แอ๊ด...
เปิดประตูห้องน้ำออกมาก็ไม่เห็นเงาของชีคหนุ่มแล้ว คาวัลโลกวาดมองรอบห้องแล้วก็ไม่พบอะไร เขาจึงทำได้เพียงยักไหล่ช้าๆ แล้วเดินออกไปหน้าห้อง..
“..ชีคเชิญคุณไปร่วมทานอาหารครับ..บอกว่าเสื้อผ้าที่ต้องให้ให้นำมาให้ผม..” ฮาซานที่ยืนอยู่หน้าประตูบอกออกมาทันทีที่เขาเปิดประตูออกไป..คาวัลโลเลิกคิ้วมององค์รักษ์หนุ่มที่เลิกทำหน้ากวนตีนและหยุดพุดจาดูถูกเขาแล้วอย่างรวดเร็วทันใจ ชายหนุ่มยอยิ้มมุมปากอย่างสาแก่ใจพลางยื่นเสื้อผ้าในมือตัวเองให้อีกฝ่ายรับไปจัดการ
“..แล้วอัลชาอ์ล่ะ?..” เขาออกปากถามพลางยกมือขึ้นไล้เส้นผมที่เปียกชื้นของตัวเองเบาๆ..
“..ชีคมีธุระด่วนต้องจัดการ..ทรงฝากบอกมาว่าให้คุณลงไปทานก่อนได้เลย..” ฮาซานมีสีหน้าตึงขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อท่านชีคที่เขาแสนเคารพอย่างไร้มารยาท..ทว่าก็ออกปากบอกอย่างสุภาพเช่นเดิม..ทำให้คาวัลโลยิ้มเยาะอย่างครึ้มอกครึ้มใจ
“..เชิญที่ห้องอาหารครับ..” ฮาซานผายมืออกแล้วพยักหน้าให้นางกำนัลที่มายืนรออยู่..คาวัลโลก้าวเท้าตามร่างของหญิงรับใช้ในชุดคลุมสีเข้ม โดยมีฮาซานเดินตามห่างๆ นัยน์ตาสีน้ำทะเลกวาดมองโดยรอบอย่างสังเกตสังกา..เขาไม่เห็นพวกทหารหรือคนรับใช้ออกมาเพ่นพ่าน จะมีก็แต่เงาของผู้คนเดินแว้บไปแว้บมาเร็วๆ คล้ายทำธุระเร่งด่วน
ผนังประดับรูปภาพและตามทางเดินมีของประดับตกแต่งเล็กน้อยทว่ากะราคาแล้วมันน่าจะไม่น้อยเลย..บันใดเวียนขั้นยาวชวนให้เมื่อขายังคงคลาสสิคเสมอไม่ว่าจะเป็นพระราชวังของที่ไหน.. แน่นอนว่าโคมไฟคริสตัลขนาดใหญ่ราคาแพงลิ่วก็เป็นของที่ขาดไม่ได้เช่นกัน..รวมไปถึงเก้าอี้บุนวมสีทองสวยหรูและช้อน..ส้อม..จาน ที่ทำมาจากทองแท้..
คาวัลโลอยากจะถอนใจเฮือกแล้วออกปากบ่นกับการสิ้นเปลืองอย่างไม่ควรของคนที่นี่ ขนาดบ้านเขาที่ถือว่าร่ำรวยติดอันดับของอิตาลี ยังไม่มีของสิ้นเปลืองพวกจานชาวที่ทำมาจากทองเลย แค่เงินแท้ก็พอแล้วพวกทองน่ะขอเป็นเครื่องประดับตกแต่งดีกว่า..
ปลายเท้าชะงักลงเมื่อพบว่าในห้องนั้นยังมีชายหนุ่มอีกหนึ่งนั่งอยู่..คาวัลโลหรี่ตาลงช้าๆขณะที่ยิ้มหวานทักทายชายที่เขาจำได้ว่า..ชื่อฟาลซาอ์..รึอะไรประมาณนั้น..
“..สวัสดีครับ..” อีกฝ่ายทักทายพร้อมกับเชื้อเชิญอย่างเป็นกันเองทำให้คาวัลโลรับคำและเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม จากหางตามองเห็นฮาซานกับนางกำนัลคนนั้นรออยู่ตรงทางเข้า ไม่ตามมาแต่อย่างใด..
จานอาหารถูกวางลงตรงหน้าอย่างรวดเร็วและเงียบกริบด้วยฝีมือสาวใช้ที่ยืนประจำอยู่..คาวัลโลมองอาหารในจานแล้วเลิกคิ้วออกมาอย่างงงๆเพราะในนั้นส่วนใหญ่จะมีอาหารแถบยุโรป และมีอาหารอิตาเลี่ยนประเภทซาลามี่ พาสต้าและรีซ้อตโต้ เจอกระทั่งผักโขมอบชีส และมันฝรั่งอบอีกด้วย..
คาวัลโลเลิกคิ้วขึ้นอย่างงวยงงไม่น้อย..หรือว่าคนในวังนี้เขาชอบทานอาหารประเภทนี้มากกว่า..
“..ท่านพี่อัลชาอ์สั่งให้พ่อครัวทำนะครับ..คงจะจัดไว้ให้คุณด้วย..” เจ้าชายหนุ่มยิ้มและตอบออกมาเบาๆเมื่อเห็นแววตางวยงงสงสัยของหนุ่มต่างชาติตรงหน้า..
“..อ้า...ครับ...” คาวัลโลรับคำเบาๆมองเห็นสายตาประเภท”พี่อัลชาอ์เอาใจใส่คุณมาก” จากเจ้าชายหนุ่มตรงหน้าแล้วพาลเส้นขนลุกเกรียวกราว..
“..รับกาแฟมั้ยครับ?.. “ นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นจ้องมองมายังเขาด้วยท่าทีเป็นมิตรเช่นเคย ทำให้คาวัลโลอดจะยิ้มตอบไม่ได้..
“ ขอเอสเพรสโซ่นะครับ..” คาวัลโลบอกพร้อมกับเริ่มจัดการอาหารตรงหน้า..
“..คุณเจอกันพี่อัลชาอ์ที่ไหนเหรอครับ..?”ทานไปได้ไม่เท่าไหร่ คำถามที่คิดไว้แล้วว่าจะต้องเจอก็ดังขึ้น..ทำให้คาวัลโลที่กำลังยัดสปาเกตตี้เข้าปากชะงัก..เขาค่อยๆกลืนมันลงคอพร้อมกับสบมองแววตาสีเขียวของเจ้าชายหนุ่มตรงหน้า ด้วยแวววตาเศร้า..
“..คุณคงรู้สึกไม่ดี...กับเรื่องนี้..” แววตาสีน้ำทะเลที่หรุบต่ำลงและหม่นแสงทำให้ฟาลซาอ์ชะงัก เจ้าชายหนุ่มวางแก้วน้ำทรงสูงในมือลงพร้อมกับส่ายหน้าทันควัน..
“ โอ้..ไม่ใช่นะครับ..ถึงผมจะนับถือองค์อัลเลาะห์..แต่ก็ไม่ได้รังเกียจเรื่องนี้..วางใจได้..” ฟาลซาอ์รีบออกปากเมื่อพบว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีสีหน้าหม่นลง “ โลกตอนนี้ก้าวไปถึงสมัยไหนแล้ว..วางใจเถอะครับ..เรื่องแบบนี้..ในแถบนี้ท่านพี่อัลชาอ์ใช่จะเป็นคนแรก..”
“...ครับ..” คาวัลโลนึกสงสัยกับคำพูดของเจ้าชายหนุ่มไม่น้อย..ไม่ใช่คนแรก..แสดงว่าท่านชีคผู้เคร่งขรึมเต็มไปด้วยหนวดเคราและมีหน้าตาถมึงทึงอยู่ตลอดเวลาที่เขาพบเจอมาหลายๆท่านนั้น เบื้องหลังอาจจะมี”ชายอันเป็นที่รัก”แบบนี้..งั้นสิ..
“..ผมแค่อยากรู้เท่านั้นเอง..” ฟาลซาอ์หยิบแก้วน้ำมาจิบอีกครั้งพลางมองสบตาชายหนุ่มตรงหน้า “ ผมไม่ค่อยได้อยู่วังเท่าไหร่..เพราะไปเรียนที่ต่างประเทศนานๆจะได้กลับที พอเห็นพี่อัลชาอ์มีคนรู้ใจจึงอยากพูดคุยให้คุ้นเคยกันไว้เท่านั้น..”
“...เรียนที่ไหนเหรอครับ?..” คาวัลโลยิ้มรับแต่ออกปากถามเบี่ยงกระเด็นอื่นเสียก่อน..อาจจะเพราะเขาขนลุกกับคำว่า”คนรู้ใจ”จนพูดอะไรไม่ค่อยจะออกก็ได้..
“...อังกฤษครับ..ที่ออกซ์ฟอร์ด..” ฟาลซาอ์ตอบ พลางกวาดสายตาพิจารณาคนตรงหน้าแต่หัวจรดเท้า “ ผมว่าหน้าตาคุณยังดูเด็กอยู่เลย..อายุเท่าไหร่เหรอครับ..?”
“...ยี่สิบเอ็ดครับ..” คาวัลโลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม่ในใจนึกอยากจะเดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด เรื่องอะไรมากสอบสวนกันแบบนี้ว่ะ “..ผมจบมหาลัยปีนี้เอง..”
“..ดูเด็กกว่าอายุจริงมากเลยนะครับ..ไม่น่าเชื่อ “ เออ..ก็ไม่น่าเชื่อนะสิ ตูอายุสิบเก้าเฟ้ย !! คาวัลโลสถบงึมงำในใจ แม้ใบหน้าจะยังยิ้มให้เช่นเดิม..
“...งั้นไปเจอพี่อัลชาอ์ที่ไหนล่ะครับเนี่ย..เพราะพี่ชายผมก็ไม่ได้ไปไหนบ่อยๆ..” ไอ้....นี่แกจะสืบสวนไปถึงไหนว่ะ !! คาวัลโลหัวเราะเบาๆส่งยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาฆาตกร..อุตส่าห์เปลี่ยนเรื่องแล้ว..ยังจะถามมากอยู่ได้..
“..ที่UAE ครับ..เจอกันที่นั่น..” คาวัลโลแสร้งบอกด้วยสีหน้ามีความสุขปนขัดเขิน แม้ในสมองตอนนี้กำลังครุ่นคิดหาคำโกหกชนิดรวดเร็วปานไฟแล่บ “ ..ผมมาเที่ยว..ฉลองเรียนจบไฮสคูลเมื่อสามปีก่อน..แล้วได้เจอกันที่นั่น..”
คาวัลโลหรุบตาลงช้าๆ พลางถอนหายใจด้วยสีหน้าปนเศร้าเล็กน้อย..
”ก็แค่เวลาสั้นๆน่ะครับ..แต่ก็..ทำให้ลืมไม่ลงซักที..”
“...เมื่อสามปีก่อนพี่ผมยังไม่ได้ครองราชย์เลยนะครับ..” สีหน้าสงสัยงวยงงของเจ้าชายหนุ่มตรงหน้าทำเอาบทโศกที่คิดออกมาพลันชะงัก..บทของชีคหนุ่มที่ไปพบกับคนธรรมดาแล้วเกิดมีความสัมพันธ์กันอย่างในนิยายที่แต่งมาสดๆร้อนๆให้เข้ากับสถานการณ์แทบจะพังครืนไปต่อหน้า..ชวนให้คาวัลโลชักอยากจะลุกไปคว้าคอเจ้าคนต้นเรื่องให้มาแหกปากบอกเลิกทำเรื่องบ้าๆนี่สักที
“..อ่า..นั่น...”
หมับ..
“..แล้วมีอะไรหรือ?..ฟาลซาอ์...” ฝ่ามือหนาที่ทาบลงบนไหล่และบีบ..เบาๆในสายตาคนอื่น ทำให้คาวัลโลหันไปมอง แล้วยิ้มออกมาช้าๆ ขณะที่ส่งแววตาเอาเรื่องให้อีกฝ่าย..
“..ท่านพี่..” เจ้าชายหนุ่มอุทานเบาๆพลางขยับตัวลุกขึ้นให้เกียรติ แต่ชีคหนุ่มก็โบกมือปฏิเสธแล้วทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ข้างกายหนุ่มชาวต่างชาติ..
จานช้อนส้อมและแก้วน้ำถูกนำมาวางตรงหน้าชีคหนุ่มอย่างรวดเร็วเงียบกริบ..ฟาลซาอ์มองเห็นฝ่ามือของญาติผู้พี่เอื้อมจับมือขาวจัดของชายหนุ่มข้างกายแล้วบีบเบาๆ..พร้อมกับส่งสายตาห่วงหาอาทรไปให้..
“..ไอ้บ้าเอ๊ย..ไม่มาตอนความแตกซะเลยล่ะ” คาวัลโลกัดฟันกรอด กระชากเสียงใส่ชีคหนุ่มที่เอนกายมาใกล้ ด้วยสายตาฆาตกรแต่มีรอยยิ้มหวานประดับบนใบหน้าอย่างมืออาชีพ..
“..หุบปากแล้วอือออไปก็พอ..” อัลชาอ์กระซิบเสียงตอบห้วนๆ ก่อนจะเอื้อมมือลูบเส้นผมสีน้ำตาลของคนข้างกายเบาๆ..ด้วยสีหน้ารักใคร่..
“..เป็นยังไงบ้าง..อาหารถูกปากไหม?..ผมให้พ่อครัวทำแต่ของที่คุณชอบมาทั้งนั้นเลยนะ..” น้ำเสียงนุ่มหูและฝ่ามือที่ลูบเส้นผมเบาๆทำให้คาวัลโลยิ้มรับ..
“..ครับ..ขอบคุณมาก..” ยังดีที่เรื่องอาหารมันยังเป็นเรื่องจริง ถึงจะไม่ใช่ของที่ชอบทั้งหมดแต่ก็ยังพอกินได้และจะดีกว่ามาก..หากไอ้ท่านชีคเวรนี่จะเลิกกระชากเส้นผมชาวบ้านสักที !!
“..ทานเยอะๆนะ..ผมเห็นคุณผอมลงทุกครั้งที่เจอกันเลย..” อัลชาอ์บอกด้วยรอยยิ้มอาดูร พลางละมือจากเส้นผมสีอ่อน และตักปลาแซลม่อนอบชีสไปให้..
“..ขอบคุณครับ..” คาวัลโลยิ้มรับ..ท่านชีคครับ ..คุณชายคาวัลโลเกลียดปลาแซลม่อนอบชีสเฟ้ย!! ดันทุรังตักมาให้ทำไมครับ..
“..คุณก็เหมือนกัน..ทานเยอะๆนะ..” คาวัลโลกำลังคิดอยู่ว่าจะเอาอะไรใส่จานท่านชีคดี ฝ่ามือของคนตรงหน้าก็ยึดมือของเขาไว้พร้อมกับออกแรงบีบ...ชนิดที่เจ็บไปถึงกระดูก
“..อย่ามามัวตักให้ผมเลย..ทานของคุณเถอะครับ..” อัลชาอ์เอ่ยเสียงนุ่ม..แม้แววตานั้น..มันจะบอกว่า “อย่ามาหาเรื่องเอาคืนกันเหมือนเด็กๆ!! ก็ตาม..
“..แหม..อัลชาอ์ก็..ห่วงตัวเองบ้างสิครับ..อย่าเอาแต่ห่วงผมสิ..” คาวัลโลหัวเราะรับพลางเอื้อมมือกุมแขนหนาไว้..พร้อมกับออกแรงบีบกลับ..สุดแรง..
“..ไม่เป็นไรหรอก..ทานข้าวเถอะครับที่รัก..” รอยยิ้มของชีคหนุ่มแข็งค้าง..ขณะที่แขนซ้ายเจ็บแปลบจนสั่นระริก...แต่ในสถานการณ์นี่เขาก็ได้แต่ยิ้มพร้อมกับส่งแววตาเอาเรื่องไปให้เจ้าตัวที่ทำหน้าระรื่นอยู่ข้างๆ
“..ดูพี่มีความสุขมากเลยนะครับ..”น้ำเสียงแฝงความพอใจของเจ้าชายหนุ่มทำให้อัลชาอ์ยิ้มมุมปากขณะที่คาวัลโลหันไปยิ้มให้อย่างขัดเขิน..ความสุขบ้านแกสิ!!
“..เป็นเช่นนั้นแน่นอนอยู่แล้ว..” อัลชาอ์รับคำด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ สบมองแววตาสีเขียวสดของญาติหนุ่ม “..เมื่อครู่ถามอะไรรึ..ฟาลซาอ์..”
“..อ้อ...แค่อยากรู้นะครับ..ว่าไปเจอกันได้ยังไง..ก็ท่านพี่เล่นอุบเงียบไว้เลยนี่นา..” เจ้าชายหนุ่มออกปากแซวอย่างอารมณ์ดี..
“..อย่างที่คาลบอกนั่นแหละ..เมื่อสามปีก่อน..ตั้งแต่ก่อนที่พี่จะได้ครองราชย์แล้ว..” อัลชาอ์บอกพลางยิ้มน้อยๆให้คนข้างกาย “ยังจำได้เลย ว่าตอนนั้นเจอกันในสภาพไหน..?ใช่ไหมครับ..หนุ่มน้อยแสนซนของผม.”
“..อะไรกันครับ..อย่าแซวสิ..” คาวัลโลหัวเราะเบาๆด้วยท่าทีขัดเขิน..ขณะที่ปลายเท้ากระแทกลงบนฝ่าเท้าของชีคหนุ่มใต้โต๊ะ
“..จริงๆนี่นา..ตอนนั้นคุณน่ารักมาก..” อัลชาอ์หัวเราะรับเบาๆ..ขณะที่ปลายเท้าใต้ตะสะบัดไปมาพยายามแกว่งหาเจ้าของฝ่าเท้าคู่นั้นอย่างเอาเรื่อง..
“..พอเลยครับ..ไม่รื้อฟื้นแล้ว..” คาวัลโลทำหน้ามุ่ยด้วยท่าทีขัดเขิน..
“..ขี้อายไปได้น่ะ..เอาเถอะ..ผมไม่แกล้งแล้ว..ฟาลซาอ์ มีอะไรจะถามอีกรึเปล่า?..” อัลชาอ์หันไปมองหน้าญาติผู้น้องตน แม้จะถาม..แต่แววตาคู่นั้นบ่งชัดว่าไม่พอใจที่ถูกละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว..
“..อา..ไม่แล้วละครับ..” ฟาลซาอ์รีบปฏิเสธทันควัน..ก่อนจะเบิกตาขึ้นเหมือนนึกได้ “..แล้วท่านลุงอาเหม็ดกับฟาตะมิห์...”
“..เรื่องนั้น..” อัลชาอ์ยิ้มเครียดๆส่วนคนข้างกายหรุบสายตาลงต่ำอย่างไม่สบายใจ “..ฉันจะคุยกับท่านลุงทีหลัง..ตอนนี้ท่านคงโกรธจัด..ไม่มีประโยชน์ที่จะไปดื้อดึงอธิบาย รอให้สงบสติอารมณ์ได้แล้วคงค่อยๆคุยกันได้..”
“...ส่วนฟาติมะห์..เธอยังคงเป็นผู้หญิงที่เพียบพร้อม..แม้จะไม่ได้แต่งงานกันเธอก็ยังคงเป็นน้องสาวคนสำคัญของฉันเสมอ..”
“..ครับ..หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปด้วยดี..” ฟาลซาอ์หรี่ตาลงแล้วถอนหายใจเบาๆ..
ทั้งที่บทสนทนาเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นกันเองเช่นการสนทนาในครอบครัว แต่คาวัลโลกลับสัมผัสได้ถึงท่าทีที่ค่อนข้างแข็งกร้าวของชายหนุ่มทั้งสอง..เขามองเจ้าชายฟาลซาอ์ที่สนทนาเรื่อยเปื่อยกับอัลชาอ์ด้วยสีหน้าปกติแล้วหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด..สงสัยว่าในวังนี้ อาจจะมีเรื่องเน่าๆรอให้เขาค้นพบอีกมากล่ะมั้ง..
ทั้งเรื่องสองพ่อลูกที่ออกจะทรงอิทธิพลอย่างแปลกๆ..
เรื่องชาติกำเนิดของท่านชีคที่ท่าทางจะเป็นเป้าโจมตีชั้นดี..
และเรื่องของลูกพี่ลูกน้องที่ภายนอกเหมือนจะสนิทสนมกลมเกลียวกันดี แต่เขาหลับมองเห็นรอยร้าวลึกระหว่างคนสองคนชัดเจน..
......................................
และแล้วก็ยังเป็นละครลิงกันต่อไป เหอๆ
ตอนนี้ถือว่าเป็นช่วงปรับตัวและสังเกตสังกาอะไรหลายๆอย่างของคาวี่เขาละค่ะ มีอารมณ์คิดถึงคนอื่นเขาด้วยแนะ ปกติไม่เห็นมีเลยอ่ะพ่อคุณ..แถมยังนิสัยร้ายกาจอีก มิน่า คนเขาถึงว่าเอ็งเป็นไอ้บ้าอ่ะ (โดนถีบ
) ส่วนอัลชาอ์..ทนๆไปก่อนนะค่ะชีคแล้วค่อยเอาคืน กร๊ากกก
ปล. โปรดสังเกต..
- นายเอกถอดไป
เกือบหมดแล้วนะเธอ
- นายเอกโดนพระเอก "คร่อมบนเตียง"แล้วนะจ๊ะ
...........แต่อัลชาอ์ก็ยัง..
ไปหาม้ากระทืบโลงกับโด่ไม่รู้ล้มโ๊ด๊ปมันดีป่ะเนี่ย..
ปล. สอง พรุ่งนี้พบกับพี่โตน้องเนมซีซั่นสองนะค่ะ ไปรอได้เลย