เหตุการณ์ปัจจุบัน
จริงๆแล้วผมก็ไม่อยากจะสรุปเลยคร้าบบ เวลานึกถึงเรื่องเก่าแล้วมันก็เศร้า
เอาเป็นผมเล่าให้ฟังคราวๆแล้วกันเนอะ
ย้อนไปเกือบ5ปี ที่แล้ว วันปีใหม่วันนี้เป็นจุดเปลี่ยนมาถึงทุกวันนี้เลยครับ
เพราะว่าวันนั้นแม่ของต้อมเรียกผมเข้าไปคุยเป็นการส่วนตัว
แล้วสิ่งที่เขาคุยกับผมก็คือ
"นัทช่วยเลิกกับต้อมได้ไหม เพราะทางญาติคนอื่นๆที่ไม่รู้เรื่องเขาอยากให้ต้อมแต่งงาน"
คำพูดที่ผมได้ยินตอนนั้นมันเหมือนระเบิดที่พุ่งเข้าไปทำลายหัวใจผมทันที
"นัทต้องเข้าใจแม่นะลูก แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"
"แล้วผมละครับ แม่จะให้ผมทำยังไงครับ" ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกันแล้วตอนนี้
"นัทเป็นคนดีนะลูก แม่เชื่อนัทต้องไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่าต้อมแน่นอน"
แม่จับแขนผมเบาๆ
"แม่รู้ว่ามันลำบากใจนะ ลูกสองคนอยู่ด้วยกันมานาน แต่แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"
ขนาดแม่ยังไม่รู้จะทำอะไร แล้วผมละครับจะทำอะไรถูกครับ
แม่บอกแล้วปล่อยให้ผมอยู่ในบ้านคนเดียว
ผมคิดว่าถึงผมยอมแล้วต้อมจะยอมหรือเปล่า
ผมเดินออกมาจากในบ้านด้วยอาการงุนงงเล็กน้อย ผมมองหาต้อมที่คิดว่าน่าจะอยู่คุยกับญาติเขาที่งานกลับไม่เห็น
หรือว่าเขาก็โดนเรียกไปคุยเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นแบบนี้แล้วผมยังจะมีความสำคัญกับที่นี่อีกหรอ
ผมคิดได้แบบนั้น ผมเดินออกจากบ้านต้อมมาทันที
ผมมาขึ้นรถแท็กซี่ที่หน้าปากซอย ผมนั่งกลับมาที่บ้าน
ระหว่างทางที่ผมกลับบ้าน น่าแปลกไม่มีเสียงดทรศัพท์มาหาผมเลยแม้แต่น้อย
หรือว่าต้อมเขายอมรับกับเรื่องที่บ้านของเขาบอกได้ ก็คงใช่สินะ ใครๆเขาก็ต้องเลือกครอบครัวด้วยกันทั้งนั้น
ผมกลับเข้ามาในห้อง นั่งลงบนที่นอน น่าแปลกที่วันนี้ผมกลับไม่ร้องให้ออกมา
คงเพราะผมไม่อยากร้องให้ให้กับเรื่องแบบนี้อีกแล้วมั้ง
เพราะถึงจะร้องไห้ยังไงถ้าต้อมทำตามที่บ้านเขาบอกมันก็คงต้องจบกันอยู่ดี
ตอนนี้ผมเหมือนนั่งรอคอยคำตอบจากต้อมคนเดียวเท่านั้น
ผมนั่งอยู่ในห้องจนเกือบเที่ยงคืน ต้อมเข้ามาหาผม
ต้อมเดินเข้ามากอดเอวผมที่นั่งอยู่บนที่นอน มันซุกหน้าลงที่หลังผม
ผมรู้สึกถึงน้ำตาอุ่นที่หลัง มันร้องไห้ออกมา
ผมหันตัวกลับไปจับหน้าต้อมขึ้นมามอง ผมจะไม่ร้องไห้ออกมาให้ต้อมเห็นเด็ดขาดที่เป็นการตัดสินใจของผม
"พี่นัทที่บ้านผมคุยกับพี่นัทแล้วใช่ไหม" ต้อมยังร้องไห้ไม่หยุด
"อือ" ผมตอบสั้นๆ เพราะผมกลัวว่าพูดแล้วจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่ได้ต่อไป
"ครั้งนี้ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน พ่อกับแม่ขอร้องผมจนผมไม่รู้จะปฏิเสธยังไงแล้ว"
"อืม ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ"
"แล้วพี่จะทำยังไงต่อไป ผมคิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้"
"เราก็ทำตามที่บ้านเราต้องการก็ได้ พี่เข้าใจนะว่าเราจำใจต้องทำ" ผมฝืนยิ้มออกมา
"แต่ผมไม่อยากเลิกกับพี่นัทนี่ครับ"
"แล้วเราทิ้งที่บ้านได้ไหมล่ะ"
ต้อมไม่ตอบได้แต่ส่ายหน้าให้ผม
"ถ้างั้นเราก็ทำตามที่เขาบอกเถอะ พี่ไม่เป็นไรหรอก เชื่อพี่เถอะ" ผมเอามือเช็ดน้ำตาให้ต้อม
"แต่ผม ผม.." ต้อมอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่พูดไม่ออก แต่ผมก็เข้าใจ
"ไม่เป็นไรหรอก เขาคงไม่ได้ห้ามให้พวกเราเจอกันหรอกมั้ง"
"แต่..." "ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว แล้วคืนนี้เราจะนอนทีนี่หรือกลับไปที่บ้านเลย"
"นอนที่นี่ ผมบอกที่บ้านว่าจะมาเก็บของก่อน พรุ่งนี้ถึงจะกลับ" ต้อมยังไม่เลิกร้องไห้ออกมา
"งั้นเราไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวพี่เก็บของให้เองนะ"
ผมจูงมือต้อมไปส่งที่ห้องน้ำ ผมต้องดันให้ต้อมเข้าไปอาบน้ำ
หลังจากที่ต้อมยอมเข้าไปอาบน้ำ ผมก็เดินมาที่ตู้เสื้อผ้า
ผมนั่งลงหน้าตู้เสื้อผ้าอย่างหมดแรง นี่ผมต้องมาเก็บของให้คนที่ผมรักเพื่อให้เขาจากผมไปหรือนี่
ผมค่อยๆหยิบเสื้อผ้าของต้อมออกมาช้าๆ
ผมค่อยๆรื้อหาเสื้อผ้าของต้อมทั้งหมดเอามากองไว้ ผมค่อยๆพับมันใส่ลงไปในกระเป๋าทีละตัวๆ
ผมพับมาเรื่อยๆจนใกล้จะหมด ผมก็ไปสะดุดตากับเสื้อยืดสีฟ้าซีดๆตัวนึง
เพียงแค่ผมเห็นเสื้อตัวนั้น ผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
ฮืออ ฮือออ
ผมหยิบเสื้อตัวนั้นขึ้นมากอดไว้แล้วร้องไห้ออกมา ก็เพราะมันเป็นเสื้อตัวเดียวกับที่ต้อมใช้ห้ามเลือดให้ผมในวันรับน้อง
นี่ผ่านมาเกือบสิบปีต้อมยังเก็บมันไว้อีก ผมคงร้องไห้เสียงดังมากไปหน่อย
ต้อมรีบออกจากห้องน้ำออกมา ต้อมเห็นผมนั่งร้องไห้อยู่จึงเข้ามากอดผมไว้อีกที
ต้อมกลับเป็นฝ่ายปลอบใจผมบ้างทีนี้
ตกลงคืนนั้นทั้งคืนทั้งผมและต้อมเราไม่ได้นอนกันเลย เราต่างนั่งกอดกันโดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่รู้จะพูดอะไรต่อกัน
จนสายทางบ้านของต้อมโทรมาตามให้กลับบ้าน ต้อมถึงยอมกลับบ้านไป
ตั้งแต่วันที่ผมเก็บของให้ต้อมไป นี่ก็เกือบอาทิตย์แล้วที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
โทรศัพท์ก็ไม่ได้คุยกันแม้แต่ครั้งเดียว ผมก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานอยากไม่สนใจใคร
ผมขอรับงานที่ต้องออกต่างจังหวัดทั้งหมดมาทำ
เพราะผมไม่อยากอยู่ที่บ้าน แหละไม่อยากอยู่เฉยๆ
ผมออกไปทำงานต่างจังหวัดติดต่อกันนาน6เดือน โดยที่ไม่กลับมาที่บ้านเลย
วันนี้ผมกลับบ้านมาเป็นวันแรกรอบในรอบ 6 เดือน
ผมกลับมาบ้านผมยังดูเรียบร้อยเหมือนมีคนมาทำความสะอาดให้ประจำ แต่ใครกันนะที่ทำให้
คงไม่ใช่ต้อมหรอกนะ เพราะเขาคงอยู่กับที่บ้าน ป่านนี้คงมีแฟนตามที่บ้านต้องการไปแล้ว
ผมเก็บของพร้อมกับความสงสัย ก่อนที่จะออกจากบ้านเพื่อไปหาอะไรกิน
"พี่นัทกลับมาแล้วหรือครับ" เสียงที่คุ้นเคยเมื่อผมเปิดประตูบ้านออกมา
ผมตกใจเล็กน้อยกับคนที่เข้ามาทักผม
"ต้อม"
"พี่นัทไปทำงานไม่บอกกันเลยนะ แถมเปลี่ยนเบอร์ไม่ยอมให้เบอร์ใหม่ผมอีก"
ต้อมยิ้มให้ผม เหมือนเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้มีอะไร
"เรามาได่ยังไงแล้วที่บ้านเราไม่ว่าหรอ" ผมถามด้วยความแปลกใจ
"จะว่าอะไรละครับ ก็ผมมาหาเพื่อนรุ่นพี่นี่นา" คำพูดของต้อมทำเอาผมเจ็บเล็กๆขึ้นในใจ
"อืมนั่นสิ พี่เป็นรุ่นพี่เรานี่เนอะ แล้วมีอะไรถึงมาหาพี่อะ"
"ก็พี่เล่นเปลี่ยนเบอร์โทร ผมไปถามที่ทำงานเขาก้ไม่กล้าบอกกัน ผมเลยแวะมาหาที่นี่บ่อยๆไง"
แสดงว่าคนที่ทำความสะอาดบ้านคือต้อมนี่เอง
"แล้วเราเป็นไงสบายดีนะ แล้วตอนนี้มีแฟนให้ที่บ้านหรือยัง" ผมพยายามทักให้เป็นปกติ
"ก็มีแล้ว เดี๋ยวคราวหน้าผมจะพามาให้รู้จักนะ แต่พี่นัทเอาเบอร์มาก่อนเลย ผมจะได้โทรหาได้"
"เออ ก็ได้" แล้วผมก็บอกเบอร์ไป
"พี่นัทไปกินข้าวกัน ไม่ได้ไปกินข้าวกันนานแหละ" พูดจบต้อมก็เดินเข้ามาดึงมือผมไปกินข้าวด้วยกัน
ตั้งแต่วันนั้นผมกับต้อมก็เปลี่ยนเป็นเหมือนเพื่อนสนิทผมแทน
ทุกวันนี้เวลาต้อมมีอะไรจะโทรมาถามหรือปรึกษาผมตลอดเวลา
ที่บ้านต้อมก็ไม่ได้ว่าอะไรที่ต้อมยังไปมาหาสู่ผมอยู่เรื่อยๆ
ถึงจะเป็นได้เพียงฐานะเพื่อนแต่ผมก็คิดว่าต้อมยังเป็นส่วนที่เติมเต็มในชีวิตผมอยู่เหมือนเดิม
ทุกวันนี้ผมกับต้อมก็ยังคุยกันอยู่ ต้อมยังมาหาผมที่บ้านเรื่อยๆ บางครั้งผมก็ยังไปหาเขาที่บ้านเหมือนกัน
แต่เราเป็นแค่เพื่อนสนิทกันนะครับขอยืนยันคำนี้
ส่วนหนุ่ยก็มีแฟนไปแล้วแต่ผมไม่แน่ใจว่ายังไงตอนนี้เพราะไม่ค่อยได้ติดต่อกันแล้ว
บาสกับแจ็คก็ห่างๆกันไป เพราะตอนที่ผมไปทำงานต่างจังหวัด ผมไม่ได้ติดต่อใครเลย
ก็คงพอสรุปได้คราวๆแค่นี้แหละครับ
เอาเป็นว่าผมกับต้อมเราเลิกกันได้5ปีแล้วครับ แต่เรายังคุยกันอยู่ทุกวันเรายังสนิทกันทุกวันนี้
ผมก็มีความสุขกับชีวิตแบบนี้แล้ว แม้บางคราวจะเหงาไปบ้างก็เถอะ
งั้นตอนนี้ผมถือสถานะโสดดีกว่าเนอะ(จริงหรือไม่จริง)
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ แล้วอย่าลืมติดตามเรื่องอื่นๆของผมด้วยนะคร้าบบ