รักรสแซ่บ เรื่องโดย Katesnk
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักรสแซ่บ เรื่องโดย Katesnk  (อ่าน 167243 ครั้ง)

นางมารร้าย

  • บุคคลทั่วไป
:m1: ขอบคุณน้องมารน้อยค่ะ อิอิอิ


ขอบคุณพี่เคทด้วยนะคะ   o15 


///////////////////////////////////////////////////

“ควิลล์ เธอเป็นอย่างไรบ้าง”

วันสุดท้ายที่ผมต้องจากควิลล์ไป ผมโทรไปหาเขาเพื่ออำลา พอได้ยินเสียงก็พูดไม่ออก ได้แต่ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ เจ้าตัวแสบตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง และแอบจิกกัดผมเล็กๆ

“สบายดี อยู่ที่นี่เป็นคุณหนูเหมือนเดิม แต่ต้องคอยรับใช้ใคร”

“อยู่กับฉันลำบากมากนักเหรอ”

น้ำเสียงที่พูดออกไปเบาหวิว เจือไปด้วยความน้อยใจ

“เป็นอะไรไปอีกตาเฒ่า งอนอะไรขึ้นมาอีกล่ะ เดี๋ยวนี้ล้อเล่นนิดหน่อยไม่ได้เลยนะ หรือว่าเข้าสู่วัยทองแล้ว ขี้น้อยใจ ใครแตะต้องไม่ได้”

“เปล่าหรอก แค่รู้สึกว่าตัวเองไร้น้ำยาทำให้เมียมีความสุขไม่ได้ ถ้าเธออยู่กับคนอื่น คงมีความสุขมากกว่าอยู่กับฉัน”

“หยุดพูดแบบนี้ไปเลยนะ ปากไม่ดีอีกแล้ว ฉันพูดแบบนั้นที่ไหนว่าอยู่กับคนอื่นดีกว่าอยู่กับนาย อย่ามาดูถูกน้ำใจกัน ถ้าขืนพูดแบบนี้อีก ฉันจะวางหูแล้วนะ”

เจ้าตัวแสบพูดอย่างงอนๆ

“อย่าเพิ่งวางนะ ฉันขอโทษที่พูดแล้วทำให้เธอไม่สบายใจ ฉันรู้สึกแบบไหน ก็พูดออกไปแบบนั้นแหละ อย่าโกรธนะ ฉันอยากให้เรามีความทรงจำที่ดีต่อกัน ไม่อยากให้เราเข้าใจผิดกันบ่อยๆ”

“ก็ถ้านายยังขยันพูดจาทำนองนี้ เราคงได้มีเรื่องกันตลอดแน่”

ควิลล์ยังไม่หายงอน ผมต้องรับปากกับเขาว่าจะไม่พูดแบบนี้อีก ที่จริงผมอาจจะไม่ได้พูดจาหยอกเล้ายั่วเย้าเขาอีกต่อไปก็ได้

“ฉันอาจจะไม่อยู่บ้านสักระยะหนึ่งนะ กลับมาถ้าไม่เจอฉัน อย่าตกใจนะ”

“จะไปไหน”

น้ำเสียงของควิลล์แสดงให้รู้ว่าเขากำลังหวาดระแวง ผมเกือบสารภาพออกไปแล้วว่าผมกำลังจะไปจากชีวิตเขา แต่ผมก็เปลี่ยนใจกลัวว่าเรื่องมันจะยุ่งกว่าเดิม หากควิลล์ไม่พอใจขึ้นมา เลยโกหกเขา

“ว่าจะหยุดพักไปเที่ยวสักหน่อย”

“ลาพักร้อนไปเหรอ”

“อื้ม มีวันลาพักเหลืออยู่หลายวัน”

“แล้วทำไมถึงไม่ชวนฉันไปด้วย นี่คิดจะไปไหนโดยไม่มีฉันหรือไง”

เจ้าตัวแสบทำเสียงขุ่นอย่างไม่พอใจ

“ก็ไปหลายที่ แล้วก็หลายวันด้วย เธอติดเรียน ฉันไม่อยากชวนโดดน่ะ”

“ก็แล้วทำไมไม่เก็บไว้เที่ยวตอนปิดเทอมล่ะ ฉันจะได้ไปด้วย”

“ที่เที่ยวที่ฉันจะไป เธออาจจะไม่ชอบก็ได้”

แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ แต่ควิลล์ก็ยังไม่พอใจในคำตอบ เขาแหวกลับมาอย่างฉุนเฉียว

“รู้ได้ไง คิดแทนคนอื่นอีกแล้วนะ ถามก่อนสิว่าฉันอยากไปหรือเปล่า ถ้าไม่ชอบ ไม่อยากไป ฉันจะบอกเอง”

“เอ้อ”

ผมติดอ่าง จนคำตอบที่จะพูดให้เขาพอใจ ควิลล์เงียบไปสักพัก จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ท่าทางคงจะโกรธผมอยู่ไม่น้อย

“ไม่เป็นไร ถ้าลำบากใจ ไม่อยากให้ฉันไป ก็ไม่ว่ากัน ไม่เซ้าซี้ต่อล่ะ”

“ไม่ใช่แบบนั้น ที่จริงอยากให้ไปนะ แต่เอ้อ กลัวมันลำบาก เธอยิ่งไม่แข็งแรงอยู่”

จะให้พูดได้ไง ว่าผมกำลังจะไปจากเขา ผมพูดไม่ออก แล้วก็ไม่อยากให้เขารู้ด้วย กลัวระเบิดลง บทเจ้าแสบจะอารมณ์ร้อนก็บ้าดีเดือด เดี๋ยวไปโวยวายใส่พวกอาจารย์ขึ้นมา มันจะยิ่งยุ่ง

“หนอยดูถูกกันอีกแล้วนะ ฉันไม่ใช่คนอ่อนแออย่างที่นายคิด ถ้าไม่อยากให้ฉันไป เพราะนายจะหนีไปทำอะไรบางอย่างที่ไม่อยากให้ฉันรู้ ก็ไม่ต้องมาอ้างโน่นอ้างนี่ มันเป็นสิทธิ์ของนาย ที่จะทำอะไรก็ได้ ฉันคงไปบังคับให้นายมาเอาอกเอาใจพาฉันไปโน่นมานี่ไม่ได้หรอก อยากไปไหนก็ไป กลับมาแล้ว ก็โทรมาบอกด้วยแล้วกัน”

เสียงวางหูดังโครมบ่งบอกให้รู้ว่าคนทางปลายสายเดือดดาลแค่ไหน ผมได้แต่ยืนอึ้ง พูดไม่ออก มองโทรศัพท์ในมือ และหมายเลขสุดท้ายที่โทรออกไป ปรารถนาจะโทรไปบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เขาฟัง ว่าทำไมผมถึงทำแบบนี้

แต่แล้วอีกคนที่อยู่ในตัวผมก็บอกว่า ปล่อยให้ควิลล์เข้าใจผิดแบบนี้ไปดีแล้ว หากไปเล่าให้เขาเข้าใจถึงเหตุผล ผมก็อาจจะไม่ได้ไปจากชีวิตของเขา ซึ่งหากผมอยู่ก็จะสร้างปัญหาให้กับควิลล์ เขาอาจจะถูกครูใหญ่ และลูกกลั่นแกล้งเหมือนที่ทำกับผม เด็กน้อยไร้เดียงสาอย่างเขา ควรจะมีอนาคตที่สดใส และห่างไกลจากเรื่องมัวหมอง เพื่อการก้าวไปข้างหน้าอย่างสง่างาม

ถ้าจะหาคนรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ ผมนั่นแหละที่จะต้องได้รับการลงโทษไปเต็มๆ หากผมไม่บังเอิญไปข่มขืนเขา ควิลล์ก็ไม่ต้องมาแต่งงานกับผม ไม่ต้องถูกรังควาญ ไม่ต้องมีเรื่องให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ป่านนี้เขาคงชอบกับกวี เรียนจบคงได้อยู่ด้วยกัน

พ่อแม่ได้หมายหมั้นปั้นมือตั้งแต่แรกแล้วว่าจะให้กวีดูแลควิลล์ ผมเป็นตัวมารที่มาแทรกระหว่างคนทั้งสอง ถ้าหากว่าควิลล์ต้องการกลับไปคบกับกวีต่อ ผมก็ไม่ว่าอะไร ตอนนี้กวีอ่อนแอ แต่วันข้างหน้าอาจจะเข้มแข็งขึ้นและสามารถปกป้องเจ้าตัวแสบได้ดีมากกว่าผมก็ได้ การปล่อยเขาไปจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้

“ครบ 1 อาทิตย์แล้วนะ ทำไมยังไม่กลับมาบ้านอีก เถลไถลไปไหน กลับมาเมื่อไหร่ นายโดนดีแน่”

“เป็นอะไร หรือเปล่า ทำไมไม่ส่งข่าวคราวมาให้รู้บ้าง ยังเที่ยวไม่พอเหรอ งานการไม่สอนหรือไง รับผิดชอบหน่อยสิ เด็กๆรอเรียนอยู่นะ”

“ครูภาษาอังกฤษอยู่ไหน ทำไมไม่มาดูแลนักเรียน ทำไมต้องปล่อยให้ครูคนใหม่มาสอนด้วย เรียนไม่เห็นรู้เรื่องเลย ถ้าตกฉันจะโทษนายนะ”

“ไอ้ฝรั่งบ้า ไปอยู่ไหน ติดต่อกลับมาเดี๋ยวนี้นะ อย่าหายเงียบไปแบบนี้สิโว้ย”

“ไม่ตลกแล้วนะ หายไปเป็นอาทิตย์ ทำไมไม่ติดต่อกลับมาบ้าง”

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่มาสอน และไม่กลับบ้านด้วย ได้รับข้อความแล้ว ติดต่อกลับด่วน”

“ไอ้คนลามก ไอ้คนเห็นซวย ไอ้ฝรั่งบ้ากาม นี่ทิ้งกันแล้วใช่ไหม ฉันทำผิดอะไรถึงได้มาทำแบบนี้กับฉัน มาพูดกันให้รู้เรื่องเลยนะ ไม่ใช่หนีหน้าไปแบบนี้ ”

“ไอ้คนไม่รับผิดชอบ ได้แล้วก็ชิ่งหนี ทำแบบนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลยนะ ออกมาจากกระดองเต่าที่หดหัวอยู่ในนั้น แล้วมาพูดกันสิ มีอะไรที่ไม่พอใจก็บอกกันได้ ถ้านายยังขืนเงียบ ไม่ตอบกลับมา ฉันจะถือว่าเราไม่รู้จักกันอีกต่อไป”

“รู้นะว่ายังมีชีวิตอยู่ และได้อ่านข้อความที่ฉันส่งไป ถ้านายได้ฟังข้อความนี้ จงรับรู้ไว้ด้วยว่าฉันโกรธมาก แล้วจะไม่มีวันให้อภัยนาย ไอ้คนขี้ขลาดตาขาว ไม่อยากเจอกันอีกใช่ไหม ดี จากนี้ไป เราอย่าเจอกันอีกเลย นายกับฉันไม่ได้เป็นอะไรกันอีกต่อไปแล้ว”

ผมถอนหายใจด้วยความกลัดกลุ้ม ขณะนั่งไล่อ่านข้อความ และฟังเสียงพูด ที่ควิลล์ส่งมาให้ผมทางมือถือ หลังจากที่ผมลาออก ไม่ได้ไปสอนเกือบสองอาทิตย์ ไม่ได้กลับไปบ้าน และไม่ได้โทรติดต่อหาควิลล์และครอบครัวของเขา การหายตัวไปของผมคงทำให้ควิลล์หงุดหงิดไม่น้อย

เจ้าตัวแสบคงไม่รู้เหตุผลที่ผมหนีหน้า เขาเลยพยายามที่จะตามตัวผมให้ได้ แต่ผมก็เมินเฉยไม่ตอบข้อความที่เขาส่งมา รวมถึงไม่ยอมโทรกลับไป เมื่อไม่ได้คำตอบที่ตนเองต้องการ ควิลล์ก็เลยกระหน่ำโทรหาผมเป็นร้อยๆครั้ง ทั้งฝากข้อความมาด้วย เพื่อกระตุ้นให้ผมตอบกลับ เมื่อผมไม่ทำตามที่เขายื่นคำขู่ ควิลล์ก็โกรธจัดและประกาศตัดเป็นตัดตายกับผมทางโทรศัพท์ทันที

ใจผมร่ำๆจะโทรไปหาเขาตั้งแต่ได้เห็นมิสคอลล์ 4-5 ครั้งของควิลล์แล้ว แต่ผมก็ต้องพยายามหักห้ามตัวเองไม่ให้ทำอย่างที่ต้องการ ผมกำลังอยู่ในช่วงของการปฏิบัติภารกิจสามีที่แสนดี ที่จะช่วยผลักดันภรรยาให้ก้าวไปสู่ความสำเร็จ หากผมเห็นแก่ตัวแม้เพียงน้อยนิด สิ่งที่ผมพยายามทำเพื่อเขาทั้งหมดจะพังทลายลงทันที


ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
แบบนี้ดีแล้วจริงๆ เหรอ  :a6: :a6: :a6:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องมันเศร้า
 :m15: :m15: :m15:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ทำไมต้องทำแบบนี้ ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วเหรอ  o7  o7

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ ไหน ๆ ก็ตัดสินใจแล้ว ทำให้ตลอดรอดฝั่งน้า  :m14:  :m14:

ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

เอางี้จริงเหรอตาเฒ่า...

 :a6: :a6: :a6: :a6:

นางมารร้าย

  • บุคคลทั่วไป
มาให้กำลังใจตาเฒ่ากันต่อนะคะ

////////////////////////////////////////////

ตั้งแต่วันที่ผมหายออกไปจากชีวิตของเขา ไม่มีวันไหนที่ผมจะหลับอย่างสบายใจ ผมกลายเป็นโรคนอนไม่หลับ เพราะผมเอาแต่เฝ้าคิดถึงเขาอยู่ตลอดเวลา อยากรู้ว่าเจ้าตัวแสบของผมเป็นอย่างไร ไปเรียนหรือเปล่า เกเรมีเรื่องกับคนอื่นอีกไหม เขากลับไปอยู่กับนายกวี หรือยังอยู่ที่บ้านของผม ครูคนใหม่ที่มาสอนภาษาอังกฤษแทนเป็นอย่างไร เขาคิดถึงผมบ้างไหม คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในห้วงความคิดคำนึง แต่ผมก็ไม่กล้าโทรไปเอาคำตอบ

ขณะที่นั่งกลุ้มอยู่ เสียงโทรศัพท์มือถือของผมก็ดังขึ้น ผมทิ้งไว้อยู่นาน ไม่ยอมรับ แต่เสียงก็ยังคงดังอย่างต่อเนื่องราวกับว่าคนทางปลายสายไม่ยอมแพ้จนกว่าผมจะรับสายเขา ผมมองโทรศัพท์ในมือ ตั้งใจจะกดปิดเครื่อง แต่เมื่อเหลือบเห็นเบอร์ที่โชว์อยู่ ผมก็เปลี่ยนใจ

แม่ของควิลล์โทรมา ร้อยวันพันปีไม่เคยโทรเข้ามาหาผม ส่วนใหญ่จะโทรเข้าเบอร์บ้าน แต่ในเมื่อผมไม่อยู่ การโทรเข้ามาที่มือถือ จึงเป็นวิธีเดียวที่จะติดต่อผมได้ สงสัยจะมีเรื่องบางอย่างที่อยากพูดกับผม ถ้าเดาไม่ผิดก็อาจจะเป็นเรื่องที่ผมหายตัวไป หรือไม่ก็เรื่องร้ายแรงเกี่ยวกับควิลล์ ผมภาวนาอย่างให้เป็นเรื่องหลัง
“เจฟเหรอลูก ไปอยู่ที่ไหน ทำไมถึงไม่กลับบ้าน น้องเป็นห่วงนะ ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า เจ้าหนูควิลล์ของแม่ ทำอะไรให้ ถึงได้ไม่พอใจหนีน้องไปโดยไม่บอกกล่าว”

แม่ยายของผมเปิดฉากด้วยการยิงคำถามอย่างต่อเนื่อง น้ำเสียงฉุนเฉียว ท่าทางไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ ซึ่งผมไม่แปลกใจเลย คนเป็นแม่ย่อมห่วงใยลูกเป็นธรรมดา ใครก็ตามที่ทำให้ลูกตัวเองเสียใจ ก็ต้องไม่ชอบด้วยกันทั้งนั้น

“เปล่าครับแม่ ผมมีปัญหาบางประการที่ต้องจากไป ไม่ใช่เพราะผมรังเกียจเขานะครับ ผมรักควิลล์ รักมากที่สุด และไม่คิดว่าจะรักใครได้เท่านี้แล้ว”

อธิบายให้แม่ควิลล์ฟังด้วยน้ำเสียงร้อนรน ผมไม่ได้ต้องการเรียกร้องความเห็นใจ แต่ผมไม่อยากให้คิดว่าผมรักและไม่สนใจในตัวลูกชายของเธอ ผมมีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น แต่ดูเหมือนแม่ของควิลล์จะไม่พอใจในคำตอบที่ผมให้ เธอส่งเสียงดุกลับมา

“รักน้อง แล้วทำไมต้องหนีน้องด้วย น้องเสียใจมากรู้ไหม นี่ก็เกเร ข้าวปลาไม่ยอมกิน โรงเรียนก็ไม่ยอมไป เอาแต่ร้องไห้ เจฟอยากฆ่าลูกชายของแม่หรือไง”

สิ่งที่แม่ยายของผมพูด ทำให้ผมตกใจ เจ้าตัวแสบเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ นี่ผมทำอะไรผิดหรือเปล่านะ แทนที่การตัดสินใจของผม จะก่อให้เกิดเรื่องดีงามขึ้นในชีวิตของควิลล์ แต่กลับให้เขารู้สึกแย่หนักขึ้นไปอีก

“โธ่แม่ครับ ผมไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้เลย ผมหวังดีกับเขานะครับ”

“หวังดียังไง แม่ไม่เข้าใจ การหนีหน้าน้องไป ให้น้องอยู่คนเดียว โดยที่เราไม่บอกกล่าวอะไรให้เขารู้ จะให้เขาเข้าใจว่าไง นอกจากว่าเราได้เขาแล้วตีจาก ทำแบบนี้แม่ไม่พอใจนะ แม่อุตส่าห์ยกควิลล์ให้เจฟดูแลแล้ว ก็หวังว่าจะช่วยปกป้องคุ้มครองน้อง แต่ไม่นึกเลยว่าเจฟจะทอดทิ้งลูกของแม่แบบนี้ แม่ดูคนผิดไปจริงๆ”

น้ำเสียงตัดพ้อต่อว่านั่น ทำให้ผมรู้สึกปวดแปลบที่หัวใจ ทำไมทุกอย่างมันกลับตาลปัตรแบบนี้นะ ผมรู้ว่าการตัดสินใจทำแบบนี้ ย่อมมีคนที่ไม่เห็นด้วย แต่ผมก็คิดว่ามันดีที่สุดแล้วสำหรับเจ้าตัวแสบ แต่แล้วผมก็คิดผิด ควิลล์ไม่พอใจที่ผมทำอย่างนี้ เลยมีปฏิกิริยาต่อต้าน ไม่ยอมไปโรงเรียน ไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้น ทำให้คนรอบข้างของเขาไม่สบายใจ

เมื่อไม่อาจจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง ผมเลยบอกเหตุผลที่ผมต้องจากควิลล์ไปให้แม่ยายของผมฟังทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่การทะเลาะเบาะแว้งกันของควิลล์กับไตรอันเป็นชนวนให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมา จนกระทั่งการถูกตามถ่ายภาพระหว่างผมกับควิลล์เพื่อใช้บีบบังคับให้ผมลาออกจากโรงเรียน และคำมั่นสัญญาของครูใหญ่ เมื่อเล่าจบผมก็กำชับแม่ยายของผมว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ควิลล์ล่วงรู้โดยเด็ดขาด

พอแม่ของเจ้าหนูตัวแสบได้ฟังเท่านั้น ก็เกิดอาการเดือดดาลขึ้นมาทันทีที่ผมใช้วิธีนี้ในการแก้ปัญหา ผมรู้แล้วว่านิสัยขี้โมโหของควิลล์ได้รับการถ่ายทอดมาจากใคร ใจร้อนและไม่ยอมแพ้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือเปล่าที่เล่าเรื่องนี้ให้แม่ยายของผมฟัง

“ทำไมเจฟไปยอมเขาง่ายๆแบบนั้นล่ะ เราไม่ผิดไม่ใช่เหรอ ปล่อยให้ไอ้ครูใหญ่มันใช้อำนาจในทางมิชอบบีบบังคับให้เราออกจากงาน ทั้งที่เราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน ทำไมไม่ต่อสู้เพื่อความถูกต้องล่ะ”

น้ำเสียงขึ้งโกรธของแม่ยาย ทำให้ผมนึกหวั่น

“ผมไม่อยากนำความเดือดร้อนมาสู่ควิลล์ครับแม่ อยากให้เขาใช้ชีวิตในอีก 1 เทอมที่เหลือโดยปราศจากเรื่องร้อนใจครับ แล้วครูใหญ่ก็สัญญาว่าจะไม่แตะต้องควิลล์ด้วยครับ”

ตอบแม่ของควิลล์ไปถึงการตัดสินใจของผม เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วคำพูดมากมายก็พรั่งพรูออกมาจากปากผู้เป็นแม่ยาย เธอให้ทัศนคติต่อเรื่องที่เกิดขึ้นจนผมต้องอึ้ง

“แม่ตอบแทนลูกของแม่ได้เลย หนูควิลล์เขาไม่พอใจแน่ ถ้ารู้ว่าเจฟยอมแพ้อะไรง่ายๆแบบนี้ การที่เจฟยอมลาออก เท่ากับว่ายอมรับว่ารักร่วมเพศเป็นสิ่งผิดปกติ การแต่งงานของลูกศิษย์กับคุณครู เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำ และพฤติกรรมนี้ควรจะถูกกำจัดไปจากสังคม ในเมื่อทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตนเอง ที่แม้มันจะต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นทางที่เขาเลือกไว้แล้ว ทุกข์สุขอย่างไรคนที่เลือกเขาก็ต้องเตรียมใจยอมรับแต่แรก ดังนั้นไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาทำถูกหรือทำผิด”

แม่ยายของผมเว้นระยะเพื่อถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อ

“คนที่ควรจะแสดงปฏิกิริยาในที่นี้ ควรจะเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองของควิลล์มากกว่าคนอื่น แม่ที่มีลูกเป็นเกย์ ย่อมเศร้าเสียใจกว่าคนที่มีลูกเป็นชายจริงหญิงแท้ แต่แม่ยอมรับในสิ่งที่ลูกเป็นได้ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร เขาก็คือลูกของแม่ ความสุขของลูกก็คือความสุขของแม่ แล้วถ้าแม่ยอมรับแล้ว สังคมจะมาวุ่นวายคิดแทนแม่ทำไม”

สิ่งที่แม่ของควิลล์พูดถูกต้องที่สุด คนในครอบครัวใกล้ชิดกับเขาที่สุด ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น นั่นก็เพียงพอต่อการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแล้ว คนรอบข้างจะคิดอย่างไรก็ไม่เห็นจะต้องไปใส่ใจ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ไปขอข้าวใครกิน แล้วก็ไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้กับใครด้วย

ถึงแม้ว่าการชอบกันเองในระหว่างผู้ชายอาจจะดูเป็นเรื่องแปลกประหลาดในสายตาคนทั่วไป แต่ หากเราสามารถเปลี่ยนทัศนคติ มุมมองของคนเกี่ยวกับเรื่องความรักของคนเพศเดียวกันว่ามันเป็นแค่รสนิยมทางเพศอย่างหนึ่ง เหมือนที่เราเลือกกินอาหารที่เราชอบ ซึ่งหลายคนบนโลกใบนี้ก็ชอบกินอะไรที่ไม่เหมือนกัน

แต่สิ่งที่พวกเขามีเหมือนกันคือความเป็นมนุษย์ที่มีความดีงามในตัวเอง ดังนั้นความชอบที่ไม่เหมือนใคร การคิดและทำต่างจากคนอื่น ก็ไม่ได้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าคนเหล่านั้นเลวเสียเมื่อไหร่ ถ้าทุกคนยอมรับความแตกต่างได้ ก็คงจะเลิกกีดกันแบ่งชั้นกันเสียที

นึกแล้วก็ให้เจ็บใจตัวเองยิ่งนัก แม่ของควิลล์และเจ้าตัวแสบยังคิดในประเด็นนี้ได้ แล้วทำไมผมถึงคิดไม่ออกนะ การจะให้คนอื่นยอมรับในตัวเรามันต้องเริ่มจากการที่ตัวเรายอมรับตัวเองก่อน หากเราคิดว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่ไม่ใช่เรื่องน่าละอาย เราก็ไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนตัว หรือเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวตนของเรา เพียงเพื่อให้สังคมยอมรับ ถ้าเราดูถูกตัวเอง ไม่ยอมรับความจริง จะไปคาดหวังว่าคนอื่นจะเข้าใจเราได้อย่างไร

ผมกับควิลล์ไม่ได้ทำอะไรผิด จุดเริ่มต้นของการคบหากันของเรา อาจจะไม่ถูกทำนองคลองธรรมนัก เพราะมันมาจากการที่ผมไปข่มขืนเขาก่อน แต่เราก็ได้พยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง ด้วยการแต่งงานกัน ผมยอมรับเขาในฐานะภรรยา ทำตัวเป็นสามี คอยดูแลปกป้องเขา และผมก็รักเขาด้วย

ถ้าตัดประเด็นที่ว่าเราสองคนเป็นผู้ชายด้วยกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สังคมส่วนใหญ่ไม่ค่อยยอมรับ การแต่งงานของเราก็น่าจะเป็นตัวบ่งบอกว่าเราพยายามที่จะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของสังคมเอาไว้

เราสองคนไม่ได้อยู่กันเฉยๆ หรือคิดจะเลิกร้างห่างกันไป ไม่ได้ตบตีทำร้ายคู่ของตัวเองไม่มีการนอกใจหรือเห็นคนอื่นดีกว่าภรรยาของตน ไม่ทำอะไรเสื่อมเสียชื่อเสียง และเราก็สามารถทำความดีและพร้อมจะเป็นกำลังหลักในการจะพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป

ผมอยากให้โลกได้รับรู้ว่าผู้ชายสองคนสามารถแต่งงานและอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ เพียงแค่ทุกคนเปิดใจ เปิดหู เปิดตาให้กว้าง ยอมรับในสิ่งที่พวกเราเป็นเท่านั้น

“ไม่รู้นะ ถ้าเจฟคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และก็จะดึงดันให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป แม่ก็คงจะไม่ห้ามอะไร เพราะนั่นเป็นการตัดสินใจของเจฟซึ่งก็ทำไปเพราะเป็นห่วงลูกชายของแม่ อันนี้แม่ซาบซึ้งใจมาก แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือ อย่าไปกังวลกับสังคมให้มากนัก อย่าเต้นไปตามจังหวะที่คนรอบข้ากำหนดให้เราทำเพียงเพราะว่าเขาเห็นว่ามันดี ตัวเราเท่านั้นที่จะบอกได้ว่าสิ่งไหนที่ทำให้เรามีความสุข...”

แม่ยายของผมเริ่มต้นเทศนาสั่งสอนแล้ว พูดออกมายืดยาวทว่ากินใจ เล่นเอาผมอึ้งพูดไม่ออก เถียงไม่ได้ เพราะเห็นด้วยกับสิ่งที่ผู้สูงวัยกว่าพูดทุกอย่าง

“อย่าลดคุณค่าในตัวเอง เพียงเพราะเราไม่เหมือนคนอื่น ทุกคนเป็นคนดีและสามารถมีประโยชน์ต่อทุกที่ที่เขายืนอยู่ ถึงแม้จะแตกต่างจากคนอื่นๆแบบหน้ามือเป็นหลังมือก็ตาม จำไว้นะเจฟ ไม่สำคัญว่าเราจะเป็นใคร หรือชอบแบบไหน แต่สำคัญว่าเรามีความสุขกับมัน และทำให้คนรอบข้างเป็นสุขร่วมกับเราได้ไหม เป็นตัวของตัวเองให้ดีที่สุด และทำให้คนอื่นๆเห็นว่าเราเป็นคนดีที่แตกต่างได้”

ท่านทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะวางหู ฟังแม่ยายพูดจบ ผมก็คอตก คิดหนักว่าจะทำไงกับตัวเองดี จะกลับไปหาควิลล์ แล้วก็ทำทุกอย่างให้เขายกโทษให้ผม หรือว่าจะเดินหน้าไปตามแผนการเดิม คือรอให้ควิลล์เรียนจบแล้วค่อยกลับไปหา อะไรคือคำตอบที่ดีที่สุดในตอนนี้นะ

อยากไปหาควิลล์ใจจะขาด อยากกอดเขา อยากเห็นหน้าเจ้าตัวแสบ อยากได้ยินเสียง ไม่รู้จะเป็นไงบ้าง แม่ยายของผมบอกว่าควิลล์ทำตัวเกเรไม่ยอมไปโรงเรียน ไม่ยอมทานข้าวทานปลา เอาแต่นั่งร้องไห้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ เขายิ่งสุขภาพไม่แข็งแรงอยู่ ป่วยไข้ขึ้นมาจะลำบาก แถมซ้ำไม่ไปโรงเรียน อาจจะมีปัญหาตามคนอื่นไม่ทัน หรือคะแนนเก็บไม่พอก็ได้

เฮ้อ เป็นเพราะการตัดสินใจของผมใช่ไหม ที่ทำให้เจ้าตัวแสบเป็นแบบนี้ ผมนี่มันงี่เง่าเสียจริง อายุมากเสียเปล่า แล้วมาจากประเทศที่ศิวิไลซ์กว่า เสรีภาพมีมากกว่า แต่ผมก็ยังทำตัวขี้ขลาดไม่เข้าเรื่อง หากผมจะมีความกล้าซักนิด แล้วต่อสู้เพื่อความถูกต้องให้ถึงที่สุด เราสองคนก็ไม่ต้องมาแยกจากกันแบบนี้

แล้วนี่ไม่รู้ว่าควิลล์จะโมโหผมจนไม่ยอมคุยด้วยหรือเปล่า ข้อความสุดท้ายที่เขาฝากไว้คือการตัดเป็นตัดตายไม่ต้องมาดูใจกัน ผมไม่โกรธเขาแต่มีความเข้าใจในภรรยาผู้อ่อนวัยกว่า คนถูกทอดทิ้งโดยไม่ได้รับการติดต่อมาสองอาทิตย์ย่อมจะหงุดหงิดเป็นธรรมดา ถ้าเขาจะอาละวาดใส่ จะเกลียด มันก็สมควรกับความผิดของผมแล้ว

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
ลงแค่นี้จริงๆเหรอครับ

แบบว่าค้างอะ

 :m29: :m29: :m29:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ค้าง  :a3:  :a3:  :a3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ค้างจริงๆ ด้วย
 :m8:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
คิดผิดคิดใหม่  :m21: :m21: :m21:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
โอ่ มันน่าแค้นใจนัก
ไร้หนทางเอาคืน

 :m16: :m16: :m16:

นางมารร้าย

  • บุคคลทั่วไป
ใกล้จบแล้วค่ะ  เอาใจช่วยตาเฒ่ากันต่อดีกว่าค่ะ

//////////////////////////////////////////////////////////////////

ในที่สุดความคิดถึงก็มีมากกว่าความกลัวว่าควิลล์จะรังเกียจ ผมตัดสินใจโทรไปหาเขา แต่ไม่มีเสียงตอบรับ ผมเรียกไปอีก 4-5 ครั้ง ก็ยังเหมือนเดิม สายว่าง แต่ไม่มีคนรับสาย ผมพยายามคิดในแง่ดีว่าเขาอาจจะยุ่งอยู่ก็ได้ เลยเปลี่ยนใจจะโทรไปหาเขาอีกครั้งตอนกลางคืน

เวลาที่เหมาะคือหลังสองทุ่ม เพราะควิลล์คงจะทานข้าว และทำธุระส่วนตัวต่างๆเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้คงเตรียมจะเข้านอน เพราะเจ้าตัวแสบจะถูกห้ามไม่ให้นอนดึก เพราะต้องไปโรงเรียน ผมลองเสี่ยงโทรหาเขาอีกครั้ง คราวนี้ ควิลล์ปล่อยให้เรียกประมาณ 20 ครั้งกว่าจะรับ สงสัยยังเคืองผมไม่หาย

“ถ้าคิดจะโทรมาอธิบายเอาป่านนี้ ก็ไม่ต้องโทรมา ฉันไม่อยากรับฟังคำแก้ตัวจากปากนาย ไหนๆจะเลิกกันแล้ว ก็ไปให้พ้นๆหน้า อย่าโทรมารบกวนอีก”

ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากอะไร น้ำเสียงฉุนเฉียวทางปลายสายก็ทักทายผมด้วยการว่ากล่าว และตบท้ายด้วยการไล่ส่งก่อนจะวางหู โดยที่ผมไม่ได้ขอโทษหรือแก้ตัวอะไรเลยสักอย่าง แม้จะเตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้ว ว่าจะเจอเจ้าตัวแสบอาละวาดใส่ ทว่าพอเจอเข้ากับสิ่งที่คาดไว้ล่วงหน้าจริงๆ ผมก็อ้ำอึ้ง พูดไม่ออก ปล่อยให้ควิลล์เปิดฉากโจมตีก่อน แล้วก็หนีไปโดยที่ผมยังไม่ทันเอ่ยคำสวัสดีหรือแม้แต่คำลา เขาคงโกรธผมจริงๆ จนไม่อาจจะให้อภัย

พอตั้งตัวได้ ผมก็กดโทรศัพท์หาเขาอีกครั้งหวังจะแก้ตัวใหม่ พูดคุยกับเขาให้รู้เรื่อง แต่เจ้าตัวแสบปิดมือถือ ไม่ยอมพูดคุยกับผมอีก ลองเสี่ยงโทรเข้าบ้านตัวเองดู อยากรู้ว่าเขาอยู่บ้านของผมหรือเปล่า แต่ไม่มีคนรับสาย เป็นไปได้ว่า
ควิลล์ย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านพ่อแม่ของตัวเองแล้ว

ผมลองโทรไปที่บ้านนั้น แต่ก็ไม่มีใครรับสายอีก หรือว่าควิลล์จะตัดการติดต่อกับผมทั้งหมด และห้ามไม่ให้ใครรับโทรศัพท์ เพราะอาจจะเป็นผมที่โทรมา ถ้าเป็นอย่างที่ผมคิด นั่นหมายความว่า ผมคงหมดหวังในการที่จะพูดคุยกับเขาแล้ว

เจ้าตัวแสบคงโกรธผมมากจริงๆ จะโทษใครก็ไม่ได้นอกจากตัวเองที่ก่อเรื่องขึ้น ผมน่าจะพิจารณาให้รอบคอบกว่านี้ แย่จังที่ผมไม่รู้ใจเมียของตัวเอง ยามที่กำลังมีเรื่องเดือดร้อนแบบนี้ เราควรจะหันหน้าปรึกษากัน แล้วช่วยกันฝ่าฟันมันไปให้ได้ ไม่ใช่ทำอวดเก่ง แก้ปัญหาคนเดียวแบบพวกฮีโร่

คิดว่าตนเองสามารถแก้ปัญหาได้ สุดท้ายก็กลายเป็นว่าเรื่องมันแย่ลงเกินกว่าจะแก้ไข นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงที่เราไม่ต้องการ เหมือนผมที่กำลังเผชิญอยู่ ตัดสินใจผิดพลาด ให้โอกาสคนอื่นมาดูถูกตัวเอง แล้วเราก็วิ่งหนีหางจุกตูด นอกจากกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมาไม่ได้ แถมซ้ำเมียยังไม่ปลื้มอีกด้วย

บ่ายวันหนึ่งที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจทำให้ผมต้องนั่งจับเจ่าอยู่ในบ้านพัก ไม่สามารถออกไปท่องเที่ยวตามกำหนดการที่วางเอาไว้ เนื่องจากฝนตกหนักราวกับฟ้ารั่วมาตั้งแต่ตอนเช้า และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง คนนำทัวร์จึงบอกให้เรารออยู่ก่อน หากฝนซาแล้วจึงจะพาไปท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ

หลังจากตัดสินใจเดินออกมาจากชีวิตของควิลล์เพื่อให้เขาได้เรียนต่อโดยไม่มีปัญหากับพวกครูใหญ่ ผมก็ออกไปเผชิญโลกกว้างในประเทศเล็กๆที่ผมรัก ยังมีแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทยอีกมากมายที่ผมยังไปไม่ทั่ว

ผมอยากเรียนรู้อยากศึกษาวัฒนธรรมและความนึกคิดของคนที่นี่ เพื่อจะได้เข้าอกเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของพวกเขามากขึ้น จะได้สามารถอยู่ร่วมกันกับพวกเขาอย่างมีความสุข และไม่ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายจิตใจกันเหมือนที่ผ่านมา

ผมยอมรับว่าเรื่องของควิลล์มีอิทธิพลต่อผมมาก การที่เขาหลบหน้าหลบตาผมไม่ยอมพูดคุยหรือให้โอกาสในการเข้าพบทำให้ผมเสียใจ ผมไม่ได้รับข่าวคราวอะไรจากควิลล์อีกเลย ดูเหมือนพ่อแม่ของควิลล์ก็ร่วมกันปกปิดข่าวเกี่ยวกับลูกชายตัวเองด้วย ผมพยายามติดตามข่าวคราวกับทางโรงเรียน ก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนนัก

เหมือนบรรดาครูจะไม่อยากพูดถึงเรื่องของควิลล์ ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด หรือว่าครูใหญ่จะทำตามที่พูดคือไม่ยุ่งเกี่ยวกับควิลล์ และไม่ให้ข้อมูลอะไรที่จะทำให้เด็กเสียหาย รวมถึงไม่บอกกล่าวเรื่องต่างๆแก่ผมเพราะตกลงกันไว้แล้ว ว่าจะไม่พูดเรื่องเหตุผลของการลาออกของผมให้ควิลล์ทราบ เมื่อไม่รู้อะไรสักอย่าง ผมก็พยายามหาอะไรทำเพื่อที่จะระงับความฟุ้งซ่านของตัวเอง เลยออกเดินทางท่องเที่ยว

และเนื่องจากงบที่มีจำกัด บวกกับความหลงรักประเทศไทย แผ่นดินแม่ของภรรยาสุดที่รักของผม ทำให้ผมวนเวียนท่องเที่ยวอยู่ในนี้ไม่ได้ออกนอกประเทศไปไหน ผมเลือกที่จะท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ เพื่อให้ได้สัมผัสกับชีวิตของผู้คนจริงๆ ได้ใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขา ทานอาหารพื้นบ้าน และร่วมกิจกรรมด้วยกัน แถมยังได้ลงมือทำผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นด้วย มันทำให้ผมรู้สึกสนุก ลืมความเหงา และเลิกคิดถึงควิลล์ไปได้ชั่วขณะ

ทว่าเมื่อต้องมาจับเจ่าอยู่กับตัวเอง ในบ้านอันเงียบเหงา รอเวลาให้ฝนซา ผมก็นึกถึงเจ้าตัวแสบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เดือนหนึ่งแล้วสินะ ที่เราไม่เจอกัน ควิลล์จะเป็นอย่างไรบ้างไม่รู้ ยังโกรธผมอยู่ หรือว่าอภัยให้ผมแล้ว อยากโทรไปหาแต่ไม่กล้า ทำใจไม่ได้หากเขาจะตวาดผมกลับมาอีก ไม่รู้ว่าผมกลายเป็นคนกลัวเมียไปตั้งแต่เมื่อไหร่

ขณะที่ผมกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของผมก็มีเสียงเตือนขึ้นมา บอกให้รู้ว่ามีคนฝากข้อความมาให้ ผมเปิดอ่าน มันถูกส่งมาจากแม่ยายของผม รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมากะทันหัน ไม่รู้ว่าข่าวสารที่ส่งมาจะดีหรือร้าย แต่ที่แน่ๆคงเกี่ยวกับควิลล์ ผมภาวนาอย่าให้มันเป็นเรื่องไม่ดีเลย

“ใครบางคนที่เราสองคนรักกำลังป่วยหนัก ต้องการกำลังใจ ให้รีบมาโดยด่วนก่อนจะสาย”

ถ้อยคำสั้นๆที่ส่งผ่านเข้ามาทางมือถือ ทำให้ผมร้อนใจ ยกเลิกโปรแกรมทัวร์แล้วรีบร้อนขับรถกลับกรุงเทพทันที ควิลล์ไม่ได้อยู่ที่บ้านผมและบ้านเขา แม่บ้านที่แม่ควิลล์จ้างมาบอกว่าควิลล์ขึ้นไปเชียงใหม่กับแม่หลายวันแล้ว พอผมซักต่อด้วยความอยากรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของควิลล์ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรที่จะทำให้สบายใจได้เลย

“คุณหนูไม่สบาย คุณนายเลยมาเอาตัวไป” เป็นคนตอบสั้นๆง่ายๆ ที่ทำให้ผมหวาดวิตก รีบซื้อตั๋วเครื่องบินขึ้นไป
ตามหาเขาที่เชียงใหม่ในวันนั้นทันที ระหว่างที่อยู่ในเครื่องผมก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับเจ้าแสบของผม เขาไม่สบายด้วยโรคอะไรกันนะ ล่าสุดแม่ยายบอกผมว่าควิลล์ไม่ยอมกินข้าวกินปลา เพราะเสียใจกับเรื่องที่ผมหนีหายไป ร่างกายที่อ่อนแอ แถมซ้ำยังถูกทำร้ายจิตใจอย่างแสนสาหัสโดยผมซึ่งเป็นสามี ทำให้เขาต้องล้มป่วยลง หากเขาเป็นอะไรไป ผมจะไม่มีวันยกโทษให้กับตัวเองเลย

โดยไม่ต้องแวะพัก ทันทีที่ถึงสนามบินเชียงใหม่ ผมก็เรียกรถให้ไปส่งที่บ้านแม่ยายทันที โชคดีที่พ่อแม่เขาปลูกบ้านไม่ไกลจากตัวเมืองนัก หาได้ไม่ลำบาก ผมเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่ง ยังพอจะจำทางได้ ทำให้ไม่หลง และไม่ต้องถูกหลอก

แม่ของควิลล์ออกมาต้อนรับผม ทันทีที่เห็นหน้าแม่ยายผมก็ตัดพ้อต่อว่า หาว่าผมใจดำที่ทอดทิ้งลูกของท่านไป โดยไม่สนใจใยดี ไม่ติดต่อ ไม่มาหา จนลูกของท่านคิดมาก ล้มป่วยลง บลา บลา บลา .......พอได้ยินว่าเจ้าแสบป่วยผมก็ไม่สนใจคำพูดประโยคอื่นๆอีก แต่สวนโพล่งถามออกไป ว่าควิลล์เป็นอะไรมากไหม ตอนนี้อยู่ไหน ผมอยากเจอ

แม่ยายเห็นสีหน้าปริวิตกของผม ก็เลยหยุดต่อว่า ยืนมองผม จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะบอกให้ผมเข้าไปดูเองในห้องนอนของเขา ผมเลยขอตัวแล้วรีบขึ้นไปหาเขาด้วยความรีบร้อน

เมื่อเปิดประตูเข้าไป ผมไม่พบควิลล์ในห้องนอน ห้องน้ำก็ไม่มี ทั้งห้องมีแต่ข้าวของระเกะระกะ รกราวกับมีคนมารื้อห้อง ผิดวิสัยคนที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบเจ้าตัวแสบ รู้สึกสงสัยอยู่ครามครันว่าภรรยาผมหายไปไหน แม่ยายผมบอกว่าป่วยหนักก็น่าจะนอนอยู่ในห้องมากกว่าที่จะไปอยู่ข้างนอก หรือว่าเขาเปลี่ยนห้องแล้ว ผมรีบลงบันไดไปข้างล่างไปหาแม่เขา

“ควิลล์ไม่อยู่ในห้องครับแม่ ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน”

“ลองไปดูที่สวนหลังบ้านสิ บางทีน้องอาจจะออกไปนั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำหลังบ้านก็ได้ น้องชอบไปนั่งที่นั่นด้วย ตอนนี้ฝนตกบ่อยๆ น้ำกำลังขึ้น อันตราย”

ผมไม่รอให้แม่ยายพูดต่อ รีบเผ่นแผล็วไปทันที ได้ยินข่าวบ่อยๆว่าเชียงใหม่น้ำท่วมในช่วงสองสามปีนี้ บ้านของ
ควิลล์ด้านหลังติดแม่น้ำ โชคดีที่ตลิ่งสูง ทำให้น้ำท่วมไม่ถึง แต่หากฝนตกติดต่อกันหลายๆวันก็ไม่แน่ ผมนึกเป็นห่วงเจ้าตัวแสบขึ้นมาทันที เขาไม่สบายแค่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังไปนั่งที่ศาลาท่าน้ำอีก หากเวียนหัว มึนงง แล้วตกน้ำตกท่าไป ใครจะเห็น ถ้าป่วยหนักคงจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทำไมถึงไม่ดูแลตัวเองบ้างเลยนะ

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ค้างอ่า   :o11: :o11:
เอาคืนให้เข็ดนะควิลล์ โทษฐานที่ทิ้งกันไป  :m26: :m26:
 :m14: :m14:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
ค้างอย่างแระ รีบมาต่อนะ  :m21:  :m21:


Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ควิลล์อยู่ไหน
 :m15:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
อันนี้มันค้างอย่างแรงนิ  :a5:

ขออ่านต่อหน่อยดิ จึ๋งเดียวก็ได้ นะ นะ  :impress:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ เป็นแผนแม่ยายแน่ ๆ  :m14:  :m14:  :m14:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
ค้างคามากกกกกกกกกกกก  :a6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
นิยายพี่เคท สนุกทุกเรื่องเลยครับ :m4:


มารอลุ้นต่อครับ เพิ่งอ่านวันนี้  วันเดียวเลย ตาลายเลยครับ
 :m10:

นางมารร้าย

  • บุคคลทั่วไป
ร่างเล็กบอบบางนั่งอยู่ที่ศาลาท่าน้ำจริงๆ เขาหันหน้าออกไปยังแม่น้ำ บรรยากาศรอบข้างเริ่มมืดครึ้ม มีลมพัดแรงจนใบไม้ปลิวว่อน ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า เห็นเมฆสีดำเคลื่อนตัวลงต่ำ อีกไม่นานฝนคงตก อันตรายมาก ถ้าควิลล์ยังนั่งอยู่ที่นี่ น้ำอาจจะท่วมศาลา หรือไม่ก็ฝนฟ้าที่ตกหนักอาจจะทำให้เขาเป็นไข้ขึ้นซ้ำเข้าไปอีก

“มาทำไม ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก ในเมื่อทิ้งกันไปแล้ว จะกลับมาหากันทำไม เห็นแล้วปวดใจเปล่าๆ”

เสียงตัดพ้อต่อว่าดังขึ้น จากคนที่นั่งหันหลังให้ ผมรู้สึกประหลาดใจมาก ไม่รู้ว่าควิลล์รู้ได้ยังไงว่าเป็นผม ทั้งๆที่เขาไม่ได้หันมามองเลยแม้แต่น้อย ผมเดินขึ้นไปบนศาลา แต่ทิ้งระยะห่างระหว่างเขากับผมไว้ ยังไม่แน่ใจในอารมณ์ของควิลล์นัก

“แม่บอกว่า เธอไม่สบาย ฉันเลยมาหาเธอที่นี่ เป็นอะไรมากหรือเปล่า”

ถามด้วยความห่วงใย ร่างกายของควิลล์เท่าที่สังเกตดูผอมลงกว่าเดิมมาก หรือว่าเขากำลังป่วยด้วยโรคร้ายแรงจริงๆ

“ถ้าฉันไม่ใกล้ตาย ก็คงไม่มีทางได้เห็นหน้านายสินะ”

ต่อว่าด้วยเสียงขื่นๆ คนพูดยังคงหันหลังให้ผม ไม่ยอมเผชิญหน้า ควิลล์คงโกรธผมเสียแล้ว

“ฉันขอโทษนะ”

ทันทีที่หลุดปากคำว่าขอโทษออกไป ควิลล์ก็ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วหันขวับมามองผม ตาจ้องเขม็ง มือกำแน่น

“ขอโทษแล้วมันได้อะไร ไอ้คนขี้ขลาดตาขาว ไอ้คนโกหก ไอ้คนไม่มีหัวใจ ไหนบอกว่ารักฉัน แล้วทำไมถึงได้หนีฉันไปล่ะ ไหนสัญญาว่าจะไม่ทิ้งกัน ไหนว่าจะดูแลฉันไปตลอด คำพูดของนายมันก็แค่ลมที่พ่นออกมาจากปาก เชื่อถืออะไรไม่ได้ ไอ้คนลวงโลก”

“ขอโทษนะ ที่ฉันดูแลเธอไม่ได้ ฉันมีความจำเป็นจริงๆ จะด่าว่าฉันก็ยอม ”

“มีความจำเป็นอะไร...บอกมาสิ”

ควิลล์ทำน้ำเสียงเยาะหยัน

“...”

ผมได้แต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออก ควิลล์เชิดหน้าขึ้น จากนั้นคำพูดมากมายก็ไหลต่อเนื่องจากปากของเขา มันทำให้ผมรู้ว่าเจ้าตัวแสบคิดอย่างไร เขาก็ไม่ต่างอะไรจากแม่ของเขาเลย ดื้อรั้น และยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองเห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้อง และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ

“ไอ้เรื่องที่ทำเพื่อช่วยให้ฉันได้เรียนต่อที่นั่นโดยไม่ถูกใครกวนเหรอ คิดตื้นจริงๆ ไม่นึกว่าฝรั่งอย่างนายจะมีสมองอยู่แค่นี้ ทำแบบนี้แล้วคิดว่าฉันจะปลื้มหรือไง ฉันไม่ชอบหรอกนะที่นายจะมาปกป้องฉันโดยยอมโดนไล่ออก นายทำแบบนี้เพื่ออะไร อยากให้คนอื่นดูถูกพวกเราซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหรอ ให้พวกนั้นได้ใจ คิดว่าทำถูกใช่ไหม ที่ขจัดคนที่ไม่ชอบขี้หน้าออกไปจากแวดวงของพวกเขาได้ นายยอมทำตามที่เขาบอกก็เท่ากับสนับสนุนคนพาลให้พวกนั้นมีโอกาสทำชั่วได้ต่อไป เพราะไม่มีใครจัดการ นายยอมเพราะถูกขู่เข็ญเรื่องจะถูกเปิดโปงว่าเรามีอะไรกัน ยอมลาออกเพื่อปิดข่าว เท่ากับนายเองก็เชื่อว่าความรักของเกย์ไม่สมควรที่จะกระทำกันอย่างเปิดเผย ต้องหลบซ่อนแบบนี้ไปตลอด อย่างนั้นเหรอ ปฏิเสธตัวตนของตัวเองเพื่อให้สังคมยอมรับ ทั้งที่กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง ฉันโกหกตัวเองไม่ได้หรอก แล้วก็ไม่ชอบลักกินขโมยกินด้วย”

เหมือนควิลล์เองก็รอฟังคำแก้ตัวจากผม เมื่อเห็นว่าผมยังยืนนิ่งอึ้ง ไม่โต้ตอบอะไร ควิลล์ก็ออกอาการฮึดฮัด เขาคงขัดใจที่ผมไม่ยอมบอกให้เขารู้ว่าทำไมผมถึงต้องทำเรื่องแบบนี้

“นายบอกว่ารักฉัน แต่นายไม่ปกป้องฉันแม้แต่น้อย นายมันก็ไอ้พวกขี้ขลาด เกิดเรื่องอะไรขึ้นก็วิ่งหางจุกตูด ถูกเขาล่อหลอกนิดหน่อย ก็เชื่อหัวปักหัวปำว่าเขาจะรักษาคำมั่น นายไม่เคยคิดถึงฉันเลย อยู่ๆก็หนีหาย แล้วมาอ้างว่าทำไปเพราะอยากให้ฉันเรียนจบ บอกแล้วไงว่าอย่ามาคิดอะไรแทนคนอื่น ถามกันก่อนสิ ว่าฉันคิดและรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่คิดเอง ตัดสินใจเองคนเดียว แล้วอย่างนี้ เราจะเป็นครอบครัวกันไปทำไม นายนี่มันเป็นสามีที่แย่มาก ฉันเกลียดนาย ไม่อยากเห็นหน้านายอีกต่อไปแล้ว ไปให้พ้นเลย จะไปตายที่ไหนก็ไป”

โวยวายอาละวาดใส่ผมจนหนำใจแล้ว ควิลล์ก็เดินสวนออกมา เขาตั้งใจจะหนีผม ทว่ายังไม่ทันที่จะก้าวพ้นศาลา ฝนที่ตั้งเค้ามาเมื่อครู่ก็โปรยปรายลงมา และเริ่มแรงขึ้น ผมรีบเดินตามไปดึงตัวเจ้าแสบให้เข้ามาหลบอยู่ในศาลา ไม่อยากให้เขาตากฝนวิ่งเข้าบ้าน

แต่ควิลล์ดื้อดึง สะบัดหนีจากผม แม้ว่าเขาจะตัวเล็กบางไปมากกว่าเดิม แต่ก็ฤทธิ์มากชะมัด ดิ้นรนเตะถีบผมพัลวัน ท่าทางจะเกลียดและโกรธผมมาก เลยไม่อยากอยู่ใกล้ เราเลยยื้อยุดกันกลางสายฝน เปียกปอนด้วยกันทั้งคู่ ในที่สุดเจ้าตัวแสบก็ดิ้นหลุดจากผมไปได้ เขาวิ่งเข้าบ้านทันที

“โอ๊ย....”

เสียงร้องดังแทรกผ่านเสียงฝนที่ตกราวกับฟ้ารั่ว ผมถลาไปยังจุดที่ควิลล์ล้มลงทันที เจ้าตัวดีวิ่งสะดุดขาตัวเอง ท่าทางเขาอ่อนแรงยืนแทบไม่ไหว แล้วยังจะวิ่งหนีผมอีก

“ดื้อแล้วเป็นไงเนี่ย ไม่เชื่อกันเลย เปียกหมดแล้ว ไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ”

ผมดุเขาแล้วถือวิสาสะอุ้มควิลล์ขึ้นมา เจ้าตัวแสบเตะถีบผมพัลวัน แต่ดูป้อแป้ไร้เรี่ยวแรง ผมเลยสามารถอุ้มเขาเข้าบ้านได้ไม่ยากนัก แม่ยายของผมตกใจที่เห็นเราสองคนเปียกฝนเข้ามา รีบบอกให้พาเจ้าตัวแสบขึ้นห้อง

ผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกนำมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวควิลล์ทันที เด็กดื้อ ดิ้นหนี เตะถีบผมเปะปะ มือไม้ไม่มีกำลังวังชา แต่ผมก็สามารถจับเขาถอดเสื้อผ้าที่เปียกๆออก เช็ดตัวให้แห้ง แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ให้เขาได้ จากนั้นก็อุ้มเขานอนลงบนเตียง แล้วส่งต่อให้แม่เขาดูแล ขณะที่ผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

ตอนที่กลับออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นควิลล์หลับไปแล้ว แม่ยายของผมบอกว่าควิลล์ตัวร้อนมาก ไม่สบายมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังดื้อชอบหนีออกไปนอกห้อง วันนี้ก็ไปเจอฝนอีก เลยไข้ขึ้น

“รั้นไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเลย ชอบทำว่าเก่งนัก ทั้งที่ไม่ค่อยแข็งแรง ควิลล์เป็นแบบนี้ เจฟยังคิดจะทิ้งน้องไปไหนนานๆอีกไหมลูก”

ผู้เป็นแม่ตั้งคำถามเอากับผม

“ไม่แล้วครับแม่ ผมไม่ไปไหนอีกแล้ว ที่ผ่านมาผมทำผิดกับเขา ตอนนี้ผมจะดูแลเขาอย่างดี และทำทุกอย่างให้ควิลล์หายโกรธครับ”

พูดให้คำมั่นกับแม่ยายเพื่อให้ท่านสบายใจ ถึงยังไงผมก็หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไปไม่ได้ ผมเป็นสามีของควิลล์ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะเกลียดชังเหม็นหน้าผมก็ตาม ผมทำพลาด ที่ทอดทิ้งเขาด้วยคิดว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาของเราได้ แต่มันกลับไปทำร้ายควิลล์ทางอ้อม เขาป่วยทางใจและส่งผลมาทางกายเพราะผม ดั้งนั้นผมต้องทำให้เขากลับคืนสู่ภาวะปกติให้ได้

“ได้ยินแบบนี้แม่ก็ดีใจ งั้นแม่ฝากลูกชายของแม่ไว้ให้เจฟดูแลตามเดิมนะ ตอนนี้เขากำลังโกรธอยู่ อาจจะงอนแล้วทำตัวเกเรกับเรา ก็ขอให้อดทนเอาไว้ แม่เชื่อว่าลูกสองคนหัวใจตรงกัน ถ้าเจฟพยายามทำให้น้องเห็นว่าเจฟรักเขามากแค่ไหน เจ้าเด็กดื้อของแม่ก็คงจะใจอ่อน แล้วกลับมาทำตัวดีๆกับเจฟเหมือนที่เคยเป็น”

แม่ยายของผมให้กำลังใจ ทำให้ผมรู้สึกโล่งอก ตอนแรกเห็นท่าทางฉุนเฉียวของแม่ควิลล์ ผมก็คิดว่าตัวเองโดดเดี่ยว คงไม่มีหวังจะกลับมาคืนดีกับควิลล์อีกแล้ว แต่เมื่อแม่ของเขาไฟเขียวให้แบบนี้ ทางก็สะดวกขึ้น เหลือแค่การจัดการให้คนที่นอนป่วยอยู่ยอมคืนดีกับผมเท่านั้น

“ทานข้าวหน่อยนะ หลังจากนั้นค่อยทานยา จะได้หายไวๆ”

ช้อนข้าวต้มถูกยื่นมาถึงปากคนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง ควิลล์เม้มปากแน่น มองผมตาขุ่น แต่ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ ยังคงพยายามป้อนข้าวป้อนน้ำเขาต่อไป

“อย่าดื้อสิ ป่วยอยู่แบบนี้ จะมีแรงด่าฉันได้ไงล่ะ ทานเยอะๆ จะได้หาย แล้วค่อยมาด่าต่อ”

หยอกล้อเขาขำๆ หวังคลายความเครียดที่อยู่ในใจเขา

“ถ้าฉันจะด่านะ ต่อให้ป่วยแค่ไหน ฉันก็สามารถด่าได้ แบบนันสต๊อปด้วย แต่นี่ไม่อยากด่า เสียปาก ด่าแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เหมือนหอกยาวเท่าใบพาย แทงหูควาย ทะลุหูหมา”

แหม เล่นแรงจังเลยนะ ภรรยาผมนี่ แสบแรงไม่ตกเลยจริงๆ ผมไม่โกรธเขาแม้แต่น้อย คนทำผิด ก็ต้องโดนโกรธแบบนี้แหละ แต่ผมอยากให้เข้าใจผมมากกว่า

“งั้นเอาเลย อยากด่าก็เชิญ ฉันไม่ว่า ไม่โต้ตอบด้วย ฉันทำผิดต่อเธอจริงๆ ที่ทิ้งเธอไป ฉันมันโง่ คิดว่าถ้าทำแบบนี้แล้วมันจะทำให้เธอมีความสุข ฉันแค่ไม่อยากให้เธอมีปัญหากับทางโรงเรียน ไม่อยากให้ใครไปรบกวนทำให้เธอเรียนไม่ได้ เธอยังมีอนาคตอีกยาวไกล ส่วนฉันน่ะ ถึงไม่สอนที่นั่น ฉันก็ยังไปสอนที่อื่นๆได้ ขอแค่เธอมีความสุข ฉันก็พอใจแล้ว”
“ควิลล์ ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจมากที่ฉันทิ้งไปโดยไม่บอกลาสักคำ แล้วฉันก็ไม่อยากแก้ตัวด้วย เพราะ ตอนนี้พูดอะไรออกไป เธอก็คงไม่ฟังฉัน แต่ขอให้รู้ไว้นะควิลล์ ฉันรักเธอ ฉันทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข คนเรามันมีวิธีคิดไม่เหมือนกัน ฉันคิดว่าวิธีนี้คงช่วยได้ แต่เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ ฉันก็รู้ว่าฉันคิดผิดไปจริงๆ ขอโทษด้วยนะ”

ไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปจะทำให้ควิลล์เข้าใจหรือเปล่า แต่ถ้าไม่พูดผมคงอึดอัดใจตายแน่ ควิลล์หันหน้ามาหาผม น้ำตาคลอเบ้า คิ้วขมวดหัวกัน ปากเม้มแน่นเหมือนคนที่พยายามกลั้นสะอื้น เห็นเขาเป็นแบบนี้แล้ว ผมก็อดสะเทือนใจไม่ได้ ต้องวางข้าวที่ถือในมือลง แล้วดึงเขาเข้ามากอด

“อย่าร้องไห้นะคนดี ฉันผิดจริงๆ ฉันจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว จะไม่ทิ้งเธอไปไหน ฉันสัญญา ถ้าเธอให้โอกาสฉันแก้ตัวอีกสักครั้ง ฉันก็จะดูแลเธอให้ดีที่สุด”

เจ้าตัวแสบของผมยังคงเงียบเสียงอยู่ แต่เสื้อของผมเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา ตัวของควิลล์สั่นระริกด้วยแรงสะอื้น ผมเอามือข้างหนึ่งลูบศีรษะเขาอย่างปลอบโยน

“อย่าร้องสิ ควิลล์ตัวจริงไม่อ่อนแอไม่ใช่เหรอ ฉันเคยเห็นแต่เด็กเข้มแข็ง ไม่กลัวใคร ปากเก่ง เถียงหัวชนฝา คนนั้นน่ะไม่ร้องไห้ให้ใครเห็นง่ายๆ เขาไปไหนแล้วล่ะ หรือเขายอมแพ้ไปแล้ว นายรู้จักเขาไหม ช่วยบอกเขาที ว่าฉันคิดถึงเขา อยากให้เขามาด่าฉันอีก ไม่ได้ยินเขาด่า มันเหงาหูพิกล”

ผมพูดเสียงหยอกเย้าพลางลุ้นระทึกว่าคนในอ้อมกอดจะแสดงปฏิกิริยาแบบไหน สักพัก ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมา

“คนบ้า มีแต่คนเขาชอบความสงบ นี่กลับชอบเสียงด่า จะบ้าหรือไง”

ได้ยินเขาแหวใส่แบบนั้น ผมก็ใจชื้นจนต้องยิ้มออกมา เจ้าตัวแสบพูดกับผมแล้ว แถมยังหัวเราะขำผมอีกด้วย ผมคงมีหวังที่จะได้กลับมาคืนดีกับเขาอีก

“อืม ฉันคงบ้าไปจริงๆ นั่นแหละ ไม่รู้สิ ได้ยินเสียงด่าแสบแก้วหู มันชวนให้รู้สึกว่าเธอช่างเป็นเด็กสุขภาพแข็งแรง และร่าเริงดี ใครล่ะ จะด่าคนได้ทุกวันโดยไม่หมดแรงเสียก่อน แถมซ้ำยังสู้คน ไม่ยอมพ่ายแพ้ง่ายๆ คนแสบซ่าส์แบบเธอไม่ใช่ว่าจะเจอได้บ่อยๆ อยู่ด้วยแล้วฉันมีความสุขมากที่สุดเลย”

กระซิบบอกเขาให้ใกล้หูที่สุด ควิลล์จะได้ได้ยินชัดเจน คนดื้อทุบหน้าอกผมเสียแรง ก่อนจะด่าเสียงดัง

“ตาแก่บ้า โรคจิตหรือไง สงสัยชอบความรุนแรง ฉันไม่ใช่พวกชอบทำร้าย ระรานคนอื่นนะ เห็นฉันเป็นแบบนั้น
เหรอ เออดี ต่อไปนี้จะไม่พูดดีด้วยแล้ว จะด่าทุกวันเลย”

“แหม ไม่ได้หมายความแบบนั้น คำพูดเพราะๆก็ชอบ จะด่าก็ไม่ว่า เพราะฉันรู้ว่าเธอไม่ได้หมายความตามที่พูดจริงๆหรอก เธอน่ะปากกับใจไม่ตรงกัน ด่าฉันปาวๆ แต่ที่จริงก็รักและห่วงใยฉันใช่ไหม”

ทำน้ำเสียงล้อเลียนใส่เขา รู้สึกสนุกที่จะยั่วเย้าเจ้าตัวแสบที่อยู่ในอ้อมกอด บรรยากาศเดิมๆเริ่มกลับมาแล้ว

“ไม่ใช่สักหน่อย ด่าเพราะรำคาญคนแก่ต่างหาก”

ควิลล์โวยวาย แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้ว ไม่พบความโกรธเกลียดอยู่ในนั้น มันทำให้ผมใจมาเป็นกอง และใจกล้าถึงขนาดก้มลงไปจูบหน้าผากเนียนของคนที่เฝ้าคิดถึงมาตลอด 1 เดือน

น่าแปลกที่เจ้าตัวดีไม่ดิ้นหนี กลับยอมให้ผมจูบโดยดี นี่ผมคิดไปเองหรือเปล่ากันนะ ผมว่าควิลล์ก็คงมีใจให้ผมเหมือนกัน เขาจึงไม่มีทีท่ารังเกียจเมื่อผมแตะต้อง

“หายโกรธฉันแล้วใช่ไหมคนดี ถ้างั้นเรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ”

กระซิบข้างหูเสียงหวาน ควิลล์ไม่ตอบ ได้แต่นิ่ง จนผมชักสงสัย อยากรู้ว่าเขาคิดอย่างไรกันแน่ จึงเอามือดันคางของเขาให้เงยแหงนขึ้นสบตาผม ก็เห็นคราบน้ำตาที่แห้งเหือดเปรอะใบหน้า กับสีแดงๆบนแก้มใส มีรอยยิ้มเอียงอายระบายที่ปากนุ่มน่าจูบนั่น

“ถ้าไม่ตอบให้ชื่นใจ จะจูบจนกว่าจะบอกนะ”

แกล้งขู่คนขี้งอน ได้ผล ควิลล์ตาเหลือก รีบพยักหน้าทันที ผมยิ้มอย่างพึงพอใจ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ผมต้องการ นึกว่ามันจะยากกว่านี้ ไม่คิดว่าควิลล์จะคืนดีกับผมง่ายๆ ระยะเวลาที่ห่างกันหนึ่งเดือนเขาคงได้รับความทุกข์ทรมานใจไม่แพ้ผม และไม่อยากที่จะเจ็บปวดกับมันอีก

“ขอบคุณมากนะควิลล์ ที่เธอไว้วางใจฉัน ให้โอกาสฉันดูแลตัวเธอต่อไปอีก ฉันสัญญานะว่า ฉันจะเป็นสามีที่ดีของเธอ จะไม่ทำให้เธอต้องมีน้ำตา เธอจะไม่มีวันผิดหวังในตัวฉันอีก”

คำมั่นสัญญาที่ผมให้ไว้กับควิลล์มันออกมาจากใจของผม ที่ผ่านมาผมทำพลาดไป เมื่อเริ่มต้นใหม่แล้ว ผมจะไม่มีวันผิดซ้ำเดิมอีกคนในอ้อมกอดของผมหยุดร้องไห้แล้ว ใบหน้าระบายด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข เขายอมทานข้าวทานยาที่ผมป้อนให้โดยไม่เกี่ยงงอน จากนั้นควิลล์ก็ตั้งคำถามเอากับผมว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ผมหายไปไหน ไปทำอะไร ทำไมไม่มาหาเขา คิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า

ผมตอบคำถามของควิลล์โดยไม่รู้จักเบื่อ เล่าให้เขาฟังว่าผมไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง รวมถึงความสนใจที่จะทำโฮมสเตย์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเมืองไทย ผมบอกกับควิลล์ว่าคงไม่ได้กลับไปสอนแล้ว เขาถามว่าเป็นเพราะเขาหรือเปล่าที่ทำให้ผมตัดสินใจจะยุติอาชีพการเป็นครู ผมปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกัน

1 เดือนกับการตระเวนเที่ยวไปตามหมู่บ้านต่างๆ ทำให้ผมค้นพบว่ามีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าการเป็นครู คือการดึงเอาวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของประเทศที่ผมรัก มาเผยแพร่ให้ชาวโลกได้รู้จัก ผ่านการท่องเที่ยว หากผมสามารถทำธุรกิจนี้สำเร็จ ก็จะมีการกระจายรายได้เข้าสู่หมู่บ้านหลายทาง

พืชผักผลไม้ขายได้ รวมถึงสินค้าอุตสาหกรรมในครัวเรือน ก็จะสามารถอวดโฉมโชว์นักท่องเที่ยว ให้ได้เห็นกันว่าเมืองไทยมีของดีอะไรบ้าง เจ้าตัวเล็กนอนฟังผมเล่าตาแป๋ว ส่วนผมก็เล่าอย่างเมามัน พอหันมาอีกทีก็เห็นควิลล์นอนหลับคอพับอยู่กับหมอนไปแล้ว

สงสัยพิษไข้เล่นงานจนทำให้เขาอ่อนเพลียถึงขนาดหลับไป ควิลล์ร่างกายอ่อนแอ อากาศเปลี่ยนแปลงหน่อยก็ไม่สบาย ตั้งแต่รู้จักกันมา เขาป่วยบ่อยมาก แต่ความที่เป็นเด็กใจแข็ง ทำให้เขาใช้ชีวิตร่าเริงเป็นปกติเหมือนกับคนสุขภาพดี ไม่โอดครวญให้เห็น

เพราะเขาเป็นแบบนี้ ผมถึงต้องสัญญากับตัวเองว่าจะคอยดูแลเขาไปตลอดชีวิต เจ้าเด็กเกเรของผม จะต้องเติบโตแข็งแรงทั้งกายและใจ เราสองคนจะครองรักร่วมกันอย่างมีความสุข

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ในที่สุด...ความรักก็ชนะทุกสิ่ง
 :a2:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
เอาใจช่วยต่อไป  :a9:  :a9:

OhhO16

  • บุคคลทั่วไป
ดีจัง  เย้ๆๆๆ :m3:

ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
ในที่สุด  :give2: :give2: :give2:

นางมารร้าย

  • บุคคลทั่วไป
ตอนจบแล้วน๊า

///////////////////////////////

เสียงที่ได้ยิน และ กลิ่นหอมยั่วน้ำลายที่ลอยเข้ามาในจมูก ทำให้ผมตื่นขึ้นมา กวาดตาไปข้างตัวก็เห็นเพียงที่นอนที่มีรอยบุ๋มเป็นรูปตัวคน แต่เจ้าของร่างหายไปแล้ว เดาได้ไม่ยากเลยว่าคนที่อยู่ข้างผมเมื่อคืนนี้ ลุกไปทำหน้าที่ภรรยาอยู่ในครัวแล้ว ผมเดินตามเสียงและกลิ่นไปทันที ภรรยาสุดที่รักของผมกำลังยืนทำกับข้าวง่วนอยู่

“ตื่นเช้าจริงเมียฉัน ทำกับข้าวมากมาย จะเลี้ยงใครกันเหรอ”

พร้อมกับคำพูด ผมก็สอดแขนไปโอบรอบลำตัวของควิลล์ แล้วจูบเข้าที่ซอกคอขาวเนียน เจ้าตัวแสบทำคอย่น แล้วดุผม

“นี่อย่ามารุ่มร่ามนะ ตาลุงเฒ่า เดี๋ยวแม่มาเห็นจะล้อเอา ว่าฉันมีแฟนหื่นไม่เลือกที่”

“แม่ไม่ว่าหรอก แม่เชียร์จะตาย ไม่งั้นจะจับเธอแต่งงานกับฉันเหรอ”

ดุมาก็หยอกล้อไป ได้จูบเมียแล้วผมก็เลยอารมณ์ดี ตอนนี้ควิลล์อนุญาตให้แค่กอด จูบลูบคลำภายนอกเท่านั้น ทำไงได้ล่ะ ผมสัญญาว่าจะทำหน้าที่สามีทางพฤตินัยเมื่อเขาเรียนจบ ผมก็ต้องทนรอ ขืนทำเกินกว่าที่รับปากไว้ ผมจะไม่ได้แตะต้องเขาอีก เหลืออีกแค่สองปีเท่านั้น เราสองคนก็จะเป็นหนึ่งเดียวกัน ผมตั้งตารอวันนั้นมาถึงอย่างอดทน

“แม่คิดผิดน่ะสิ ไม่คิดว่าลูกเขยจะบ้ากามถึงขนาดนี้”

เจ้าตัวแสบต่อว่าผมกลั้วเสียงหัวเราะ ท่าทางไม่ได้โกรธที่ผมฉวยโอกาสจูบเขา ผมเลยได้ใจจูบที่แก้มเขา และดูดที่ซอกคอนุ่มอย่างมันเขี้ยว

“ก็ลูกของแม่ น่ากินนี่นา น่ารักน่าหม่ำขึ้นทุกวันจนไม่อยากจะอดใจรอแล้ว อีกตั้งสองปีแน่ะ จะอดใจไม่ไหวแล้วนะ อยากกินเธอซะตรงนี้ เวลานี้เลย”

แสร้งทำเสียงหื่นๆ ควิลล์หัวเราะเบาๆ คงจะรู้ว่าผมไม่ทำจริงแค่แหย่เขาเล่นก็เลยนึกขำ

“หิวนัก ก็มาช่วยกันทำกับข้าวเลย วันนี้จะทำอาหารเหนือให้ทานนะ นายยังไม่เคยกินไม่ใช่เหรอ รับรองนายต้องติดใจแน่ๆเลย”

“อาหารเหนือ อร่อยเหมือนหนุ่มเหนือหรือเปล่าล่ะ อยากกินทั้งสองอย่างเลยได้ไหม”

ผมทำหน้าหื่นๆประกอบคำพูด แล้วก็แกล้งทำเป็นมือปลาหมึกยักษ์ไต่ไปตามตัวเขา ควิลล์เอามือข้างที่ถือทัพพีเคาะเข้าที่หลังมือผมแรงพอควร ผมรีบชักมือกลับ เจ้าตัวแสบหัวเราะก๊าก

“กินน้ำพริกหนุ่มไปก่อนแล้วกัน”

พูดจบก็ใช้แคปหมูจิ้มอาหารที่เขาเรียกว่าน้ำพริกหนุ่มยื่นมาให้ผม ทั้งสีทั้งกลิ่นก็บอกให้รู้ว่ามันต้องเผ็ดแน่ๆ ผมส่ายหน้าไม่ยอมกิน เจ้าตัวแสบเลยเอาแคบหมูคาบใส่ปาก และยื่นด้านที่มีน้ำพริกออกมาพลางโอบแขนไปรอบคอผม และเขย่งตัวขึ้น

ชวนเชิญให้จูบแบบนี้เหรอ เอาวะ ยอมตาย ต่อให้เผ็ดจนปากเจ่อ ผมก็จะจูบคนที่กำลังยั่วอยู่นี้ให้ได้ ให้รู้กันไปว่าผมก็แน่เหมือนกัน

โดยไม่รอช้า ผมใช้สองมือประคองใบหน้าของควิลล์ให้ตั้งรับในท่าที่เหมาะสมจากนั้นก็อ้าปากฉกน้ำพริกหนุ่มจากปากเขาและเคี้ยวกลืนลงคออย่างรวดเร็ว รสชาติมันเผ็ดสะใจจริงๆ จนผมแทบน้ำตาไหล แต่ผมไม่มีเวลาห่อปาก หรือร้องขอน้ำมาดับความเผ็ด บ่อน้ำบ่อน้อยสีชมพูตรงหน้า มันชวนลิ้มมากกว่า ผมประกบปากเจ้าเด็กซ่าส์ทันที

จริงอย่างที่ผมคิด น้ำในบ่อน้อยสีชมพูที่ผมกำลังบดขยี้อยู่นี้ มีรสชาติหอมหวานชื่นใจ ผมลิ้มรสของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ปากของเราบดเบียดกันจนรู้สึกร้อนวูบวาบ ไม่แน่ใจเพราะน้ำพริกที่ทานเข้าไป หรือความเร่าร้อนของเพลิงพิศวาสกันแน่

ในเวลาไม่นานนัก เจ้าหนูอ่อนหัดก็อ่อนระทวยในอ้อมแขนของผม ปล่อยให้ผมจูบเขาตามอำเภอใจ สมน้ำหน้านัก ใครใช้ให้มาท้าทายแบบนี้ ไหนๆก็ได้โอกาสแล้ว ผมไม่ปล่อยง่ายๆหรอก อย่างน้อยๆก็ต้องจูบให้หายอยากเสียก่อน

กว่าจะถอนจูบออกมาได้ ก็เล่นเอาผมกับควิลล์ปากบวมเจ่อไปตามกัน เจ้าตัวแสบยังยืนทำตาลอย จนผมต้องหัวเราะออกมาดังๆ เขาถึงตื่นจากภวังค์ แล้วหันมาทำตาเขียวใส่ผม

พอเห็นว่าผมยังหัวเราะไม่หยุดเขาก็เอาขาหมูที่วางอยู่บนโต๊ะตีผมแต่ไม่แรงนัก พร้อมทั้งไล่ให้ไปเลาะเอากระดูกออกจากขาหมู ก่อนจะไปทำตามคำสั่งเมีย ผมแอบหอมแก้มเขาเร็วๆอีกครั้ง แล้วเผ่นแผล็วไปยืนที่มุมโต๊ะทำอาหาร ห่างจากเขาประมาณ 4-5 กล่าว ควิลล์ทำปากยื่น และต่อว่าผม

“คนลามก ตาแก่ตัณหากลับ”

“ก็ทำกับเมียคนเดียวนี่แหละ อยากยั่วทำไมล่ะ คนเราก็ตะบะแตกเป็นเหมือนกันนะ”

ผมทำหน้าทะเล้นใส่เขา เดี๋ยวนี้ผมชักเริ่มเก่งในการต่อกรกับควิลล์แล้ว เจ้าหนูจอมแสบหน้าคว่ำ แหวใส่ผม

“ไม่ได้ยั่วโว้ย แค่จะแกล้งให้นายกินของเผ็ดเท่านั้นแหละ”

“แต่ไม่สำเร็จใช่ไหม เป็นไงล่ะ เลยปากเจ่อเหมือนกันเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”

ตอบกลับแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี รู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเมียตัวเองบ้าง เอาคืนที่เขาชอบรังแกผม ได้เห็นควิลล์หงุดหงิดก็รู้สึกเป็นสุข เขางอนได้น่ารักดีจริงๆ

“พอแล้ว ไม่ทำอาหารให้กินแล้ว”

คนเกเรทำท่าจะเดินหนีออกจากครัว ผมรีบเดินเข้าไปสกัดกั้น แล้วดึงเขามากอดเอาไว้ แล้วโยกตัวไปมาทำเหมือนปลอบเด็ก

“โอ๋ๆ อย่างอนสิ พี่แค่ล้อเล่นเองนะครับ ทำกับข้าวต่อเถอะ พี่อยากกินแล้วนะ อาหารเหนือที่เมียทำต้องอร่อยแน่ๆเลย อยากกี๊น อยากกิน”

“ใครเป็นน้องนายกัน อย่ามาตู่”

ควิลล์ถามเสียงห้วน

“ไม่ให้เรียกตัวเองว่าพี่ งั้นเดี๋ยวจะเรียกแทนตัวเองว่าผัวจ๋า กับ เมียจ๋านะ แบบนี้ฟังแล้วรับรองระคายหูมากกว่าคำว่าพี่เสียอีก หรือจะเปลี่ยนดี แบบไหนจ๊ะที่เมียจ๋าต้องการ”

แกล้งแหย่เขาเล่นขำๆ ควิลล์หน้าแดงจัด ด้วยความอาย โวยวายใส่ผมเสียงดัง

“พอเหอะ พี่ก็พี่ ไอ้เฒ่าบ้า ลามก ไอ้ผู้ใหญ่ชอบแกล้งเด็ก”

“เพราะรักดอกจึงหยอกเล่น ไม่เคยทำกับใครเลยนะ ทำกับเมียคนเดียวเลย”

ทำเสียงหวานใส่เขา และเล่นหูเล่นตาแพรวพราว เจ้าตัวแสบใช้ข้อศอกถองพุงผม แล้วดิ้นหนี พอหลุดได้ก็ตะโกนด่าผมเสียงดังว่าไอ้บ้า แต่ก่อนที่ห้องครัวจะกลายสภาพเป็นสนามมวย เพราะควิลล์ท้าตีท้าต่อยกับผม กรรมการก็เข้ามาห้ามเสียก่อน

“ควิลล์ ทำตัวไม่น่ารักกับพี่เขาอีกแล้วนะ พูดกับพี่เขาไม่เพราะเลย เดี๋ยวพี่เขาน้อยใจก็หนีเราไปอีกหรอก คนเป็นเมียน่ะ ทำตัวเรียบร้อย เอาใจสามีสิ เขาจะได้รักได้หลง ไม่ไปมีคนอื่น”

เอาล่ะสิ แม่ยายเข้าข้างผมแบบนี้ ผมก็ได้เปรียบควิลล์ล่ะ ดีเหมือนกัน หากมีคนเข้าข้างผมเยอะๆ ควิลล์จะได้ละพยศทำตัวเป็นภรรยาที่น่ารักของผมเสียที

“แม่ฮะ ไม่ทันไรก็รักคนอื่นมากกว่าลูกตัวเองแล้วนะ แทนที่จะเข้าข้างลูก กลับมาว่าอีก”

เจ้าตัวแสบงอนแม่ป่องๆ จนผมต้องหันหน้าไปซ่อนยิ้ม ขำเจ้าตัวดี ที่ตอนนี้ไม่มีพวกแล้ว เขามองผมตาเขียวปั๊ด อ่านตาก็รู้ว่าเขาอาฆาตผมแบบฝากไว้ก่อน ผมหัวเราะในใจ จะเอาคืนเมื่อไหร่ก็บอก ผมไม่กลัว ตอนนี้รับมือกับเจ้าแสบได้แล้ว เขาเริ่มจะแพ้ทางผมทุกวัน รังแกผมไม่ได้อีกต่อไป

“แม่แค่ไม่อยากให้ทะเลาะกันต่างหาก พี่เขาก็ทำเพื่อเราทุกอย่างนะ เขารักลูกถึงขนาดนี้ จะไปทำร้ายจิตใจเขาทำไมล่ะ”

แม่ยายผมดุลูกชายตัวเองเสียงเข้ม ควิลล์ทำหน้าจืดจ๋อยที่ถูกว่าต่อหน้าผม ได้เวลาที่พระเอกจะขี่ม้าขาวมาช่วยนางเอกแล้ว ผมกระโดดออกไปปกป้องเจ้าหญิงจอมแก่นของผมทันที

“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมชอบที่ควิลล์เป็นแบบนี้ครับ เป็นตัวของตัวเอง ซ่าส์ แต่น่ารักดี ถ้าเรียบร้อย เหมือนผ้าพับไว้ ผมอาจจะไม่ชอบก็ได้ครับ”

“ให้ท้ายน้องเรื่อย จนเกเรใหญ่แล้ว แต่เอาเถอะ ถ้าชอบแบบนี้แม่ก็ไม่ว่า รับมือเจ้าแสบนี่ให้ได้ก็แล้วกัน อ้อ ลืมไปมัวแต่ห้ามทัพ แม่จะบอกว่า ครูใหญ่ชินวิทส์ ที่เป็นเจ้าของโรงเรียนที่ควิลล์จะไปเรียนต่อเขากำลังจะเดินทางมาถึงบ้านเราอีก 2 ชั่วโมงนะ รีบทำกับข้าวไว้รอท่าเขาเลย จะได้ร่วมรับประทานอาหารกับท่านด้วย ทำอะไรไว้บ้างล่ะ”

ดุผมเสร็จ ก็หันมาถามเจ้าตัวแสบ ควิลล์สาธยายรายชื่ออาหารที่จะทำในเช้าวันนี้ แต่ละอย่างที่บอกมาแค่เห็นชื่อ ก็น่าอร่อยแล้ว
“แกงฮังเล น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว ตำขนุน และลาบหมู ครับแม่”

“อือ ทำให้สุดฝีมือเลยนะ แม่คุยเอาไว้เยอะว่าลูกแม่ทำอาหารอร่อย แล้วเจฟก็จะได้ทานอาหารเหนือสมใจอยากเสียที อย่าลืมช่วยน้องทำกับข้าวนะ”

“คร้าบผม”

ด้วยเวลาที่มีจำกัดแค่เพียงสองชั่วโมง ทำให้ผมกับเขาต้องช่วยกันทำอาหาร โดยผมเป็นลูกมือ อาหารทุกอย่างสามารถทำเสร็จตามกำหนดเวลา เหลือเพียงแกงฮังเลเท่านั้น ที่จะต้องมีการหมักเนื้อหมูสี่ชั่วโมง และใช้เวลาในการปรุงอีกเกือบสองชั่วโมง

ควิลล์เลยตัดสินใจว่ามื้อนี้จะตัดแกงฮังเลไป เปลี่ยนเป็นอาหารชนิดอื่นแทน ส่วนแกงจะเอาไว้ทานกันตอนเย็น

ครูใหญ่ชอบใจกับข้าวฝีมือของควิลล์มากเอ่ยชมไม่ขาดปาก ผมเลยพลอยปลื้มใจไปด้วยที่มีเมียทำกับข้าวเก่ง เจ้าตัวแสบยิ้มหน้าบาน ดูเหมือนการทำอาหารเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานอย่างหนึ่ง

ควิลล์มีความสุขมากเมื่อได้อยู่ในห้องครัว เขามักจะหมกตัวอยู่ในนั้นยามว่าง และทดลองทำอาหารตามตำรับตำรา รวมถึงคิดค้นสูตรการปรุงอาหารใหม่ๆ โดยผู้ที่เป็นหนูทดลองคือผม

ชักเริ่มเห็นอนาคตตัวเองกับควิลล์รำไรแล้ว เขาคงเป็นกุ๊กมืออาชีพในวันข้างหน้า ส่วนผมก็คงเป็นตาแก่อ้วนพุงห้อย น้ำหนักตัวเข้าหลักร้อยกิโล เพราะผมหลงรักฝีมือการทำอาหารของเขามาก จนต้องกินจนหมดทุกครั้ง สงสัยต้องหาเวลาว่างไปลดน้ำหนักเสียแล้ว เมียจะได้ไม่ทิ้ง

“จะไม่กลับไปเรียนที่กรุงเทพจริงๆเหรอ”

หลังจากที่เก็บความสงสัยไว้ตลอดวัน ผมก็สบโอกาสที่จะถามเขาในยามค่ำคืนเมื่อเราอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ควิลล์หายป่วยมาได้อาทิตย์หนึ่งแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้กลับลงไปเพื่อเรียนหนังสือ ทั้งที่ยังไม่ปิดภาคเรียนเลย โรงเรียนก็เปิดตามปกติไม่ได้มีวันหยุดหรือมีกิจกรรมพิเศษอะไร

ตอนแรกผมไม่ได้ถามเพราะเข้าใจว่าเขายังป่วย เลยไปเรียนไม่ไหว แต่เมื่อเขาหายดีก็ไม่เห็นเขาไปเรียน แม่ยายก็ไม่ได้กังวลใจที่ลูกชายเกเร แถมซ้ำวันนี้ แขกที่แม่ยายผมเชิญมาร่วมโต๊ะทานข้าว ก็คือครูใหญ่ รร.เอกชนแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ที่เป็นเพื่อนสนิทกันอีก จากการฟังพวกเขาพูดคุยกัน ก็ได้ความว่าควิลล์จะย้ายมาเรียนที่โรงเรียนของเขา เป็นการย้ายมากลางเทอมเสียด้วย

”ฮือ ไม่มีนายอยู่ที่โน่น ฉันก็ไม่รู้ว่าจะไปเรียนทำไม”

โหย..... ผมรู้สึกดีนะเนี่ย ที่ได้ยินประโยคนี้จากปากเขา แต่ผมจะมามัวแต่ชื่นใจไม่ได้ เพราะควิลล์กำลังทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง วิญญาณครูสิงสู่ตัวผมทันที

“ไม่ได้นะ ลาออกกลางคันได้ไง เธอเก็บคะแนนจากที่เก่าไว้ตั้งเยอะ เรียนที่ใหม่ก็ต้องเริ่มต้นใหม่นะ ไม่เสียดายหรือยังไง”

“จะต้องไปเสียดายอะไรกันล่ะ ฉันไม่ได้หยุดเรียนเป็นปี แล้วมาเริ่มต้นใหม่ซะหน่อย ก็แค่โอนย้ายที่เรียนเท่านั้น”

ควิลล์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่ได้ตื่นตูมตามผมไปด้วย

“อุตส่าห์เรียนกรุงเทพมาตั้งหลายปี ออกมาแบบนี้ไม่กลัวความรู้ที่ได้รับมันจะเหลื่อมล้ำจนตามกันไม่ทันเหรอ”

“ไม่นะ หลักสูตรแบบเดียวกันไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเรียนที่ไหนก็เหมือนกัน ไม่ว่าจะกรุงเทพหรือต่างจังหวัด มันก็สามารถจบได้เหมือนๆกัน ไม่เห็นต้องไปสร้างค่านิยมนี่ว่าเรียนที่โรงเมืองกรุงจะดีกว่าเรียนในต่างจังหวัด กรุงเทพมีคนเรียนเก่งเยอะแล้ว ฉันกลับมาเรียนที่บ้านเกิด และกลับช่วยพัฒนาท้องถิ่นดีกว่า”


นางมารร้าย

  • บุคคลทั่วไป
อุดมการณ์เป็นเลิศเลยเมียผม ตัวเล็กแค่นี้แต่ใจใหญ่มาก เรื่องรักชาติไม่เคยเป็นรองใคร นี่เป็นความน่ารักของเขาอีกแบบ ควิลล์ไม่เป็นทาสของความฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม แบบหลายๆคนที่ตัวเป็นไทยแต่ใจเป็นทาส ชื่นชมฝรั่งมังค่าว่าดีกว่าคนในบ้านเมืองตน

ถึงแม้ว่าเขาจะเกิดมาในครอบครัวฐานะดี ไม่ต้องลำบาก แต่ควิลล์ก็ไม่เคยลืมว่าพื้นฐานครอบครัวมาจากการเป็นชาวสวนชาวไร่ พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ไม่ได้รวยมาตั้งแต่แรก แต่รู้จักทำมาหากิน และพัฒนาพื้นที่ที่มีอยู่อย่างชาญฉลาด

เอาผลิตผลทางการเกษตรที่ได้ ส่งขายทั้งในและนอกประเทศ จนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำขึ้นมา และสร้างธุรกิจต่อยอด จากการทำผลไม้ส่งออก ก็ทำโรงงานแปรรูปผลไม้เป็นอาหารกระป๋อง ของดองของแห้งพ่วงด้วย ทำให้ไม่ต้องกังวลใจกับราคาพืชผลที่ขึ้นลงตลอดเวลา หรือกลัวว่าจะขายไม่ได้

เพราะคิดดี ทำดี ไม่ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิด ทำให้กิจการของครอบครัวเจริญมากขึ้น จนอยู่ในฐานะเศรษฐี พ่อแม่ควิลล์ยังพาญาติพี่น้อง หรือคนรู้จักในหมู่บ้าน มาทำงานทำการในสวนผลไม้ รวมถึงในโรงงานอีกด้วย เป็นการช่วยเหลือให้พี่น้องชาวเหนือได้มีงานทำ ให้สามารถลืมตาอ้าปากได้ ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสินใคร

“แต่ทำไมถึงออกตอนนี้ล่ะ ทำไมไม่รอให้จบม 4. เทอมหนึ่งไปก่อนล่ะ”

ผมถามด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรีบร้อนออกเร็วแบบนี้ ทั้งที่อีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว ตอนนั้นค่อยย้ายโรงเรียนก็ยังทัน จะว่าควิลล์อยู่โดยไม่มีผมไม่ได้ ก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก

เพราะก่อนหน้านั้นควิลล์ก็เรียนอยู่ที่นี่โดยไม่เคยรู้จักผมมาก่อน หรือว่าครูใหญ่กับลูกชายไม่รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับผมนะ รังแกควิลล์จนอยู่ไม่ได้ เขาเลยต้องลาออกกลางคัน

“รอไม่ได้หรอก เดี๋ยวอดใจไม่ไหวมีเรื่องมีราวกันอีก แค่นี้ครูใหญ่กับพวกครูคนอื่นๆก็คงไม่อยากให้ฉันอยู่ในโรงเรียนนั้นแล้วล่ะ”

นั่นปะไร สงสัยต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ คำพูดของควิลล์เป็นปริศนาคาใจผมเหลือเกิน และเขาเท่านั้น ที่ต้องแก้ข้อสงสัยให้ผม

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไปก่อเรื่องอะไรมาหรือเปล่า หรือว่าครูใหญ่กับพวกผิดคำสัญญา กลั่นแกล้งเธอโดยไม่เป็นธรรม”

“เปล๊า ....”

ควิลล์ทำเสียงสูง พลางยักไหล่ ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความสะใจ มันยิ่งทำให้ผมอยากรู้ เลยเร่งเร้าให้เขาพูดออกมา

“พวกเขาทำอะไรฉันไม่ได้หรอก และฉันก็ไม่ได้ทำอะไรกับพวกเขาร้ายแรงถึงตายหรอกน่า ก็แค่ฉันกับแม่พานักข่าวไปวีนครูใหญ่ ว่ามีจิตใจลำเอียงกีดกันเรื่องเพศ แบ่งแยกชนชั้น ทำตัวไม่เหมาะสมกับการเป็นครูบาอาจารย์ ให้ท้ายลูกให้กระทำความผิด สมควรจะพิจารณาตัวเองให้ออกจากโรงเรียน ก็แค่นั้นเอง”

ตายแล้ว เจ้าตัวแสบเล่นงานครูใหญ่เข้าจนได้ ข้อหาไม่ใช่เล็กน้อยเลยนะ นี่ผมควรจะชื่นชมความกล้าของภรรยา และสมน้ำหน้าครูใหญ่จอมรั้น หรือควรจะสงสารคนแก่ที่ถูกเด็กถอนหงอก เอาคืนกับเรื่องที่ทำกับเขากันแน่

“แรงไปหรือเปล่า แล้วไปทำกับเขาแบบนั้นทำไม พวกเขาไม่ได้รังแกเธอไม่ใช่เหรอ”

“ก็เปล่านะสิ ไม่ได้รังแก เขาก็ดีนะ รับปากกับนาย แล้วก็ทำตามสัญญา แต่พอฉันรู้ว่านายต้องออกจากโรงเรียนเพราะอะไร ฉันก็รู้สึกว่าครูใหญ่ทำไม่ถูก ที่เอาเรื่องส่วนตัวมาบีบบังคับนาย มันไม่มีกฎข้อไหนที่จะมาห้ามไม่ให้เรารักกัน ดังนั้นฉันจึงต้องจัดการทวงถามความยุติธรรมให้กับนายยังไงล่ะ”

คำพูดแบบไม่ยี่หระนั้น ฟังดูชวนให้หมั่นไส้ แต่ผมประทับใจอย่างบอกไม่ถูก ที่ควิลล์ก็รู้จักทำเรื่องดีๆให้กับผมเหมือนกัน แต่วิธีการมันแก่แดดเกินเด็กไปหน่อย ไม่รู้ว่าครูใหญ่เจอมุขนี้เข้าจะเป็นไงบ้าง คงเอ๋อไปเลยสิท่า เพราะเขาเคยแต่ใช้อำนาจบาตรใหญ่กับทุกคน ทั้งครูและนักเรียนกลัวหงอไม่มีใครกล้าหือ แต่ต้องมาถูกลูบคมโดยเด็กเมื่อวานซืนเสียแล้ว

“แล้วครูใหญ่ว่าไงล่ะ เขาไม่โมโหจนไล่เธอออกจากโรงเรียนเหรอ”

ถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ควิลล์ส่ายหน้า
“โอ๊ย จะว่าอะไรได้ล่ะ เจอพวกนักข่าวเข้าไปกันเต็มห้องก็กลัวแล้วล่ะ เพราะตัวเองก็ทำเกินกว่าเหตุ มันมีกฎระเบียบเรื่องการห้ามความรักร่วมเพศในโรงเรียนเมื่อไหร่ล่ะ ถึงแม้คนจะมองว่ารักชอบเพศเดียวกันเป็นเรื่องไม่สมควร แต่ก็ไม่ผิดที่คนเราจะรักกัน ถ้าตราบใดที่มันไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายขึ้น แล้วมันก็ไม่เคยมีเรื่องนี้ในโรงเรียน ครูใหญ่จึงหาหลักฐานมาเอาผิดไม่ได้ ส่วนเรื่องชกต่อยกันระหว่างฉันกับนายไตร ลูกชายเขาก็เป็นคนเริ่มก่อน ถึงนายจะชกหน้าไตร แต่ก็ทำไปเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ไตรกับพวกรุมข่มขืนฉัน ถ้าจะเอาผิด ไตรก็ต้องถูกไล่ออกไปพร้อมๆกับนายด้วย”

เออจริงสินะ ผมลืมคิดไปในประเด็นนี้ ความที่ห่วงควิลล์เลยทำให้ไม่คิดหน้าคิดหลังให้รอบคอบชิงลาออกมาเสียก่อน เพราะคิดว่าทุกอย่างคงจะจบลง ไม่นึกว่าควิลล์จะรู้เรื่องนี้ แล้วมองในมุมที่แตกต่าง จนต้องมาเรียกร้องความยุติธรรมให้ผมแทน

“พอมีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น มีคนมาทำข่าว เจ้าของโรงเรียนรู้เข้า ก็เลยมาเจรจากับพวกเรา ว่าอย่าเอาเรื่องนี้ไปเผยแพร่ เขายินดีรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น จะให้ชดใช้ค่าเสียหายอย่างไรก็ว่ามา แม่ฉันก็เลยบอกว่า ครูใหญ่บอกให้นายพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก แต่บัดนี้ทุกอย่างก็กระจ่างแล้วว่านายไม่ได้ผิด เพื่อล้างมลทินให้นายและรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ครูใหญ่ต้องพิจารณาตัวเองที่ปล่อยให้โรงเรียนมีเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้”

พูดจบควิลล์ก็หัวเราะออกมาด้วยความสะใจ ผมเห็นความเจ้าเล่ห์ในตัวตาโตยาวเรียวคู่นั้น เจ้าตัวเล็กของผม บทจะเอาเรื่องก็แสบได้ใจจริงๆ รวมถึงแม่ยายของผมด้วย สงสัยผมคงไม่กล้ามีเรื่องกับแม่ยายและเมียตัวเองแล้วล่ะ

“แล้วครูใหญ่ทำไงล่ะ ยอมลาออกเหรอ”

“ถูกต้อง ฉันไม่รู้ว่าเจ้าของโรงเรียนกับครูใหญ่ไปตกลงกันยังไงนะ แต่แอบได้ยินมาว่าครูใหญ่จะอยู่ดูแลโรงเรียนเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้าย แล้วก็จะย้ายไปอยู่ที่อื่น ส่วนเจ้าไตรก็หายกร่างไปเยอะเลย เดินผ่านฉันก็แบบหลบๆไม่กล้าสู้หน้า ขำจะตาย คนตัวใหญ่โต หงอเป็นลูกหมา ไม่นึกว่าพวกนั้นจะมีช่วงเวลานี้เหมือนกัน”

เจ้าตัวเล็กหัวเราะอีกแล้ว ท่าทางสะใจมาก ผมกลับรู้สึกสงสารครูใหญ่กับลูกชายขึ้นมาเสียแล้ว นี่ละนะที่เขาเรียกว่ากรรมมันตามทัน ตอนมีอำนาจวาสนา ก็ทำตัวใหญ่โตคับฟ้า เห่อเหิมไม่เห็นหัวคนอื่น ปกครองคนโดยใช้พระเดช เลยไม่ค่อยมีใครรัก พอถึงเวลาตกลงมาจากเก้าอี้ก็ไม่มีใครเหลียวแล เป็นอุทธาหรณ์สำหรับคนมีอำนาจอยู่ในมือแต่ใช้ในทางที่ผิดจริงๆ

“แล้วไปพานักข่าวมาจากไหนล่ะ”
“เพื่อนแม่น่ะ เป็นนักข่าวสายการศึกษา ถึงแม่ฉันจะเป็นชาวสวน แต่ก็มีการศึกษานะ แม่เคยเรียนวารสารมา แต่ไม่ได้ทำงานเป็นพวกนักข่าว แม่กลับมาช่วยคุณตาทำสวนผลไม้เสียก่อน พอแต่งงานกับพ่อ ก็ไม่ได้เป็นนักข่าวอย่างที่ใฝ่ฝัน แต่เขาก็ยังคบหากับเพื่อนเก่าอยู่ แล้วพอมีเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันกับแม่ก็ปรึกษากันว่าจะทำไง แม่ก็เลยคิดถึงเพื่อนขึ้นมาได้ เลยไปขอร้องให้เพื่อนช่วย คุณลุงนักข่าวก็ร่วมไม้ร่วมมือเต็มที่ นี่หากว่าแผนนี้ใช้ไม่ได้ผล ก็ว่าจะเอารูปเรื่องไปลงประจานในเนตให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย”

ผมฟังแล้วรู้สึกทึ่ง เคยรู้มาก่อนบ้าง ว่าพ่อแม่ของควิลล์ร่ำรวย และเป็นผู้กว้างขวางในเชียงใหม่ แต่ไม่คิดว่าจะรู้จักคนในกรุงเทพด้วย โชคดีที่พวกเขาไม่ชอบทำกร่างใส่คนอื่น ออกจะมีอุปนิสัยนอบน้อมด้วยซ้ำ

การที่ทำแบบนี้แปลว่าคงเหลืออดและต้องการสอนคนพวกนี้ให้รู้สำนึกซะบ้าง แต่ไอ้ที่จะเอาลงเนตประจาน ผมว่ามันเกินไปเหมือนกัน สงสารคนอื่นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ที่ต้องซวยเพราะเรื่องนี้

“จะทำอย่างนั้นจริงๆเหรอ ครูคนอื่นและพวกนักเรียนจะพลอยเดือดร้อนไปด้วยนะ ถ้าโรงเรียนถูกประจานให้เสียชื่อเสียงน่ะ”

พูดเป็นเชิงตำหนิเขา ถึงผมจะรักและภูมิใจในตัวควิลล์แค่ไหน แต่ก็ใช่จะตามใจเห็นดีเห็นงามไปด้วยทุกเรื่อง อะไรที่มันไม่เหมาะผมก็ขอติหน่อยเถอะ

“เปล่าหรอก แค่คิดเล่นๆว่าจะทำ ถ้าหากครูใหญ่ไม่ยอมออก แต่ถ้าให้ทำจริงคงไม่เอาหรอก สงสารคนที่เขาไม่รู้เรื่องด้วย โรงเรียนนี้ใช่ว่าจะไม่ดี ฉันก็เรียนมาถึงตั้ง 4 ปี ฉันทำลายมันไม่ลงหรอก แค่อยากสั่งสอนครูใหญ่เท่านั้น ให้ตระหนักในความเป็นครู และมีความยุติธรรมมากกว่านี้ ไม่ใช่ตัดสินไปตามความคิดของตัวเอง.....”

ท่าทางขณะพูดของควิลล์ดูจริงจังเป็นผู้ใหญ่ เขาไม่ได้หัวเราะเพื่อความสะใจอีกแล้ว ดูเหมือนเขาเองก็รู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเช่นเดียวกัน

“ตอนที่รู้ว่าแกต้องย้ายไปเป็นครูที่โรงเรียนอื่น ฉันก็รู้สึกแย่นะ ว่าเป็นเพราะเราหรือเปล่าที่ทำให้แกต้องมีชะตากรรมแบบนี้ แต่ถ้าไม่จัดการอะไรลงไปบ้าง แกก็คงจะไม่รู้ตัวว่าแกทำไม่ดีกับคนอื่นๆเขาไว้แค่ไหน และคงใช้อำนาจข่มเหงคนอื่นเรื่อยไป  ยิ่งแกรักลูกในทางที่ผิดด้วย ก็จะยิ่งส่งเสริมให้เกิดทายาทอสูรขึ้นมาอีกหนึ่ง เป็นวงจรในการทำเรื่องชั่วๆ ฉันเลยต้องแข็งใจจัดการไปแบบนั้น ตอนนี้ฉันไม่โกรธครูใหญ่แล้วล่ะ อโหสิกรรมให้แกแล้ว ก็ได้แต่หวังว่าแกคงจะไปเริ่มต้นการเป็นครูใหญ่ที่ดีในโรงเรียนใหม่ และมีคนรักแกบ้าง”

รู้สึกดีใจจังที่ได้ยินเจ้าตัวแสบพูดแบบนี้ ที่จริงควิลล์ไม่ได้มีแต่ด้านร้ายๆอย่างเดียว แต่เขาเป็นคนที่มีจิตใจดีงามและมีความคิดกว้างไกล เขาอาจจะเป็นเด็กชอบเอาชนะ แต่เขาก็มักจะให้อภัยคนที่พ่ายแพ้ ไม่เคยเหยียบย่ำซ้ำเติม ถ้าสั่งสอนพอแล้ว เขาก็จะรามือ แล้วก็ลืมความบาดหมางที่มีทันที

“ดีแล้วล่ะ อย่าไปคิดแค้นเขาเลย แค่นี้เขาก็ได้รับผลกรรมจากการกระทำของเขาแล้ว แต่ว่าฉันยังสงสัยนะ ในเมื่อทุกอย่างมันก็ลงเอยเรียบร้อยแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมไปเรียนต่อล่ะ ไตรกับครูใหญ่คงไม่มาทำอะไรเธอแน่ๆ โดนไปซะขนาดนั้น ไม่เข็ดก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว”
ผมวกมาที่ข้อสงสัยเดิม

“ไม่รู้สิ มันหลายๆอย่างรวมกัน อย่างแรกคงเป็นเพราะฉันทนเห็นหน้าครูใหญ่ไม่ได้มั๊ง มันทั้งสงสาร ทั้งโมโหที่เขาทำกับนาย แล้วบรรยากาศมันก็เปลี่ยนๆไป ครูหลายคนชอบมองฉันแปลกๆ เหมือนไม่อยากยุ่งกับฉันงั้นแหละ”

นี่เหรอเหตุผลที่ควิลล์ไม่อยากอยู่ เขาคงอึดอัดใจน่าดู ผมไม่ทันคิดถึงข้อนี้เลย คิดแต่ว่าพวกเขาจะไม่รังแกควิลล์ แต่ลืมนึกถึงเรื่องที่พวกเขาจะมองเห็นเจ้าตัวแสบของผมเป็นบุคคลต้องห้ามที่ไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวด้วย ผมนี่มันทำอะไรไม่รอบคอบจริงๆ

“อีกอย่างครูภาษาอังกฤษคนใหม่ก็สอนไม่รู้เรื่อง ที่จริงเขาเก่งนะ เป็นครูคนไทย แต่พูดคล่องเหมือนเจ้าของภาษา แต่วิธีการสอนเขาไม่เหมือนนาย ฉันอาจจะติดวิธีการของนายก็ได้ พอเปลี่ยนครูใหม่ก็เลยไม่ชิน เหงาด้วย เคยเจอหน้านาย แต่ไม่ได้เจอ....”

ประโยคสุดท้าย ทำเอาหัวใจของผมพองโตคับอก เจ้าแสบเหงาเมื่อไม่เจอหน้าผม มันแปลว่าอะไร ผมจะทึกทักเอาได้ไหมว่าเขารักผมเข้าแล้ว ผมมองหน้าใสๆนั่นก็เห็นหน้าเขาแดงระเรื่อ ท่าทางเขินอายหลังจากพูดจบ เขาได้บอกผมโดยไม่ได้พูดอะไรสักคำ ว่าเขาก็รักผมเช่นเดียวกัน ผมมีความสุขมากจนต้องเผลอยิ้มออกมา

“งั้นครูใหญ่ชินวิทส์อะไรนั่น ก็เพื่อนแม่ใช่ไหม ถึงกล้ารับเธอเข้าเรียนทั้งๆที่เหลือเวลาอีกเดือนเดียวจะปิดภาคเรียนน่ะ”

เพื่อลดอาการเขินของเขา ผมเลยซักถามในประเด็นอื่นๆต่อ

“ถูกต้องแล้วคร้าบบบบ เพื่อนแม่สมัยเรียนชั้นมัธยม เขาเป็นครูใหญ่ โรงเรียนของพ่อตัวเอง แม่ฉันก็เคยเรียนที่นั่นด้วย ที่จริงแม่อยากให้ฉันเรียนที่โรงเรียนของคุณลุงตั้งนานแล้ว แต่ฉันอยากไปเรียนกรุงเทพ อยากเก่งๆแบบเด็กในเมือง แต่พอเกิดเรื่องขึ้น ฉันก็ไม่ได้อยากเรียนที่นั่นอีกต่อไป แม่ก็เลยไปติดต่อคุณลุง ขอฝากฉันเข้าไปเรียนด้วย คุณลุงเป็นเจ้าของโรงเรียน ก็เลยง่าย”

เป็นอย่างนี้นี่เอง ผมสิ้นความสงสัยแล้ว และไม่ได้รู้สึกกังวลใจกับเขาอีกต่อไป ควิลล์เล่าให้ผมฟังว่าโรงเรียนที่เขาจะไปเรียนน่ะ ไม่ใหญ่เหมือนในกรุงเทพ มีนักเรียนแค่ 400 คน มี ตั้งแต่ ป.1 – ป.6 และชั้นมัธยมต้นจนถึงมัธยมปลาย

ส่วนใหญ่ก็เป็นลูกหลานชาวบ้าน และคนที่มีรายได้น้อย เป็นโรงเรียนประเภทพึ่งพาตนเอง นักเรียนทั้ง หมด ต้องช่วยกันปลูกผัก และเลี้ยงสัตว์ เช่น เป็ด ไก่ หมู และปลา ในโรงเรียนยังมีการปลูกกล้วย มะม่วง มะยม ขนุน ฝรั่ง ให้นักเรียนได้ใช้เป็นอาหารอีกด้วย

แม่ของควิลล์ได้บริจาคเงินให้โรงเรียนนี้ โดยมอบเป็นทุนการศึกษาให้นักเรียนเรียนดีแต่ยากจนทุกปี แถมยังทำอาหารพื้นเมืองไปเลี้ยงนักเรียนเนื่องในโอกาสพิเศษต่างๆอีกด้วย เป็นการตอบแทนสถานศึกษาที่แม่ของควิลล์ได้เล่าเรียนจนจบ ควิลล์เองก็อยากดำเนินตามรอยของแม่ เรียนที่เดียวกับแม่ของตัวเอง และใช้ชีวิตให้เหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆ

ควิลล์เคยอยู่ในที่หรูหราฟุ้งเฟ้อมาหลายปี ตอนนี้เขาอยากหวนคืนสู่วิถีชีวิตธรรมชาติบ้าง และตั้งใจจะตอบแทนโรงเรียนเหมือนที่แม่ของควิลล์เคยปฏิบัติ น้ำเสียงขณะเล่าดูมุ่งมั่นจริงจัง จนผมรู้สึกภูมิใจในตัวของเขายิ่งนัก ควิลล์เติบโตเป็นผู้ใหญ่ทางวุฒิภาวะ เขามีความคิดความอ่านมากกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาทำให้ผมเชื่อมั่นว่าประเทศเล็กๆแห่งนี้ จะเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า ถ้ามีคนที่คิดดีทำดีแบบเขาหลายๆคน

“ยังติดใจอะไรอีกไหม”

ตัวแสบเริ่มอ้าปากหาว สงสัยจะเหนื่อยมาก ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ เริ่มแผนปฏิบัติการล้วงความลับข้อต่อไป ข้อนี้สำคัญมาก ต้องรู้ให้ได้ในคืนนี้ ไม่งั้นผมคงนอนไม่หลับ

“มีอยู่อีกข้อหนึ่ง อยากถามมานานแล้ว เธอต้องสัญญาว่าจะตอบตามความจริงนะ”

“อือ”

ควิลล์พยักหน้า ท่าทางง่วงงุน

“เมื่อกี้ที่บอกว่า เหงา เวลาไม่มีฉันอยู่น่ะ มันหมายความตามนั้นจริงๆหรือเปล่า”

“......”

หน้าใสๆที่ผมเห็นแดงเรื่อด้วยเลือดมาเลี้ยง เขาไม่ตอบ เอาแต่ก้มหน้าหลบสายตาจากผม แต่มีหรือที่ผมจะยอม ผมคาดคั้นหาคำตอบที่น่าพอใจจากควิลล์ เมื่อเห็นผมรุกหนักมากๆ เจ้าตัวแสบก็เลยพยักหน้าหงึกๆ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว ผมดึงร่างน้อยนั้นมากอดในวงแขน และกระซิบเสียงหวานข้างหูเขา

“รักฉันแล้วใช่ไหม”

“ไม่บอก จะถามทำไมล่ะ”

“เฉไฉแบบนี้แปลว่ารักแหงๆ แต่อาย ไม่กล้าพูดใช่ไหมล่ะ”

“บ้าน่ะสิ ขี้ตู่จริงๆ ตาเฒ่า”

“ไม่ได้ขี้ตู่ รู้ว่าเมียเป็นคนแบบนี้ เพราะอยู่ด้วยกันมานานไง เธอน่ะ ชอบพูดอะไรที่ตรงข้ามกับใจเสมอ ฉันเลยต้องแปลสัญลักษณ์จากท่าทางของเธอตรงข้ามกันตลอดไง”

ผมกระเซ้า

“ก็รู้แล้ว ยังจะถามทำไม ฉันก็เขินเป็นนะ”

น้ำเสียงกระเง้ากระงอดนั่น ทำให้ผมหัวเราะออกมา ผมได้รับคำตอบแล้วว่าหัวใจของเราสองคนตรงกันจริงๆ ร่างบางถูกผมกอดแนบแน่น กลิ่นเนื้อหนุ่มที่กำลังโตหอมยั่วใจนักจนผมอดไม่ได้ที่จะสัมผัสผิวกายนุ่มละมุนของเขาด้วยปากและจมูก

ควิลล์อ่อนระทวยอยู่ในวงแขนของผม ปล่อยให้ผมจัดการกับเนื้อตัวของเขาได้เต็มที่ แต่ผมก็ทำแค่กอดจูบลูบคลำเท่านั้น สัญญาต้องเป็นสัญญา อีกสองปีข้างหน้าผมจะเป็นเจ้าของร่างกายนี้อย่างสมบูรณ์

จบบริบูรณ์

นางมารร้าย

  • บุคคลทั่วไป
จบแล้วจ้า นิยายของพี่เคท

หลังจากจบเรื่องนี้แล้ว อยากถามเพื่อน ๆ ในบอร์ดว่า  อยากอ่านนิยายพี่เคทกันต่อหรือเปล่าคะ  พี่เคทเขียนนิยายไว้เยอะมาก

ถ้าอยากอ่านกันต่อ จะไปขออนุญาตพี่เคท นำเรื่องมาลงให้ค่ะ   หรือจะเว้นไปก่อนเพราะช่วงนี้นิยายเยอะค่ะ  กลัวอ่านกันไม่ทัน

ถ้าอยากอ่านเดี๋ยวจะให้เลือกว่าอยากอ่านเรื่องอะไรนะคะ  จะไปขอพี่เคทให้ค่ะ   :m1:



ออฟไลน์ Lucifer

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1288
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
จบแล้วเย้ๆๆ  :m18: :m18:
ขอบคุณคนแต่งและคนโพสมากนะค้าบบบ สำหรับเรื่องราวดีๆ  o1 o1
ว่าแต่นิยายเรื่องอื่นของคุณเคทก็อยากอ่านนะ  :m26: :m26:
 :m1: :m1: :m1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด