Chapter 19
กิจ ‘s Part ผมขับรถออกไปซื้อโจ๊กร้านอร่อย กว่าจะกลับมาถึงห้องก็กว่าบ่าย 2 แล้ว แต่เพราะกันต์มันยังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่เที่ยงเลยครับ เห็นมันหลับสนิทท่าทางอ่อนเพลียขนาดนั้น ผมเลยไม่กล้าปลุก แต่นี่ก็บ่ายมากแล้ว มันน่าจะพอลุกมาทานข้าวทานยาไหวนะครับ
ผมเอาโจ๊กเทใส่ชามเข้าไปให้มันที่ห้อง มันยังคงนอนหลับสบายอยู่บนเตียง
แต่ไม่รู้สิครับ... ผมที่เห็นภาพมันตอนนี้แล้วกลับรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ
มันไม่ใช่คนที่มีครอบครัวเหมือนคนปกติ ไม่มีพ่อแม่ที่จะมาคอยดูแลเวลาเจ็บป่วยแบบนี้ มีแค่ตัวคนเดียว... แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่เคยหยิบเอาเรื่องพวกนี้มาใช้เป็นข้ออ้างให้ตัวเองกลายเป็นคนอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย...
แต่ภายใต้แววตาคู่นั้น... ผมกลับรู้สึกได้ว่ามันกำลังโหยหาความอบอุ่น.... ทั้งกายและใจอยู่เสมอ...
ผม... จะเป็นคนตรงนั้นให้มันเองครับ จากนี้ไปจะไม่มีใครมาทำร้ายมันได้อีกแล้ว...
...............
ผมวางชามโจ๊กลงบนโต๊ะข้างๆ หัวเตียงมัน ก่อนจะนั่งลงบนเตียงข้างๆ ผมเอามือลูบผมมันเบาๆ อย่างระมัดระวังแผลที่หัว มันขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้นมามองผม
“ เจ็บเหรอกันต์ “
น้องมันส่ายหน้าเล็กๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมานั่ง
“ พี่กิจมีอะไรเหรอครับ “
“ พี่แค่เห็นว่าเรายังไม่ได้กินอะไรเลย แล้วพี่ก็เห็นว่าเรามียาที่ต้องกินด้วยไม่ใช่เหรอ พี่เลยไปซื้อโจ๊กมาให้กินอะ... ลองกินสักหน่อยนะ จะได้กินยาแล้วค่อยนอนพักต่อ “
“ เอ่อ... ครับ “
ผมหยิบชามโจ๊กมาถือไว้ จากนั้นกันต์มันก็ทำท่าจะเอื้อมมือมาเอาไป แต่ผมหวงไว้...
“ ไม่เป็นไร เจ็บเนื้อเจ็บตัวแบบนี้เดี่ยวพี่ป้อนให้ “
“ แต่... “
“ เอาน่า ตอนนี้เราป่วยอยู่นะ... เป็นคนป่วยก็ต้องเชื่อฟังรู้มั้ย จะได้หายไวๆไง “
กันต์มันดูลังเลอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายมันก็ยอมแต่โดยดีครับ
กันต์มันเป็นคนปากเล็กมากครับ ป้อนไปก็เลอะไป ผมเลยต้องคอยเช็ดให้มันไปด้วย อย่างกับเด็กๆ เลย น่ารักดีเหมือนกันนะครับ
“ พี่นี่ก็ใจดีเหมือนกันเนอะ “
มันว่ามาครับ เมื่อเห็นผมวางชามโจ๊กที่มันกินพอแล้วลงบนโต๊ะ
“ กูอะใจดีอยู่แล้วเว้ย.. “
“ เหรอ... เชื่อตายเหอะ “
เห็นมันยิ้มมาแบบนี้แล้ว สงสัยมันคงจะอารมณ์ดีขึ้นแล้วครับ
“ เดี๋ยวกินยาแล้วก็นอนพักนะ ค่ำๆ อยากกินอะไร เดี๋ยวพี่ออกไปธุระข้างนอกแปบนึง ขากลับจะซื้อเข้ามาให้ “
“ อะไรก็ได้ครับ แล้ว... พี่กิจจะไปไหนอะ “
เห็นสายตามันมองผมมาราวกับว่าไม่อยากให้ผมไปไหนเลย แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมาครับ ผมเดินกลับเข้ามานั่งข้างๆ เตียง ก่อนจะเอามือลูบหัวมันเบาๆ
“ ธุระน่ะ แต่พี่ไปไม่นานหรอก เดี๋ยวจะรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อน “
มันพยักหน้ารับ ผมเลยขยี้หัวมันเบาๆ พร้อมกับยิ้มให้ แล้วออกไปจากห้อง
จากนี้ก็ถึงเวลาชำระความกับไอ้พวกที่มันทำกับน้องผมแบบนี้แล้วละครับ....
...................................
ที่สนามมวยบริเวณชานเมือง
ผมขับรถมาถึงสนามมวยที่ใช้เป็นที่ซ้อมนานๆ ที ซึ่งค่ายนี้ได้รับการสนับสนุนจากทางบ้านผมอยู่บ่อยๆ ในการจัดการแข่งขันหรือส่งนักกีฬาไปแข่ง ดังนั้นการยืมสนามเพื่อใช้สะสางเรื่องต่างๆ มันเลยไม่ใช่เรื่องยากอะไร
เวลาตอนนี้ก็เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้วครับ ที่สนามก็มีเพียงแค่ผมที่ถอดเสื้อออกและใส่แค่กางเกงวอร์มนั่งรอบนเก้าอี้อยู่บนเวที โดยมีการ์ด 3 คนยืนสแตนด์บายอยู่ด้านล่าง
จากนั้นไม่นาน รถเก๋งสีดำคันแรกก็มาจอดเทียบให้เห็นอยู่ไกลๆ ที่ประตูทางเข้า การ์ด 2 คนลากตัวหนึ่งในกลุ่มคนที่มันทำร้ายกันต์มาให้ผมที่ล่างเวที มันทำหน้างงและตกใจมากเมื่อเห็นผม
ผมหยิบเอาเอกสารข้อมูลที่พี่สิทธิส่งมาให้เปิดดูว่ามันเป็นใคร แต่จากที่ดูคร่าวๆ กลุ่มนี้ทั้งกลุ่มมันเป็นเด็กปีหนึ่งคณะเกษตรมหาลัยฯเดียวกันกับผม มันถึงได้ตกใจเมื่อเห็นหน้าผมตอนนี้
“ พะ..พี่กิจ พาตัวผมมาที่นี่ทำไมครับ “
แหม.. ทำเป็นพูดเพราะเชียวนะมึง ทีเมื่อวานรุมกระทืบคนแล้วทำเป็นห้าว...
“ รู้จักกูด้วยเหรอ “
“ ใครจะไม่รู้จักพี่ละครับ... คนเขารู้จักพี่กันทั้งมหาลัยฯนั่นแหละ “
“ ถ้ารู้แล้วมึงก็ยังกล้าลองดีกับกูอีกนะ “
“ ผะผมไปลองดีอะไรพี่ละครับ ไม่มีใครกล้าลองดีกับพี่หรอก “
“ แล้วเมื่อคืนนี้พวกมึงไปทำอะไรมา!!! “
พูดมาถึงตรงนี้ผมก็ขึ้นเสียงด้วยความโกรธ เมื่อนึกถึงสิ่งที่ไอ้พวกเลวนี้มันทำไว้ จนมันถึงกับสะดุ้งตัวสั่นเทาขึ้นมาเลยทีเดียว
“ มะเมื่อคืน... ผะผมไม่ได้เจอพวกพี่เลยนะครับ “
“ แล้วที่พวกมึงรุมกระทืบล่ะ... มึงรู้มั้ยว่านั่นใคร.... “
มันทำท่าอึ้งทันที ปากที่กำลังสั่นของมันไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยอะไรออกมา
“ นั่นมันน้องกู!!! “
“ ผมขอโทษพี่ ผมไม่รู้ว่านั่นเป็นน้องพี่กิจ ผมไม่ได้ตั้งใจ “
มันรีบยกมือไหว้ผมผงกๆ ทันที
“ ถึงไม่ใช่น้องกู มึงก็ไม่ควรไปทำกับใครอย่างนั้น!!!... “
“ ผมขอโทษครับ ต่อไปผมจะไม่ทำอีกแล้ว ให้ผมทำอะไรก็ได้ครับพี่ ผมขอโทษจริงๆ “
“ กูมีทางเลือกให้มึงสองทาง... หนึ่ง มึงขึ้นมาบนนี้แล้วชกกับกู... แค่ 3 นาทีเท่านั้น แต่ไม่ต้องห่วงหรอก กูจะใส่นวมให้ เพราะพี่คณะพวกมึงขอไว้ ว่าอย่าให้ถึงกับปางตาย... แต่ถ้ามึงไม่เลือกทางนี้กูก็มีให้เลือกอีกทาง... คือรีบกลับไปซะ... แต่อาจจะถูกการ์ดกูกระทืบ ซึ่งจุดนี้กูไม่รับรองความปลอดภัยนะ... “
มันตัวสั่นระริกก่อนจะหันไปมองยังการ์ดที่เลิกสูทดำออกมาเล็กน้อย เผยให้เห็นปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอว
สุดท้ายมันก็เลือกกรณีแรก.... ผมให้มันเลือกที่จะใส่หรือไม่ใส่นวมก็ได้ เอาที่มันสะดวกเลย...
สิ่งที่ผมอยากจะสอนให้มันรู้ก็คือ ลูกผู้ชายถ้าจะมีเรื่องชกต่อยกัน เขาไม่ทำตัวเป็นหมาหมู่แบบนั้นกันหรอกครับ และอีกอย่าง...
พวกมันทุกตัว... ผมจะเป็นคนตะบันหน้าให้มันสลบคาตีนผมทั้งหมดเลย
ผมไม่รู้ว่า 3 นาทีมันจะนานไปรึเปล่า สำหรับความทรมานที่พวกมันได้รับ เพราะแค่คนแรกมันก็น็อคไปตั้งแต่ 2 นาทีแรกแล้ว ในสภาพที่หน้าแตก เลือดกำเดาไหล ปากแตก แล้วก็สลบไป
จากนั้นรถก็ทยอยเข้ามาจอดเทียบทีละคัน และการ์ดก็ทยอยพาสมาชิกไอ้พวกเลวนั่นมากันทีละคน... และทุกคนก็สลบเหมือดไปตามๆ กัน ถึงจุดนี้ผมมีเพียงแค่รอยแดงที่มุมปากและเลือดซิบๆ ก็เท่านั้น แต่มันไม่เจ็บหรอกครับ เพราะยิ่งนึกถึงภาพที่กันต์มันโดนทำร้าย ผมยิ่งรู้สึกด้านชาและไม่เจ็บปวดใดๆ ทั้งสิ้น มีเพียงความโกรธที่อยากจะตะบันหน้าพวกแม่งให้จมตีนกันไปทุกคน....
จนในที่สุดคนสุดท้าย และคิวสุดท้ายที่ผมวางไว้ก็มาถึง... ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ก็ไอ้คนต้นเรื่อง และที่สำคัญ...ไอ้คนที่มันฟาดกันต์จนสลบไปนั่นเอง
“ ไอ้ 9 คนที่นอนสลบอยู่ตรงนั้นกูใส่นวมชก... แต่สำหรับมึง... จะเป็นคนเดียวที่กูจะไม่ใช้นวม!!! “
และไม่รอช้า หมัดต่อหมัดก็เข้ามาสวนกัน แต่ชั้นเชิงมวยมันต่างกันครับ... ผมชกมันไปอย่างไม่นับหมัด จนเลือดมันออกท่วมหน้า ทั้งจมูก ปาก แก้มที่แตก มันทำท่าจะล้มไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ผมก็ดึงมันขึ้นมาชกต่อ ล้มลงไปผมก็ดึงมันขึ้นมา จนมันสลบไปตั้งแต่นาทีแรกแล้ว ผมก็ยังไม่หยุดระบายความโกรธ จนในที่สุด การ์ดก็เข้ามาห้ามผมเอาไว้
“ คุณกิจครับ พอเถอะ ไม่งั้นมันได้ตายแน่ครับ... “
พี่สิทธิหัวหน้าการ์ดพูดขึ้น ผมพยายามใจเย็นก่อนจะหันหลังเดินลงเวทีไป
“ ฝากจัดการที่เหลือด้วยนะครับพี่สิทธิ “
“ ครัคุณกิจ ว่าแต่คุณกิจจะแวะเข้าไปทำแผลที่โรงพยาบาลก่อนมั้ยครับ เดี่ยวผมจะโทรไปแจ้งไว้ก่อน “
“ ไม่เป็นไรครับพี่สิทธิ แผลแค่นี้เอง... ผมยังต้องไปทำธุระต่อครับ ขอบคุณมากนะครับ ส่วนทีเหลือรบกวนฝากพี่สิทธิช่วยจัดการทีนะครับ “
“ ครับ ตรงนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เดี่ยวผมจะส่งพวกมันไปนอนโรงพยาบาลเองครับ แล้วเรื่องทุกอย่างก็จะหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอนครับ “
ผมพยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากสนามกลับไปยังรถที่จอดอยู่ หยิบเสื้อยืดสีขาวที่หลังรถขึ้นมาใส่ เพราะผมยังต้องไปหาซื้อข้าวเย็นให้กันต์มันต่อครับ ป่านนี้ไม่รู้ว่าจะรอผมและหิวแค่ไหนแล้ว...
...............................