ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ตกหลุมร้าย ผู้ชายพันธุ์โหด {หวาย&ไอศูรย์} บทที่30 บทสุดท้าย [จบ] 11-10-2561  (อ่าน 44780 ครั้ง)

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เอาล่ะหวายยย บอกรักแล้ว :hao7:

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อารดาออกมาเดินเล่นบริเวณหน้าบ้านในตอนสาย วันนี้แดดไม่ร้อนมากเท่าไร  แถมอากาศกำลังดีเพราะใกล้เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว เธอมองดูดอกไม้ที่แผ่กิ่งก้านให้ความสดชื่นสบายตา นานเท่าไรแล้วที่ชีวิตของเธอไม่เคยพบกับความสุขสดชื่นแบบนี้
   นานจนคิดว่าคงไม่ได้กลับมาเจอหน้าไอศูรย์ พี่ชายที่แสนดีของเธอ
   หญิงสาวเดินเรื่อยมาจนเกือบถึงบริเวณรั้วบ้าน เห็นลูกน้องของไอศูรย์สองคนกำลังพูดคุยอยู่กับใครสักคน พอเดินเข้ามาใกล้ๆ จึงได้รับรายงานว่าผู้ชายคนนี้มาด้อมๆ มองๆ อยู่นานแล้วและดันทุรังอยากจะเข้ามาให้ได้แต่ยังไม่ได้รับการอนุญาตเพราะดูไม่น่าไว้ใจ กลัวจะเป็นพวกมิจฉาชีพ
   “เอายังไงดีครับคุณเอย หมอนั่นยืนยันว่าอยากเจอคุณหวาย แต่ผมว่ามันแอบอ้างมากกว่า” ลูกน้องหนึ่งในสองคนของไอศูรย์พูดขึ้น เพราะทั้งคู่ไม่เคยเห็นหน้าณพลมาก่อน แม้แต่ตอนที่ณพลถูกอลงกรณ์จับตัวมาทรมาน ตอนนั้นชายหนุ่มถูกตีหัวจนสลบแล้วลากขึ้นรถตู้มีถุงขยะสีดำคลุมศีรษะปกปิดใบหน้าเอาไว้จนพาตัวมาถึงห้องสอบสวนที่หวายเห็น
   “เดี๋ยวฉันขอคุยกับเขาเอง” หญิงสาวบอก ก่อนที่ทั้งสองคนจะผละออกมาให้เจ้านายสาว เธอจึงเดินมายืนบริเวณนอกรั้ว มองชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนส์สีเข้มใบหน้าบ่งบอกชัดเจนว่าเขากำลังงุนงงสงสัยว่าเธอเป็นใครเพราะณพลไม่เคยเจอเธอมาก่อน เข้าใจมาตลอดว่าบ้านหลังนี้ไอศูรย์อยู่กับบบรรดาลูกน้องของเขาเท่านั้น
   “มาหาหวายเหรอคะ”
   “ใช่ครับ”
   “หวายออกไปมหาวิทยาลัย คงจะกลับตอนเย็นๆ น่ะค่ะ”
   “ผมไม่เจอเขานานแล้ว หวายเองก็เงียบหายไปไม่ยอมติดต่อ ก็เลยเป็นห่วงน่ะครับ” ณพลตอบพร้อมชะเง้อคอมองเข้าไปในตัวบ้านเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่หญิงสาวพูด กลัวว่าเธอจะกีดกันเขาเหมือนอย่างไอศูรย์ หมอนั่นมันมีอิทธิพลมากขนาดไหนเขาย่อมรู้ดี
   “หวายสบายดีค่ะ พี่ชายของฉันดูแลเขาอย่างดี”
   “พี่ชาย?”
   “ฉันชื่อเอย เป็นน้องสาวของพี่ไอ นี่ใช่คุณพลหรือเปล่าคะ เพราะฉันเคยได้ยินหวายเอ่ยถึงคุณให้ฟังอยู่บ่อยๆ” อารดาเดาจากสีหน้าท่าทางและรูปร่างสูงใหญ่ของเขา ณพลตัวสูง พอๆ กับพี่ชายของเธอ หวายเคยบอกว่าสนิทกับเขามากที่สุด เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่ไว้ใจได้และเคยช่วยหวายเอาไว้เวลามีปัญหาทะเลาะกับที่บ้าน หวายก็ไปนอนที่หอพักของณพล ถึงมันจะคับแคบไปหน่อยแต่ก็สบายใจกว่าการต้องมีปากเสียงกับพี่และแม่เลี้ยง แต่หวายก็เลือกที่จะไม่พูดถึงที่มาที่ไปของตัวเองที่ต้องมาอยู่กับไอศูรย์ พูดเพียงว่าชายหนุ่มจ้างเขามาดูแลเธอและให้ช่วยงานอื่นๆ แลกกับการส่งเสียให้เรียนหนังสือ
   “ใช่ครับ ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณเลย”
   “ก่อนหน้านั้นฉันไปอยู่ต่างประเทศเสียนานค่ะ เลยไม่ได้กลับมาที่บ้าน แต่ตอนนี้คิดว่าคงกลับมาอยู่กับพี่ไอแล้ว”
“อ่อ ผมเข้าใจละ” ชายหนุ่มมองรสาด้วยความรู้สึกดีอย่างประหลาด ดูนิสัยไม่เหมือนกับไอศูรย์เท่าไร
   “พี่ชายคุณเคยบอกหรือเปล่าว่าเขาทำอะไรไว้กับผม”
   “ไม่นี่คะ มีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ” อารดาอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าพี่ชายเธอมีปัญหาอะไรกับณพลมาก่อน หวายเองก็ไม่เคยเล่า
   “ไม่เป็นไร ช่างมัน เรื่องนานมาแล้ว ผมไม่อยากรื้อฟื้นเหมือนกัน”
   “งั้นก็ตามใจคุณค่ะ”
   “แต่ที่คุณบอกว่าพี่คุณดูแลหวายอย่างดี ผมแทบไม่อยากเชื่อ”
   “เชื่อเถอะค่ะ ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องโกหกคุณ”
   “ถ้าคุณยืนยันเช่นนั้น ผมก็จะเชื่อคุณนะ ยังไงผมขอตัวกลับก่อนดีกว่า ฝากบอกหวายด้วยว่าผมมาหา ขอบคุณครับ”
   “ได้ค่ะ” พอตกปากรับคำเสร็จก็เห็นเขาเดินออกมาพ้นหน้าประตูบ้านแล้วมาขี่รถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ไม่ไกล เขาขับเคลื่อนออกไปโดยเร็วเพื่อกลับไปทำงานต่อที่อู่ซ่อมรถ








   หวายนั่งดูซีรีส์แนวซอมบี้ฆ่าเวลารอไอศูรย์กลับจากประชุมงานที่โรงแรม มองนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังไม่เห็นเขาโผล่หัวกลับมาสักที
ให้ตายดิ ทำไมเขาต้องมามีโมเม้นท์แบบนี้กับอสูรตัวร้ายด้วยวะ
โคตรไม่เข้าใจตัวเองเลย
วันๆ ต้องตื่นมากินข้าวร่วมโต๊ะ คอยโทรศัพท์รายงานว่าอยู่ที่ไหนเวลาออกไปเรียน กลับบ้านให้ตรงเวลา ไม่เถลไถล ไม่ให้ติดต่อกับณพลและคนที่บ้านเก่า แล้วต้องมานั่งรอเขากลับ
นี่มันหน้าที่เมียชัดๆ!
‘พี่ชอบหวาย’ ไอ้ประโยคนี้ก็เหมือนกันที่ไอศูรย์ทำให้เขาวางตัวไม่ถูก ตอนนั้นหวายไม่ได้ตอบอะไร ไม่ได้หันกลับไปมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ได้แต่รีบๆ ออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่มแล้วกลับเข้าห้องตัวเอง พอเช้าต่อมาเหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ ยังดีที่โต๊ะอาหารมีอารดานั่งอยู่ด้วย แต่ก็ไม่วายเจอกับสายตาแพรวพราวจากคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะบ่อยๆ
มันเป็นสายตาที่ทำให้หวายรู้สึกถึงความร้อนบนใบหน้า
 “หวาย” เสียงเรียกของชายหนุ่มทำให้หวายหลุดออกจากภวังค์ความคิดแล้วหันกลับไปมองผู้ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีเหลืองแขนยาวกางเกงสแล็คสีดำ
ไอศูรย์กลับมาเมื่อไรไม่เห็นได้ยินเสียงรถยนต์เลย หรือเพราะเขามัวแต่คิดอะไรเพลินไปหน่อย
   “พี่ไอ กลับมาแล้วเหรอ”
   “มานั่งรอพี่ทำไม”
   “ผมยังไม่ง่วงเลยมานั่งดูซีรีส์”
   “ในห้องนอนก็มีทีวีไม่ใช่เหรอ”
   “ข้างนอกอากาศมันดีกว่านี่”
   “ในห้องก็มีแอร์”
   “ผมยอมแพ้แล้ว สรุปผมมารอพี่นั่นล่ะ”
   “นึกว่าต้องใช้คีมง้างปากซะอีก” ไอศูรย์ยิ้มขัน ก่อนทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ คนปากแข็งที่กว่าจะบอกเขาได้ว่ามารอเขาต้องเล่นให้จนมุมเสียก่อน
   “ไหนว่าจะไม่โหดกับผมแล้ว”
   “คิดว่าพี่จะใช้คีมง้างปากจริงๆ น่ะเหรอ ไร้สาระ แล้วนี่กินข้าวยัง”
   “กินแล้ว ผมไปนอนก่อนนะ”
   “เฮ้ย! เดี๋ยว!” ไอศูรย์ดึงให้อีกฝ่ายกลับมานั่งลงที่เดิมแต่หวายเสียหลักดันล้มลงบนตักของเขา ชายหนุ่มเลยกอดร่างของเด็กหนุ่มเอาไว้หลวมๆ
   “ปล่อยดิ”
   “ปล่อยทำไม หรือกลัวใครมาเห็น”  หวายพยายามดันตัวเองออกมา แต่ไอศูรย์แรงเยอะกว่า ยิ่งดันเขาก็ยิ่งกอดไม่ปล่อย
   “ทำแบบนี้ไม่ดีเลยนะ”
   “ไม่ดียังไง นี่บ้านพี่”
   “ผมรู้ว่าบ้านหลังนี้พี่ใหญ่สุด”
   “ที่พูดไปวันก่อน หวายคิดว่ายังไง”
   “วันไหนละ”
   “วันที่พี่บอกว่าชอบหวาย”
   “ก็…”
   แล้วจะให้คิดยังไงได้ มันก็ยังงงๆ เหมือนกัน เมื่อก่อนเกลียดกันแทบตาย
   หวายเกลียดเขา
   เขาเองก็เกลียดหวาย ไม่มีวี่แววจะญาติดีกันได้
   แต่ตอนนี้ไอศูรย์ไม่โหดร้ายเหมือนเมื่อก่อน…มันก็เลย
   “พี่อยากได้คำตอบ”
   “พี่ไอ”
       “หืม”
         “ผมถามอะไรพี่หน่อยสิ”
   “ว่า?”
   “ทำไมพี่ถึงชอบผม”
   “ไม่รู้ ไม่มีเหตุผล ชอบก็คือชอบ…” ไอศูรย์กดจมูกลงบนแก้มของหวาย อีกฝ่ายไม่ได้เบี่ยงหน้าหลบเขาอย่างเมื่อก่อน เลยโลภมากอยากทำมากกว่ากอดหรือหอม เขาอยากจับเด็กนี่ปล้ำเพราะความที่มันทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นนี่ล่ะ
   “หวายอาจจะเข้ามาในชีวิตพี่ด้วยเรื่องของความแค้นและเงื่อนไข…แต่ต่อจากนี้มันเป็นเรื่องของหัวใจ”
   “….”
   “เรื่องของเราสองคน”








   วันนี้ไอศูรย์ยังคงตื่นแต่เช้าเหมือนเคย เขาลงมาทานอาหารมื้อเช้าพร้อมกับหวายและอารดา เห็นน้องสาวนั่งคอยอยู่ที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว วันนี้หญิงสาวอยู่ในชุดสูทกระโปรงทำงานเรียบหรูสีฟ้าอ่อน เธอแต่งหน้าโทนสีหวานที่เข้ากับสีผิว พร้อมจะเข้าบริษัทไปเคลียร์เรื่องเอกสารหลังจากที่ค้างคามาเนิ่นนาน
   “เอยจะเข้าบริษัทเหรอ”
   “ค่ะ”
   “ไปพร้อมพี่มั้ย หรือยังไง”
   “เอยขับรถไปเองดีกว่าค่ะ” อารดาตักข้าวต้มกุ้งทานเมื่อแม่บ้านนำมาเสิร์ฟ
   “เมื่อวานพี่พลเขาแวะมาหาหวายนะ พี่ลืมบอก”
   “แล้วพี่พลว่ายังไงบ้างครับ” หวายอยากรู้ขึ้นมาทันที เขากับณพลไมได้ติดต่อกันนานมากแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวนั้นณพลก็หายเงียบไป แล้วไอศูรย์ก็ตั้งกฎบ้าๆ นั่นว่าห้ามเขาไปเจอกับพี่ชายร่วมโลกอีก
   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ แค่ฝากพี่ให้บอกหวายว่าเขามาหา ดูเขาเป็นห่วงหวายมากเลยนะ”
   “ไอ้หมอนั่นมันยังกล้ามาที่นี่อีกเหรอ” ไอศูรย์โพล่งขึ้นอย่างอดไม่ได้ สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความหงุดหงิดไม่พอใจ
   “ทำไมพี่ไอต้องโมโหขนาดนี้ด้วยล่ะคะ เอยว่าพี่พลเขาก็แค่อยากรู้ว่าหวายสบายดีหรือเปล่า กินอยู่เป็นยังไงบ้าง”
   “คนไม่ได้เป็นอะไรกันจะมาหากันทำไมบ่อยๆ”
   “พี่พลมาหาหวายบ่อยเหรอ?” อารดาหันไปถามเด็กหนุ่มบ้าง เพราะดูจากเมื่อวานแล้วไม่น่าจะใช่
   “ถ้ารวมเมื่อวานก็สองครั้งนะครับ”
   “แค่สองครั้งเองนะคะพี่ไอ ไม่เห็นบ่อยตรงไหนเลย” อารดาหันไปบอกพี่ชายยิ้มๆ
“ครั้งเดียวก็มากเกินพอแล้ว”
“เหรอคะ” อารดาหัวเราะคิกคักชอบใจ ไม่เคยเห็นไอศูรย์หึงใครออกนอกหน้าขนาดนี้
“เอยขำอะไรพี่”
“ขำพี่ชายกำลังหึงโหดคนแถวนี้  เอยไปทำงานก่อนนะคะ ไม่ได้เข้าบริษัทนานแล้ว” อารดาอมยิ้ม พลันคว้ากระเป๋าสะพายแล้วก้าวออกจากบ้านไป ทิ้งให้สองหนุ่มนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกันตามลำพัง
จริงๆ ต้องเรียกว่าอารดากำลังเปิดโอกาสให้พี่ชายเธอกับหวายได้คุยกันเป็นการส่วนตัว คงจะดีกว่ามีเธอนั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย




                                                    ........................................................



   ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
รถยนต์ของอารดาเลี้ยวออกมาจากอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่  และไกลจากรั้วบ้านของเธอมีรถคันหนึ่งจอดสนิทอยู่เพื่อรอดูความเคลื่อนไหวอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ภายในรถสวมชุดสูทสีเทา มีแว่นกันแดดสีดำปกปิดดวงตาคมที่แฝงความร้ายกาจเอาไว้ภายใน
   ไทน์ถอดแว่นตาออก เหยียดยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงใบหน้าของอารดา ผู้หญิงที่เขาเกือบจะหมั้นหมายเพราะทรัพย์สมบัติมหาศาลและชื่อเสียงเงินทองของเธอ  พอได้ข่าวว่าเธอฟื้นขึ้นมาและกำลังกลับมาทำงานของตัวเอง ไทน์จึงมาดักรออยู่ไม่ห่าง
ทำไมเธอไม่ตายๆ ไปซะเลย หรือสมองเสื่อมจำอะไรไม่ได้ยิ่งดีใหญ่ แต่ถึงยังไงไทน์ก็ยังมั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่เอาเรื่องที่เธอมาเห็นช็อตเด็ดของเขากำลังปล้ำกับสาวบนเตียงไปบอกไอศูรย์แน่นอน
เพราะเรื่องที่อารดาถูกผู้ชายสองคนปลุกปล้ำในพรงหญ้าคงตามหลอกหลอนเธอไม่หยุดหย่อน
   “สงสัยฉันคงต้องรีบจัดการอะไรสักอย่างแล้ว” เจ้าของคำพูดเปรยออกมาพร้อมกำลังขบคิดแผนการอันชั่วร้ายก่อนจะขับเคลื่อนรถยนต์ออกไปจนพ้นบริเวณดังกล่าว








   หวายเดินออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัยก็ตรงดิ่งมายังลานจอดรถของคณะบริหารธุรกิจ เขาปรายตามองหาคนขับรถที่ไอศูรย์บอกว่าจะส่งมารับกลับบ้านก็ยังไม่มีวี่แวว
   พอไม่เห็นใครเด็กหนุ่มในชุดนักศึกษาจึงเดินวนไปวนมาแล้วนั่งรอที่ม้านั่งใกล้ๆ แถมท้องฟ้าด้านนอกก็มืดครึ้มลงทุกทีเหมือนจะมีฝนตกลงมา พอนั่งไปก้นยังไม่ทันร้อน เม็ดฝนก็ปรอยลงมาอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด เสียงฟ้าร้องดังคำรามอย่างต่อเนื่อง
หวายหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อกดโทรฯออกไปยังเบอร์คนขับรถที่บ้านของไอศูรย์ แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อโทรศัพท์ของเขาแบตหมด ดังนั้นเครื่องมือสื่อสารที่ยังใช้งานไม่ได้ในตอนนี้จำต้องหย่อนลงกระเป๋าเป้ลงไปโดยปริยาย
   เขาคิดเอาไว้ว่าถ้าฝนซาเม็ดลงแล้วคนขับรถยังมาไม่ถึง คงต้องอาศัยรถแท็กซี่กลับบ้านเอง ไม่อยากมานั่งแกร่วอยู่คนเดียว ถึงจะเสี่ยงโดนไอศูรย์ต่อว่าให้ แต่เขาจะอธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจเองว่าไม่อยากรอนานๆ 
   เวลาผ่านไปเกือบสามสิบนาที หวายยังติดต่อใครไม่ได้เมื่อหันไปใช้บริการโทรศัพท์สาธารณะด้านหลังมหาวิทยาลัยหลังจากฝนซาเม็ดลงแล้ว อยากโทรหาไอศูรย์แต่รายนั้นเข้าบริษัทและบอกว่ามีประชุมยาว เลยไม่อยากรบกวนการทำงานของเขา เรื่องเล็กน้อยแค่นี้หวายคิดว่าตัวเองจัดการได้สบายอยู่แล้ว
   “กลับเองเลยแล้วกัน” เด็กหนุ่มเปรยกับตัวเอง เตรียมเรียกแท็กซี่ พลันสายตาก็พบกับรถยนต์คันหนึ่งแล่นมาจอดเทียบใกล้ๆ ที่เขายืนอยู่ ไม่กี่อึดใจเจ้าของรถก็เปิดประตูลงมา เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำทะเลกับกางเกงสแล็คสีกรมท่า ใบหน้าหล่อเหลาคมคายขาวสะอาดนั้นยังจดจำได้ดี
   “คุณไทน์”
   “หวัดดีครับหวาย พอดีผมขับรถผ่านมาแถวนี้ เห็นคุณยืนอยู่เลยจอดทักทายสักหน่อย”
   “ผมกำลังจะกลับบ้านพอดีเลย”
   “ถ้าไม่รังเกียจรถผม จะกลับด้วยกันไหมครับ เดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านให้”
   “ไม่รังเกียจหรอกครับคุณไทน์ แต่ผมเกรงใจ”
   “ไม่ต้องเกรงใจ เราคนกันเองทั้งนั้น”
   “ผมว่าจะกลับแท็กซี่เองน่ะครับ” หวายเลือกที่จะปฎิเสธเขา กลัวไทน์ขับวกไปวนมาให้เสียเวลาเปล่า
   “ตอนนี้หาแท็กซี่ว่างยากหน่อยนะครับ ไปเถอะ ผมไปส่งหวายเอง” ไทน์หันไปเปิดประตูรอแบบมัดมือชก สุดท้ายเด็กหนุ่มก็จำต้องขึ้นรถยนต์ไปกับเขา
   ชายหนุ่มที่ทำหน้าที่ขับรถกระตุกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจโดยที่คนข้างๆ ไม่ทันเห็นเพราะกำลังคาดเข็มขัดนิรภัย 
   อีกไม่นาน ฉันจะเคี้ยวนายให้ละเอียดเลย กวางน้อยของฉัน!









   รถยนต์ของไทน์ขับเคลื่อนเข้ามาภายในคฤหาสน์หรูเมื่อฝนหยุดตกพอดี ไทน์จัดการดับเครื่องยนต์ เขาหันมาหาหวายที่ระบายรอยยิ้มให้อย่างเป็นมิตรแล้วกล่าวขอบคุณในความมีน้ำใจของชายหนุ่มที่อุตส่าห์พามาส่งถึงบ้าน
   “ขอบคุณนะครับคุณไทน์” เอ่ยจบเตรียมก้าวลงจากรถ หากยังไม่ทันเปิดประตูสายตาก็เหลือบเห็นรถสปอร์ตคันหรูของไอศูรย์จอดอยู่ มันเป็นรถคันเดียวกับเมื่อเช้าที่เขาใช้คันนี้ออกไปประชุมงาน นั่นหมายความว่าชายหนุ่มกลับมาถึงบ้านก่อนแล้ว
   หวายถึงกับหน้าเจื่อนลง ไอศูรย์จะโกรธหรือเปล่าก็ไม่รู้ที่ไทน์อาสามาส่ง หวายหันมาทางไทน์เห็นเขากำลังหยิบซองอะไรบางอย่างออกมาจากลิ้นชักหน้ารถแล้วยื่นให้
   “นี่ครับ” หนุ่มนักศึกษารับมาด้วยความงุนงง สีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย แต่พออ่านชื่อหน้าซองเขียนถึงไอศูรย์ก็พอจะเดาออก
   “อาทิตย์หน้าผมจะจัดงานเปิดตัวบริษัทของผมเอง ฝากซองนี้ให้ไอด้วยนะครับเพื่อไปเป็นเกียรติในงาน คุณก็อย่าลืมไปด้วยนะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
“ขอบคุณมาก” ไทน์ส่งยิ้มอบอุ่นตอบแทน
   “ผมคงไม่ได้เข้าไปในบ้านนะครับ พอดีมีธุระที่อื่นต่อ”
“ได้ครับคุณไทน์ แค่นี้ผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว”
“งั้นผมขอตัวก่อนเลยนะครับ” ไทน์กล่าวคำล่ำลาจบก็ออกรถเมื่อหวายลงไปแล้ว
   เด็กหนุ่มเดินมาถึงห้องโถงก็พบกับไอศูรย์ยืนกอดอกมองมาด้วยสายตาคมเข้ม เพียงแค่นั้นก็เดาได้ไม่ยากเลยว่าเขาจะต้องโดนอะไรบ้าง
   หวังว่าคงไม่โดนเตะกระเด็นออกไปนอกบ้านหรอกนะ โทษฐานที่ขัดคำสั่ง
   “ทำไมไม่เปิดโทรศัพท์”
   “แบตหมด” หวายรีบบอกทันทีก่อนยื่นการ์ดที่ไทน์ให้มา
   “คุณไทน์ฝากมาให้พี่ งานเปิดตัวบริษัทอาทิตย์หน้า เขาให้พี่ไอไปงานด้วย”
“อืม” ไอศูรย์รับมาอ่านดูคร่าวๆ แล้ววางลงบนโต๊ะ ก่อนจะมาซักไซ้หวายต่อ
   “ไม่ได้โกหกพี่นะ”
   “แบตผมหมดจริงๆ เนี่ย…เช็คดูได้เลย” หวายทำท่าจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมายื่นให้แต่ไอศูรย์โบกมือปัดว่าไม่ต้องการทำถึงขนาดนั้น
   “ช่างเถอะ พี่ไม่เช็คหรอก คนขับรถบอกว่ารถเสียกลางทาง เขาโทร.หาหวายไม่ติดเลยโทร.หาพี่ พี่ก็โทรเข้าเครื่องหวายไม่ติดเหมือนกัน จะไปรับที่มหาลัยก็กลัวจะสวนกัน แล้วไปเจอกับพี่ไทน์ได้ยังไง”
   “แถวมหาลัย เขาขับรถผ่านมาพอดี แล้วผมกำลังจะเรียกแท็กซี่กลับบ้าน”
   “หวาย”
   “ครับ”
   “พี่อยากถามอะไรหน่อย”
   “ว่ามาสิครับ”
   “พี่ไทน์มาจีบหวายเหรอ”
   “ทำไมพี่ไอถามผมแบบนั้น”
   “ก็ถามตามที่เห็น”
   ตามที่เห็นหรือตามที่หึงกันแน่วะไอ้อสูร…
   “ยิ้มอะไร”
   “ผมยิ้มไม่ได้เหรอ”
   “หืม?”
   “ก็พี่หึงผมกับคุณไทน์”
   “ใช่ พี่ยอมรับว่าหึง” ไอศูรย์ไม่คิดอ้อมค้อมหรือปิดบังความรู้สึก ไม่มีประโยชน์ เขาไม่สนว่าเมื่อก่อนเขาจะรู้สึกแบบไหนกับหวาย จะโกรธจะเกลียดอะไรช่างมัน ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือปัจจุบันเขาซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง
   ชอบก็คือชอบ
   ไม่มีเหตุผลอื่นใด
   “ไม่เกลียดผมแล้วเหรอ”
   “พี่เคยเกลียดหวายเมื่อไหร่กัน”
   “…..”
   “จะให้พิสูจน์ก็ได้นะ” ไอศูรย์ยกร่างเล็กขึ้นพาดบ่าแล้วก้าวยาวๆ ตรงไปยังห้องนอนของเขา
   “เฮ้ย! พี่ไอ จะทำไรเนี่ย” หวายโวยวายประท้วง ยกกำปั้นทุบแผ่นหลังเขาไปหลายครั้ง แต่ผู้ชายตัวโตกว่ากลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร เขาแบกร่างเล็กได้แบบสบายๆ
   “ร้องทำไม ไม่อายคนอื่นแล้วว่างั้น”
   พอเข้ามาถึงห้องนอนได้ก็โยนร่างเล็กลงบนเตียงแล้วหัวเราะขำ  หวายหน้ายู่นึกโมโหเขาแล้วทำท่าจะหนีออกมา แต่ก็ถูกไอศูรย์ขวางเอาไว้
   “ผมจะกลับห้อง”
   “ไม่อยากรู้แล้วเหรอ ว่าพี่เกลียดหวายหรือเปล่า”
   “ไม่อยาก”
   “ไม่เป็นไร เพราะพี่อยากพิสูจน์ให้หวายได้รู้…” ไอศูรย์ใช้สองมือประคองแก้มหวายเอาไว้มั่น ก่อนจะกดจูบลงมาอย่างดูดดื่มเร่าร้อนจนหวายเผลอจูบตอบเขากลับไปแบบไม่รู้ตัว
   ไม่รู้ตัวจริงๆ
   ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมครั้งนี้ถึงอยากจูบกับเขาและไม่มีการต่อต้านใดๆ เกิดขึ้น
   ไม่มีเลย…








                                                                  ..........................................






ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
หวายคว้าเล่มรายงานที่นั่งหลังขดหลังแข็งทำเสร็จเมื่อคืนนี้ลงในกระเป๋าเป้สีดำพลางรูดซิปปิดลงแล้วนำขึ้นสะพายหลัง อยากตะโกนดังๆ ว่ากูเป็นไทยแล้วโว้ย!
หลายวันนี้มานี้เขามัวแต่หัวฟูทำงานส่งอาจารย์จนแทบไม่ได้กระดิกตัวไปไหน โชคดีหน่อยที่วันนี้เขามีเรียนตอนบ่ายแค่วิชาเดียว เลยถือโอกาสออกจากบ้านช้ากว่าปกติ 
พอเดินมาถึงโถงรับแขกก็เจอไอศูรย์กับอารดา ฝ่ายหญิงทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม ผิดกับฝ่ายชายที่ทักทายเขาทางสายตา
สายตายั่วเย้าที่สื่อความหมายบางอย่าง
ก็แน่ล่ะสิ จูบกันครั้งล่าสุดดันเผลอตัวไปจูบตอบเขาซะอย่างงั้น แถมยังจูบกันนานกว่าทุกครั้งด้วย นี่ถ้าหวายไม่ดึงสติกลับมาได้ก่อนมีหวังคงเลยเถิดไปไกลกว่าจูบและขลุกอยู่ในห้องของไอศูรย์จนถึงเช้า
   “ออกไปด้วยกันเลยมั้ย เดี๋ยวพี่ไปส่ง” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เอ่ยชักชวนเสียดิบดีด้วยใบหน้าสดชื่นแจ่มใส หวายอดคิดไม่ได้ว่าสายป่านนี้ที่เขายังไม่ยอมไปทำงานเพราะมารอไปส่งหรือเปล่า
   พอคิดได้แบบนั้นหัวใจก็พองโตคับอกขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
   “ก็ได้ครับ”
   “พรุ่งนี้พี่ไอกับหวายต้องไปงานเปิดตัวบริษัทพี่ไทน์ใช่ไหมคะ” อารดาทราบข่าวนี้จากพี่ชายเธอ เพราะคุยกันเมื่อครู่อีกครั้ง ในการ์ดเชิญระบุชื่อเธอกับพี่ชายให้ไปเป็นเกียรติในงาน แต่หญิงสาวคิดว่าเธอไม่อยากไปร่วมเท่าไร เพราะเธอกับไทน์ก็จบกันไปนานแล้ว ไม่อยากเจอหรือไปยุ่งเกี่ยวกันหรอก
   อันที่จริงเธอเองก็ยังไม่ลืมเรื่องที่เขาเคยทำให้เจ็บช้ำ แต่อารดาไม่อยากพูดถึงมัน เธอเป็นประเภทไม่ชอบรื้อฟื้นอดีตเท่าไหร่
   “ไปสิ เอยจะไปพร้อมพี่ด้วยหรือเปล่า”
   “ไม่ดีกว่าค่ะ เอยมีประชุมลูกค้าถึงตอนค่ำ พี่ไอไปกับหวายเถอะค่ะ”
   “งั้นก็ตามใจเรานะ” ไอศูรย์ลูบศีรษะน้องสาวด้วยความเอ็นดู ตั้งแต่อารดาฟื้นขึ้นมา ชีวิตเขาก็ดูจะมีความสุขขึ้นกว่าเมื่อก่อนตั้งมากมาย ไหนจะใครบางคนที่ตอนนี้เอาแต่หันไปมองทางอื่นที่ไม่ใช่ใบหน้าของเขา
   ตั้งแต่ลงมาจากชั้นบนก็พูดกับเขาประโยคเดียว
   เวลาเด็กดื้อมันเขินเขานี่ดูน่าแกล้งชะมัด…









   หวายเข้ามานั่งในรถเคียงคู่กับไอศูรย์ โดยมีคนขับรถคอยทำหน้าที่ให้ เพราะวันนี้ชายหนุ่มไม่อยากขับรถเอง ส่วนคนที่อยู่ในชุดนักศึกษาควานหาตารางเรียนของวันนี้เพราะดันลืมว่าเรียนที่ห้องอะไร แต่หาจนทั่วกระเป๋าแล้วก็ยังไม่พบ นึกหงุดหงิดใจขึ้นมา นึกไม่ออกว่าไปทำตกหล่นไว้ที่ไหนหรือเปล่าเพราะปกติไม่เคยนำของสำคัญแบบนี้ออกมาทิ้งวางไว้ที่อื่น
   “เป็นอะไร” ไอศูรย์เห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของคนข้างๆ เลยอดถามขึ้นไม่ได้
   “หาตารางเรียนไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ที่ไหน อาจารย์ประจำวิชาแจ้งเรื่องย้ายห้องเรียน ผมก็ดันลืมไปแล้วด้วย”
   “โทรไปถามเพื่อนสิ ไลน์ไปก็ได้”
   “เออจริงด้วย ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้หลงๆ ลืมๆ ไปหมด”
   “โดนจูบแค่ไม่กี่ครั้ง ถึงกับสมองเบลอไปเลยเหรอ” ไอศูรย์ยิ้มล้อ
   “ไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้นสักหน่อย”
   “เย็นนี้พี่ไปรับนะ จะได้ไปงานพี่ไทน์ด้วยกัน” ไอศูรย์สั่งกำชับ เห็นอีกฝ่ายจึงพยักหน้ารับ ภายในรถวันนี้มีแต่ความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรกันอีก กระทั่งคนขับรถส่งหวายที่มหาวิทยาลัยและกำลังเดินเข้าไปในตึกเรียนข้อความจากไอสูรย์ก็แจ้งเตือนเข้ามาในโทรศัพท์ของเด็กหนุ่ม
   ตั้งใจเรียนนะไอ้ดื้อ เจอกันเย็นนี้…







   หวายนำรายงานมาส่งอาจารย์เมื่อมาถึงมหาวิทยาลัย กระดาษปึกหนาถูกวางลงบนโต๊ะอาจารย์ประจำวิชาก่อนเข้าเรียน เขาไลน์ไปถามเพื่อนแล้วว่ามีเรียนห้องไหน ไอ้เพื่อนบ้าก็เพิ่งไลน์มาตอบว่าวันนี้อาจารย์งดสอน
   เออ! ให้มันได้อย่างนี้สิ
   สรุปวันนี้เขาแค่เอางานมาส่งอาจารย์เท่านั้นเองสินะ
   เอาไงดี…พอไม่มีเรียนเขาก็ไม่รู้จะไปไหน จะทำอะไร ไอศูรย์กลับเข้าบริษัท ครั้นจะตามไปก็ใช่เรื่อง เดี๋ยวไปทำตัววุ่นวายแล้วเป็นภาระเขาเปล่าๆ
สมองรีบประมวลผลด้วยความรวดเร็วว่าเขาควรจะหาข้าวกิน แต่กินข้าวคนเดียวที่ร้านประจำก็เหงา  เพราะเพื่อนสนิทเขากลับกันไปหมดแล้ว ไม่อยากมานั่งแกร่วเป็นหมาหงอย
ไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ไปเอาสูทที่ร้านเลยแล้วกัน เขาจำได้ว่าไอศูรย์สั่งตัดสูทให้เขาใส่ไปงานของไทน์คืนนี้และจะแวะไปรับด้วยกันตอนเย็น แต่ถ้าไปรับด้วยตัวเองคนเดียวก็คงไม่มีปัญหาอะไร ไหนๆ ก็ไม่มีเรียน
หวายออกมาเรียกรถแท็กซี่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย แล้วบอกเส้นทางจะไปยังร้านเสื้อ
   เมื่อรถแท็กซี่ขับเคลื่อนมาจอดที่ร้านหรู หวายจึงมุ่งเข้าร้านทันทีเพื่อแจ้งกับพนักงานโดยบอกชื่อของไอศูรย์ ไม่นานก็มีหญิงสาวพาเข้าไปลองชุดสูทสีคาปูชิโนที่ตัดเย็บอย่างดีด้วยเนื้อผ้านำเข้าจากต่างประเทศ  หวายมองดูตัวเองที่หน้ากระจก สูททักสิโดที่ไอศูรย์สั่งเอาไว้ใส่ได้พอดีตัวไม่หลวมและไม่คับแน่นจนเกินไป เขายิ้มออกมาก่อนจะหายเข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาเหมือนเดิม
   อันที่จริงไอศูรย์ไม่ควรจะมาฟุ่มเฟือยกับเรื่องเสื้อผ้านักหรอก ชุดที่หวายใส่ออกงานคราวก่อนก็ใช้ไปแค่ครั้งเดียว
   แต่อย่างว่า รายนั้นมันพ่อมหาเศรษฐีหมื่นล้าน ขนหน้าแข้งไม่เคยกระเด็นออกมาให้เห็นสักเส้น
   หวายพาตัวเองออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า แต่แล้วก็ต้องรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่พบกับใครบางคนที่นี่ ชายหนุ่มมาดผู้ดีอยู่ในชุดสูทสีขาวราวกับเจ้าชาย และกำลังหันมาสบตากับหวายอย่างเป็นมิตรเหมือนทุกๆ ครั้ง ดูเหมือนฝ่ายนั้นก็แปลกใจไม่ต่างกันว่าบังเอิญจะมาเจอกันได้
   “หวาย”
   “หวัดดี คุณไทน์”
   “เจอกันอีกแล้วนะครับ” ไทน์นั่งลงบนโซฟาเพื่อรอพนักงานนำบัตรเครดิตของเขาไปจัดการเรื่องชุดที่สั่งตัดเย็บเอาไว้เมื่อสัปดาห์ก่อน
โดยเฉพาะเหตุการณ์เมื่อวันก่อนที่เขาไปส่งหวายที่บ้าน ระหว่างทางชายหนุ่มเลี้ยวรถเข้าไปในปั๊มน้ำมัน แล้วหวายเองก็ขอตัวลงจากรถไปเข้าห้องน้ำโดยทิ้งกระเป๋าเป้ไว้ในรถยนต์ของเขา ชายหนุ่มได้โอกาสจึงค้นหาแผ่นกระดาษเล็กๆ ที่คิดว่าเป็นตารางเรียนเลยยึดเอามาไว้กับตัวเพื่อจะได้รู้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย
ตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะๆ จัดการรวบหัวรวบหางกินไอ้เด็กนี่ซะเลย แต่เหมือนวันนี้สวรรค์จะเป็นใจส่งเหยื่อมาเข้าปากเสืออย่างเขาเร็วกว่าที่คิด
เมื่อได้รับชุดเรียบร้อย หวายจึงล่ำลาไทน์แล้วเดินออกมาจากร้าน แต่ไทน์กลับอาสามาส่งเองเหมือนครั้งก่อน เขาคะยั้นคะยอจนหวายไม่รู้จะปฏิเสธยังไง
   ไทน์ขับเคลื่อนรถยนต์มาถึงถนนใหญ่เขาเลี้ยวเข้าเส้นทางหนึ่งที่ไม่ใช่ทางกลับบ้านของหวาย คนที่นั่งมาด้วยถึงกับมองเขาด้วยความสงสัยว่าเขามาผิดทางหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าใช่เพราะไทน์มาบ้านเขาออกจะบ่อย
   “คุณไทน์จะไปไหนหรือครับเนี่ย”
   “คอนโดฯของผมเอง”
“คอนโด?” เด็กหนุ่มรู้สึกหวั่นใจแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้ออกไป ไทน์คงไม่ทำมิดีมิร้ายอะไรอย่างนั้นแน่ เพราะดูท่าทางเขาเป็นคนไว้ใจได้ ไม่ใช่คนร้ายกาจอะไร
   “ผมลืมเอกสารสำคัญบางอย่างน่ะครับ ขอแวะไปเอาแป้บเดียวนะ ไม่เกินห้านาที”
“อ๋อ ได้ครับ” คำพูดที่ไทน์ตระเตรียมมาอย่างดีทำเอาคนฟังค่อยใจชื้น ไม่ได้ถามอะไรออกไปนอกจากนั่งเงียบๆ ภายในรถ แล้วรถยนต์คันหรูของชายหนุ่มก็เคลื่อนตัวเข้ามาในลานจอดรถของคอนโดมิเนียมที่ไทน์พักอาศัยอยู่ โดยที่หวายไม่รู้เลยว่าภัยกำลังจะมาเยือนใกล้ตัว!




                                                                .................................





ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจพราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/


ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ไอศูรย์ออกจากห้องประชุมในช่วงบ่ายคล้อย ชายหนุ่มเดินกลับเข้าห้องทำงานของตัวเองโดยมีอลงกรณ์เปิดประตูให้แล้วเดินตามเข้าไปพร้อมกับเจ้านายของเขา
   ร่างสูงถอดสูทสีเทาควันบุหรี่ออกพาดไว้กับพนักเก้าอี้ เขาพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นลวกๆ แล้วเอนหลังลงบนพนักพิงเพื่อผ่อนคลายจากความตึงเครียดความเมื่อยล้าต่างๆ จากเรื่องงาน ส่วนตารางงานของวันนี้ที่เลขาส่วนตัวนำมาวางไว้ให้ เขาเปิดดูคร่าวๆ แล้วก็ปิดมันลงเช่นเดิม เพราะไม่มีงานอะไรที่เร่งด่วนมากนัด
   แล้วก็ไม่มีนัดที่ไหนอีกในวันนี้ จะมีก็แต่…
   นั่นไง เขาทำงานเพลินจนเกือบเลยไปเลยว่ามีนัดกับคนสำคัญเอาไว้
   ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมา เตรียมจะกดโทรฯไปหาหวายว่าเลิกเรียนหรือยัง แต่เวลาแบบนี้คงยังไม่เลิกเรียนแน่ๆ ไอศูรย์ตัดสินใจไม่โทรหา ไปถึงที่หมายเลยน่าจะดีกว่า เขาเลยสั่งให้ลูกน้องขับรถพาไปที่มหาวิทยาลัยของหวาย
   และเมื่อรถยนต์เคลื่อนตัวมาจอดสนิทที่ลานจอดรถใต้ตึกคณะที่เด็กหนุ่มเรียนอยู่ ไอศูรย์จึงกดโทรศัพท์ไปหาแต่ปรากฏว่าไม่มีคนรับสาย เขาเห็นนักศึกษาคนหนึ่งจำได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องกับหวาย เลยลองถามจากอีกฝ่าย
   หากคำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นว่าหวายกลับไปสักครู่ใหญ่ๆ แล้วเพราะวันนี้อาจารย์ประจำวิชางดสอน
บ้าฉิบ!
อุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนาว่าให้รอเขา ดันหนีกลับบ้านก่อนซะงั้น
มันน่าตีจริงๆ!
   เขาเองก็โทรย้ำ ๆ แต่ฝ่ายนั้นไม่ยอมรับโทรศัพท์สักที สงสัยจะอาบน้ำหรือทำอะไรที่ไหนไม่ได้พกโทรศัพท์ไว้กับตัวแน่ๆ เลยตัดสินใจโทรไปหาใครอีกคน
   “ว่าไงคะพี่ไอ” อารดารับสายเสียงหวาน
   “เอย อยู่ที่บ้านหรือเปล่า”
   “เพิ่งกลับมาถึงค่ะ แต่เดี๋ยวเย็นๆ เอยมีนัดกับลูกค้าอีกที พี่ไอมีอะไรหรือเปล่าคะ”
   “เอยเห็นหวายบ้างหรือเปล่า เด็กนั่นกลับมาถึงบ้านหรือยัง”
   “เดี๋ยวนะคะ เอยจะลองถามเจนให้”อารดาถามจากสาวใช้ เธอเพิ่งขับรถเข้ามาถึงบ้านและวางกระเป๋าลงบนโซฟาในโถงรับแขกพี่ชายก็โทรมาพอดี
   “เจนบอกว่าหวายยังไม่กลับมาเลยค่ะ”
   “เด็กบ้า หายไปไหนของมันวะ”
   “ใจเย็นๆ ก่อนค่ะพี่ไอ แล้วนี่ยังไม่ได้ไปรับสูทที่ร้านอารีน่าด้วยกันเหรอคะ”
   “ยังเลย พี่เพิ่งประชุมเสร็จ มารอหวายที่มหาลัย เห็นเพื่อนหวายบอกว่าหวายกลับไปนานแล้ว ไม่รู้หายไปไหนอีก”
   “คงไม่มีอะไรหรอกมั้งคะ อาจจะทำธุระแถวๆ นั้น” อารดาคอยดึงสติพี่ชายที่ดูจะร้อนรนกระวนกระวายไม่น้อย แต่ก็เข้าใจแหละว่าถ้าเป็นเรื่องของหวายไอศูรย์ไม่เคยมีคำว่าใจเย็นอยู่ในหัว
   “ลองโทรย้ำๆ ดูนะคะ เดี๋ยวหวายก็รับสายเองค่ะ พี่ไอลองไลน์ไปหรือยังคะ”
   “ทั้งโทรทั้งไลน์ ไม่ตอบกลับมาเลยไม่ว่าทางไหน”
   “นี่หวายหายไปไม่นานเองนะคะ”
   “ก็พี่เป็นห่วงเขา”
   “ทีอยู่ต่อหน้าไม่เห็นพูดว่าห่วง ทำเก๊กโหดใส่เขาอยู่ได้ สมน้ำหน้า” หญิงสาวอมยิ้มขัน
   “มันดื้อมากต่างหากพี่เลยต้องเล่นบทโหด”
   “ยังไงเอยจะลองช่วยโทรดูนะคะ”
   “ขอบใจนะ” ไอศูรย์วางสายจากน้องสาวของเขาแล้ว ก่อนให้ลูกน้องโทรเช็คตามโรงพยาบาล
   “เป็นไงได้เรื่องอะไรมั้ย”
   “ไม่พบครับ”
“อืม” ไอศูรย์ค่อยโล่งใจไปเปราะหนึ่ง อย่างน้อยก็ไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับหวาย แล้วเด็กนั่นหายไปไหนทำไมยังไม่ติดต่อกลับมาหาเขาอีกวะ
หงุดหงิดโว้ยแม่ง!
รู้งี้จับล่ามโซ่ ใส่กุญแจมือ ขังอยู่ในห้องไม่ต้องออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันเลยคงจะดี
   “โธ่เว้ย!” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย เขาก้าวขึ้นรถยนต์ โดยมีอลงกรณ์ทำหน้าที่ขับรถให้เหมือนเคย จุดหมายปลายทางข้างหน้าคือร้านเสื้ออารีน่า เผื่อว่าบางทีหวายอาจจะแวะไปที่นั่น พลันโทรศัพท์มือถือของชายหนุ่มก็ดังขึ้นขณะที่รถยนต์กำลังเคลื่อนตัวออกมา ไอศูรย์ก้มดูเบอร์โทรศัพท์ที่ปรากฏหน้าจอเป็นเบอร์ของหวาย เขาผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกก่อนกดรับสายในที่สุด
   กว่าจะโทรมาได้นะ ให้เราเป็นห่วงอยู่ได้แทบคลั่ง
   “อยู่ไหนแล้ว  พี่โทรหาตั้งนานทำไมเพิ่งโทรกลับ ไลน์ไปก็ไม่เห็นอ่าน ไหนบอกจะรอพี่ที่มหา…”
   “เอ่อ...คุณคะ คือว่า...” เสียงหญิงสาวที่ดังขึ้นปลายสายทำให้ไอศูรย์นึกแปลกใจ
   อ้าว! ใครวะ ไม่ใช่หวายนี่หว่า?
   “คุณเป็นใครครับ แล้วมารับโทรศัพท์ของหวายได้ยังไง”
   “ขอโทษนะคะ คือดิฉันเห็นว่าเจ้าของโทรศัพท์เขาลืมเอาไว้ที่ร้านเสื้อ แล้วเบอร์คุณก็โทรฯเข้ามาหลายรอบแล้วน่ะค่ะ”
“ว่าไงนะ ร้านเสื้อเหรอครับ” ชายหนุ่มเริ่มสับสน เขารีบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทันที หวายกลายเป็นคนสับเพร่าลืมของสำคัญทิ้งเอาไว้ที่อื่นได้ยังไงกันวะ เจอตัวเมื่อไรจะต้องอบรมกันหน่อยแล้ว
   “แล้วเจ้าของเขาไปไหนครับ ที่นั่นใช่ร้านเสื้ออารีน่าหรือเปล่า”
   “ใช่ค่ะ เอ…คุณไอศูรย์หรือเปล่าคะ
“ครับ”
“น้องเขาเข้ามาเอาเสื้อสูทไปแล้วนะคะทั้งสองชุด”
   “รับไปแล้วเหรอครับ”
   “ค่ะ ตอนแรกเห็นมาคนเดียวนะคะ แต่กลับออกไปกับคุณไทน์ค่ะ”
คำบอกเล่าของหญิงสาวทำเอาไอศูรย์ถึงกับโกรธจนควันออกหูอยากเขวี้ยงโทรศัพท์ราคาหลายหมื่นทิ้งมันตรงนี้
   “แล้วเขาไปไหนกัน พอจะทราบมั้ยครับ”
   “เอ่อ..อันนี้ดิฉันไม่ทราบค่ะ”
   “โอเค ไม่เป็นไร ขอบคุณมากครับ”
   “ขอบคุณค่ะ คุณไอศูรย์”
ชายหนุ่มวางสายไปเรียบร้อยแล้ว เขากำลังครุ่นคิดอย่างหนักว่าไทน์พาหวายไปที่ไหน ท่าทางไทน์ก็แปลกๆ ทำอะไรไม่เคยบอกกล่าวกันสักคำว่าจะพาคนของเขาไปด้วย
   “เดี๋ยวนายเช็คหน่อยสิ ว่าบ้านพี่ไทน์อยู่ไหน” อลงกรณ์รับคำสั่งนั้นจากเจ้านาย ไม่นานเขาก็ลงมือสืบข้อมูลแล้วก็ได้เรื่องในที่สุด
   “คุณไทน์ย้ายมาพักอยู่ที่คอนโดฯแล้วครับ”
   “งั้นนายพาฉันไปที่คอนโดฯพี่ไทน์หน่อย เผื่อว่าหวายอาจจะอยู่ที่นั่น”







   หวายนั่งคอยไทน์อยู่ตรงโซฟารับแขก เขาหายเข้าไปในห้องนอนนานหลายนาทีแล้วเพื่อไปเอาเอกสารสำคัญอะไรสักอย่าง หวายไม่ได้ถามรายละเอียดมากนัก ทั้งที่ตอนแรกก็บอกเอาไว้ว่าแค่เพียงห้านาทีเท่านั้นที่เขาจะจัดการธุระของตัวเอง
   เด็กหนุ่มปรายตามองไปโดยรอบ สำรวจดูห้องพักที่ตกแต่งอย่างสวยหรูดูดีมีระดับสมราคาคอนโดมิเนียมราคาห้าล้านบาทที่มีพื้นที่ประมาณ45 ตารางเมตร แถมเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นก็ราคาหลักหมื่นทั้งสิ้น ไทน์เป็นนักออกแบบจิวเวอร์รี่ คงมีเงินเก็บก้อนใหญ่ เลยไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เขาจะซื้อหาที่พักอาศัยในราคาเจ็ดหลักได้อย่างสบาย
   ในเมื่อไทน์ยังไม่ออกมาจากห้องนอนหวายจึงถือโอกาสเดินสำรวจดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย จะเข้าไปเรียกเขาก็ไม่กล้า ทว่านาทีต่อมากลับได้ยินเสียง ดังโครมครามจากห้องด้านใน ตามด้วยเสียงของไทน์ที่ร้องโอดครวญเหมือนเขากำลังได้รับอันตราย หวายไม่รอช้ารีบเข้าไปด้านในเผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง หรืออาจะถูกของหล่นใส่
   เด็กหนุ่มมองหาผู้เป็นเจ้าของ เขาไม่เห็นไทน์อยู่ในห้อง
หวายเริ่มเอะใจขึ้นมาทันที แถมหนังสือจำนวนมากกับแผ่นซีดียังหล่นลงมาจากตู้เกลื่อนกลาดพื้นเต็มไปหมด เด็กหนุ่มมองแผ่นซีดี  ภาพหน้าปกเป็นรูปหญิงสาวที่ร่างเปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่สักชิ้น แต่บางเล่มก็มีรูปผู้ชายที่สภาพไม่ต่างกัน เห็นหมดทุกซอกทุกมุมไม่มีปิดบัง
จริงๆ ผู้ชายมันต้องมีบ้างแหละหนังสือกับซีดีโป๊ แต่ไม่คิดว่าจะมากมายขนาดนี้ราวกับสะสมเป็นคอลเลคชั่นก็ว่าได้
   “คุณไทน์”
“…..”
“คุณไทน์ครับ”
“…..”
อุ๊บ...” ฝ่ามือเย็นเฉียบของชายหนุ่มอีกคนที่แอบอยู่หลังบานประตูตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ยกขึ้นปิดปากหวายเอาไว้แน่น ไทน์ลากผู้ชายตัวเล็กกว่ามาจนถึงเตียงนอนของเขา จัดการดึงเชือกเส้นหนาออกมาแล้วรวบข้อมือบางมัดไว้กับหัวเตียงที่เป็นเหล็ก
   คนตัวเล็กพยายามดิ้นรนหาทางเอาตัวรอด  เสียงร้องตะโกนดังก้องไปทั่วทั้งห้อง
   เขาไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องเชี่ยอะไรกันวะ!
   “คุณทำบ้าอะไรเนี่ย!” หวายดิ้นรนอย่างสุดกำลัง หากแต่ไทน์ที่คร่อมอยู่เหนือร่างบางกลับแสยะยิ้มเย็นดั่งปิศาจร้ายที่กลายร่างมาจากเจ้าชายชุดขาวที่หวายเคยเห็น เขาไล่สายตาไปตามเรือนร่างขาวเนียนเย้ายวนใจ  ร่างที่หลงใหลมาเนิ่นนานและอยากครอบครองเต็มประดา
   “จะพาไปขึ้นสวรรค์” ไทน์ทำหน้าหื่นกระหายราวกับสัตว์ป่าที่อดอยากปากแห้งมานานแล้วเจอเหยื่ออันโอชะ
   ลองถ้าเขากับหวายได้ร่วมรักกันแล้วอัดคลิปเอาไว้ข่มขู่อีกฝ่ายมันจะไปไหนรอด ขี้คร้านถ้าเขาเอ่ยปากอยากได้อะไรมันก็ต้องให้ตามที่เขาต้องการ
   “ไอ้โรคจิต มึงปล่อยกู” หวายดิ้นรนจนสุดกำลัง ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องพูดจาสุภาพกับคนที่จิตไม่ปกติ ล่อลวงเขามาทำระยำในพื้นที่ของมัน
   แต่ทำไมยามคับขันแบบนี้หวายกลับนึกถึงไอศูรย์ขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาจะรู้หรือเปล่าว่าธาตุแท้ของไทน์มันเป็นคนแบบไหน
   “อย่าเอะอะโวยวายไปเลยน่า ช่วยเก็บเสียงเอาไว้ร้องครางดังๆ จะเพราะกว่านะ” ไทน์จัดการปลดเข็มขัดออกจากขอบกางเกงของหวายด้วยความทุลักทุเลแล้วโยนลงบนพื้นห้อง หากในนาทีต่อมาเขากลับถูกหวายถีบเข้ากลางอกเต็มแรงจนรู้สึกจุกไปหมด
“เชี่ย! ฤทธิ์มากนักนะมึง” ไทน์โมโห เขานิ่วหน้าพร้อมยกมือกุมอกตัวเอง ดวงตาฉายแววเกรี้ยวกราดก่อนปราดเข้ามาตบหน้าเด็กหนุ่มฉาดใหญ่จนเลือดไหลซึมมุมปาก
   เพียะ! 
   “ชอบให้ใช้กำลังก็ไม่บอกกูนะมึง!”





                                                    .............................................




ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน


ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
อ้าวววววว อย่าค้างงงงงงงงงแบบนี้สิ
งื้อออออ
พี่ไอ มาช่วยน้องเร็วๆเลย

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ไอ้เลว  ไอ้โรคจิตอย่าทำอะไรหวายนะ o22 :z6:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :beat: :z6: :fcuk: :13223: :โป้ก1: :pigangry2: :ซูโม่: ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ซะ

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ไทน์แสยะยิ้มเย็นออกมาจนน่ากลัว มันดูน่าขยะแขยงยิ่งกว่ารอยยิ้มร้ายกาจของไอศูรย์พันเท่า ถึงผู้ชายคนนั้นจะโหดร้ายใส่เขาขนาดไหนก็ไม่เคยทำตัวโรคจิตผิดมนุษย์เหมือนที่ไทน์กำลังทำอยู่ตอนนี้
   “อยู่เฉยๆ แบบนี้ก็ดีจะได้ไม่เจ็บตัว” ไทน์เห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปเอาแต่มองเขาแบบเจ็บใจหลังถูกตบหน้า โดยไม่ร้องโวยวายด่าทอ แต่เปล่าเลย หารู้ไม่ว่าหวายกำลังหาทางพาตัวเองออกมาจากมนุษย์ใจทราม
   ตากลมใสมองหาเครื่องทุ่นแรงๆ ที่อยู่ใกล้ตัว เผื่อจะมีแจกันหรือโคมไฟ แต่โชคร้ายที่ไทน์ไม่ทิ้งอะไรไว้ในห้องนอนที่พอจะทำให้หวายเอาตัวรอดออกมาได้นอกจากหมอนหนุนที่ฟาดใส่มันไปก็คงไม่รู้สึกรู้สาอะไร
   เวรเอ้ย! นี่เขาจะหาของพวกนั้นไปทำซากอะไรในเมื่อยังโดนมัดมืออยู่
   “ไอ้ชั่ว ไอ้เลว”
   “ปากดีอีกแล้วนะมึง สงสัยอยากโดนตบให้เลือกกลบปาก เดี๋ยวกูจัดให้มึงเอง” ไทน์ทำท่าเงื้อมมือจะตบหวายให้หน้าหันสักสองสามที โทษฐานที่ออกฤทธิ์ใส่ หากแต่มือหนากลับต้องชะงักค้างกลางอากาศเมื่อบานประตูถูกกระแทกเปิดดังโครมเข้ามาด้านใน ชายหนุ่มตกตะลึงกับแขกไม่ได้รับเชิญเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาปรากฏตัวในเวลาเหมาะเจาะแบบนี้
   ไทน์ทำหน้าเมือนถูกผีหลอกก็ไม่ปาน เขารีบถอยห่างลงมาจากเตียงนอนพลางมองหน้าคมเข้มดวงตาฉายแววดุกร้าวราวปีศาจร้ายของชายหนุ่มอีกคนที่บุ่มบ่ามเข้ามา อลงกรณ์ชักอาวุธปืนเล็งไปยังร่างของไทน์แต่ยังไม่ทันได้ลั่นไก มันเป็นเพียงแค่เป็นการข่มขู่เพื่อไม่ให้ไทน์ขยับตัวหนีไปไหน ส่วนไอศูรย์รีบไปแก้มัดพาตัวหวายออกมาอยู่ข้างเขา มองหน้าหวายที่ปรากฏรอยแดงช้ำแล้วโกรธจนควันออกหูที่เห็นคนของตัวเองถูกทำร้าย
   บัดซบเอ๊บ!
   ถึงเขาจะโหดเถื่อนขนาดไหนก็ไม่เคยทำร้ายหวายถึงขั้นเลือดตกยางออก แล้วไอ้เวรไทน์มันกล้าแตะต้องคนของเขาได้ยังไง
   “เจ็บหรือเปล่า” ไอศูรย์สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความห่วงใยอย่างที่หวายไม่เคยเห็นมาก่อน
   “นิดหน่อยครับ”
   “ไม่ต้องกลัวนะ มันทำอะไรหวายไม่ได้อีกแล้ว”
“ขอบคุณพี่ไอ ขอบคุณที่มาช่วยผม…” หวายรู้สึกอยากกอดเขาขึ้นมา แต่มันคงไม่ใช่เวลานี้แน่ๆ ไอศูรย์ผละออกจากจากคนข้างกายเพื่อจะกลับมาสะสางยังตัวต้นเหตุที่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิมทำอะไรไม่ถูก เพราะอลงกรณ์ไม่ยอมย้ายตำแหน่งปลายกระบอกปืนไปที่อื่น
   ไอศูรย์สั่งลูกน้องของเขาให้จับตัวไทน์แล้วจัดการไพล่มือเอาไว้ด้านหลัง ร่างสูงคว้ากระบอกปืนมาจากอลงกรณ์ฟาดเข้ากลางศีรษะของไทน์เต็มแรงจนน้ำสีแดงฉานไหลอาบตามหน้าผากลงมาเป็นทางยาว
   “ทำไมมึงเลวแบบนี้วะ มึงกล้าทำคนของกูได้ยังไง!!” ไอศูรย์ตวาดดังลั่น ขึ้นกูขึ้นมึงกับไอศูรย์เป็นครั้งแรกเพราะหมดความนับถือกันแล้วนับตั้งแต่วินาทีที่เขาเห็นหวายถูกทำร้ายร่างกาย
   “ฉันเนี่ยนะไปทำอะไรคนของนาย ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่น้องชายนายมันให้ท่าฉันเองเว้ย มันตามมาอ่อยฉันถึงที่คอนโด จะโทษฉันฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ นายลองคิดดูสิว่าที่นี่มันห้องของใคร แล้วถ้าน้องชายนายมันไม่ร่านนักล่ะก็คงไม่นั่งรถมากับฉันแน่ๆ”
   “กูไม่ได้โง่นะเว้ย ถึงจะต้องเชื่อเรื่องที่มึงแต่งขึ้นมา” ไอศูรย์ซัดหมัดใส่ใบหน้าของไทน์จนเลือดอาบเต็มแก้มโดยทีอีกฝ่ายไม่มีเรี่ยวแรงจะตอบโต้เขาได้เลย
   “แล้วฉันจะบอกให้เอาบุญนะว่า หวายไม่ใช่น้องชายของฉัน”
   ไทน์ตกใจกับสิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมา ไม่คิดว่าคดีจะพลิกที่แท้เด็กนั่นไม่ได้เป็นญาติกับไอศูรย์งั้นเหรอ แล้วพวกมันเป็นอะไรกันวะ
   “พี่ไอ กลับเถอะ ผมว่าแค่นี้เขาก็คงสำนึกแล้ว” หวายดึงให้ไอศูรย์กลับบ้าน ไม่อยากให้เรื่องราวมันบานปลายใหญ่โต กลัวว่าไอศูรย์จะซ้อมไทน์จนสะบักสะบอมไปมากกว่านี้
   “ได้ พี่กลับแน่ แล้วมึง…” สรรพนามในท้ายประโยคไอศูรย์หันไปพูดกับไทน์ทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงดุดันน่ากลัว
   “ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกับคนของกูอีก ไม่งั้นเรื่องไม่จบแค่นี้แน่ จำไว้” ไอศูรย์พาหวายกลับออกมาพร้อมอลงกรณ์ ขืนเขาอยู่ต่ออีกนิดมีหวังได้กระทืบไอ้โรคจิตตายคาเท้าเป็นแน่ ส่วนไทน์ได้แต่มองตามหลังคนทั้งสามด้วยสายตาอาฆาตแค้น
   “กูก็ไม่จบแค่นี้เหมือนกัน!”







   หวายปรือตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าอีกวัน เขารู้สึกเจ็บระบมไปตามร่างกายไปหมดจนต้องนิ่วหน้า โดยเฉพาะบริเวณใบหน้าที่ถูกตบเข้าอย่างแรงด้วยฝีมือของไทน์ หากเมื่อประคองตัวเองก็ใช้นิ้วแตะบริเวณมุมปากที่ยังหลงเหลือรอยฟกช้ำ ซึ่งคงกินข้าวไม่สะดวกไปอีกหลายวัน แต่เมื่อคืนไอศูรย์ก็คอยช่วยบรรเทาความเจ็บให้ด้วยกุลีกุจอหายามาทาให้ก่อนนอนไปรอบหนึ่งแล้ว
   แปลกดีนะ ตั้งแต่กลับมา ไอศูรย์ไม่ได้พูดเรื่องที่เขาถูกไทน์ล่อลวงจะไปทำมิดีมิร้ายอีกเลย คงเห็นว่าเขาเจ็บตัวและยังไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องแย่ๆ ให้รกสมอง
   ก็ดีเหมือนกัน หวายเองก็ไม่อยากคิด ไม่อยากจำ ส่วนไอ้คนพรรค์นั้นมันจะเป็นจะตายร้ายดียังไงก็ช่างหัวมัน ไม่คิดเลยว่าผู้ชายหน้าตาดีมีหน้าที่การงานที่โดดเด่นอย่างไทน์จะทำเรื่องเลวๆ ได้
   เขาถึงว่า คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ…
   เด็กหนุ่มลุกจากที่นอนแล้วหยิบผ้าขนหนูเดินหายเข้าห้องน้ำ เขาอยากอาบน้ำให้สดชื่นสบายตัว
   ใช้เวลาไม่นานก็ออกมาจากห้องน้ำ จัดการผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่อยู่ในตู้เสื้อผ้า แม่บ้านจัดการซักรีดจนเรียบร้อยหมดแล้ว และเมื่อหวายเตรียมจะพาตัวเองออกไปจากห้องนอนเพื่อหาอะไรใส่ท้อง พลันสายตาสังเกตเห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะในห้อง
   เด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เพราะรู้สึกแปลกใจขึ้นมาว่าใครเข้ามาตอนเขาอาบน้ำ ในจานกระเบื้องมีหมูแฮม ไส้กรอกชีส ไข่ดาว ขนมปังปิ้งสองแผ่นส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย พร้อมทั้งนมสดแก้วใหญ่ๆ
 หวายขมวดคิ้วความสงสัย ปกติแล้วเจนไม่เคยนำอาหารมาเสิร์ฟในห้องนอนสักครั้ง เพราะหวายชอบไปกินข้าวในครัวกับเจนแล้วคุยสัพเพเหระกันสนุกสนาน ยกเว้นมื้อที่ไอศูรย์อยากให้ร่วมโต๊ะด้วย หวายถึงได้ลงไปกินข้าวกับเขา
   เด็กหนุ่มอยากลงไปถามเจนให้หายคาใจแต่เมื่อหมุนลูกบิดประตูดูก็พบว่ามันเปิดไม่ออก พยายามอยู่หลายครั้งก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่รู้ว่าประตูเป็นอะไร หวายเขย่าประตูจนหงุดหงิดแล้วก็ต้องละความพยายามของตัวเองเดินกลับมานั่งลงบนเตียง
อะไรกันวะเนี่ย
 ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นประตูถึงเปิดไม่ได้ ทั้งที่เมื่อคืนก็ยังดีๆ อยู่เลย
   หวายเตรียมกดโทรศัพท์ไปหาเจนเพื่อให้มาช่วยเปิดประตูห้องนอนหากสายตาเหลือบไปเห็นแผ่นกระดาษเล็กๆ สีขาวที่แปะเอาไว้ตรงกระจกบานใหญ่ในห้องเลยดึงมันออกมาเพื่อที่จะอ่านข้อความในนั้น
   “อยู่ในห้องสามวัน ไม่ต้องออกไปไหน นี่คือการทำโทษ แล้วเจอกันเย็นนี้ พี่ไปทำงานก่อน…”
   เด็กหนุ่มวางแผ่นกระดาษลงบนโต๊ะ ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาเมื่อรู้คำตอบว่าทำไมประตูถึงเปิดไม่ได้ ทำไมอาหารเช้าถึงถูกจัดวางเอาไว้ในห้องนอนเสร็จเรียบร้อยโดยที่เขาไม่ได้สั่ง แล้วข้อความในแผ่นกระดาษนั้นก็ไม่ต้องเดาเลยว่าเป็นลายมือของใคร ถ้าไม่ใช่คนที่เป็นเจ้าของอาณาจักรแห่งนี้
   ไอศูรย์
   เฮ้ย! ดีเนอะ…โดนล่อลวงไม่พอ ตื่นเช้ามาแล้วยังเจอบทลงโทษนี่อีก
ยังไงก็แล้วแต่ กองทัพมันต้องเดินด้วยท้องแหละวะ
 หวายเดินกลับไปที่โต๊ะตัวเดิมแล้วลงมือกินอาหารเช้าเพียงลำพัง แม้จะเคี้ยวลำบากหน่อยเพราะแผลที่ยังปวดแสบอยู่ แต่เขาก็ต้องกิน ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องมานั่งประท้วงไอศูรย์ให้ปล่อยเขาออกจากห้อง






   ตกเย็นไอศูรย์กลับมาจากที่ทำงาน วันนี้เขาไปสะสางธุระสำคัญหลายเรื่องโดยเฉพาะเรื่องของไทน์ พอเข้ามาถึงบ้านได้ก็ตรงขึ้นมาที่ห้องนอนของหวายทันที ชายหนุ่มไขกุญแจที่ล็อคด้านนอกออกจนเรียบร้อย ตลอดทั้งวันเขาคิดถึงหวายใจจะขาด แต่เพราะภาระหน้าที่ความรับผิดชอบทำให้ต้องไปจัดการให้เรียบร้อยก่อน
 เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านเขาสั่งกำชับไว้กับทุกคนว่าห้ามให้หวายออกจากห้องนอนโดยเด็ดขาด และถ้าอยากอะไรขอให้บอกจะประเคนมาให้ถึงห้อง แล้วก็ไม่มีใครกล้าผ่าฝืนคำสั่งเขาสักคน แม้แต่อารดาเองก็ไม่กล้าขัดเพราะเข้าใจเขา แถมไอศูรย์ยังเล่าความระยำของไทน์ให้น้องสาวฟัง ซ้ำยังบอกอีกว่าโชคดีที่เธอไม่ได้แต่งงานกับหมอนั่นไปเสียก่อน อารดานิ่งฟังไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเธอดูเรียบเฉย ก่อนจะขับรถออกไปทำงานในจังหวัดภูเก็ต
   พอเข้ามาในห้องได้ ไอศูรย์ก็มุ่งสายตาไปยังเตียงนอน เห็นหวายนอนอ่านหนังสือเล่นอยู่บนเตียงอดไม่ได้จะยิ้มออกมา
วันนี้มันไม่ดื้อแฮะ…
   “พี่ไอ”  หวายหันกลับมาหาเขา วางหนังสือการ์ตูนในมือลงแล้วลุกขึ้นนั่ง
   “กลับมาแล้วเหรอ”
   “อืม กินข้าวหรือยัง” ชายหนุ่มนั่งลงบนที่นอน อีกฝ่ายเลยได้โอกาสถามเขาเรื่องที่ยังเคืองอยู่นิดๆ โดยไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย
   “ทำไมต้องทำโทษผมด้วย ผมไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”
   “ใครบอกว่าไม่ผิด”
“พี่ก็เห็นว่าผมเป็นผู้ถูกกระทำ”
“แต่หวายไม่ยอมรอพี่ที่มหาวิทยาลัย”
“ขอโทษ…” ยอมรับว่าเรื่องนั้นเขาผิดจริงๆ แต่เพราะความหวังดีไม่อยากให้ไอศูรย์เทียวไปเทียวมาให้ยุ่งยากต่างหาก แต่ใครจะคิดว่ามันจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน
“ไม่ทันแล้ว” ชายหนุ่มอมยิ้ม นานๆ ทีจะเห็นหวายสิ้นฤทธิ์ไม่เถียงเขา
   “แต่จะปล่อยให้ผมอยู่ในห้องไม่ออกไปไหนไม่ได้หรอก ยังไงผมก็ต้องไปเรียนอยู่ดี”
   “ก็ค่อยไปพรุ่งนี้ไง”
   “หมายความว่าจะให้ผมออกจากห้องได้แล้วงั้นเหรอ”
   “อือ แต่ถ้าอยากอยู่ในนี้ต่อก็ไม่ว่าอะไรนะ” ไอศูรย์บอกยิ้มๆ จริงๆ เขาก็ไม่ได้อยากทำโหดใส่หวายนักหรอก เพราะเคยสัญญาเอาไว้ว่าจะไม่ทำร้ายกันอีก ในเมื่อพักหลังๆ เขาก็รู้สึกดีกับหวายไปแล้ว
   มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยให้ใครมาก่อน
   “ไม่ล่ะ ผมกลัวเรียนไม่ทันเพื่อน”
“ถ้ากลัวเรียนไม่ทันเพื่อน คราวหลังก็อย่าทำอะไรนอกเหนือคำสั่ง  บุญเท่าไรแล้วที่ไม่โดนจับล่ามโซ่ใส่กุญแจมือ”
“ผมรู้แล้วน่า”
“แล้วรู้หรือเปล่าว่าพี่เป็นห่วงขนาดไหน” ยิ่งตอนเขาเห็นไทน์ตบหน้าทำร้ายกวายเขายิ่งอยากจะลากมันมากระทืบให้ตาย
“รู้สิ…ขอบคุณนะ” แค่รอยยิ้มหวานๆ กับคำขอบคุณที่ออกมาจากใจจริงก็ทำให้หัวใจของอสูรอ่อนยวบลงโดยอัตโนมัติ เขาดึงหวายมากอดหลวมๆ
   “หิวไหม ไปกินข้าวกันเถอะ”
   “ไปสิ ผมหิวแล้ว” หวายผละจากอกอุ่นๆ ของไอศูรย์ แต่อีกฝ่ายกลับดึงเข้าหาตัว
   “อะไร”
   “อยากได้รางวัลก่อนไปกินข้าว”
   “รางวัลอะไร” หวายทำหน้างง แต่อีกฝ่ายดันกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนใช้นิ้วชี้จิ้มข้างแก้มตัวเอง
   “เอ่อ…”
   ไอ้อสูรเถื่อนมันมีมุมน่ารักมุ้งมิ้งกับเขาด้วยเหมือนกันเนอะ
   “ไม่ทำก็ไม่ให้ไป”
   “…..”
   “นี่ไม่ได้ขู่นะ”
   “ใจร้าย”
   “งั้นก็ทำสิ”
   เอาเหอะ ไหนๆ ก็ไหนๆ และ หวายเขย่งปลายเท้าจูบข้างแก้มอีกฝ่ายแบบเขินอายเพราะเขาไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อนในชีวิต ถ้าไม่เขินก็คงแปลกแหละ
   ส่วนไอศูรย์พอได้รางวัลสมใจก็เดินล้วงกระเป๋าฮัมเพลงแล้วยิ้มร่าเดินนำออกจากห้องแบบมีความความสุข




                                                    .........................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน
   

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :m16: โมโห ๆ ไมทำโทษคนชั่วน้อยจังเลยอ่ะ ไม่ซะใจคนแก่เลย  :m31: :fire: :angry2: :serius2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
หวานจังพี่ไอ
ปล. น่าจะฆ่าอิไทน์

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ไอศูรย์รับปากว่าจะให้หวายไปมหาวิทยาลัยได้เหมือนเดิม แต่ต้องมีคนของเขาขับรถไปรับไปส่ง เขาจะไม่ยอมปล่อยให้หวายคลาดสายตาอีกต่อไป ถึงแม้ชายหนุ่มจะสั่งสอนไทน์ไปแล้วแต่ก็ยังวางใจไม่ได้อยู่ดี
หมอนั่นมันร้ายกาจกว่าที่เขาคิดหลายเท่า ไม่น่าเชื่อว่าคนที่รู้จักกันมา เข้าออกบ้านเขา พูดจาดี มีการศึกษา หน้าที่การงานมั่นคงและเกือบจะได้มาเป็นพี่เขยจะกล้าทำเรื่องน่ากลัวแบบนั้นกับหวาย
โชคดีที่เขาไปช่วยหวายได้ทันเวลาและได้เห็นธาติแท้ของไทน์ว่าเป็นคนยังไง ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัวไม่ต่างจากหมาข้างถนน ไอศูรย์ใช้อิทธิพลของเขาให้ไทน์หมดทางทำมาหากิน
และเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะไปไหนรอด
   ส่วนหวายพอกลับมาจากมหาวิทยาลัยก็มุ่งตรงมายังห้องทำงานของไอศูรย์ เพราะอลงกรณ์แจ้งว่าเจ้านายต้องการพบตัว
“พี่ไอมีอะไรหรือเปล่าครับ”
“มีสิ”
“เรื่องอะไรครับ”
“ยืนตรงนั้นพูดกันไม่ได้ยินหรอก มาใกล้ๆ พี่ดีกว่าไหม” ไอศูรย์เรียกหวายเข้าไปหา เพราะเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่กลางห้องทำหน้าเหมือนแมวขี้สงสัย แต่พอเด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ ไอศูรย์กลับดึงร่างอีกฝ่ายให้นั่งลงบนตักของเขา
“เฮ้ย! พี่ไอ”
“ดิ้นอะไรนักหนา กลัวใครมาเห็นหรือไง”
“อืม”
“ยังไม่ชินอีกเหรอ อยู่กับพี่มานานแล้วนะ”
“ก็ยัง” หวายไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพักหลังๆ ไอศูรย์เล่นรุกเอาๆ บ่อยเกินไป แถมร่างกายตัวเองดันทรยศ ปากก็ไล่เขาปาวๆ ปฏิเสธว่าไม่เอา แต่ลึกๆ ก็อยากอยู่ใกล้เขา อยากให้เขาทำดีด้วย ไม่กลับไปโหดร้ายเหมือนตอนที่มาอยู่บ้านหลังนี้ใหม่ๆ
   “ไม่ต้องกลัวหรอก พี่ไม่ชอบทำอะไรฝืนใจใคร เว้นแต่หวายจะ…” ไอศูรย์แกล้งพูดให้หวายทำหน้าสงสัย แล้วก็สงสัยจริงๆว่าเขาจะอะไรทำไมไม่พูดต่อให้จบ ชอบทำให้อยากแล้วจากไปอยู่เรื่อย
   “อะไรล่ะ”
   “ไม่บอก”
   “…..”
   “หวาย”
   “หืม”
   “พี่ขอถามตรงๆ นะ”
“ถามว่าอะไรครับ”
“ตอนนี้หวายยังเกลียดพี่อยู่ไหม”
   “ก็ไม่เท่าตอนนั้น”
   “แปลว่ายังเกลียด”
   “ไม่รู้สิ”
   “ไม่รู้ว่ายังเกลียดพี่มั้ย  หรือไม่รู้ใจตัวเอง”
   จึก! หวายถึงกับอึ้งไปในคำถามของเขา  มองหน้าอีกฝ่ายทั้งที่ยังนั่งอยู่บนตักของเขา แล้วคราวนี้จะตอบว่ายังไงดี เขาไม่คิดว่าไอศูรย์จะถามตรงเป็นไม้บรรทัดไม่มีอ้อมค้อมหรือให้ตั้งตัวกันบ้าง
   เขาเห็นไอศูรย์ยิ้มบางๆ แต่เขาว่าผู้ชายแบบไอศูรย์มันไว้ใจไม่ได้ เพราะยังไม่ทันที่หวายจะได้พูดอะไรออกไปชายหนุ่มก็จัดการกดริมฝีปากของเขาลงบนเรียวปากบางอย่างเร่าร้อน เหมือนคนอดอยากปากแห้งมานาน ทั้งที่จูบกันออกบ่อย ส่วนหวายที่ตอนแรกทำเหมือนต่อต้าน สุดท้ายกลับจูบตอบเขาไปแบบอ่อนด้อยประสบการณ์ แต่คาดว่าหลังจากนี้อีกไม่นานไอศูรย์อาจทำให้เขากลายเป็นผู้ชายช่ำชองขึ้นก็ได้ ในเมื่อเล่นรุกเขากลับไม่หยุดแบบนี้ บ่อยๆ
   










    ไทน์ทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความสีหน้าเคร่งเครียดราวกับคนแบกโลกไว้ทั้งใบ บริษัทที่เขากำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกลับต้องเลื่อนแล้วเลื่อนอีกจนเขาไม่รู้จะทำยังไง หุ้นส่วนสองสามรายพร้อมใจถอนหุ้นออกไปราวกับนัดหมาย มีเขาคนเดียวที่เป็นถือหุ้น ต้องประคับประคอง แต่ลำพังเขาคนเดียวกับสภาพคล่องทางการเงินที่ไม่ค่อยอำนวยเท่าไร คงพาบริษัทไปรอดได้ยาก
   เท่านั้นยังไม่พอ ไทน์ยังเจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อลูกค้าชาวอิตาลีที่ว่าจ้างให้เขาออกแบบจิวเวอร์รี่ชุดใหญ่ ยังโทรศัพท์มาขอยกเลิกอีกเมื่อครู่หมาดๆ ไทน์บดกรามแน่นด้วยความคับแค้นใจ เลขาที่ยกกาแฟเข้ามาในห้องทำงานถูกขับไล่ออกไปด้วยเสียงตวาดที่ดังน่ากลัวกว่าครั้งไหนๆ
   “ออกไปให้พ้นหน้าฉัน ออกไป๊!” ไทน์ปัดแฟ้มงานบนโต๊ะจนกระจัดกระจายเกลื่อนพื้นไปหมด เขากำลังโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตอนนี้ไม่มีอารมณ์อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น เชื่อแน่ว่าเรื่องทุกอย่างที่มันเกิดขึ้นแบบประจวบเหมาะมันต้องเป็นฝีมือของไอศูรย์ที่ต้องการจะเล่นงานเขา
   ผู้ชายคนนั้นเป็นคนกว้างขวาง มีอิทธิพล มีเงินทองมากมาย มีอำนาจที่จะจัดการอะไรก็ได้อย่างรวดเร็ว ลูกค้าแต่ละรายส่วนใหญ่ก็มาจากการแนะนำของไอศูรย์
   ไม่สิ! เขาไม่มีวันตกต่ำล่มจมแน่ๆ
   ไม่มีวัน!
   “แกเล่นฉันก่อนนะไอ้ไอ!” ไทน์ครุ่นคิดอย่างหนัก เขาอยากหาหนทางเอาคืนหมอนั่นให้เจ็บแสบแบบกระอักเลือดตายเลยยิ่งดี แต่เขารู้ว่าการที่จะเข้าไปทำร้ายไอศูรย์ตรงๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ในเมื่อทำอะไรเจ้าตัวไม่ได้เขาก็จะทำกับของรักของหวงของมัน
ไอ้เด็กเวรนั่นมันหลอกลวงเขาว่าเป็นพี่น้องกับไอศูรย์ เห็นหน้าซื่อ ตาใส เหมือนจะหลอกง่าย ไม่คิดเลยว่าจะแถเก่งไม่เบา
ไทน์กดโทรศัพท์ไล่ดูรายชื่อที่เขายังบันทึกเอาไว้ในเครื่อง ชายหนุ่มสะดุดเข้ากับชื่อของศรัณพอดี
ไอ้กาย!
เห็นทีคราวนี้คงต้องยืมมือศรัณมาช่วยเหลืออีกครั้งซะแล้ว ไทน์ไม่รอช้ากดโทรศัพท์ไปที่เบอร์ของหมอนั่นทันที
   “สวัสดีครับ” เสียงปลายสายดังขึ้นทำให้ไทน์รู้สึกดีใจมาก
   “ดีใจนะที่นายรับสาย”
   “ผมนึกว่าคุณจะไม่ติดต่อหาผมแล้วเสียอีก”
   “ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง นายสบายดีมั้ย”
“คุณสนใจความเป็นอยู่ของผมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ศรัณยังนึกแปลกใจไม่หาย ไทน์มาไม้ไหน จู่ๆ มา โทรหาเขาก่อน คราวที่แล้วเขาติดต่อไปยังทำเหมือนไม่อยากคุยกันอีกแล้ว
   “ทำไมถามอย่างนั้นเล่า”
   “เข้าเรื่องเลยเถอะ คุณโทรมาหาผมมีอะไรอีก”
   “นายยังต้องการเงินอยู่มั้ย”
“ต้องการสิ ทำไม”
“ฉันอยากจะช่วย”
“ตกลงคุณอยากช่วยผม หรืออยากให้ผมช่วยคุณกันแน่คุณไทน์” ศรัณหัวเราะหึหึตบท้าย เขาคิดว่าไทน์คงไม่ยื่นมือมาช่วยเหลือฟรีๆ เป็นแน่ อาจต้องมีอะไรแลกเปลี่ยน
“ก็ทั้งสองอย่าง”
“ถ้าเป็นงานที่คุณเคยให้ผมทำ ผมคงต้องขอปฏิเสธนะครับ”
“นายนึกอยากเป็นคนดีกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” ไทน์ยิ้มหยัน หมอนี่จนตรอกแล้วยังทำตัวหยิ่งยโสอยู่อีก แต่เชื่อเถอะว่ายังไงศรัณก็ต้องรับงานเขา
   “ผมไม่ได้เป็นคนดีอะไรหรอก แต่งานที่คุณให้ผมทำมันเสี่ยงคุกเสียงตะรางเกินไป มันไม่คุ้ม”
   “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจัดการได้สบายมาก นายก็รู้ว่าฉันมีเงินมากขนาดไหน แต่ถ้านายอยากอดตายกับแม่นายสองคนก็ตามใจนะ สมัยนี้งานไม่ได้หากันได้ง่ายๆ คิดดูให้ดี”
   “คุณจะให้ผมทำอะไร” ไทน์ร่ายยาวจนศรัณรู้สึกไขว้เขว เพราะตั้งแต่เขาย้ายมาอยู่กับแม่ที่บ้านหลังซอมซ่อเขาก็แทบจะอดตาย ชีวิตที่เคยสุขสบายมันหายไปไหนหมด
   วันๆ ต้องมายืนขาแข็งขายน้ำเต้าหู้ เพราะหางานทำไม่ได้ ไปสมัครที่ไหนไม่มีใครรับ ทั้งที่ประกาศปาวๆ ไม่อยากช่วยแม่ขาย แล้ววันหนึ่งก็มีรายได้ไม่กี่บาท แถมยังเจอร้านน้ำเต้าหู้คู่แข่งบ้านตรงข้าม ซึ่งขายดีอย่างกับเททิ้ง ทำให้น้ำเต้าหู้ของเขากับแม่ขาดรายได้ไปมากโข
   “งานแบบเดิมที่เคยทำ แต่ครั้งนี้มันพิเศษนิดหน่อย”
   “อะไร”
   “ฉันอยากให้นายอัดคลิปเอาไว้ให้เห็นหน้าอีกฝ่ายชัดๆ”
   “มันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอคุณไทน์”
   “งั้นก็แล้วแต่นาย…” ไทน์ทำท่าจะกล่าวแล้ววางสายแต่ศรัณที่พูดเหมือนไม่อยากรับงานเขากลับรีบรั้งเอาไว้ ยังไงตอนนี้ไทน์ก็เป็นคนเดียวที่จะช่วยให้หาเงินได้ง่ายขึ้น
   “คุณจะให้ผมไปทำ…กับใคร”
   “เดี๋ยวฉันส่งรูปให้ดู” ไม่กี่วินาทีรูปที่ศรัณอยากเห็นก็แจ้งเตือนเข้ามาในข้อความรวดเร็วปานสายฟ้าฟาด
   “ไง เห็นแล้วใช่ไหม”
   “ผม…ทำไม่ได้”
   เชี่ยมาก! เขาไม่คิดว่าคนที่ไทน์จะให้เขาไปล่อลวงมาปลุกปล้ำแล้วถ่ายคลิปแบล็คเมล์จะเป็นไอ้หวาย!
   “ทำไมถึงทำไม่ได้” ศรัณขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
   “ไอ้หวายมันเป็นน้องผม ผมคงทำไม่ได้”
   “ว่าไงนะ เด็กเนี่ยมันเป็นน้องของนายงั้นเหรอ”
   “ใช่”
   “แล้วหวายไปอยู่กับไอศูรย์ได้ยังไง”
   “คุณรู้จักคุณไอศูรย์?” ศรัณเริ่มสับสนว่าตกลงไทน์จะให้เขาไปจัดการกับหวายทำไมแล้วรู้จักไอศูรย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
   “นี่นายไม่รู้อะไรเลยเหรอ ไอศูรย์น่ะเป็นพี่ชายของผู้หญิงที่ฉันเคยให้นายกับเพื่อนของนายไปจัดการกับเธอไง จำได้หรือเปล่า”
   “อะไรนะ!” คำตอบของไทน์ทำเอาศรัณอึ้งไปหมด ถ้าไอศูรย์กับอารดามีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกัน แสดงว่าไอศูรย์รู้ความเคลื่อนไหว สภาพการเงินครอบครัวเขาและอาจเป็นไปได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นไอศูรย์วางแผนมาแล้วทั้งนั้น
   ห่าเอ๊ย!
   มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงวะ
   “ตกลงว่าไง นายจะทำหรือเปล่า บอกไว้ก่อนว่าฉันจ่ายหนักนะ” ไทน์ไม่สนหรอกว่าหวายจะเป็นอะไรกับศรัณขอแค่ครั้งนี้เขาได้แก้แค้นให้ไอศูรย์เจ็บปวดบ้างเขาถึงจะมีความสุข
   “ผมทำไม่ได้”
   “ตามใจ แต่บอกเลยว่าครั้งนี้นายคิดผิดมากที่กล้าปฏิเสธฉัน แล้วเราจะได้เห็นดีกัน” ไทน์ชิงวางสายไปเสียก่อน พร้อมคำข่มขู่ตบท้าย
   “แม่งเอ๊ย มันอะไรนักหนาวะชีวิตกูเนี่ย!!” ศรัณโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาเก่าๆ เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว กลัวไปหมด กลัวว่าไอศูรย์จะเล่นงานเขาหนักกว่านี้อีกหรือเปล่า แต่ถึงอย่างไรเขาก็ทำไม่ลงจริงๆ กับงานบ้าๆ นี่ ถึงเขากับหวายจะเคยทะเลาะกันตบตีกันแทบตาย แต่เขากับมันก็เป็นพี่น้องที่ไม่เคยมีความคิดจะเอามันมาทำเมีย!
 เขาไม่อยากทำเรื่องพวกนั้นอีกแล้ว
   พอกันที!






                                                       ..........................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆ ได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน


ออฟไลน์ Somporn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอติดตามด้วยครับผม  o13

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
กลับตัวกลับใจได้ก็ดี ไหน ๆ จะเป็นคนดีแล้ว ส่งข่าวให้หลานไอรู้ตัวล่วงหน้าก็ดีนะ  :กอด1:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
อ่านรวดเดียว

เออวุ้ย กาย มันสำนึกเป็น

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ศรัณยืนเกาะรั้วบ้านหลังงามด้วยอาการร้อนรนกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก คิดมาทั้งคืนว่าจะเอายังไงกับชีวิต สุดท้ายเลยคิดว่าควรสารภาพความจริงกับไอศูรย์ดีกว่า ว่าเรื่องของอารดาเขาถูกใครว่าจ้างมาอีกที ทว่าตอนนี้ลูกน้องสองคนของไอศูรย์พยายามไล่เขาออกไปให้พ้นบริเวณหน้าบ้าน เพราะบอกว่าเขาดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ แต่งตัวซอมซ่อ เหมือนพวกมิจฉาชีพที่มาด้อมๆ มองๆ ดูลาดเลาเพื่อยกพวกมาปล้นบ้านอะไรทำนองนั้น
บ้าฉิบหาย!
แต่ช่างแม่งปะไร! ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าไอ้พวกนี้มันจะมองเขาแบบไหน ขอแค่เขาได้พบไอศูรย์ก่อนแล้วกัน เขาจะเล่าทุกอย่างให้หมดเปลือก
   สายตาคมมองลอดผ่านรั้วเข้าไปด้านในหวังว่าจะมีใครเดินออกมาจากตัวบ้านสักคน แต่สิบนาทีผ่านไปก็ยังไม่เห็นวี่แวว ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น
   “เฮ้ย! เมื่อไหร่แกจะไปสักทีวะ มายืนเกะกะบ้านคุณไอศูรย์อยู่ได้”
   “ฉันไม่ไปโว้ย จนกว่าจะเจอคุณไอศูรย์หรือไม่ก็ไอ้หวาย” ท้ายประโยคทำเอาบุรุษทั้งสองมองหน้ากัน ก่อนเดินเข้ามาหาศรัณอย่างเอาเรื่อง
   “อย่าเรียกคุณหวายว่าไอ้”
   “ทำไมจะเรียกไม่ได้วะก็นั่นมันน้องชายฉัน” ศรัณพยายามยืนยันกับทั้งสองคนว่าเขาเป็นใคร แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเชื่อคำพูดลอยๆ ของเขา หลักฐานก็ไม่มี หน้าตาก็ไม่เหมือนกัน
   ศรัณยืนถกเถียงกับชายสองคนอยู่ครู่หนึ่ง หวายก็เดินออกมาจากตัวบ้านเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวาย เด็กหนุ่มชะเง้อคอดูเหตุการณ์ด้านนอกด้วยความสงสัยก่อนที่ลูกน้องของไอศูรย์จะรายงานว่ามีคนมาขอพบ หวายจึงพยักหน้ารับรู้และให้ทั้งสองคนถอยห่างออกไป คนตัวเล็กเดินเข้ามาเกาะรั้วเหล็กสีทอง มองสภาพร้อนรนของศรัณ
   “พี่กาย”
   “ไอ้หวาย คุณไอศูรย์อยู่ไหม”
   “อยู่ พี่มีอะไรกับเขา”
   “กูมีเรื่องสำคัญมาก”
   “เรื่องอะไรอีก”
   “มึงไม่ต้องรู้หรอกน่า”
   “พี่แม่งเลวว่ะ”
   “ไอ้เชี่ย กูแค่ขอเจอคุณไอศูรย์ มึงมาด่ากูทำไม” ศรัณเริ่มมีน้ำโหที่จู่ๆ หวายก็ด่าเขา
   “พี่ไปทำเรื่องชั่วๆ ไว้กับน้องสาวคุณไอศูรย์ ผมรู้หมดแล้ว”
   “มึงไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ไปตามเขามาเจอกูเดี๋ยวนี้เลย”
   “พอเหอะพี่กาย ที่ผ่านมาพี่จะรีดไถเงินผม หรือกระทืบผมคาตีนพี่ยังไงผมก็ไม่เกลียดพี่เท่ากับสิ่งที่พี่ทำไว้กับน้องสาวเขาเลยว่ะ”
   “กูไม่ได้ตั้งใจ”
   “เปล่าประโยชน์ที่จะพูดอะไรอีกแล้ว กลับบ้านไปเหอะ ผมไม่อยากเจอหน้าพี่อีก แล้วมั่นใจเลยว่าคุณไอศูรย์ก็คงไม่อยากเจอเหมือนกัน”
   “นี่มึงฟังไม่รู้เรื่องหรือไงวะ กูบอกว่ามีเรื่องสำคัญจริงๆ โว้ย”  ศรัณตวาดดังลั่นเสียงของชายหนุ่มทำเอาผู้เป็นเจ้าของบ้านเดินออกมาดูเหตุการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นจนลูกน้องสองคนต้องหลีกทางให้ และเมื่อเห็นว่าหวายกำลังพูดคุยอยู่กับศรัณเขาก็ยืนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ไม่นานก็ออกคำสั่งให้ลูกน้องเปิดประตูเพื่อให้ศรัณเข้ามาด้านใน
   “มีอะไรกับฉันอีก” ไอศูรย์เอ่ยถามเสียงเข้ม เห็นหน้ามันแล้วทำให้เขาอารมณ์เดือดได้ง่ายเมื่อนึกถึงสิ่งที่มันทำระยำเอาไว้กับอารดา
   “ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”
ไอศูรย์เหยียดยิ้มมุมปาก สภาพของศรัณตอนนี้ต่างจากตอนที่เขาเจอในบ่อนพนันราวฟ้ากับเหว แต่เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่ผู้ชายคนนี้เคยก่อเอาไว้มันก็สาสมแล้ว อันที่จริงเขาเองอยากสั่งสอนให้มันเจ็บปวดมากกว่านี้ แต่ด้วยความที่เขาไม่อยากผูกใจเจ็บกับใคร เพราะอารดากลับมาหายดี แล้วเขาก็รู้สึกดีกับหวาย
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อยากเห็นหน้าศรัณ
“แต่ฉันไม่อยากฟังเรื่องไร้สาระของนาย กลับไปซะเถอะ”
“ผมมาสารภาพบาป ผมคิดว่าคุณคงรู้เรื่องแล้ว แต่ผมไม่ได้อยากจะทำ ผมสาบานเลยว่าผม…”
“ไม่มีประโยชน์ ไสหัวนายกลับไปเถอะ ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนสั่งคนมากระทืบนาย” ไอศูรย์ส่งเสียงขับไล่ศรัณไปให้พ้นบ้านของเขา ไม่อยากรับฟังอะไรจากปากของคนชั่วอีก
ไอศูรย์เดินหนี เขาดึงหวายให้เข้าบ้านไปด้วยกันแต่ศรัณวิ่งมาดักหน้าเขาเอาไว้สีหน้าร้อนรน
“ตอนนั้นผมจนปัญญาจริงๆ ผมไม่ได้อยากทำร้ายน้องสาวของคุณ”
“กลับไป!” ไอศูรย์บอกเสียงเข้ม ท่าทางหมอนี่พูดไม่รู้ฟังถึงได้ตามมาตื๊อเขาไม่เลิก
   “มีคนสั่งให้ผมทำร้ายน้องสาวของคุณ”
   “…”
   “คุณไทน์เป็นคนจ้างผม”
   “…”
   “ออกไป”
   “แล้วไอ้หมอนั่นมันก็สั่งให้ผมทำกับหวาย”
   “นายว่าอะไรนะ” ไอศูรย์หน้าเข้มขึ้นกับเรื่องที่ได้ยินแบบไม่คาดฝัน ทำเอาสับสนว่าสิ่งที่ศรัณพูดมามีความจริงอยู่บ้างหรือเปล่า
   “คุณต้องเชื่อผมนะคุณไอศูรย์ คุณต้องเชื่อผม!”
   “เอามันออกไป” ไอศูรย์หันไปสั่งลูกน้อง ชายสองคนจึงเข้ามาหิ้วปีกศรัณออกไปโยนหน้าบ้าน แล้วสั่งคนของเขาว่าอย่าปล่อยให้ศรัณเข้ามาวุ่นวายที่นี่อีกเป็นอันขาดและถ้าใครฝ่าฝืนคำสั่งเขาจะลงโทษอย่างหนัก
   “พี่ไอคิดว่าไง” หวายถามความเห็นจากชายหนุ่มที่เดินนำลิ่วเข้าบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
   “เรื่องนั้นน่ะเหรอ”
   “ครับ”
   “ก็อาจเป็นไปได้ แต่ที่ไม่แน่ใจคือศรัณไปรู้จักกับไอ้ไทน์ตั้งแต่ตอนไหน” เรื่องที่ศรัณพูดว่าไทน์สั่งให้จัดการกับหวายแบบเดียวกับอารดามันก็น่าคิด น้องสาวไม่เคยปริปากพูดเรื่องนี้กับเขา ไม่สิ เธอคงยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของไทน์ที่อยู่เบื้องหลัง
   เห็นทีเขาต้องจัดการอะไรสักอย่างแล้ว
   “ช่วงนี้อย่าออกไปไหนถ้าไม่จำเป็น พี่ไม่ไว้ใจไอ้ไทน์มัน”
   “คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
   “มีหรือไม่มีหวายก็ต้องฟังพี่เอาไว้บ้าง พี่ห่วงหวาย” ไอศูรย์สีหน้าจริงจังมากขึ้นเล่นเอาคนที่ทำท่าว่าจะดื้อต้องเงียบกริบไม่เถียงอะไรเขา
   “ผมรู้แล้วละน่า”
   “ไปหาอะไรกินดีกว่า หิวแล้ว” ชายหนุ่มดึงมือหวายให้ตามออกมาจากห้องนอน ส่วนเรื่องของไทน์เขาจะให้อลงกรณ์คอยดูความเคลื่อนไหวของมันเอาไว้
   ถ้ามันคิดจะทำเรื่องชั่วๆ อีกคราวนี้เขาคงไม่ปล่อยมันไว้แน่







   ศรัณกลับมาถึงบ้านพักในเวลาค่ำ ไขกุญแจบ้านเข้ามาก็ถอดรองเท้าแล้วเดินเข้าบ้านไปที่โซฟาตัวเก่าๆ เขาไม่รู้เลยว่าคำว่าพูดของเขามันจะมีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหนเพื่อให้ไอศูรย์เชื่อได้บ้างแล้วไม่คิดจะเล่นงานอะไรเขาอีก
   “ไอ้ไทน์ ไอ้โรคจิต กูไม่น่าไปรับเงินจากมึงตอนนั้นเลย หาเรื่องซวยมาให้กูชัดๆ” ชายหนุ่มกระแทกขวดน้ำดื่มวางบนโต๊ะหลังจากดื่มแก้กระหายไปเกือบครึ่ง พลางถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนตะโกนเรียกหาพิมพ์จันทร์
   “แม่”
ศรัณไม่ได้ยินเสียงตอบรับกลับมา ชายหนุ่มลุกพรวดขึ้นจากโซฟาตัวเก่าด้วยความหงุดหงิดใจ ตอนกลางวันแบบนี้แม่ของเขาไม่เคยหายไปไหน พอหลังจากขายน้ำเต้าหู้เสร็จก็มักจะทำงานบ้านแล้วเอนหลังอยู่บนโซฟา แต่นี่ไม่เห็นแม้เงา เมื่อเดินเข้ามาในห้องครัวเพราะคิดว่าผู้เป็นมารดาน่าจะอยู่ในนั้นและคงกำลังทำอาหารกลางวันรอเขาหรือเปล่า ทว่าภาพที่เห็นตรงหน้ากลับทำให้ศรัณชาไปทั้งร่างพร้อมตะโกนลั่นสุดเสียง
   “แม่!!”  พิมพ์จันทร์นอนกองอยู่ตรงกลางห้องครัว ศีรษะมีเลือดไหลอาบเป็นทางยาว ไม่รู้ว่าแม่เขาเป็นอะไรแล้วนอนสลบอยู่นานแค่ไหน
   “แม่ ตื่นสิแม่!!!” ศรัณสีหน้าเหมือนคนสติแตก เขย่าร่างของพิมพ์จันทร์เบาๆ ก่อนทำท่าจะอุ้มพาแม่ของเขาไปส่งโรงพยาบาลแต่แล้วเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นแล้วเห็นว่าเป็นเบอร์ของไทน์ทำให้เขาต้องกดรับสาย
   “โทรมาทำไม ผมไม่สะดวกคุย”
   “แม่ของนายฟื้นหรือยัง นังแก่นั่นมันข่วนฉันซะหน้าเยินไปหมด”
   “เชี่ยไทน์! ฝีมือมึงใช่มั้ย”
   “ก็ช่วยไม่ได้ นายไม่ยอมทำตามที่ฉันสั่ง”
   “ไอ้ระยำ!” ชายหนุ่มบดกรามแน่น เขาได้ยินเสียงไทน์หัวเราะแบบสะใจก่อนวางสายไป นาทีนี้เขาไม่สนใจอะไรมากไปกว่าการพาแม่ของเขาไปส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด




                                                          ....................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ พราวแสงเดือน


ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ไอย์กับหวายให้โอกาสศรัณพูดบ้างเถอะนะ  :m5:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ไทน์ นี่ ท่าจะบ้าแหะ

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
โอ๊ยยยย จะบ้าตายย


ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
อารดากำลังเดินทางกลับจากภูเก็ตในเย็นวันศุกร์ โดยมีลูกน้องของไอศูรย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิด นับจากเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนั้นไอศูรย์ก็ไม่อาจจะวางใจให้อารดาไปไหนไกลๆ ตามลำพังอีกแล้ว
เขาห่วงความปลอดภัยของน้องสาวมากที่สุด ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย 
ตอนที่ไอศูรย์เล่าถึงความเลวของไทน์ให้ฟัง เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ไม่ได้ตกลงปลงใจแต่งงานกับผู้ชายใจคอโหดร้ายคนนั้น เขาเลวกว่าที่เธอเห็นหลายเท่า ทำร้ายจิตใจเธอยังไม่พอ แถมยังทำร้ายร่างกายหวายจนบอบช้ำกลับมา
อารดาไม่อยากผูกใจเจ็บกับใครอีกแล้ว เธออโหสิกรรมให้กับไทน์ แต่ชาตินี้หรือชาติไหนขอไม่เจอหน้าเขาอีกแล้ว
   “ฝนตกขนาดนี้รถคงติดยาวเลย” อารดาบ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเองขณะนั่งอยู่ในรถยนต์พลางมองผ่านกระจกรถ สายตาสบเข้ากับชายร่างสูงคนหนึ่งที่นั่งหลบฝนอยู่ตรงป้ายรอรถประจำทาง เธอจำหน้าเขาได้ดี แม้จะเคยเจอกันเพียงครั้งเดียวก็ตาม
   หญิงสาวอาศัยช่วงที่รถกำลังติดแหงกอยู่บนถนน แล้วคว้าร่มติดมือมา แจ้งกับคนขับรถว่าจะลงไปหาคนรู้จักแล้วจะรีบกลับเข้ามาโดยเร็ว
   อารดาเปิดประตูก้าวลงไป เธอกางร่มออก เร่งฝีเท้าเข้ามาหาชายหนุ่มที่ตัวเปียกปอนนั่งสั่นเทาหลบฝนอยู่เพียงลำพังเพราะที่เขานั่งอยู่ฝนสาดเข้ามาอย่างง่ายดาย
   ณพลเงยหน้ามองคนร่างบางตรงหน้าที่ส่งยิ้มหวานให้ เขารู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่บังเอิญเจอเธอที่นี่ หลังจากที่พบกันเมื่อหลายวันก่อนที่หน้าบ้านของไอศูรย์
   “มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ” อารดาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง
   “รอฝนหยุดผมจะกลับหอ แล้วคุณล่ะ”
   “เอยเพิ่งกลับจากภูเก็ต ว่าแต่ พักอยู่ที่ไหนเหรอคะ ให้เอยไปส่งไหม กว่าฝนจะหยุดตกคงอีกนาน นั่งรอตัวเปียกๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะคะ” เธอบอกพร้อมฉุดมือชายหนุ่มให้เดินตามออกมา ครั้นคนตัวโตกว่าอยากจะปฏิเสธน้ำใจเธอก็หันกลับมาทำสีหน้าทำนองว่าให้เขาไปเถอะ ณพลจึงยอมเดินมาด้วยกันแต่โดยดี แถมยังอาสาถือร่มให้
   “ขอบคุณมากครับ แต่ผมกลัวรถสวยๆ ของคุณจะเปื้อนเอาตัวผมเปียกไปหมดแล้ว มันจะเลอะรถคุณนะ”
   “ช่างเถอะค่ะ เปียกก็เช็ดได้  คุณพลช่วยบอกทางให้คนขับรถของเอยด้วยนะ” เธอบอกพร้อมก้าวขึ้นรถเบาะหลังแล้วให้ชายหนุ่มก้าวขึ้นตามไปนั่งเคียงข้าง หญิงสาวส่งผ้าเช็ดหน้าที่พกมาด้วยในกระเป๋าให้เขาเช็ดหน้าเช็ดตา
   “ขอบคุณอีกครั้งครับ” ณพลรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของหญิงสาว อารดาดูใจดี อ่อนโยน ผิดกับพี่ชายของเธอราวฟ้ากับเหว รายนั้นคงแทบอยากจะฆ่าเขา
   “ไม่เป็นไรค่ะ เอยยินดี”






   หวายได้ทราบข่าวเรื่องที่พิมพ์จันทร์ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนานหลายวันเพราะเกิดอุบัติเหตุ เนื่องจากศรัณมาแจ้งข่าวด้วยตัวเองเมื่อเช้านี้ที่หน้าบ้าน สีหน้าของศรัณดูอิดโรย หมดสภาพ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดูไม่มีราศี ไม่เหมือนศรัณคนที่เคยทะเลาะตบตีกับหวายบ่อยๆ
 ทีแรกหวายก็ไม่อยากจะเชื่อ กลัวพี่ชายจะเอาเรื่องโกหกมาเล่าเพื่อไถเงินไปถลุงในบ่อน แต่ศรัณกลับร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนเสียสติ ยกมือไหว้ขอร้องว่าจะยืมเงินไปเป็นค่ารักษาพิมพ์จันทร์ หวายรู้สึกตกใจอย่างหนักกับภาพที่เห็น ศรัณไม่เคยอ้อนวอนขอร้องอะไรเขาตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ไม่เคยแม้แต่จะลดตัวเองยอมยกมือไหว้ทั้งน้ำตา แถมยังเล่าเสียงสั่นว่าทั้งหมดเป็นฝีมือของไทน์ที่เป็นคนทำร้ายพิมพ์จันทร์ คนเป็นน้องก็ไม่รู้จะช่วยเหลืออะไรได้ดีไปกว่าการหยิบยื่นเงินทองให้พี่ชายโดยการโอนเงินเข้าบัญชี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหวายก็ปรึกษากับไอศูรย์แล้ว โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ว่าอะไร
พอเห็นศรัณกำลังเข้าตาจนเขาก็ไม่อาจทำตัวใจจืดใจดำอยู่ได้แล้วปล่อยให้สองแม่ลูกต้องเผชิญชะตากรรม
เขาทำไม่ลง
หวายคิดว่าตอนนี้ศรัณคงได้รับบทเรียนอย่างคุ้มค่ากับสิ่งที่ตัวเองก่อเอาไว้
   “พี่ไม่ว่าอะไรใช่ไหม ที่ผมให้เงินพี่กายไปจ่ายค่ารักษาป้าจันทร์” หวายทรุดกายนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก เห็นไอศูรย์นั่งดูซีรีส์อเมริกาเรื่องโปรดและสีหน้าดูไม่เคร่งเครียดเลยใช้โอกาสนี้ถามเขาอีกครั้ง
   “ไม่ว่าหรอก พี่ก็ไม่ได้อยากเห็นใครตายนี่”
   “ขอบคุณนะครับ”
   “เรื่องเล็กน้อย”
   “ไม่รู้ป้าจันทร์จะเป็นยังไงบ้าง พี่กายก็ไม่มีเงิน นี่คงต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอีกนาน หมอบอกว่าหัวแกกระแทกพื้นอย่างแรง อาจจะทำให้จำอะไรเลอะเลือน ผมอยากไปเยี่ยมป้าจันทร์น่ะครับ” พูดไปก็อดรู้สึกเศร้าใจไม่ได้ ถึงพิมพ์จันทร์จะไม่เคยดีกับหวาย แต่ก็เป็นคนที่ให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่ซุกหัวนอน
   ถึงแม้ว่าการอยู่ในบ้านหลังนั้นจะไม่มีความสุขเท่าไร ถึงแม้ว่าสองแม่ลูกจะทำกับเขาเหมือนทาสรับใช้ แต่พิมพ์จันทร์กับศรัณก็ไม่ได้ทิ้งขว้างเขาซะทีเดียว
   “หวาย”
   “ครับ”
   “พี่เห็นเป็นห่วงแต่คนอื่น หวายเคยห่วงตัวเองบ้างหรือเปล่า” ไอศูรย์หันมาทางหวายด้วยสีหน้าจริงจังมากขึ้น ทำเอาหวายพูดอะไรไม่ออก
   “ผม…”
   “เราช่วยเขาเท่าที่เราพอจะช่วยได้ ในเมื่อช่วยคนอื่นแล้ว เราก็ต้องห่วงตัวเองด้วย ไอ้ไทน์ยังลอยนวลอยู่ หวายจะออกไปไหนตอนนี้ พี่ว่ามันไม่ปลอดภัย”
   “…..”
   “ถือว่าพี่ขอแล้วกันนะ ไม่ดื้อกับพี่สักเรื่อง”
   “ผมรู้แล้ว ผมจะไม่ดื้อ”
   “ดีมาก” ไอศูรย์วางมือลงบนศีรษะของหวาย ส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้
   “พี่ไอเป็นห่วงผมอีกแล้ว”
   “ไม่ห่วงหวายแล้วจะให้พี่ไปห่วงใคร”
   “นี่ตอนผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าทีไร ผมต้องหยิกแขนตัวเองทุกวัน”
   “ทำไมล่ะ”
   “ก็ผมแทบไม่เชื่อว่าอสูรจะกลายร่างมาเป็นเทพบุตรได้ไง” หวายหัวเราะขำๆ อันที่จริงพอได้รู้จักตัวตนของไอศูรย์มากขึ้น เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายใจคอโหดร้ายอะไร เสียที่เจ้าเล่ห์และหื่นไปหน่อย ถึงได้หาเรื่องจูบได้ตลอดเวลา
   “หลอกด่าพี่รึเปล่าวะเนี่ย”
   “เปล่านะ  พี่อย่ามาปรักปรำผมดิ”
   “อะไร งอนเหรอ”
   “ไม่ได้งอน”
   “ดีแล้ว เพราะพี่ง้อไม่เก่งเหมือนจูบหรอกนะ”
   “เอ่อ…” หวายเชื่อเลยว่าเขาช่ำชองเรื่องการจูบขนาดไหน เอะอะก็หาเรื่องทำโทษด้วยปากตลอดเวลา แถมยังมองมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แพรวพราว
   “ทำไมวกกลับมาเรื่องจูบของเราได้ละ”
   “ชอบอ่ะคำว่าจูบของเรา”
   “แล้วพี่ไอจะให้ผมเป็นทาสของพี่ไปอีกกี่ปี”
   “อืม…” ไอศูรย์ทำท่าครุ่นคิด กวาดสายตามองคนตัวเล็กกว่าที่กำลังรอฟังคำตอบ เพราะไม่รู้ว่าหลังจากที่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน ไอศูรย์ยังจะเห็นเขาในสถานะเดิมอยู่อีกไหม
   ทว่าคำตอบของไอศูรย์กลับทำให้หวายต้องหน้าเห่อร้อนเพราะเกิดอาการเขินอาย
   “ไม่อยากได้ทาสรับใช้  แต่อยากได้คนดูแลหัวใจ…จะได้หรือเปล่า…”






   ไทน์นอนเอกเขนกอยู่ภายในห้องพักของตัวเอง ชายหนุ่มกดรีโมทเปลี่ยนช่องดูสารคดีสัตว์โลกอย่างสบายอารมณ์ ในมือมีแก้วบรั่นดีทรงสูงหมุนไปหมุนมาอยู่เพียงชั่วครู่ก่อนจะยกขึ้นดื่ม หากแววตาที่จ้องมองไปยังจอสี่เหลี่ยมนั้นกลับเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นที่ฝังอยู่เต็มอกของเขา
   ในหัวมีแต่ความสะใจที่เห็นศรัณเป็นยิ่งกว่าหมาจนตรอก ในเมื่อหมอนั่นไม่ยอมทำงานให้เขา เขาก็แค่สั่งสอนมันเล็กๆ น้อยๆ อาศัยตอนที่ศรัณไม่อยู่บ้านแล้วเขาไปทำร้ายพิมพ์จันทร์จนสลบ
   “สะใจกูจริงๆ” ชายหนุ่มเปล่งเสียงออกมาเพียงแผ่วเบาเมื่อนึกถึงว่าตอนนี้ศรัณคงมีสภาพน่าสมเพชไม่น้อย และเขาเชื่อว่าอีกไม่นานต้องคลานมาอ้อนวอนขอเงินจากเขา
ไทน์หัวเราะหึหึออกมา เขาเทบรั่นดีที่เหลือก้นขวดจนหมดเกลี้ยงแล้วยกขึ้นดื่มรวดเดียวลงคอพลางกระแทกแก้วลง ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นทันที
   ไทน์ลุกจากโซฟาด้วยความหงุดใจว่าใครมันบังอาจมารบกวนเวลาความสุขของเขา ชายหนุ่มส่งเสียงถามออกไปด้านนอก มองผ่านช่องตาแมวก็ไม่เห็นว่ามีใคร แต่พอหันหลังกลับเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีก คราวนี้ศรัณตัดสินใจกระชากบานประตูเปิดออกและพร้อมด่ากราดคนที่มันมากวนตีนเขา
   “จะเคาะหาสวรรค์วิมานอะไรวะ กูรำคาญ”
   ชายหนุ่มอ้าปากค้างหน้าเหวอ ทำอะไรไม่ถูก และยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ชายร่างกำยำสองคนก็ดันเขาเข้ามาด้านในพร้อมปิดประตูล็อคอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้ใครเข้ามารบกวนภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
   “พวกมึงเป็นใคร”
   ไทน์ได้แต่ถอยร่นไปชิดผนังจนเนื้อตัวสั่นเทิ้มหวาดผวา คนพวกนี้มันไม่ได้มาดีแน่ๆ
   “เป็นคนที่คุณไอศูรย์ส่งมาให้ทำความรู้จักกับนาย”
   “ออกไปจากห้องกูดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นกูจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก” ไทน์ประกาศกร้าว รู้สึกอันตรายกำลังเข้ามาเยือนกับตัวเอง และเขาก็ไม่มีหนทางจะหลีกหนีไปไหนได้เมื่อตกอยู่ในวงล้อมของชายฉกรรจ์ทั้งสอง
   “มีปัญญาก็ไปแจ้งเลยสิวะ”
ร่างของไทน์ถูกพาเข้าไปยังห้องนอน ชายสองคนช่วยกันจับไทน์เปลื้องผ้าแล้วมัดโยงเอาไว้กับเตียง ซึ่งเป็นภาพที่อุจาดตาไม่น้อย ก่อนที่ผู้ได้รับการว่าจ้างจะพากันหัวเราะขบขันแล้วถ่ายเป็นคลิปวิดีโอเก็บเอาไว้
   “พวกมึงปล่อยกู ปล่อยกูสิวะ!”
   “อย่าโวยวายไปไอ้ไทน์ มึงทำคนอื่นเอาไว้เยอะ ลองโดนกับตัวเองบ้างจะได้รู้สึก คุณไอศูรย์ฝากมาบอกว่าถ้ามึงยังไม่เลิกวุ่นวายกับคนของเขา มึงจะเจอหนักกว่านี้ แล้วคลิปที่มึงนอนแก้ผ้าก็จะโดนแพร่ไปลงในเน็ตจนทั่ว”
   “เชี่ย!” ไทน์สบถด่าออกมาไม่หยุด เขาดีดดิ้นไปมาอยู่บนเตียง ข้อมือกับข้อเท้าถูกโยงเอาไว้จนเขาหมดทางจะหลุดพ้น ชายฉกรรจ์สองคนยืนมองแล้วพากันหัวเราะขบขันตบท้ายก่อนจะเดินออกไปจากห้องของไทน์ ทิ้งชายหนุ่มให้ทรมานตัวเองแบบนั้นอยู่ตามลำพัง




                                                       ..............................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่ แฟนเพจ พราวแสงเดือน https://www.facebook.com/PhrawSaengDeun/
   

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
 ทำคนอื่นเค้าไปทั่วเลยไทน์

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำแบบนี้คิดว่าไทน์คงไม่จำอ่ะ  :laugh3:

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
น่าโดนเยอะกว่านี้นะ ยังไม่สะใจอ่ะ

ออฟไลน์ prowprow

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
ไทน์รู้สึกเจ็บใจเป็นที่สุด หลังจากพวกชายฉกรรจ์สามคนกลับไปแล้วกว่าเขาจะหลุดออกมาจากเชือกบ้าๆ ได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร แถมยังนอนแก้ผ้าตากแอร์อยู่เป็นชั่วโมงจนหนาวสั่นไปหมด
   ไทน์เปิดฝักบัวชำระล้างร่างกายให้สดชื่นขึ้น ไอศูรย์ทำกับเขาเอาไว้เจ็บแสบมาก แถมลูกน้องของมันยังถ่ายคลิปตอนเขาล่อนจ้อนเพื่อเอาไว้ขู่
   “กูจะเอาคืนมึงให้สาสมเลย คอยดู!”





   หวายออกจากบ้านมาเยี่ยมพิมพ์จันทร์ที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าอาจต้องนอนพักรักษาตัวเป็นเดือนๆ และค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมาก แต่นับว่าโชคดีที่ไอศูรย์เป็นธุระเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด เขาโอนเงินเข้าบัญชีให้หวายไปจัดการอีกที และไม่อยากผูกใจเจ็บกับศรัณอีกแล้ว ในเมื่ออีกฝ่ายสำนึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้ เขาก็จะยอมอโหสิกรรมให้ ในเมื่อเขารู้แล้วว่าศรัณไม่ได้อยากทำ แต่ดันเห็นแก่เม็ดเงินที่ไทน์ยื่นให้บวกกับเป็นช่วงที่กำลังเข้าตาจน
   หลังจากไอศูรย์ส่งคนของเขาไปจัดการกับไทน์อย่างเจ็บแสบ หมอนั่นก็เงียบหายไปจากเขาและชีวิตของหวาย มันคงเข็ดขยาดไปอีกนานเลยไม่กล้าแหยมหน้ามาหาเขาอีกเลย
   ส่วนเรื่องที่ไทน์อยู่เบื้องหลังของการที่น้องสาวเขาถูกปลุกปล้ำ เขาไม่ได้เล่าให้เธอฟัง อารดาเองก็คงไม่อยากเอาเรื่องพวกนั้นมานั่งรื้อฟื้นให้สภาพจิตใจแย่ลงไปอีก ชีวิตของเธอตอนนี้กำลังไปได้สวย เธอมีความสุขกับการทำงานดีแล้ว
ขากลับหวายแวะซื้อบะหมี่เป็ดย่างร้านประจำไปฝากไอศูรย์ เพราะรายนั้นเห็นบ่นว่าอยากกินมาหลายวัน หวายก็เลยจัดการให้ แถมที่ร้านวันนี้ก็รอคิวไม่นานเท่าครั้งก่อนๆ
พอได้บะหมี่สมใจแล้วหวายก็ออกมายืนรอรถแท็กซี่เพื่อตรงกลับบ้าน วันนี้หวายขอร้องไอศูรย์ว่าไม่ต้องเอาลูกน้องของเขาตามมาด้วย เพราะมาแค่โรงพยาบาลแล้วจะรีบกลับก่อนตะวันตกดินไม่ได้ไปเถลไถลที่ไหน และไทน์เองก็คงไม่คิดจะมาวุ่นวายอะไรกับหวายอีกแล้ว
เมื่อเห็นว่ารถแท็กซี่คันสีขาวที่แล่นมาใกล้กำลังว่างอยู่ไม่มีผู้โดยสาร หวายจึงไม่รอช้าที่จะเปิดประตูก้าวขึ้นไปนั่งเบาะหลังแล้วบอกเส้นทางกับโชเฟอร์
จากร้านบะหมี่เป็ดไปยังบ้านของไอศูรย์ถ้ารถไม่ติดก็ใช้เวลาแค่สิบห้านาทีเท่านั้นแล้ววันนี้ถนนก็ค่อนข้างจะโล่งกว่าทุกวัน
หวายมองผ่านกระจกรถดูบรรยากาศด้านนอก เห็นร้านขายอาหารยาวเป็นแถวมีแต่ของน่ากินเต็มไปหมด เขาตั้งใจว่าวันไหน ว่างๆ จะชวนไอศูรย์มาเดินด้วยกันสักหน่อย
แต่…เดี๋ยวนะ ทำไมภาพร้านรวงที่เขาเห็นมันถึงเปลี่ยนเป็นซอยแคบๆ ที่เขาไม่คุ้นตาเอาเสียเลย
“เอ่อ พี่ครับ นี่เข้าทางลัดหรือเปล่า” เด็กหนุ่มตัดสินใจถามโชเฟอร์ เพราะถนนใหญ่รถไม่ได้ติดก็ไม่น่าจะวิ่งเข้ามาเส้นทางลัด
“…..”
“พี่ครับ”
“…..”
หวายไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากโชเฟอร์ที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย แถมรถยังแล่นทะยานเร็วขึ้นกว่าเก่าก่อนทะลุออกเส้นทางที่เขาไม่คุ้นชิน สองข้างทางมีแต่ตึกเก่าๆ ไม่มีบ้านเรือน กับทุ่งหญ้าสีเขียวขจี ส่วนอีกฝั่งเป็นคูคลองส่งกลิ่นเหม็นคลุ้ง
เอาไงดีวะ!
“พี่จอดผมลงตรงนี้หน่อย!” หวายพยายามเขย่าประตูอยู่หลายครั้งเพราะมันเปิดไม่ออก มั่นใจเลยว่าคนขับต้องเป็นพวกมิจฉาชีพ
“จอดดิวะ!” หวายสิ้นสุดความอดทนเมื่อโชเฟอร์ที่สวมเสื้อซาฟารีสีดำ สวมหมวกและแว่นตาปกปิดใบหน้า ทำไมหวายไม่ได้สังเกตลักษณะการแต่งตัวของเขาตั้งแต่ต้น และถ้าตะโกนจนคอแตกแล้วยังไม่ยอมจอดรถหรือปลดล็อคให้หวายคิดว่าตัวเองคงต้องถีบประตูรถมันออกมาแน่ๆ
เอี๊ยด!
โชเฟอร์แท็กซี่เหยียบเบรกจนหน้าหวายเกือบพุ่งไปข้างหน้า พอเขย่าประตูอีกครั้งก็เห็นว่าอีกฝ่ายปลดล็อคแล้วเลยรียโกยอ้าวลงมาจากรถเพื่อหาทางเอาตัวรอดจากมิจฉาชีพ แต่วิ่งได้ไม่กี่ก้าวเขาก็ถูกล็อคคอจากทางด้านหลังพร้อมมีดปลายแหลมที่จี้มาตรงต้นคอขาว
“มึงหนีกูไม่รอดหรอก”
หวายรู้สึกว่าเสียงของมันคุ้นๆ พอโจรร้ายเอียงหน้ามาหาเขาใกล้ๆ วินาทีนี้เองถึงได้รู้ว่าเขาเป็นใคร
“ไทน์!”
“เออ กูเอง”
“มึงทำแบบนี้ทำไมวะ”
“มึงทำให้ชีวิตกูพัง มึงต้องชดใช้” ไทน์ลากหวายเข้ามาในทุ่งหญ้า แม้คนตัวเล็กกว่าจะพยายามดิ้นไปมายังไงก็หนีเขาไปไม่พ้นแถมยังถูกตบเข้าฉาดใหญ่ หวายสู้แรงของไทน์ไม่ไหว
“ก่อนมึงจะตาย กูขอพามึงไปขึ้นสวรรค์ก่อนแล้วกัน” ไทน์ผลักร่างบางล้มลงไปแล้วโถมร่างมาทับ บริเวณนี้มันรกร้าง ไม่มีบ้านเรือน ไม่มีใครผ่านมาแน่ๆ เหมาะที่จะจัดการได้อย่างสะดวก
ไทน์พยายามกระชากเสื้อเชิ้ตของหวายออก แต่อีกฝ่ายก็สู้สุดฤทธิ์ ยื้อยุดกันไปมา จนกระทั่งหวายสบโอกาสเหมาะถีบอีกฝ่ายเข้ากลางลำตัว แต่ดูเหมือนจะใช้แรงถีบเบาไป ไทน์เลยลุกขึ้นแล้วไล่กวดจนทันก่อนผลักหวายจนล้มคว่ำ
“เก่งนะมึง กูก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามึงจะแน่สักแค่ไหน” ไทน์ปราดเข้ามาหาหวายพร้อมมีดเล่มเดิม ในเมื่อไม่อยากขึ้นสวรรค์เขาก็จะพาไปลงนรกซะเลย
ทว่ายังไม่ทันที่ปลายมีดจะถึงตัวคนที่กระถดตัวถอยหนี ข้อมือของไทน์ก็ถูกแตะอย่างแรงจนมีดกระเด็นออกไปไกล หวยเบิกตาโตมองภาพการต่อสู้ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
“พี่กาย!”
“ไอ้เชี่ยไทน์ มึงทำแม่กู” ศรัณรัวกำปั้นใส่ใบหน้าของไทน์ไม่หยุด น้ำตาไหลพรากๆ ทั้งแค้นและเจ็บใจ เขาเคยสาบานกับตัวเองว่าถ้าหาตัวไทน์เจอเมื่อไหร่เขาจะไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ๆ แล้ววันนี้เขาก็เจอไทน์จนได้ เขานั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างกำลังจะไปที่โรงพยาบาลแต่เห็นหวายกำลังยื้อยุดอยู่กับใครสักคนแถวๆ รถแท็กซี่ พอจำได้ว่าเป็นใครเขาเลยไม่ลังเลที่จะเข้ามาจัดการกับคนที่ทำร้ายแม่ของเขาเอาไว้อย่างแสนสาหัส
หน้าของไทน์อาบไปด้วยเลือดจนหมดสภาพ หวายที่เห็นพี่ชายตัวเองเหมือนคนเสียสติเลยรีบดึงอีกฝ่ายออกมา เพราะถ้าขืนยังปล่อยให้ศรัณกระทืบต่อ ไทน์คงไม่รอดแน่
“พอเหอะพี่กาย เดี๋ยวมันก็ตายหรอก”
“ช่างแม่ง กูจะฆ่ามันตายนี่ละ ไอ้ระยำ” ศรัณถลาเข้าไปจะประเคนฝ่าเท้าให้ไทน์ที่นอนหมดแรงสู้ มีเลือดไหลเต็มเป็นทางยาวใบหน้าจนถึงลำคอจนเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าไปหมด
“พี่กาย พอได้แล้ว มันสู้พี่ไม่ได้หรอก”
“ไม่” กายเหมือนคนเสียสติ หวายเองพอเข้าไปห้ามก็ถูกคนเป็นพี่ผลักออกมา
ศรัณกวาดตามองหามีดที่หล่นใกล้ๆ เขาคว้ามันขึ้นมาก่อนจะจ้วงแทงเข้ากลางท้องของไทน์จนทะลุข้างหลัง ไทน์ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทิ้งทวนก่อนสิ้นลมหายใจ ศรัณทิ้งมีดลงข้างตัวอย่างคนสิ้นแรง
“พี่กาย!” หวายเบิกตาโพลง ไม่คิดว่าศรัณจะทำถึงขนาดนี้
“มึงทำแม่กู มึงทำชีวิตกูพัง” ศรัณร้องไห้ฟูมฟายเหมือนคนบ้า เขาไม่รู้จะใช้ชีวิตต่อไปยังไง แม่ของเขาก็คงไม่กลับมาเหมือนคนปกติอีกแล้ว
   หวายหันซ้ายแลขวา มองไปยังถนนใหญ่ มีรถแล่นกันอยู่ไม่กี่คัน เขาฉุดข้อมือศรัณให้ลุกขึ้นมาเพื่อออกไปจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด
   “ไปพี่กาย เราต้องไปนะ”
   “กูไม่ไป กูรับผลที่มันตามมาได้ ไม่ต้องห่วงกูหรอกไอ้หวาย แล้วมึงก็เลิกเรียกกูว่าพี่สักที คนอย่างกูไม่เหมาะจะเป็นพี่ของใครหรอก กูมันเลวเอง” ศรัณก้มหน้าร้องไห้เหมือนคนบ้า ภาพเก่าๆ ของเขากับแม่ย้อนกลับมาให้นึกถึง หวายเห็นสภาพพี่ชายแล้วเอื้อมมือไปบีบไหล่หนาที่สั่นไหว ไม่มีคำปลอบใจใดๆ รอบตัวปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน สักพักก็มีคนเข้ามาเห็นเหตุการณ์ และเสียงไซเรนรถตำรวจก็ดังขึ้นหลังจากนั้น…






                                                          ............................................



ติดตามความเคลื่อนไหวนิยายเรื่องอื่นๆได้ที่แฟนเพจ พราวแสงเดือน

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปิดฉากคนชั่วเสียที   :amen:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
หมดเวรหมดกรรมกันไป คนชั่วก็ต้องได้รับผลกรรมที่ทำไว้

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โหดสุด 555 แทงยับเลย ไทม์ไม่เก่งพอ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด