พันธนาการหัวใจ ด้วยสายใยรักจาก..แผงทุเรียนแสงแดดแผดจ้าร้อนแรงแข่งกับกลิ่นฉุนจมูกของผลไม้หน้าร้อนที่วางเกลื่อนหน้าร้านของตัวเอง หายใจเอากลิ่นที่ต้องเผชิญตลอดปิดเทอมนี้เข้าไปเต็มปอด อย่าบอกผม..ว่าคุณเดาไม่ออกว่าผลไม้กลิ่นแรงพวกนี้คืออะไร
“..ขายยังไงจ๊ะ?” ยิ้มให้ลูกค้าคนแรกของวันแล้วอ้าปากเอื้อนเอ่ยจำนรรจา..
“โลละ 20 ครับ ร้านนี้ซื้อทุเรียนแถมมังคุดครับคุณน้า” หุบปากฉับแล้วหันไปมองต้นเสียงกวนตีนจากร้านตรงข้าม หน้าขาว ปากแดง วาจา 2 ล้านหาวบวกกับความไม่มีมารยาททางการค้าของแผงนั้นเกือบทำผมสติหลุด
“โลละ 25 ครับน้า ร้านผมของสดครับ เพื่อความแปลกใหม่เราเลยเปลี่ยนผลไม้ทุกสัปดาห์ อาทิตย์นี้ขายหมอนทองครับ รับมาจากจันทบุรีครับเลยแพงกว่าร้านนั้นนิดหน่อย..ตัดสินใจก่อนได้นะครับ” น้าผู้หญิงทำท่าคิดแล้วยิ้มแย้ม ‘ไม่เป็นไรจ๊ะหนู..น้าอุดหนุนหนูจ๊ะ’ คุณน้าชี้ลูกทุเรียนที่วางอยู่ด้านล่างแผง เดินออกมาหยิบแล้วจัดการสวมถุงมือหนา กรีดมีดลงตามร่องพู แล้วผ่าหลังพูอีกที ค่อย ๆ แกะแล้วพันกระดาษส่งทุเรียนลงไปอยู่รวมกันในถุงพลาสติกสีใส ปากก็คอยตอบคำถามของคุณน้าไปด้วย
“ผมปิดเทอมครับเลยมาช่วยที่บ้านขายผลไม้..” คุณน้าชมว่าผมเก่ง สำหรับเด็กรุ่นใหม่ไม่ค่อยมีหรอกครับที่ปิดเทอมจะมาทำอะไรแบบลูกพ่อค้าแม่ขายอย่างพวกผม เขาก็เดินห้าง ติวมั่ง เที่ยวมั่ง แต่สำหรับเด็กตลาดอย่างพวกผม จะหนีไปทำอะไรแบบนั้นมันก็..มันก็ทำได้นะ แต่ผมไม่สบายใจแน่ถ้าบอกพ่อว่าปิดเทอมจะขอไปเที่ยว ผมไม่ใช่พวกติดเพื่อนซะด้วย เลยไม่ลำบากใจที่จะมานั่งหลังขดหลังแข็งขายทุเรียนช่วยพ่อหาค่าเทอมให้ตัวเอง
“75 บาทครับ.. 70 ก็พอครับ” คุณน้ายิ้มแล้วบอกขอบใจผม ลดได้ก็ลดครับ ทอนเงินเสร็จก็เดินกลับมานั่งตากพัดลมในแผง นั่งพักได้แป๊บเดียวคนฝั่งตรงข้ามที่ตั้งป้อมกวนตีนผมมาตั้งแต่รู้จักกันก็เห่าใส่ทำลายความสุขทันที
“..ใจดีจังนะ” น้ำเสียงส่อเสียดกับหน้าตากวนส้นตีนของแผงฝั่งตรงข้ามสร้างความหงุดหงิดให้ผมได้เสมอ ถ้าเป็นคนอื่นคงวางมวยกันไปแล้ว แต่ผมไม่ชอบการใช้กำลัง มันไร้ประโยชน์ เลยใช้ความเงียบสงบสยบความรุนแรงมาตลอด ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
“..ไม่มีปากเหรอ?” มันพาหน้าขาวปากแดงของมันมาเหยียบหน้าแผงผม พอผมใช้วิธีเดิมมันก็เดินเข้ามาในแผง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เท้าแขนคร่อม หลิ่วตา ยิ้มหยันใส่หน้าผมในระยะประชิด ผมเฉยใส่มันก็เอื้อมมือไปปิดพัดลมให้กลิ่นทุเรียนลอยคละคลุ้งหนักกว่าเดิม จ้องตาสีน้ำตาลอ่อนของมันนิ่ง กัดกรามแน่น สูดลมหายใจเข้าให้ลึกที่สุดข่มอารมณ์โมโห
“..ผมมาซื้อทุเรียนครับคุณโก๋” เสียงเรียกจากหน้าแผงของผมดังขัดความกวนตีนของคนขายทุเรียนฝั่งตรงข้าม คนขายทุเรียนกวนตีนหันไปมองเสียงนั้นทั้งที่ยังเท้าแขนคร่อมผมอยู่ เบี่ยงไปมองเจ้าของเสียงนั้นด้วยความอยากรู้..
ผู้ชายผิวขาวแดงสวมเสื้อโปโลสีขาว ยืนหน้าใสคู่กับผู้ชายตัวสูง หน้าคม เพื่อนหน้าตาน่ารักของมันแย้มริมฝีปากยิ้มน้อย ๆ ให้ผมเป็นการทักทาย ผมยิ้มตอบแล้วเผลอมองหน้าเรียวจนเพลิน ปากนิดจมูกหน่อย..มองยังไงก็ไม่เบื่อ
“..กูไม่ว่าง!” มันตอบเพื่อนตามสันดาน คนหน้าตาจิ้มลิ้มยิ้มล้อเลียนประมาณ ‘เหรออออ?’ มันยิ้มมุมปากแล้วบอกให้คนตัวสูงที่ชื่อ ‘หนุ่ม’ ปอกให้แล้วหันมาจ้องหน้าผมต่อ แววตากวนส้นของมันเริ่มทำให้ผมชินชา
ผมรู้จักมันเพราะครอบครัวผมย้ายบ้านและต้องย้ายที่ทำกินมาเช่าแผงในตลาดแห่งนี้ แน่นอนว่าครอบครัวผมกับมันไม่เคยมีเรื่องหมางใจ และครอบครัวผมกับมันก็มีแต่ความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ผมก็ยากจะเข้าใจว่า..ทำไมมันถึงเกลียดผมนัก!
“งั้นผมซื้อทุเรียนลูกนี้ครับ มึงไม่ขายแต่คนนี้เขาขาย..ใช่ไหมครับ?” มันหันไปมองเพื่อนทันที..คอแทบจะหัก ผมเบี่ยงตัวไปยิ้มมารยาทตอบเพื่อนน่ารักของมันแล้วลุกพรวด ไหล่ผมกระแทกอกแข็งของมันจนมันผงะไปด้านหลัง ไม่ได้หันไปมองว่ามันทำหน้ายังไง คงตกใจที่ผมลุกพรวดไม่ใส่ใจมันล่ะมั้ง
เดินออกจากแผงหยิบทุเรียนลูกที่คนน่ารักเลือกมาลงมีด ยื่นมือไปตั้งใจจะหยิบถุงพลาสติก แต่ก็ไม่ทันคนที่ผมเพิ่งชนหงายหลัง มองมือขาวที่คลี่ถุงพลาสติกรอ เงยหน้าไปมองหน้าขาว ตาสีน้ำตาลอ่อนมองผมอยู่ก่อนแล้ว จ้องตาคู่นั้นแล้วก้มหน้าผ่าทุเรียนต่อ ไม่อยากเข้าใจคนผีเข้าพระเสาร์แทรกธาตุไฟแตกหมาบ้าอย่างมัน
“พี่หนุ่มพาไอ้ต๋องไปดูหนังไม่ใช่เหรอ? หรือมันชวนไปทำอย่างอื่นเลยต้องรีบกลับ” เสียงแหบห้าวชวนเพื่อนคุย ผมอดเหลือบมองเพื่อนมันไม่ได้ เป็นแฟนกับคนตัวสูงเหรอเนี่ย? แกะทุเรียนไปหูก็ฟังคนคุยกันไปด้วย
“มึงสำรอกอะไรออกมาไอ้โก๋! กูไปดูหนังกันเสร็จแล้วก็กลับมานี่แหละ กล้าสำนึกอกุศลกับกูเหรอ?!” เบือนหน้าไปมองเพื่อนมันแล้วก็ต้อง..อ้าปากค้างกับความน่ารัก ผมเคยเห็นเด็กผู้หญิงที่เอาขนมมาให้ผมแล้วอายจนแก้มเป็นสีชมพู แต่นี่มัน..นี่มันจะน่ารักเกินไปแล้ว
คนชื่อ ‘ต๋อง’ ด่าเพื่อนตรงข้ามแผงแก้ขวย มือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วห่อไหล่แก้เขิน ปากด่าแต่หน้าเบือนไปจ้องกองทุเรียน หูค่อย ๆ แดงแล้วลามไปทั้งตัวช้า ๆ แก้มสีแดงเข้มเหมือนชมพู่ที่พี่หนุ่มเหมาแผงตรงข้ามไปหลายกิโลเมื่ออาทิตย์ก่อน พี่หนุ่มก้มมองหน้าแดงของต๋องด้วยแววตาระยับ ล้วงหยิบแว่นสายตาสวมให้ ต๋องสะดุ้งแต่ก็หันหน้ามาให้พี่หนุ่มสวมแว่นให้โดยดี
“ช้า..หรือจะให้ช่วย?” เสียงแหบดังข้างหู สะดุ้งสุดตัวแล้วใช้ศอกดันอกมันออก หันไปมองหน้าขาวที่คลี่ยิ้มบางแล้วรู้สึกแปลกในอก หัวใจมันเต้นแรงขึ้นจนรู้สึกอึดอัด คงเป็นเพราะผมไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของมันล่ะมั้ง
“60 บาทครับ” รีบแกะแล้วรีบขายให้ต๋องกับพี่หนุ่ม พี่หนุ่มรับทุเรียนไปถือเองแล้วก้มหัวลาผม ต๋องที่ยังไม่เลิกเขินเงยหน้าจากกองทุเรียนมายิ้มอาย ๆ ให้แล้วขยับแว่น ก้มหน้าเดินนำพี่หนุ่มที่ผายมือไปด้านหน้า พี่หนุ่มหันมายิ้มผ่านผมไปให้คนขายทุเรียนแผงตรงข้ามที่ยืนสิงทุเรียนอยู่ด้านหลัง
“เต็มที่นะโก๋..พี่เอาใจช่วย” ขมวดคิ้วมองพี่หนุ่มแล้วเบือนหน้าไปมองหน้าขาวปากแดงที่กลายเป็นหน้าแดงแข่งปากเพราะสบตาสงสัยของผม ‘อะไร?’ มันเอ่ยปากถามแต่กลับเดินเข้าไปในแผงผมเหมือนไม่ต้องการคำตอบ รีบวิ่งไปขวางไม่ให้มันมาก่อกวนความสงบสุขทันที
“กลับไปได้แล้ว..แผงคุณอยู่โน่น” มองหน้าขาวที่ยกยิ้มมุมปาก มันเดินเข้ามาหาผมเลยต้องถอยหลัง ไม่อยากใช้มือผลัก..ผมไม่เคยแตะตัวมัน ผมไม่คุ้นเคยกับร่างกายคนอื่น
“หืม?..นึกว่าต้องซื้อทุเรียนก่อนถึงจะยอมคุยด้วย” ขมวดคิ้วมุ่นมองหน้าขาวยิ้มพราย ดวงตาพราวระยับชวนใจเต้นขยับเข้ามาเรื่อย ๆ หลังผมชนกับเก้าอี้พับ เซล้มลงไปนั่งพร้อมกับคนแผงตรงข้ามนั่งยอง ๆ เท้าแขนคร่อมพนักจับ
“ทำไมถึงไม่เคยคุยกับผมสักครั้ง?” มองปากแดงที่ห่างไม่ถึงคืบเอ่ยถาม ในสมองมึนงงเมื่อคนถามขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ริมฝีปากเด่นชัด ลมหายใจแทบจะผสานกัน..ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยย
“มากไปแล้วนะ! เกลียดอะไรกันนักหนาถึงคอยแกล้งคอยว่ากันตลอดเวลาแบบนี้! กูไปขโมยหวยถูกรางวัลแม่มึงมาขึ้นเงินรึไง?!” ผมจะไม่เป็นคนมีสกุลกับมันอีกต่อไปแล้ว ผลักอกมันเต็มแรงจนมันล้มก้นกระแทก จับแขนที่มีแต่มัดกล้ามของมันเหวี่ยงออกมานอกร้านเต็มแรง ผมหมดความอดทนกับการ ‘แกล้งกันเล่น’ ของมันแล้ว!
คนขายทุเรียนแผงตรงข้ามขืนตัวไว้แล้วทำท่าจะโผเข้ามาหาผมอีกครั้ง เบี่ยงตัวหลบแขนแกร่งแล้วคว้าเปลือกทุเรียนที่ปอกแล้วมาขว้างมั่ว ๆ เขวี้ยงไปทางที่คิดว่ามันยืนอยู่ไม่ยั้งมือ หนามทุเรียนตำมือจนเจ็บ เสียงโวยวายของมันกับเสียงตกใจจากแผงอื่นดังมั่วไปหมด จนความเคลื่อนไหวจากเป้าหมายเงียบผมถึงยอมหยุด
“.........” หันไปมองคนขายทุเรียนแผงตรงข้ามที่ถูกเปลือกทุเรียนพุ่งเข้าทำลายยิ่งกว่า M79 หน้าขาวมีรอยเหมือนถูกข่วนจนเลือดซิบที่โหนกแก้ม แววตาที่ผมสบมันสื่อถึงความ..เจ็บปวด เบือนหน้าหนีตาคู่นั้นแล้วไล่สายตาลงมาสำรวจร่างกายมัน แขนข้างขวามีเลือดไหลหยดลงมาจากมือ หน้าแข้งมีเลือดซึมอยู่ทั้ง 2 ข้าง ผมก้มมองเปลือกทุเรียนเกลื่อนพื้นด้วยความรู้สึกสับสน..ว่าควรจะขอโทษ หรือควรจะถือดีว่าตัวไม่ผิดต่อไป
แต่ความเป็นคนดีของผมมันมีมากกว่าความเป็นปีศาจ ความผิดแล่นเข้าทำร้ายใจจนเจ็บไปหมด ผมควรจะพูดคำว่าขอโทษ แต่อีกใจก็ตะโกนแย้ง..มันก็สมควรแล้วนี่! กัดริมฝีปากล่างจนเจ็บ กำหมัดแน่น ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เท้าคนขายทุเรียนแผงตรงข้ามเดินเข้ามาใกล้แล้วหยุดตรงหน้า กัดฟันแน่นแล้วหลับตา..ทำใจรับผลจากการทำร้ายคนเลือดร้อน
“..ขอโทษที่เริ่มต้นได้ไม่ดี ผมอยากให้คุณสนใจเลยทำตัวเหมือนเด็ก ชอบเรียกร้องความสนใจด้วยการแซวแรง ๆ ผมเสียใจที่ทำให้คุณคิดแบบนั้น..คิดว่าผมเกลียดคุณแบบนั้น..” ลืมตาขึ้นมองมือเปื้อนเลือด ประโยคจริงใจของคนขายทุเรียนแผงตรงข้ามดังก้องในหัว เงยหน้ามองรอยยิ้มขื่น ผมมองคนแผงตรงข้ามที่กำลังหันหลังแล้วเดินออกจากแผงผมไปช้า ๆ มือที่เร็วกว่าความคิด..คว้าข้อมือมันไว้ทันที เลือดเหนียวหนืดติดมือ หน้าขาวที่มีเลือดซึมที่โหนกแก้มหันมองมือกับหน้าผมสลับกัน
“..ขอโทษ” กลั้นใจพูดในสิ่งที่ควรจะพูดแล้วเงยสบตาสีน้ำตาลอ่อนด้วยความรู้สึกสำนึกผิดที่ทำให้เจ็บตัว คนหน้าขาวยิ้มกว้างแล้วใช้มืออีกข้างที่อยู่ในสภาพปกติจับมือผม
“เจ็บตรงนี้..ตรงนี้ ตรงนี้ด้วย” มองตามมือตัวเองที่ถูกมันยึดไว้แตะตรงซอกคอ หัวไหล่หนา และที่หัวใจ เงยหน้ามองแล้วขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ผมคงต้องบอกมันให้เข้าใจก่อนจะเริ่มเป็นเพื่อนแผงที่ดีต่อกัน
“ถ้ายังไม่ปล่อยมือ..มึงโดนทุเรียนเจาะหน้าแบบเต็มสูบแน่..เชื่อมือกูได้เลย!” บอกด้วยน้ำเสียงมั่นคง สายตาจริงจัง โก๋ยิ้มกว้างก่อนจะยอมปล่อยมือแล้วทำท่ายอมแพ้
ผมล้วงโทรศัพท์กดหาพ่อ เล่าให้ฟังแล้วให้แม่มาเผ้าแผงแทน วางหูแล้วบอกให้มันบอกที่บ้านมันให้มาเฝ้าแผงซะ ผมจะพามันไปหาหมอ มองเลือดชั่วที่ไหลไม่หยุดแล้วส่ายหน้าหน่าย ‘เลือดชั่วมันไหลแรงจริง ๆ ’ หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่คอยเช็ดเหงื่อตัวเองมากดปิดปากแผล เดินตีคู่มันออกจากตลาด มันใช้สายตาทิ่มแทงว่า ‘เพราะผม..มันเลยได้เลือด’ บังคับให้ผมต้องคอยประคองผ้าที่ปิดปากแผล ข่มใจแล้วขับพามันไปส่งให้ถึงมือหมอที่คลินิกและเฝ้ามันจนมันทำแผลเสร็จ เดินออกจากคลินิกมันก็ยื่นมือมาจับมือผมไว้มั่น พอหงุดหงิดกับมือกาวมันก็พูดคำนี้ใส่หน้า
“..เจ็บ” กัดกรามแน่นแล้วปล่อยให้มันจับมือจนกว่ามันจะพอใจ ขับไปส่งมันที่บ้านมันก็เอาแต่จ้องหน้า อึดอัดก็อึดอัด ใจแม่งก็เต้นแปลก ๆ ส่งมันถึงบ้านมันก็กวนตีน
“พรุ่งนี้หมอให้ไปทำแผล..นี่ใบนัด..ไม่ได้มั่วนะ” มองกระดาษสีขาวในมือมันแล้วพยายามทำใจ เอาเถอะ..มันเจ็บตัวก็เพราะผม แต่ต้นเหตุของการนองเลือดก็เพราะมันกวนตีนผมก่อน!
“หัดรับผิดชอบตัวเองซะบ้าง ความผิดครึ่งหนึ่งมันก็อยู่กับคุณเหมือนกัน!” ผลักมือที่จับกระดาษออกแล้วหมุนตัวเดินออกมาจากบ้านมัน แรงคว้าข้อมือให้กลับมาเผชิญหน้ากับหน้าขาวปากแดงมันมากพอจะทำให้ผมเสียหลัก..ล้มก้นจ้ำเบ้า
“โอ้ย!..มึงจะเอายังไง!” เหลืออดกับมารยาททรามของมัน ตะโกนใส่หน้าด้วยความโมโห ลุกพรวดไปผลักอกจนเจ้าตัวล้มลงไปนั่งบ้าง
‘..แรงเยอะชะมัด’ มันพูดเสียงเบา แต่ผมกลับได้ยินชัด มันนั่งขัดสมาธิกับพื้นแล้วยิ้มกว้าง
นี่มัน..ตั้งใจกวนตีนนี่หว่า! กัดฟันแน่นขึ้นแล้วหันหลังออกมาจากรั้วบ้านมัน มันยังตามมากวนไม่เลิกไม่รา
“พรุ่งนี้..” หันไปจ้องมือที่คว้าแขนสลับกับหน้าขาว ปากแดงของมันบอกให้ผมมารับมันไปทำแผลจนกว่าจะหาย พออ้าปากจะบอกมันว่าให้หาทางไปเอง..
“อะ..ไอ้เหี้ยโก๋!” สุดจะทานทนกับความ..ความกวนตีนของมัน ปลายจมูกเย็นชื้นของมันกดลงกับมุมปากผมเต็มที่ เสียงลมหายใจที่มันสูดกลิ่นเนื้อริมฝีปากผมเข้าไปเต็มปอดส่งให้แก้มผมร้อนวูบ เบี่ยงตัวหลบการรุกที่กำลังจะลามไปที่ริมฝีปากแบบเต็ม ๆ แล้วเงื้อมือจะชก มันยกแขนข้างที่มีผ้าพันแผลพันไว้ขึ้นมาทำบังเกอร์
“..เจ็บ” ดวงตาระยิบกับยิ้มพรายของมันทำผมไปไม่เป็น กัดฟันแน่นแล้วเอามือที่เงื้อค้างมาทึ้งผมตัวเองแทน หมุนตัวเดินกึ่งวิ่งออกจากบ้านมันด้วยความโมโห มือไม้สั่นไปหมด ไม่เคยมีใครนอกจากคนในครอบครัวได้ใกล้ผมมากเท่านี้มาก่อน มุมปากที่ถูกคนอื่นสัมผัสร้อนจนต้องยกมือไปแตะ..
“ไอ้เชี่ย!” นึกถึงต้นตอความร้อนแล้วก็หงุดหงิด ขึ้นรถแล้วขับออกมาให้เร็วที่สุด กลับมาอาบน้ำ กินข้าวเสร็จก็ล้มตัวนอน สมองไม่รักดีดันนึกถึงหน้าขาวปากแดงที่คอยกวนใจตลอดทั้งวัน รู้สึกแปลกกับพฤติกรรมของมัน
มันกล้า..กล้าหอมผมที่เป็นผู้ชายด้วยกันหน้าตาเฉย กัดเนื้อริมฝีปากล่างจนห้อเลือดก็ยังมีหน้าขาวของมันลอยมาหลอกหลอน ข่มตาหลับแล้วเตรียมรับการรุกของมัน ทำใจยอมรับกับการเข้ามายุ่งวุ่นวายในชีวิต และที่สำคัญ..คงต้องทำความคุ้นเคยกับสัมผัสจากคนขายทุเรียนแผงตรงข้ามที่ยังทิ้งไออุ่นไว้ที่ฝ่ามือและริมฝีปากไม่จางหาย
ใครจะไปคิดว่าการแกล้งกันเล่นของมันจะหมายถึง ‘เริ่มทำการผูกมัด’ แล้วใครจะไปคิดว่าที่ผมเริ่มทำใจยอมรับการผูกมัดของมัน..ผมจะเสียหัวใจให้มันไปด้วย..
เสียแก้มให้มันไล่เลี่ยกับเสียจูบแรกในระยะเวลาแค่ 2 อาทิตย์ และในเวลา 1 เดือนผมก็เสียหัวใจให้มันจนได้
โก๋เป็นครั้งแรกสำหรับผมทุกอย่าง รวมไปถึง..
เป็นผู้ชายคนแรกที่ผมคิดจะขายทุเรียนไปทั้งปีครับ!
END.
...............................
กอดรวบ! บวกๆค่า
มานั่งอ่าน และอ่านใหม่อีกรอบกันเถอะค่ะ ^^
เมื่อวานช่วงบ่ายจิไปอบรมเรื่องโปรแกรมบริหารจัดการของหน่วยงานหนึ่งมาค่ะ เขาใช้ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ของมหาลัยแห่งหนึ่ง แล้วจิไปวันธรรมดา..
เด็กผู้ชายหน้าขาว ๆ ท่าทางแบดบอยเยอะมวาก มองเพลินมาก อยากอยู่ที่นี่แม่งทั้งวัน(เคลิ้มมากมายค่ะ)
เห็นแล้วต่อมจิ้นก็ร้อนผ่าว ๆ เด็ก ๆ มหาลัยนี่มันน่าจิ้นจังเล้ย˷