ตอนที่ 36 Family
อินเดินเข้าบ้านมาในขณะที่เขายังคงมองมือถือ เบนซ์ส่งคอนแทคของเจนมาให้ทางกล่องข้อความ เจน ผู้หญิงที่เปลี่ยนชีวิตของเขาและกายไปตลอดกาล เขากดแอดเธอขณะที่ปล่อยให้ความคิดแล่นไป มันหลายปีมากแล้วจากวันนั้นที่เขาเจอเธอครั้งสุดท้าย ตอนนี้ ชีวิตพาเขาเดินทางมาไกลและคงไม่อาจจะถอยหลังกลับได้อีก
“อิน... กลับบ้านแล้วเหรอ” เสียงของแม่ร้องทักขึ้นขณะที่อินเปิดประตูข้านเข้ามา และนั่นทำเอาอินชะงักงันด้วยความสงสัย
“แม่?.... ทำไมอยู่บ้านอ่ะ ไม่ทำงานเหรอ” อินร้องถาม ขณะเดินไปวางเป้ที่โซฟา
แม่ของอินเดินตรงมาหาอินทั้งๆที่อยู่ในชุดทำงาน พลางทำหน้าตาสดใส เธอสวมกอดลูกชายทันทีด้วยความสุข
“เอ่อะ...อะไรเนี่ยแม่” อินร้องถามอย่างงุนงง
“หายไปไหนมาตั้งสองสามวันหึ” เธอถามขณะที่อินนั่งลง พร้อมกับที่เธอยิ้มกว้างให้ลูกชาย
“ก็...ทำงานดิแม่ ยังไม่ชินอีกอ่อ” อินพูดพลางหยิบน้ำที่โต๊ะมาดื่ม “แม่มีไรหรือเปล่า ผมเห็นข้อความแม่นะ แต่ก็ยุ่งๆอ่ะ เลยตอบแค่นั้น”
“อืม...แม่รู้” เธอยังคงยิ้มให้ลูกชายอยู่อย่างนั้น
“แล้วนี่แม่รอผมอ่อ ถึงไม่ไปทำงานอ่ะ” อินร้องถาม
“อิน...แม่ว่า แม่อยากให้อินเปลี่ยนงาน” เธอกล่าว
“หือ..ทำไมอ่ะ” อินร้องถาม
“แม่ไม่อยากให้อินเหนื่อยแบบนี้ แม่อยากให้อิน ย้ายไปทำกับพัฒน์” เธอตอบ
“แม่... เราเคยคุยเรื่องนี้กันไปแล้ว ผมไม่อยากไปแบบนั้น มันน่าเกลียด แล้วอีกอย่างตอนนี้งานผมโคตรโอเคเลยแม่” อินตอบแม่ของเขา “ไม่ต้องห่วงหรอก... ผมไม่ได้เหนื่อยไรขนาดนั้น ขับกลับบ้านไม่ไหว ผมก็นอนห้องเพื่อนไง แม่ก็รู้ว่าผมไม่ปาร์ตี้อ่ะ”
“อืม...แม่รู้” เธอยังคงลูบไหล่ลูกชายและยิ้มอย่างอ่อนโยนด้วยแววตาเป็นประกาย
“เอาล่ะ...ผมว่าแปลกๆละ... แม่มีอะไรหรือเปล่า ทำไมเรากลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกอ่ะ” อินว่า “แล้ว ทำไมคุณแม่ต้องยิ้มขนาดนี้ด้วยล่ะครับ”
“อิน... ที่แม่ขอ เพราะว่า ครอบครัวเรากำลังจะไม่เหมือนเดิมแล้วนะ แล้วแม่ก็อยากที่จะ... จะทำให้ทุกอย่างมันลงตัวมากขึ้น” เธอพูดกับลูกชาย ที่ยังคงตามไม่ทันกับสิ่งตรงหน้า “อิน คือ....แม่ แม่....”
อินคว้ามือแม่ของเขาที่ลูบตัวเขาอยู่มาจับไว้
“ตอนนี้ทุกอย่างลงตัวแล้วแม่” อินพูดกับแม่อย่างอ่อนโยน “ทุกอย่างโอเค..แล้วเราก็.... อ้ะ...”
อินจับมือของแม่ขึ้นมาดู และเขาก็เห็นบางอย่างถูกสวมเอาไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของแม่
“แม่...นี่....นี่มันอะไรอ่ะ” อินร้องถาม ขณะที่เธอยิ้มกว้างให้ลูกชาย
“อิน... แม่แต่งงานใหม่แล้วนะ”
คำพูดของเธอทำเอาอินเงียบสนิท เขามองหน้าแม่เหมือนเขาไม่เคยเห็นเธอมาก่อน
“แต่งงาน.... แต่งงานใหม่... ได้ไง... เมื่อไหร่อ่ะแม่” เสียงของอินลงจริงจังมากขึ้น
“ก็... ไม่ได้จัดงานหรอกจ้ะ แม่แค่จดทะเบียนใหม่ กับ....พัฒน์เค้า...” เธอตอบลูกชาย
“หะ” อินพ่นคำพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะปล่อยมือแม่ของเขาลง และมองไปเบื้องหน้า
“แม่ขอโทษที่... ไม่ได้บอกอินก่อน ทุกอย่างมัน เกิดขึ้นเร็วมาก แล้ว แม่ก็คิดว่าแม่พร้อม และอินก็น่าจะ...”
“เพราะงี้นี่เอง ลุงพัฒน์เค้าถึงพูดกับผมแบบนั้นวันที่ผมไปออฟฟิศเค้า” อินพูดขึ้น
“ไงนะลูก”
“เพราะงี้... เค้าถึงอยากได้ผมไปทำกับเค้า...” อินกัดฟันตัวเอง
“อิน...แม่ขอโทษ แม่ไม่คิดว่าลูกจะ...”
“แม่...” อินหันไปหาแม่ของเขา “ผมไม่ได้โกรธอะไรแม่นะ....”
เขาจับมือแม่ของเขาขึ้นมาพลางมองแหวนที่มือของเธอ
“แหวนนี่สวยมาก แล้วมันก็เหมาะกับแม่มากๆ” อินพูดขึ้น “ผมดีใจด้วยนะแม่”
อรมองหน้าลูกชายเธอ แต่ดูเหมือนกับว่าอินเต็มไปด้วยออร่าของความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ
“อิน... ถ้าอินไม่โอเค อินบอกแม่ได้นะ แม่ยินดีจะปรับทุกอย่างเพื่อลูก” เธอกล่าว “ยังไงลูกต้องมาก่อนสำหรับแม่”
“ไม่แม่... แม่ไม่ต้องปรับอะไรเพื่อผมแล้ว” อินว่า “ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม่ดูแลอินมามากแล้ว ผมต่างหาก ที่ทำให้แม่ต้องลำบาก แม่ต้องเว้นกะมาเพื่อผมอ่ะ”
เธอยิ้มให้ลูกชาย ก่อนจะจับไหล่เขาไว้
“ก็อินเป็นลูกแม่นี่” เธอกล่าว
“เพราะงั้นผมถึงโกรธแม่ไม่ได้ไง” อินยิ้มให้ “แต่... ครอบครัวของเรา กับ เค้า... ผมว่า...”
อินหลับตาพลางเงียบไปพักนึง
“อิน...พัฒน์เค้าก็ดีกะลูกมากไม่ใช่เหรอ ตอนพีทมาอยู่ที่บ้านเรา ทุกอย่างมันก็ดีอยู่นะ...”
และมันก็เหมือนมีคนกดสวิตช์ไฟในสมองของอินทันที เขาหันไปมองแม่ของเขา
“พีทรู้เรื่องหรือยังอ่ะแม่” อินร้องถาม
“เอ่อ... น่าจะรู้นะ... วันที่พัฒน์เค้า ขอแม่.... พีทก็อยู่” เธอตอบ
“แม่ว่าไงนะ... พีทอยู่ด้วยวันที่เค้าขอแม่แต่งงานเหรอ” อินว่า
“อื้อ.... แต่วันนั้นแม่ชวนอินแล้วนะ อินบอกแม่ว่าอินไม่ว่าง อินมีประชุมกับที่บริษัท” เธอพูดต่อ
“ไม่ใช่แม่... ผมไม่ได้...โกรธอะไรแบบนั้น ผมแค่...” อินหันมาคิดทบทวนกับตัวเอง “มันรู้มาตลอดเหรอ”
“คิดว่านะ... พ่อลูกเค้าสนิทกันนี่... พัฒน์เค้าเล่าให้แม่ฟังว่า พีทเป็นคนเลือกร้าน แถมมันก็เป็นร้านที่แม่ชอบ” เธอว่า “ที่บาร์ดาดฟ้า ร้านของโฟล์คไง”
อินหันไปมองแม่ของเขา ก่อนจะลุกขึ้นยืนทันที
“แม่ว่าไงนะ” เขาพูดเสียงเข้ม “เค้าขอแม่แต่งงานที่บาร์ไอ้โฟล์คเหรอ”
“ช...ใช่จ้ะ พีทบอกโฟล์คให้จัดแหวนให้แม่เอง” เธอพูดเสียงสั่นเครือ
“แม่รู้หรือเปล่า ว่าพีทอยู่ไหน” อินกำหมัดแน่น
“อิน... อย่าไปโกรธเค้าเลยลูก ทั้งคู่อาจจะแค่ อยากให้แม่เป็นคนบอกอินเองนะ” เธอบอกกับลูกชาย แต่อินไม่ได้เชื่อแบบนั้น
“ไม่ใช่หรอกแม่... มันไม่ใช่แค่นั้น” อินพูดเสียงสั่น “พีทอยู่ไหนแม่”
“กูก็อยู่นี่ไง” เสียงของพีทดังมาจากบันได อินมองไปเห็นพีทเดินถือลังบางอย่างที่เหมือนของของตัวเอง เดินลงมาจากห้อง อินเดินเข้าไปหาพีทช้าๆ แต่แม่ก็คว้าแขนของเขาไว้
“ไม่เอาสิ... อิน อย่าทะเลาะกันเลยลูก” เธอพูดขึ้น พลางเดินมาขวางอินไว้
“แม่... ผม... ไม่ได้โกรธแม่ ผม... โอเคกับเรื่องนี้มากกว่าทุกคนในนี้แน่ๆแม่” อินพูดกับเธอ “แต่ผม...”
อินหันไปมองพีทที่หลบสายตาอินอยู่อย่างนั้น
“ผมขอคุยกับมันส่วนตัวหน่อยนะแม่นะ” อินพูดขณะที่จ้องหน้าพีทเขม็ง “มึงกะกูต้องคุยกันแล้วพีท”
พีทเม้มปากพลางยิ้มเบาๆและมองหน้าอิน
“เอาดิ”
.............
กายโทรหาอิน แต่ก็ไร้การตอบรับ ชายหนุ่มส่ายหน้าพลางดับเครื่องยนต์และลงจากรถของอินที่เขาขับออกมาจาก Lovable Studio หลังจากเขาได้พบว่าทุกๆอย่างที่นั่น เป็นไปตามที่เขาต้องการ เขาได้พบกับคนที่เขาเฝ้ารอจะเจอมาตลอดหลายปีจนได้ เป็นการเริ่มต้นที่สดใสมากสำหรับกาย เขาลงจากรถและเดินเข้าโรงแรมไปอย่างร่าเริง แต่ทว่าร่างๆหนึ่ง ก็ตรงเข้ามาหาเขาทันที
“อ้าว ไอ้กาย ทำไมเป็นมึงวะ” โฟล์คพูดขึ้น แม้ว่าตัวเองกำลังวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากโรงแรม
“เอ๊า แล้วทำไมจะไม่เป็นกูอ่ะ” กายตอบเสียงมึนงง “แล้ว มึงมาไงเนี่ย”
“กูดิ ต้องถามมึง ว่ามึงมาทำไรที่นี่” โฟล์คถามต่อ
“ก็กูนอนนี่” กายว่า
“หะ... นอนโรงแรมเนี่ยนะ” โฟล์คร้อง
“เออ... ก็กูไม่ได้มีบ้านที่กรุงเทพ กูก็ต้องนอนโรงแรมดิ หมดงานแล้วกูก็กลับหนองคายไง” กายว่า
“แล้ว... แล้วมึงขับรถมันมาได้ไง” โฟล์คชี้ไปด้านหลัง กายหันไปมองทันที
“อ๋อก็มันให้กูยืมใช้เมื่อเช้าและ.... เดี๋ยวนะ... มึงรู้ได้ไงว่านี่รถมัน” กายว่า “มันเพิ่งซื้อเมื่อไม่กี่เดือนก่อนเองนะ”
โฟล์คเงียบสนิท พลางเมินหน้าไปทางอื่น
“แล้วมึงมานี่.... อ้อ... จริงสิ... เลาจ์ข้างล่าง แฟนมึงเค้าทำอยู่” กายพูดต่อ พลางเดินไปหาโฟล์คที่ทำหน้าตาเคร่งเครียด “มึงมีอะไรกันอีกป่ะเนี่ย”
“ก็... ป่าว ไม่มี” โฟล์คพูด แต่กายมองหน้าเพื่อนอย่างจริงจัง
“ในกลุ่มเรามึงโกหกได้แย่สุดในกลุ่มนะ เผื่อมึงจะลืม” กายว่า “มึงตามหามันอยู่อ่อ มีเรื่องกันอีกยกอ่อ”
โฟล์คหลับตาลงครั้งหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจ
“กูโทรหามันไม่ติดเลยอ่ะ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ กู...มีเรื่องจะคุยกับมัน” โฟล์คว่า
“อ่า....หะ... กู...ก็โทรหามันไม่ติดเหมือนกัน มันให้รถกูมาเมื่อบ่าย แล้วก็บอกให้กูใช้ไปก่อน เดี๋ยวมันค่อยมาเอา” กายว่า “แต่... เรื่องของกู ไม่ด่วนเท่าของมึงมั้ง... มึงมีอะไรหรือเปล่า”
โฟล์คเงียบไปพักนึงก่อนจะพูดขึ้น
“กูจะไปแล้ว” โฟล์คว่า
“ไป...ไปไหน” กายว่า
“กูจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว” โฟล์คว่า “กูอยากจะเจอมัน เป็น...ครั้งสุดท้าย”
กายเงียบเสียงลงทันที
“เดี๋ยวนะ... มันก็ไม่ได้เจอมึงไม่ใช่อ่อวะ มันยังบอกกูอยู่เลยว่ามันไม่ได้เจอมึงมาเป็นชา...”
“มันโกหก กูด้วย” โฟล์คพูดต่อทันที “กูกับมันแอบคบกันลับๆ มาจะปีนึงแล้ว”
กายอึ้งไปพักนึงหลังจากได้ยินคำพูดของโฟล์ค
“มึง...มึงว่าอะไรนะ” กายพูด
“กูโกหกพวกมึงทุกคนเลย โกหกทุกคนรอบตัวกู” โฟล์คว่า “จริงๆแล้ว กูกับมัน มีอะไรกันมาตั้งนานแล้ว”
กายหลับตา พลางเกาจมูกตัวเองอย่างครุ่นคิด
“ไอ้โฟล์ค..นี่มึง...”
“มึงอย่าเพิ่งมาสวดกูตอนนี้ไอ้กาย แต่กูขอ มึงช่วยกูหาหน่อย ว่าอินมันอยู่ไหน” โฟล์คว่า “ไม่งั้นกูอาจจะไม่ได้เริ่มต้นใหม่”
กายถอนหายใจทันที
“มึงรู้หรือยัง ว่ามันกำลังจะไปปารีสอ่ะ” กายร้องถาม
“ปารีส... ปารีสไหนอีกวะ” โฟล์คร้องถาม
“มันกำลังจะไปเร็วๆนี้ มันถึงให้รถกูใช้นี่ไง เพราะกูต้องอยู่นี่เพื่อทำเส้นสายคนในสายงานกู แล้ว... มันก็ถูกส่งไปปารีสแทนกู” กายพูดต่อ
“อะไรนะ... ทำไมมันไม่เคยพูดให้กูฟังเลยอ่ะ” โฟล์คว่า
“ตอนนี้กูงงมึงสองตัวมากกว่า มึงบอกว่ามึงแอบคบกันมา แต่พวกมึงแม่งไม่เคยคุยกันอ่อวะ แล้วเป็นไง พอห่างหูห่างตากันไป ก็พังยับหมดเลยนะ แทนที่จะจบๆตั้งแต่ที่โรงพยาบาลแล้วป่ะ” กายว่าพลางส่ายหน้าและเดินเข้าโรงแรม
“กาย มึงช่วยกูหน่อยไม่ได้อ่อวะ” โฟล์คร้อง
“กูไม่ได้มีหน้าที่ตามแฟนใครนะเว่ยโฟล์ค มึงวิ่งตามมันมาตลอดเองอ่ะ” กายหันมาพูด “กูจำได้นะ ตั้งแต่ ม.4 มั้ง ที่ไอ้มอสตามพวกกูไปนั่งเคลียร์ก็เพราะแค่มึงจูบมันอ่ะ มึงจำได้ป่ะ”
โฟล์คเงียบสนิทขณะที่กายหันมาพูด
“ไร้สาระชิบหายเลย พอถึงเวลาที่กูจะเคลียร์ให้ มึงก็วิ่งไปกับมันเฉยเลย ไอ้มอสก็เคยบอก ว่ามึงสองตัวแม่งชอบหายไปด้วยกัน แล้วก็ทำเรื่องด้วยกัน ตลอดหลายปีที่กูไม่อยู่ แม่งก็เป็นงี้” กายว่าต่อ “แล้วพอเกิดเรื่องที่โรงพยาบาล กูก็นึกว่าจะจบ มึงก็เสือกยื้ออีก มาตอนนี้มึงจะขอให้กูช่วย ให้กูช่วยไรอีกอ่ะ”
กายว่าใส่โฟล์คทันที ตัวเขาได้แต่หลับตาลงเบาๆ กายจึงรู้สึกตัวได้ว่า เขาอาจจะพูดแรงไป จึงได้แต่เบาอารมณ์ลง
“กู...ก็มีเรื่องต้องทำเหมือนกัน กูต้องหาที่อยู่ในกรุงเทพ เพราะกูก็เพิ่งจะลงงานใหม่ พรุ่งนี้กูก็ต้องไปคุยงานใหม่แล้ว นี่กูก็กำลังจะขึ้นไปทำงานแล้วด้วย” กายว่า “ไม่ใช่มึงคนเดียวหรอกนะที่จะ....”
“แล้วทำไมมึงถึงมีสิทธิเริ่มต้นใหม่อยู่คนเดียววะ” โฟล์คหันมาตวาดบ้าง “มึงวิ่งไปก่อนคนเดียว ทิ้งพวกกูไว้ข้างหลังได้ แล้วคนอื่นไม่สิทธิอ่อวะหะ”
กายเงียบเสียงลงทันที
“มึงเลือกรักกับเด็กเซนโย ไปสร้างอนาคตด้วยกัน แล้วทิ้งพวกกูได้ แล้วทำไมกูจะทำบ้างไม่ได้อ่ะ” โฟล์คว่า “กูกับมันลองทำกันมาตั้งหลายปี กูไม่เคยขอความช่วยเหลือมึงเลยนะเว่ย วันนี้กูขอครั้งสุดท้ายบ้าง มึงทำให้กูไม่ได้ใช่ป่ะ กูจะได้รู้... ว่าที่เขาพูดกันว่ามึงแม่งโคตรเห็นแก่ตัว แม่งเป็นเรื่องจริง”
กายจ้องหน้าโฟล์คเขม็ง เป็นครั้งที่สองแล้ว ที่มีเพื่อนพูดแบบนี้กับเขา
“มึงอยากเริ่มต้นใหม่ กูก็สนับสนุนไง เพราะกูเพื่อนมึง เพราะกูเชื่อ ว่ามึงทำได้ มึงทำได้เสมอไอ้กาย” โฟล์คว่า “แต่ครั้งนี้กูขอไม่ได้อ่อวะ... กูขอแค่... ขอแค่ครั้งสุดท้ายที่กูจะเจอมัน ให้มึงช่วยกูหามันมันไม่ได้หรือไงอ่ะ”
กายถอนหายใจพลางหลับตา และแล้วก็เงียบกันไปพักนึง มีเพียงเสียงหายใจหอบถี่ระหว่างกัน
“เออ... เดี๋ยวกูช่วย เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน” กายพูดเสียงอ่อน “มันไม่รับมันก็คือไม่รับ แล้ว... มันก็อาจจะออกจากบ้านไปแล้วด้วย เพราะมันก็ไม่ได้นอนบ้านใช่ป่ะล่ะ”
โฟล์คเงียบสนิท
“มันอาจจะเพลีย แล้วหลับไปแล้ว มือถือไม่ชาร์จก็ได้ มึงก็อย่าเพิ่งไปคิดไรมาก” กายพูดต่อ “เดี๋ยวพรุ่งนี้กู...ตามให้ มึงกลับคอนโดมึงไปนอนไป ดึกแล้ว”
“กูกลับไม่ได้” โฟล์คพูดขึ้น
“ไอ้โฟล์ค มึงอย่าเพิ่งงี่เง่า” กายหันมาว่า
“กูไม่ได้งี่เง่า แต่กูกลับคอนโดไม่ได้แล้ว... กูย้ายออกมาแล้ว” โฟล์คพูดขึ้น ทำเอากายขมวดคิ้ว
“ย้ายออก ทำไมวะ” กายร้องถาม
“ก็กูบอกแล้วไง กูจะไม่อยู่แล้ว... กูกำลัง...หาคนอยู่ต่อแทนกู กูจะไปแล้วไง”
กายมองโฟล์คอยู่อย่างนั้น
...............