รัก...ไม่ได้ออกแบบ by zero- 42 -
“กูกลับก่อนนะ”
ผมเอ่ยลาไอ้สามหน่อที่เดินตามมาด้านหลัง นักศึกษาปีสองเทอมสองอย่างพวกผมอ่อนล้าอ่อนแรงมาก งานเยอะรุมเร้าเงยหน้าจากกองงานอีกทีก็พบว่าเปิดเทอมมาได้เดือนกว่าแล้ว เวลาผ่านไปไวมาก แป๊บๆก็จะหมดปี ใกล้สิ้นปีก็ใกล้สิ้นใจเพราะกำหนดส่งงานก็ใกล้เข้ามา รวมถึงสอบกลางภาคด้วย แต่เทอมนี้มีสอบแค่สามวิชา เหมือนจะดีแต่ไม่ดี เพราะพวกผมเน้นปฏิบัติส่งชิ้นงานเป็นหลัก ก็ทำให้มือหักกันไปข้าง
“เออ เจอกันวันจันทร์เว้ย”ไอ้เต้ตอบกลับแล้วก็แยกย้ายกันไป ช่วงนี้ไม่ได้ไปสังสรรค์กันเท่าไหร่ ต่างคนต่างใช้ชีวิตอยู่กับงานและคนของตัวเอง ไอ้หมวยไปหาพี่ไวท์ที่คณะ ไอ้โอ๊คติดเด็ก ส่วนไอ้เต้มันขอพักและทุ่มเทให้กับการเรียน มันจะทำเกรด ซึ่งมันควรคิดได้ตั้งนานแล้ว แต่เกรดมันก็ไม่ได้แย่ อยู่ในขั้นดีเลยเพียงแต่ถ้ามันตั้งใจมันจะทำได้ดีกว่านี้
ผมเดินมาที่ประจำที่มักจะเห็นคัมรี่สีขาวจอดรออยู่ทุกเย็นวันศุกร์ เปิดประตูเอาของไว้ที่เบาะหลัง ก่อนจะกลับมานั่งที่ประจำของตัวเอง เอาหน้าจ่อแอร์เพื่อรับความเย็น
“รอนานยัง”หันไปถามเขาสักหน่อย
“ไม่นานครับ ไม่ถึงสิบนาที”พี่เดียวตอบพร้อมกับปิดไอแพดเมียรักแล้วส่งมาให้ผมถือไว้ เตรียมตัวออกรถ ความสัมพันธ์ของผมกับพี่เดียวดำเนินไปด้วยดี เรื่องที่จันท์ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรและไม่ได้เล่าให้ใครฟังด้วย มีแค่ไอ้หมวยที่รู้และมาถามเอาทีหลังว่าเป็นยังไง ผมก็เล่าให้มันฟังไม่ได้ปิดบังอะไร
“หิวอ่ะ อยากกินสุกี้”
“เอาสิ”
“เป็ดใหญ่นะ หมูกรอบด้วย”
“โอเคครับ”
“งั้นไปเลย ลุย!”
“หึหึ”
ทุกวันศุกร์พี่เดียวจะมารับผมที่คณะและไปทานข้าว ทำกิจกรรมอะไรด้วยกันเหมือนคู่รัก คิดทีไรก็จั๊กจี้หัวใจ แต่มันก็รู้สึกดี ช่วงนี้ท่านประธานเขาตารางงานลงตัวแล้ว ไม่ต้องวิ่งรอกไปนั่นมานี้บ่อยๆ ก่อนหน้านี้พี่เดียวเพิ่งเข้ามาทำงานเต็มตัว มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งภายในที่สำคัญ คนที่เคยทำประจำถูกปลดออก บางงานท่านประธานเลยต้องลงไปจับด้วยตัวเอง เลยทำให้งานหนักมาก แต่หลังจากที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยดี คุณเขาก็เลยมีเวลาว่างมากขึ้น ช่วงนี้ผมเห็นเขานั่งออกแบบเครื่องประดับมากกว่าเอางานเอกสารกลับมาทำที่บ้านเสียอีก
“ปีใหม่มีแพลนไปไหนหรือเปล่า”
ระหว่างมื้ออาหารพี่เดียวก็ถามขึ้นมา ผมเงยหน้าจากชามตัวเองขึ้นมองคนถามที่มองมาอยู่ก่อนแล้วก่อนจะส่ายหน้า ปีใหม่กะจะนอนยาวแบบซ้อมตาย เพราะรู้เลยว่าตัวเองต้องหมดแรงไปกับงานที่อาจารย์สั่งแบบไร้ความปราณี
“ไปญี่ปุ่นกัน”
“นึกยังไง?”
“อยากไปเที่ยวต่างประเทศกับแฟนบ้าง”มันยิ้มมุมปาก ผมพยายามทำหน้านิ่งเมื่อรู้ตัวว่าถูกหยอดอีกแล้ว ไม่เคยชินสักที
“ชวนไปต้องจ่ายนะ”
“แน่นอนอยู่แล้วครับคุณ งกจริงๆ เคยให้ออกเองด้วยเหรอ”
พูดอีกก็ถูกอีก คบกับพี่เดียวโคตรสบาย อยากได้อะไรขอแค่เอ่ยปาก อยากไปไหนขอแค่บอก ถ้าคุณเขามีเวลาก็จะพาไปตลอด แต่ผมก็ไม่ได้เอาแต่รับฝ่ายเดียวนะ เวลาไปเดินเที่ยวเจออะไรที่คิดว่าพี่มันจะชอบผมก็ซื้อกลับมาให้ทุกที เวลาอยากจะกินอะไรผมก็ไม่ได้เลือกกินของแพงๆในห้างตลอดสักหน่อย ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางก็เคยพาไปกินมาแล้ว มีแต่คุณเขานั่นแหละที่ชอบพาผมไปกินของหรู จานใบใหญ่แต่มีอาหารกองอยู่นิดเดียว กินก็ไม่อิ่มแพงก็แพง แต่ถือว่าผลัดกัน ต่างคนต่างเรียนรู้สไตล์ของกันและกัน ปรับตัวเข้าหากัน
“พี่จะซื้อนาฬิกาทุกครั้งที่มาไม่ได้นะ”ผมดึงแขนพี่เดียวไว้ เมื่ออีกฝ่ายจะเลี้ยวเข้าร้านนาฬิกาแบรนด์โปรด ถ้าเรือนละพันสองพันจะไม่ว่านี่เรือนเป็นแสน บางเรือนเป็นล้านบ้าไปแล้ว ผมได้มาสองเรือนตั้งแต่คบกัน รู้ราคาแล้วไม่อยากเอามาใส่เลย แต่จะไม่ใส่ก็ไม่ได้เดี๋ยวคนให้เขาจะน้อยใจ
“แค่ดู”
“เหรอ?”ผมหรี่ตามอง ไม่อยากจะเชื่อ มันอมยิ้ม
“น่านะ พี่ชอบอ่ะ”
“เหอะ ตามใจ”ผมจะไปว่าอะไรได้ ก็เงินเขาทั้งนั้น ไม่ใช่เงินผม ถึงวันนี้ผมห้ามไม่เข้าร้านได้ แต่เดี๋ยวไอ้พี่เดียวมันก็มีนาฬิกาเรือนใหม่โผล่มาเก็บไว้ในตู้อยู่ดี พอผมเปิดไฟเขียวก็เลยถูกลากเข้ามาในร้าน ที่พนักงานเห็นหน้ากันจนคุ้นเคยดี มาบ่อยแค่ไหนก็คิดเอาเองแล้วกัน
“มารับของที่สั่งไว้ครับ ชื่อภัทรดนัย”
หะ? สั่งไว้?
ผมหันขวับไปมองทันที พี่เดียวยิ้มหล่อมาให้ ตั้งใจมาแต่แรกแล้วนี่หว่า แล้วทำมาบอกว่าแค่ดู น่าซัดให้น่วม พนักงานหายเข้าไปด้านในประมาณห้านาทีก่อนจะกลับมาพร้อมของที่ว่า
“นี่คะ เช็คได้เลยค่ะ”กล่องนาฬิกาสองกล่อวางไว้ตรงหน้าก่อนจะถูกเปิดออก มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่านาฬิกาคู่ สั่งทำแน่นอน
“ลองดูสิ”ผมกลอกตาไปมาก่อนถอดเรือนที่ใส่อยู่ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวกันออก แล้วหยิบเรือนทางซ้ายที่หน้าปัดเล็กกว่านิดหน่อยขึ้นมาใส่ที่ข้อมือตัวเอง
พอดีเป๊ะ...สวยมากด้วย
“ชอบใช่มั้ย?”
“อืม”
เฮ้อ ผมแพ้อีกแล้ว
“ใส่เลยแล้วกัน”พี่เดียวว่าแล้วถอดนาฬิกาที่ใส่อยู่ออกแล้วใส่เรือนใหม่ ดูเป็นคนขี้เห่อทั้งคู่ พนักงานสาวสวยได้แต่มองยิ้มๆ และนำนาฬิกาของพวกเราทั้งคู่เก็บใส่กล่องให้แทน พี่เดียวจัดการจ่ายเงินส่วนที่เหลือก่อนจะพากันออกมาจากร้าน คนได้ใช้เงินยิ้มหน้าบาน
“เนื่องในโอกาสอะไร”เดี๋ยวนี้ถ้าจะให้อะไรก็ไม่ได้หวานโรแมนติกแล้วครับ ผมขอไว้ เข็ดจากตอนได้แหวนมา แต่ทุกครั้งที่ให้มันจะต้องมีโอกาสพิเศษ
“ครบรอบห้าเดือน”มันบอกยิ้มๆ
“ห้าเดือนแล้วเหรอ”จะว่านานมั้ยก็นานสำหรับคนอย่างผมที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีแฟน แต่ผมกลับรู้สึกว่าช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันมันผ่านไปไวมาก แล้วตัวผมเองก็ไม่ได้มานั่งจำอะไรแบบนี้ด้วยสิ ทว่าอีกฝ่ายจำได้ตลอด ความใส่ใจของเขาทำให้ผมตื้นตันอยู่ในอก ผมรู้สึกว่าตัวเองสำคัญมากๆเมื่ออยู่กับคนๆนี้
“ขอบคุณนะพี่”ผมสอดมือเข้าไปจับกระชับไว้แน่น ไม่จำเป็นต้องแคร์สายตาใคร เพราะคนที่ผมแคร์คือผู้ชายที่อยู่ข้างๆตอนนี้
X
“อื้ม...น่าน...ใจเย็นครับ”
ถึงจะบอกให้ผมใจเย็นแต่มือหนานั่นก็กระชากเสื้อนักศึกษาของผมออกจากตัวไปอย่างรวดเร็ว มือเลื่อนลงมาปลดกระดุมกางเกงรูดซิปบริการให้อย่างว่องไว ส่วนผมหน้ามืดมัวเมาจูบมันอยู่ มือก็เค้นคลึงส่วนที่หลับใหลภายใต้กางเกงสแลคเนื้อดีแบรนด์ดังให้คนด้านใต้ครางรับเสียงต่ำ แน่นอนว่าหลังจากเริ่มเมคเลิฟแบบคนรักกันครั้งแรกแล้ว มันย่อมมีครั้งต่อๆมา ผมยอมรับตัวเองได้แล้ว ความอายเริ่มลดลงแต่ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ครั้งนี้พี่เดียวมันเลยดูแปลกใจมากพอๆกับความพอใจที่ฉายชัดในแววตาที่เริ่มหื่นของมัน
เราทั้งคู่โรมรันกันอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ภายในคอนโดหรูของพี่เดียว ผมให้พี่เดียวพุ่งตรงมาที่นี่แทนที่จะเป็นบ้านของตัวเอง วันนี้ไอ้พายอยู่บ้าน ทางไม่สะดวก...
“จะทำตรงนี้เลยเหรอ?”พี่เดียวถามกลับมาเสียงกระเส่า สายตามันโคตรเจ้าชู้
“มีปัญหา?”
“กลัวน่านเจ็บหลัง”เหอะ บนพื้นยังเคยโดนมาแล้ว ทำเสร็จหลังแดงเป็นแถบเกือบถลอกเพราะแรงกระแทกกระทั้น ตอนนั้นยังไม่เห็นเป็นห่วง
ผมลุกขึ้นสลัดกางเกงให้หลุดไปจากตัว ไอ้พี่เดียวรู้งานช่วยดึงผ้าชิ้นสุดท้ายออก ริมฝีปากร้อนทักทายกับเจ้าน้องชายผมที่เริ่มร้องไห้โยเย ปลายลิ้นหยอกล้อให้ขนลุกเกรียวไปทั้งตัวก่อนที่ส่วนั้นของผมจะหายเข้าไปในโพรงปากร้อนจนสุด กลีบปากที่โอบรัด จังหวะการเคลื่อนไหวที่เล่นเอาขาสั่นจนต้องยึดท้ายทอยคนที่นั่งอยู่บนโซฟาไว้แน่น
“อ่า...”ผมครางรับจังหวะที่เร็วขึ้น ไม่ไหวแล้ว ขาไม่มีแรง เหมือนไอ้พี่เดียวมันจะรู้เลยจับผมนอนลงไปตามความยาวของโซฟา แล้วเริ่มปฏิบัติการใหม่ ผมแทรกปลายนิ้วไปตามเรือนผมสีดำที่ก้มๆเงยๆอยู่กลางลำตัว แหงนเงยหน้ากัดปากกลั้นเสียงที่เกิดจากความรู้สึกดีๆ
เก่ง...เกินไปแล้ว
“อ่า...อา...อื้อ”ผมเกร็งตัวเมื่อปลายนิ้วแข็งถูกดันเข้ามาเรื่อยๆจนสุดและเพิ่มจำนวนนิ้วเพราะตระเตรียมร่างกายผมให้พร้อม เทคนิคบ้าบออะไรที่ไอ้พายส่งให้อ่าน ตอนแรกก็ผมก็เมินหนี แต่ตอนนี้กี่เว็บที่ส่งมาก็ผ่านตาผมมาหมดแล้ว ก็ใครมันอยากจะเจ็บตัวทุกครั้งที่มีอะไรกัน พี่เดียวก็ฉีกซองถุงยางด้วยปากจัดการสวมให้กับตัวเองเมื่อเห็นว่าผมพร้อมแล้ว ผมลุกขึ้นนั่งหยิบซองเจลมาฉีกบ้าง รีดของเหลวในนั้นลูบไล้ไปบนส่วนร้อนและแข็งจัดของอีกฝ่าย พี่เดียวยื่นหน้าเข้ามาจูบอย่างลึกซึ้ง ดูดดึงริมฝีปากเหมือนจะให้หลุดออกไป รู้เลยว่ามันต้องบวมเจ่อมากแน่ๆ
“ยกตัวขึ้นหน่อยครับ”เสียงทุ่มนุ่มนวลแหบพร่านิดๆ มือหนาประคองเอวผมให้ยกสูงขึ้นยกเงยที่หน้าตัก ผมประคองส่วนนั้นของอีกฝ่ายให้ตั้งตรงก่อนจะกดตัวลงมา ครั้งแรกที่ทำแบบนี้ผมโคตรอายแต่เมื่อพบว่ามันทำให้ตัวเองเจ็บน้อยและสามารถควบคุมทุกอย่างได้ ผมก็ละความอายนั้นทิ้งไป
แต่...ผมก็ควบคุมมันได้แค่ช่วงแรกๆเท่านั้นแหละ หลังจากนั้นอย่าให้พูดถึง โดนซัดจนน่วม ไม่คิดว่าท่านประธานเขาจะมีความโลดโผนซุกซ่อนไว้ แต่อย่างน้อยผมก็พอรับได้ ไม่ถึงขั้นวิบากตะกายกำแพง ไต่เพดาน ใช้ลวดสลิงแบบนั้นมันก็จะเกินไป แต่พี่เดียวมันชอบกัดไหล่ผมด้านที่มีรอยสัก มันบอกว่าเซ็กซี่มาก เห็นทีไรแล้วมีอารมณ์ อยากทำแรงๆ โคตรโรคจิตอ่ะ
“อืม...เด็กดี เร็วอีกนิดสิ”
“ไม่...”
“ไม่ตามใจพี่หน่อยเหรอ”ถ้าตามใจผมต้องตายแน่ๆ
“ไม่...อ๊ะ..อ่า โอ๊ย ไอ้!!”
“หึหึ”
แล้วมันฟังที่ไหน สุดท้ายก็เอาแต่ใจตัวเองอยู่ดี ผมถูกกดลงกับโซฟาขาสองข้างถูกแยกออกกว้างรองรับอารมณ์คนด้านบน
“โอ๊ย อย่ากัด!”
“ชอบอ่ะ”
“เดี๋ยวก็กัดบ้างหรอก”
“เอาสิ แรงมาแค่ไหนพี่ก็แรงกลับไปเท่านั้น แต่ไม่ได้กัดตอบนะ”
“โอ๊ะ!”ไอ้พี่เดียวมันสาธิตให้ดูว่าสิ่งที่มันจะตอบแทนมาคืออะไร บอกได้คำเดียว...จุก!
ไอ้บ้า! ไอ้หื่น! ไอ้โรคจิต!
ผมด่ามันในใจ ไม่กล้าด่าออกมาจริงๆเดี๋ยวจะโดนหนัก หน้ามันตอนนี้ยิ่งดูหื่นๆ พร้อมที่จะทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ผมคลั่งตาย เลยทำได้แค่เพียงซบหน้าลงกับโซฟา ปล่อยเสียงครางออกมาในบางครั้งเมื่อรู้สึกมากๆจนเก็บกลั้นไม่ไหว
“พี่รักน่านนะ”
จู่ๆก็มาหวาน ผมตามอารมณ์มันไม่ค่อยทัน จังหวะร้อนแรงก็เปลี่ยนมาอ่อนโยน การเคลื่อนไหวเชื่องช้าเนิบนาบทำให้ผมรับรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายได้ดีกว่าตอนก่อนหน้าเสียอีก และมันให้ความเขินอายพุ่งขึ้นสูงจนไม่กล้าสบตาด้วย นับวันยิ่งเหมือนสาวน้อย น้ำน่านมึงมาไกลเกินไปแล้ว
“หึ เด็กดี มองหน้าพี่ก่อน”
“ไม่เอา”
“น่านครับ”
“อื้อ...”
“น้ำน่าน...”
“ไม่เอา พี่เดียวอย่าแกล้ง”
“ไม่แกล้งก็ได้ งั้นเอาจริงกันเถอะ”
โอ่ย มาถึงขั้นนี้ยังไม่เรียกว่าเอาจริงอีกหรือไง!
X
“อย่ากวนดิ”มือไม้ที่ยุ่มย่ามแถวสะโพกนี่น่ารำคาญที่สุด แต่พอปัดออกมันก็ย้ายตัวเองมาอยู่แถวไหล่ ปัดอีกทีก็มาอยู่ตรงเอว ผมหันไปมองคนที่ชอบก่อกวน ไอ้พี่เดียวมันกำลังจ้องมองเมียไอแพดมันอย่างรักใคร่ แต่มือกลับรุกรานร่างกายผมไม่หยุด คนจะเล่นเกมเสียสมาธิหมด
“พี่เดียว เอามือไปไว้ที่อื่นดิว้า”
“พี่ชอบตรงนี้นี่นา”
“โรคจิต!”หมดอารมณ์จะเล่นเกมแล้ว ผมเลยว่าจะไปอาบน้ำแก้เซ็ง คือเราตื่นกันมาสักพักแล้วครับแต่ยังไม่มีใครลุกขึ้นจากเตียง เสื้อผ้าที่มติดตัวผมคือบ๊อกเซอร์ ส่วนพี่เดียวมีแค่กางเกงผ้าขายาวตัวเดียว ต่างคนต่างทำกิจกรรมของตัวเอง ผมเล่นเกม พี่เดียวเช็คหุ้น อ่านข่าว ตามประสานักธุรกิจ
“จะไปไหน?”
“อาบน้ำ”
“งั้นอาบด้วย”
“ไม่ต้องเลย”ผมชี้หน้า มันได้แต่ยิ้มขำตาพราวแต่ไม่ได้ขยับตัวตามมา ตั้งใจจะแกล้งผมชัดๆ
เมื่อคืนเสร็จรอบสองบนเตียง ผมก็ลากสังขารไปอาบน้ำแต่ลืมล็อคประตู ไอ้พี่เดียวก็หน้ามึนตามเข้ามาอาบด้วยพร้อมเหตุผลว่าจะได้ไม่เสียเวลา รีบอาบรีบนอน ครับ รีบนอนมากเลย เสร็จมันไปในห้องน้ำอีกรอบฉลองครบห้าเดือนกันจนถึงใจ ผมนี่เพลียสุด ซีดไปทั้งตัว เชื่อมั้ยว่าเคยทำแต้มนอนกับสาวๆนับรอบแข่งกับไอ้ธันว์ยันเช้ายังไม่เหนื่อยเท่ากับทำกับไอ้พี่เดียวสามรอบเมื่อคืนเลย
“ออกไปกินข้าวข้างนอกกันนะ”ผมบอกเมื่อพี่เดียวมันอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาใส่เสื้อผ้า ส่วนผมแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“โอเคครับ อยากกินอะไรเลือกเลย”
ผมเลือกร้านอาหารในห้าง เพราะจะมาซื้ออุปกรณ์เครื่องเขียนอะไรพวกนี้ด้วย ช่วงนี้ใช้เปลือง เมื่อวานก็ลืมซื้อ แต่เพราะเราตื่นสายกว่าจะอาบน้ำแต่งตัว กว่าจะขับรถมาถึงก็เป็นช่วงเที่ยงกว่าพอดี ร้านอาหารคนเยอะมากเลยต้องรอคิว ระหว่างรอผมก็เล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย พี่เดียวขอตัวคุยโทรศัพท์กับคุณหญิงป้าเรื่องงานประมูลการกุศลอะไรสักอย่าง
ผมเคยไปทานข้าวกับบ้านพี่เดียวมาแล้ว เจอกันครบทุกคนไม่มีใครรังเกียจที่พี่เดียวคบผู้ชาย ทุกคนในครอบครัวล้วนเข้าใจรสนิยมของพี่มันและยอมรับการตัดสินใจของหลานชายคนนี้ ผมได้รู้เรื่องของพี่เดียวเพิ่มขึ้นเยอะแยะ แล้วก็มีข่าวดีที่พี่แชมป์กับพี่นลินกำลังจะมีเจ้าตัวน้อย พี่นลินจองตัวผมไปถ่ายรูปให้วันคลอดและจองเป็นตากล้องประจำตัวลูกที่ยังไม่รู้เลยว่าเพศอะไร ขอมาผมก็จัดให้ ยังไม่เคยถ่ายเด็กเหมือนกัน น่าจะสนุก
หลังจากจัดการเรื่องปากท้องเสร็จแล้ว ก็ไปจัดการอุปกรณ์การเรียนของผม ส่วนนี้ผมจ่ายเอง พี่เดียวพยายามให้ผมใช้บัตรเครดิตเสริมที่มันให้มาแต่ผมไม่ใช้หรอกครับ เขาให้ผมก็แค่รับไว้แต่ไม่อยากใช้ มันรู้สึกแปลกๆถ้าต้องใช้เงินคนอื่น ถึงพี่เดียวมันจะไม่ใช่คนอื่นแล้วก็ตาม
ผมก็ชวนพี่เดียวไปซื้อของสดที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกลับบ้านนิดๆหน่อยๆ พอประทังชีวิตได้ในวันหยุด ช่วงนี้งานเยอะขี้เกียจทำอาหารกินเอง ก็อาศัยฝากท้องตามร้านต่างๆ แต่ถ้าวันหยุดก็ขี้เกียจออกมา เลยจะซื้อวัตถุดิบไปทำอาหารง่ายๆแทน เลือกของยังไม่ทันเสร็จไอ้พายก็โทรมาคงจะให้ผมซื้อของกินเข้าไปให้
“ว่าไงเมีย”
“เลิกเรียกกูแบบนี้สักที กูรับไม่ได้ที่ให้คนเป็นเมียเหมือนกันมาเรียก”
“สัด! โทรมามีไรให้ไวๆ”
“มึงจะกลับเข้าบ้านกี่โมง”
“อีกสักพักอ่ะ กูซื้อของสดอยู่ที่...”ผมบอกมันไป เผื่อมันอยากจะได้อะไร
“เออ ซื้อเสร็จแล้วก็รีบกลับมาแล้วกัน”
“ทำไม มึงจะออกไปไหนหรือไง”จะให้กลับไปดูลูกมันแน่ๆ
“เปล่า แต่มีคนมาหามึง”
“ใครวะ?”
“อยากรู้มึงก็รีบกลับมา”
“สัด ใครก็บอกมา ลีลา”
“สัญญากับกูก่อน ถ้ากูบอกมึงต้องกลับมา อย่าหนี”
ผมนิ่งคิด ใครกันที่จะทำให้ผมหนี ชีวิตนี้ก็ไม่เคยต้องหนีใครสักคน
“เออ”
มันเงียบไปอึดใจ ให้ผมต้องคอยลุ้น
“แม่มึงมาหา”
.
.
.
(มีต่อ)