[ ศ. 2 ก.ย 59 ]
ตอนที่ 27 http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=49086.900_ _ _ _ _ _ _ _ _ _
ตอนที่ 28
..ไฟ..สถานการณ์กลับตึงเครียดมากขึ้นเมื่อคนในค่ายต่างรู้ว่าผมจะขึ้นชกแทน แน่นอนว่าเป็นการขึ้นอย่างไม่ถูกกฎอยู่แล้ว ผมสั่งให้พายุ สมุทรและไอ้เข้มออกไปสืบเรื่องคนวางยาไอ้นพ ส่วนผม พี่ธาน พี่นีและพนักงานในค่ายคนอื่น ๆ ประชุมเป็นการส่วนตัวอยู่ในห้อง อย่างแรกเลยคือถ้าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนของฝั่งนั้นว่าสมุทรขึ้นชกแทนไอ้นพได้ ความน่าจะเป็นของการจับคู่มวยสำหรับขึ้นชกในรอบต่อไปจะเป็นอย่างไร
ก๊อก ๆ ๆ
“เฮีย..ยุเอง”
“เข้ามา” ผมอนุญาต
“ป๋ามาด้วยล่ะ แต่เห็นว่าไปหาเสี่ยเจียนแล้ว” พายุยิ้มบอกด้วยใบหน้าเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่ ป๋าที่มันว่าก็มีคนเดียวคือป๋าจง คงเป็นใครอื่นไม่ได้ที่จะทำให้น้องชายผมยิ้มแป้นขนาดนี้
“แล้วก็..ยุเห็นเฮียกานต์มาด้วย เพิ่งมาถึงเมื่อกี้” มันส่งข่าว ผมชะงักก่อนแสยะยิ้มออกมากับประโยคนี้ มือชี้หน้ามันน้อย ๆ บอกความชอบใจแสดงความขอบคุณ หยิบโทรศัพท์มือถือกดโทรออกหาเฮียกานต์และลุกเดินออกมาคุยเป็นการส่วนตัว
“หวัดดี” ปลายสายทักคล้ายรู้แกวอยู่แล้วว่าจะได้รับสายจากผม
“เฮียจะแทงข้างใครเหรอครับ ในเมื่อคนของผมเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ ผมก็นึกว่าเฮียเป็นแฟนคลับตัวยงของค่ายผมซะอีก” ผมเข้าประเด็นแซว ๆ คาดเดาเอาว่าเฮียกานต์น่าจะรู้เบื้องหลังทุกอย่างไม่มากก็น้อย
“หึ..ฉันก็กำลังคิด ๆ อยู่เหมือนกัน แกว่าไงดีล่ะ” เฮียถามกลับปนหัวเราะ
“ผมมีเรื่องจะรบกวนให้ช่วยหน่อยน่ะครับ” ผมเอ่ยตามตรง
“ว่ามาสิ” เฮียกานต์ขานรับโดยง่ายไม่มีการลังเล แกเป็นคนตรงไปตรงมาแบบนี้อยู่แล้ว ไม่คือไม่ เอาคือเอา จะว่าเป็นเจ้าของบ่อนที่ผมค่อนข้างชอบมากทีเดียว
“ขอทราบชื่อเจ้ามือใหญ่ครั้งนี้ด้วยครับ” ผมพูดเสียงเย็น
“หึ ถามคำตามตอบยากจังนะ ฉันมันเจ้าของบ่อนเล็ก ๆ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาใครจะคุ้มกะลาหัวละวะ” เฮียตอบทีเล่นทีจริง ผมเงียบฟัง ปลายสายเองก็เงียบไปครู่หนึ่งเช่นกัน
“ถือว่าฉันพูดทิ้งส่ง ๆ ให้ลมได้ยินก็แล้วกันนะ” อีกฝ่ายเอ่ยพลางถอนหายใจ
“เจ้ามือเจ๊ปราณี..ถือหุ้นร่วมกับเสี่ยปรีดา แล้วก็อริมึง..ไอ้กริด” คำตอบจากปลายสายทำเอาสมองผมหยุดนิ่งไปได้เหมือนกัน
“ฟังดูดีนะครับ” ผมชม
“เอิ่ม..เหมือน สุภาษิตฝนตกขี้หมูไหลอะไรแบบนั้น” ผมเบะปากว่าติดตลก
“หึ ๆ ๆ” เฮียกานต์หัวเราะชอบใจ
“ค่ายของเสี่ยยุทธกับไอ้สมัครก็รวมอยู่ในนั้นด้วย เป็นทีมเวิร์คที่แข็งแกร่งดีแกว่าไหมละ ? โทษทีว่ะ..เงินเดินหลายร้อยล้านแน่นอน ข่าวใหม่ล่าสุด..วงในบอกว่ามันวางจุดแทงที่ต่างประเทศด้วย ไอ้ไฟ..มึงเจอศึกใหญ่จริง ๆ กูก็นึกว่ามึงเตรียมตัวไว้แล้วซะอีก” เฮียพูดคล้ายบ่น สรรพนามที่ใช้เปลี่ยนไป ปนไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นคล้ายเป็นกังวล
“มันเชิญผมแต่แรกทำไมวะเฮีย ถ้ามันไม่อยากให้ใครมาขัดขา”
“หักหลังกันเองบ้างก็เป็นเรื่องธรรมดา” เฮียกานต์ตอบทันควัน
“เอาไงว่ามา นี่กูอยากมาดูมวยดี ๆ พักผ่อนอารมณ์สักหน่อย ไอ้นพทิ้งกูไปแบบนี้ กูหมดอารมณ์ร่วมพอดี” เฮียกระแทกเสียงคล้ายรำคาญอีก
“หึ เฮียนี่สเปกแปลกดีนะ” ผมหลุดยิ้ม เฮียกานต์ปลื้มนักมวยค่ายผมเป็นพิเศษ จะแต่ก่อนหรือตอนนี้ก็ยังเหมือนเคย
“หึ เหมือนมึงไง” เฮียย้อนเอาได้ ผมยิ้มกว้าง
“อยากจะให้ช่วยอีกเรื่องนึงนะครับ ไม่หนักหนาอะไรหรอก อันนี้ค่อนข้างเป็นความลับระหว่างเรา แบบว่า..เรามาร่วมมือกันช่วยใช้เงินของพวกหมูพวกนั้นน่ะ” ผมเอ่ย
“เท่าไหร่ ?” เฮียถามห้วน ๆ
“แล้วผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าเฮียไม่ได้ร่วมกับพวกนั้นด้วย” ผมกวนกลับ ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่ได้ไว้ใจเฮียกานต์เสียทีเดียว โลกนี้ว่าบัดซบแล้ว วงการนี้มันบัดซบกว่าที่เห็น
“แล้วมึงโทรหากูทำเตี่ยมึงเหรอวะ พูดมานี่ไม่ได้ไว้หน้ากูเลยนะ กับคนอย่างเจ๊ปราณีน่ะกูไม่ร่วมงานด้วยหรอก มึงไม่รู้ฉายาเหรอ..เจ๊ปราณีไม่ปราศรัย” เฮียกานต์ตอบ เราต่างหลุดหัวเราะพร้อมกัน
“ผมเชื่อเฮียอยู่แล้วล่ะ งั้นผมสามสิบ เฮียเจ็ดสิบ..ของสมนาคุณคือ เฮียจะได้ดูมวยแบบที่เฮียอยากดูแน่นอน” ผมแสยะยิ้ม
“หึ ๆ ๆ ดี! กูชอบตรงที่มึงไม่ห่วงที่จะเสียเปรียบเรื่องเงินนี่แหละ” เฮียกานต์กระแทกเสียงด้วยความสะใจอีกครั้ง เรื่องบางเรื่องสำหรับผมเงินมันไม่สำคัญ ถ้าหากจุดประสงค์ที่ต้องการทำนั้นไม่ใช่เรื่องเงิน การจะเสียเงินบ้างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายก็เป็นสิ่งที่ต้องยอมน่ะนะ
“เจอกันที่ห้องพักของฉัน ห้อง 444”
“ได้ครับ แต่ผมพายุจะไปแทนผม เอาเป็นว่าอย่าแกล้งน้องชายผมล่ะ” ผมตอบ
“ก็ถ้าน้องมึงไม่มีปฏิกิริยาน่ารัก ๆ กูจะเอาเก็บไปคิดดูอะนะ” เฮียตอบกวน ๆ ผมแสยะยิ้มก่อนหันตัวกลับไปมองพายุที่ยืนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ที่วงสนทนา
“แลกกับรายรับต่อปีบ่อนที่มาเก๊าของเฮีย ผมยกมันให้เลย” ผมพูด
“หึ..มึงพูดแล้วนะ เฮ้อ..ผู้หญิงที่กูพามาด้วยวันนี้เรียกว่าเป็นแม่พันธุ์เกรดเอบวก ๆ แต่ก็ยังไม่ถูกใจกูเท่าน้องมึงเลยจริง ๆ น้องมึงมันสายพยศ แบบว่าหมดตัวกูก็ยอมเสียเลยล่ะ” เฮียกานต์บ่นด้วยน้ำเสียงทะลึ่งไม่หยุด
“ฮ่า ๆ ๆ” ผมหลุดหัวเราะลั่น เราร่ำลาอีกครั้งก่อนตัดสายลง ผมกวักมือเรียกพายุให้มาหา
“กูลงห้าล้าน..ตกลงกับเฮียไว้เรียบร้อยแล้วว่ากำไรแบ่งสามสิบเจ็ดสิบ ลงในนามเฮียกานต์ทั้งหมด ห้ามใครรู้เรื่องนี้ว่ากูมีส่วนได้ส่วนเสียกับการแทง คู่อื่นที่กูไม่ได้ขึ้นชกให้เฮียเลือกข้างได้ตามสบาย กูขอแค่รอบชิง แต่ว่า..ให้มึงเลือกแล้วกัน” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ พายุเหล่มองด้วยแววตาไม่ไว้ใจ
“บอกเฮียว่าขอเช็คทันทีหลังจบเกม จัดการตามนี้ มึงก็..หว่านเสน่ห์ใส่เฮียเขาหน่อย เผื่ออีกฝ่ายจะแบ่งให้กูสักสี่สิบ” ผมยักคิ้ว
“คนที่ถูกวางยาน่าจะเป็นเฮียมากกว่านะ” มันว่าเข้าให้ ผมหลุดหัวเราะ
“แล้วตกลงได้เรื่องอะไรบ้าง”
“เครื่องดื่มที่พี่นพได้ขวดล่าสุดหลังจากชั่งน้ำหนัก ไม่แน่ใจว่าอาจจะเป็นขวดนั้นรึเปล่า แต่ไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนถือคนสุดท้าย โบ้ยกันไปโบ้ยกันมา” พายุตอบ
“ฝากด้วยแล้วกัน” ผมตบไหล่พายุเพราะเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่ผมจะต้องมานั่งคิดเรื่องนี้
“พี่ธาน เข้ม ไปกับพายุ” ผมปัดมือไล่ พี่ธานรีบลุกจากเก้าอี้เดินตามพายุออกไปติด ๆ
“ตกลงทุกอย่างตามนี้นะคะ คู่ของคุณไฟน่าจะเริ่มประมาณ เอ่อ..ห้าโมงยี่สิบค่ะ” พี่นีรายงาน
“โอเคครับ” ผมพยักหน้ารับ พวกเราแยกย้ายกันทำตามหน้าที่ สมุทรเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ผมเปลี่ยนทันทีที่ทุกคนออกไปจากห้อง ยังเหลือเวลาอีกสองชั่วโมงกว่า ๆ สำหรับการเตรียมตัวให้พร้อม ผมถอดเสื้อเชิ้ตออก สมุทรมารับจากมือผมเพื่อนำไปแขวนให้เรียบร้อย ในห้องเงียบกริบสนิท อีกฝ่ายไม่เอ่ยปากพูด เขาเพียงยืนมองรอว่าผมจะสั่งอะไร เสียงเข็มขัดถูกปลดออกได้ยินอย่างชัดเจน ผมจงใจมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพราะอยากดูปฏิกิริยาต่อไป สมุทรเงยหน้าขึ้นสบตาผมเข้าพอดี
“อยากดูเหรอ ?” ผมถามหน้าตาเฉย อีกฝ่ายเหมือนเพิ่งได้สติ
“งั้นผมให้ห้านาทีนะครับ รีบเปลี่ยนให้เรียบร้อย” สมุทรพูดเร็วเป็นจรวดพร้อมพลิกนาฬิกาข้อมือดู อีกทั้งไม่รอให้ผมตอบรับใด ๆ เขาก็ออกจากห้องไปทันที
“หึ ๆ ๆ” ผมกลั้นหัวเราะ
“พี่ธานไม่น่าจะสอนนะ อะไรแบบนั้น” ผมบ่นกับตัวเอง หึ..
“งั้นผมให้อีกห้านาทีนะครับ” งั้นเหรอ
ฟังแล้วขยี้หูเป็นบ้า สมุทรเข้ามาให้หลังจากหมดห้านาทีตามที่บอก ผมเปลี่ยนเป็นใส่กางเกงมวยเรียบร้อยเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการยืดกล้ามเนื้อ
“พี่เอิร์ธตามนักมวยออกไปแล้วนะครับ เขาบอกให้ผมแจ้งให้คุณทราบ” สมุทรบอก
“อืม” ผมพยักหน้ารับ ป่านนี้ทุกคนคงออกไปรอเชียร์การชกคู่ของไอ้ใส มันเป็นนักมวยที่ครูมวยและผมตัดสินใจให้ขึ้นชกเวทีใหญ่ครั้งนี้เป็นครั้งแรก
“คุณต้องการจะทำอะไรก่อนดีครับ” สมุทรถามด้วยท่าทางสุภาพและดูเป็นห่วงในหน้าที่ ผมลุกขึ้นยืนทำให้เราประชันหน้ากันพอดี
“.........” อีกฝ่ายยืนเงียบมองหน้าผมรอคำตอบ ผมอมยิ้มนิด ๆ พร้อมเหสายตาลงต่ำครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่ายิ้มทำไมเหมือนกัน
“ฉันอยากยืดเส้นสักหน่อย” ผมบอก สมุทรพยักหน้ารับทราบ เขารีบจัดเตรียมอุปกรณ์ในทันที ระหว่างนั้นจึงขึ้นไปนั่งรอบนเตียงนอนที่อยู่กลางห้อง อุปกรณ์เตรียมพร้อมวางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงไม่ถึงนาที ผมนั่งห้อยขามองเงียบ ๆ สมุทรเริ่มเป็นฝ่ายบังคับร่างกายของผมให้เป็นไปตามลำดับของการบริหารจากเริ่มต้น ร่างกายของผมถูกผ่อนคลายเป็นไปอย่างเงียบเชียบ เสียงจากด้านนอกกึกก้องสะท้อนแว่วเข้ามาบ้างแต่ก็ไม่เป็นการรบกวนนัก คงเพราะโครงสร้างของตัวอาคารถูกออกแบบมาอย่างดีแน่
“มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง” ผมถาม ตาลอยมองโทรทัศน์ที่กำลังถ่ายทอดสดจากเวทีทางด้านนอก
“ลูกน้องคุณบางคนครับ พี่ธานสั่งให้เฝ้าที่นี่” สมุทรตอบ มือของเขาจับข้อศอกผมขึ้นอย่างเบามือ มันจึงบิดไปตามแรงจนรู้สึกตึง
“ช่วยปิดโทรทัศน์ทีสิ” ผมพูดเพราะไม่อยากดู สมุทรนิ่งไปเสี้ยววินาที ผมว่าเขาคงสงสัยแต่ไม่ถามอะไร ลุกขึ้นเดินไปปิดโทรทัศน์ก่อนเดินกลับมา
“เด่นโทรมารึยัง นพเป็นไงบ้าง” ผมหลับตาลง
“ที่โทรมาหาผมล่าสุดบอกว่ายังอยู่ในห้องฉุกเฉินครับ จะให้ผมโทรไปถามไหมครับ”
“ไม่ต้อง” ผมตอบ
“จับมือผมไว้ครับ” สมุทรพูด เขานำมือมาจับมือผมไว้ตรงหน้าทั้งสองมือ ผมลืมตาขึ้นมอง แขนของผมถูกยืดตรงออกไปทางด้านหน้าจนตรง
“ยิ้มอะไรครับ” อีกฝ่ายถามหน้านิ่งเฉย ผมมองเฉยไม่คิดตอบเช่นกัน อีกทั้งควบคุมรอยยิ้มมุมปากของตัวเองก็ไม่ได้ด้วย
“ก้มตัวลงด้วยครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มออกคำสั่ง ผมก้มหัวลงช้า ๆ ฝ่ามือของสมุทรแตะลงที่ท้ายทอยผมเบา ๆ เพื่อบังคับน้ำหนักไม่ให้ผมลงหนักมากจนเกินไป
“ระหว่างที่ฉันก้มหัวอยู่นี่ นายก็แอบยิ้มอยู่ใช่ไหมละ ?” ผมพูด หยุดยิ้มไม่ได้
ใกล้เคียงคนบ้า..ก็กูนี่ล่ะ“หายใจเข้าลึก ๆ ครับ” สมุทรพูด ผมหายใจเข้าลึกยาวตามที่อีกฝ่ายบอก
“อย่าลืมหายใจออกล่ะ..” อีกฝ่ายประชดเอาคืนเข้าให้ ผมเงยหน้ากลับขึ้นช้า ๆ สมุทรมองมาด้วยแววตาที่ปรับอารมณ์ไม่ทัน ที่ผมแซวว่าเมื่อครู่เขายิ้มอยู่ มันจะต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แน่เพราะใบหน้าของเขาดันซ่อนมันไว้ไม่ทันซะแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่คิดจะพูดทัก เพียงเงียบและเก็บแววตาสนอกสนใจของตัวเองไว้เท่านั้น การผ่อนคลายกล้ามเนื้อใช้เวลาเกือบสิบนาทีหลังจากนั้น ไม่มีทั้งการพูดคุยหรือแซวเล่นอีก บรรยากาศที่ไร้บทสนทนาที่ควรจะอึดอัดนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น ผมไม่รู้สึกแบบนั้นเลย
“ฉันขออยู่คนเดียวสักพัก” ผมพูดขึ้นหลังจากเสร็จจากการยืดกล้ามเนื้อ
“ได้ครับ มีอะไร..ผมรออยู่หน้าประตูนะครับ” สมุทรผงกหัวน้อย ๆ เขาออกจากห้องไป ผมลุกขึ้นเปลี่ยนไปนั่งที่โซฟาให้เป็นกิจจะลักษณะ ทุกการขึ้นชกการใช้เวลาอยู่กับตัวเองสักพักเป็นเรื่องที่ช่วยได้มากสำหรับผม ได้พยายามเพื่อจะหยุดคิดเรื่องวุ่นวายบนโลกภายนอก เสียงหน้าประตูเงียบไปแล้วทำให้ผมรู้สึกสงบมากยิ่งขึ้น ผมนั่งนิ่งอยู่อย่างนี้จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ รู้ตัวอีกทีก็เมื่อได้ยินเสียงของพายุจากทางด้านนอก ไม่มีใครเปิดประตูเข้ามารบกวนตามที่ผมสั่งไว้กับสมุทร ผมจึงนั่งต่ออยู่อีกสักพักหนึ่งก่อนที่จะลุกขึ้นไปเปิดประตูด้วยตัวเอง
“เรียบร้อยไหม” ผมมองหน้าพายุ
“เรียบร้อยแล้วครับ” พายุตอบ
“ผมขอตัวไปที่หน้าเวทีนะครับ แล้วสักครู่จะกลับมา” พี่ธานพูด
“อืม ไปเถอะ” ผมอนุญาตก่อนกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งโดยมีพายุ สมุทรและไอ้เข้มตามเข้ามาด้วย
“คุณไฟครับ คุณป๋อมาขอพบครับ” ลูกน้องโผล่หน้ามาไม่ทันให้พักหายใจ ผมพยักหน้าอนุญาต ครู่เดียวลุงป๋อก็เดินเข้ามาพวกเราจึงลุกขึ้นทันที ลุงป๋อเป็นเจ้าของค่ายศิษย์ป. และเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของสนามแข่งนี้เช่นเดียวกัน
“หวัดดีครับลุง” ผมยกมือไหว้
“เป็นไงบ้าง..ไอ้ป๊อดมันตกใจใหญ่ บอกว่าไอ้นพถูกวางยารึ” ลุงแกยิงคำถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ครับ” ผมผงกหัวน้อย ๆ ผายมือให้แกนั่งลงก่อน สมุทรและไอ้เข้มขยับเยื้องตัวออกไปยืนห่างในทันที
“ไอ้ป๊อดเป็นไงบ้างครับ” ผมถามถึงลูกของแกที่อายุอานามเท่ากันกับผม
“ไม้หลักปักเลนเหมือนเดิม” ลุงแกตอบยิ้ม ๆ ก่อนเงียบลง
“ขอโทษด้วยนะ” ลุงป๋อก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางนำมือกุมเข้าหากัน
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” ผมบอก ลุงป๋อหันหน้ามามอง สายตาของแกสำรวจมาที่ร่างกายของผม
“นี่แกอย่าบอกนะว่า..” อีกฝ่ายตกใจ
“ครับ ทางออกนี้ดีที่สุดแล้ว” ผมพูด
“แล้วพวกมันยอมรึ โดยเฉพาะไอ้ปรีดา”
“ผมคุยกับเสี่ยเจียนเรียบร้อยแล้วครับ”
“งั้นเหรอ..งั้นก็ดี” ลุงผงกหัวขึ้นลงสองสามทีพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คู่สองของลุงใช่ไหม มันไม่ได้บอกให้ลุงทำอะไรเหรอครับ” ผมตะล่อมถาม
“ก็นะ..” ลุงแกยิ้มเจื่อน
“ลุงบอกไปแล้วว่าลุงไม่เอาด้วยน่ะ ไอ้หมัดเลยได้ชกกับพยัค ก็สูสีดีนะ..ถ้าคนของลุงจะแพ้ก็ยอมรับได้ ไม่ติดใจอะไรหรอก” ลุงป๋อพูดคล้ายบ่น พยัคเป็นนักมวยมือดีที่สุดของค่ายเสี่ยยุทธ ส่วนหมัดเป็นนักมวยมือดีของค่ายลุงป๋อ แน่นอนว่าถ้าจะให้หมัดไปชกกับค่ายอื่น ๆ เช่น ค่ายของสมัคร มีหวังการแข่งขันได้ป่วนกว่านี้แน่ เพราะหากลุงป๋อไม่เล่นด้วยแบบนี้ การแบ่งคู่ชกก็จะไม่ลงตัวเป็นไปตามที่พวกมันวางแผนเอาไว้
“พยัคมันแพ้ไม่ได้หรอกครับ” ผมพูด ทำให้ลุงป๋อหันมาจ้องหน้าผมในทันที
“ถ้าคู่แรกพวกมันไม่ชนะก็จะส่งผลต่อตัวพวกมันเอง ไม่ว่ายังไง..มันก็ต้องชนะ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ให้ไอ้หมัดหลบให้ดีแล้วกันครับ ยอมมันไปซะ” ผมหันหน้ากลับมา นี่ไม่ใช่การบอกให้ลุงป๋อเปิดทางให้ผม หากค่ายของลุงป๋อชนะมันก็ดี แต่แน่นอนว่ามันจะส่งผลต่อความปลอดภัยของลุงแกเอง
“แกตั้งใจจะทำอะไร” ลุงป๋อถามเสียงเบาลงคล้ายลังเล
“..........” ผมไม่ตอบ รักษาความเงียบไว้ สายตาของเราทั้งคู่ต่างจ้องไปที่โต๊ะตรงหน้า
“การที่นักมวยถูกวางยา เหมือนเป็นประเพณีเลยไหมครับ” ผมยิ้มนิด ๆ คำถามที่ตามจริงเราก็รู้ดีว่าเราแทบยิ้มไม่ออกด้วยซ้ำ
“ค่ายผม ไม่ใช่ค่ายที่จะให้พวกมันเลือกใช้วิธีเดียวกันกับแบบที่พวกมันเอาไว้ใช้กับค่ายอื่น ๆ ได้ คนพวกนี้น่ะ..ไม่เห็นกีฬาเป็นกีฬา บางทีก็ต้องตอบกลับบ้างน่ะครับ ผมน่ะ..คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรเกินเลยนะ” ผมตอบ คำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งคล้ายกับกำลังระบายให้ญาติผู้ใหญ่ฟัง ลุงป๋อผงกหัวรับรู้เงียบ ๆ เท่านั้น
บอกตามตรงว่าความจริงผมค่อนข้างแค้น ถึงแม้ผมพยายามไม่คิดเพื่อให้ตัวเองอารมณ์เสีย แต่เมื่อภาพของไอ้นพลอยขึ้นมามันก็อดคิดไม่ได้ทุกทีว่าที่ผมทำอยู่นี้มันถูกต้องแล้ว ทุกครั้งที่ผมเป็นฝ่ายมองอยู่ห่าง ๆ กับการที่เห็นข่าวแต่ละค่ายถูกวางยา ส่วนใหญ่เป็นค่ายเล็ก ๆ ที่ไม่มีปากเสียงที่จะสามารถต่อกรกับพวกมันได้ ทำกันจนได้ใจเห็นเป็นเรื่องธรรมดา การแจ้งความที่สุดท้ายก็ไม่ส่งผลดีต่อค่ายเล็ก ๆ และมีแต่จะย่ำแย่ลง ในใจผมได้แต่ย้ำบอกกับตัวเองว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นกับค่ายของผม เพราะผมไม่แน่ใจว่าผมจะมีวิธีอื่นในการจัดการพวกมันนอกจากวิธีแบบนี้ของผมไหม คำตอบที่ตอบได้คือ “ผมไม่มี”
“ถ้าพ่อแกอยู่คงไม่ให้แกทำแบบนี้แน่” ลุงป๋อพูดขึ้นทำลายความเงียบ แกอมยิ้มอ่อนโยน มือเอื้อมตบบ่าผมไว้
“หึ..คงได้ทะเลาะกันก่อนขึ้นเวทีแน่ ๆ ครับ” ผมยิ้มเห็นด้วย
“แต่ที่ผ่านมาผมมีปู่เป็นไอดอลน่ะ” ผมขยายความติดตลกทำเอาลุงป๋อหัวเราะก๊ากออกมาเสียดัง ในวงการเราไม่มีใครไม่รู้จักปู่ของผม เผลอ ๆ สมัยนั้นโด่งดังเป็นที่นับหน้าถือตามากกว่าพ่อของผมซะอีก ปู่น่ะ..ขึ้นชื่อเรื่องความดื้อรั้นและกะล่อนที่สุดในบ้าน แก่แล้วก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่ แต่ผมกลับชอบปู่สุด ๆ เราเข้ากันได้ดีจนคนในบ้านพากันส่ายหัวเลยละครับ ผมยังสงสัยไม่หายเลยว่าพ่อผมน่ะเหมือนใคร
“ระวังตัวด้วยแล้วกัน” ลุงป๋อลุกขึ้น
“ขอบคุณครับ” ผมผงกหัวรับ พายุออกไปส่งลุงป๋อแทนให้ผม สมุทรและไอ้เข้มยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับจนพายุกลับเข้ามา มันนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับยื่นขวดน้ำเปล่ามาให้
“แย่นะ มีปู่เป็นไอดอลน่ะ ใช้ชีวิตยาก” ผมบ่นหน้านิ่ง
“หึ ๆ” พายุหลุดหัวเราะชอบใจ
“เปิดเอง” มันว่า หมายถึงขวดน้ำเปล่าที่อยู่ในมือของมัน ผมรับมาพลางมองมันยิ้ม ๆ
“อันนี้ยุซื้อมาเอง ให้กังฟูดมกลิ่นแล้วด้วย” มันรายงาน
“หึ” ผมหลุดหัวเราะ อยากย้อนกวนมันกว่านี้ว่า “วันหลังก็พกเครื่องกรองน้ำเองซะเลยสิ” แต่เดี๋ยวจะเป็นการทำให้น้องชายงอนเอาได้
“มันปิดฝาอยู่ หมามึงฉลาดขนาดนั้นเลย” ผมเลิกคิ้ว เรารู้กันดีว่ากระบวนการวางยามีหลายรูปแบบ โลกเราพัฒนาไปอย่างไรคนพวกนี้ก็มีกลกลวงที่สามารถพัฒนาไปตามนั้น ฉลาดเรื่องเลว ๆ จนเหลือเชื่อเลยล่ะ
“ชี่..กังฟูฉลาดจะตาย” พายุเบ้ปากใส่
“แล้วนี่มึงเอามันไปไว้ไหน” ผมถามเพราะยังไม่เห็นลูกรักของมันแม้แต่เงา
“ห้องทำงานของพนักงานที่นี่ ตรงประตูทางเข้า ฝากไว้..ให้คนของเฮียดูให้” มันตอบ ผมเปิดขวดน้ำออกพร้อมยกดื่ม พอผมดื่มเสร็จเจ้าของขวดน้ำก็คว้าขวดไปปิดฝาพร้อมโยนใส่ถังขยะอย่างไม่ไยดี
“จะกินแล้วเอาขวดใหม่..มาเอาตรงยุนะ” พายุสั่งเสร็จสรรพ ผมจ้องมองอีกฝ่ายตาเยิ้ม
“ไม ? กลัวกูตายเหรอ” ผมแซว นำมือจับปลายคางมันมาอย่างนึกหมันเขี้ยว
“หยุดพูดไปเลย” พายุค้อนตอบเสียงแข็ง ปัดมือของผมออกอย่างแรง
“เข้าใจไหมครับพี่สมุทร ห้ามเฮียกินน้ำนะ” พายุหันกลับไปถามผู้ดูแลผมที่ยืนเป็นเสาหินอยู่ทางด้านหลัง
“ได้ครับ” สมุทรขานรับ ผมนั่งยิ้มหุบปากเงียบไม่ว่าอะไร ห้ามกูกินน้ำ จะขำแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้
“งั้นพายุไปหากังฟูก่อนนะ” มันลุกขึ้นโต้ง ๆ
“เอาไอ้เข้มไปด้วย” ผมบอก
“รู้แล้วน่า” มันปัดส่ง ๆ เดินสะบัดตูดออกจากห้องไป ไอ้เข้มจ้ำเท้าตามติดในทันที ผมถอนหายใจแรง เอนหลังพิงพนักโซฟา เงยหน้าขึ้นพร้อมหลับตาลง
“นั่งเถอะ” ผมพูดลอย ๆ อนุญาตให้คนที่อยู่ร่วมห้องด้วยนี้ได้พักขาบ้าง เสียงการเดินของสมุทรทำให้รับรู้ได้ว่าเขานั่งลงแล้ว ผมหลับตาอยู่อย่างนั้น เราต่างเงียบไร้บทสนทนาอยู่พักใหญ่ ๆ
“ขอโทษครับคุณไฟ จวนได้เวลาแล้วครับ นวดน้ำมันเลยสมุทร” พี่ธานกลับเข้ามาพร้อมสั่งการ สมุทรผงกหัวขานรับ
“ไอ้รุ่งไปไหน ทำไมมันไม่อยู่เฝ้านาย ไอ้ห่านี่ไม่รู้หน้าที่เลย!..ไปตามมันมาซิ” พี่ธานปิดประตูห้องพร้อมโวยวายแบบที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก ผมหัวเราะน้อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปที่เตียง
“นวดแบบ ปิดห้องลงกลอนได้ไหม” ผมยักคิ้ว อดกวนไม่ได้
“กรุณาหยุดทะลึ่งแล้วเชิญขึ้นเตียงด้วยครับ” สมุทรย้อนเสียงเข้ม
“หึ ๆ ๆ” ผมกลั้นหัวเราะ ว่าแล้วว่าปฏิกิริยาของอีกฝ่ายจะต้องทำให้ผมขำได้
“ต้องถอดกระจับด้วยไหม” ผมยังไม่หยุดแกล้ง คนฟังเหล่สายตามาอย่างคาดโทษ ผมเพียงยิ้มและยอมขึ้นนั่งบนเตียงดี ๆ อุปกรณ์การนวดที่เตรียมไว้ที่หัวเตียงก่อนหน้านี้ถูกเปิดออกอย่างไม่ลังเล เสียงดนตรีแนวฮิพฮอพดังมาจากทางด้านนอก ผมสังเกตการทำงานของสมุทรทุกการเคลื่อนไหวที่ไม่มีความลนลานแม้ในที่นี้จะเหลือเขาทำหน้าที่หลักอยู่เพียงคนเดียว มันทำให้ผมคิดถึงอดีตไม่ได้ว่าที่ผ่านมาเขาใช้ชีวิตอย่างไร บางทีมันอาจไม่ได้ต่างจากผมนักเลยก็เป็นได้
“..........” ผมที่นั่งห้อยขาอยู่ก้มลงมองสมุทรที่นั่งยอง ๆ ตรงหน้าเพื่อนวดน้ำมันที่น่องให้ อีกฝ่ายช้อนตาขึ้นมองตอบเล็กน้อย มือของเขาขยับอย่างเชื่องช้าด้วยน้ำหนักที่ค่อนหนักแน่นจนทำให้กล้ามเนื้อรู้สึกผ่อนคลาย
“จะให้ผมเปิดโทรทัศน์หรืออะไรไหมครับ” สมุทรถาม
“ไม่” ผมตอบ
“ฉันไม่ชอบ บางทีมัน..หนวกหูน่ะ” ผมขยายความเสียงเบาเพื่อบอกให้อีกฝ่ายทราบไว้แต่เนิ่น ๆ ว่าผมชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร
..น้ำมันมวยถูกเทใส่มือ การนวดเริ่มจากที่ขาส่วนล่างก่อนเป็นอันดับแรก ผมปิดตาสนิท รับรู้ถึงสัมผัสจากน้ำหนักมือและวิธีการนวดของเขาว่าถูกต้องเป็นที่น่าพอใจหรือไม่ อย่างน้อย ๆ อีกฝ่ายคงได้เป็นพี่เลี้ยงนักมวยผ่านมือมามากพอสมควร ผมไม่ได้เป็นห่วงเรื่องนี้นักหรอก
“ถ้าหนักหรือเบาไปบอกได้นะครับ” อีกฝ่ายพูดขึ้นหลังจากที่เราต่างฝ่ายต่างเงียบร่วม ๆ สิบนาที จากที่นั่งก็เปลี่ยนกลายเป็นนอนคว่ำหน้าลงบนเตียงแล้ว คำพูดของเขาทำให้รอยยิ้มของผมหลุดไว้เพียงที่มุมปาก มือทั้งสองของสมุทรลูบจากข้อเท้าไล่มาถึงต้นขาของผมโดยลูบขึ้นลูบลงอยู่อย่างนี้จากช้าเป็นเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ฉันนึกว่านายจะถามว่า ‘ชอบแบบนี้ไหมครับ ?’ ซะอีก แบบนั้นอาจจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นอะนะ” ผมพูดตอบทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“มีแต่จะทำให้กวนใจคนนวดน่ะครับ” สมุทรย้อน ผมหัวเราะในลำคอ
“ตรงไหนที่นวดแล้วรู้สึกชอบเป็นพิเศษไหมครับ” เขาถาม ทำให้ผมแทบดีดตัวลุกขึ้นตั้งศอกในทันที สมุทรชะงักมองอย่างสงสัย
“ต้นขาด้านในน่ะ” ผมเอี้ยวหน้ากลับไปตอบหน้าตาย อีกฝ่ายส่งสายตามองปรามมา ผมยิ้มกว้างพลางยักคิ้วกวน
“ผมจะพยายามทำให้เป็นพิเศษแล้วกันครับ” สมุทรตอบเสียงเข้มแต่คำพูดกลับแฝงไปด้วยความประชดประชัน ผมหัวเราะอีกครั้ง อีกฝ่ายสั่งให้ผมพลิกตัวกลับมานอนหงายเพื่อนวดด้านหน้าต่ออย่างต่อเนื่อง
“มือด้าน ๆ แบบนี้ มีอะไรให้คุณเล่นสนุกมากนักรึไง” เจ้าตัวเอ่ยปากบ่นคล้ายค้างคาใจอย่างนั้น
“แต่ฉันชอบนะ ..มือด้าน ๆ น่ะ” ผมบอกทั้งที่ยังหลับตาอยู่
“สำหรับฉันมันหมายความว่า..ห้าสิบเปอร์เซ็นต์มักทำงานหนัก อยู่ด้วยแล้วไม่น่าจะอดตาย” ผมขยายความก่อนหรี่ตาขึ้นมองคนตรงหน้า อีกฝ่ายหยุดมือไปแล้ว ใบหน้าที่นิ่งขรึมหลุดรอยยิ้มที่มุมปากน้อย ๆ ปรากฏให้เห็น ผมยิ้มกว้างให้ สมุทรหัวเราะพร้อมส่ายหัว ผมมองใบหน้านี้แทบไม่กะพริบตา รอยยิ้มของเขาในตอนนี้มัน..
ขยี้ใจเป็นบ้าเลยก๊อก ๆ ๆ“ขออนุญาตครับ” ผมหันไปมอง พี่ธานเปิดประตูเข้ามาก่อนหยุดยืนอยู่ที่ตรงนั้น สายตามองมาที่ผมและสมุทร แม้แววตาจะไม่แสดงออกใด ๆ แต่ผมก็รู้ดีว่าพี่ใหญ่กำลังปิดบังตัวเองไว้แค่ไหน
“เชิญครับพี่ใหญ่ หยิบมีดตรงนั้น..แล้วรีบไปฮาราคีรีตัวเองซะ” ผมชี้มือสั่ง พี่ธานยิ้มกว้างทันที คงรู้ว่าผมหมายถึงอะไร
“ว่าไง หมอนวดคนใหม่..ตัวใหญ่ขนาดนี้ไหวไหม” พี่ธานเอ่ยปากแซวแต่ตาดันเหลือบมาที่ผม
“หึ ๆ” สมุทรหัวเราะ ไม่รับคำอีกทั้งไม่ปฏิเสธ
“หากมีอะไรให้ใจเย็น ๆ ก็แล้วกันนะ พี่เข้าใจว่าไม่ใช่เรื่องง่าย นายน้อยเขาถูกใจมือคนอื่นยากน่ะ..ปกตินวดผิดน้ำหนักก็ไล่ตะเพิดไปแล้วนะ” พี่ธานพูดบอกสมุทรทำให้อีกฝ่ายอมยิ้มเขิน ๆ ออกมา