บทที่ 68
ชนินทร์วิ่งตามเตียงพยาบาลผ่านตามทางเดินสีขาวโพลนและกลิ่นคละคลุ้งของน้ำยาฆ่าเชื้อ...ชายหนุ่มน้ำตานองหน้า เอาแต่พูดคำว่า “คุณต้องไม่เป็นอะไรๆ...”
นางพยาบาลและศัลยแพทย์ห้องฉุกเฉินต่างกันชนินทร์ไว้ไม่ให้ตามเข้าไปถึงส่วนปฏิบัติงาน ร่างบางล้มลงกับพื้นพลางปล่อยโฮ
คุณผกาและป้าไผ่รีบรุดมาสมทบที่โรงพยาบาลในตัวเมืองเช่นกัน อีกทั้งชลัช กวินนักสืบหนุ่ม และฤดีเลขาฯสาว...ทั้งหมดต่างพากันพยุงชนินทร์ไปนั่งสงบสติอารมณ์และปลอบโยน
ภาพของคนที่เขารักหมดหัวใจ นอนแน่นิ่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียงพยาบาลขณะที่กำลังถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน...ไม่มีอะไรจะทำร้ายจิตใจเขาให้รู้สึกเจ็บปวดไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ยามกุมมือกลับไม่มีแรงกระชับ...ที่แสนอบอุ่น มั่นคง และเปี่ยมไปด้วยความรักตอบกลับมาเหมือนก่อน...
“ผมว่าพวกเรานั่งอยู่เป็นเพื่อนพี่นินกันก่อนดีกว่าครับ จนกว่าพี่นินจะหายตกใจ”
ชลัชบอกกับทุกคนขณะกำลังนั่งโอบกอดพี่ชายที่กำลังขวัญเสีย
กระทั่งชนินทร์จับต้นชนปลายได้ถูก ก็เริ่มซักไซ้ถามน้องชายว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้อย่างไร
“ลัช...นายรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่?”
“คือ...หลังจากวันนั้นที่ผมรู้ความจริงว่าใครทำร้ายอิงอร ผมก็เริ่มต้นทำลายชีวิตของทุกๆคนที่ผมเกลียด...ผมผิดเองแหละครับที่ไม่คิดถึงผลที่ตามมา ปล่อยให้ความโกรธเกลียดโกรธแค้นมันครอบงำ...”
“ตอนนั้นเหมือนมีผีเข้าสิงผมเลยครับพี่นิน ผมอยากทำลายทุกคนที่เคยทำร้ายอร...ผมรู้ว่าในใจยังลืมอรไม่ได้...ฉะนั้นผมเลยจัดการหาทางซื้อบริษัทของครอบครัวอรรถชัย ผมถึงขนาดจ้างนักสืบให้เอาความลับที่เขาเล่นการพนันในบ่อนเจ้าพ่อมาเปิดโปงจนเกือบติดคุก...แล้วผมก็เกือบทำให้พ่อของเขาหัวใจวายตาย แม้แต่ตอนนี้เขายังนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่รู้ว่าทราบข่าวของ...ลูกชายเขาหรือยัง…”
น้ำเสียงของชลัชเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดบาปที่กัดกินหัวใจ กระนั้นก็ยังเล่าต่อไปต่อหน้าทุกๆคน
“ผมกลั่นแกล้งอรรถชัยจนในที่สุดเขาก็หายสาบสูญไปจากบริษัท ซึ่งผมเตรียมจะขายทอดตลาดอยู่แล้ว กระทั่งมีอยู่คืนหนึ่งที่ผมทำงานอยู่ในออฟฟิศจนดึก แล้วเขาก็เข้ามา...ทวงความแค้นของเขาคืนอย่างที่ผมเคยทำกับเขา...เพียงแต่ว่าเขายิงผม...สองนัด แต่โชคดีนะครับพี่ผมรอดตายมาได้หวุดหวิด”
ชลัชโชว์บาดแผลที่หน้าอกข้างขวาให้พี่ชายดู กับแผลที่แขนซึ่งสวมเผือกไว้ ความจริงชลัชยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลทว่ากวินมาขอความช่วยเหลือเขาเสียก่อน
“แล้วพิมพาล่ะ...” ชนินทร์ถามเสียงอ่อย เหนื่อยล้า “เขาเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรด้วย”
“ผม...” ชลัชเอ่ยได้แค่นั้นก็ส่ายหน้า ปากสั่นเสียงสั่น ราวกับจะร่ำไห้ “ผมทำร้ายเขามาก...เพราะผมโกรธเขา ผมเคยรักเขา...ผมเคยมีความรู้สึกดีๆให้เขา แต่เขาทำกับผมเหมือนคนไม่มีค่า...”
“ผมประจานเขาตามหน้าหนังสือพิมพ์ครับพี่นิน ผมทำให้อาชีพการงานของเขาดับวูบตลอดกาล...รู้มั้ยว่าคลิปวิดีโอที่กำลังแพร่อยู่ในอินเตอร์เน็ตน่ะ...ฝีมือของผมเอง แถมผมยังเยาะเย้ยเขาโดยการที่เอาเงินให้เขาไปคลอดลูกแล้วเฉดหัวเขาไปอย่างไม่ใยดี...”
ชนินทร์อึ้งค้างกับความร้ายกาจที่น้องชายของตัวเองกระทำลงไป
ช่างไม่ต่างอะไรกับ...ไม่แน่ อาจจะร้ายกาจยิ่งกว่า...
“นาย...ทำลงไปได้ยังไง?”
“ผมไม่รู้ครับพี่นิน” ชลัชเอ่ยพร้อมน้ำตา “ถ้าถามผมว่าผมรู้สึกผิดมั้ย คงใช่...แต่ถ้าถามว่าผมสะใจหรือเปล่า ผมสะใจมากและไม่อยากหยุดแค่นี้...”
“นายต้องปล่อยวางซิลัช”
“ผมทำไม่ได้...ให้ตายยังไงผมก็ทำไม่ได้ ความรู้สึกเคียดแค้นนี้มัน...มันช่างทรมาน...มันกัดกินข้างในหัวใจของผม จนผมแทบทำอะไรไม่ได้นอกจากคิดถึงเรื่องการแก้แค้นบ้าๆนี่!”
ชนินทร์ส่ายหน้า สงสารก็สงสารน้องชาย...แต่ในเมื่อชลัชโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว คงทำอะไรไม่ได้มากกว่าแค่เตือนสติ
“นายต้องระงับความรู้สึกเหล่านั้นไว้ให้ได้ลัช...ไม่อย่างนั้นนายจะต้องรู้สึกตกนรกทั้งเป็น...นายไม่รู้หรอกว่าความทรมานที่แท้จริงมันเป็นยังไง...”
ชนินทร์กล่าวทิ้งไว้ก่อนจะลุกเดินออกไปสูดอากาศข้างนอก ปล่อยให้ชลัชนั่งครุ่นคิดอยู่เพียงลำพัง...
กวินกับฤดีเล่าให้ชนินทร์ฟังว่าตอนนี้พิมพาถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ทว่าเรื่องของการดำเนินคดีคงไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
“ทำไมล่ะ? ทำไมพิมพาถึงอาจจะไม่มีความผิด ในเมื่อเขาฆ่า...”
“ผิดน่ะ ผิดจริงครับคุณนิน” กวินพูดด้วยน้ำเสียงเย็น สีหน้าของทั้งนักสืบหนุ่มและเลขาฯสาวต่างอ่อนเพลีย กังวลใจ “แต่คุณพิมเอ่อ...เธอมีอาการทางจิตด้วยน่ะครับ จนตำรวจต้องรอผลตรวจสุขภาพจิตของเธอก่อน ซึ่งก็คง...พิจารณาว่าเธอเสียสติจนคลุ้มคลั่งทำร้ายคุณอรรถชัย...”
“ว่าไงนะ?”
“คุณนินคะ...” ฤดีแทรกอย่างนุ่มนวล “เราต้องเข้าใจเธอนะคะ ว่าคนที่ผ่านเรื่องราวร้ายๆมามากมายอย่างนั้น หลังจากที่ทุกคนทำกับเธอ...คงเป็นความรู้สึกผิดด้วยกับสิ่งที่เธอทำลงไปทั้งหมด และก็...ลูกที่เธอเพิ่งคลอดได้ไม่ถึงสองวันน่ะคะ”
“ลูก…!?”
ชนินทร์มึนงงกับคำๆนั้น...
ลูก...ลูกของพิมพา
เด็กในท้อง...ไม่ซิ เด็กที่ลืมตาออกมาดูโลกแล้วคนนั้น...แท้จริงเป็นลูกของใครกัน
“พิมพาท้องงั้นเรอะ?”
“ค่ะ...เธอคลอดก่อนกำหนดเล็กน้อยแต่เด็กก็ปลอดภัย”
“คุณ...คุณทราบมั้ยว่าใครเป็นพ่อ...”
“ไม่ใช่คุณเมฆินหรอกค่ะ ดิฉันรับรองได้”
ชนินทร์ยิ่งมึนงงเข้าไปอีก
“งั้น...นายชลัชหรือ?”
ถ้าใช่...ชนินทร์ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมชลัชถึงกำลังสับสนกับเรื่องราวทุกอย่างในขณะนี้...
“ไม่ใช่ค่ะ...แต่เป็นคุณอรรถชัย”
ชนินทร์นิ่งอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกอีกครั้งหนึ่ง ความจริงที่เขาพึ่งจะได้รับในคืนนี้ช่างมากมายจนเรียบเรียงไม่ถูก...
ชายหนุ่มเหมือนคนตาสว่าง...เข้าใจเหตุการณ์ได้ทั้งหมดทันทีว่าใครเกี่ยวข้องกับใคร อย่างไร
ตลอดจนกระทั่งความแค้น...เรื่องราวความสัมพันธ์ของทุกๆคนรอบกายซึ่งเกี่ยวโยงกันอย่างคาดไม่ถึง...ไม่ว่าจะเป็นเมฆิน ชลัช พิมพา และอรรถชัย...
ทุกอย่างมันยุ่งเหยิงจนอาจเรียกได้ว่าเป็นกงกรรมกงเกวียนที่แสนอุบาทว์...
โชคร้าย ที่หลายครั้งผลกรรมอันเลวร้ายกลับตกมาที่เขา
“...คุณชนินทร์จะให้ผมจัดการเรื่องคดีคุณพิมพามั้ยครับ? หรือว่าจะให้คุณชลัชดูแล...”
ชนินทร์ไม่ตอบ เพราะถึงเขาจะมีอำนาจแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง อีกอย่าง...ชลัชเป็นคนผูก เขาก็ต้องหัดเรียนรู้ที่จะแก้
“...แต่ผมว่านะครับ เธอคงต้องเข้ารับการบำบัดแน่ๆ เพราะถึงแม้จะเป็นการทำร้าย เป็นคดีอาญา แต่ผู้หญิงที่เพิ่งคลอดลูก และพยายามจะทำร้ายแม้กระทั่งลูกของตัวเอง...ก่อนจะหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วไล่ล่าตามหาคุณอรรถชัย แถมยังมีอาการเสียสติขั้นรุนแรง...คำพิพากษาคงทำอะไรเธอไม่ได้มากไปกว่า...ส่งเธอไปอยู่โรงพยาบาลบ้าหรอกครับ…”
ชนินทร์ปิดหน้าด้วยความกลุ้มใจ “คงเป็นเพราะ...เพราะกรรมล่ะมั้ง...ที่ทุกคนต้องมาทำร้ายกันแบบนี้”
ทั้งสามพากันเงียบ...ก่อนที่ฤดีจะเอ่ยอย่างนึกขึ้นได้
“เรื่องข่าว...ฤดีจะสั่งให้คุณอำนวยที่ดูแลประชาสัมพันธ์ในบริษัทของเราคอยจัดการให้เรื่องนี้เงียบที่สุดค่ะ คุณนินไม่ต้องห่วง เพียงแต่ว่าคุณนินอาจจะต้องกลับไปปรากฏตัวที่กรุงเทพฯบ้างเพื่อทำให้ทุกอย่างดูปกติน่ะค่ะ”
ชลัชดูเหมือนเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง เหมือนไม่ได้ยินอะไรรอบกายไปชั่วขณะ...
“ผมยังไม่อยากจะเชื่อว่าพิมพามีเด็ก”
“...ตอนแรกคุณพิมก็อ้างว่าคุณเมฆเป็นพ่อของลูกในท้อง” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มลง “เลยทำให้คุณเมฆต้องรับผิดชอบ เลยเข้าใจผิดกับคุณนิน...ความจริงคุณเมฆไม่ผิดนะคะ คุณพิมเธอสารภาพมาแล้วว่าเธอกับคุณเมฆไม่ได้มีอะไรกัน ทั้งหมดเป็นแค่เพียงเรื่องโกหกหลอกลวง”
ชนินทร์อยากจะร้องไห้ งั้นก็แปลว่า...ตลอดเวลาหลายเดือนที่เขาหนีจากเมฆิน หรือแม้กระทั่งแก้แค้นทำให้เขาเจ็บปวดใจต่างๆนานานั่นไม่ใช่ความผิดของเมฆินเลยน่ะซิ
ชนินทร์ทั้งเชือดเฉือน ทั้งทำร้ายจิตใจไม่ว่าจะเป็นการกล่าวหา หรือขุดคุ้ยเอาความผิดต่างๆของเมฆินขึ้นมาเป็นข้ออ้าง ทั้งที่หัวใจมอบให้เขาไปทั้งดวงแล้วขนาดนั้น...เขายังจำได้ยามที่เมฆินอุตส่าห์ทำอาหารมาให้ แต่ชนินทร์กลับทิ้งขว้างต่อหน้าเขาและไม่สนใจใดๆ...เมฆินเสียใจถึงกับออกไปยืนตากฝน นานจนเขาไม่สบายหนัก...
ทุกอย่าง...ชนินทร์รู้สึกเหมือนมีบาดแผลนับร้อยนับพันปรากฏบนหัวใจอีกครั้ง...
ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจความโกรธแค้นของน้องชายที่มีต่ออดีตคนรักและเพื่อนสนิท...ความรู้สึกที่โดนหักหลัง ตกอยู่ในวังวนของความสับสน เคียดแค้นนั้นเป็นอย่างไร...ชนินทร์รู้ดีเป็นที่สุด
เขาเป็นเหมือนคนโง่...ไอ้โง่ที่ท้ายที่สุดแล้วกลับเป็นฝ่ายกรีดหัวใจคนที่เขารักมากที่สุดด้วยน้ำมือของตัวเอง!
“พวกเราสงสารคุณเมฆมาก...เพราะรู้ว่าคุณนินคงไม่มีวันยอมให้อภัย และคุณนินก็ไม่อยากพบหน้า ผมเลยต้องช่วยคุณเมฆ...หวังว่าคุณนินคงไม่โกรธผมนะครับที่ตอนนั้นบอกคุณเมฆไปว่าคุณนินอยู่ที่ไหน”
ชนินทร์ส่ายหัว
“ผมไม่โกรธคุณหรอกครับคุณวิน ผมคงต้องขอบคุณมากกว่า...”
คนที่ควรโกรธ คือคนที่สมควรได้รับโทษกรรมสาสมแล้ว
ต่อมาฤดีได้โทรศัพท์ติดต่อครอบครัวขของอรรถชัย ให้มารับศพลูกชาย...
ส่วนพิมพาก็อยู่ในการควบคุมตัวของแพทย์และตำรวจ โดยมีชลัชคอยให้ปากคำ...เพราะพิมพาเอาแต่อาละวาดไม่ยอมฟังใคร กลายเป็นอีกคนไปโดยสิ้นเชิง
เว้นเสียแต่เมฆิน...ที่ยังนอนไม่ฟื้นจากอุบัติเหตุ และแพทย์ที่กำลังผ่าตัดช่วยชีวิตเขาอยู่
“แล้ว...ลูก ลูกของพิมพาล่ะ”
กวินกับฤดีมองตากัน
“เอ่อ...ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล ไม่มีใครอยู่กับเด็กหรอกครับ”
ชนินทร์ขมวดคิ้ว
“ผมคงต้องพูดกับชลัช...เมื่อเรื่องราวมาถึงขนาดนี้ ผมคิดว่าน้องชายของผมสมควรต้องลุกขึ้นมาแสดงความรับผิดชอบบ้าง...อย่างน้อยก็เพื่อเด็กคนนั้น...”
...ทุกคนกำลังเฝ้ารอข่าวจากห้องไอซียู ฤดีกับกวินนอนหลับซบกันอยู่ที่เก้าอี้ ส่วนชนินทร์เอาแต่นั่ง ยืน หรือไม่ก็เดินไปมา ไม่สามารถข่มตาหลับได้ด้วยหัวใจอันว้าวุ่น
คุณหมอวัยกลางคนท่านหนึ่งเดินออกมาพบในที่สุด
“พวกคุณคือญาติคุณเมฆินหรือเปล่าครับ?”
ชนินทร์รีบตอบปากรับ คุณหมออธิบายอาการโดยรวมให้ชนินทร์ฟังเงียบๆคนเดียว
“คือตอนนี้เราช่วยคนไข้เอาไว้ได้แล้วครับ แต่หมอเกรงว่าตอนที่คนไข้ล้มลงไป เกิดอาการกระแทกที่ศีรษะอย่างรุนแรง แล้วระยะทางกว่าที่คนไข้จะมาถึงมือหมอตามที่แจ้งไว้...ก็ทำให้เกิดเลือดคลั่งในสมอง หากมาช้าไปกว่านี้อีกสักนิดเดียว หมอคงไม่อาจรับประกันได้ว่าคนไข้จะสามารถฟื้น...หรือนอนหลับต่อไปอย่างนั้น...”
ชนินทร์หน้าเสีย กำมือแน่น
“แต่ตอนนี้คงต้องดูอาการต่อไปนะครับ หมดคงบอกอะไรไม่ได้ และหมอหวังว่าคนไข้จะฟื้นและหายเป็นปกติดีทุกอย่างเพราะเราได้พยายามกันเต็มที่แล้ว...คิดว่าอาการของคนไข้จะราบรื่นขึ้นตามลำดับนะครับ”
คุณหมอเดินจากไปแล้ว พร้อมกับพยาบาลหลายคน...ทว่าชนินทร์ยังคงยืนค้างอยู่ตรงนั้น ใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่…
ขนาดคุณหมอยังใช้แต่คำว่า ‘หวังว่า’…’คิดว่า’…
แล้วเขาล่ะ...พอจะตั้งความหวังได้มากน้อยแค่ไหน?
TBC