ตอนที่ 23 ติดที่จบแล้ว
“เฮ้อ” ผมปิดประตูห้อง แล้วถอดรองเท้าเก็บใส่ชั้นวางรองเท้า มองไปที่พื้นก็เห็นรองเท้าแตะของเวลวางอยู่ “บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้าไม่ใส่ ก็เก็บใส่ชั้นไปด้วย”
ผมกำลังจะกดเปิดไฟห้องนั่งเล่น แต่มันกลับเปิดไว้อยู่แล้ว จึงเดินเข้าไปและเอากระเป๋าวางไว้บนโซฟา ก่อนจะเดินไปห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม แล้วส่ายหัวกับความขี้ลืมของเวล
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าจะออกจากห้องให้ปิดไฟ” ผมพูดแล้วคนเดียว แล้วเอนตัวพิงกับเคาน์เตอร์ในห้องครัว ยกมือถือขึ้นมาพิมพ์ไลน์ไปบ่นให้คนที่อยู่ด้วยกันฟัง
ใช่แล้วครับ ผมกับเวลเราย้ายมาอยู่ด้วยกันแล้ว เอ่อ เป็นเขานะครับที่ย้ายมาอยู่กับผมเพราะเขาบอกว่าคอนโดผมอยู่ใกล้กว่า แล้วยังงอแงต่อว่าผมชอบแต่งตัวโป๊อยู่ห้องคนเดียว กลัวผมโดนข่มขืน ถุ้ย มีแต่มันล่ะ ที่จ้องจะข่มขืนผมอยู่คนเดียว ถึงจะอย่างนั้นแต่เราก็อยู่ด้วยกันแล้วครับ
“เฮ้อ” หลังจากพิมพ์เทศน์ไปก็ถอนหายใจออกมา เนื่องจากเหนื่อยล้ากับการเรียน
ตอนนี้ผมใกล้จะขึ้นปีสามแล้ว นั่นก็คือเวลกำลังจะขึ้นปีสอง พวกเราสองคนผ่านวิชาที่ผมติดอีดั่งคาด ผมยังจำวันที่เปิดเกรดดูพร้อมเวลได้อย่างดี พอเห็นว่าตัวเองได้เกรดเอผมถึงกลับกระโดดกอดเวลเลย ยิ่งพอเห็นเวลได้เอด้วย ผมก็ใจปล้ำเลี้ยงข้าวเวล ไหมและน้องๆ ที่ทำงานกลุ่มด้วยกันเลย ผมยังจำความสุขในวันนั้นได้ดี
พอคิดๆ ดูแล้วก็ประหลาดดีที่เรื่องทั้งหมดนั้นกลายมาเป็นแบบนี้ แค่ติดอีตัวเดียวแต่ชีวิตผมกลับเปลี่ยนไปขนาดนี้ ทั้งที่ผมเคยคิดว่าความรักและความสัมพันธ์นั้นไม่มั่นคง แต่เราก็อยู่ด้วยกันมาจะครบปีแล้ว เพราะเรื่องบังเอิญผสมกับโชคชะตาแท้ๆ ทำให้เรามีโอกาสได้เรียนรู้กันและกัน จนกลายมาเป็นแบบนี้
ผมยอมรับว่าทุกวันที่อยู่กับเวลผมมีความสุขมากๆ แม้จะแอบปวดหัวที่เวลนั้นยังคงขอเป็นแฟนทุกวัน แต่นั่นก็ออกจะน่ารักไม่ใช่เหรอครับ ถึงแม้ทุกวันนี้การขอเป็นแฟนของเขาเริ่มจะแอดวานซ์ขึ้นก็เถอะ
แกร่ก
“เวล” ผมมองไปที่เวลที่เปิดประตูห้องนอนออกมา ผมเข้าใจผิดไปเองที่นึกว่าเขาออกไปข้างนอก แต่... “ไฟไม่ได้ใช้ ก็ปิดสิ”
“...ครับ” เวลพูดแล้วยิ้มเหมือนมีเรื่องสนุก ผมเลยเดินเท้าเอวไปหาเขา เตรียมบ่นต่อ
“รู้ไหมเปิดไฟไว้ ค่าไฟ...เดี๋ยว อะ...อะไรของมึง” ผมชะงักไปเมื่อเวลถือป้ายสีขาวเดินมาหาผมที่ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น ผมมองป้ายที่เวลยกขึ้นมาระดับอก
‘วันนี้ผมมีอะไรจะบอกพี่’
“เดี๋ยว พี่จะไปไหน” ผมที่กำลังจะเดินไปแอบในห้องนอนก็ต้องหยุดเดินเพราะแรงดึง สุดท้ายผมก็โดนลากให้ไปยืนที่เดิม เพื่ออ่านป้ายพวกนี้
“ไม่เอามุกนี้ กูเขิน” ผมพูดออกไปตามตรง แล้วเอามือพัดหน้าตัวเองที่เริ่มร้อน ผมมองสำรวจคนที่สูงกว่าผม วันนี้เวลแต่งตัวซะหล่อ เสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสองเม็ด แถมยังเซ็ตผมเหมือนวันแรกที่เราเจอกันด้วย
“นะๆๆๆ เร็ว” เขาทำเบะปากอ้อนผม “ขอมาจนจะหมดมุกแล้ว ยืนอ่านก่อน นะๆๆ”
“เออ” ผมตอบตกลงแล้วกอดอกมองป้ายในมือเขา
‘วันนี้ผมมีอะไรจะบอกพี่’
‘ฮั่นแน่ เดาว่าจะบอกรักล่ะสิ’
‘เก่งจัง’
‘ผมรักพี่’
‘เขินล่ะสิ’
‘เข้าเรื่องดีกว่า’
‘ใช่ครับ’
‘อย่างที่พี่เคยได้ยินทุกวัน’
‘ช่วยเป็นแฟนผมด้วยนะครับ’
“เป็นแฟนผมนะพี่ นะๆๆๆ” หลังจากเปิดป้ายจนครบก็ดึงตัวผมเข้าไปกอดแล้วซุกหน้ากับซอกคอผมอย่างออดอ้อน น่ารัก...เหมือนหมาเลย
“ไอ้ลูกหมา” ผมกอดเขาตอบ แล้วแกะมือปลาหมึกที่เริ่มยุ่มย่ามแถวสะโพกผมออก ผมผละตัวเองออกมายืนกอดอกมองหน้าเขาดีๆ “ลายมืออย่างแย่”
“พี่...ผมใช้ตีนเขียน” ผมน่ะ ทั้งมีความสุข ทั้งปวดหัวเพราะเขาจริงๆ ผมทุบแขนเขาไปหนึ่งที เวลหัวเราะลั่นแล้วสบตาผม
“ขอบใจ”
“แค่นี้หรอ”
“เออ”
“เออ อะไร คำตอบล่ะพี่”
“เป็นก็เป็น” ผมตอบแล้วเสมองป้ายที่วางอยู่บนพื้น
“เป็นอะไร”
“เป็นผัวมึงมั้ง!” ผมตะโกนใส่เขาแก้เขิน
“ฮ่าๆๆๆ” เวลหัวเราะลั่นแล้วสบตาผมแววตาเขาเต็มไปด้วยความรักและความจริงใจเหมือนเมื่อก่อน เวลก็ยังเป็นเวลที่เป็นตัวของตัวเองให้ผมเห็นแค่คนเดียว ผมก็ยังเป็นผมที่ร้ายกาจกับทุกคน
“ขำอีก มานี่จะให้รางวัล” ผมพูดแล้วอ้าแขนออก แต่ด้านนี้ของผมก็จะมีแค่เวลคนเดียวที่ได้เห็น
“รักเมียที่สุดเล๊ย” เวลพุ่งตัวเข้ามากอดผมไว้แน่น แล้วหอมแก้มผมฟอดใหญ่
ฟอดดด
“เบาหน่อย เดี๋ยวแก้มหลุด”
“ฮ่าๆ” เวลหัวเราะก่อนจะผละออกมากอดเอวผมไว้หลวมๆ เขาจ้องตาผมไว้ “ทำไมอยู่ดีๆ พี่ถึงตอบตกลงล่ะ ทั้งที่ปฏิเสธผมมาตลอด”
“ก็...ก็แค่” ผมเกาแก้มตัวเองแก้เขิน และเหมือนเวลจะรู้ตัวว่าทำผมเขินได้ เขาถึงทำท่าตกใจใหญ่
“พี่ชอบมุกถือกระดาษแบบนี้เหรอ ถึงว่าผมร้องเพลงขอตั้งหลายเพลง แต่พี่ไม่ยอมตกลงสักครั้ง”
“ก็มึงชอบขอตอนคนเยอะๆ ใครมันจะไปกล้าตกลงวะ”
“น่ารักจัง” เขาเอามือมาบีบแก้มผมไปมา ก่อนจะก้มลงมาหมายจะจูบกัน แต่ผมก็หลบแล้วถามเขาต่อ
“แล้วที่กูเคยถามตอนนั้น ถ้าหลังจากคบกันแล้ว มึงจะทำไงต่อ”
“อืม” เวลทำหน้าคิด ก่อนจะยิ้มให้ผม “ผมจะบอกรักพี่ทุกวันเลย”
“อ่า นึกว่าจะเลี้ยงข้าวทุกวันอะไรทำนองนั้น”
“เอ่อ วันเว้นวันได้ไหมพี่” เวลดูกังวลที่ผมแกล้งทำหน้าผิดหวัง พอเห็นหมาน้อยเริ่มหงอย ผมก็เลยเป็นฝ่ายกอดเขาก่อน
“กูล้อเล่น” ผมพูดเสียงอ่อน แล้วลูบหลังปลอบใจเขา
“ผมรักพี่”
“รู้แล้ว” ผมพูดแล้วผละออกมาสบตาเขา “อะไร จ้องแบบนั้นคืออะไร”
“ผมรักพี่”
“เออๆ” ผมถอนหายใจ เมื่อรู้ความหมายของสายตานั้น “กูก็รักมึง”
ฟอดดด
“ชื่นใจ” ผมที่โดนหอมแก้มจนหน้าเบี้ยวไปอีกรอบ ยืนมองเขาที่วิ่งเข้าไปในห้องนอน แล้ววิ่งออกมาพร้อมกล่องของขวัญสีชมพูอ่อนมายื่นให้ผม “ของขวัญที่พี่ตอบตกลงเป็นแฟนกับผมครับ”
“ขอบคุณ” ผมพูดแล้วมองหน้าเขา “แพงไหม”
“แพงนิดเดียวครับ” ถ้าเวลพูดแบบนี้...นั่นแปลว่าแพง ผมส่ายหัวกับความน่ารักของเขาแล้วค่อยๆ แกะของขวัญ จริงๆ ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากเขาเลย อาจจะฟังดูเน่าแต่แค่มีเขาอยู่กับผม ผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว
สำหรับผมเวลเป็นความรักที่พอดี
เป็นความรักที่ผมจะดูแลให้ดีที่สุด
และผมก็รู้ว่าเราจะทำมันให้ดีที่สุดไปด้วยกัน
“ไอ้เชี่ยเวล!!”
ผมตะโกนใส่เวลทันทีเมื่อหยิบ ‘ของขวัญ’ ที่มันให้ผมขึ้นมาดูดีๆ มันมีทั้งหมดสามชิ้น ชิ้นแรกเป็นเสื้อชั้นในของผู้หญิงสีขาวลายลูกไม้ ชิ้นที่สองเป็นกางเกงในแบบจีสตริงสีขาวที่มีขนปกปุยเป็นก้อนๆ ด้านบนและชิ้นสุดท้ายที่คาดผมหูกระต่าย! ผมโยนสามสิ่งในมือ ลงกล่องแล้วมองหน้าเวลที่ยืนทำท่าเขินใส่ผม
“เป็นน้องกระต่ายให้หนึ่งคืนนะครับ รับรองผมจะเป็นเด็กดี” เวลยกนิ้วชี้มาจิ้มที่แขนผมจึกๆ อ้อนผม
“ไอ้!” พอผมตวาดไป เวลก็กระเด้งตัวออกห่างแล้ววิ่งไปหลบหลังโซฟา ส่วนผมที่คว้าไม้กวาดได้พอดี ก็เอาด้ามมันชี้หน้าเวลทันที “มานี่เลยนะ วันนี้เลือดหัวมึงต้องออก”
“ฮ่าๆๆๆ น้องกระต่ายดุจังเลยคร้าบ” ยังมีหน้ามาวิ่งไปหัวเราะไปอีก
“ไอ้เวร!!!” ผมล่ะ ปวดหัวกับแฟนตัวดีจริงๆ
- END –
ว่าจะแต่งใสๆ ไม่ซีเรียส แต่ก็ดันมีดราม่าอยู่บ้าง
แต่เบาสุดแล้วที่แต่งมา555
สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้จนจบ
และที่สำคัญขอบคุณทุกเม้นทุกกำลังใจนะคะ