บทที่ 17
.
.
.
.
เช้าวันนี้ลูกชายคนโตของตระกูลประสิทธานนท์นั้นไม่ได้เข้าไปที่สำนักงานเหมือนทุกวัน แต่กำลังทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้ลูกชายอีกคนของตระกูลประสิทธานนท์ต่างหาก
รถคันใหญ่มุ่งสู่ไร่น้ำริน ตะวันนั้นตื่นเต้นไม่น้อยที่จะได้เจอภุมรินอีกและเขาก็ดีใจที่ภุมรินไม่ได้โกรธเขาอย่างที่เขาคิดไว้
ความจริงเขาอยากจะเข้าไปคุยกับรัชพลด้วยซ้ำไป แต่เมฆาบอกว่าไม่ควรทำอย่างนั้นและเมฆาจะเป็นคนจัดการให้ภุมรินมาเจอเขาเอง
แค่นึกถึงหน้าอีกคนตะวันก็ยิ้มออกแล้ว น้องรินที่น่ารักตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่นะ ไม่เจอกันตั้งหลายวันจะคิดถึงรึเปล่า ไม่ได้คุยกันเลยตั้งแต่รัชพลยึดโทรศัพท์ของภุมรินไป
ครั้นเขาจะโทรหาคนอื่นในไร่มีหวังต้องถึงหูรัชพลอีกนั่นแหละ ตะวันก็ไม่รู้ว่าเขามาถึงจุดที่กลัวเพื่อนตัวเองแบบนี้ได้ยังไงเหมือนกัน
เมื่อมาถึงไร่น้ำรินเมฆาก็บอกให้ตะวันรอยู่ในรถก่อนส่วนเจ้าตัวก็วิ่งแจ้นไปหาคนงานแถวนั้นเพื่อถามว่าภุมรินอยู่ที่ไหน
ได้รับคำตอบว่าอยู่ไร่ฝั่งตะวันออกนู่น กำลังคุยเรื่องแนวกันไฟกับหัวหน้าฝ่ายนั้นอยู่ แค่นั้นแหละคุณหมอหัวสีฟ้าก็รีบบึ่งรถเอทีวีไปหาทันที
เมฆาเจอภุมรินกำลังยืนคุยกับลูกน้องอยู่เจ้าตัวก็รีบวิ่งไปหา พอดีกับภุมรินคุยงานเสร็จ เมฆาลากภุมรินมาที่รถโดยไม่บอกไม่กล่าวเจ้าตัวซักคำ
“อะไรเนี่ยเมฆ” ภุมรินทำหน้างงๆ อะไรของเมฆาอีก
“รินอยากเจอพี่ตะวันมั้ย” เมฆายักคิ้วให้
“พี่ตะวันเหรอ” ภุมรินนิ่งไปซักพัก
เจอพี่ตะวันอย่างนั้นเหรอ หลายวันมานี้เขาไม่ได้เจอพี่ตะวันเลย ไหนจะพี่รัชที่วันดีคืนดีก็เรียกเข้าไปหมกอยู่ในโรงบ่มด้วย หรือไม่ก็มาคอยตามเขาทำงานที่ไร่ แล้วเขาจะไปเจอตะวันได้ยังไง
“ใช่ ถ้ารินอยากเจอพี่ตะวันก็ตามมา” เมฆาลากภุมรินไปขึ้นรถโดยที่ภุมรินเองก็ไม่ได้อิดออดอะไร ในใจตอนนี้แค่หน้าตะวันซักนิดก็ยังดี
ภุมรินไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการที่รู้สึกดีกับใครซักคน การไม่ได้เห็นหน้าเค้ามันรู้สึกทรมานแค่ไหน
เมฆาพาภุมรินมาที่รถของตะวันที่จอดอยู่ไกลจากโรงบ่ม ตะวันแค่เห็นหน้าภุมรินก็อยากจะลงไปหาแล้วแต่ติดที่ว่าเมฆาไม่ให้เขาลงไปเพราะอาจจะทำเสียเรื่องได้
“พี่ตะวันอยู่ในรถน่ะริน ไปคุยสิ” เมฆายิ้มกว้างพร้อมกับดันหลังภุมรินให้ขึ้นไปบนรถฟอร์จูนเนอร์คนโต
“เดี๋ยวเมฆ ถ้าพี่รัชรู้ไม่แย่เหรอ” นี่คือความกังวลของภุมริน
นับวันรัชพลยิ่งกำชับเขานักหนาว่าห้ามคุยห้ามติดต่อกับตะวันไม่อย่างนั้นคนที่ลำบากจะเป็นตะวันเอง ภุมรินรู่ว่าพี่ชายของเขาทำจริง
“อิตาพี่รัชไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเมฆเคลียร์เอง รินรีบไปเถอะน่าถ้ายังอยากจะคุยกับพี่ตะวันอยู่” เมฆาดันหลังเพื่อนรักอีกรอบ ภุมรินเก้กังแต่ก็ยอมขึ้นไปบนรถแต่โดยดี
“ริน” ตะวันยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าใครขึ้นมาในรถ ภุมรินยิ้มตอบเล็กน้อยและก็ต้องขัดเขินเมื่อเจอหน้าตะวันในตอนนี้
“พี่ตะวัน รีบออกรถไปเลยนะ จะไปไหนก็ไปเลย เย็นๆค่อยพารินมาส่ง” เมฆาอ้อมมาคุยกับตะวันอีกฝั่งของรถ
“แล้วไอ้รัชล่ะ” ตะวันเองก็กังวลเรื่องรัชพลไม่ต่างกัน
“เดี๋ยวเมฆจัดการเอง รีบไปเลย ก่อนที่จะไม่ได้ไป” เมฆารำคาญภุมรินกับตะวันไม่น้อย มัวแต่โอ้เอ้ลีลาอยู่นั่น เดี๋ยวก็ไม่ได้คุยกันซะหรอก
“ขอบใจมากไอ้หมอ ฝากทางนี้ด้วย” ตะวันรู้สึกรักหลานชายตัวเองก็วันนี้แหละ
รถคันใหญ่ของตะวันค่อยๆเคลื่อนออกจากไร่น้ำรินโดยมีลูกชายคนเล็กของบ้านรักษ์นทีติดมาด้วย ทิ้งให้เมฆายืนโบกมือบ้ายบายอยู่ไม่ไกล
“เราทำแบบนี้มันจะดีเหรอพี่ตะวัน” ภุมรินว่า
เขารู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ตะวันและเมฆาทำอย่างนี้ ถึงจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่รัชพลทำแต่การที่ทำแบบนี้มันก็ใช่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดี
“มาถึงขั้นนี้แล้วน่าน้องริน อะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิดแหละนะ”
ตะวันตบไฟเลี้ยวออกจากไร่น้ำรินมุ่งสู่ถนนใหญ่ เขาหวังว่าเมฆาจะจัดการเรื่องนี้ได้อย่างที่เจ้าตัวพูดไว้นักหนา และเขาเองก็อยากจะคุยกับภุมรินให้รู้เรื่องและชัดเจนไปเลยเช่นเดียวกัน
“แล้วพี่ตะวันจะพารินไปไหน” ภุมรินถามเมื่อออกจากไร่น้ำรินมาแล้ว
“ไปบ้านพี่” ตะวันยักคิ้วให้คนข้างๆก่อนจะเร่งความเร็วรถขึ้นมุ่งสู่บ้านประสิทธานนท์
ทางด้านของเมฆานั้น ว่าที่คุณหมอรีบเข้าไปหารัชพลที่กำลังยุ่งกับการเตรียมไวน์รุ่นใหม่อยู่
สองวันมานี้รัชพลขลุกอยู่ในโรงบ่มทั้งวัน แต่ถึงแม้เจ้าตัวจะยุ่งแต่ก็ยังมีเวลาไปคุมความประพฤติของน้องชายอยู่ รัชพลต้องการให้ตะวันและภุมรินเลิกติดต่อกันจนกว่าทั้งคู่จะเลิกคิดยกระดับความสัมพันธ์ให้มากกว่าพี่น้อง ซึ่งตอนนี้ถือว่ากำลังไปด้วยดี
“พี่รัช!” เมฆากระโดดเข้ามาเกาะหลังรัชพลแน่น
“ไอ้เมฆ เข้ามาในนี้ได้ไงเนี่ย รินไม่อยู่ อยู่ในไร่นู่น”
รัชพลหันไปดึงมือตุ๊กแกของเมฆาออก ช่วงนี้เมฆามาหาภุมรินบ่อยครั้ง เขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ขอแค่ตะวันไม่เข้ามายุ่งก็เป็นพอ
“เมฆไม่ได้มาหาริน มาหาพี่รัชนั่นแหละ” เมฆาหมุนตัวมายืนตรงหน้าของรัชพล
“มาหาพี่? มาทำไมวะ” รัชพลถามงงๆ
“เมฆอยากรู้เรื่องไวน์น่ะ” เมฆาตอบ ความจริงเขาไม่ได้มีความพิศวาสไวน์อะไรของรัชพลนี่เลยสักนิด
“อย่างแกเนี่ยนะสนใจเรื่องไวน์ ผีเข้ารึเปล่าไอ้เมฆ” รัชพลหัวเราะเล็กน้อย
เมฆาที่แสนจะวุ่นวายกับศาสตร์แห่งไวน์ที่ต้องใช้ความละเอียดอ่อน มันไม่เข้ากันเลยสักนิดเดียว
“เมฆไม่ได้ผีเข้าซักหน่อย อยากรู้ไว้เฉยๆ ตอนนี้เนี่ยนะเค้าบอกว่าไวน์สามารถบำบัดคนไข้ได้ ว่าที่หมอที่ดีอย่างเมฆก็ต้องมาเรียนรู้ไว้บ้าง” เมฆาแถไปเรื่อย
ความจริงแล้วนั้นเขาอยากจะให้รัชพลเลิกสนใจภุมรินซักพักใหญ่ต่างหาก แล้วการดึงความสนใจของรัชพลได้ดีที่สุดก็คือไวน์เท่านั้น
รัชพลเลิกคิ้วเล็กน้อย ไม่อยากจะคิดว่าสิ่งที่เมฆาว่ามานั้นเป็นเรื่องจริง แต่การที่เมฆาสนใจเรื่องไวน์ก็ทำให้เขารู้สึกดีไม่น้อย อย่างน้อยก็มีคนอยากเรียนรู้เรื่องไวน์เหมือนกับเขา
แต่รัชพลนึกไปถึงคำพูดของเมฆาที่บอกเขาว่าเป็นตาแก่แช่โรงบ่มแล้วอยากจะขำเสียจริงที่ตอนนี้เมฆามาของเรียนรู้เรื่องไวน์กับเขา
“โอเคๆ เดี๋ยวพี่จะอธิบายเรื่องไวน์ให้เอง” สุดท้ายก็ยอมแพ้สายตาหมาหงอยของเมฆานั้นเข้าเต็มเปา
“เย้! พี่รัชใจดีที่สุด” เมฆากระโดดกอดรัชพลแน่น หวังว่าเขาคงไม่ชักตายในโรงบ่มไวน์ของรัชพลซะก่อนนะ
ส่วนเรื่องของตะวันและภุมรินเขาก็หวังว่าสองคนนั้นจะใช้เวลาที่มีอยู่คุยกันอย่างคุ้มค่าที่สุด
ตะวันพาภุมรินมาในบ้านที่ตอนนี้มีแค่แม่บ้านอีกสองสามคนกำลังทำงานอยู่ในครัวและคนสวนอีกสองคนอยู่หลังบ้านเท่านั้น พ่อของเขาไม่กลับบ้านอาทิตย์หนึ่งได้แล้วเนื่องจากต้องไปคอยควบคุมดูแลงานในตัวจังหวัด
ตะวันพาภุมรินขึ้นมาชั้นบนของบ้าน ภุมรินเองก็เดินตาม บ้านของตะวันนั้นเป็นบ้านสองชั้นที่ใหญ่กว่าบ้านของภุมรินไม่น้อยเลยทีเดียว ห้องหับก็แบ่งกันอย่างลงตัว ไหนจะบริเวณรอบๆบ้านที่จัดไว้อย่างน่าอยู่
“นี่ห้องพี่เอง” ตะวันเปิดประตูพาภุมรินเข้าไปในห้องของตัวเอง
“อะไรเนี่ยพี่ตะวัน พารินเข้าห้องแล้วเหรอ” ภุมรินว่าแต่ตัวเองก็ยังเดินตามตะวันไม่หยุด
“รินก็ยอมตามพี่มาเหมือนกันนั่นแหละ ใจจริงก็อยากเข้าห้องพี่เหมือนกันใช่มั้ยล่ะ” เจ้าของบ้านเอ่ยแซว ภุมรินหันไปค้อนเข้าให้ ตะวันหัวเราะร่วนกับท่าทางนั้น
“ห้องพี่ใหญ่จัง” ภุมรินเดินดูรอบๆห้องของตะวัน มีสิ่งของตั้งอยู่มากมาย ทั้งกรอบรูปและของสะสมของตะวัน
“น่าอยู่ก็มาอยู่ด้วยกันสิ” ตะวันเดินไปซ้อนหลังคนตัวเล็กที่กำลังกวาดสายตามองรูปภาพที่ถูกตั้งไว้บนโต๊ะหน้าทีวี
“ใครจะอยากอยู่กับพี่กัน พี่ตะวันมีรูปนี้ได้ยังไง”
ภุมรินชี้ไปที่รูปเก่าๆซึ่งตั้งอยู่ถัดจากรูปตอนเด็กๆของตะวัน มันเป็นรูปของเขาที่ถูกป้าจันจับแต่งชุดของหลานสาว เขาตอนเจ็ดขวบกับในชุดกระโปรงฟูฟ่องกำลังร้องไห้ขี้มูกโป่งโดยมีตะวันและรัชพลยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“รูปนี้เหรอ ป้าจันถ่ายให้น่ะ ดูรินสิ ร้องไห้ขี้มูกไหลย้อย” ตะวันหยิบรูปนั้นมาดูแล้วหัวเราะเบาๆ รูปนี้ตั้งอยู่บนโต๊ะมานานแล้ว เขาหัวเราะทุกครั้งที่นึกถึงตอนนั้น
“ไม่ต้องหัวเราะเลยนะพี่ตะวัน ใครกันที่ทำให้รินร้องไห้” ภุมรินแหวเมื่อตะวันเอาแต่หัวเราะเขา ก็เพราะตะวันนั่นแหละที่ล้อเขาจนต้องร้องไห้จ้าขนาดนั้น
“ตอนนี้ไม่ทำให้รองไห้แล้วไง” ตะวันหมุนตัวภุมรินมาเผชิญหน้า มือหนานั้นจับผมของภุมรินทัดที่หู จ้องมองไปในดวงตากลมโตนั้นไม่วาง
“วันนี้ไม่ใช่แต่วันข้างหน้าอาจไม่แน่ พี่ตะวันน่ะชอบแกล้งริน” ภุมรินมองคนตรงหน้าไม่วางตาเช่นกัน ความรู้ของเขามันชัดเจนขึ้นมากในตอนนี้ ชัดเจนว่าตะวันคือคนนั้นของหัวใจ
“แต่เรื่องนี้พี่จริงจัง พี่ไม่ได้แกล้งรินเหมือนที่ผ่านมา พี่อยากให้รินรู้ว่าพี่พร้อมจะรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเอง” คำพูดที่จริงจังและหนักแน่นของตะวันนั้นทำภุมรินยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
ทำไมนะ ทำไมตะวันถึงได้เข้ามาอยู่ในใจของเขาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวแบบนี้ และยิ่งไปกว่านั้นตะวันกลับทำให้ใจของเขาปั่นป่วนมากกว่าทุกที ทั้งๆที่ไม่เคยจะคิดมาก่อนว่ามันจะเป็นแบบนี้
ไอ้พี่ตะวันที่ชอบแกล้งสารพัดและเขาเกลียดขี้หน้าที่สุด ณ ตอนนี้ เวลานี้ กลับเป็นคนที่เขาอยากอยู่เคียงข้างมากที่สุด ภุมรินไม่เข้าใจเลยสักนิด
“ริน พี่ไม่รู้ว่ารินจะเชื่อพี่มั้ย แต่ตอนนี้ความรู้สึกของพี่ ข้างในนี้ มันมีแต่รินแค่คนเดียว พี่ไม่รู้ว่าอะไรทำให้พี่คิดกับรินมากว่าน้องชาย แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว พี่อยากจะรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเอง แม้ว่ารินจะคิดเหมือนกับพี่หรือไม่ก็ตาม” ตะวันจับมือของภุมรินมากุมแน่น มองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่แน่วแน่
“พี่ตะวันรู้อะไรมั้ย ว่าตอนนี้ในหัวใจของรินมันมีใครอีกคนเข้ามา รินไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน รินก็อยากจะรับผิดชอบความรู้สึกของรินที่มีต่อพี่ตะวันเหมือนกัน พี่รู้สึกแย่มากในตอนที่รู้ว่าพี่มีคนอื่นแล้ว”
คำพูดของภุมรินทำให้ตะวันยิ้มออกมา เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางดอกไม้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีไม่น้อยเมื่อความรู้สึกที่ให้ไปได้รับคำตอบรับที่ดีกลับมา
“งั้นเรามารับผิดชอบความรู้สึกด้วยกัน”
ตะวันก้มเกลี่ยผมที่ปรกหน้าของภุมรินนั้นก่อจะก้มลงจูบที่หน้าผากของคนตรงหน้า ภุมรินหลับตาลงด้วยรอยยิ้ม เหมือนผีเสื้อนับพันกำลังบินว่อนอยู่ข้างใน หัวใจของเขาสั่นระรัว หากมันจะทะลุออกจากอกมาได้มันคนทะลุออกมานานแล้ว
ภุมรินไม่รู้ว่ามันเรียกว่าความรักได้รึเปล่า ตอนนี้เขารู้ว่าแค่ว่าเขามีความสุขทุกนาทีที่ได้อยู่ใกล้กับตะวัน
****************************************************************
ตอนนี้มาแล้วววววววววววววว รีบไปเลยแวะมาอัพเร็ว
เค้ามีงานต่อ ฝากด้วยนะคะ