด้วยบ้าง)
ผมเห็นตารางสอบแล้วอยากหัวเราะสิ้นดี เพราะบางวันสอบหนึ่งวิชาเว้นไปอีกสามวันถึงมาสอบอีกครั้ง แต่บางวันสองวิชาติดกันเลยเช้าบ่าย ทำไมเขาถึงไม่เฉลี่ยกันนะ ไม่เหมือนตอนเรียนม.ปลาย สอบวันเว้นวัน ยังมีเวลาอ่านหนังสือบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องสอบอะไรมาก เพราะมันแค่สอบกลางภาค ถ้าพลาดยังมีให้แก้มือตอนสอบปลายภาค (อีกอย่างก็มั่นใจในการเรียนของตัวเองด้วยแหละ ไม่เคยขาด ไม่เคยโดด ไม่เคยหลับในห้อง)
ติ๊ด.........ติ๊ด................เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าห้อง
“สวัสดีครับพี่หมอที ........ เสาร์นี้เหรอครับ ....ว่างครับ...... ยังจำได้ครับ.........ครับ........ดีเลยครับจะได้ไปทำบุญก่อนสอบ เอาฤกษ์เอาชัย.......ครับ......เอ่อ...พี่ครับผมชวนหนึ่งไปด้วย ได้ไหมครับ....ครับ.........ขอบคุณมากครับ.....วันเสาร์แปดโมงที่หน้าหอผมก็ได้ครับ...ครับพี่แล้วเจอกันครับ........สวัสดีครับ.......”ผมวางสาย หนึ่งที่นั่งอ่านหนังสืออยู่เงยหน้ามามองผมเพราะได้ยินชื่อตัวเองด้วย
“มีอะไรเหรอ”หนึ่งถาม
“ก็ไม่มีอะไรหรอก หนึ่งจำตอนที่เราไปนอนโรงบาลได้ไหม พี่หมอทีเขาบอกว่าเขาจะพาเราไปวัด เราก็ลืมไปแล้วนะ พอดีวันเสาร์นี้ พี่หมอทีเขาชวนเราไปทำบุญที่วัดแถวๆนี้แหละ เราเลยบอกว่าจะชวนหนึ่งไปด้วย หนึ่งไปด้วยกันนะ”ผมชวน
“เสาร์ อาทิตย์นี้เราว่าจะกลับบ้าน เรามีสอบตั้งวันพุธ ว่าจะกลับไปหาแม่”
“เหรอ ไปทำบุญด้วยกันก่อนซิ”
“เราก็ไปตักบาตรกับเอทุกพฤหัสอยู่แล้วไง” (คือทุกวันพฤหัสเวลาเจ็ดโมงเช้าที่ชมรมสมาธิและจริยธรรมจะนิมนต์พระ 9 รูป มาให้นักศึกษาได้ตักบาตรรับศีลทำบุญ ผมกับหนึ่งก็พากันไป)
“แต่นี่ไปวัดนะ ไม่เหมือนกัน เห็นพี่หมอบอกว่าเป็นวัดที่สวยและพระปฏิบัติดีด้วยนะ”
“เอนี่ แปลกดี เรียนซะไฮเทคแต่ทำตัวสวนทางกับสิ่งที่เรียน เอาเป็นว่าเดี๋ยวเราฝากยาไปถวายที่วัดด้วยแล้ว เพื่ออานิสงส์นี้จะทำให้เรากับแม่และน้องๆแข็งแรง”
“ได้ซิ สาธุ”ผมบอกพร้อมยกมือสาธุ
...........................................................................................
“เอ ๆ” เสียงชายคนหนึ่งเรียกผม ทำให้ผมต้องให้ไปมองขณะรีบวิ่งที่จะไปให้ทันเข้าห้องเรียน
“อ้าว สวัสดีครับพี่”ผมหยุดวิ่งแล้วเอ่ยทักคนที่เรียกผม
“จะรีบไปเรียนเหรอ”ชายคนนั้นถาม
“ครับ พี่มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ไม่มีอะไร แค่จะมาบอกว่าเย็นนี้พี่จะนัดเลี้ยงสาย หกโมงเย็นเจอกันที่คอมเพล็ค เออ...เอ จะเจอทรายกับบอยป่าว ถ้าเจอฝากบอกด้วย สายเราไปด้วยกัน” พี่กำปั้น พี่รหัสของผมบอก
“ครับ ได้ครับ ผมไปก่อนนะครับ”
“ทีหลังรู้ว่าจะเรียนตอนเช้าต้องวางแผนให้ดีๆ จะได้ไม่มาเหนื่อยวิ่งเข้าห้องอย่างนี้ เข้าไปก็เหนื่อย เดี๋ยวก็เรียนไม่รู้เรื่อง ไปเถอะ แล้วเจอกัน”
“ครับ” ผมตอบแล้วรีบวิ่งต่อทันที โชคดีที่อาจารย์ยังไม่เข้าห้อง(ที่จริงเรียนในมหาลัยแล้ว เขาก็ไม่ได้มาซีเรียสกับการเข้าห้องสาย หรือจะมาเรียนจะไม่มาเรียนก็ได้ แต่ผมไม่อยากฝึกนิสัยให้เป็นคนอย่างนั้น เพราะถ้ามีครั้งแรก ครั้งที่สอง ครั้งที่สามและครั้งต่อๆไป ก็จะตามมาอย่างง่ายดาย)
“เหนื่อยเป็นหมาหอบเลยนะมึง” ไอ้ปอนด์ทัก
“เห็นเอารถมาขับแล้วนี่ ทำไมยังเหนื่อยอีกล่ะ”ทรายถาม
“ก็กว่าจะหาที่จอดรถได้ นึกว่าจะมาไม่ทันแล้ว เอามอไซด์มาใช้ดีกว่าเยอะ” ผมตอบ
“ใช้รถนี่แหละ พวกเราจะได้อาศัยไปไหนมาไหนด้วย ประหยัดน้ำมันดี”บอยบอก เพราะคงเห็นว่าพวกเราไปไหนมาไหนด้วยกันเป็นกลุ่มอย่างนี้บ่อยๆ
“ประหยัดพวกเรา แต่เปลือง เอกับทราย นะซิ”ปูเป้บอก
“เกือบลืม บอย ทราย วันนี้พี่เขานัดเลี้ยงสาย หกโมงเย็นเจอกันที่คอมเพล็ค สายของพวกเราไปด้วยกัน”ผมบอก เริ่มหายหอบ
“แล้วสายกูล่ะ”ปอนด์ถาม
“มึงก็ไปถามพี่สายมึงซิว่ะ จะมาถามอะไรกู”ผมบอก
“แล้วพี่สายของปูเป้ไม่มาบอกเหรอ”บอยถาม
“สายเราเลี้ยงไปตั้งแต่เสาร์ที่แล้ว”ปูเป้บอก
“แล้วเขาไปทำอะไรกันบ้างอ่ะ ฉันจะได้แต่งสวยไปถูก”ทรายถาม
“ก็ไม่มีอะไรมากเหรอ พาน้องไปทานข้าว ร้องเกะ แค่นี้แหละ พอพี่ปีสองเลี้ยง ต่อไปก็เป็นพี่ปีสาม ปีสี่เลี้ยงแล้วแต่พี่เขาจะนัด”ปูเป้บอก
“แม่งกูไม่อยากเป็นรุ่นพี่เลยว่ะ กลัวได้เลี้ยงน้อง”ปอนด์บ่น
“มึงก็ชวนน้องไปเลี้ยงสายที่ร้านเกมดิ่”บอยแซว
“เป็นความคิดที่เจ๋ง สุดยอด”ปอนด์ตอบรับ ทุกคนส่ายหน้าพร้อมหัวเราะ
หลังเลิกเรียนผมก็นัดกับบอยว่าจะไปรับที่หอของบอย ให้บอยเตรียมตัวไว้เพราะไม่อยากไปถึงที่นัดหมายช้ากว่ากำหนด ส่วนทรายก็ขัยรถไปเอง แล้วผมก็ไม่ลืมโทรศัพท์บอกหนึ่งว่าวันนี้ไม่ต้องคอยกินข้าวเย็นและผมอาจจะกลับหอดึก แต่หนึ่งบอกว่าอยู่บนรถกำลังจะกลับอุดร ส่วนชุดยาที่จะถวายวัดวางไว้ที่โต๊ะหนังสือของผม หนึ่งยังเตือนอีกว่าอย่าให้ดึกมากเดี๋ยวตื่นไปวัดไม่ไหว จะว่าไปแล้วตั้งแต่เข้าหอมาผมยังไม่เคยนอนคนเดียวเลย ส่วนใหญ่ถ้าหนึ่งกลับอุดรผมก็จะเข้าไปนอนที่บ้านอาอี๊ วันนี้หนึ่งไม่อยู่ผมคงต้องนอนคนเดียว ใจจริงอยากไปนอนที่บ้านอาอี๊แต่ว่าพรุ่งนี้มีนัดแต่เช้า เอาว่ะนอนก็นอนไม่เห็นเป็นไรเลย
“กินเยอะๆเลยนะครับ ใครกินได้เท่าไหร่เอาเลย งานนี้ไม่อั้น”เสียงพี่รหัสของไอ้บอยบอกกับน้องๆที่มา (เลี้ยงสายครั้งนี้ เป็นพี่ปีสองเลี้ยงน้องปีหนึ่งครับ พอดีพี่กำปั้น พี่รหัสของผมเป็นเพื่อนกับพี่รหัสของทรายและบอยเลยมาเลี้ยงสายด้วยกัน และมีสายอื่นอีก สามสายที่มาด้วยกัน แต่เป็นคนละสาขากับพวกผม พวกผมเลยไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ รวมที่มาครั้งนี้ก็สิบกว่าคน)
“ตลกดีเน๊อะ พี่แกบอกว่าเลี้ยงไม่อั้น ก็ใช่ล่ะซิพามาเลี้ยง หมูกระทะแบบบุฟเฟ่คนละ 79 บาท จะกินเท่าไหร่ก็ได้” ทรายบ่นๆ เพราะทรายคิดว่าจะพาไปนั่งกินตามร้านอาหารที่มีระดับกว่านี้
“กินไปเถอะ ยังไงก็ฟรีน่า”บอยบอก
“ไหนว่ะไอ้ปั้น น้องมึงที่เขาเอาไปพูดกันว่า ทำเวบเพจได้ดีจนอาจารย์ของไปเป็นสื่อการสอน”เสียงพี่คนหนึ่งถามขึ้น
“นั่นอ่ะ คนที่ใส่แว่น หล่อๆเหมือนกูอ่ะ อย่างนี้แหละทั้งหล่อทั้งเก่ง มันเป็นทั้งสาย”พี่ปั้นพูดติดตลก
“ขี้โม้แล้วมึงไอ้ปั้น กูยอมรับว่ามึงแม่งเก่ง เจ้าแผนการ แต่มีเรื่องหนึ่งที่มึงไม่เก่ง”พี่คนเก่าพูดต่อ
“เรื่องอะไรว่ะ”พี่อีกคนหนึ่งถาม
“ก็เรื่องความรักไง จริงไหมว่ะไอ้ปั้น 555”พี่คนเก่าพูดพร้อมหัวเราะ
“เรื่องอย่างนี้เป็นทั้งสายด้วยหรือเปล่าอ่ะ น้องสายพี่ปั้นมีแฟนยังจ๊ะ”พี่รหัสของทรายถามขึ้น
“เออ..ผมยังไม่มีครับ”ผมตอบขณะที่กำลังจะคีบวุ้นเส้นเข้าปาก
“ถ้ายังไม่มี พี่ยังว่างนะจ๊ะ หรือว่าจะคบกับน้องทรายน้องรหัสพี่ก็ได้”พี่รหัสของทรายบอก
“พี่หนูไม่ชอบหรอกผู้ชายอย่างเอ น่าเบื่อจะตาย ถ้าอย่างบอยหรือน้องรหัสที่โรงเรียนเก่าของเอ
(เจ้าซัน) ก็พอว่าไปอย่างค่ะ น่ารักขี้เล่น โอ้ยคิดถึงน้องซัน”ทรายพูดออกมาเพื่อแหย่ผมกับบอย
“น้อยทราย แรงได้ใจเจ๊มาก แต่น้องบอยเจ๊ขอแล้วกันนะ”พี่รหัสทรายบอก ตอนนี้วงสนทนาได้แยกเป็นสาม สี่กลุ่มถึงแม้ว่าจะอยู่บนโต๊ะเดียวกัน
“กูว่า กูเสียดายเปิ้ลแทนมึงว่ะ ไอ้ปั้น”เสียงจากวงสนทนาหัวโต๊ะมาเข้าหูผม
“มึงจะพูดถึงทำไมอีกว่ะ ไอ้ปั้นมันทำใจได้แล้ว”อีกเสียงบอก
“ช่างเขาเถอะ เอาชนโว้ยชน แผนการต่อไปเรากินเสร็จ ไปต่อคาราโอเกะกัน”พี่ปั้นบอกแล้วก็ดื่มเอาๆ
(นี่เหรอรุ่นพี่ของเรา เวลาอยู่ที่คณะเป็นเด็กเรียนครูไว้ใจ แต่เวลากินเหล้ายกเอาๆยังกับกินน้ำเปล่า---ผมคิด)
“เอ ไม่ดื่มเหรอ”พี่ปั้นมองมาทางผมพร้อมพูดด้วยเสียงที่เริ่มแสดงว่าเมาแล้ว
“ไม่ครับ ผมไม่ค่อยชอบครับ”ผมปฏิเสธ
“ได้ไง มาเลี้ยงสายทั้งที อย่างนี้ถือว่าไม่เคารพรุ่นพี่ อย่างน้อยต้องแก้วหนึ่งมาชนกับพี่”พี่ปั้นบอกพร้อมส่งแก้วเหล้าให้ผม ทำให้พี่รหัสคนอื่นส่งให้น้องตัวเองบ้าง
“อ้าว.........ชน เพื่อสายรหัสของเรา”พี่ปั้นลุกขึ้นแล้วพูด ตอนนี้แทบไม่เหลือคราบพี่ปั้นที่เป็นเจ้าแผนการเลย ผมดื่มเข้าไปคำแรกก็เกือบอาเจียนออกมา แต่ก็ฝืนใจให้หมดแก้ว พวกเรานั่งกินกันไปอีกซักพัก แต่ผมไม่ยกอีกเลย ทรายกับบอยก็ยกกันอีกเล็กน้อย แต่พี่ปั้นยกเอาๆ จนตอนนี้นั่งฟุบลงกับโต๊ะ แล้วพี่คนหนึ่งก็บอกว่า “ไปๆ ไปเกะกันต่อ”
“แม่งไอ้ปั้น ไม่ไหวแล้วว่ะ มันนอนแล้ว”พี่รหัสของบอยบอก
“กูบอกแล้วมึงอย่าพูดเรื่องเปิ้ล มันเลยยกเอาๆ”เสียงพี่คนที่ชวนไปเกะตอบกลับมา
“เอางี้ ไปส่งไอ้ปั้นก่อนเราค่อยไปเกะ”พี่รหัสทรายบอก
“เสียเวลา ย้อนไปย้อนมา ร้านเกะปิดพอดี พี่รหัสใครก็ไปดูแลกันเอาเองแล้วกัน”พี่คนที่ชวนไปเกะบอกด้วยเสียงอันเมา
“เออ...ดี รถไอ้ปั้นกูขับเอง น้องไอ้ปั้นมันเอารถมาอยู่นิ่ เอางี้น้องตัดสินใจแล้วกันว่าจะพาพี่เขากลับคอนโดหรือพาไปต่อกับพวกพี่”พี่คนหนึ่งบอก
“ผมพากลับดีกว่าครับ พาไปก็ไปนอนเฉยๆ ร้องเพลงก็ไม่ได้” ผมบอก
“งั้นนี่กุญแจคอนโดมัน แล้วไปส่งมันเสร็จตามพี่ไปที่เกะก็ได้นะ”พี่คนหนึ่งบอกพร้อมล้วงกระเป๋ากางเกงพี่ปั้นเอากุญแจมาให้ผม
“ครับ”ผมบอก
“เอ ตามพวกเรามาสนุกกันต่อนะ”ทรายบอก
“ให้ไปช่วยไหม”บอยเสนอตัว
“ไม่เป็นไร บอยไปกับทรายนะ เราว่าจะชิ่งกลับหอเลยหลังส่งพี่เขาเสร็จ เรามึนๆหัวอ่ะ”ผมบอก
“อะไรเห็นกินแก้วเดียวเอง ตามใจๆ”บอยบอก แล้วเราก็แยกย้ายกัน
เพื่อนพี่ปั้นพยุงพี่ปั้นมาขึ้นรถผม แล้วผมก็ขับไปจนถึงคอนโดที่พี่ปั้นอยู่ ผมดูหมายเลขกุญแจ มันตั้งชั้น 5 ให้ตายเถอะ ดีนะที่มีลิฟท์ เข้ามาในห้องของพี่ปั้น ผมเห็นมีแต่หนังสือเรียนและกระดาษโน้ตต่างๆมากมาย ที่เขียนว่าวันไหนจะทำอะไรบ้าง ผมพยุงพี่แกลงไปนอนที่เตียง ผมเองว่าจะรีบกลับไปนอนเหมือนกันเพราะมึนหัวมากๆ ผมคิดได้ว่าถ้าคนแฮ้งค์ให้กินกาแฟดำข้นจะหาย ผมเดินไปหากาแฟว่าจะชงให้พี่แกกิน แต่พี่แกจะกินยังไงหว่า นอนซะขนาดนั้น กลับเลยดีกว่า ผมกำลังจะเดินออกจากประตู
“เปิ้ล........ทำไม เปิ้ลทำกับปั้นอย่างนี้..”เสียงพี่ปั้นพูดออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงที่เมา
ผมกลับมาดู เห็นที่แก้มของพี่แกมีน้ำตาไหลด้วย ว่าแล้วก็คิดขึ้นมาได้ หาผ้ามาเช็ดตัวให้ดีกว่า
ผมเช็ดตัวให้พี่เขา (แต่ไม่กล้าถอดเสื้อผ้า) เช็ดตามหน้าและแขน ระหว่างที่เช็ดตัวให้ พี่เขาก็พูดพร่ำถึงแต่เปิ้ล ว่าเรารักกัน ทำไมเปิ้ลไม่เข้าใจปั้น ปั้นรักเปิ้ล ปั้นมีเหตุผลของปั้น เปิ้ลไม่เข้าใจ อะไรอีกมากมายที่กล่าวออกมา ผมเช็ดตัวให้พี่เขา แล้วผมก็หลับไปด้วยเหมือนกันเพราะผมทั้งมึนหัวทั้งง่วงมากมาย คิดว่าของีบซักสิบนาทีเพื่อตื่นขึ้นมาจะได้มีแรงขับรถกลับหอ
ผมนอนหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แต่แล้วผมก็ต้องสะดุ้งตื่น เพราะตัวผมเหมือนมีอะไรมาทับ แล้วที่ปากก็มีปากของใครมาประกบที่ปากผม แล้วกำลังเอาลิ้นดันเข้ามา ผมลืมตาขึ้นก็เห็นพี่ปั้นนอนทับผมกำลังจูบผมอยู่ พี่แกดูท่าทางยังเมาอยู่ ไม่ลืมตา ผมตะลึงรีบผลักพี่แกออกอย่างง่ายดาย พี่แกกลิ้งตกเตียงแล้วก็บอก “เปิ้ลผลักปั้นทำไม อย่างนี้ไม่ใช่เหรอที่เปิ้ลต้องการ ปั้นจะให้เปิ้ลแล้วไง”แล้วพี่แกก็นอนที่พื้นบ่นพร่ำเพ้อถึงพี่เปิ้ลของแกต่อไป
ผมลุกขึ้นนั่งนิ่งมองดูพี่แก แต่ในใจเต้นโครมครามเหมือนหัวใจมันจะหยุดออกมาให้ได้ อะไรกันนี่ จูบครั้งแรกของเรา เราต้องเสียจูบครั้งแรกของเราให้กับพี่รหัส แล้วพี่รหัสก็เป็นผู้ชายด้วย อะไรกันว่ะ ผมมองดูนาฬิกาเพิ่งจะตีห้า ขอนอนอีกซักหน่อยแล้วกันซักเจ็ดโมงค่อยกลับหอ ไหนๆก็ไหนแล้ว นอนนี่แหละ ส่วนพี่แก ผมก็ปล่อยให้นอนที่พื้นพร่ำเพ้อไป ผมนอนบนเตียง
(ผมใจร้ายป่ะ อิอิ ช่วยไม่ได้ลงโทษที่ขโมยจูบครั้งแรกของเราไป) ผมนอนคิดว่า ความรักทำให้คนไม่เป็นคนได้ขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าการสูญเสียความรักไปทำให้เราต้องเสียใจมากมายขนาดนี้ แล้วเราจะไปมีความรักทำไมน้า ไม่เข้าใจ แล้วผมก็หลับไป
“เอ เอ ตื่น เอ”เสียงปลุกผม
“อือ..ๆ....”ผมงัวเงีย ลืมตาดู ที่ไหนหว่าไม่คุ้นเลย แล้วสมองผมก็รีบประมวลผลเรื่องตั้งแต่เมื่อคืน ใช่แล้วนี่มันห้องพี่กำปั้นนี่หว่า ผมเงยหน้ามองดูพี่กำปั้น
“ทำท่าตกใจอะไร เรามาส่งพี่เหรอเมื่อคืนนี้”พี่ปั้นถาม
“ครับ พี่เมาผมก็เลยมาส่ง ผมว่าจะงีบหน่อยเดียว แล้วจะกลับ ใช่กี่โมงแล้วครับ”
“จะแปดโมงแล้ว พี่เพิ่งรู้ว่าพี่เป็นคนนอนดิ้นมาก เมื่อเช้าตื่นมาลงไปนอนที่พื้นได้ยังไงก็ไม่รู้”
(นอนดิ้นอะไร ผมนี่แหละผลักพี่เอง---ผมคิด) “จะแปดโมงแล้วเหรอครับ ตายแล้ว ผมไปก่อนนะครับ” ผมบอกพร้อมรีบลุกจากเตียงจะวิ่งออกจากห้อง
“เดี๋ยว เอ เมื่อคืนนี้ ตอนที่พี่เมา พี่พูดอะไรไปบ้างหรือเปล่า” พี่ปั้นถามผมแบบอายๆ
ผมยิ้มๆแล้วพยักหน้า “ผมเข้าใจครับ รับรองผมไม่บอกใคร ว่าพี่พูดถึงแต่พี่เปิ้ล”
“ไอ้เอ ถ้าบอกใครพี่ตัดสายแน่” พี่กำปั้นพูดพร้อมทำท่าจะเตะผม ผมวิ่งหนีมาทีประตูก่อน
“ผมไปแล้วนะครับ”ผมบอกพร้อมเปิดประตูออกไป ทันใดนั้นเองประตูฝั่งตรงข้ามก็เปิดออก
“พี่หมอที”ผมทักออกไป
“น้องเอ”พี่หมอทีทักแบบตกใจ แล้วรีบทำท่าเป็นปกติ “แปดโมงที่หอน้องเอไม่ใช่เหรอครับ ไม่ใช่ที่หน้าห้องพี่นะ”
ผมเดินออกมาจากประตูแล้วถามว่า “พี่หมอทีพักที่คอนโดนี้ ห้องนี้เหรอครับ”
“อ๋อ...ไม่ครับ พี่มาฉีดยา เอ๊ย! เยี่ยมคนไข้ที่ห้องนี้ คอนโดนี้นะครับ”พี่หมอทีบอก
“ครับ ดีจังครับ”ผมบอกไปแบบไม่ทันคิดอะไร
“เชื่อพี่เหรอ ....พี่พักที่ห้องนี้ คอนโดนี้ครับ เข้ามาห้องพี่ก่อนซิ”พี่หมอทีบอก ผมหัวเราะนิดๆ แล้วเดินเข้าห้องไป ห้องพี่หมอทีเป็นระเบียบมาก สะอาด แต่เหมือนห้องสมุดมีแต่หนังสือเล่มใหญ่ๆหนาๆ ถามยังมีรูปผังกายวิภาคแขวนไว้อีกดูน่ากลัว(พวกโครงกระดูก เส้นเลือด อวัยวะต่างๆ)
“ห้องพี่รกหน่อยนะครับ”พี่หมอทีบอก พร้อมยื่นกาแฟดำมาให้ผม
“ถ้าห้องพี่รก ห้องผมก็รังหนูแล้วครับ”ผมแซวพร้อมถามในสิ่งที่พี่หมอทียื่นให้ “อะไรอ่ะครับ”
“กาแฟดำ ดื่มซะ ช่วยได้เยอะ เมื่อคืนนี้หนักเหรอ”พี่หมอทีถาม
“เอ่อ......พี่หมอรู้ได้ไงครับ”
“ก็ได้กลิ่นน่ะ ปกติกลิ่นน้องเอ ไม่ได้เป็นอย่างนี้ อืม...รีบดื่มซะ แล้วจะได้อาบน้ำ วันนี้เรามีนัดไปวัดกันไม่ใช่เหรอ”พี่หมอทีบอก (จำกลิ่นเราหมายความว่ายังไง---ผมคิด)
“ครับ”ผมดื่มกาแฟพร้อมเล่าถึงที่ไปที่มาที่ได้มานอนที่ห้องนั้น(ยกเว้นเรื่องจูบ)
“โลกกลมดีนะ ไม่น่าเชื่อพี่รหัสเอจะมาอยู่ห้องตรงข้ามกับห้องของพี่ ดื่มเสร็จแล้วก็อาบน้ำซะ”พี่หมอทีบอกพร้อมยื่นผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าชุดหนึ่งมาให้ผม
“อาบน้ำ อาบที่นี่เหรอครับ”ผมถาม
“อ้าวก็ใช่นะซิ คิดว่าพี่จะให้อาบกลางแจ้งหรือไง”พี่หมอทีบอกพร้อมหัวเราะ
“ผมกลับไปอาบที่หอดีกว่าครับ แป๊ปเดียว ไม่เสียเวลามากหรอกครับ อีกอย่างผมต้องกลับหอไปเอายาที่หนึ่งฝากถวายวัดด้วยครับ”ผมหาข้ออ้าง
“ไม่เป็นไร อาบที่นี่แหละ อาบเสร็จค่อยไปเอา”พี่หมอทีบอกพร้อมจับผมให้เดินเข้าไปในห้องน้ำ
ผมอาบน้ำเสร็จก็แต่งชุดของพี่หมอที เป็นเสื้อยืดของคณะแพทย์ กางเกงยีนส์ซึ่งผมใส่แล้วขามันยาวไปนิด แล้วผมกับพี่หมอทีก็เปิดประตูออกไป ทันใดนั้น ประตูห้องข้างๆทางขวามือก็เปิดออกมาเช่นกัน
“นิค”พี่หมอทีทัก
“พี่นิค สวัสดีครับ”ผมทัก พี่นิคมองด้วยสายตาที่ดูดุน่ากลัว มองผมตั้งแต่หัวจดเท้า
“นิค พอดีเรากับน้องเอจะไปวัดกัน ไปด้วยไหม”พี่หมอทีชวน
ปัง! เสียงพี่นิคปิดประตูใส่ หลังจากเดินเข้าไปในห้องเหมือนเดิม พร้อมมีเสียงจากในห้องว่า
“อ้าวไอ้นิค ไหนมึงบอกว่าจะไปหาข้าวแดกไง”เสียงพี่ริชอยู่ในห้อง ผมจำได้
“กูไม่ไปแล้ว กูอยากไปแดกเหล้ากับมึง กูมันไม่ใช่คนดีที่จะไปวัด ไอ้ริชมึงโทรบอกไอ้ปอดิ่ว่ะ ไปแดกเหล้ากัน”เสียงพี่นิคดังออกมาจากในห้อง
แล้วผมกับพี่หมอทีก็เดินไป พี่หมอทีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมขับรถกลับไปเอาของที่หอ พี่หมอทีก็ขับตามไปเพราะจะได้เอารถผมไปไว้ที่หอแล้วไปรถพี่หมอทีกัน
(ระหว่างขับรถไปหอ ในหัวผมสับสนคิดอะไรหลายเรื่องไปหมด แล้วเรื่องที่ไออ๊อฟส่งเมล์มา ผมเป็นมือที่สามเหรอ ผมไปเป็นตอนไหน แล้วผมไปทำอะไร แล้วพี่หมอทีกับพี่นิคเขามีความหลังอะไรกัน ผม งง ไปหมดแล้ว มันคืออะไร ทำไมพี่นิคต้องพูดประชดอย่างนั้นด้วย ทำไมพี่หมอทีทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ใครจะบอกผมได้ ผมจะถามพี่หมอทีเลยดีไหม เอาไงดีว่ะ )
เอี๊ยด............เสียงผมเบรกรถ เพราะผมขับไปคิดไปไม่ได้มองทางเกือบชนคนที่กำลังข้ามถนน พี่หมอที ตีไฟรถให้ผมชิดซ้ายทันที แล้วพี่หมอทีก็รีบลงจากรถวิ่งมาหาผมทันที
“น้องเอ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ขับไหวไหม”พี่หมอทีถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรครับ อีกนิดเดียวก็ถึงหอผมแล้วครับ ขับได้ครับ”ผมบอกแล้วก็ขับรถออกไป
(เอาอีกแล้วเรา คิดมากทีไรเป็นเรื่องทุกที ช่างมันหยุดคิดซะ ตอนนี้เรากำลังจะไปวัด ไปทำบุญ คิดแค่นี้พอ เราต้องทำใจให้สบายๆนะ จะได้บุญเยอะๆผมบอกตัวเอง)
แล้วผมก็เอารถไปจอด ขึ้นไปเอาของบนหอมานั่งรถพี่หมอที แล้วเราก็ไปวัดกัน
+++ จบบที่เก้า +++
*** ข้อคิดคำคมประจำบท ***
- ถ้าการสูญเสียความรักไปทำให้เราต้องเสียใจมากมายขนาดนี้ แล้วเราจะไปมีความรักทำไมน้า ไม่เข้าใจ