@ << รักแท้.....หรือแค่บำเรอ >> @ //// ตอนที่ 12 ..ผู้กล้า.. ///12/12/2010///
เสียงนาฬิกาปลุกดังเสียดเข้าโสตประสาท ทำให้ผมต้องพลิกตัวไปคว้าโทรศัพท์แล้วกดปิดนาฬิกา มองดูหน้าจอ โชว์เบอร์ไม่ได้รับสาย 5 สาย คงเป็นเพราะกลับถึงบ้านแล้วผมลืมเปิดเสียงโทรศัพท์ กำลังจะกดดูเบอร์โทรเข้า.....
“อึ่ย !!” ....ตกใจที่อยู่ดี ๆ ก็มีมือยาว ๆ มาคว้าเอวผมเข้าไปหา ก่อนจะได้กดดูเบอร์โทรเข้าอย่างที่ตั้งใจไว้ แขนแกร่งยังกระชับอ้อมกอดเข้าไปอีก ทั้งที่ตายังไม่ลืม ละเมอรึแกล้งกันแน่....
“พะ พี่เร ครับ...”
“....................”
“พี่เร..”
“อือ..อืม..” ผมเรียกแล้วลองเขย่าแขนที่ยังกอดเอวผมอยู่ เป็นแขนข้างที่เจ็บ ผมจึงเหมือนจะแตะเบา ๆ มากกว่า แต่เมื่อซักครู่แรงดึงมันมีมากจนดูไม่เหมือนคนแขนเจ็บซักนิด.... พี่เรไม่ได้ลืมตา ซ้ำยังทำเสียงเหมือนหงุดหงิดที่ถูกรบกวนการนอน ดีที่ผมตั้งนาฬิกาปลุกไว้ล่วงหน้าไม่งั้นคงต้องสายแน่ ๆ ยอมให้นอนกอดซักพักก็ได้
“ฟอด!!....อืม แก้มใครน้าหอมจัง”...... ผมรีบหันไปมองหน้าพี่เรที่นอนอยู่ท่าเดิม ตายังหลับพริ้มสีหน้าปกติเหมือนเดิม เหมือนคำพูดเมื่อกี้ และการที่ผมถูกขโมยหอมแก้ม เป็นแค่ความฝันของผมคนเดียว อย่าบอกนะว่าละเมอ..ผมเริ่มขยับตัวและดันแขนที่ยังกอดไม่ปล่อยออกจากตัว... เมื่อรู้สึกว่ามีอะไรดันต้นขาผมอยู่ มันคงจะเป็นเรื่องปกติของทุกคน แต่ทำไมผมต้องรู้สึกว่ากลัวด้วย .....เมื่อค่อย ๆ ดันแขนคนที่ยังนอนหลับสนิทออก ก็รีบเด้งตัวจากที่นอนวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างเร็วที่สุด กลัวว่าคนที่นอนจะตื่นก่อนที่ผมจะแต่งตัวเสร็จ ผมว่าให้พบเจอและพูดคุยกันน้อยที่สุดดีกว่า..
ผมลงจากรถ วันนี้ผมให้ลุงคนขับรถมาส่งเพราะจะรอพี่เรคงเป็นไปไม่ได้ ผมเดินมานั่งรอเพื่อนที่ม้าหินอ่อนตัวเดิม ..นั่งอ่านหนังสือการ์ตูน ที่หอบมาด้วย เห็นเสื้อสีขาวนั่งลงแวบ ๆ ผมเงยหน้าขึ้นยิ้มให้เพราคิดว่าน่าจะเป็นพวกนั้น แต่...
“ว่าไงครับน้องหมูแฮม..ยิ้มหวานเชียว…พี่นั่งด้วยนะครับ...โต๊ะอื่นเหมือนจะเต็ม” ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน และยืดนั่งตัวตรง ...ไอ้พี่กรหน้าหม้อ...และยังมีเพื่อนมันนั่งจนเต็มโต๊ะ
“พวกพี่จะนั่งนี่ก็ได้ครับ งั้นผมขอตัวนะครับ” ผมพูดทำหน้าปกติ รู้ว่าโดนกวน.... โต๊ะเต็ม...ตรงไหน ผมหยิบหนังสือการ์ตูนเข้ากระเป๋า และกำลังจะก้าวขาออกจากม้าหินอ่อน
“เดี๋ยวสิครับ...” แรงฉุดที่ข้อมือทำให้ผมทรุดตัวนั่งที่เดิม...ข้าง ๆ ไอ้บ้านั้น ผมหันไปมองหน้ามันพร้อมกับเกร็งบิดข้อมือออก
“จะทำอะไร!..” แสดงออกว่าไม่พอใจทางสีหน้าและแววตา แต่ก็พยายามควบคุมน้ำเสียงให้เป็นปกติ ผมยังไม่อยากมีเรื่องตอนนี้
“ก็รู้อยู่นี่ครับ ว่าพี่ไม่พอใจเรื่องอะไร....” มันพูดเสียงเย็น ๆ พร้อมกับชะโงกหน้ามาตรงหน้าผม จนต้องผงะตัวออกกลิ่นน้ำหอมผสมกลิ่นบุหรี่คลุ้งอยู่บริเวณจมูก....แล้วผมไปทำอะไรให้มันไม่พอใจด้วย..
“ผมทำอะไร..” ถามมันไป จากที่หน้านิ่ง ๆ ไอ้พี่กรเปลี่ยนเป็นเลิกคิ้วเหมือนจะถามยืนยันว่าผมไม่รู้จริงเหรอ แล้วค่อย ๆ ยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะนั่งตัวตรงเหมือนเดิม แต่มือยังกำที่ข้อมือผมแน่นจนรู้สึกเจ็บ
“พี่จำได้นะว่าพี่เคยบอกหมูแฮมว่า....อย่าเปลี่ยนเบอร์...อย่าปิดเครื่อง แล้วก็....รับโทรศัพท์พี่ด้วย” พูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา ก่อนจะเข้มขึ้นและชะโงกหน้าแทบจะติดหน้าผมตอนประโยคสุดท้าย ผมจำเป็นต้องมองหน้ามันอย่างไม่มีทางเลือกเพราะจะหันไปทางไหนไม่ได้แล้ว แสดงว่าเบอร์ที่ผมว่าจะกดดูแล้วลืม เพราะมัวแต่โดนคนละเมอคิดว่าเป็นหมอนข้างคว้าตัวไปกอดซะก่อนเป็นเบอร์พี่กร นี่ไอ้พี่กรโทรหาผมจริง ๆ เหรอ....
“ปล่อยผมได้แล้วครับ!!” ผมดันตัวพี่กรออก แล้วบิดข้อมือสุดแรง แต่ก็ยังไม่หลุดอยู่ดี ข้อมือผมต้องแดงมากแน่ ๆ เพราะรู้สึกแสบขึ้นมา
“อยู่นิ่ง ๆ สิครับ...”
“มีอะไรกัน แฮม!!!”
“น๊อต..” ผมรีบหันไปหาต้นเสียง เห็นไอ้น๊อตยืนทำหน้าขรึมอยู่ ข้าง ๆ มีไอ้สองเกลอที่ยืนเกาะกันอยู่
“พี่มีอะไรกับเพื่อนผมรึเปล่า” ไอ้น๊อตเดินมายืนข้างผม สายตามองที่ข้อมือผมที่โดนจับอยู่ แล้วเงยหน้ามองหน้าพี่กรอย่างจริงจัง
“แล้วน้องมีอะไรกับพี่รึเปล่า” พี่กรถามแล้วก้าวขาออกไปยืนประจันหน้ากับกับไอ้น๊อต หลังจากปล่อยข้อมือผมให้เป็นอิสระ ผมรีบเดินไปดึงแขนไอ้น๊อตไว้ไม่อยากให้มันใจร้อน ถ้ามีเรื่องคงไม่ต้องเดาว่าใครจะเจ็บหนัก ก็พี่กรสูงและหนากว่าไอ้น๊อตอีก มันยืนจ้องหน้ากันซักพัก
“พี่เลิกยุ่งกับเพื่อนผมดีกว่า...” ไอ้น๊อตเป็นคนเริ่มพูดก่อน
“แล้วมึงยุ่งอะไรด้วย นี่มันเรื่องของกู โดนหมัดกูคราวก่อนไม่เข็ดใช่มั้ย รึมึงอยากโดนอีก ถึงเสือกไม่เข้าเรื่องอย่างนี้” พี่กรพูดพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มที่หัวไหล่ไอ้น๊อต เพื่อนมันมายืนซ้อนหลังกันทุกคน ไอ้ไปส์กับไอ้ไทก็มายืนข้างหลังผมกับไอ้น๊อต
“มึงอยากต่อยกูมากใช่ไหม แน่จริงมึงต่อยมา แต่ถ้ามึงยุ่งกับเพื่อนกู กูก็ไม่เอามึงไว้เหมือนกัน!!” ผมมองหน้าไอ้น๊อตที่มันกล้าพูดอย่างนี้ออกไป
“ได้!!....มึงอยากได้!!” ความตกใจทำให้ผมทำอะไรไม่ถูก เมื่อพี่กรพูดพร้อมกับเหวี่ยงหมัดออกมา
“น๊อต.!!”.. “เฮ่ย!!”... เสียงผมและไอ้สองเกลอ อุทานออกมาพร้อมกัน มือผมรีบดึงมันออกจากวิถีหมัดแต่มันตัวมันที่ไม่ยอมขยับไปไหน ไม่แสดงสีหน้าหวาดกลัวอะไรออกมาทั้งนั้น หนำซ้ำยังจับจ้องหน้าพี่กรตาไม่กระพริบ ผมไม่เคยเห็นไอ้น๊อตทำหน้าน่ากลัวอย่างนี้มาก่อน
“..แม่ง..ไอ้สัดเอ๊ยย!!” พี่กรสบถเสียงดัง ทุกอย่างชะงักไปหมด แม้กระทั่งหมัดที่เหวี่ยงออกมาแต่ยังไม่ทันได้ถึงหน้าไอ้น๊อตด้วยซ้ำ เหมือนจะไม่กล้าที่จะต่อย แต่ผมว่าไม่ใช่ เพราะคนอย่างนี้ ไม่น่าจะกลัวแค่สายตาไอ้น๊อตแน่ พี่กรท่าจะโกรธมากแกทิ้งหมัดลงข้างลำตัว เสียงฮึดฮัดพร้อมกับเดินหันหลังหยุดยืนซักพัก คงกำลังระงับอารมณ์ ทุกคนยังยืนอยู่ที่เดิมไม่มีใครขยับไปไหน ตอนนี้จุดรวมสายตาทุกคู่อยู่กับคนที่กำลังทำท่างุ่นง่าน หงุดหงิดอยู่
“มึงจะยืนทำส้นตีนอะไร !! จะไหนก็ไปเซ่ ไอ้เชี่ย!!” พี่กรหันมาด่า สายตามองหน้าไอ้น๊อตอย่างหัวเสีย ....เมื่อเป็นอย่างนี้ผมไม่รอช้าที่จะหยิบกระเป๋า และดึงแขนไอ้น๊อตออกมา
“น๊อต มึงรู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา!!” ผมว่ามันเสียงดังหลังจากลี้ภัยออกมา รวมตัวกันที่หน้าเสาธงเพื่อรอเข้าแถวไปด้วย
“กูรู้..แล้วทำไม” มันยักไหล่พูดหน้าตาเฉย ผมสูดลมหายใจค้างไว้เพราะไม่รู้จะพูดอะไรกับมันดี
“แล้วมึงรู้ไหมว่าถ้ามีเรื่องกันจริง ๆ มันจะเป็นยังไง”
“...........” มันเงียบแต่เงยหน้ามองหน้าผมที่ยืนตรงหน้ามัน แล้วหลบสายตามองลงพื้น
“แล้วมึงว่ากูควรอยู่เฉย ๆ งั้นเหรอแฮม!!” มันเริ่มเสียงดังแข่งกับผม ผมถอนหายใจพร้อมกับนั้งลงข้าง ๆ มัน ไอ้ไปส์กับไอ้ไทเงียบผิดปกติ
“เออ..กูรู้ว่ามึงทำเพื่อช่วยกู กูขอบใจ แต่กูก็ไม่อยากทำให้พวกมึงเดือดร้อนนะ” ผมพูดและตบบ่าไอ้น๊อตไปเบา ๆ พร้อมหันไปพยักเพยิดไปทางไอ้สองตัวนั่นด้วย ผมไม่ต้องการให้มีเรื่องอะไรทั้งนั้น สิ่งไหนที่ผมรับไหว ผมก็จะรับไว้คนเดียว ไม่ไหวก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ไม่อยากให้ใครเดือดร้อนด้วยทั้งนั้น ผมรู้ว่าพวกมันหวังดี แต่ถ้าพวกมันต้องลำบากเพราะผม ผมยอมรับไว้คนเดียวดีกว่า จะเป็นไรไปเพราะที่ผ่านมาผมก็อยู่คนเดียวและรับอะไรคนเดียวมามากมาย
“........” ไอ้น๊อตหันมามองหน้าผม ไม่พูดอะไรแล้วหันกลับไปเหมือนเดิม ไอ้สองเกลอเดินมาขยี้หัวผมเบา ๆ
“เฮ่อ~~...ยังไงมึงก็ต้องมีคนคอยดูแลล่ะวะ หมูแฮม” เรื่องที่ผมพูดพวกมันจะเข้าใจรึเปล่า ทำไมต้องทำหน้าเหมือนว่าผมไม่มีปัญญาจะคุ้มครองตัวเองอย่างนั้นด้วย พวกบ้านี่....
การเรียนการสอนก็เป็นไปอย่างปกติ พวกไอ้สองเกลอก็กลับมาลัลล้าเหมือนเดิม เล่นเกมส์มือถือแข่งขันอย่างไม่สนใจเงินที่พ่อแม่มันส่งมาเรียน ไม่น่าเชื่อว่ามันจะสอบเข้าโรงเรียนนี้ได้ แต่เท่าที่ดูพวกมันหัวดีใช่เล่นรวมทั้งไอ้น๊อตด้วย ทั้งที่ไม่ค่อยตั้งใจเรียน แต่การบ้านที่ทำมาพวกมันดูเข้าใจและทำมาตลอด ไม่เคยมาลอกการบ้านกันตอนเช้าเหมือนที่ผมทำกันที่โรงเรียนเก่า.... ผิดกับผมที่ตั้งหน้าตั้งตาจ้องที่อาจารย์สอนถึงจะเข้าใจ แต่นั่นมันก็ทำให้ผมเข้าใจได้มากกว่าพวกมัน
“เฮ่ย!! ไอ้รุ่นพี่บ้าอำนาจเดินมานู่น” ผมหันไปมองตามที่ไอ้ไปส์บอกขณะที่พวกเรานั่งกินข้าวกันช่วงพักกลางวันที่ศูนย์อาหาร แอบมองแบบไม่โจ่งแจ้งก็เห็นกลุ่มพี่กรเดินมาเป็นฝูง เด่นโคตร สาวแท้ สาวเทียมหันมองกันคอแทบเคร็ด พวกมันถือข้าวเดินมาทางนี้ด้วย ใจผมเต้นตึกตัก กลัวว่าจะมาหาเรื่องอีก ไอ้น๊อตมันยังนั่งกินข้าวไม่สนใจอะไร ....แต่ผิดคาดเพราะพวกมันเดินผ่านพวกเราไป โดยที่พี่กรหันมามองทางพวกผมแต่ทำหน้าเฉย ๆ ถ้าผมเดาทิศทางสายตาถูก ...ไอ้น๊อต...ยังดีที่ได้น๊อตไม่เงยหน้ามองไม่งั้นใจนักเลงอย่างมันจะทำอะไรกวนตีนไปอีกก็ได้...คราวนี้คงได้โดนจริง ๆ แน่
“หูยแม่ง!!..ใจกูแทบหยุดเต้น กลัวแม่งจะคว่ำจานข้าวใส่หัวกูชิบโป้ง” ไอ้ไทพูดเบา ๆ พร้อมกับเอามือทาบหน้าอกเหมือนโล่งใจสุด ๆ แต่มันจะพูดตอนเดินออกพ้นรัศมีก่อนได้ไหมเพราะพวกผมยังก้าวขาออกจากเก้าอี้ยาวไม่สุดขาด้วยซ้ำ
“เชี่ยไท หุบปาก” เป็นไอ้ไปส์เป็นคนหันไปมองไอ้ไทตาเขียวมันคงคิดเหมือนผม
“พวกมึงกลัวมากรึไง!!..” นั่นไง ไอ้น๊อตมันเงียบอยู่นานบทจะพูดก็หวยออกอย่างที่ผมคิดไว้ อยากจะตบปากไอ้ไทจริง ๆ พวกไอ้พี่กรหันมามองที่กลุ่มผมกันหมด....โดยเฉพาะพี่กรจ้องไอ้น๊อตอย่างไม่วางตาทั้งที่ปากยังเคี้ยวข้าวอยู่ ไอ้หล่อนี่ก็ไม่ยอมแพ้เหมือนกันจ้องตอบอย่างไม่กลัวว่าจะโดนรุมสะกำ
“เก่งนะมึง ให้มันแน่ให้ตลอด อย่าเก่งแต่ปาก กูจะลองดูว่ามึงมีอะไรดีนอกจากปาก” พี่กรพูดแต่ยังนั่งที่เดิม ผมรีบฉุดแขนคนเก่งออกมา ยังดีที่พวกไอ้พี่กรไม่ลุกขึ้นมาเอาเรื่องอีก ก็นับว่ายังมีความยั้งคิดอยู่ เพราะถ้ามีเรื่องอีกพวกพี่แกคงจะโดนฝ่ายปกครองเล่นหนักแน่
“เมื่อไหร่มึงจะใจเย็นเนี่ยน๊อต” ผมพูดแต่มือก็ยังดึงแขนมันเดินออกมาจากศูนย์อาหาร โดยมีไอ้ไปส์กับไอ้ไทเดินตามหลังทำท่าหวาดระแวงสุดฤทธิ
“กูผิดอีกใช่ไหม แฮม” มันหยุดอยู่กับที่ทำให้ผมที่ฉุดมือมันต้องหยุดตามไปด้วย ไอ้สองเกลอก็เบรคกันแทบไม่ทันเพราะมันเดินตามกันมาติด ๆ ผมถอนหายใจอย่างอ่อนใจ เมื่อไหร่มันจะเข้าใจซักที
“มีเรื่องไปก็ไม่มีอะไรดีนะ น๊อต มึงนึกถึงพ่อกับแม่มึงวันที่มึงโดนเรียกผู้ปกครองดิ พวกเค้าจะทำหน้ายังไง จะรู้สึกยังไง ถ้ารู้ว่าส่งนักเลงมาเรียนน่ะฮะ มึงคิดไหม” ผมจับมือมันบีบเบา ๆ อยากให้มันคิดและเข้าใจสิ่งที่ผมพูด มันเงียบไปพักใหญ่ ผมก็มองหน้ามันอยู่...
“เออ จะ เบา เบา ละกัน” มันพูดพร้อมกับใช้แขนรัดคอผมให้เดินไปพร้อมมัน ( แอบแทรกเพลงโปรดลงไป..รัก Singular น้า
นอกเรื่อง) ผมต้องถอนหายใจอีกกี่รอบมันถึงจะระงับอารมณ์ได้นะ
ตอนเย็นกลับบ้านลุงคนขับรถก็มารับ แต่บุคคลที่นั่งมาข้างหลังด้วยนี่สิ .....จะมาทำไมกัน....ผมเปิดประตูด้านหน้าแต่ยังไม่ทันได้ก้าวขึ้นนั่ง
“คุณหมูแฮม นั่งหลังเถอะครับเพราะเดี๋ยวผมจะเอาของมาวางเบาะหน้า” ผมขมวดคิ้วมองลุงคนขับรถ....จะเอาของมาวาง...แล้วทำไมต้องเอามาวางข้างหน้าด้วย หลังรถก็มี...... แต่ผมก็ไม่อยากสาวความยาวอะไรมาก ยอมปิดประตู แล้วอ้อมไปด้านหลังอีกทาง เปิดประตูนั่งกับคนที่นั่งอยู่ แขนข้างที่ใส่เฝือกอ่อนห้อยคออยู่ แต่อีกข้างก็กางวางตามความยาวของเบาะ ผมนั่งไปก็เหมือนอยู่ในวงแขนยาว ๆ ซะอย่างนั้น ผมหันไปมองหน้าคนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ สายตาจ้องไปด้านหน้า ผมต้องนั่งตัวลีบไปตลอดทาง รถขับไปจอดในลานจอดรถที่ห้างเดิมที่เคยมา ผมไม่พูดอะไร คงมาซื้อของอะไรที่วางหน้ารถละมั๊ง
“ลงสิครับ พี่หิวข้าว วันนี้ป้านวลไม่สบายไม่มีใครทำกับข้าวนะ” ป้านวลป้าแม่บ้าน...ไม่สบาย...ผมจำต้องลงจากรถ ยังไม่ทันที่จะเดินพ้นรถ ลุงคนขับก็ถอยรถแล้วขับออกไป ผมหันไปมองหน้าพี่เร
“ลุงแขกแกมีธุระ เดี๋ยวแกมารับเราเอง” พูดแล้วเดินนำเข้าไป ทำให้ผมต้องจ้ำตาม กำลังจะตามทัน พี่เรก็หันมาฉวยข้อมือผม แล้วฉุดเดินไป
“เอ่อ...คือ” แค่นั้น เพราะไม่รู้จะพูดอะไร ....ตกเป็นเป้าสายตาอีกแล้ว
“อยากกินอะไรครับ” หันมาถามผม สายตาก็มองไปรอบ ๆ
“อะไรก็ได้ครับ ผมไม่ค่อยหิวเท่าไหร่” ผมบอก พี่เรหยุดยืน ทำท่าคิดแล้วฉุดแขนผมขึ้นชั้นบนสุดและตรงไปที่เคาน์เตอร์....ตั๋วหนัง...ผมมองหน้าพี่เรที่ยังไม่หันมาหาผม เพราะมัวแต่ดูโปรแกรมหนังอยู่
“เอาเรื่องนี้ดีกว่า..” พูดเอง เออเอง ดูเสร็จก็ลากผมไปซื้อตั๋ว.....ซื้อสองใบ จะดูกับใครกับผมเหรอ แต่ไม่เห็นจะถามอะไร หรือนัดคนอื่นมา
“เออ พี่เรไหนว่าหิวข้าวครับ” ผมถามขณะที่พี่เรจ่ายเงินค่าตั๋วหนัง
“ก็หิวไงครับ ก็ไปกินข้าวก่อน แล้วเราค่อยมาดูกันรอบมิดไนท์” ผมขมวดคิ้วมองคนที่ยิ้มแป้นแล้นจนสาวแคชเชียร์ขายตั๋วมองกันตาค้าง ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแทนคำถามว่า ...กับผมนี่นะ พี่เรพยักหน้าแล้วเปลี่ยนจากจับมือเป็นโอบเอวจนผมตั้งตัวไม่ติด อะไรของเขากัน ผมหันไปยิ้มแหย ๆ ให้สาวแคชเชียร์ที่ส่งสายตามองกัน แล้วหันมายิ้มให้ผมแบบแหย ๆ เหมือนกัน
Thanks: ฝากรูปอิมเมจพี่กร เน้อ เอิ๊ก ๆ (เห็นแล้วน้ำลายสอค่า พี่น้อง)
Cr.จำเว็บไม่ได้อีกแล้วแอบจิ๊กกะโล่มา ขอบคุณเจ้าของที่แท้จริงแล้วกันเนาะ