01
[/b]
ชรินตื่นมาพร้อมอาการแฮงค์และสบายตัวแปลก ๆ แต่ด้วยหัวที่หนักอึ้งเกินกว่าจะเปิดเปลือกตาไหว เขาจึงต้องโทรลางานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ต้องทำใจยอมรับว่าการลางานกะทันหันครั้งนี้ อาจถูกหักเงินเดือนตามกฎของบริษัท แต่เขาแบกสังขารไปไม่ไหวจริง ๆ
เมื่อคืนในความฝันมันดีมาก ๆ มันดีเกินไปจนเขานึกว่าเป็นเรื่องจริง หลังจากนึกได้ว่าเมื่อคืนฝันว่าอะไร ชริณก็รีบลุกขึ้นสำรวจร่างกายและรอบตัวของเขา เผื่อเมื่อคืนเขาหิ้วผู้หญิงกลับมานอนด้วยแล้วจำไม่ได้ ทว่ารอบตัวกลับเงียบสงบ เขาไม่ได้พาใครมานอนด้วย
ชริณถอนหายใจอย่างอก มีเพียงแค่เข็มขัดและท่อนล่างที่หลุดลุ่ย กางเกงยับยู่ยี่ไปหมด แต่ท่อนบนของเขายังอยู่ครบ จึงมีความเป็นไปได้ว่า เมื่อคืนเขาอาจโลกสวยด้วยมือเรา
“อ้าว เมื่อวานลืมปิดหน้าต่างเหรอวะ”
สุดท้ายวันนี้เขาก็กลายเป็นคนว่างงานโดยปริยาย ชริณนอนยาวจนถึงช่วงสายของวัน ก่อนจะลุกขึ้นทำซุปร้อน ๆ กินพร้อมกับยาแก้แฮงค์ อากาศในวันนี้หนาวกว่าปกติ สังเกตจากหิมะที่ตกโปรยปรายข้างนอก
ในขณะที่ชริณกำลังนั่งดูโทรทัศน์และซดซุปไปด้วย เขาก็ได้ยินเสียงขูดประตูหน้าบ้านดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ไม่ต้องส่องตาแมวก็รู้ว่าคงเป็นฝีมือเจ้าจิ้งจอกตัวป่วนแน่ ไม่รู้ทำไมมันถึงตามติดเขาแจนัก พักหลังชริณก็ว่าไม่ได้ให้อาหารมันแล้ว แต่ทำไมมันถึงไม่ยอมไปเสียที
เขาเร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้น หวังจะกลบเสียงขูดประตูของมัน ขนมที่บอกว่าจะให้ก็โยนทิ้งไว้หน้าบ้านแล้ว แต่ดูเหมือนมันยังไม่พอใจ
คราวนี้มันไม่จบแค่การขูดประตูเรียกร้องความสนใจ แต่กลับส่งเสียงร้องดังลั่นตามแบบฉบับของมัน ขนาดเร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้นจนสุดยังไม่สามารถกลบเสียงของมันได้ กลายเป็นว่าตอนนี้ชริณกำลังสร้างสงครามประสาทกับสัตว์
“โว้ยย! หยุดร้องได้แล้วโว้ย ไอ้จิ้งจอกบ้า!” สุดท้ายก็กลายเป็นเขาที่ทนไม่ไหว
แอ๊! แอ๊! มันส่งเสียงตอบกลับพร้อมกับขูดประตูชุดใหญ่ คราวนี้หนักว่าเดิมจนเขากลัวว่าประตูจะเกิดรอย สุดท้ายชริณก็ต้องลุกขึ้น เขาเดินไปยังประตูหมายจะจับมันโยนทิ้งเสีย ข้อหาสร้างความรบกวนและรำคาญอย่างถึงที่สุดตั้งแต่เช้า
ทันทีที่กระชากประตูออกอย่างอารมณ์เสีย มันก็นั่งจ้องแป๋ว ดูสงบเสงี่ยมเหมือนเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในปากของมันคาบซองขนมที่เขาโยนไว้ในเมื่อคืน มีการกัดแทะซองไปแล้ว แต่เหมือนมันยังกินไม่ได้
“เฮ้ย! เข้ามาไม่ได้ โน!” ชริณร้องห้ามเสียงหลง เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อย ทำท่าจะเดินเข้ามาในบ้านของเขา เขารีบเอาขากั้นไว้อย่างทันท่วงที แต่มันกลับหันก้นให้ เอาก้นถูขาเขาพร้อมกับช้อนตามองยิ่งว่าผู้หญิง พฤติกรรมแบบนี้มันไม่เคยทำมาก่อน ซึ่งเขาก็ตกใจมาก ยกขาขึ้นหลบมันแทนไม่ทัน
“บอกว่าไม่ได้ไง เจ้าหมาโง่! อ้าว แล้วขาหลังเป็นไรล่ะนั่น” ชริณพูดกับมัน หลังสังเกตว่าขาหลังมันเดินกะเผลกเหมือนเจ็บสะโพก พอจะเอื้อมไปจับหมายจะดูอาการให้มันก็หันมาแยกเขี้ยวใส่ สงสัยกลัวเขาทำมันเจ็บซ้ำสอง
มันเดินนวยนาดเข้ามาในบ้านเขา คราวนี้มันชักเหิมเกริมนัก ปกติมันจะเฝ้าโจมตีอยู่หน้าบ้าน คอยงับกางเกงไม่ยอมให้เขาไปทำงาน แต่คราวนี้มันกลับมาไกลกว่านั้น อีกเพียงนิดเดียวชริณจะไม่มีพื้นที่ส่วนตัวยกเว้นห้องนอนแล้ว ดีไม่ดีวันข้างหน้า เขาอาจไม่มีที่ซุกหัวนอนก็ได้
“เอาขนมมานี่ เดี๋ยวแกะให้”
“.....”
“ได้กินแล้ว ก็ต้องออกไปนะ ไม่ให้อยู่ เข้าใจ๊?” เขาพูดแล้วดึงซองขนมออกจากปากมันหมายจะแกะให้ มันไม่ได้ส่งเสียงตอบรับ แต่กลับชำเลืองมองเขาครู่หนึ่งและหันมองไปทางอื่นอย่างมีจริตจะก้าน ยิ่งกว่าหมาบ้านตัวเมีย
“.....”
“ทำไมไม่เข้าป่าวะเนี่ย แกไม่ใช่หมาบ้านนะเว้ย”
“.....”
“นึกว่าตัวเองเป็นหมาบ้านรึไง” เขาถาม ก่อนจะชะงักไปเมื่อมันอ้าปากกว้างเหมือนห้าว แต่โชว์เขี้ยวแหลมครบทุกซี่
“อ้าวนี่ ขนมแกะให้แล้ว ออกไปได้เลย ว่าจบชริณก็เอาขนมยัดใส่ปากให้มันคาบไว้ออกไปแทะข้างนอก แต่มันกลับจ้องตาแป๋ว พยายามขยับเข้ามาใกล้เอาหัวซุกแขน ถูไปมาอ้อนยิ่งกว่าลูกแมว
“อยู่ไม่ได้ จะไม่ใจดีแล้วด้วย” เขาว่าเสียงเข้ม คราวนี้มันหูลู่หางตก ดวงตาดูเศร้าสร้อยยิ่งกว่าสัตว์แสนรู้ ทำเอาคนมองรู้สึกว่าตัวเองกำลังเป็นคนใจร้าย ใจอำมหิตมาก ๆ
“เฮ้อ...งั้นกินเสร็จก็ต้องออกไปนะ ไม่ให้อยู่จริง ๆ” สุดท้ายชริณก็ต้องยอมมันอีกจนได้...
เป็นครั้งแรกที่ทั้งวันเขาได้ใช้ชีวิตกับสุนัขจิ้งจอก ส่วนใหญ่เราจะเล่นซ่อนแอบกันตอนไปทำงานก็เท่านั้น แต่ครั้งนี้มันต่างจากทุกที หลังจากที่มันกินขนมเสร็จ มันก็นอนหมอบดูโทรศัพท์ พยายามทำตัวให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชริณไม่ได้ลืมไล่มัน เขาแค่เห็นว่ามันไม่ซุกซน ทำตัวเป็นหมาผีเหมือนเช่นทุกวัน ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ถ้ามันเบื่อก็คงออกจากบ้านเขาเอง
แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิดผิด เพราะมันหลับคาพรมเช็ดเท้าของเขาถึงเย็น พยายามเอาเท้าเขี่ยก็ไม่ตื่น ไม่รู้หมาจิ้งจอกมันกินน้อยหรือยังไง เพราะทั้งวันมันอยู่กับเขาและกินเพียงขนมหนึ่งซองเท่านั้น
“แกนี่มัน....”
“.....”
“ถ้าพรุ่งนี้เห็นว่า¬ขี้ในบ้านจะโดนไม่น้อย” สุดท้ายชริณก็ต้องเสียสละพรมเช็ดเท้าให้กับมัน เขาปล่อยให้มันนอนนอกห้องอย่างสบายใจ เพราะขี้เกียจไล่มันออกจากบ้าน ดีไม่ดีปลุกหมาจิ้งจอกตอนหลับ อาจได้แผลเป็นของฝากก็ได้ ส่วนเจ้าจิ้งจอกน้อยเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องของมนุษย์ก็โบกสะบัดพวงหางเบา ๆ ด้วยความดีใจ
....คืนนี้พี่จ๋ารอน้องก่อนนะจ๊ะ น้องจะไปบริการความสุขให้ถึงที่
ถึงอยากจะเข้าไปคลุกคลี อยู่ใกล้ ๆ ชาริน ซังสักแค่ไหน แต่เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ต้องอดทนรอ หลังจากชาริน ซังเข้าไปในห้องนอนแล้ว เจ้าจิ้งจอกน้อยก็นั่งมองหน้าห้อง รอให้ไฟข้างในดับไปก่อนถึงจะเข้าไปได้
ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาบนโลก แบกรับภารกิจอันใหญ่หลวงเอาไว้ น้องไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำภารกิจนี้ได้สำเร็จ เพราะเป็นจิ้งจอกที่กลัวคน ไม่กล้าเข้าใกล้ใคร เพราะกลัวถูกทำร้าย แต่ก็เหมือนฟ้าดินเป็นใจเปิดทางให้น้องได้เจอกับชาริน ซังผู้ไม่ต่างจากเทวดา เป็นเจ้าชีวิตของน้อง ถึงแม้อีกฝ่ายจะคอยผลักไสไล่ส่ง แต่ก็คอยให้อาหารกิน ไม่เคยปล่อยให้อดอยากสักมื้อ
ด้วยความอดอยากปากแห้ง ในป่าเย็นมีแต่หิมะโปรยปราย มองทางไหนก็เจอแต่หิมะ เพราะอากาศหนาวที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบทศวรรษของญี่ปุ่น อาหารที่เคยกินอย่างอุดมสมบูรณ์กลับขาดแคลน พ่อแม่ที่เคยอยู่เป็นครอบครัวก็ล้มหายตายจาก จนเหลืออยู่เพียงลำพัง
ชีวิตที่เคยมีแต่ความสุขจางหายไป น้องเหลือเพียงตัวเดียว จิ้งจอกตัวอื่นก็ไม่มีตัวไหนเหมือนกับครอบครัว เพราะความอดยากบางครั้งก็ต้องแย่งอาหารกัน กลายเป็นปรปักษ์กันโดยปริยาย น้องซึ่งตัวเล็กกว่าใคร ตามประสาจิ้งจอกที่มีเชื้อมนุษย์อยู่ในตัว จึงต้องแพ้อยู่เรื่อยไป
จากที่เคยกลัวมนุษย์มากกว่าสิ่งใดบนโลก กลายเป็นว่าการที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องน่ากลัวกว่านัก วัน ๆ นึกแต่ว่าจะมีอะไรตกขึ้นท้องไหม พรุ่งนี้อยู่รอดปลอดภัยหรือเปล่า ต้องคอยมาคุ้ยถังขยะหาเศษอาหารที่ติดตามถุงพลาสติก ข้างถนนเขตที่มนุษย์อาศัยอยู่เพื่อไม่ให้ตัวเองอดตาย
จนกระทั่งวันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป.... เมื่อบ้านที่น้องอาศัยหลบฝน หลบพายุหิมะอยู่หลังบ้าน ที่เดิมที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่ได้มีคนย้ายเข้ามา น้องแอบมองอย่างหวาดระแวง ชาริน ซังในตอนนั้นก็ดูเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันก็ดูแตกต่าง ไม่คล้ายกับคนญี่ปุ่น
เสียงท้องที่ร้องหาอาหาร ให้หาอะไรตกลงกระเพาะได้แล้ว เร่งเร้าให้น้องทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะอดตายของจริง ด้วยความที่คิดไปเองว่าชาริน ซังอาจจะดีใจ เพราะหน้าตาดูแปลกประหลาดไม่เหมือนมนุษย์ที่เคยเจอ ทำให้น้องตัดสินใจค่อย ๆ เดินเข้าไปขออาหารด้วยความหวาดกลัว
นับตั้งแต่นั้นน้องก็เข้าใจแล้วว่าตัวเองไม่ได้คิดผิดแต่อย่างใด อย่างน้อยชาริน ซังก็คือเทวดาของน้อง
จริง ๆ น้องฟังภาษาของชาริน ซังไม่ค่อยออกเท่านั้น ภาษาของชาริน ไม่เหมือนภาษาที่น้องรู้จัก มีฟังออกบ้างบางคำ แต่ส่วนใหญ่อาศัยฟังน้ำเสียงและท่าทางของอีกฝ่ายทั้งนั้น ถึงคุยกันรู้เรื่องมาถึงทุกวันนี้
แม้วันนี้จะได้กินอาหารที่ชาริน ซังเรียกว่าขนมแค่ซองเดียว แต่หากเทียบชีวิตแต่ก่อนที่ยังไม่มีเทวดาคอยช่วยเหลือ อดมื้อกินมื้อ บางครั้งหาเศษอาหารไม่ได้ จนไม่ได้กินข้าวถึงสองวันติด แค่นี้สบายมาก น้องอยู่ได้
ไฟห้องชาริน ซังดับไปแล้ว พวงหางสายจิ้งจอกน้อยขยับไปมาด้วยความดีใจตามสัญชาตญาณ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนวิบวับเหมือนเห็นอาหาร เมื่อเหตุการณ์เมื่อคืนก่อนกำลังจะฉายวนอีกครั้ง แม้น้องจะจับสะโพกก็ไม่เป็นไร เพื่อแลกกับการทำภารกิจของตัวเองและให้ชาริน ซังมีความสุข อย่างน้อยก็ในความฝัน น้องทำได้!
ถึงไฟในห้องชาริน ซังจะดับแล้ว แต่น้องก็ยังต้องรอเวลา ปิดไฟแล้วใช่ว่าคนในห้องจะหลับเลย ระหว่างนั้นน้องก็มองหามุมเพื่อแปลงกายกลับคืนร่างมนุษย์ จะได้เปิดลูกบิดไปหาชาริน ซังที่รักง่าย ๆ
ที่ ๆ เหมาะกับการแปลงร่างมากที่สุดก็คือมุมในครัวของชาริน ซังเพราะมืดทึบ น้องค่อย ๆ เดินไปตรงนั้น ขณะที่กำลังหลับตาเตรียมจะคืนร่างเหมือนอย่างเดิม จู่ ๆ ประตูห้องนอนของชาริน ซังก็เปิดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“....!!”
“อ้าว หายไปไหนแล้วล่ะ” น้องแอบมองชาริน ซังอยู่มุมหนึ่งในเคาน์เตอร์ครัวด้วยความตื่นตระหนก ดีที่น้องยังไม่แปลงร่าง อาจเร็วไปนั้นไปสักนาที ความลับที่มีมาตั้งแต่กำเนิดอาจไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“......”
“เฮ้อ อุตส่าห์จะเอาผ้าเน่ามาห่มให้” ชริณบ่นกับตัวเองเสียงแผ่ว เมื่ออุตส่าห์ใจดีหาผ้าห่มเล็ก ๆ ผืนที่ไม่ได้ใช้แล้วมาให้เจ้าจิ้งจอกน้อยห่ม เพราะกลัวหนาว แต่กลับไม่พบแม้แต่เงา เขาส่ายหน้าอย่างระอา เจ้าตัวนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ นึกจะมาก็มา ไล่ให้ไป ไม่เคยเขยิบ พอจะไปก็หายไปเอง
เมื่อไม่มีใครอยู่ข้างนอกแล้ว ชริณก็กลับเข้าห้องตัวเองเตรียมตัวเข้านอนเสียที พรุ่งนี้ยังไม่ใช่วันหยุด เขาต้องตื่นไปทำงานแต่เช้า ฉะนั้นควรรีบเข้านอนตั้งแต่ตอนนี้
เสียงปิดประตูดังขึ้น ชาริน ซังเข้าไปในห้องนอนแล้ว ทำให้เจ้าจิ้งจอกน้อยถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกกลัวว่าอีกฝ่ายจะเดินเข้ามาหาอะไรกินในครัว แต่ก็ไม่ แอบรู้สึกดีอยู่ไม่น้อยที่ชาริน ซังหาผ้าห่มมาให้ แม้จะไม่อยากให้อยู่ในบ้านเพียงใด แต่สุดท้ายก็แอบเป็นห่วงทุกที เมื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่เปิดประตูออกมาเป็นหนที่สองแล้ว น้องก็ค่อย ๆ ปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ตั้งจิตไว้ให้มั่น เพื่อทำการกลายร่างอย่างที่ควรจะเป็น
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่น้องกลายร่างได้ แต่ครั้งแรกที่รู้วิธี แทบเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตของเขา เพราะกลายเป็นมนุษย์ตอนอยู่ท่ามกลางฝูงหมาป่ามากกว่าห้าตัว
การที่เป็นมนุษย์อยู่ท่ามกลางป่าเขาที่มีสัตว์ดุร้ายและอสรพิษอยู่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก จริงอยู่ที่สัตว์ป่ามักจะกลัวมนุษย์แต่ก็มีบางส่วนอยากลองดีอยู่เสมอ อย่างเช่นงู หมีหรือหมาป่า
การกลายร่างเป็นมนุษย์อยู่กลางป่าไม่ใช่เรื่องดีเท่าไรนัก ทักษะบางอย่างของมนุษย์มีไม่เทียบเท่ากับจิ้งจอก สัตว์ที่มีพื้นเพอยู่ในป่าตั้งแต่กำเนิด และมีเลือดอีกครึ่งหนึ่งที่อยู่ในตัวน้อง จิ้งจอกว่องไวกว่ามนุษย์และสายตาเร็วกว่า จึงเหมาะที่จะอยู่ในป่ามากกว่า
เสียงเปิดประตูห้องค่อย ๆ ดังขึ้นในความเงียบ ร่างเล็กที่ปรับสายตาได้ดีในยามวิกาลจ้องมองเตียงใหญ่ที่มีชาริน ซังนอนอยู่อย่างเป็นเป้าหมาย น้องค่อย ๆ ปิดประตูลง ลอบเลียกลีบปากอย่างประหม่าเพราะกลัวจะถูกจับได้ หัวใจดวงน้อยระส่ำระส่าย น้องสัญญาว่าคืนนี้อยู่ไม่นาน พอเสร็จภารกิจจะรีบออกจากห้องนี้ไป ไม่ปล่อยให้พี่กอดตลอดทั้งคืนเหมือนครั้งก่อน
“.....”
“.....”
เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ชะโงกหน้าดูชาริน ซังอยู่ครู่หนึ่ง อีกฝ่ายปิดเปลือกตาสนิท หายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เหมือนกำลังอยู่ในนิทราห้วงลึก รอยยิ้มของเจ้าจิ้งจอกผุดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เพราะภาพตรงหน้า ความจริงน้องไม่อยากทำตอนพี่หลับ แต่ขอถ้าทำตอนพี่ตื่น พี่ก็คงไม่สมยอม น้องจึงต้องทำในเวลานี้
เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ไม่รอช้า รีบกระโดดขึ้นเตียงนุ่มขึ้นคร่อมชาริน ซังเอาไว้ ดวงตาเรียวจ้องหน้าเทวดาของตัวเองอย่างเคลิบเคลิ้ม ยิ่งได้มองหน้าใกล้ ๆ ก็ยิ่งใจเต้นแรงยิ่งกว่าอะไร แม้อีกฝ่ายจะหลับตาอยู่ก็ตาม
ไม่มีใครหล่อเท่าชาริน ซังของน้องแล้ว...
โชคดีที่วันนี้ไม่มีเข็มขัดซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญในการทำภารกิจและน้องก็ไม่สามารถเปิดมันเองได้ มีเพียงแค่กางเกงหัวยางยืดโง่ ๆ เท่านั้น แต่น้องคิดว่าตัวเองจัดการได้โดยไม่ต้องให้พี่ช่วยเหลือ
ทุกอย่างต้องอาศัยความเร็ว น้องจะชักช้าไม่ได้ เวลาไม่เคยคอยใคร มือเล็กรีบเอื้อมไปจับหัวกางเกงของชาริน ซังด้วยอาการใจเต้นแรง ก่อนจะค่อย ๆ รั้นมันลงอย่างช้า ๆ
น้องสูดลมหายใจเข้าเพื่อตั้งสติ ก่อนจะจับมันเข้ามาในร่างแต่เข้ามาในอีกช่องทางหนึ่ง ที่ไม่ใช่แบบเมื่อคืน ความปวดหนึบเล่นงานน้องเข้าอย่างจัง มันเจ็บจนเหมือนจะแยกร่างน้องออกเป็นชิ้น ๆ ร่างกายเกร็งไปหมด ดูผิดจากธรรมชาติ เพราะสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่าง
“ท—ทำไม ครั้งนี้มันเจ็บล่ะ อือออ” น้องส่งเสียงร้อง มันเจ็บจนแทบน้ำตาไหล อยากจะเอาออกร่างเร็ว ๆ แต่ก็ต้องอดทน น้องต้องทำสำเร็จ!
“อะไรเนี่ย”
“.....!!” ทุกอย่างหยุดนิ่งชั่วขณะ เมื่อจู่ ๆ ชาริน ซังก็พูดขึ้นมา น้องที่กำลังทำภารกิจและจัดการกับสิ่งแปลกปลอมแทบหยุดสายตา หลังชาริน ซังลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ อีกฝ่ายหรี่ตามอง พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“น—นี่ความฝันเหรอ”
“จ้ะ...นะ..นี่ความฝัน” น้องตอบเสียงสั่น
“อะ...อาละ...แล้ว ทำไม อืม....” ชริณที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าและรู้สึกดีกับบางสิ่งบางอย่างกำลังประติดประต่อทุกอย่างเข้าในหัว แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่านี่คือความจริงหรือความฝันกันแน่ มันเหมือนกับความจริงแต่ก็รู้สึกแปลกประหลาด
“พี่จ๋า น้องขอโทษนะจ๊ะ แต่พี่จ๋าจะมาตื่นตอนนี้ไม่ได้” เจ้าจิ้งจอกน้อยในร่างมนุษย์ขอโทษขอโพยยกใหญ่ ก่อนจะคว้าของบางอย่างที่อยู่ข้างตัวตบเข้าที่หัวพี่อย่างเต็มแรงจนอีกฝ่ายสลบไป
“ฮือ...น้องขอโทษ” เจ้าจิ้งจอกแต่พรรณนาคำขอโทษ แต่พี่จ๋าจะมาตื่นตอนนี้ไม่ได้จริง ๆ น้องกลัวพี่ตกใจที่แรกพบต้องมาเห็นกันในสภาพเช่นนี้
“โอ้ยยยย” เสียงโอดครวญของชายหนุ่มดังขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ หลังเขาตื่นมาในสภาพที่หัวโน มิหนำซ้ำความเจ็บยังเล่นงานตั้งแต่ลืมตาขึ้นมา
ความเจ็บเข้าเล่นงานอย่างจัง ทำเอาชริณถึงกับน้ำตาคลอเบ้า ไม่รู้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น เขาจำได้แค่ว่าตัวเองฝัน แต่มันช่างเลือนลางเหลือเกิน ก่อนที่ทุกอย่างจะวูบหายไป แต่ไม่ว่ายังไง ถึงจะปวดหัวแค่ไหน ในวันนี้เขาต้องไปทำงานให้ได้ ชริณจะไม่ยอมลางานสองวันติดเด็ดขาด
เขาเดินโงนเงนเข้าห้องน้ำ ทำกิจวัตรของตัวเองอย่างเช่นทุกวัน เป็นอีกครั้งที่รู้สึกว่าความต้องการของเขา มันทำงานได้ดีเกินไป เมื่อคืนก่อนเขารู้สึกสบายตัว เพราะเมาแล้วโลกสวยด้วยมือเราจนจำอะไรไม่ได้ แต่คราวนี้ชริณกลับรู้สึกคั่งค้างเหมือนยังไม่เสร็จสม มันน่ารำคาญจนเขาต้องรีบจัดการมัน ก่อนที่จะเริ่มทำอย่างอื่น
ฝั่งจิ้งจอกแดงก็ได้แต่นอนหงอยรอชาริน ซังอยู่หน้าบ้านอย่างใจจดจ่อ ถึงหิมะกำลังตกโปรยปราย แต่น้องไม่มีอารมณ์กระโดดงับเล่นเหมือนทุกที เมื่อคืนนอกจากทำภารกิจไม่สำเร็จ เพราะรู้สึกว่ามันเจ็บเกินไป มิหนำซ้ำยังทำร้ายร่างกายชาริน ซังอีก เขารู้สึกผิดจนอยากหนีเข้าไปในป่าลึก แต่ก็อยากดูให้แน่ใจว่าชาริน ซังไม่ได้เป็นอะไรแล้ว
ไม่อยากทำภารกิจแล้ว ไม่อยากให้ชาริน ซังเจ็บตัว....
เสียงเปิดประตูบ้านทำเจ้าจิ้งจอกน้อยเลิกหงอยและรู้สึกผิดชั่วขณะ มันโบกสะบัดพวงหางไปมาอย่างดีใจ แต่ไม่ได้เข้าตะครุบขา เหนี่ยวรั้งให้ชริณเล่นด้วยอย่างทุกที เขามองเจ้าจิ้งจอกวายร้ายอย่างไม่ไว้วางใจเท่าไร ปกติมันไม่เคยเรียบร้อยแบบนี้
“วันนี้มาแปลกนะเนี่ย”
แอ๊!!
“เฮ้ย! ไม่ต้องวิ่งมาเลย ไม่ได้จะมาเล่นด้วยจะไปทำงาน” ชริณร้องห้ามมันเสียงยกใหญ่ เมื่อเจ้าจิ้งจอกน้อยทำท่าจะกระโดดเข้าใส่ เหมือนจะเล่นตัว
“ไหน ลองเดินเข้าใกล้ ๆ นะ ไม่ต้องกระโดดนะ” เขาออกคำสั่ง มันเอียงมองหน้าด้วยความฉงน แต่เมื่อเขากวักมือเรียก เจ้าจิ้งจอกน้อยก็ค่อย ๆ เข้ามาหาอย่างว่าง่าย
“.....”
“ตัวก็ไม่ได้ร้อนนี่หว่า ไม่มีน้ำมูกด้วย ไหนลองหมุนตัวหน่อย” เขาตบเข้าที่ก้นมันเบา ๆ เป็นสัญญาณให้มันหันบั้นท้ายมาให้ ซึ่งมันก็ยอมทำตามแต่โดยดี
“ตัวก็ไม่มีแผลนี่นา แล้วทำไมทำตัวแปลก” ชริณขมวดคิ้ว
จริง ๆ เขาก็ไม่ได้อยากจะสนใจเจ้าจิ้งจอกตัวนี้เท่าไรหรอก เดี๋ยวมันจะได้ใจไม่ยอมไปไหนสักที แต่เพราะเขาเป็นคนขี้สงสาร หนึ่งในคุณสมบัติของผู้ชายหน้าตาดี สุดท้ายก็ต้องขอดูอาการให้แน่ใจก่อน เผื่อจะได้พามันไปหาหมอ หากมันตายขึ้นมา แม้จะไม่ค่อยชอบมันเท่าไรนัก แต่ก็คงรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อย เพราะมันเล่นมาหาเขาเช้าเย็นขนาดนี้
“.....”
“...แต่แบบนี้ก็ดี ค่อยดูน่ารักขึ้นมาหน่อย ทำตัวเรียบร้อยเข้าไว้ล่ะ เดี๋ยวเลิกงานฉันซื้อขนมมาฝากแล้วกัน” ชริณว่าเขาลูบหัวและเกาคางให้มันเคลิ้มอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะผละออก เขาจะได้ไปทำงานเสียที
“อะไรวะเนี่ย ลางานไปวันหนึ่งแล้ว มาวันนี้สภาพยังไม่ปกติอีกเหรอวะ”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้านี่มันมายังไง” ชริณว่าพร้อมกับชี้บริเวณศีรษะที่นูนออกมาอย่างปลง ๆ
เมื่อคืนเขาจำอะไรไม่ได้จริง ๆ ดูรอบเตียงแล้วก็ไม่น่ามีอะไรที่ทำให้หัวโขลกได้ อีกทั้งชริณไม่ใช่คนนอนดิ้น ร้อยวันพันปีไม่เคยนอนแล้วได้แผล มันไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิดที่เขาได้แผลนี้มา!
“ชีวิตมึงนี่หรรษาสุดล่ะ ไม่เรื่องหนึ่งก็อีกเรื่องหนึ่ง ขนาดอยู่คนเดียวนะเนี่ย” เมฆถึงกับส่ายหน้า ชีวิตชายโสดไม่ควรต้องเจอความวุ่นวายแบบนี้ แค่เรื่องงานก็ปวดหัวเต็มทนแล้ว เคยได้ยินบ่นเรื่องมีสัตว์ตามติด คราวนี้ได้แผล เขายอมใจในชีวิตของชริณจริง ๆ
“เออ ช่างมันเถอะ ถือว่าเป็นสีสันชีวิต ทำงาน ๆ” ชริณว่าแล้วก็แยกย้ายทำงานในส่วนของตัวเอง ก่อนที่นายจะมาเห็น
“สวัดสดี/สวัสดีค่ะ” เสียงทักทายของสองคนดังขึ้นพร้อมกันในห้องเอกสารของบริษัท ชริณเกาท้ายทอยแก้เก้อ ไม่คิดว่าจะได้เจอซากุระ จังที่นี่ บรรยายกาศระหว่างเราแตกต่างตอนที่อยู่กับเจ้าเมฆอย่างชัดเจน มันดูอึดอัดและชวนใจเต้นแรงพร้อม ๆ กัน
ชริณพยักพเยิดให้เธอใช้เครื่องก่อนเลย ของเขาค่อยถ่ายทีหลังก็ได้ เราสองคนต่างกระอักกระอ่วนกันทั้งคู่ ความจริงเราก็เป็นแค่เพื่อนร่วมงานและชริณก็ชอบเธอมาก ๆ แต่เพราะซากุระ จังมีคนรักอยู่แล้ว เขาจึงอกหักอย่างเงียบ ๆ พยายามจะตัดใจเหมือนกัน แต่ของแบบนี้มันต้องใช้เวลา
“หัวไปโดนอะไรมาเหรอคะ”
“ค—ครับ! อ๋อ เกิดอุบัติเหตุนิดเดียวครับ” เพราะไม่คิดว่าเธอจะเป็นฝ่ายชวนคุย ชริณจึงตั้งตัวไม่ถูก เขาใจเต้นแรงมาก ๆ ยามที่เธอกำลังให้ความสนใจเขา
“แย่จัง... ขอให้หายเร็ว ๆ นะคะ” เธอพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้และเดินจากไป ทิ้งให้ชริณหัวใจพองโตอยู่เพียงลำพัง
ชีวิตชริณในการทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นถือว่าเรียบง่ายมาก เพราะวัน ๆ เขาทำแต่งาน เลิกงานก็แวะซื้อของกินแล้วกลับบ้าน นาน ๆ ทีถึงออกไปสังสรรคกับเพื่อนอย่างมากก็ต่อนช่วงเงินเดือนออกและวันนี้ก็เช่นกันที่เขาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
การมาทำงานที่บริษัทใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นก็ดี เงินเดือน ตำแหน่งงานขยับขยาย แต่ค่าครองชีพก็สูงตาม อีกทั้งเขายังต้องแบกรับความเครียดสะสมที่มาจากงานอีก ไม่รู้ว่าชริณจะทำงานในสภาวะแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน เขาก็ได้แต่ภาวนาให้ตัวเองปรับตัวกับการทำงานเช่นนี้เร็ว ๆ
หลังเลิกงานชายหนุ่มก็แวะเข้าร้านสะดวกซื้ออย่างเช่นทุกที เขาหยิบเอาพวกข้าวหน้าต่าง ๆ เบียร์หนึ่งกระป๋องและแฮมสดให้เจ้าจิ้งจอกโดยเฉพาะ เพราะวันนี้เขาสัญญาว่าจะซื้อของกินไปให้มัน ก็ไม่อยากผิดสัญญา มันควรจะจบแค่นั้น แต่เมื่อเดินผ่านโซนอาหารสัตว์ เขาก็เกิดความลังเลว่าควรซื้อไปให้มันดีไหม
ภาพเจ้าจิ้งจอกตัวแสบผุดขึ้นมาในความคิดอัตโนมัติ ชริณไม่ได้อยากเลี้ยงสัตว์ ลำพังแค่เขาเองใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นในแต่ละวันก็เกือบไม่รอด แต่ก็ลังเลว่าจะควรซื้ออาหารเม็ดไปให้มันเป็นกิจจะลักษณะเลยดีไหม
“ซื้อไม่ซื้อดีวะ”
“ไม่ได้อยากเลี้ยงนะเว้ย”
“ซื้อถุงเล็กไปก็คงไม่เสียหายมั้ง” สุดท้ายชริณก็หยิบเอาอาหารสุนัขถุงเล็กลงตะกร้าจนได้ เขาไม่ได้อยากเลี้ยงจิ้งจอกหรอก แต่ถ้ามันคอยประตูบ้านเขาเช้าเย็นขนาดนี้ก็คงไม่มีทางเลือก อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นค่าแรงของยามสี่เท้าที่ไม่ได้อยากจ้างก็แล้วกัน
เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เจ้าจิ้งจอกน้อยที่นอนเฝ้าหน้าบ้านได้ยินเสียงฝีเท้าของเขา ก็รีบลุกขึ้นโบกสะพัดพวงหาง ส่ายก้นไปมาอย่างดีอกดีใจ
“เดี๋ยววว ให้ฉันเปิดประตูก่อนสิ” ชริณส่งเสียงปราม เมื่อมันตะกุยขาเขาไม่เลิก มิหนำซ้ำยังพันแข้งพันขาจนเขาเกือบล้มหน้าคะมำ
เมื่อเปิดประตูบ้านเอากระเป๋าทำงานวางไว้เสร็จ เขาก็ออกมาฉีกแฮมสดให้มันต่อ ชริณหัวเราะเล็กน้อยเมื่อเห็นท่าทีมีจริตจะก้านของเจ้าจิ้งจอก มันค่อย ๆ เล็มกินเหมือนหมามีมารยาท ซึ่งจะมาทำตอนนี้ก็คงไม่ทัน เพราะเขารู้ไส้รู้พุงมันหมดแล้ว
ชริณนั่งดื่มเบียร์ขณะที่มองมันกินอาหารไปด้วย หลังจากมันจัดการแฮมสดจนหมดแล้ว เขาก็หาถ้วยเล็กมาลองเทอาหารเม็ดแล้วยื่นให้มันดูว่ามันจะกินไหม เพราะบางตัวก็ไม่กินอาหารเม็ดและยิ่งกับสัตว์ป่า ยิ่งเดาใจไม่ถูก แต่มันก็กินอาหารเม็ดอย่างไม่เกี่ยงงอน
“เดี๋ยวอัพเลเวลเหรอ มีมาอ้อนด้วย” เขากลัวหัวเราะ เมื่อมันเอาคางมาเกยตักเขาไว้ ชริณลูบหัวมันเป็นรางวัลในการทำตัวดีของมัน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มันถึงทำตัวดีแบบนี้ ช่วงก่อนหน้านี้พฤติกรรมของมัน ทำเอาเขาถึงกับประสาทเสียและต้องผวาทุกครั้งยามออกจากบ้าน ก่อนที่เขาจะเอามือนั้นมาดมดู
“วันหยุดฉันจะจับแกอาบน้ำ”