ตอนที่ 13
พิจารณา
หน้าที่ของหนามยอกอกคือการทิ่มแทงหัวใจ ซึ่งกอล์ฟก็คิดว่าพี่โยเป็นบุคคลที่ทำหน้าที่นี้ได้อย่างยอดเยี่ยมจนน่ายกโล่ประกาศกิตติคุณให้ บางทีเขาก็อยากตะโกนถาม มานั่งติวหนังสือทำไมต้องกุมมือ แล้วทำไมต้องหัวเราะคิกคักกันด้วย ได้ฟังที่เขากำลังพูดอยู่บ้างหรือเปล่า ที่สอนไปเข้าหัวบ้างไหม ยิ่งเรียนแย่ๆ อยู่ แล้วเขาที่มัวแต่สนใจมันนี่เสียสมาธิไหม
“กอล์ฟ มึงเฉลยผิดข้อ”
นั่นไง เสียจริงๆ ด้วย เสียงท้วงของคนที่ถนัดวิชานี้พอๆ กับเขาดังขึ้น ในที่สุดเพียวก็ยอมเปิดปากพูดกับเขาหลังจากที่ตีกันไปเมื่อเช้า แต่ก็ไม่วายเป็นคำท้วงติงอยู่ดี
“ห่า กูอุตส่าห์จด สองรอบแล้วนะมึงวันนี้”
ปอนด์ที่น่าสงสารทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิด ดูท่าทางอยากจะทึ้งหัวเขาแทนแน่ๆ
“ไม่มีสติไปนอนไหมมึง ให้เพียวติวแทน”
ขนาดก้องยังจิกเขา มีแต่สองคนนั่นล่ะมั้งที่ยังไม่รู้เรื่องอะไร
“เป้ กูเฉลยผิดข้อ”
เป้หันหน้ามาตามเสียงเรียกพยักหน้ารับรู้ แล้วหันไปคุยต่อ เขาอุตส่าห์จงใจบอกมัน ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าหนังสือที่เปิดค้างอยู่มันเป็นโจทย์ตั้งแต่สามข้อก่อนหน้าแล้ว
“เป้!!”
“อะไร ก็รู้แล้วไงว่ามึงเฉลยผิดข้อ”
พอโดนท้วงบ่อยๆ เป้ก็ชักจะหงุดหงิด มองเพื่อนรักตาขวาง แต่กอล์ฟเองก็อารมณ์ขึ้นแล้วเหมือนกัน
“ฟังกูสอน”
“อื้อ รู้แล้วน่า”
“รู้ก็ทำดิ แล้วพี่โยก็หยุดชวนมันคุยได้แล้วครับ”
สาบานว่าเขาไม่ได้พาล แต่เขาเกลียดที่สุดเวลาเขาพูดแล้วไม่ฟัง ยิ่งกับคนที่จำเป็นต้องฟังด้วยแล้ว เขายิ่งหงุดหงิด
“ตั้งใจตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ใช่พอตกแล้วค่อยมาโวยวาย คนที่กุมมือมึงอยู่ก็ช่วยมึงไม่ได้”
“เห้ย ที่พูดมันจะเกินไปหน่อยไหมวะ”
เป็นพี่โยที่ทนไม่ไหวก่อน ลุกพรวดจากเก้าอี้ โชคยังดีที่เป้คว้ามืออีกฝ่ายยึดไว้ก่อน
“พอแล้วๆ กอล์ฟมึงมานั่งให้ไอ้เพียวติวแทน”
ก้องรีบห้ามทัพกลัวว่าจะมีเรื่องกันซะก่อน
“กูว่าพักกันก่อนไหม”
เพียวเสนอ ไหนๆ พวกเขาก็ติวมาราธอนกันมาสามชั่วโมงรวดแล้ว และพอได้รับความเห็นชอบจากทุกคนจึงได้พูดต่อ
“งั้นกูไปซื้อขนมร้านป้าแว่นนะ”
“เอ่อดีๆ กอล์ฟมึงไปเป็นเพื่อนเพียวเลย”
ก้องผลักไสไล่ส่งให้เพื่อนออกไปเปลี่ยนบรรยากาศโดยลืมไปซะสนิทว่า รอยช้ำบนตาเพื่อนนั้นมาจากใคร
แต่ในเมื่อเพียวไม่โวยวายอะไร กอล์ฟก็จำใจต้องเดินไปเอาสนิมสร้อยลูกรักออกมาอีกครั้ง อย่างน้อยก็ไปพ้นๆ หน้าไอ้ตัวสูงโย่งท่าทางกวนบาทานั่นสักแปปก็ยังดี
เพียวขึ้นนั่งซ้อนโดยที่ไม่ต้องเอ่ยปากเรียกให้เสียเวลา อันที่จริง ตลอดทางนอกจากเสียงเอี๊ยด อ๊าดของโซ่จักรยานก็ไม่มีเสียงอะไรอีก ก็เมื่อเช้าเขาพึ่งทะเลาะกันพอออกมาแบบนี้ก็อึดอัดนะสิ
“ขอโทษ เมื่อเช้าเราปากเสียเองแหละ”
เป็นคนตัวโตที่ตัดสินใจพูดขึ้นมาก่อน
“ช่างเหอะ เราเองก็ใจร้อนไปหน่อยแหละ ขอโทษเหมือนกันนะ”
เพียวเองก็ขาดสติ รู้ตัวอีกทีก็ซัดอีกฝ่ายไปหลายหมัดแล้ว
“แล้วเรื่องที่ถามนั่น จริงหรือเปล่า”
นึกย้อนไปถึงคำขอประหลาดของอีกฝ่ายแล้วก็สงสัย ขอให้เขาคบด้วย หรือเพียวมันจะเป็นบ้าไปแล้ว
“ไม่ได้ล้อเล่น”
“กู...”
“ไม่ต้องรีบตอบ ไปคิดดูดีๆ”
“เอางั้นก็ได้ เอ๊า ถึงแล้ว ลงๆ”
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงกลางหมู่บ้าน ร้านป้าแว่นเป็นร้านขายของชำประจำหมู่บ้าน ลดระยะเวลาปั่นจั๊กไปเซเว่นหน้าปากซอยได้โข
“เห้ย ชาเขียวของใครตั้งห้าขวด” เขาจะไม่โวยเลยสักนิดถ้าห้าขวดนั้นมันไม่ใช่ขวดลิตร จำได้ว่าในใบรายการที่เพื่อนฝากซื้อมันไม่มี
“ของกูไง กุกินเอง”
กอล์ฟมองเพียวพี่ทำหน้าฟินใส่ขวดชาเขียวด้วยความรู้สึกขนลุก ก่อนจะหยิบออกจากตะกร้าไปสามขวด
“เยอะไป”
รีบพูดย้ำเมื่อเห็นสายตาไม่พอใจของอีกฝ่าย แต่เพียวเองก็ไม่ยอมแพ้ รีบยื้อกลับมาหาตัว
“พรุ่งนี้ก็หมดแล้ว เผลอๆ แบ่งคนอื่นกินวันนี้ก็หมด”
นี่มันคือชีวิตของเขาเลยนะ กินเพื่ออยู่ ไม่มีไอ้พวกนี้เขาต้องตายแน่ๆ
“มันน้ำตาลเยอะ คาเฟอีนก็เยอะ”
“เอ่อ กุชอบ”
อาศัยจังหวะที่กอล์ฟทำตัวเป็นคุณพ่อขี้บ่นแอบหยิบขวดชาเขียวกลับลงตะกร้าอีกครั้ง
“มันไม่ดีต่อสุขภาพมึง”
พูดพร้อมกลับหยิบออกไปอีกครั้ง แต่คราวนี้กอล์ฟเอาออกไปทั้งหมด
“เห้ยยย เผด็จการสัส เอาคืนมา เอามาขวดเดียวก็ได้ คืนมา”
เพียวรีบเอาขวดชาเขียวซุกเขาหาตัว กอดไว้ประหนึ่งเป็นลูกรักก็ไม่ปาน
“นี่ก็ช่วยให้มึงไม่ตายอยู่นะ ยังจะด่ากุอีก ไม่ต้องกิน”
“โอเว่อร์ชิบหาย ขวดเดียว ขอขวดเดียวนะ”
เปลี่ยนคำด่าเป็นคำอ้อนทันควัน ด้วยกลัวว่าถ้าเถียงกันต่อสงสัยว่าจะไม่ได้เอากลับไปสักขวดจริงๆ
คอยดูเถอะกลับบ้านไปจะกินให้หมดเป็นลังเลย พอคิดได้แบบนั้นอารมณ์ก็เริ่มดีขึ้นนิดหน่อย เดินลิ้วไปจ่ายเงินก่อนที่กอล์ฟจะเห็นว่าเขาแอบคว้ามาอีกขวด
พอกลับถึงบ้าน เหตุการณ์ทุกอย่างก็กลับเข้าสู่สภาวะปกติอีกครั้ง ไม่มีใครหงุดหงิดใส่ใครอีก อาจเพราะเปลี่ยนคนติวเป็นเพียวตามที่ตกลงกันในตอนแรก หรืออาจจะเป็นเพราะพี่โยได้เดินหนีไปอ่านหนังสือเงียบๆ แถวๆ มุมห้องแล้วก็เป็นได้
และแม้ว่าเพียวจะติวงงๆ ไปหน่อย แต่เมื่อมีกอล์ฟคอยช่วยเสริมทุกอย่างก็ผ่านไปได้สะดวกมากขึ้น
“โหย ถ้าเพียวย้ายมาเร็วกว่านี้ก็ดีดิ ติวก็ดี แถมยังไม่ดุแบบไอ้กอล์ฟอีก”
ปอนด์พูดพร้อมคล้องแขนเจ้าของชื่อด้วยท่าทางออดอ้อนน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด เรียกฝ่าเท้าจากคนที่โดยกัดว่าดุไป 1 ea
“เห็นไหมเพียว กอล์ฟใจร้ายขนาดไหน เพียวต้องอยู่พิทักษ์เค้าน้า”
ขนาดลงไปนอนกองที่พื้นก็ยังไม่เลิก เพียวย่อตัวลงไปลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนเอ่ยคำสัญญา
“เพียวจะปกป้องปอนด์เองนะ จากนี้ปอนด์ก็ต้องเฝ้าบ้านดีๆ พอมีโจรขโมยมาก็ต้องเห่าเรียกเข้าใจไหม”
“รับทราบโฮ่ง ถุย คนไม่ใช่หมาครับ”
“อ้าว กุก็คิดว่ามึงว่าสปีชี่ส์เดียวกับมันสะอีก”
เพียวพูดพร้อมกับปรายตามองไปยังกอล์ฟที่ยืนขำอยู่ไม่ไกล
“อ้าวเห้ย จะกลับบ้านก็กลับกันไป ไม่ต้องมาปาดยาวแขวะกู”
เจ้าของบ้านที่อยู่ๆ โดนหางเลขรีบส่งแขก เป็นจังหวะเดียวกับที่ก้องวิ่งกลับเข้ามาในบ้านพอดี
“เพียวรถมึงมาแล้ว”
“อ้อ งั้นไปกัน”
เพราะเพียวมีคนขับรถมารับ เพื่อนๆ เลยได้อานิสงติดรถไปลงหน้าปากซอยกันถ้วนหน้าจะยกเว้นก็แค่
“พี่จะไม่ออกไปด้วยกันจริงๆ เหรอครับ”
เขาหันไปถามพี่โยเป็นรอบสุดท้าย อีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นอีกครั้ง จึงถึงเวลาแยกย้าย
หายไปสามเหลืออีกสาม แถมเป็นสามที่กลับมาสร้างบรรยากาศขึ้นอีกครั้ง แค่มองหน้าก็ให้ความรู้สึกชวนทะเลาะขึ้นมาแล้ว
“แล้วนี้จะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันเหรอครับ”
น้ำเสียงของเจ้าบ้านไม่ได้ให้ความรู้สึกเชื้อเชิญเลยสักนิด ติดไปในทางประชดหน่อยๆ เสียด้วยซ้ำ มีหรือว่าคนฟังจะไม่รู้
โยยิ้มกว้าง คว้ามือคนข้างๆ ขึ้นมากุม เป้หน้าแดงอดที่จะเขินไม่ได้เมื่อมีพยานรู้เห็นชัดเจนขนาดนี้
“ไม่ได้กินกับนายหรอก กินกับเป้น่ะ เน๊อะ”
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่กอล์ฟรู้สึกว่าสายตาของพี่โยมันตั้งใจจะเย้ยกันอย่างบอกไม่ถูก
“อื้อครับ เราไลน์บอกป้ากานต์แล้วล่ะ วันนี้กลับไปกินบ้านนะ”
“อ้าว แต่แม่บอกจะทำของโปรดเป้นะ”
แม่ไม่ได้บอก แต่ทุกครั้งที่คิดว่าเป้จะมานั่งกินข้าวที่บ้านแม่ก็จะเตรียมของโปรดมันไว้ทุกครั้ง
“ง่า ฝากขอโทษแม่ด้วยนะ”
หมดหนทางจะรั้งไว้ แต่ว่าเขาจะรั้งมันไว้เพื่ออะไรล่ะ
“กอล์ฟ กุไปก่อนนะ ไปครับพี่โย”
เป็นอีกครั้งที่กอล์ฟต้องปลอบใจตัวเองว่า ไอ้พี่โยไม่ได้หันมายิ้มเยาะเขาตอนที่จูงมือเป้ออกไป
บางทีกอล์ฟก็คิดว่าตัวเองโรคจิต เขานั่งมองออกนอกหน้าต่างไปยังฝั่งตรงข้ามของถนน ไปยังบ้านของเพื่อนสนิท เขานั่งมองมาตั้งแต่หลังข้าวเย็นจนกระทั่งตอนนี้ เกือบจะเที่ยงคืนแล้ว
...ไอ้พี่โยยังไม่กลับบ้าน... ไม่รู้ว่าบ้านช่องไม่มีหรือยังไง ถึงได้มานอนบ้านคนอื่น
คนอื่นที่ไหน พวกนั้นเป็นแฟนกัน
วูบหนึ่งในความคิดตอบเขา
และเมื่อไฟบ้านฝั่งตรงข้ามดับลง เขาก็ได้ยินคำถามของเพียวเมื่อเช้าดังขึ้นอีกครั้ง
“คบกับกูนะ” บางทีเขาคงต้องลองพิจรณาข้อเสนอนี้อย่างจริงจังสักที
TBC......
TalKจบตอนจนได้ 55555 เป็นตอนใช้เวลาแต่งนานเหลือเกินทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีอะไร ขอโทษค่ะ //กราบ งานยังคงรัดตัวอย่างจริงจัง ในที่สุดก็เข้าเล่มโปรเจ็กษ์จบได้จริงๆ สักทีหลังจากค้างกันมาเป็นเดือนเลยค่ะ หลังจากนี้ก็จะไม่ใช่นศ.อีกแล้ว ใจหายสุดๆ 5555
อาจเพราะว่าเราเอาคนใกล้ตัวเป็นต้นแบบของน้องเพียว เพราะงั้นนิสัยกินชาเขียวก็เลยตามมาด้วย ใครติดชาเขียวขวดๆ ที่ขายที่ 7-11 กินทีแทนน้ำแบบน้องเพียวก็ระวังนะคะ คนใกล้ตัวเราพึ่งเข้ารพ.เพราะเรื่องนี้เลยค่ะ
ยังไงก็พบกันใหม่ตอนหน้านะคะ เหตุผลและการตัดสินใจของน้องกอล์ฟกำลังมาค่ะ //กอดรัดคนอ่าน -อี้หลิง