-8-
คำตอบ
ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเอง กับสิ่งที่ธนูพูดออกมา คำสั่งของเขามันช่างฟังดูไม่มีเหตุผล และโคตรจะงี่เง่า ผมก็มีสังคมนะเว้ย จะไม่ให้พูด ยิ้ม หรือหัวเราะกับใครเลยคงไม่ได้
แล้วไอ้ที่บอกว่าจะซื้อหุ้นของโรงพยาบาลแล้วไล่หมอออกนี่มันโคตรบ้า!
“ผมไม่ได้เป็นใบ้ จะให้ไม่พูดกับใครคงไม่ได้” ผมว่าไปตามจริง
“ต้องให้ฉันตัดลิ้นนายจริงๆ ใช่ไหม” อู๊ดอี๊ดดดดด ไอ้คนใจหมา...
“มะ มะ...ไม่ได้นะครับ”
“ถ้ายังไม่เลิกยิ้มแบบเมื่อกี้ ฉันจะเลาะฟันนายออกมาทำเป็นข้อมือเอาไว้ให้นายดูต่างหน้าดีไหมล่ะ” ผมได้แต่กรีดร้องในใจ คนอะไรน่ากลัวฉิบหาย ขาผมนี่สั่นพั่บๆ เหยี่ยวจะราดแล้วโวย
“บอสเป็นบ้าหรือไงเล่า ผมยังไม่ทำอะ--- อุ๊ป!” ยังไม่ทันได้พูด ผมก็โดนมือหนาคว้าท้ายทอยเข้ามาใกล้ ก่อนจะถูกคนเอาแต่ใจ กดริมฝีปากลงมา “อือ!”
ผมเผลอหลับตาเมื่อตอนที่เห็นว่าใบหน้าหล่อเหลาขยับเข้ามาใกล้ น่าอายชะมัด ทำไมผมต้องหลับตาเหมือนเด็กสาวที่กำลังจะเสียจูบแรกยังไงอย่างงั้น
หัวใจเต้นเร็วจนเหมือนแทบจะเด้งออกทะลุออกมา
รุนแรง!
ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ริมฝีปาก ก่อนที่กลิ่นคาวเลือดจะคละคลุ้งอยู่ผ่านในช่องปาก สติผมถูกตีแตกกระเจิง เมื่อลิ้นร้อนกวาดต้อนทุกอย่างภายใน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมเองก็รู้สึกดี
ริมฝีปากของเขาทั้งนุ่ม และอุ่น แรงดูดดึงที่หนักหน่วงทำให้สมองผมเริ่มขาวโพลน ร่างกายเหมือนไร้แรงต่อต้าน น้ำลายใสไหลย้อนตามมุมปาก จนรู้สึกชื้น
ทุกหยดถูกคนเอาแต่ใจกวาดเก็บจนหมด เป็นภาพที่ดูหยาบโลน แต่มันก็เร้าอารมณ์ได้อย่างดี
เราจูบกันอยู่อย่างงั้นหลายนาที ก่อนที่ธนูจะยอมเป็นฝ่ายผละออก “จูบให้เก่งเหมือนตอนเถียงหน่อยสิ” เสียงกระซิบแหบพร่า ทำเอาขนอ่อนตามตัวลุกชันอย่างห้ามไม่ได้ นี่มันบ้าเกินไปแล้ว “ผมจะเสนอทางเลือกให้คุณใหม่ แต่วันนี้คุณกลับไปพักก่อน”
“ผมเลือกได้เหรอครับ”
“แน่นอน เป็นทางเลือกที่นายก็ห้ามปฏิเสธ”
ห้ามปฏิเสธ...แล้วเรียกว่าทางเลือกได้หรือไงฟะ! ไอ้คนเอาแต่ใจ
ธนูเคาะกระจกรถเพียงสองครั้ง ทุกคนก็เข้ามาในรถทันที
“ไปส่งโซ่ที่บ้าน” สิ้นสุดเสียง รถก็เคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาลมุ่งสู่ถนนกว้าง
ระหว่างทางเราไม่พูดคุยอะไรกันอีกเลย ผมลอบมองธนูที่กำลังนั่งไขว่ห้าง หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี...
ส่วนผมปากบวมอีกแล้ว กัดมาได้เฮงซวย!!
ไม่นานกว่าใจคิด รถก็ขับพาเราเข้ามาในซอยที่แสนจะคุ้นตา ไฟกลางซอยยังมืดสนิทเหมือนทุกวัน
“น้องโซ่...นั่นใช่พี่เป๋หรือเปล่า” พี่แมทบอดี้การ์ดที่กำลังขับรถอยู่ว่า
“อ่า...ใช่ครับตัวนี้แหละขาโหดประจำซอย”
“หืม หน้าโหดจริงๆ แบบนี้ไม่อันตรายเหรอครับถ้าเกิดมีพวกเด็กๆ วิ่งเล่นแล้วเกิดโดนมันกัดเข้าจะทำยังไง”
“ก็นั้นนะสิครับ แต่จะทำไงได้ล่ะครับในเมื่อไม่มีใครยอมรับเป็นเจ้าของ พวกเราก็แค่ต้องช่วยกันสอดส่อง และระวังกันมากขึ้น” ผมตอบ
“แมท พรุ่งนี้สั่งคนมาจัดการหมานั่นซะ” ธนูเอ่ยขึ้นเมื่อรถจอดนิ่งอยู่หน้าบ้าน
“ครับบอส” พี่แมทรับคำ
“หมายความว่ายังไงครับ”
“มันกล้ามาทำคนของฉัน! คิดว่าฉันจะปล่อยมันไว้งั้นเหรอ!”
'คนของฉัน' ...?
เขาหมายความว่า ผมเป็นคนของเขางั้นเหรอ
อ๋อ...เข้าใจแล้ว เขาหมายถึง เป็นพนักงานของเขา ก็เลยเป็นห่วงผมสินะ
“เดี๋ยวสิครับบอส ผมไม่เป็นอะไรมากสักหน่อย แบบนั้นมันโหดร้ายเกินไป” ผมว่า
“ต้องรอให้มันกัดนายจนตายก่อนหรือไง”
“แต่ผมก็ยังไม่ตายนี่” ผมพยายามใจเย็นและอธิบายเหตุผล ผมไม่ได้ต้องการให้ถึงขั้นจัดการมันขนาดนั้นสักหน่อย “ไฟกลางซอยมันไม่ติด ผมเดินเข้าไปมืดๆ แบบนั้นมันก็คงกลัวไม่ต่างจากผม มันก็แค่ป้องกันตัว มันทำตามสัญชาตญาณของมันก็เท่านั้น ส่วนผมก็แค่ไม่ระวังให้ดี บอสอย่าทำอะไรพี่เป๋เลยนะครับ” ผมพูดไปตามจริง
ธนูพรูดลมออกทางปาก คงจะเหนื่อยกับผมไม่ใช่น้อยก็มาก...
“...อืม”
“บอสสส...” ผมเรียกอีกฝ่ายจนเสียงยาน เมื่อเห็นท่าทีเขาดูนิ่งไป “สัญญากับผมก่อนว่าบอสจะไม่ทำอะไรพี่เป๋” นิ้วก้อยข้างขวาถูกยกขึ้นตรงหน้าเพื่อบอกให้เขาทำสัญญา ถึงผมกับพี่เป๋จะไม่ถูกกันแต่ผมก็ไม่ได้อยากให้มันตายนี่
“โอเค” ธนูยกนิ้วก้อยขึ้นมาทำสัญญา จะว่าไปธนูก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะ “เปลี่ยนเป็นจูบสัญญาไม่ได้เหรอ แบบนี้เด็กเล็กชะมัด”
เฮ้อ~ ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้แล้วกัน...
ผมลงจากรถเดินเข้ามายังในเขตรั่วบ้านของตัวเอง ยืนมองดูรถตู้สีดำค่อยๆ ขับห่างออกไปจนลับสายตา ถึงเดินกลับเข้ามาในบ้าน
“คุณโซ่น่ารักดีนะครับ” แมทว่า
“อืม น่ารักจริงๆ” ไม่น่าเชื่อว่าโซ่จะทำให้คนอย่างผมใจเย็นลงได้เพียงแค่ผมสบตาเขา สิ่งที่เขาพูดมันดูโลกสวย แต่ก็ทำให้ผมเห็นโซ่ในอีกมุมที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น โซ่น่ารักจริงๆ แบบที่แมทว่านั่นแหละ
แค่ผมแกล้งขอเปลี่ยนเป็นจูบสัญญา ใบหน้าที่เคยซีดก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ผมอยากสัมผัสโซ่ให้มากกว่านี้ และมากขึ้นเรื่อยๆ
“พรุ่งนี้ให้คนจัดการเรื่องหมาด้วย” ผมว่า
“แต่...”
“ทำตามที่ฉันสั่ง”
“ครับบอส”
เมื่อเย็นกุญแจโทรมาบอกว่าคงกลับดึก เพราะต้องไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดเตรียมสอบ ทั้งบ้านก็เลยเงียบอย่างกับป่าช้า ตั้งแต่ไปทำงาน กลับบ้านมาผมก็หลับเป็นตายแทบทุกวัน
แต่ช่วงหลังมานี้ผมไม่ค่อยเหนื่อยเท่าไหร่ เพราะธนูใช้งานผมน้อยลง ส่วนมากจะใช้ผมทำแต่เรื่องประหลาด อย่างสั่งให้ผมนั่งบนตัก ทั้งที่พวกพี่ๆ บอดี้การ์ดยังอยู่ในห้อง หรือจะเป็นให้ผมกอดจนกว่าจะหายเหนื่อย
ถ้าแค่กอดธรรมดาผมก็พอให้ได้ ถือว่าเป็นการชาร์จพลัง แต่มือของธนูอย่างกับปลาหมึก ห้ามจับตรงนั้น ก็จับตนงนู้น พอยอมแล้วนับวันก็ยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เรื่องเอาแต่ใจยกให้เป็นที่หนึ่งเลย
คนบ้าอะไรสั่งห้ามพูด ห้ามยิ้ม กับคนอื่น
คิดแล้วก็อยากระเบิดตัวตายให้รู้แล้วรู้รอด...
พอได้คิดถึงเรื่องของธนู ผมก็ขยี้หัวตัวเองจนฟู ก่อนที่จู่ๆ สมองจะคิดถึงเรื่องจูบ...
ปลายนิ้วลูบวนสัมผัสกับริมฝีปากตัวเองเบาๆ ผมยังจำความรู้สึก และสัมผัสริมฝีปากของธนูได้เป็นอย่างดี ทั้งจังหวะที่ริมฝีปากกำลังขยับ แรงขบเม้นที่หนักหน่วง ลิ้นร้อนที่ตวัดพันเกี่ยวกันไปมา เสียงลมหายใจที่ดังแผ่ว
อ้ากกกก! แค่คิดหน้าก็เริ่มเห่อร้อนขึ้นมาทันที 0///0
Rrrr… แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดึงผมออกจากภวังค์ ผมคว้ามือถือบนหัวนอนขึ้นมาดูก่อนจะพบว่าคนที่โทรเข้ามาคือธนู...
“ครับบอส”
[อืม...ฉันถึงแล้วนะ]
“ทำไมวันนี้กลับช้าจังครับ รถติดเหรอ”
[วันนี้ฉันกลับมาบ้านน่ะ]
“อ่อ...”
[...]
“...” อ้าวเงียบคู่
“เอ่อ...บอสมีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามขึ้นเพราะเห็นว่าธนูไม่ยอมพูด
[จะนอนหรือยัง]
“เพิ่งสองทุ่มครึ่งเองนะบอส”
[อ่อ...นั่นสิ] นั่นสิอะไรของเขาฟะ!
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมวางนะครับ” ผมพูดตัดบท
[เดี๋ยวสิ...] ผมเงียบฟังว่าอีกฝ่าย เมื่อกับว่ากำลังจะพูดต่อ [คือ...อยู่คุยเป็นเพื่อนฉันหน่อย...นะ] //0.0 เขาทำเสียงอ้อนวะ
ฮือ~ น่ารักไม่ไหว แค่คิดว่าเขาจะทำหน้ายังไงก็รู้สึกดี
“ได้ครับ” ผมตอบตกลงเพราะทนฟังเสียงฉ้อเลาะของธนูไม่ไหว “ผมจะคุยกับบอส...”
เมื่อคืนเราคุยกันอยู่นานสองนาน จนผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองผล็อยหลับไปตอนไหน ส่วนใหญ่ก็เป็นผมที่ชวนธนูคุย เพราะเจ้าตัวต้องนั่งทำงานไปด้วย ส่วนใหญ่เขาก็จะตอบ อืม อ๋อ จริงเหรอ ช่างเป็นการคุยที่สนุกสุดๆ ไม่รู้จะโทรมาทำไม
“อ้าว...โซ่วันนี้วันนี้มาสายนะ” พี่ไม้ที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้องถามทันทีเมื่อผมก้าวเท้าออกจากลิฟต์
จะไม่สายได้ไงเล่า คุยกับบอสทั้งคืน
“ครับ เมื่อคืนนอนดึก” ผมว่า
“อ๋อ...บอสเองก็เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เหมือนกัน”
อา...บอสก็มาสายสินะ .///.
“ครับ”
ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องที่คุ้นตา แผ่นหลังกว้างกำลังยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง
“สวัสดีครับบอส” ผมกล่าวทักทาย
“วันนี้ฉันมีออกไปคุยกับลูกค้า อยู่รอฉันที่นี่จนกว่าฉันจะกลับ” ผมพยักหน้ารับก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปทำหน้าที่ของตัวเองที่ทำอยู่ทุกวัน
งานแม่บ้านนั่นแหละ
ปัดๆ ถูๆ ช่วยพวกพี่ๆ หยิบโน่นทำนี่ เสร็จก็เดินเข้าไปนอนเล่นบนโซฟาในห้องทำงานของธนู ปกติเขาจะให้ผมนอนเล่นในห้องทำงานเป็นปกติอยู่แล้ว เผื่อว่าเขาต้องการเรียกใช้ จะได้ไม่ต้องให้พี่จอสออกไปตาม
วันนี้พี่จอสกับพี่คิมเป็นคนติดตามธนูไปด้วย ก็จะเหลือแค่ผมกับพี่ไม้ และพี่แมทที่อยู่ออฟฟิศ จะว่าไปธนูก็เป็นคนสบายๆ กับลูกน้องเขาไม่ถือตัวเลยสักนิด
“พี่ไม้ทำงานที่นี่นานหรือยังครับ” ผมถามหลังจากที่เราไม่มีอะไรทำ และนอนกลิ้งกันอยู่ที่โซฟา
“สามปีแล้ว” พี่ไม้ว่า
“แล้วพี่แมทล่ะ”
“ปีกว่า”
“โฮ้ พวกพี่ทนได้ไง บอสเอาแต่ใจจะตาย”
“เอ็งยังไม่รู้อะไร ที่พวกพี่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะบอสนะ” ผมลุกขึ้นนั่งเพื่อฟังสิ่งที่พี่ไม้พูดอย่างสนใจ “เมื่อก่อนพี่เป็นแค่ลูกน้องหางแถวจากบริษัทคู่ค้าของที่นี่ พี่ถูกซ้อมปางตายเพราะพี่ช่วยบอสให้พ้นจากการถูกหักหลัง”
“อ้าวพี่ช่วยบอสก็เท่ากับว่าพี่ก็หักหลังบริษัทตัวเองน่ะสิ” ผมว่าไปตามจริง
“ก็ใช่ แต่สิ่งที่บริษัทนั้นทำมันก็สกปรกเกินกว่าพี่จะรับได้ เห็นหน้าพี่เถื่อนๆ แบบนี้ พี่ก็มีคุณธรรมนะเว้ย” ผมหลุดหัวเราะลั่นกับคำว่าหน้าเถื่อนของพี่ไม้ “จากนั้นบอสก็เก็บพี่มาเลี้ยง”
“เหมือนหมาเลยนะครับ”
“ไอ้โซ่!” พี่ไม้มองหน้าผมตาเขียวปั๊ด
“งุงิ ผมหยอกเล่นน้า” ผมว่าติดหัวเราะ “แล้วพี่คิมล่ะครับมาทำงานที่นี่ได้ไง” ผมถามต่อ
“ไอ้คิมนี่เหี้ยสุด” พี่ไม้เอ่ยพร้อมกับกลั้วหัวเราะ ผมได้แต่ทำหน้างงๆ
“ยังไงเหรอครับ”
“กูเล่าเอง พี่ไม้ชอบเล่าเวอร์” พี่คิมว่าก่อนจะหันหน้ามามองผม “กูตกงาน เงินเก็บที่มีอยู่ก็หมด กูเลยไปขโมยกระเป๋าเงินบอส” อันนี้เหี้ยจริง ขโมยใครไม่ขโมย รอดมาได้นี่เก่งมากเลยนะ
“แล้วเป็นยังไงครับ”
“นอนน่วมอยู่ที่โรง'บาล”
หู้ย~ แบบนี้คงนอนโรง’บาลหลายเดือนแหง่
“พี่ถึงกับเข้าโรง’บาลเลยเหรอครับ”
“เข้าโรง’บาลอะใช่ แต่ไม่ใช่พี่”
“อ้าว...”
“เป็นพี่แมทกับพี่ไม้ที่เข้าโรง’บาล" นั่นยิ่งทำให้ผมงงเข้าไปอีก แล้วพี่ไม้ กับพี่แมทจะเข้าโรง'บาททำไม? "พี่เป็นนักมวย และยังเป็นลูกศิษย์นักมวยที่กำลังขึ้นชกทีมชาติปีนี้” คดีพลิกสัดๆ
“บอสเลยส่งพี่จอสติดต่อให้พี่มาทำงาน แลกกับการไม่เอาเรื่องที่ขโมยของ” อู้ว~ ผมประเมินพี่แมทต่ำไปสินะ ก็พี่แมทโคตรจะดูเป็นคนอบอุ๊น อบอุ่น
จะว่าไปธนูก็ฉลาดเลือกคนอยู่นะ อย่างพี่ไม้ที่เป็นคนซื่อสัตย์ ส่วนพี่แมทก็เป็นเก่ง เอ๊ะ! แล้วพี่จอสกับพี่คิมล่ะ
“แล้วพี่จอสกับพี่คิมล่ะครับ” ผมถามตามที่คิดเอาไว้
“จอสมันเป็นลูกของบอดี้การ์ดคนสนิทของท่านประธาน บอสกับจอสโตมาด้วยกัน และท่านประธานไว้ใจพ่อของจอสมาก เลยส่งจอสให้มาดูแลบอสอีกที ส่วนคิมเป็นลูกน้องของคุณศร ถูกบอสดึงตัวมา” ช่างเป็นความสัมพันธ์ซับซ้อนจริงๆ
มีตัวละครใหม่ขึ้นมาอีกสอง ท่านประธานคงจะหมายถึงพ่อ แล้วคุณศรนี่ใครกัน?
“พี่ไม้ครับแล้วคุณศรคือใคร?”
“คุณศรเป็--”
แกร๊ก! ประตูไม้สีดำถูกเปิดออกกว้าง คนที่เดินนำหน้ามาเป็นพี่จอส และมีธนูเดินมาตามหลัง ทุกคนต่างพากันลุกขึ้นยืนอัตโนมัติรวมถึงผมด้วย
“คุยอะไรกัน” ธนูว่าเสียงเข้ม ก่อนพี่คิมจะเป็นถอดเสื้อสูทของธนู
มือขวาของธนูขยับเนกไทสีแดงทับทิมออกมาอย่างหลวมๆ เป็นภาพที่ทำให้คนมองรู้สึกใจสั่นได้อย่างน่าประหลาด
“เปล่าครับ” พี่ไม้ว่าพลางก้มหัวเล็กน้อย
“เหนื่อยชะมัด” ธนูพูดขึ้น ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวยาว พี่จอสและพี่คิมยืนอยู่ขนาบด้านขวา ส่วนพี่ไม้กับพี่แมทก็ยืนขนาบด้านซ้าย
ผมเองก็เดินออกมาด้านนอก ก่อนจะรินน้ำเย็นใส่แก้วใสทรงสูง เพื่อยกมาให้ธนู
ก็เขาบ่นเหนื่อยนี่...
“น้ำเย็นครับบอส” ช่างเป็นงานที่มีเกียรติจริงๆ
“เปลี่ยนเป็นกอดชาร์จพลังไม่ได้รึไง” ธนูว่าสีหน้านิ่งก่อนจะกระตุกมุมปาก ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“ไม่ดีกว่าครับ” ผมว่า แอบเห็นพี่ไม้ที่กำลังลอบยิ้มอยู่ ให้ตายใครจะไปทำเรื่องอย่างนั้น ทั้งที่มีคนอยู่เต็มห้องแบบนี้
“ฉันไม่ได้บอก ฉันสั่ง!” ไอ้นิสัยเอาแต่ใจนี่ขายไหมผมจะซื้อไปโยนทิ้งแม่น้ำเจ้าพระยา
ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะโน้มตัวลงไปกอดคอธนูที่กำลังนั่งอยู่ที่โซฟา “หายเหนื่อยยังครับ” ผมถามพลางเอามือตบหลังปุๆ ไปสองที
ธนูไม่ตอบคำถามแต่กลับโอบเอวจนผมตัวลอยขึ้นไปนั่งคร่อมทับตักของธนู ท่านี้ไม่ได้!!
“เอ่อ...บอสครับผมว่าปล่อยผมก่อนดีกว่า” ผมว่าอย่างอายๆ แต่ธนูเองก็ดูไม่มีท่าทีจะยอมปล่อย ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุเพราะแขนแกร่งเริ่มรัดแน่นขึ้น
ไม่รู้ว่าพวกพี่ๆ ทำหน้ายังไงแต่ตอนนี้ผมหน้าร้อนไปหมด
ชาติที่แล้วเกิดเป็นงูหรือไงครับ!
“จำเรื่องเมื่อวานได้ไหม...เรื่องข้อเสนอใหม่”
“ครับ?” ผมหันมาสนใจเรื่องข้อเสนอแทน
“ฉันจะยกหนี้ทุกอย่าง” เยี่ยม!!! “แต่...” เนี่ยทำไมนะ ชีวิตไอ้โซ่จะสวยงามหน่อยไม่ได้หรือไง ทำไมต้องมีข้อแม้มันตลอด
“...”
“นายต้องมาเป็นแฟนฉัน”
“อ่อเป็นแฟน...” ผมพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะนึกทวนคำพูดของธนู “ฮ๊ะ!!! เป็นแฟน” มือทั้งสองดันอกคนตรงหน้าให้ห่างออก
สายตาของเขาเจ้าเล่ห์ราวกับหมาป่ากำลังออกล่าเหยื่อจนผมรู้สึกใจสั่น ไหนจะรอยยิ้มพรายที่ส่งมา สัญชาตญาณของผมมันบอกว่าผู้ชายคนนี้อันตราย
“ไม่แน่นอนครับ บอสไม่ได้ชอบผมเราจะเป็นแฟนกันได้ไง” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด
“ฉันบอกเหรอว่าไม่ชอบ อีกอย่างฉันยังไม่ได้บอกช้อยส์...” เป็นอีกครั้งที่ผมเพื่อเงียบฟังข้อเสนอของธนู “โอเค/ตกลง” อะไรวะอยู่ๆ เขาก็บอกผมว่าโอเค ตกลง
“ผมไม่เข้าใจ” ผมว่าไปตามจริง
“ช้อยส์มีแค่ โอเค หรือตกลง”
“บอสจะบ้าหรือไง” มันบ้ามาก ผมเลือกอะไรได้หรือไง
“โอเค หรือ ตกลง” ธนูถามซ้ำ
“บอกมันต่างกันตรงไหนเล่า”
“โอเค หรือ ตกลง” ธนูถามซ้ำราวกับว่าเขาเป็น 1NPC ในเกม
“บอสอย่าเอาแต่ใจแบบนี้”
“ฉันถามว่า โอเค หรือ ตกลง” น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้น สายตาก็ยังดุดัน ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกสายตาบีบรัดจนรู้สึกหายใจไม่ออก
“ผม...ไม่...เลือก!” สิ้นสุดคำพูดเด็ดขาด ผมก็ตั้งท่าจะลุกออกจากท่านั่งบ้าๆ นี่ ให้ตายทำไมถึงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้
ทว่าธนูไวกว่า เขาใช้แขนทั้งสองรั้งให้ตัวผมนอนลงตามความยาวของโซฟา แขนทั้งสองถูกตรึงไว้บนหัว
เป็นภาพที่ดูน่าสมเพช ผู้ชายสองคนอยู่ในท่าที่กำลังคร่อมทับกันทั้งที่มีผู้ชายอีกสี่คนยืนดูอยู่
โอเคนัมเบอร์วัน!
“บอส!”
“ฉันถามว่านายจะเลือกอะไร ระหว่างโอเค หรือ ตกลง” ความเงียบเข้าจู่โจมเราทั้งสอง ใบหน้าคมกำลังค่อยๆ เลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้น
เขามันคนเจ้าเล่ห์...
“ตกลง ตกลงครับบอส” ผมรีบตอบ เพราะธนูขยับเข้ามาใกล้จนจมูกเราชนกัน
ธนูลุกขึ้นนั่งเหยียดตัวตรง ก่อนจะเริ่มจัดทรงผมและเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย
ผมไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าพวกพี่ที่กำลังยืนอยู่ หน้าตอนนี้ร้อนอย่างกับคนมีไข้
ธนูลุกขึ้นเต็มความสูงก่อนจะดึงให้ผมลุกขึ้นตาม
“จะไปไหนครับ?” ผมถาม
“ไปทำเรื่องที่คนเป็นแฟนเขาทำกัน” ตาทั้งสองเบิกโพลง หลังจากได้ยินคำว่าพูดของธนู เขามันผู้ชายอันตรายจริงๆ
ผมสะบัดมือธนูออก ก่อนจะกอดพี่ไม้ที่ยืนอยู่เอาไว้แน่น “ไม่...ผมไม่ไปไหนกับบอสทั้งนั้น”
“ฉันบอกให้ปล่อย อย่าให้ฉันต้องไล่ไม้ออก!”
ให้ตายยังไงก็ไม่ปล่อยหรอกโวย
“บอส...” พี่ไม้พูดพลางกอดผมเอาไว้
ฮือพี่ไม้...
“โซ่ไม่เป็นไรนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ไม้ด้วยความรู้สึกขอบคุณ พี่ไม้พยักหน้าให้เป็นคำตอบ ก่อนผมจะถูกพี่ไม้กอดเอาไว้แล้วส่งตัวผมให้ธนู “พี่ขอโทษ เดี๋ยวพี่ตกงาน” อ้าวเฮ้ยไอ้เหี้ยพี่ไม้เล่นกูแล้ว พี่มึง!!!!
แล้วผมก็ถูกธนูหิ้วออกจากห้องทำงาน ภาพสุดท้ายที่เห็นคือพี่ไม้ยืนโบกมือ ก่อนที่ประตูไม้สีดำจะถูกปิดลง...
↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣↣
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก “เข้ามา” ผมว่าทั้งที่ตัวเองกำลังขลุกอยู่กับผู้หญิงบนโซฟาตัวยาว ที่ผมบังเอิญไปหิ้วเธอมาได้จากการไปเที่ยวผับกับแก๊งเพื่อนเมื่อสัปดาห์ก่อน “มีอะไร” ผมถามบอดี้การ์ดคนสนิท
“สายจากทางฝั่งนั้นบอกว่าคุณธนูมีแฟนแล้วครับ” มุมปากผมกระตุกยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“เธอกลับไปก่อน” ผมสั่งผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่โซฟากลับไป เธอชักสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้อิดออดยอมกลับไปแต่โดยดี
“อาทิตย์หน้าเคลียร์งานให้ฉันด้วย...สงสัยต้องไปเยี่ยมน้องชายสุดที่รักสักหน่อยแล้ว”
“ได้ครับคุณศร”
1NPC คือตัวละครที่ไม่มีผู้เล่นควบคุม แสดงพฤติกรรมและสร้างบทสนทนาตอบโต้ที่แตกต่าง ตามแต่สคริปต์ที่ผู้พัฒนาเกมได้โปรแกรมไว้
ถ้าชุนเป็นโซ่ ชุนจะตอบธนูว่า แต่งค่ะ!
#สายโซ่
#บอสครับผมเป็นมิจ