บทพิเศษ
เรื่องของเด็กๆ
ลมทะเลพัดมาเบาๆ ช่วยบรรเทาความร้อนของอากาศที่อุณหภูมิสูงจนแทบจะไปแตะ 40 องศาเซลเซียสแล้ว ภาพของเด็กน้อยวัย 7 ขวบสองพี่น้องฝาแฝดที่กำลังวิ่งไล่กันด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกัน เด็กชายผู้พี่กำลังวิ่งหนีด้วยความสนุกที่ได้แกล้งน้องสาวฝาแฝดของตัวเอง ส่วนแฝดผู้น้องกำลังวิ่งตามด้วยความโมโห
“ไอ้พี่อั๋นหยุดเดี๋ยวนี้นะ”เสียงเด็กหญิงที่พูดด้วยสำเนียงที่แปร่งๆ ไปนิดหน่อยเพราะการไปใช้ชีวิตในต่างแดนได้กว่า 3 ปีแล้ว เด็กหญิงหยุดวิ่งเมื่อรับรู้ได้ว่าตัวเองวิ่งตามผู้เป็นพี่ไม่ทันแล้ว ใบหน้าแดงก่ำที่เป็นผลพวงจากทั้งอุณหภูมิที่ร้อนระอุ บวกกับความโกรธที่พุ่งขึ้นแทบจะร้อนกว่าอากาศแล้ว เด็กหญิงหันหลังกลับเดินไปหาผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่กับชายหนุ่มอีกคน
“อาแฟ้มอั๋นแกล้งอิ๋งอีกแล้ว”ทั้งที่ในทีแรกกะว่าจะมาอ้อนพ่อตัวเอง แต่พอประเมินสถานการณ์ดูแล้ว อ้อนคนรักของพ่อจะได้ผลกว่า เธอเรียนรู้จากทุกครั้งที่ได้เจอคุณอาผู้ใจดี ผู้ที่เธอคิดว่าคงมีเหตุผลอีกหลายอย่างที่เด็กอย่างเธอไม่เข้าใจในความสัมพันธ์ ของพ่อ แม่และ อาแฟ้มคนนี้ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่กีดกันอะไร เพราะทราบดีว่าพ่อกับแม่ของเธอเองก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันมานานแล้ว ใครที่พ่อหรือแม่ของเธอรัก เด็กหญิงคนนี้ก็พร้อมจะรักไปด้วยเช่นกัน
“งั้นทำโทษอั๋นยังไงดีน้า ตัดโควต้าบาบีคิวเย็นนี้ดีไหม”ชายหนุ่มในวัย 30 ต้นๆ เจ้าของชื่อแฟ้มบอกพร้อมลูบหัวเด็กหญิงด้วยความเอ็นดู สายตามองด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกับผู้เป็นพ่อของอิ๋งเลย แต่ผู้เป็นพ่อจะมีความหมั่นไส้ลูกสาวตัวเองอยู่หน่อยๆ
“เราไปแกล้งพี่เค้าก่อนไม่ใช่เหรอยัยตัวแสบ แฟ้มเองก็ด้วยอย่าให้ท้ายกันนักเลย เดี๋ยวก็ได้นิสัยเสียกันพอดี”โอเล่พ่อของอั๋นและอิ๋ง เอ่ยกับคนรักอย่างไม่ได้จริงจังนักเพราะรู้ดีว่าคนรักของตัวเองก็ไม่ได้จะตามใจลูกตัวเองมากนัก แต่แค่เพียงเตือนแกมหยอกไปเพียงเท่านั้น
ด้านเด็กชายแฝดผู้พี่พอวิ่งไปและรู้ว่าน้องสาวไม่ได้ตามแล้วก็เปลี่ยนเป็นเดินเล่นไปตามแนวคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง สายตาของเค้าก็มองไปเห็นภาพของเด็กผู้ชาย 2 คนที่เล่นกันอยู่ไม่ไกล หนึ่งคนหน้าตาออกไปทางตะวันตกแต่ก็ยังมีความเป็นเอเชียผสมอยู่บ้างเล็กน้อย อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าของสายตาที่กำลังมองอยู่ ส่วนเด็กน้อยอีก 1 คนอายุน่าจะประมาณสัก 3 ขวบ จากที่ดูแม้ทั้งคู่จะสนิทสนมเล่นหัวเราะด้วยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็คงไม่ใช่พี่น้องกันอย่างแน่นอน เพราะคนโตดูหน้าออกไปทางฝรั่งขนาดนั้น ส่วนคนเล็กที่น่าจะเด็กไทยนั่น ดูร่าเริงจนน่าหมั่นไส้ในความคิดของอั๋น
“พี่แอช”คนตัวเล็กร้องเรียกพี่ชายตัวโตที่หันหลังให้กับผู้มาใหม่ เพราะตอนนี้ผู้มาใหม่อย่างอั๋นได้ลงมือ ไม่สิ เรียกว่าลงเท้าน่าจะถูกกว่า อั๋นเตะปราสาททรายที่คนตัวเล็กร่วมกันก่อกับพี่แอช หรือแอชตั้นของเค้า เสียพังไม่มีชิ้นดี แถมคนที่มาพังยังทำหน้ากวนอย่างไม่รู้สึกผิดอีกด้วย
คนตัวเล็กทำท่าเหมือนจะร้องไห้เมื่อเห็นผลงานที่ตัวเองสร้างขึ้นถูกทำลายลงต่อหน้าต่อตา และเมื่อแอชตั้นเห็นน้องน้อยสุดที่รักเสียใจขนาดนั้นก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า ก้าวเข้าไปหาคนหน้ากวนที่ยังยืนเป็นท้องไม่รู้ร้อน
“ขอโทษน้องชาร์ลเดี๋ยวนี้”แอชตั้นกระชากคอเสื้ออั๋น ด้วยท่าทางเอาเรื่อง แม้จะพยายามทำเสียงเข้มแล้ว แต่ฝั่งอั๋นเองกลับยังรู้สึกขบขันในน้ำเสียง เพราะแอชตั้นเองก็เกิดและเติบโตที่ต่างประเทศ มีโอกาสมาอยู่เมืองไทยก็แค่ช่วงเวลาไม่นาน แอชตั้นยังคงจ้องมองอั๋นด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
“ทำไมต้องขอโทษ ไม่ได้ทำผิดไรเสียหน่อย”อั๋นที่ไม่ได้รู้สึกกลัวอีกฝ่าย เพราะขนาดตัวที่ไม่ได้ต่างกันมากนะ แม้น้ำเสียงที่บอกออกไปจะไม่ค่อยชัดด้วยสาเหตุเดียวกะน้องสาวฝาแฝด แต่น้ำเสียงของอั๋นก็ยังแฝงไปด้วยความกวน และท้าทาย
“พี่แอช อย่ามีเรื่องพ่อตี้บอกว่าคนต่อยตีนิสัยไม่ดี เราอย่ายุ่งกับคนเกเร”เด็กน้อยผู้หลบอยู่หลังแอชตั้นกระตุกชายเสื้อผู้เป็นพี่ ทำให้แอชตั้นคลายมือที่ดึงคอเสื้ออั๋นออกอย่างไม่ค่อยเต็มใจ แอชตั้นหันไปหาเด็กชายตัวเล็ก ปัดเศษทรายที่ติดตามตัวผู้เป็นน้อง ก่อนจะจูงมือน้องชายตัวเล็กมุ่งกลับโรงแรม โดยไม่สนใจอั๋นที่ยังยืนงงๆ กับสถานการณ์
“ป๊อดนี่หว่า”อั๋นยืนกอดอก ตะโกนไล่หลังทั้งคู่ด้วยอารมณ์อยากหาเรื่อง แม้เจ้าตัวจะยังไม่เข้าใจว่าตัวเองจะทำไปทำไม แต่ก็ยังรู้สึกว่ายังอยากแกล้งเจ้าตัวเล็กนั่น ยังไม่อยากให้เดินจากไปแบบนี้ ทั้งแอชตั้นและชาร์ลต่างหยุดเดินและหันกลับมามองอั๋นด้วยสายตาที่ไม่พอใจในสิ่งที่ได้ยิน
เป็นคนตัวเล็กสุดที่ดึงข้อมมือน้อยๆ ของตัวเองจากพี่แอชของเค้า ก่อนจะเดินย้อนไปหาอั๋น ทั้งอั๋นและแอชตั้นต่างมองด้วยความไม่เข้าใจว่าเจ้าตัวเล็กจะทำอะไร แล้วด้วยความที่งงๆ อยู่นั้นทำให้อั๋นไม่ทันระวังตัว
“ไอ้คนเกเร”พอเดินเข้าไปในจุดที่ใกล้พอแล้วเจ้าตัวเล็กก็ใช้มือเล็กๆ ของตัวเองกำทรายเต็มสองมืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะเล็งและขว้างไปที่หน้าของอั๋น ซึ่งฝีมือของเจ้าตัวเล็กก็ดีเสียด้วย ทรายโดนหน้าอั๋นเต็มๆ เข้าทั้งปาก ทั้งจมูก ทั้งตา แถมขว้างเสร็จเจ้าตัวเล็กก็วิ่งปรู๊ดหนีไปเลย ไม่สนใจแม้แต่พี่แอชของตัวเองที่ยืนหัวเราะกับเหตุการณ์ตรงหน้า
“ไอ้เปี๊ยก ไอ้ตัวแสบ”อั๋นรีบขยี้ตาเตรียมจะวิ่งตามเจ้าตัวเล็กด้วยความโมโห
“จะไปไหน”แอชตั้นยืนขวางอีกคนไว้ไม่ให้ตามเจ้าตัวเล็กไป แม้แอชตั้นจะรู้สึกว่าเจ้าตัวเล็กมีส่วนผิดอยู่บ้างที่ทำแบบนี้ แต่ไอ้คนที่โดนนี่ก็เข้ามาหาเรื่องพวกเค้าก่อน ทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักกันด้วยซ้ำ
“ปล่อยสิวะไอ้ฝรั่ง”อั๋นผลักคนที่ขวางไว้อย่างไม่สบอารมณ์ แต่เหมือนอีกฝ่ายก็ไม่ยอม ต่างฝ่ายต่างผลัก ขวางกันไปมา จนในที่สุดอั๋นก็เป็นฝ่ายที่หมดความอดทนก่อน ปล่อยหมัดใส่แอชตั้น จนเซถอยหลังไป ฝ่ายแอชตั้นเมื่อตั้งหลักได้ก็สวนคืน แล้วทั้งคู่ก็แลกหมัดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ซึ่งเหตุการณ์ตะลุมบอนของเด็กชายทั้งคู่นั้น ผู้เป็นพ่อของอั๋นสังเกตเห็นแล้ว รวมทั้งปาร์ตี้พ่อสุดที่รักของชาร์ล ที่ชาร์ลไปตามมาช่วยพี่แอชของเค้าด้วย
“อั๋นหยุด/แอชตั้นหยุดลูก”ผู้ใหญ่สองคนต่างวิ่งมาแยกเด็กในปกครองของตัวเองออกจากกัน สภาพของเด็กทั้งคู่ตอนนี้สะบักสะบอมไม่แพ้กันเลย ทั้งอั๋นและแอชตั้นยังคงมองหน้ากันด้วยความแค้นเคือง
“ไปทำแผลที่ลอบบี้ก่อนดีกว่านะครับ”ปาร์ตี้เป็นคนเสนอความเห็นให้แก่อีกฝ่ายเพราะจำได้ว่าคู่กรณีเป็นแขกในโรงแรมของพวกเค้า
ไม่นานทั้งหมดก็มารวมตัวกันที่ลอบบี้ของโรงแรม ทั้งฝั่งของอั๋น ที่ประกอบด้วย อิ๋ง น้องสาวฝาแฝดของเค้า รวมทั้งพ่อและคนรักของพ่อ ส่วนฝั่งของแอชตั้นตอนนี้นอกจากลุงปาร์ตี้พ่อของชาร์ล เจ้าตัวเล็กชาร์ล ก็ยังมีพี่ชายฝาแฝดของชาร์ล นั่นคือปอร์โต้อีกคน ผู้ปกครองทั้ง 3 ต่างช่วยกันทำแผลให้เด็กทั้งสอง ที่ตอนนี้ถูกจับให้นั่งข้างกัน
“สมน้ำหน้า”อิ๋งทำปากพูดแบบไม่มีเสียง พร้อมเบ้ปากใส่พี่ชายฝาแฝด อั๋นเองแม้จะไม่ชอบใจแต่ก็ทำได้เพียงส่งสายตาเคืองๆ กลับไปแค่นั้น เจ้าตัวรู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองเป็นคนผิดที่เข้าไปหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน แต่จะให้ยอมรับง่ายๆ ก็เสียฟอร์มแย่ เค้ารู้ดีว่าหลังทำแผลเสร็จ พวกผู้ใหญ่ต้องสอบสวนเค้าและไอ้ฝรั่งข้างๆ นี่แน่ๆ ว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน
“พี่ชื่อไรอ่ะ เก่งมากเลยที่สู้พี่แอชได้ นี่โต้อยากโตเร็วๆ บ้างจะได้สู้พี่แอชบ้าง ตอนนี้โต้แพ้พี่แอชตลอดเลย”เหมือนปอร์โต้จะไม่สนใจความบาดหมางระหว่างอั๋นและแอชตั้นที่เพิ่งเกิดขึ้น เพราะเข้าไปทักทายอีกคนที่ยังไม่ได้รู้จักอย่างชื่นผม สร้างรอยยิ้มให้บรรดาผู้ใหญ่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
“พี่โต้มานี่”เจ้าตัวเล็กร้องเรียกพี่ชายตัวเอง แม้ทั้งคู่จะเป็นแฝดกัน แต่ก็เป็นแฝดที่เกิดจากไข่คนละใบทำให้ทั้งรูปร่างหน้าตา นิสัยเรียกว่าต่างกันแทบทุกอย่าง ปอร์โต้ไม่ได้สนใจเสียงเรียกของน้องชาย แต่เค้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าอิ๋ง เด็กหญิงรุ่นพี่อีกคน
“ทำไมเป็นเป็นผู้หญิง”คำถามของปอร์โต้ทำเอาผู้ใหญ่ทั้งสามคนมองหน้ากันงงๆ ก่อนจะขำกันออกมาเล็กน้อยด้วยความเอ็นดู แต่ปอร์โต้ก็แค่สงสัยว่าทุกคนเป็นผู้ชายหมด แล้วคนๆ นี้ทำไมถึงเป็นผู้หญิง ตั้งแต่เกิดมาผู้หญิงคนเดียวที่ปอร์โต้คุ้นเคยที่สุดก็คงมีแต่คุณย่าของเค้าทำให้ปอร์โต้ที่ได้เจอเด็กผู้หญิงใกล้ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกดูจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อยทีเดียว
“ก็สวยไงเลยต้องเป็นผู้หญิง มีอะไรไหมเด็กอ้วน”อิ๋งตอบอย่างมั่นอกมั่นใจก่อนจะหยิกแก้มเด็กชายรุ่นน้องอย่างเอ็นดู การกระทำของเด็กทั้งคู่ช่างน่าเอ็นดูสำหรับผู้ใหญ่ที่มองอยู่
“เอาละ ทีนี้ใครจะเป็นเล่าว่าเกิดอะไรขึ้น”ปาร์ตี้เป็นคนเปิดประเด็นเสียงเรียบพร้อมมองแอชตั้น เค้ารู้ว่าแม้แอชตั้นจะดื้อไปบ้างแต่ก็มีเหตุผลพอ ที่จะไม่ไประรานใครก่อน แต่ก็ไม่ได้จะด่วนตัดสินโดยไม่ฟังความจากอีกฝั่ง แม้แอชตั้นจะไม่ใช่ลูกหลานหรือญาติแท้ๆ ของครอบครัวเค้า แต่ก็เห็นและรู้จักกับแอชตั้นมาตั้งปอร์โต้และชาร์ลยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ
ความสนิทสนมของครอบครัวปาร์ตี้กับพ่อของแอชตั้นค่อนข้างจะเกือบเป็นครอบครัวเดียวกัน การเดินทางมาที่ภูเก็ตทุกๆ ปี ของพ่อที่เลี้ยงดูแอชตั้นมา ทำให้ทั้งสองครอบครัวได้ทำความรู้จักกัน จนทำให้ลูกๆ ได้เป็นเพื่อนกัน สนิทถึงขั้นพ่อของแอชตั้นอนุญาตให้ลูกชายเดินทางมาอยู่ที่ภูเก็ตกับครอบครัวนี้เพียงลำพังได้ ในช่วงซัมเมอร์แบบนี้
“ผมดึงคอเสื้อเค้าก่อนครับ”แอชตั้นบอกอย่างสำนึกผิด เพราะก่อนมานี่เค้ารับปากกับพ่อไว้แล้วว่าจะไม่ก่อเรื่องให้ลุงตี้กับลุงแว่นวุ่นวาย แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องจนได้ แม้จะคิดว่าเค้าเองไม่ได้ผิดมากแต่ก็คงผิดที่ต่อยอีกคนกลับ หลังจากที่โดนต่อยก่อน
“งั้นแสดงว่าอั๋น เราเป็นคนต่อยเค้าก่อนถูกไหม”โอเล่ผู้เป็นพ่อถามอย่างรู้ทันลูกชายตัวเองที่ยังคงนั่งเงียบ อั๋นเองก็ไม่สามารถปฏิเสธพ่อตัวเองได้ เพราะเค้าคือคนที่เปิดฉากปล่อยหมัดก่อนจริงๆ แต่ที่ทำไปเพราะไอ้ฝรั่งนี่มาขวางไม่ให้เค้าตามเจ้าตัวแสบนั่น
“ก็ฝรั่งมาขวางอั๋น ไม่ให้ตามเจ้าแสบนั่น”อั๋นชี้ไปที่ชาร์ล ซึ่งทำตัวลุกลี้ลุกลน กลัวจะโดนดุที่เป็นคนขว้างทรายเข้าตาพี่ชายเกเรในความคิดของเจ้าตัวแสบ และเหมือนสวรรค์จะเป็นใจให้เจ้าตัวแสบ เค้ามองเห็นคนที่จะช่วยเค้าแล้ว ขาสั้นๆ นั้นรีบวิ่งไปหาอีกคนที่กำลังเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“พ่อชาร์ปอุ้ม”เด็กน้อยไม่สนใจทุกคนที่นั่งค้นหาต้นตอของการทะเลาะกัน วิ่งหาพ่ออีกคนของเค้าหวังให้ช่วยเป็นเกราะกำบังไม่ให้โดนดุ ชาร์ลรู้ดีว่าพ่อตี้ของเค้าใจดีเสมอเวลาเค้าทำตัวเป็นเด็กดี แต่เวลาทำความผิด คนที่จะช่วยเค้าได้ก็มีแต่พ่อแว่นของเค้านี่แหละครับ
“โอเคผมว่าผมพอจะรู้แล้วว่าสาเหตุ น่าจะมาจากเจ้าตัวแสบที่วิ่งหนีไปนั่น”ปาร์ตี้เอ่ยออกมาพร้อมชี้ไปที่ลูกชายตัวเล็กที่เพิ่งวิ่งหนีไป
“ตัวแสบของเราไปสร้างเรื่องอะไรหรือเปล่า อ้าวแอชไปทำอะไรมาละนั่น”ชาร์ปหรือพ่อแว่นของทั้งปอร์โต้และชาร์ล อุ้มลูกชายคนเล็กกลับเข้ามาอย่างแปลกใจ สุดท้ายแอชตั้นก็เป็นคนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ผู้ใหญ่ทั้ง 4 คนฟัง รวมทั้งวีรกรรมของเจ้าตัวแสบด้วย
“พี่ชายเกเรมาเตะกองทรายของชาร์ลก่อน ไม่งั้นชาร์ลไม่ทำหรอก”เจ้าตัวแสบบอกพร้อมหน้างอๆ ในใจก็รู้สึกไม่ถูกชะตากับไอ้พี่ชายเกเรนี่เลย
ผู้ใหญ่ทั้ง 4 คนได้แต่มองลูกๆ ตัวเองด้วยความเอ็นดู แต่ก็รู้ว่าต้องสอนให้เด็กๆ เรียนรู้การให้อภัย รวมถึงไม่ใช้กำลังแก้ปัญหา และที่ขาดไม่ได้คือมิตรภาพ แอชตั้นและอั๋นถูกให้กอดคอสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนกัน ส่วนปอร์โต้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแต่อยากสนิทกับทุกคน รวมถึงพี่สาวหนึ่งเดียว ที่เค้าได้รู้จักวันนี้ด้วยก็เข้าไปจะจับมือกอดคอกับทุกคน
จะมีก็แต่ชาร์ลีน้อยที่ยอมเปิดปากขอโทษ แต่ก็ยังคิดว่าไม่อยากญาติดีกับไอ้พี่อั๋นนี่อยู่ดี เจ้าตัวเล็กคิดว่าเค้ามีพี่แอชตั้นคนเดียวก็พอแล้ว
ตกเย็นทั้งสองครอบครัวได้สังสรรค์ร่วมกันที่ชายหาด เป็นปาร์ตี้บาร์บีคิวเล็กๆ ผู้ใหญ่ทั้ง 4 พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติ เรื่องราวต่างๆ อย่างออกรสออกชาด ส่วนเด็กๆ ทั้ง 5 นั่งล้อมวงกินบาร์บีคิวกันอย่างเอร็ดอร่อย ต่างแย่งกันชิมน้ำหวานหลากสีสันอย่างสนุกสนาน ด้วยความที่เวลาปกติ เด็กๆ มักถูกห้ามไม่ให้กินน้ำหวานมากเกินไปนัก แต่วันนี้เป็นวันที่เด็กๆ ได้รับอนุญาตให้กินได้ตามใจชอบ
“พี่อิ๋งมีแฟนรึยังฮ่ะ”เด็กชายตัวกลมเอ่ยถามเด็กหญิงรุ่นพี่อย่างแก่แดดตามที่เคยเห็นผ่านๆ ในจอทีวี เพราะรู้สึกอยากมีแฟนแบบนั้น ทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจเสียด้วยซ้ำว่าคำว่าแฟนมันคืออะไร
“โตก่อนค่อยมาถามนะน้องอ้วน”เด็กหญิงรุ่นพี่บอกพร้อมดึงมือไปหยิกแก้มน้องชายตัวอ้วนอย่างหมั่นเขี้ยว ด้านอั๋นที่พยายามอยากคุยกับเจ้าตัวแสบโดยมีแอชตั้นช่วยอีกแรงก็ดูจะไม่เป็นผล เจ้าตัวแสบก็ยังคุยด้วยอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
“เปี๊ยกเคยนั่งเครื่องบินป่าว”อั๋นพยายามจะชวนคุยในสิ่งที่คิดว่าตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่าย แต่ก็ยังพูดด้วยฟอร์มที่ยังกวนๆ อยู่
“ก็เคย ถามไมอ่ะ”ตามความคิดของอั๋นนึกว่าเจ้าตัวเล็กจะอยู่แค่ที่ภูเก็ตนี่ ไม่เหมือนตัวเองที่ต้องบินไปต่างประเทศด้วย นึกว่าจะได้อวดคนตัวเล็กให้สนใจเรื่องที่ตัวเองพูดบ้าง แต่ก็ไม่สำเร็จ ดูแล้วในโลกของเจ้าเปี๊ยกนี่มีแต่พี่แอชตั้น จนอั๋นเริ่มจะหมั่นไส้ขึ้นมาอีก คราวนี้ไม่ว่าเจ้าตัวเล็กจะคุยอะไรกับแอชตั้น อั๋นจะคอยขัดตลอด
หลังจากวันนั้นเด็กๆ ก็ได้เจอกันอีกหลายครั้ง ณ ที่แห่งนี้ มิตรภาพความเป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้ง 5 คน แม้จะมีไม้เบื่อไม้เมาในกลุ่มอย่าง อั๋นและชาร์ล แต่เค้าทั้ง 5 ก็รักกันดี ต่างตกลงเป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน แม้ระยะทางจะทำให้ทั้งหมดต้องอยู่ห่างกันบ้าง แต่แท้จริงแล้ว ทั้งแอชตั้น อั๋น อิ๋ง นั้นก็ได้รู้หลังจากวันนั้นว่าทั้ง 3 พักอาศัยอยู่ในละแวกเดี๋ยวกัน นั่นทำให้ ทั้ง 3 สนิทกันอย่างรวดเร็ว จนอั๋นและแอชตั้นเติบโตมาเป็นเพื่อนรักกัน
“ว่าไงตัวแสบ เตรียมตัวพร้อมยัง”แอชตั้นทักทายน้องชายต่างสายเลือดผ่านหน้าจออย่างเอ็นดู เค้ารู้จักคนตรงหน้าตั้งแต่ยังแบเบาะ จนตอนนี้น้องชายตัวน้อยของเค้าอายุ 16 แล้ว และกำลังทำเรื่องย้ายมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศกับเค้า น้องชายที่อยากตามมาตั้งนาน แต่คุณพ่อทั้งสองก็ห่วงลูกชายจนไม่ยอมปล่อยมาสักที
“คิดถึงพี่แอชจังเลย เสียดายพ่อน่าจะยอมให้ไปตั้งนานแล้วจะได้เรียนโรงเรียนเดียวกัน แต่นี่พี่แอชก็เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว เสียดายเนอะ”ชาร์ลบอกเสียงอ่อยๆ เค้าเป็นเด็กกระตือรือร้นที่อยากเจออะไรใหม่ๆ เลยอยากไปเรียนต่างประเทศ แต่ผู้เป็นพ่อกลับไม่อยากให้ลูกไปอยู่ไกลตัว เลยยอมแค่ให้ไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แล้วในระดับอุดมศึกษา หรือตอนเรียนมหาวิทยาลัยค่อยให้ไปเรียนได้เต็มตัว ถ้ายังต้องการอยู่
“ไอ้แอชคุยกับแฟนอีกแล้วเหรอ”ภาพอีกคนที่ปรากฏบนจอคอมพิวเตอร์ ทำให้ชาร์ลต้องเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ พี่ชายอีกคนที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเค้า แม้ไม่ถึงขนาดกับเกลียดกัน แต่ชาร์ลก็ไม่ค่อยชอบการกวนประสาทของอีกฝ่ายมากนัก โดยเฉพาะการแซวว่าเค้ากับพี่แอชเป็นแฟนกันนี่แหละ แม้เค้าจะรักพี่แอชมากแต่ก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่ในแบบนั้นแน่นอน
“ไอ้เชี่ยพี่อั๋น หวัดดีจะไปไหนก็ไป เกะกะลูกตา”แม้เค้าจะอายุน้อยกว่าอีกฝ่ายหลายปี แต่คนทำตัวแบบไอ้พี่อั๋นก็ไม่ได้มีอะไรให้น่าเคารพมากนักหรอก
“อ้าวเปี๊ยก พูดจาแบบนี้เดี๋ยวมาถึงจะจับตีตูดเสียให้เข็ด”ชาร์ลส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ ไม่ตอบโต้อะไรอีก เค้าได้เรียนรู้แล้วว่าการจะตัดบทกับพี่ชายจอมกวนได้คือต้องเงียบและไม่ตอบโต้ใดๆ เดียวอีกฝ่ายจะรามือไปเอง แต่บ่อยครั้งที่เป็นเค้าเองที่อดจะต่อปากต่อคำไม่ได้
“โตแล้ว ใครจะไปยอมพี่ละไอ้เชี่ยพี่อั๋น”เป็นอีกครั้งที่เค้าเผลอพึมพำออกมาจนอั๋นคิดว่าเป็นการต่อปากต่อคำกับพี่ชายสุดกวนอย่างเค้า
“บอกตั้งกี่ครั้งแล้วเปี๊ยกว่าให้เรียก โอลิเวอร์ มาเรียกอั๋นอะไรเช้ยเชย”นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ชาร์ลรู้สึกหมั่นไส้ ก็พอเข้าใจว่าการใช้ชีวิตในต่างประเทศ อาจต้องมีชื่อที่ให้เพื่อนๆ เรียกได้ง่ายๆ แต่กับเค้าที่รู้จักและคุ้นเคยกับชื่อนี้ ยังจะมาบังคับให้เรียกแบบนี้อีก
“หน้าตาก็ไม่ได้ฝรั่งสักนิด ทำมาเป็นให้เรียกชื่อฝรั่ง”คนตัวเล็กทำแลบลิ้นปลิ้นตากวนอีกฝ่ายเพราะรู้ว่าอีกคนคงทำอะไรเค้าไม่ได้อยู่แล้ว อั๋น หรือตอนนี้ ใครๆ ที่รู้จักต่างก็เรียกว่าโอลิเวอร์ อยากจะยื่นมือเข้าไปในจอแล้วบิดแก้มอีกคนให้หายหมั่นเขี้ยวเสียให้ได้ แต่ก็เพียงคิดได้ในใจ กะว่าเจ้าเด็กแสบนี่มาเมื่อไหร่ได้โดนดีแน่ๆ
“จะไปไหนก็ไปสักทีสิวะ ไอ้โอลิเวอรรร์”แอชตั้นผลักเพื่อนสนิทออกอย่างรำคาญพร้อมแกล้งทำเสียงเรียกชื่ออย่างจงใจเน้นคำเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ตัว อั๋นยอมหลบออกจากหน้าจอ แต่ก็ชี้หน้าจอคาดโทษอีกคนว่าถ้าเจอกันต้องโดนดีแน่ๆ
ทั้งแอชตั้นและชาร์ลอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มดีใจของอีกคนที่เดิน ออกจากห้องมา รอยยิ้มที่เจ้าตัวเองก็อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ายิ้มกว้างขนาดไหน เค้ารู้ตัวว่าตัวเองไม่ใช่พี่ชายคนโปรดของน้อง เหมือนอย่างแอชตั้น นั่นทำให้เค้าได้แต่คอยปากเสีย และพูดจากวนประสาทแทรกไปเวลาสองพี่น้องนั่นคุยกัน แต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะเอ็นดู แล้วน้องก็น่าแกล้งน้อยเสียเมื่อไหร่
“เดี๋ยวเจอกันนะไอ้เปี๊ยก”
END
แวะเอาบทพิเเศษที่เคยแต่งไว้มาลง
จริงๆ มันเป็นโครงการที่เคยตั้งใจเอาไว้ว่าจะดึงตัวละครรุ่นลูกๆ จากแต่ละเรื่องมาแต่งเป็นเรื่องยาว
แต่ยังไม่มีเวลา เลยตัดมาได้แค่สั้นๆ เหมือนเป็นบทนำเกริ่นไว้ก่อน ไว้เคลียร์เรื่องที่ค้างๆ อยู่ จบเมื่อไหร่ก็จะหยิบมาแต่งต่อ
ส่วนตัวละครรุ่นลูกที่จะหยิบมาใช้ก็จะมี
อั๋น/อิ๋ง สองพี่น้องฝาแฝดลูกๆ ของโอเล่ จากเรื่อง ระหว่างเราคือ...??? เรื่องนี้
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44196.0
นอกจากนี้สองแฝดก็เคยไปป่วนในตอนจบของเรื่อง (ไม่)รักได้ไง มาด้วย
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44195.0
ชาร์ล/ปอร์โต้ ลูกชายฝาแฝดของชาร์ปกับปาร์ตี้ จาก ผิดที่ใคร?
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54094.0
แล้วก็สุดท้ายคือแอชตั้น ลูกชายที่ ข้าวฟ่างเลี้ยงดูมา จากเรื่อง พี่น้องข้าว
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60918.0
ถ้าใครอยากรู้ที่มาที่ไปของเด็กๆ แต่ละคนก็ลองอ่านเรื่องเก่าๆ ดูได้ครับ