ขอขอบพระคุณ สำหรับทุกคอมเม้นมากนะครับ ผมโหวต+1ให้เพื่อเป็นการขอบคุณพี่ๆทุกท่านครับ
ขอบคุณกอป ขอบคุณพี่นิว ขอบคุณพี่น้ำตาล ขอบคุณพี่nOn†ღ ขอบคุณพี่pickki_a ขอบคุณพี่supranee และพี่ๆทุกคนที่ให้ความสนใจ มันเป็นกำลังใจให้ผมอย่างมากเลยครับ^^
ติดตามตอนต่อกันได้เลยครับ ตอนที่แล้วในช่วงท้ายดูจะน่ากลัวไปสักนิด และมีให้ลุ้นนิดหน่อย มาดูเฉลยในตอนนี้เลยครับ ว่าผลจะเป็นเช่นไร? ในตอนใหม่นี้เรื่องจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ในตอนท้าย..?? ลองอ่านดูนะครับ แล้วจะทราบ แหะๆเขา.. ใคร? (2)
ชีวินนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นด้วยความหวาดกลัว แต่อีกใจหนึ่ง.. เขาก็อยากรู้เหลือเกิน จนในที่สุด.. หลังจากที่ชีวินนั่งนิ่งอยู่เช่นนั้นครู่ใหญ่ ชีวินก็ตัดสินใจแล้ว.. เขาค่อยๆหันไปอย่างช้าๆ ในใจเขาก็เต้นโครมๆจนแทบทะลักมานอกอกด้วยความตื่นเต้น เขารู้สึก.. ลุ้นระทึก ว่าจะเจออะไร? แต่ในระหว่างนั้น เขาก็รู้สึกมือไม้เย็นเฉียบ ขนลุกซู่ซ่าเป็นระยะ จนเมื่อเขาหันมา และเหลือบตามองด้วยความรู้สึกที่หวาดหวั่น และแล้ว.. สิ่งที่ปรากฎต่อสายตาเขาในยามนี้ มันก็คือ..
.
.
.
.
.
มันก็คือ.. ความว่างเปล่า มันไม่มีอะไรเลย ชีวินถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้เขาจะไม่ได้พบสิ่งที่ตัวเองคาดหวัง แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกโล่งใจที่มันไม่ได้มีอะไรแบบที่เขาหวาดหวั่นเลย เขานึกเคืองเอ็มจริงๆ ที่มาหลอกให้เขาตกใจกลัวแทบแย่ เขาจึงพิมพ์ต่อว่าเอ็มในทันทีที่หันกลับมาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ดังเดิม
“ เอ็ม นายแกล้งเราใช่ไหม? นายทำเราแทบช๊อคเลยนะ มาเล่นแบบนี้ตอนดึกดื่นเที่ยงคืน เรารู้สึกหลอนแทบแย่ นายนี่จริงๆเลย ”
“ ขอโทษนะวิน เราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้นายหวาดกลัวขนาดนี้เลย เราขอโทษนะ อย่าโกรธเรานะ ”
“ เอาเถิด ไม่เป็นไรหรอก อย่าเล่นแบบนี้ตอนดึกๆอีกแล้วกัน มันน่ากลัวจริงๆ ”
ถึงชีวินจะรู้สึกเคืองที่รู้สึกเหมือนโดนเอ็มแกล้งแบบนี้ แต่เขาก็มิได้โกรธเคืองอะไรมาก ด้วยว่า.. ภายหลังจากที่คุยกันถูกคอกันมาได้พักใหญ่ ในใจเขานั้น เริ่มที่จะชอบเอ็มเสียแล้ว แม้จะเพิ่งเป็นครั้งแรกที่ได้คุยกันอย่างจริงจังก็ตาม เอ็มเงียบไป ไม่ได้ตอบกลับมา ชีวินคิดว่า เอ็มคงจะรู้สึกผิดจริงๆ นี่เขาพูดรุนแรงไปหรือเปล่าหนอ? ถ้าเกิดเอ็มน้อยใจ ไม่อยากคุยกับเขาอีก เขาคงจะรู้สึกเสียดายแย่ เขาจึงพิมพ์ส่งข้อความไปหาเอ็มอีกครั้งด้วยคำพูดที่ดูจะประณีประนอมมากขึ้น
“ ถ้าเราพูดแรงไป เอ็มก็อย่าถือสาเราเลยนะ คงเพราะเรากลัวมากจริงๆ จึงพูดอะไรใส่นายที่ดูจะแรงเกินไปหน่อย ”
“ อย่าคิดแบบนั้นเลย เราผิดเองที่ทำให้นายรู้สึกแบบนั้น เราอยากจะบอกว่า จริงๆแล้ว เราก็แค่.. อยากให้นาย.. ”
“ อยากให้.. อะไรเหรอเอ็ม? ”
“ ช่างเถิดวิน เดี๋ยวนายจะกลัวอีก เอาเป็นว่าเราขอโทษจริงๆนะวิน ”
“ อืม.. ไม่เป็นไร นายคงจะไม่สะดวกใจที่จะให้เราเห็นหน้านาย งั้นก็ไม่เป็นไรนะ เราเข้าใจ เราก็เพิ่งจะรู้จักกัน เอาไว้ถ้านายอยากให้เราดูรูปนาย ก็ให้เรารู้สึกคุ้นเคยกันมากกว่านี้ก่อนก็ได้ แต่เราอยากจะบอกกับเอ็มว่า.. ไม่ว่าหน้าตาเอ็มจะเป็นเช่นไร? เราก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับนายนะ สำหรับเรา เรื่องหน้าตา มันไม่สำคัญเท่าไร สำคัญที่ความจริงใจมากกว่า ”
“ ขอบใจนะวิน นายเป็นคนนิสัยดี จิตใจดีจริงๆ หน้าตานายก็น่ารักมากด้วยนะ น่ารักจริงๆ ”
“ อย่ามายอกันมากเลยเอ็ม เดี๋ยวเราก็เขินหรอก เออ.. เอ็ม ที่นายบอกว่า.. รูปเราน่ารักเหมือนตัวจริง เอ็มพูดเหมือนกับว่าเคยเจอเราเลย เอ็มเคยเจอเราไหม? หรือว่าแค่อำเราล่น? ”
“ เคยเจอสิ ตัวจริงของวินก็น่ารักเหมือนในรูป แต่.. นายอย่าถามเราเลยนะ ว่าเราเคยเจอวินที่ไหน? และเมื่อไร? เราคงบอกตอนนี้ไม่ได้หรอก เพราะ.. วินอาจจะรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อ เอาเป็นว่า.. เราดีใจที่ได้พบวิน และดีใจมากยิ่งขึ้นเมื่อวินรู้สึกเหมือนกับเราเป็นเพื่อน สักวัน.. ถ้ามีโอกาส เราหวังว่า.. วินคงได้พบกับเราจริงๆ ยังไงก็ เราขอบคุณนะวิน สำหรับความรู้สึกดีๆที่มีให้ ”
ชีวินรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง นี่เอ็มเคยเจอเขาด้วยหรือ? แถมยังจะพูดอะไรที่ดูแปลกและมีเลศนัย เขาขยับจะถาม ก็โดนเอ็มดักคอเสียก่อนแบบนี้ เท่าที่คุยกับเอ็มในวันนี้ เขาก็รู้สึกว่าเอ็มดูจะเป็นคนน่ารัก ขี้เล่นและจริงใจ แม้ในบางคราจะมีอะไรที่ดูแปลกไปสักหน่อยก็ตาม เอาเถิด เอ็มอาจจะเคยเจอเขาจริงๆก็ได้ แต่.. คงยังไม่อยากบอกอะไรมาก ด้วยว่า.. คงไม่สะดวกใจบางเรื่อง ชีวินคิดในใจว่า บางที.. เอ็มอาจจะเป็นคนใกล้ๆตัวเขานี่เอง เขาอาจะเคยพบปะและไม่เคยสังเกตมาก่อนก็ได้ อย่างไรก็แล้วแต่.. อย่างน้อยๆ เขาก็รู้สึกดีใจที่เอ็มรู้สึกดีกับเขาเช่นกัน ชีวินเหลือบมองนาฬิกาอีกครั้ง ก็เห็นว่า.. มันเป็นเวลาเกือบตีหนึ่งแล้ว ดึกมากๆแล้วเสียด้วย และเขาก็รู้สึกว่า.. ชักจะง่วงเต็มที สมควรจะเข้านอนได้แล้ว
“ อืม.. เอ็ม เราก็ดีใจนะ ที่เราได้เป็นเพื่อนกับเอ็ม แล้วพรุ่งนี้เอ็มจะออนอีกไหม? เราอยากคุยกับเอ็มอีกนะ ”
“ วินอยากคุยกับเราเมื่อไร ก็ได้ตลอดเวลาเลย เราพร้อมจะคุยกับวินเสมอ ”
“ อ่า ดีจัง งั้นวันนี้แค่นี้ก่อนนะ เราง่วงแล้วละ แล้วคุยกันใหม่นะ ฝันดีนะเอ็ม ”
“ ฝันดีเช่นกันนะวิน ”
.
.
.
จากนั้น.. ชีวินก็ปิดคอมพิวเตอร์ แล้วก็เข้านอนอย่างสุขใจ เขารู้สึกว่า นับแต่.. เขาไปไหว้พระทำบุญที่วัด เขาจะพบแต่สิ่งดีๆที่ทำให้เขาสุขใจตลอด รวมทั้ง.. การที่ได้รู้จักกับเอ็มในวันนี้ด้วย ชีวินหลับตาพริ้ม อมยิ้มน้อยๆ เขานึกในใจว่า.. คืนนี้เขาจะฝันถึงพี่ชายรูปหล่อที่ดูใจดีคนนั้นอีกไหมหนอ? แล้วชีวินก็เคลิ้มหลับไป หลับสนิทอย่างเป็นสุขตลอดคืน..
. . . .
.
.
ชีวินลืมตาตื่นขึ้นในยามสายของวันสุดสัปดาห์อันแสนจะสดใส เขาหลับสนิทตลอดคืนและหลับอย่างเต็มอิ่ม เมื่อคืนเขานอนค่อนข้างดึก วันนี้จึงตื่นค่อนข้างสาย เขาจัดเก็บที่นอนให้เข้าที่เข้าทางจนดูเรียบร้อยดี จากนั้นก็เข้าไปชำระร่างกายและล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำ ชีวินรู้สึกติดใจกับสัมผัสประหลาดที่ชวนวาบหวาม เขาอยากให้มันเกิดขึ้นอีก เขาจึงลูบไล้ร่างเปล่าเปลือยของเขา พร้อมพึมพำเบาๆกับตัวเองเหมือนดังเช่นในเย็นวันวาน
“ อยากได้รสสัมผัสแบบนั้นอีกจังเลย มันช่างวาบหวิบเหลือเกิน โอววว.. ”
น่าแปลก.. ที่ชีวินรู้สึกว่า.. มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในยามนี้.. ชีวินรู้สึกเหมือนเขากำลังลูบไล้ร่างเปลือยตัวเอง มันไม่ได้ชวนวาบหวามเหมือนดังสัมผัสประหลาดล้ำเช่นที่เขาเคยได้รับ เขาลองพยามยามใหม่ ทำใจให้เคลิบเคลิ้ม เขาก็ยิ่งรู้สึกว่า.. มันเหมือนกับเขากำลังพยายามปลุกอารมณ์ตัวเอง เขาเหลือบมองไปที่กระจก ก็พบว่าตัวเองกำลังทำตาหรี่ปรือ ลูบไล้ร่างเปลือยตัวเองด้วยท่าทียั่วยวนดุจดังดาวโป๊ในภาพยนต์ปลุกอารมณ์ ชีวินเห็นดังนั้นก็รู้สึกนึกขันตัวเอง เขานึกในใจว่า.. เขานี่ถ้าจะบ้าไปแล้ว คงเพ้อจนรู้สึกเหมือนเป็นจริงเป็นจัง มันก็คงแค่.. ความรู้สึกที่เขาคิดไปเอง จริงสิ.. เมื่อคืนเขาก็นอนหลับสนิท ไม่ได้ฝันอะไรที่หวามหวิว ชวนสยิวอะไรเลย เขาหลับแบบที่ไม่ได้ฝันอะไรเลย ตื่นขึ้นมาก็ปกติ ไม่ได้นอนเปล่าเปลือยเหมือนดังเช่นเมื่อวาน เขาลองทบทวนความคิดตัวเอง แล้วพยายามหาข้อสรุป แล้วเขาก็คิดว่า.. คำตอบน่าจะเป็นที่เขาคงมิได้ปลดปล่อยอามรณ์หนุ่มมาเนิ่นนาน ความรู้สึกถึงสัมผัสที่หวามหวิว และความฝันอันชวนสยิว คงเกิดขึ้นตามกลไกธรรมชาติของวัยหนุ่มที่ต้องการปลดปล่อย ภาพลีลาสยิวกับพี่ชายนิรนามสุดหล่อในความฝัน ก็คงมาจากปรารถนาซ่อนเร้นลึกๆในใจเขาที่เขาเป็นชายที่มีรสนิยมชอบชายด้วยกันกระมั้ง? นี่ถ้าเขาเป็นชายปกติ ก็คงจะฝันถึงสาวสวยอวบอึ๋มเป็นแน่แท้ เขานึกมาถึงตรงนี้ก็หัวเราะเบาๆกับตัวเอง แล้วก็เริ่มชำระร่างกายอย่างอ้อยอิ่งและดูจะพิถีพิถัน ตามนิสัยรักการรักษาความสะอาดร่างกายตนเองของชีวิน ที่ดุจจะดูสำอางค์ไปสักหน่อย เหมือนดังปกติเช่นเคย..
. . . .
.
.
หลังจากที่ชีวินอาบน้ำเสร็จและลงไปรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย เขาก็ไปช่วยแม่และพ่อของเขาทำงานบ้าน และงานอื่นๆเล็กๆน้อยๆจนเรียบร้อยดี จากนั้นเขาก็ปลีกตัวขึ้นมาบนห้องเพื่อทำการบ้าน และงานต่างๆที่ครูสั่งซึ่งก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก จนเสร็จเรียบร้อยในเวลาบ่ายคล้อยของวันหยุดสุดสัปดาห์ในวันนั้น เขารู้สึกหิวเล็กน้อย ด้วยว่าเลยเวลาอาหารกลางวันมาได้พอควร เขาจึงลงไปหาอะไรรับประทานซึ่งแม่ของเขาก็ได้จัดเตรียมเอาไว้ให้แล้ว ทั้งหมดร่วมรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูก ร่วมกันเหมือนดังเช่นเคย ครอบครัวของชีวิน ดูจะเป็นครอบครัวที่อบอุ่น ได้อยู่ใกล้ชิดกันเสมอในครอบครัว ทุกครั้งก็มักมีการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิด และอบรมสั่งสอนชีวินด้วยข้อคิดที่ดีจากพ่อแม่ที่ร้อนผ่านหนาวมาก่อน สิ่งนี้เองกระมัง? ที่หล่อหลอมให้ชีวินเป็นคนที่มีจิตใจดีมีเมตตา จัดได้ว่าเป็นเด็กที่มีความคิดอ่านที่ดีคนหนึ่ง จนเมื่อขีวินว่างแล้ว เขาก็ดูทีวีร่วมกับพ่อ แม่ จนรู้สึกเบื่อ และเขาเห็นว่า.. ไม่มีอะไรน่าสนใจอีก เขาจึงปลีกตัวขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์ ออนไลน์โปรแกรมแชตหาเพื่อนคุยแก้เหงา ซึ่งคนที่เขานึกถึงคนแรก ก็คือ.. เอ็ม เพื่อนใหม่ที่สุดแสนจะประทับใจเขา เพียงชั่วเวลาที่เขาออนไลน์ขึ้นมาได้ไม่นาน เอ็มก็มาทักเขาในทันที ดังที่เอ็มเคยพูดไว้เมื่อวันวาน..
“ สวัสดีวิน ”
“ สวัสดีเอ็ม นายมาทักเราตามสัญญาเลย ดีใจจังเลย เรากำลังอยากคุยกับนายพอดี ”
“ เราก็อยากคุยกับวินนะ คุยกับวินทำให้เราหายเหงา เราเหงามากนะวิน เราตัวคนเดียว ไม่มีใครเลย ไม่มีแม้ใครสักคน ”
“ ทำไมพูดน่าสงสารจังเลยละเอ็ม พูดยังกับว่า.. เอ็มว้าเหว่มากเหลือเกิน นี่นายไม่มีเพื่อนบ้างเลยเหรอ? ”
“ ก็มีนะ แต่เราไม่ได้พบกันนานแล้ว มันเป็นเรื่องเศร้าจริงๆน่ะวิน ”
จากคำพูดของเอ็ม ทำให้ชีวินสัมผัสได้เลยถึงความเศร้าสร้อยหงอยเหงาของเอ็ม เขารู้สึกเห็นใจเอ็มมากเหลือเกิน และยิ่งรู้สึกในทางบวกกับเอ็มมากขึ้นทุกที เขาและเอ็มดูจะคล้ายๆกันในบางเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของความเหงา เขาจึงเข้าใจและรับรู้ความรู้สึกนั้นได้ดี นี่เอ็มคงจะมีเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันมานานแล้ว เขาจึงรู้สึกเศร้า และพิมพ์คำตอบส่งมาแบบนี้ เขาอยากจะเอ่ยถาม แต่ก็ยั้งไว้ ด้วยว่ามันดูจะเป็นการล้ำเส้น และอาจจะไปกวนตะกอนความเศร้าในใจของเอ็มให้มากขึ้นไปอีก เขาจึงเปลี่ยนประเด็นการคุย หาเรื่องๆที่เบาๆและสนุกสนานมาคุยกับเอ็มแทน ชีวินคุยเล่นกับเอ็มเช่นนั้นเนิ่นนานจนเหมือนกับลืมเวลา เขารู้สึกสนุกสนานและมีความสุขเหลือเกิน และเขาก็ยิ่งสนิทใจกับเอ็มมากขึ้นทุกที สนิทใจเสียจนเขาอยากจะเผยความนัยของตัวเอง และเขาก็รู้สึกว่า เอ็มน่าที่จะยอมรับเขาได้ เพราะเท่าที่คุยกันมายาวนาน เขาก็รู้สึกว่า.. เอ็มก็น่าที่จะเป็นเช่นเดียวกับเขา ถ้ามันเป็นดังที่เขาคิดจริงๆ มันก็คงจะเป็นการดี และง่ายที่จะสานความสัมพันธ์ให้เติบโตมากขึ้นไปอีก เขาคิดดังนั้น.. จึงหาจังหวะเอ่ยบอกเอ็มในทันที
“ เอ็ม ถ้าเราจะบอกว่า.. เราเป็น.. เอ่อ.. เกย์ เอ็มจะรังเกียจ และเลิกคุยกับเราไหม? ”
“ จะรังเกียจทำไม? เรารู้อยู่แล้วละว่าวินเป็นแบบนั้น ก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เพราะเราก็เป็น.. แบบวินเหมือนกัน ”
“ ดีจังเลย เอ็มรู้ไหม? เราไม่มีเพื่อนที่เป็นแบบเราเลย พอเรามารู้ว่าเอ็มก็เป็นแบบเรา เรารู้สึกดีจริงๆ เพราะอย่างน้อยๆ เราก็สามารถคุยในเรื่องที่เราไม่สามารถคุยกับเพื่อนๆทั่วไปกับเอ็มได้ เราดีใจจังเลย ”
เมื่อชีวินรับรู้ดังนั้น เขาก็รู้ยินดีที่เป็นดังที่เขาคิดจริงๆ การพูดคุยจึงดูจะเปิดเผยมากขึ้น ทั้งคู่แลกเปลี่ยนทัศนคติในเรื่องของการเป็นรักร่วมเพศในมุมมองของตนเองได้อย่างสนิทใจ และความรู้สึกในใจของชีวินที่มีต่อเอ็มก็เริ่มเติบโตขึ้นไปอีกขั้น
.
.
.
.
นับแต่นั้น.. ชีวินก็จะมาคุยกับเอ็มทุกวันทันทีที่เขาว่างอย่างใจจดใจจ่อ และอีกสิ่งที่เขาทำเป็นประจำคือ.. หลังเลิกเรียนเกือบทุกวัน เขาจะไปไหว้พระที่วัด และอุทิศส่วนกุศลให้พี่ชายที่เป็นเจ้าของอัฐิที่เขาไม่เคยแม้แต่จะรู้จัก แต่เขากลับสนใจอย่างประหลาดเสมอ เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น แต่.. มันก็เป็นความรู้สึกที่เขาอยากทำจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมานานนับเดือนที่เขาและเอ็มได้รู้จักกันและคุยกันทุกวัน เอ็มไม่เคยที่จะให้อีเมลล์เขามาแอดให้ไอคอนขึ้นในโปรแกรมแชทออนไลน์เลย เอ็มไม่เคยที่จะพูดถึงเรื่องนี้เลย ดูเขาจะพอใจที่จะเป็นคนลึกลับอยู่เช่นนั้น และมันก็ทุกครั้งที่ชีวินรู้สึกอยากคุยกับเอ็มด้วยความคิดถึง ทันทีที่เขาออนไลน์โปรแกรมแชท เอ็มก็จะมาทัก มาคุยกับเขา เหมือนดังอ่านใจเขาออก มันเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ชีวินจึงไม่อยากใส่ใจอะไรมากนัก ในทุกวันนี้เขาก็พอใจในแบบที่เป็นอยู่เช่นนี้แล้ว ความรู้สึกในใจของเขาที่มีต่อเอ็ม มันเริ่มเติบโตขึ้นทุกที มันเหมือนกับว่า.. เขาเริ่มรักเอ็ม บุคคลปริศนาที่เขาแทบจะไม่รู้ขอมูลใดๆเกี่ยวกับตัวของเอ็มเลย ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าค่าตาของเอ็มว่าเป็นเช่นไร?
.
.
ในสายๆของวันหยุดสุดสัปดาห์วันนี้ ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ชีวินออนไลน์โปรแกรมแชทและคุยกับเอ็มดังเช่นเคย ทั้งคู่คุยกันอย่างสนุกสนาน ชีวินมักชอบเล่าเรื่องราวต่างๆที่เขาประสพในแต่ละวันให้เอ็มฟัง ก็ดูเอ็มจะสนใน และพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี หลายต่อหลายครั้งที่ชีวินอยากจะเอ่ยขอดูรูปเอ็ม อยากจะขออีเมลล์เอ็มมาแอดให้สามารถเห็นไอคอนแสดงสถานะทางฝ่ายของเอ็ม ซึ่งมันน่าแปลกเหลือเกินที่จนถึงทุกวันนี้ ทุกครั้งที่ออนไลน์คุยกัน ชีวินก็ไม่เห็นอีเมลล์ทางฝ่ายของเอ็มเลย มันคงจะไม่ใช่ที่โปรแกรมของเขาที่จะรวนเสียแล้ว มันคงอาจจะเป็นเพราะ.. เอ็มอาจจะเป็นเซียนคอมพิวเตอร์ ที่สามารถซ่อนข้อมูลตัวเองได้อย่างมิดชิดกระมัง? น่าที่จะเป็นเช่นนั้น ในบางคราชีวินอยากแม้แต่จะขอแบอร์โทรศัพท์เอ็มเพื่อโทรไปพูดคุยด้วย แต่.. ดูเขาจะไม่ค่อยสพโอกาสนั้นเลย เมื่อชีวินคิดจะเอ่ยขอ ยังมิทันที่จะได้พิมพ์ข้อความใดๆไป เอ็มก็ดูเหมือนจะรู้เท่าทันความคิดเขา และชวนพูดคุยเบี่ยงประเด็นไปเสียเรื่องอื่น มันช่างน่าแปลกที่ดูราวกับว่า.. เอ็มจะอ่านใจเขาออกในแทบทุกเรื่อง เอ็มดูจะยังอยากจะเป็นบุคคลลึกลับเช่นนี้ต่อไป จะอย่างไรก็แล้วแต่.. ชีวินก็รู้สึกพอใจในระดับหนึ่ง ที่เขาสามารถได้พูดคุยกับเอ็มทุกครั้งที่อยากคุยเมื่อออนไลน์ขึ้นมา ทั้งยังสมามารถพูดคุยเรื่องราวเกี่ยวกับรักร่วมเพศกับเอ็มได้อย่างสนิทใจ หลายต่อหลายครั้งที่ทั้งคู่พูดคุยกันในเรื่องสัปดนอย่างคึกคะนองปากตามประสาวัยรุ่น ก็ดูเหมือนกับว่า.. เอ็มจะรอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง ราวกับเคยเรื่องแบบนั้นมาแล้ว บางครา.. มันถึงกับทำให้ชีวินนึกสยิวและวาบหวิวตามไปเลยก็มี แม้ชีวินอยากจะเห็นหน้าเอ็มเหลือเกิน แต่.. เขาก็ไม่อยากคาดคั้นอะไรเอ็มมากเพราะเขาชอบเอ็มเข้าไปเต็มๆใจเสียแล้ว อีกทั้ง.. ชีวินคิดว่า.. เอ็มคงจะเป็นคนใกล้ๆตัวเขานี่แหละ อาจจะเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนเดียวกันด้วยซ้ำก็ได้ แต่การที่เอ็มไม่ใคร่จะเปิดเผยอะไรกับชีวิน คงเพราะ.. เขาอาจจะยังไม่พร้อมด้วยเหตุผลส่วนตัวของเขาบางอย่างกระมัง? ชีวินคิดเช่นนี้มาโดยตลอด หลังจากชีวินคุยเล่นกับเอ็มมาได้สักพักใหญ่แล้ว เขารู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ด้วยว่ารู้สึกปวดปัสสาวะ เขาจึงเอ่ยขอปลีกตัวโดยพิมพ์ข้อความไปบอกเอ็มทางโปรแกรมแชทออนไลน์
“ เอ็ม ขอเวลาแปบหนึ่งนะ เราปวดฉี่น่ะ เดี๋ยวมาคุยต่อ ”
“ ตามสบายนะวิน เรารอ ”
“ ได้ๆ เดี๋ยวรีบมา แปบเดียวๆ ”
หลังจากนั้น.. ชีวินก็ปลีกตัวไปทำธุระในห้องน้ำจนเรียบร้อย เขารู้สึกกระหายน้ำ จึงลงมาเปิดตู้เย็นเพื่อดื่มน้ำ แล้ว.. เขาก็พบว่า.. ในตู้เย็นไฟมืด ไม่มีไฟติดเหมือนดังเช่นเคย เขาจึงเอ่ยถามแม่ของเขาในทันที..
“ แม่ครับ ไฟตู้เย็นเสียเหรอครับ? ไฟไม่ติดครับ ”
“ ไม่ได้เสียหรอกลูก ไฟดับน่ะ ”
ไฟดับ? นี่ดับตั้งแต่ตอนไหน? ชีวินลองเปิดสวิชท์ไฟดูตามส่วนต่างๆของบ้าน แล้วเขาก็พบว่า.. ไฟดับจริงๆ เขารู้สึกแปลกใจ จึงเอ่ยถามแม่ของเขาอีกครั้งในทันที
“ แม่ครับ แล้วไฟดับตั้งแต่ตอนไหน? เมื่อกี้วินยังเล่นคอมฯได้อยู่เลยนี่นา? ”
“ ฝันกลางวันแล้วเจ้าวิน ไฟดับมาตั้งแต่สายๆแล้ว นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายชั่วโมงแล้ว ไฟยังไม่มาเลย แล้ววินจะเล่นคอมฯได้อย่างไร? อย่ามาอำแม่เลย หึหึ ”
แม่ของชีวินทำหน้าประหลาดใจ แต่สักพักก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงแกมหัวเราะ ด้วยเพราะคิดว่าชีวินพูดเล่น ชีวินรู้สึกเอะใจ นี่มันจะเป็นไปได้อย่างไร ถ้าไฟดับไปตั้งหลายชั่วโมงแล้วตามที่แม่เขาบอก แล้ว.. เมื่อกี้เขาเล่นคอมพิวเตอร์คุยเล่นกับเอ็มได้อย่างไร เขาไม่มีเครื่องสำรองไฟด้วยซ้ำ ถึงมี มันก็ไม่สามารถสำรองไฟให้สามารถเล่นคอมพิวเตอร์ได้นานเป็นชั่วโมงอย่างนี้แน่ ชีวินคิดดังนั้น.. เขาก็รีบขึ้นไปบนห้องเขาที่เปิดคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ในทันที และแล้ว.. เขาก็พบว่า.. คอมพิวเตอร์ยังคงทำงานอยู่ มันเป็นไปไม่ได้ ชีวินรู้สึกตกใจจนขาสั่น เขาตรงไปกระชากปลั๊กคอมพิวเตอร์ออกในทันที แต่แล้ว.. ทันทีที่ปลั๊กหลุดจากเบ้าเสียบ คอมพิวเตอร์ก็ยังคงทำงานอยู่ จอมอนิเตอร์ยังคงสว่างอยู่อย่างนั้น มันยังคาอยู่ที่หน้าโปรแกรมแชทออนไลน์ที่เขายังคุยค้างอยู่กับเอ็ม ชีวินรู้สึกเย็นวาบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขาขนลุกชันแข้งขาอ่อนจนทรุดลงไปกองอยู่กับพื้นห้อง ตาเขายังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าจอ แต่.. สมองเขากลับมึนงงไปหมด นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา? และแล้ว.. ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาก็เห็นเอ็มพิมพ์ข้อความส่งมาหาเขา มันมีใจความว่า
“ วินรู้แล้วสินะว่าไฟดับ ไฟน่ะ ดับนานแล้ว แต่เรายังอยากคุยกับวินต่อ ทีนี้วินก็คงจะรู้แล้วสินะ ว่าเราเป็นอะไร? ขอโทษนะวิน เราไม่มีเจตนาที่จะทำให้วินหวาดกลัวเลย เราไม่มีประสงค์ร้ายใดๆกับวินจริงๆ ขอให้วินเชื่อเราเถิด เราก็แค่.. ชอบวิน อยากคุยกับวิน เพราะเราเหงาเหลือเกิน ได้คุยกับวินแล้วเรามีความสุขจริงๆ แต่.. ถ้าวินรู้ความจริง แล้วรู้สึกกลัวแบบนี้ เราก็ต้องขอโทษวินด้วยนะ ”
ทันทีที่ชีวินอ่านข้อความของเอ็มที่พิมพ์ส่งมาถึงเขาจบลง จอคอมพิวเตอร์ก็ดับลงในทันที ชีวินขนลุกซู่ ตกใจกลัวจนน้ำตาเอ่อ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เขาได้มีความสุข ได้คลายความเหงา ได้เพื่อนที่ดูเหมือนจะรู้ใจจนเขารู้สึกแอบปลื้มและหลงรัก ทั้งหมดนั้น คือ.. เขาถูกผีหลอก? ถูกผีหลอกมานานร่วมเดือน นี่.. เขาหลงรักผีเข้าไปเต็มหัวใจหรือนี่? มันดูจะเหลือเชื่อ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ ถ้าเขาไปพูดให้ใครฟัง ใครจะเชื่อเขา? ความหวาดกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจเขาจนตัวสั่น นอกเหนือจากความรู้สึกหวาดกลัว มันยังแฝงด้วยความรู้สึกอีกอย่าง ความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ชีวินรู้แต่เพียงว่า.. มันช่างเศร้าเหลือเกิน น้ำตาเขาไหลรินอาบแก้มด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ใครหนอ.. จะมาเข้าใจจิตใจเขาในยามนี้ได้ ซึ่ง.. แม้แต่ตัวของชีวินเอง ก็ดูเหมือนว่าเขาก็จะไม่เข้าใจจิตใจตัวเองเลยเช่นกัน ว่า.. ในยามนี้ เขารู้สึกเช่นไร?
********
*โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆนี้ครับ^^