คลื่นที่ 21
"ทำไมคนมีแค่นี้"
นิโคโรขมวดคิ้วฉับทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า เขาทำงานที่นี่มาหลายปีแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีคนเข้าผับน้อยขนาดนี้ น้อยขนาดที่กวาดตามองรอบหนึ่งยังนับนิ้วได้...เกิดอะไรขึ้นกัน
"เอ่อ..."
เมื่อหันมาเห็นสีหน้าอึกอักไม่มั่นใจของเลขาก็ยิ่งทำให้คิ้วเข้มขมวดยิ่งกว่าเดิม
"มีอะไรก็พูดมา"
เลขาคู่ใจที่เห็นเจ้านายเริ่มฉายรังสีอำมหิตก็ยิ่งหลั่งเหงื่อเย็น เรื่องนี้ออกจะพูดยากสักนิด ตอนแรกที่เขาเห็นคนมาเข้าผับน้อยขนาดนี้เขาก็ตกตะลึงมากแล้วแต่ยิ่งรู้สาเหตุยิ่งตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม แล้วถ้านิโคโรรู้ว่าสาเหตุคืออะไรโบนัสสิ้นปีของเขาต้องปลิวแน่ๆ!
คนเป็นเลขาที่กำลังปลงตกจากโบนัส ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปลายตามองเจ้านายตาปรอยเผื่อเจ้านายจะเวทนาไม่ลดโบนัสเขาบ้าง
"คุณ...ตามมาดูด้วยตาตัวเองเถอะครับ"
เขาไม่ได้คาดหวัง เรียกว่าไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งที่ทำให้ผับเขาต้องคนน้อยในรอบสิบปีจะงดงามขนาดนี้ แต่น่าเสียดายที่ความสวยงามนี่ดันมาอยู่ในที่แคบๆอย่างร้านนั่งดริ้งค์ชิคๆเล็กๆที่อยู่ในหลืบหนึ่งของย่านมิสติโคแห่งนี้เท่านั้น
เส้นผมสีขาวที่ทอประกายล้อกับแสงไฟ ดวงตาสีแดงที่แค่กวาดตามองไปที่ใครก็เหมือนจะทำให้คนคนนั้นหยุดหายใจ รอยยิ้มมุมปากบางๆที่ชวนให้ลุ่มหลง...ก็ไม่น่าแปลกที่ฝูงชนจะมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเพียงได้ยลสักเสี้ยวก็ยังดี
เวลานี้แค่เจ้าตัวขยับไปซ้ายหน่อยกวาดตานิดผู้คนก็พร้อมใจกันกลั้นหายใจอยู่แล้ว มาถึงตรงนี้นิโคโรก็ตวัดสายตาเย็นชาใส่เลขาตัวเองทันที คุณเลขาที่หลั่งเหงื่อเย็นมาสักพักพอมาเห็นสายตานี้ก็ได้แต่สะดุ้งและคิดว่า... ลาก่อนนะเจ้าโบนัส
"ขอโทษครับ"
นอกจากก้มหน้ายอมรับผิดเขาก็ทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!
นิโคโรได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ลูกน้องเขานี่มันตาถั่วจริงๆ คนที่มีแรงดึงดูดขนาดนี้กลับมาอยู่ที่เล็กๆแทนที่จะเชิดฉายที่ตึกซิริโนของเขา ปกติคนสวยๆแรงดึงดูดเยอะๆถ้าหลุดมาย่านนี้เมื่อไหร่ ลูกน้องเขาจะทาบทามมาเป็นบัตเตอร์ทันที แล้วที่งดงามระดับเทียบเท่าหมายเลขหนึ่งของผับขนาดนี้ ทำไมพวกลูกน้องถึงตาถั่วมองไม่เห็นได้กัน งานนี้มีตัดเงินเดือนแน่นอน!
"จบคืนนี้ ติดต่อให้ไปอยู่ที่ตึกใหญ่ซะแล้วก็สืบประวัติให้เรียบร้อยอย่าให้พลาดอีก"
นิโคโรปรายตามองคนผมขาวนัยน์ตาทับทิมด้วยประกายประหลาดบางอย่างก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้ลูกน้องจัดการเรื่องทั้งหมดแทน
'นิคมันเดินไปแล้ว'
"อืม"
ไวเทลมองตามแผ่นหลังกว้างเรือนผมสีแดงเพลิงโดดเด่นที่แม้จะอยู่ไกลก็สามารถมองเห็นได้อย่างสมใจ คาดว่าเดี๋ยวต้องมีคนมาติดต่อให้เขาเข้าไปอยู่ในตึกซิริโนแน่ๆ
ต้องบอกก่อนว่าการจะมาปรากฎอยู่ที่ร้านเล็กๆแห่งนี้ในย่านมิสติโคนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็ไม่ยากเกินไปเช่นกัน แถมเขายังมาถึงที่นี่ได้สามวันแล้วแต่คนของนิโคโรพึ่งโผล่มาถือว่าช้ากว่าที่คาดไปจริงๆ เขาคิดว่าแค่คนหน้าตาแบบนี้หลงเข้ามาที่นี่พวกหมาล่าเนื้องามของนิโคโรจะโผล่พรวดมาเชิญไปตึกซิริโนเลยทันทีซะอีก แต่ผิดคาดเขาต้องอยู่ที่เล็กๆนี่ถึงสามวัน ทำกำไรให้ร้านมหาศาลในรอบสิบปีเพียงแค่นั่งเฉยๆจนผู้จัดการร้านยิ้มแก้มฉีก เรียกว่าทำงานล่าช้ามากเกินไปจริงๆ
เอาเถอะถึงจะช้าไปสักนิดแต่การที่เขาอยู่นี่ถึงสามวันก็พอจะได้ข้อมูลอะไรมาบ้างแม้จะน้อยแต่ก็ถือว่าคิดถูกจริงๆที่โยนตัวเองเข้ามาสืบถึงถิ่นเสือ แต่ตอนนี้มันมีปัญหาอยู่เล็กน้อยที่...
ไวเทลปรายตามองตุ๊กตาเชือกที่ห้อยอยู่ตรงอกนิ่งๆ หลายวันแล้วที่เฟริซิโอขลุกอยู่แต่ในตุ๊กตานี่แถมยังเงียบขรึมผิดปกติ บางทีถามคำตอบคำด้วยซ้ำ จะโผล่ออกมาให้เห็นก็แค่ช่วงกลางคืนแถมโผล่มาแล้วก็ไม่คุยอะไรอีกเห็นแต่นั่งหลับตาโง่ๆอยู่ทั้งคืน พอเขาถามว่าเป็นอะไรก็บ่ายเบี่ยง เฮอะ! คิดว่าอยากรู้เรื่องของนายมากหรือไง ว่าแล้วก็เชิดหน้่าไม่สนใจแต่ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีก็ปรายตามองเจ้าก้อนเชือกนี่อีกครั้งแล้วก็เป็นแบบนี้ไปจนถึงเวลาร้านปิด...
ตุบ
ไวเทลทิ้งกายลงบนเตียงในห้องพักเล็กๆที่ทางร้านจัดให้อย่างเหนื่อยอ่อน ใช่...เหนื่อย แม้จะนั่งเฉยๆก็เหนื่อยนะเฟ้ย ว่าแล้วก็ปรายตามองผีบางตัวที่พึ่งออกมาจากตุ๊กตามาลอยอยู่แถวๆตัวเขาอย่างเหม่อลอย นอกจากจะเหม่อไม่สนใจเขาแล้วยังถอนหายใจใส่อากาศอีกเฮือกแล้วเตรียมจะนั่งหลับตาโง่ๆเหมือนคืนก่อนๆอีกแล้ว มีอะไรก็พูดออกมาสิเว้ย
และเหมือนคนงามจะหมดความอดทนแล้ว
"มีอะไรก็พูดมา!"
เขาหงุดหงิดแล้วนะ!
เฟริซิโอหันไปมองคนที่ตะโกนใส่เขาอย่างงุนงงก่อนจะเงียบไปอย่างเข้าใจ เขาพอจะเข้าใจในสิ่งที่ไวเทลจะบอก แน่ล่ะ บรรยากาสอึดอัดระหร่างเราใช่จะมองไม่เห็น แต่เป็นเขาที่มีเรื่องให้คิดเยอะจนมองข้ามไปต่างหาก สามวันที่คิดอย่างไม่ตก ยิ่งพรุ่งนี้คนของนิคมันคงมาพาตัวไวเทลไปแล้วแน่ๆยิ่งเครียดและคิดหนักขึ้น ผีหนุ่มมองคนในดวงใจตาปรอย กัดปากอย่างชั่งใจก่อนจะลอยช้าๆมาหยุดตรงหน้าไวเทล
เอาว่ะ! อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ยังไงซะก็ดีกว่าไวท์เอาตัวเองไปเสี่ยงอีกนั่นแหละ มันไม่คุ้มกันเลยสักนิด
"ไวท์"
เสียงทุ้มแหบพร่าที่เปร่งออกมาอย่างหงอยๆทำให้คนงามตวัดตามองอย่างเคืองๆแต่ก็ตั้งใจฟัง
"ผม..."
"...."
"...."
เฟริซิโอมองหน้าไวเทลก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าคนงาม มองลึกไปถึงดวงตาคู่งามที่แม้เวลานี้จะคนละสีแต่เขาก็นึกรักมันอยู่เสมอทุกครั้งที่ได้มอง
"ความจริง...คุณไม่ต้องทำแบบนี้หรอก"
ไวเทลมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจแต่ก่อนจะพูดอะไรผีหนุ่มก็เปิดปากพูดออกมาก่อนแล้ว
"ผมขอโทษที่โกหก" คิ้วเรียวขมวดยุ่งทันที
"เรื่องอะไร"
ดวงตาสีเขียวคู่เดิมมองตรงมาอย่างมั่นคง เขาอยากให้ไวเทลเห็นว่าสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้เขาจริงใจไม่ได้อยากหลอกลวงเลยสักนิด
"คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองมาหาความจริงอะไรทั้งนั้น"
"..."
"เพราะว่าสุดท้ายไม่ว่าผมจะถูกใครใส่ร้ายก็ตาม เมื่อครบ 100 วันผมก็ต้องหายไปอยู่ดี"
!!!!
รอยยิ้มบางเบาปรากฎเมื่อคนฟังคำสารภาพตกใจจนตาโต ไวเทลอึ้งไปพักใหญ่ เหมือนอยู่ๆสมองของเขาก็น็อคขึ้นมาเฉยๆกับความจริงที่พึ่งรับรู้ แม้ที่ผ่านมาเขาจะพยายามหาความจริงเพื่อให้อีกคนไปสู่สุขคติมากแค่ไหน พยายามห้ามใจให้เรื่องทุกอย่างจบเร็วๆจะได้ไม่ผูกพันธ์ไปมากกว่านี้
แต่เมื่อความจริงถูกตีกระแทกหน้าว่าไม่ว่าจะทำอะไรอีกคนก็จะหายไปอยู่ดี ใจดวงน้อยกับวูบโหวงเหมือนวันนั้นไม่มีผิด วันที่เขาเป็นคนสั่งให้ลูกน้องยิงปลิดชีพคนตรงหน้าคนนี้
ไวเทลกัดปากจนเจ็บช่ำหวังให้มันบรรเทาความรู้สึกประหลาดในใจ เขากระพริบตาถี่ๆทันทีที่มันทำท่าจะมีอะไรบางอย่างไหลออกมา
"นาย..." เสียงเปร่งปร่าที่เหมือนไม่ใช่เสียงตัวเองทำให้ไวเทลกลืนน้ำลายอย่างยากลำบากก่อนจะถามอย่างไม่เข้าใจ
"ทะ...ทำไมต้องโกหกด้วย"
ชายหนุ่มยิ้มบางให้กับคนถามและตอบอย่างไม่ลังเล
"ผมแค่อยากอยู่กับคุณ"
แค่เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างรุนแรงเหมือนรู้เต็มตื้นแปลกๆทั้งๆที่เมื่อกี้ยังใจหายเหมือนจะขาดใจอยู่เลย
....เขาก็เหมือนกัน...
ไวเทลเก็บคำที่ล้นใจอยากจะเอ่ยแต่ไม่ได้พูดออกไป
"ผมแค่อยากอยู่กับคุณก่อนที่จะหายไป ถึงกุเรื่องทั้งหมดนี่มา อยากใช้เวลาร่วมกับคุณให้นานที่สุด ผมรู้ว่าถ้าไม่มีข้ออ้างอะไรเลยคุณจะไม่คุยกับผมจะทำเหมือนผมไม่มีตัวตน...ผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว"
"..."
"ไวท์ ขอโทษนะ"
"..."
"ผมต้องการแค่นี้แต่เหมือนมันจะทำให้คุณอันตรายขึ้นเรื่อยๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมหวังเลย คุณอย่าทำอะไรแบบนี้อีกเลยนะ มันไม่มีความหมายอะไรหรอก อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงอีกเลย"
" ทำไม... ทำไมถึงพึ่งมาบอก"
เฟริซิโอถอนหายใจก่อนจะสารภาพอย่างหมดเปลือก
"ถ้าคุณไม่ให้อยู่ผมจะอยู่ข้างคุณจนกว่าจะถึงเวลาไม่ได้"
!!
"ที่ผมยังปรากฎตัวอยู่รอบๆคุณได้เพราะคุณอนุญาตแต่ถ้าเมื่อไหร่คุณไล่ผมไป ผมจะไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้คุณอีกแล้วและผมรู้ว่าถ้าบอกไปแต่แรกคุณต้องไล่ผมแน่ๆ"
ก็จริง ไม่ลังเลที่จะไล่ไปไกลๆเลยล่ะ
ไวเทลนิ่งเงียบเหม่อมองไปไกลแสนไกล ก่อนจะหันมามองคนที่ยังคงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าไม่ไปไหน มองคนที่พยายามไล่นิ้วบนมือเขาเบาๆเพราะถ้าเพียงลงแรงสักนิดมันคงจะทะลุเหมือนเดิม แม้เขาจะสัมผัสอะไรไม่ได้ แต่หัวใจกับสั่นไหวอย่างรุนแรง ไวเทลกัดปากชั่งใจก่อนจะพูดตัดสินใจบางอย่างออกไป
"ฉันคงทำตามที่ขอไม่ได้"
เฟริซิโอเงยหน้ามองไวเทลอย่างตกใจ
"ฟังนะ นี่ไม่เกี่ยวกับนายแต่เกี่ยวกับองค์กร ยิ่งสืบยิ่งรู้ว่าที่นี่มีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่างมาก ฉันปล่อยไปเฉยๆไม่ได้หรอก นี่องค์กรของฉัน ฉันต้องรู้ให้ได้และหาทางกำจัดสิ่งที่จะเป็นภัยออกจากองค์กรของฉันไปซะ!! "
"ไวท์"
เฟริซิโอครางเสียงแผ่วอย่างจนปัญญา เรื่องทั้งหมดมันมาถึงจุดนี้ได้ยังไง
"แต่ยังไงนายก็มีความผิดที่โกหกฉัน"
"โถ...ไวท์ครับ"
เสียงหงอยๆที่มองผ่านๆเหมือนเห็นหูลู่หางตกก็ทำให้คนงามที่เก๊กหน้าเข้มตั้งนานเกือบหลุดขำ
"ชดใช้ความผิดซะ"
เฟริซิโอเงยหน้ามองไวเทลอย่างเศร้าเสียใจแม้จะเตรียมตัวโดนไล่มาแล้ว แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี อย่างน้อยก่อนจะต้องห่างออกไปไกลขอแค่มองหน้านี้เป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี
"อยู่ข้่างๆและคอยช่วยจนกว่าจะหาความจริงของเรื่องราวได้ทั้งหมดซะ! "
คำประกาศกร้าวที่มาพร้อมกับใบหน้าเชิดรั้นและดวงตาประกายขบขำทำให้เฟริซิโออ้าปากค้างไปไม่ถูกแล้วจริงๆคราวนี้
----------------------------------------------------
ลืมกันยังค่าาา อย่าพึ่งลืมเค้าน้าาา
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามนะคะ
อย่าพึ่งทิ้งเขาไปไหนนะ ต่อไปนี้จะเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ เพราะอาการป่วยที่ถูกสั่งห้ามอยู่หน้าจอไปพักใหญ่ๆทำให้ไม่ได้มาแจ้งให้ทุกคนทราบ ตอนนี้เค้าแข็งแรงกลับมาอัพได้ตามปกติแล้วววว คิดถึงทุกคนมากกกกกก