ก่อนอื่นต้องขออนุญาตผู้เขียนด้วยนะคะ กับการที่ดิฉันจะโพสต์ยาวมาก หวังว่าจะไม่รกหน้ากระทู้ รู้สึกเกรงใจ แต่เพราะอินมาก และชอบมาก จึงมีเรื่องพูดคุยกับผู้เขียนมาก
ดิฉันคิดว่าผู้เขียนเลือกถูกที่เขียนเรื่องนี้ในมุมมองพระเจ้า คือใช้บรรยายด้วยสรรพนามบุรุษที่สาม ดังนั้นความหน่วง, ความเจ็บปวด, ความดำมืด, ความโหดร้ายที่จะเกิดจากการกระทำของชนะ จึงถูกลดทอนลงไปกว่าสามในสี่ ถ้าเรื่องนี้เล่าผ่านมุมมองของเสมอคนเดียว ดิฉันขออนุญาตลงไปดิ้นกับพื้นด้วยยาพิษร้ายที่ชื่อชนะ สิ่งที่ดีก็คือ เราได้เจ็บหน่วงกับเสมอ แล้วก็ได้เคลียร์กับชนะ คืออารมณ์ไม่ค้างเท่าใดนัก ปมบางอย่างก็เคลียร์ให้เรียบร้อยในระดับหนึ่ง ไม่ปล่อยให้เก้อนานเกินจำเป็น อารมณ์เหมือนอยู่ในเรือกลางพายุ ถูกโยนไปทางนั้น แล้วก็ยันไปทางนี้ นอกจากนี้ ดิฉันคิดว่า ผู้เขียนเขียนเรื่องโดยใช้มุมมองพระเจ้าได้ดีมาก ดีกว่าเขียนแบบเล่าผ่าน "ผม" อีก เรื่องหน้า (เป็นการอ้อนให้มีเรื่องต่อไป โฮะๆๆ) อยากให้เขียนแบบนี้อีกค่า
ดิฉันรู้สึกโชคดีที่ได้เข้ามาอ่านเมื่อเรื่องได้ดำเนินมาระยะหนึ่งแล้ว จึงได้เห็นรายละเอียดปลีกย่อยที่มาส่งหนุนให้เข้าใจตัวละครแต่ละตัวมากขึ้น ดิฉันจึงไม่เกลียดชนะเลย ไม่คิดว่าเขาเป็นคนไม่ดีด้วยซ้ำ เหตุเพราะคนๆ หนึ่งจะมีบุคลิกเช่นนี้ได้ ย่อมต้องมีปมอะไรบางอย่างเสริมส่งให้เขาเป็น คิดว่าคงเกี่ยวเนื่องกับเรื่องไร้พ่าย (ยังไม่ได้อ่าน คงต้องไปอ่านแล้วล่ะค่ะ) ในความคิดของดิฉัน ชนะไม่ได้ร้ายกับเสมอเลยนะคะ เขาออกจะดีกับเสมอมาก และออกจะรักเสมอมากๆๆๆๆๆ ขนาดนั้น แต่เพราะเขาแสดงออกไม่ค่อยเป็น จึงอาจจะทำให้เสมออกเดาะได้ในบางครั้ง แต่ก็เห็นว่า ชนะก็เจ็บเหมือนกันทุกครั้งไป คือ ไม่รู้ว่าผู้อ่านท่านอื่นคิดอย่างไร แต่ดิฉันเห็นแต่ใบหน้าของเหมอสะท้อนเป็นรูปเงาอยู่ในดวงตาของชนะตลอดเวลา คือ...เขารักของเขาค่ะ
ประเด็นที่คิดว่าน่าจะทำให้เรื่องนี้ดราม่านั้นมีหลายอย่าง แต่เท่าที่เห็นตอนนี้ก็มีสามหรือสี่อย่าง
อย่างแรกคือพ่าย คำว่า "คู่นอน" ที่พ่ายสาดใส่หน้าเสมอจนเดี้ยงไประยะหนึ่งและนำมาซึ่งปมในใจของเหมอ นับว่าเป็นประเด็นใหญ่มาก เพราะจะอย่างไรเสีย เหมอก็มาจากครอบครัวที่พ่อเป็นคนสำคัญของบ้าน ดังนั้น "ความเห็น" ของพ่าย จึงสำคัญสำหรับเสมอมาก ถ้าพ่อเขาตั้งแง่รังเกียจและดูถูกตนเสียแล้ว เสมอเองก็คงลำบากกับการเป็นคนรักของชนะ แต่ก็อย่างที่บอก...กำแพงสูงมีไว้พัง ดังนั้นไม่คิดว่าเหลือบ่ากว่าแรงเหมอที่จะก้าวข้ามกำแพงนั้นได้ อย่าลืมว่า เหมอมีฆ้อนประจำตัว ใช้ฆ้อนทุบกำแพงพ่ายก็สิ้นเรื่อง อิอิ
อย่างที่สองคือ เพี้ยน ก่อนหน้าที่จะอ่านตอนที่ 20 นี้ ดิฉันก็คิดๆ อยู่ว่า การที่ชนะแคร์เพี้ยนมาก น่าจะเป็นเหตุผลอื่นมากกว่าพิศวาส เพราะเพี้ยนสำหรับดิฉันแล้ว ถือว่าเป็น mother figure ของชนะ ก็อย่างที่ชนะเล่าให้เหมอฟัง เพี้ยนอยู่กับชนะในวันที่ชนะทุกข์ และคอยปกป้องเขา ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ชนะจะรักเพี้ยน แต่ก็เป็นรักในคนละความหมาย ค่ะ...เป็นรักที่มีต่อแม่นั่นเอง แน่ล่ะว่าเขาเห็นความเหมือนกันของทั้งเพี้ยนและเหมอ แต่...ก็เป็นคนละบทบาท ซึ่งเอามาเทียบกันไม่ได้ คนเรามีรักหลายแบบ รักครอบครัว กับรักแบบคนรัก การที่ชนะบรรจงเลือกของให้เพี้ยนด้วยความรักก็คงเป็นเพราะตั้งแต่เล็กจนโต มีแต่เพี้ยนที่เข้าใจชนะจริงๆ และคอยเอาอกเอาใจชนะมาตลอด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ชนะจะผิดหวัง...จะโกรธตอนที่เสมอบอกว่าชนะแอบรักเมียพ่อ ซึ่งดิฉันคิดว่า คำพูดประโยคนั้นของเสมอเป็นเหมือนฆ้อนปอนด์ฟาดปังเข้ากับศีรษะของชนะอย่างจัง (เอาจริงๆ ถึงจะคิดอย่างนี้ แต่ดิฉันก็อดจะหมั่นไส้ชนะไม่ได้ในเรื่องเพี้ยน แต่ก็อย่างที่ว่า...มันมาจากการเปรียบเทียบ และชนะก็ได้เคลียร์ประเด็นนี้ไปแล้ว)---(ดีใจที่เมื่ออ่านตอนที่ 20 แล้ว ชนะสารภาพออกมาอย่างนั้น ทำให้สบายใจขึ้น)
ประเด็นหน้าตาของเสมอ ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อยมาก เพราะด้วยความเป็นเสมอ มันทำให้เขาสามารถจะปัดเรื่องหน้าตาตัวเองออกไปจากความกังวลได้ แต่คนเรามาได้ยินคำพูดคนอื่นบ่อยครั้งเข้า ไหนเลยจะทนไม่คิดได้ มันก็ต้องมีบ้าง ยิ่งชนะหน้าตาดีขนาดนั้น แต่เชื่อว่า เสมอจะเลิกแคร์และหันมาสนใจกับชนะมากกว่า เพราะถ้าเสมอแคร์คนพวกนั้น เสมอก็จะทุกข์ และเมื่อเสมอทุกข์ ชนะก็จะทุกข์ด้วย ในแง่หนึ่ง เรื่องรักเป็นปัญหาระหว่างคนรัก คนอื่นไม่มีสิทธิ์ยุ่ง ดังนั้นอย่าไปสนใจคำพูดคนที่เดินผ่านเลยค่ะ
อย่างไรก็ตาม, ดิฉันรู้สึกแย่มาก กับการกระทำอันไร้การยั้งคิดของชนะตอนที่เขาประชดพ่อ เขาทำเหมือนเสมอเป็นอะไรสักอย่างที่ไร้ค่า และเขาเองก็รู้สึกตัวเหมือนกัน นี่แหละเป็นข้อที่ตัวเขาต้องปรับปรุง คือ อย่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ต้องยึดสติเป็นเอก ชนะอารมณ์แปรปรวนบ่อย ถ้าปล่อยให้โทสะมีอำนาจเหนือกว่าสติเมื่อไหร่ คนรอบข้างก็จะลำบากเมื่อนั้น ดังนั้นถ้ารักเสมอ ก็เป็นกำลังใจเชียร์ให้เปลี่ยนข้อนี้ด้วยนะคะ เพราะเหตุการณ์นั้น ทำให้มีปมหลายอย่างโผล่ขึ้นมาเต็มไปหมดเลย และแผลที่ถูกกรีด มันก็ยากจะลบเลือนเสียด้วย กระจกร้าวไม่อาจต่อให้ติดฉันใด รอยด่างในใจก็ไม่อาจลบได้ฉันนั้น
ดิฉันรักตัวละครที่ชื่อเสมอมากๆ ค่ะ ความเป็นเสมอนี้คือฟินแลนด์ เขาน่ารัก เขาตลก ถึงจะถึกและไม่เหมาะกับการจิ้น แต่ดิฉันก็ตกหลุมรักเขาเต็มเปา เพราะอ่านจากเนื้อเรื่องแล้ว ดิฉันเองถ้าได้อยู่กับเขา ก็คงจะอดชอบเขาไม่ได้ (โดนชนะถีบ) ซ้ำยังชื่นชมเขาก็ที่เข้มแข็งขนาดนี้ ดิฉันมีประสบการณ์เกี่ยวกับการรักเพื่อนค่ะ จึงเข้าใจหัวอกน้องเหมออย่างถ่องแท้เลยว่า ห้วงอารมณ์นั้นมันเจ็บปวดขนาดไหน แม้เรื่องราวนั้นจะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ก็เปลี่ยนให้ดิฉันกลายเป็นคนเงียบและไม่ค่อยพูดกว่าเดิม (นี่ขนาดไม่ค่อยพูดนะ เอ่อ...) ดังนั้นจึงขอปรบมือให้หัวใจแกร่งของน้องเหมอด้วยค่ะ อีกอย่างหนึ่ง เหมอคงเป็นเหมอไปไม่ได้ หากขาดครอบครัวอันแสนอบอุ่น ทั้งคุณหญิงแม่ ท่านนายพลพ่อ และพี่สมัย ชอบครอบครัวนี้มาก อ่านแล้วต้องยิ้มตาม
ตัวละครอีกตัวที่ไม่กล่าวถึงเลยไม่ได้ คือเพนกวิ้น เขาอาจเป็นแค่ตัวละคร side kick แต่ดิฉันว่า กวิ้นสำคัญสำหรับทั้งเสมอแล้วก็ชนะ เพราะไม่มีกวิ้น สองคนก็คงไม่มาถึงจุดนี้ ดิฉันเอ็นดูกวิ้นมาก เหมือนน้องชายน่ารักๆ ที่อ่อนต่อโลก (อืม นะ) อยากให้เสมอตบหัวกวิ้นน้อยกว่านี้ เดี๋ยวสมองไหลหมด ...รักเพนกวิ้นนะจ๊ะลูก
สุดท้าย อยากบอกผู้เขียนว่า เรื่องนี้ไม่ใสเลยค่ะ หน่วงทั้งเรื่อง ไม่ว่าผู้เขียนจะ keep reminding คนอ่านว่ามันใสอย่างไร ก็ไม่อาจทำให้คนอ่านเชื่อได้สนิทใจ อารมณ์ตอนอ่านเรื่องนี้นั้น อุปมาเหมือนกับยืนอยู่ริมหน้าผา แล้วคนเขียนจับมือคนอ่านไว้ พลางบอก, พร้อมหน้ายิ้มแย้ม, ว่า “ฉันจะไม่ปล่อยมือเธอแน่ๆ” ทั้งที่เห็นๆ อยู่ว่า ขาคนอ่านก้าวออกไปจากริมหน้าผาแล้วหนึ่งขา ลมก็แรงจนแทบปลิว และมือคนอ่านก็เหนียวด้วยเหงื่อ...จะหลุดมิหลุดแหล่... ค่ะ...อยากจะบอกว่า อ่านแล้วลุ้นตลอด ไม่ได้หยุดพักเลย แม้แต่ตอนหวานก็ยังลุ้น ว่าจะหวานจริงๆ ไหม ประมาณ นี่พวกเอ็งหวานจริงๆ แล้วนะ จริงๆ อ้ะ? (ฮา)
ขอบคุณผู้เขียนมากๆ ค่ะ ตอนหน้าจะจิบไวน์ไปอ่านไป ขออย่าทำให้ดิฉันอ่านไปแล้วไวน์พุ่งนะคะ งือ
ขอบคุณค่ะ
ปล. อย่าว่านะคะ มันเป็นคอมเม้นท์ที่ยาวจริงๆ