ตอนที่ 14 : การอ่อยของไทย (1)“มึงขับ” ไทยกดรีโมทเปิดประตูรถ เลือกนั่งฝั่งข้างคนขับ เมื่อร่างสูงตามขึ้นมานั่งแล้วเขาจึงส่งกุญแจรถให้
“ไปไหน”
“ทะเล”
“ทะเล?” คนถามมีสีหน้าแปลกใจ
“ทำไม ไปทะเลแปลกตรงไหน” ไทยยักคิ้วพร้อมกับส่งรอยยิ้มกวนๆ ไปหา
“ไม่แปลก” ดวงตาของปราบเป็นประกายคล้ายเจ้าตัวกำลังขำ “มึงอยากไปไหน”
“หัวหิน”
“อืม” สารถีนำรถออกจากลานจอดโดยไม่ถามเหตุผล ไทยมองใบหน้าด้านข้างของปราบ สีหน้าของชายหนุ่มเรียบเป็นปกติ
“ไม่อยากได้คำตอบแล้วเหรอ”
“เรื่องไหน”
“เรื่องที่มึงถามกูเมื่อคืนว่าดีแล้วคืออะไร”
“กูได้คำตอบแล้ว”
“หือ?” ไทยขมวดคิ้ว “มึงได้คำตอบว่าอะไรวะ”
“ว่าดีแล้วที่มันเป็นแบบนี้ ดังนั้นกูจะไม่ถามมึงอีก”
“หึๆ ไม่ต้องถามเพราะมึงตอบถูกแล้ว ที่กูพูดเมื่อคืนหมายถึงดีแล้วที่มึงเป็นแบบนั้น ดังนั้น”ดี”ที่กูพูดถึง กูหมายถึง..มึง” ไทยจงใจเว้นระยะการพูด เขาจ้องปราบนิ่งและนานพอให้อีกฝ่ายหันมาสบตา
“ขอบใจ แต่กูไม่ได้อยากเป็นคนดี”
“แล้วมึงอยากเป็นอะไรวะ” ถามว่าแกล้งโง่ใช่ไหม คำตอบก็ต้องใช่อยู่แล้ว
“เป็นคนที่มีความสุข”
“....” เหมือนมีอีกาบินผ่านหน้าร้องเสียงดังหนวกหูคล้ายการ์ตูนที่เขาเคยดูสมัยเด็กๆ ความเงียบเป็นศัตรูตัวฉกาจของการอ่อยอย่างแท้จริง
“กูก็อยากเป็น” ไทยพูดเสียงเบาอยู่ในลำคอ
“หิวไหม”
“มึงนี่!” จากกำลังซึมนิดๆ ไทยหลุดเสียงหัวเราะออกมาจนได้ “ไม่มีคำอื่นถามกูหรือไง เจอหน้าเมื่อไหร่ถามมันอยู่คำเดียว”
“หึๆ แล้วมึงหิวไหม”
“หิว”
“อยากกินอะไร”
“อืม..” ไทยมองสองข้างทาง “กูจำได้ว่าคราวก่อนแวะกินร้านข้าวแกงแถวเขาย้อยอร่อยดี มึงขับไปก่อนไม่ไกล ใกล้ถึงแล้วกูบอก”
“อืม”
“มึงจะไม่ถามเหรอว่ากูไปทำอะไรที่ทะเล”
“ถามทำไม แค่มึงให้กูไปด้วยก็พอ”
ถ้าตอนนี้มีกล้องสักตัวซูมเข้ามาใกล้ๆ จะเห็นว่าหน้าของไทยขึ้นสีแดงเรื่อ บ้าฉิบ! เขาตั้งใจมาอ่อยแล้วทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองถูกอ่อยได้วะ เสียฤกษ์หมด
“ไม่อยากรู้ก็ตามใจ” ไทยใช้สีหน้ากวนๆ เข้าข่มความเขิน
“ไม่ได้ไม่อยากรู้ กูแค่พอใจแล้วที่ได้มา ไม่อยากให้มึงรำคาญ”
สองหมัดซัดมาแบบต่อเนื่อง หัวใจของเขาทำงานอย่างหนักสมองเลยชักไม่ทำงาน มาแบบนี้แล้วกูจะไปยังไงต่อดีวะ
“กลัวทำไม กูขี้รำคาญก็จริงแต่ไม่เคยรำคาญมึงสักที” เมื่อเห็นอาการชะงักของร่างสูงไทยค่อยยิ้มออก เอาวะแลกกันคนละหมัดก็ยังดี
“ไทย”
“หือ?” เสียงขานรับของเขาทุ้มนุ่ม กะให้ความละมุนนี้แทรกเข้าไปในทุกรูขุมขนของร่างสูง
“มึงเคยพูดว่ารำคาญกู”
!!!
ไอ้เหี้ยยย! มึงจะมาจำแม่นไปถึงไหนวะ “ปราบ” ไทยเรียกชื่ออีกฝ่ายขึ้นมาบ้าง
“ว่า”
ไทยถอนใจออกมาเสียงดัง หันข้างเพื่อมองอีกฝ่ายได้ชัดเต็มตา “เมื่อคืนที่กูพูดว่ามึงเป็นคนใส่ใจ”
“อืม”
“น้อยกว่านั้นหน่อยก็ได้นะโว้ย”
“หึๆ ทำยังไงได้กูฉลาด ความจำดี”
“แม่ง! ดีเกินไปแล้ว”
ปราบยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกาย ไทยรู้สึกเหมือนเขากำลังตาพร่า เมื่อคนขรึมยิ้มเหมือนโลกมันสว่างไสว ความหล่อเพิ่มขึ้นอีกสิบระดับ
“หรือมึงอยากให้กูแกล้งโง่”
“อย่าเลย” ไทยถอนใจอย่างปลงๆ “กูก็พูดไปอย่างนั้นเอง การเป็นตัวของตัวเองดีที่สุดแล้ว”
“กูเห็นด้วยกับมึง”
ไทยมองใบหน้าด้านข้างของปราบ เขาอมยิ้มน้อยๆ นี่ไงล่ะเศษหนึ่งส่วนสองของเขา คนที่เข้าใจในสิ่งเดียวกัน
“ถึงซะที” ไทยบิดขี้เกียจไปมา การเลือกมาหัวหินทำให้ใช้เวลาขับรถนานกว่าทะเลใกล้ๆ แต่เขาชอบที่นี่มากกว่า “มึงเมื่อยไหม” ไทยหันไปถามคนขับด้วยความเป็นห่วง
“ไม่”
“แน่นะ”
“อืม”
“ก็แล้วไป” ไทยยักไหล่ “กูนึกว่าถ้ามึงเมื่อยแล้วต้องขับกลับอีกจะไม่ไหว กูเลยกะว่าจะชวนหาที่ค้างที่นี่สักคืน งั้นมึงก็ขับได้สบายสิไม่ต้องค้าง” ไทยพยายามกลั้นยิ้ม นานๆ ทีหรอกเขาถึงจะเห็นสีหน้าอึ้งๆ ของปราบแม้เพียงครู่เดียวก็ตาม
“ไทย”
“อะไร” ไทยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ทั้งที่ปวดแก้มจะตายอยู่แล้ว
“กูเมื่อย”
“หึๆ” ไทยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ใช้สายตาล้อเลียน “ไหนมึงบอกมึงเป็นคนตรงๆ ไม่ชอบโกหก”
“กูไม่ได้โกหก”
“กลับลำกลางอากาศขนาดนี้ไม่ได้โกหกตรงไหนวะ” ไทยยกมือขึ้นดีดหน้าผากอีกฝ่ายเบาๆ
“ตรงที่กูเลือกสิ่งที่ตรงกับใจมากที่สุด กูอยากค้างกับมึง” คนวางแผนชวนค้างมาจากบ้านยืนอึ้งเมื่อเจอคนจริงกว่า “มึงชวนเองนะ กูตกลง”
“กูพูดเล่น ตะครุบเชียวนะมึง เออๆ กูไม่เสียคำพูดก็ได้” ไทยหมุนตัวเดินลงไปยังหาดทรายเพื่อพักยก ยิงมาแต่ละดอกไม่เกรงใจกูเลย หัวใจวายตายทำไงวะ
“หึๆ” ไทยไม่มีโอกาสเห็นสายตาเอ็นดูของอีกฝ่าย รอยยิ้มขำจุดขึ้นที่ริมฝีปากของปราบ “น่ารัก” เขายังใช้คำนี้กับไทยเสมอ
“ค่อยยังชั่ว” ไทยทิ้งตัวลงนอนหงายขวางเตียง พวกเขาเลือกพักเกสต์เฮ้าส์ติดชายหาด ห้องที่พักแม้ไม่เห็นทะเลแต่ก็ได้ยินเสียงคลื่นชัดเจน
“มึงอยากอาบน้ำก่อนไหม”
“ไม่ล่ะกูไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน เอาไว้ไปซื้อตอนออกไปกินข้าวเย็นค่อยกลับเข้ามาอาบทีเดียว” ไทยพลิกตัวนอนตะแคง สอดมือเข้าไปใต้ศีรษะ มองปราบเดินเข้ามาทิ้งตัวลงนั่งข้างเขา
“มีอะไรอยากถามกูหรือเปล่า”
“ทำไมมึงถามอย่างนั้นวะ” ไทยเลิกคิ้ว
“เพราะกูคิดว่ามึงมี” มือใหญ่วางลงบนศีรษะของเขา สายตาที่มองมาอ่อนโยน
“แล้วอะไรทำให้มึงคิดว่ากูมี” ไทยต่อปากต่อคำด้วยรอยยิ้มกวนๆ เขาไม่ได้ปัดมือของอีกฝ่ายออก
“เพราะมึงทำตัวน่ารักน่ะสิ”
“น่ารัก!” ไทยเบิกตากว้างชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “กูเนี่ยนะน่ารัก”
“ใช่ วันนี้มึงทำตัวน่ารัก”
“ตรงไหนวะ” ไทยขมวดคิ้ว เขานึกยังไงก็นึกไม่ออก
“ความน่ารักของคนเราไม่เหมือนกัน สำหรับกู อย่างมึงเรียกว่าน่ารัก”
ใบหน้าของไทยร้อนฉ่า ไม่ได้เขินที่ถูกชมว่าน่ารัก แต่เขินที่อีกฝ่ายเห็นว่าเขาน่ารัก
“หึๆ ถ้ามึงยังจะถามกูอีกว่าน่ารักตรงไหนก็ไปส่องกระจกเอา” มือข้างนั้นเลื่อนลงมาแตะแก้มของเขา ไม่ต้องบอกไทยก็รู้ว่าตอนนี้มันคงขึ้นสีแดงเรื่อ
“ก็มึงพูดไม่เข้าท่า” ไทยปัดมือของปราบออกจากแก้ม เขินทีไรเขาต้องโวยวายเป็นเด็กหัวร้อนทุกที
“ขยับหน่อยสิ นอนดีๆ”
“ทำไม” ไทยถามไปอย่างนั้นเอง เขาขยับจากนอนขวางเป็นนอนตามความยาวของเตียง ร่างสูงของปราบขยับตามขึ้นมานั่งพิงหมอนขาเหยียดยาว
“ถ้ามึงไม่ไปไหนกูจะนอนสักงีบ เมื่อคืนทำงานถึงตีสาม”
“หะ!”
“แล้วมึงก็ไม่บอกกู”
“ห่วงกู?”
“เปล่า ห่วงชีวิตกูเองนี่แหละ เมื่อคืนไม่เห็นพูดอะไรนั่งดูหนังกับกูอยู่ได้ตั้งนาน”
“หึๆ มึงชัดเจนเสมอต้นเสมอปลายดี”
“ไม่ต้องมาเฉไฉทำไมไม่บอกกูวะ” ไทยโมโหจริงๆ เพราะเขาเป็นห่วงอีกฝ่าย ทำอะไรไม่คิดถึงสุขภาพตัวเองสักนิด ถ้ารู้ว่าปราบมีงานต้องทำมีหรือเขาจะทู่ซี้อยู่ต่อ งานก็ต้องมาก่อนการอ่อยอยู่แล้ว
“อย่าโมโหไปเลย กูบอกมึงแล้วว่ากูรู้ใจตัวเองดีว่ามันอยากได้แบบไหนมากกว่ากัน”
ไทยสบตาอ่อนโยนของปราบนิ่ง เขายกมือขึ้นช้าๆ แตะแก้มของอีกฝ่ายก่อนตบลงไปเบาๆ “มึงซึ้งผิดเวลา เรื่องนี้กูไม่ให้ผ่าน วันหลังมึงต้องเลือกให้ถูกว่าอะไรมาก่อน”
“อืม”
“อย่าอืมอย่างเดียว เข้าใจที่กูพูดไหม”
“เข้าใจ” มือใหญ่จับมือของเขาดึงออกจากแก้ม หากกลับไม่ยอมปล่อย
“กูเป็นห่วงมึงหรอกนะกูถึงพูด”
“ไม่ต้องบอกกูก็รู้ จำไม่ได้เหรอว่ากูเคยพูดอะไรไว้”
“อะไรวะ ถึงมึงเป็นคนพูดน้อยก็ใช่ว่ากูจะจำได้หมดนะเว้ย”
“กูเคยพูดว่า..” ปราบลูบมือของไทยเล่น “คนที่กูชอบนิสัยดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น ดูแลคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ”
“เออว่ะกูลืมไปแล้ว” ไทยเลิกคิ้วทำสีหน้าประหลาดใจ “นั่นกูเหรอวะ ทำไมฟังไม่ใกล้เคียงเลย”
“ใช่ นั่นคือมึงสำหรับกู”
“ตกลง” ไทยพยักหน้า “กูจะรับไว้เพราะมันฟังดูดี”
“หึๆ”
“ไอ้ปราบ”
“หือ”
“มึงไม่ง่วงแล้วเหรอวะ”
“อยากให้กูตอบจริงเหรอ”
ไทยอมยิ้มเขารู้ทันทีว่าปราบหมายถึงอะไร ระหว่างนอนกับคุยกับเขา เจ้าตัวจะบอกว่าเลือกคุยกับเขามากกว่าใช่ไหม
“แต่กูง่วงขึ้นมาแล้วว่ะ ถ้ามึงอยากนั่งมองหน้ากูต่อก็ตามใจ” ไทยขยับหมอนให้เข้าที่ พยายามจะกลั้นยิ้ม ทำไมเวลาคนเราดีใจมากๆ หรือรู้สึกเขินต้องยิ้มวะแก้มเขาจะแตกแล้ว
เสียงขยับตัวดังเบาๆ ไทยไม่เห็นเพราะเขาหลับตาลงแล้ว แต่พอเดาได้ว่าปราบเลื่อนตัวลงนอนราบ เงาบางอย่างบดบังใบหน้าเขา ก่อนริมฝีปากอุ่นๆ จะแตะแต้มลงบนหน้าผาก
หัวใจของไทยเต้นรัวแรง เขาควรจะตื่นขึ้นมาทำตาโต หรือทำหน้าตาล้อเลียนหรือไม่ก็แกล้งโมโหโวยวายอีกฝ่าย แต่เขากลับเลือกหลับตานิ่งทำเหมือนตัวเองหลับไปแล้วจริงๆ
มันช่วยไม่ได้ที่ต้องทำแบบนั้น เพราะไทยกลัวปราบจะจับความรู้สึกของเขาได้ ว่าจุมพิตบางเบานั้นมีผลกับใจเขามากแค่ไหน มันทั้งอบอุ่น อ่อนโยนและชวนให้ใจเต้นแรง
“ฝันดีนะ”
เสียงร่างกายขยับอยู่ครู่หนึ่งก่อนห้องจะตกอยู่ในความเงียบ ไทยไม่กล้าหยีตาขึ้นมอง จึงได้แต่โมโหอีกฝ่ายอยู่ในใจ
มาบอกฝันดีอะไรตอนนี้วะ ใครจะไปหลับลง!
✪✣✤✥✦TBC✤✥✦✧✪
ครึ่งแรกแบบถึงตัวเบาๆ ><
.
Darin ♥ FANPAGE Twitter :
primdarin