^__^ Love Devil^__^
รักร้ายเทพอสูร
ตอนที่ 6 คนตัวหอม ศิลากับประภาสเดินทางขึ้นเหนือมาสมทบกับระพี น้องเล็กของบ้านเดินทางมารับพี่ทั้งสองที่สนามบินนานาชาติเชียงรายด้วยตนเอง ก่อนจะพาพี่ๆทั้งสองไปพบกับบุคคลสำคัญผู้หนึ่ง
‘ครูบาเจ้าธรรมจักร’* คือ บุคคลที่ประมุขแห่งตระกูลศรลักฉกรณ์ต้องการเข้าพบมากที่สุด ครูบาเจ้าธรรมจักรไปจำศีลตามถ้ำในป่า บางครั้ง 3 เดือน บางครั้ง 6 เดือน บางครั้งก็เป็นปีๆดังเช่นครั้งนี้ที่ท่านเข้าไปจำศีลในถ้ำแห่งหนึ่งที่จังหวัดน่านเป็นเวลาปีกว่า ท่านถึงจะออกมาและเดินทางขึ้นเชียงรายทันที
ใหญ่ให้เล็กตามครูบาเจ้าธรรมจักรมาโดยตลอด ด้วยเหตุผลว่าอยากพบครูบาเจ้าองค์นี้สักครั้ง เพราะเล็กเป็นคนชอบวัตถุมงคลมาก เขาจะรู้เรื่องและรู้จักคนในแวดวงพระเครื่องและวัตถุมงคลไปทั่ว แต่ถึงจะให้เล็กช่วยงานด้านนี้ เล็กก็กลับเป็นคนหนึ่งที่ใหญ่ไม่ได้ต้องการให้รู้เรื่องของหีบสมบัตินิลกาฬ
บ้านที่ครูบาเจ้าธรรมจักรพำนักที่เชียงราย เป็นบ้านที่เหล่าลูกศิษย์ลูกหาจัดสร้างให้ เป็นบ้านไม้สักสวยงามแบบล้านนา
เมื่อคณะของตระกูลศรลักฉกรณ์มาถึงทุกคนก็ไปกราบครูบาเจ้าพร้อมกัน ร่วมสนทนาและฟังธรรมกัน ก่อนที่ประมุขของบ้านจะขอกราบท่านเป็นการส่วนตัว
“กระผมมีเรื่องทุกข์ร้อนใจอยากจะขอให้พระคุณเจ้าช่วยครับ” ใหญ่เข้าเรื่องทันที
“หากเป็นเรื่องคนในปกครองของโยม อาตมาบอกโยมได้เพียงว่า...คนๆนั้นจะมาเอง โยมไม่ต้องไปตามหาหรอก เขาจะมาเอง”
“มาเองหรือครับ?” ใหญ่ถาม
แม้ใหญ่จะแปลกใจไม่น้อยที่ครูบาเจ้าธรรมจักรรู้ว่าเขาจะขอคุยด้วยเรื่องอะไร แต่ใหญ่ก็มีสติดีพอที่จะถามในเรื่องที่สำคัญก่อน
“ใช่” ครูบาเจ้าธรรมจักรตอบรับอย่างสงบ
“เอ่อ...แล้วพระคุณเจ้าพอทราบมั้ยครับ ว่าคนๆนั้นเป็นใคร”
“......” ครูบาเจ้าเงียบไปสักพัก ก่อนจะหยิบกระดาษปากกามาจดข้อความบางอย่างลงไป และยื่นส่งให้กับประมุขแห่งตระกูลศรลักฉกรณ์ ใหญ่กราบก่อนจะรับกระดาษแผ่นนั้นมา หากพออ่านดูแล้วเขาก็ไม่อาจเข้าใจข้อความนั้นได้ ข้อความที่เป็นตัวอักษรสั้นๆเหมือนกาพย์กลอนแต่มีเพียงสี่ประโยคในหนึ่งบรรทัด
“...อาตมาบอกได้แค่นี้ล่ะโยม” ครูบาเจ้าเอ่ยอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้าของประมุขแห่งตระกูลศรลักฉกรณ์
“ครับ ขอบพระคุณครับ” ใหญ่กล่าวก่อนกราบลงสามครั้ง
‘ไร้กาย ไร้ชีวัน จิตผูกพัน นิรันดร์กาล’
..............................................................
เบญเดินออกมารับลมทะเลที่ชายหาด มีเพื่อนร่วมคณะและต่างคณะประปราย อาจเพราะเป็นช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ แสงแดดแรงเลยไม่มีใครอยากออกมา และหลายคนก็เลือกที่จะพักผ่อนอยู่กับห้องพักเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง จึงเลือกเก็บแรงไว้ตอนทำกิจกรรมทีเดียว
ชายหาดที่เขากำลังเดินอยู่นั้นสีออกขาวครีม ในส่วนที่ถูกคลื่นน้ำทะเลซัดมาเปียกจะกลายเป็นสีเทาอ่อนๆ จากที่เดินอยู่ขอบๆแนวต้นมะพร้าวไม่รู้อะไรดลใจให้เบญอยากเดินลุยน้ำทะเล เดินลุยน้ำไปเรื่อยๆ จากที่มีผู้คนประปรายตอนนี้ก็แทบจะไร้ผู้คนแล้ว เห็นอยู่แต่ไกลๆ
ชายหาดแถบนี้เป็นหาดของรีสอร์ท ที่กลุ่มนักศึกษาติดต่อเข้ามาพักเพื่อทำกิจกรรมโดยเฉพาะ อีกทั้งยังติดกับหาดส่วนตัวของพวกเศรษฐีด้วย จึงเป็นชายหาดที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการมากนัก
หนึ่งในนั้นก็มีหาดส่วนตัวของ ‘น้อย’ เศรษฐีนีสาววัยทำงานเพิ่งอกหักจากแฟนหนุ่มที่คบกันมาถึงแปดปี หล่อนจึงเลือกที่จะพาร่างกายและจิตใจที่เบาะช้ำของตัวเองมาเยี่ยวยาที่นี่ บ้านพักส่วนตัวของครอบครัวที่หาดจอมเทียน
ที่เขาพูดกันว่า...อกหักไปทะเลนั้น เมื่อก่อนน้อยก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอตัวเองอกหักสถานที่ที่คิดได้ก็คือ...ทะเล แหล่งน้ำขนาดใหญ่ สีฟ้า น้ำที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ทะเลที่ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง สดชื่น ในขนาดเดียวกันก็ให้ความรู้สึกเวิ้งว้าง อ้างว้าง หากแต่ทะเลในความรู้สึกของแต่ละคนก็แตกต่างกันออกไป และทะเลในเวลากลางวันกับกลางคืนก็ให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันด้วย
“คุณ! คุณจะทำอะไร แฮ่กๆๆ”
“......” อะ...อะไร “เอ๊ะ!” แรงดึงที่มาพร้อมกับเสียงเรียกก่อนหญิงสาวจะรู้สึกตัว
“คุณทำอะไร คุณจะฆ่าตัวตายหรอ?” เบญถามสาวสวยตรงหน้า
ดีแค่ไหนแล้วที่เขาวิ่งมารั้งไว้ทัน ระหว่างที่เบญกำลังเดินเล่นอยู่นั้นก็เห็นผู้หญิงคนนี้นั่งอยู่ที่เก้าอี้ชายหาดตัวหนึ่ง ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่อยู่ๆผู้หญิงคนนั้นก็ลุกขึ้นและเดินตรงลงน้ำเฉย เขาจะไม่คิดอะไรเลยถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่เดินลงทะเลลึกไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวเบญก็วิ่งลุยน้ำตามมาดึงหล่อนแล้ว เขารู้สึกโมโหที่คนตรงหน้าช่างไม่รักชีวิตตัวเองเอาซะเลย
“เอ๊ะ! เปล่านะ น้อยมาอยู่นี่ได้ยังไงเนี่ย” น้อยปฏิเสธก่อนจะพูดเหมือนเปรยกับตัวเอง ก้มมองดูตัวเองน้ำทะเลอยู่ระดับอกของเธอพอดี
“เปล่างั้นกลับมา!” ไม่พูดเปล่าเบญเปลี่ยนมาดึงแขนน้อยกลับเข้าฝั่งทันที
“เดี๋ยว!”
“เดี๋ยวค่อยคุย! ขึ้นฝั่งก่อน” เบญดุ
น้อยเงียบทันที ก่อนจะเดินตามที่ชายแปลกหน้าจูง เธอไม่รู้สึกตัวจริงๆว่าเธอลงน้ำมาได้ยังไง ถึงเธอจะอกหัก แต่คนอย่างเธอหรือจะฆ่าตัวตายน่ะ ไม่มีทาง ที่มาทะเลก็แค่มาพักกายพักใจสักพักเท่านั้น เมื่อความรู้สึกเสียใจบรรเทาแล้ว เธอจะกลับไป กลับไปเป็นคนใหม่ทันที
“......”
“......”
เมื่อเดินเข้าฝั่งแล้วเบญก็พาหล่อนมานั่งพักที่เก้าอี้ตัวเดิมที่หล่อนเคยนั่ง เบญไม่พูดอะไรและไม่ได้คิดที่จะถามอะไรด้วย เขาเพียงแต่มองดูสาวสวยตรงหน้าเงียบๆเท่านั้น
“...ข...ขอบคุณ” หล่อนพูด
“คุณโอเคนะ”
“อะ...อืม” น้อยตอบ เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนใจเล็กน้อย แต่เมื่อได้มองหน้าคนที่ช่วยเหลือเธอ เธอกลับรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ หายอึกอักขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เธอเพิ่งสังเกต...หนุ่มน้อยน่ารักตรงหน้าให้บรรยากาศที่แปลก น่ารัก น่าหลงใหล และสงบ ใช่...ดูเหมือนอยู่ๆความวุ่นวายใจที่มีมาทั้งหมดทั้งมวลที่เธอสะสมมาหลายวันนี้ สงบลงหมดเลยแค่เพียงได้สบกับดวงตากวางสีเทาคู่นั้น ความเศร้าใจมลายหายไปหมด น้อยยิ้ม...เธอยิ้มอย่างผ่อนคลายและสบายใจ แปลกจัง
“ขอบคุณจริงๆ พี่ชื่อน้อยนะคะ” หล่อนยิ้มบอก และคงไม่มีใครรู้หรอกว่านั่นเป็นยิ้มแรกตั้งแต่หล่อนอกหักมา
“ครับ ผมชื่อเบญ คุณ...ไม่สบายด้วยหรือเปล่า?” เบญถาม เพราะแม้คนตรงหน้าจะยิ้ม แต่ใบหน้าสวยนั้นกลับซีดเซียว
“....นั่นสิ พี่คง...ไม่สบายจริงๆ...” เธอพูดก่อนมองไปที่สุดขอบทะเล และเงียบไป
..และอีกเหตุผลที่เบญถาม เพราะคนตรงหน้าไม่น่าคิดฆ่าตัวตายจริงๆ ที่เธอเดินลงทะเลก็เหมือนจะเดินไปโดยไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ พอเจอแบบนี้ก็อดไม่ได้ที่จะถามซะหน่อยว่าไม่สบายหรือเปล่า
“นั่งก่อนมั้ย? อ่า...แย่จัง น้องเบญเข้าไปอาบน้ำที่บ้านพี่ก่อนมั้ย? เปียกหมดเลย”
“...เอ่อ ไม่เป็นไรครับ นั่น...?” เบญมองไปที่บ้านหลังน้อยน่ารักด้านหลังหญิงสาว
บ้านพักหลังไม่ใหญ่นักสองชั้น ที่มีบริเวณรอบๆตัวบ้านจัดเป็นสวนในเนื้อที่ประมาณร้อยตารางวา ดูเหมือนสาวสวยตรงหน้ามีฐานะพอสมควร
“อ้อ.. บ้านพักพี่เอง พี่อยู่คนเดียวไม่ต้องเกรงใจหรอก...นะ” เสียงท้ายอ้อนเล็กน้อย
“เอ่อ...”
“พี่อยากขอบคุณ”
“...ครับ” เบญยิ้มตอบพร้อมรอยยิ้ม คนๆนี้มาแปลก แต่...ตัวเขาเองก็แปลกเหมือนกัน อีกอย่างเขาเป็นผู้ชาย อ่า...หล่อนเป็นผู้หญิงคนเดียวอยู่ในบ้าน
“มันคงไม่ดี ถ้าผมจะเข้าไปอาบน้ำในบ้านที่มีผู้หญิงคนเดียว” เบญพูดขึ้น
“คิคิคิ นั่นสินะ พี่ก็ลืมไป” เธอยิ้มบอกอย่างอารมณ์ดี “แล้วน้องเบญมาทำอะไรที่นี่คะ”
“รับน้องน่ะครับ”
“อ๋อ...นั่งก่อนมั้ย?” หล่อนชวนอีกครั้ง
“ขอบคุณครับ แต่ผมคงต้องกลับไปแล้ว” ใกล้ได้เวลานัดทำกิจกรรมแล้ว..เบญคิด
“....จ้ะ ขอบคุณอีกครั้งนะ” หล่อนพูดหากแต่ในใจยังอยากให้เด็กหนุ่มคนนี้อยู่ต่อมากกว่า
“.....” เบญเพียงยิ้มบางๆตอบ
“อ้อ...ถ้ามาฝั่งนี้ก็แวะมาหาพี่ด้วยล่ะ”
“...ครับ”
หนุ่มน้อยไปแล้ว ทั้งๆที่เธอไม่ได้อยากให้ไปเลย อยากเก็บความรู้สึกสงบ ผ่อนคลายยามที่อยู่ใกล้ๆน้องเบญไว้ให้นานที่สุดจัง คงเป็นเพราะว่าเธออยู่คนเดียวมาหลายวันล่ะมั้ง พอมีใครมาคุยด้วยเลยรู้สึกดีแบบนี้ แต่ว่า...กลิ่นพฤกษชาตินี่...หอมจริงๆ
เบญเดินกลับมาที่ชายหาดของรีสอร์ทที่พักทันที ไม่คิดเลยว่าเขาจะเดินไปไกลแบบนี้ ขาไปก็เหมือนใกล้แต่ขากลับเนี่ยสิ เสื้อผ้าที่เปียกคงได้แห้งพอดี เบญยิ้มบางๆก่อนจะส่ายหน้าให้กับตัวเอง และก็เป็นเช่นนั้นด้วยระยะทางที่ค่อนข้างไกลแม้เสื้อผ้าจะเริ่มแห้งแล้วบ้าง แต่ก็ไม่สบายตัวนัก
‘คงไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วล่ะ’
เบญคิด เมื่อเดินมาถึงชายหาดหน้ารีสอร์ทแล้ว ปรากฏว่ารุ่นพี่กำลังเรียกรวมตัวโดยเบญไม่รู้ตัวเลยว่า....
...มีบางอย่างได้เปลี่ยนไป....
..............................................................
แปลกจริงตั้งแต่เดินเข้ามารวมแถว ทุกคนทุกสายตาหันมามองที่เขาหมด ทุกสายตาไม่ได้มีแววประสงค์ร้าย แต่กลับเป็นแววตาเคลิบเคลิ้ม หลงใหล บางคนก็ทำตาโต บางคนก็ขมวดคิ้วบางๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาทัก ส่วนเบญเขาแค่แปลกใจกับปฏิกิริยาแปลกใหม่เหล่านั้นเท่านั้น
“ฟิดๆๆๆ หอม”
“เอ๊ะ!” ตกใจเล็กน้อย ก็อยู่ๆเพื่อนพลอยมุกก็เข้ามาทำจมูกฟุดฟิดๆแล้วบอกว่าเขาหอม
“เหอะ! หอมมานานแล้ว” เฮอร์มิสพูดขึ้น
“จริง” พลอยมุกตาโต สโนว์ก็แปลกใจไม่ต่างจากเพื่อน
ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มกิจกรรมอะไร ยังอยู่ระหว่างรอเพื่อนให้มาให้ครบคนกันอยู่ พวกเขาจึงจับกลุ่มคุยกันได้
“จริงแท้” เฮอร์มิสยึดอกยอมรับ ไม่รู้มันจะทำไปทำไม
พลอยมุกหันไปสบตากับสโนว์ เพราะในกลุ่มมีเพียงเฮอร์มิสเท่านั้นที่ได้กลิ่นหอมจากตัวเบญ
“ไปไหนมา เปียกหมด” สโนว์ถาม ที่จริงอยากถามว่าไปทำอะไรมาตัวถึงหอมมากกว่า แต่ดูท่าเจ้าเพื่อนน่ารักก็เหมือนจะไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลนของตัวเองด้วยซะเลย
“เล่นน้ำ” เบญตอบก่อนจะส่งยิ้มบางให้เพื่อน
ตาย! ตาย! ตาย! ตาย!
จะตายเพราะรอยยิ้มนี้แหละ ตอนที่เบญตัวเหม็นก็ว่าน่ารักแล้ว พอเบญตัวหอม ไมมันน่ารักขึ้นหลายเท่าวะ
หนุ่มๆสาวๆหลายคนค้างไปแล้ว บางคนก็หน้าขึ้นสีระเรื่อ ไม่รู้หนุ่มคนดังของคณะไปทำอะไรมาตัวถึงได้ส่งกลิ่นหอมสดชื่นของพฤกษชาติไปทั่วบริเวณแบบนี้ บรรยากาศและกลิ่นที่หอมสดชื่นนี้พาให้นึกถึงโฆษณาน้ำยาปรับผ้านุ่มยี่ห้อหนึ่งเลย เดิมเบญดังเพราะตัวเหม็น หากแต่ตั้งแต่นี้ไปเขาคงจะดังเพราะตัวส่งกลิ่นหอมแล้วล่ะ
แปลก
แปลกมาก
แปลกจริงๆ
เฮอร์มิสมองดูเพื่อนร่วมคณะและต่างคณะที่อยู่ด้วยกันที่ชายหาดนี้ ตกลงที่ว่าเบญตัวเหม็นเป็นเรื่องจริงดิ ไมตัวเขาได้กลิ่นหอมสดชื่นมาจากเบญตั้งแต่ต้นวะ ไม่เข้าใจ เพื่อนเบญมีองค์ชัวร์!
..............................................................
TBC
ขอบคุณทุกคนนะจ้ะ
เงาเยอะเค้าลงช้านะเออ
( * ครูบา คือคำที่ใช้เรียกขานพระเถระผู้เป็นที่เคารพนับถือ ซึ่งมักจะมีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป ครูบา ไม่ใช่คำที่กำหนดขึ้นเพื่อเรียกขานตัวเอง ผู้ที่จะเป็นครูบานั้นมีเงื่อนไขอยู่ 3 ข้อ คือ 1. เป็นพระสงฆ์ที่มีอายุพรรษามาก (ทั้งอายุและอายุการบวช) 2. ต้องปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ (ตลอดอายุการบวช) และ 3. สร้างสิ่งดีสิ่งงามกับพระศาสนาซึ่งอาจหมายถึงศาสนสถานหรือ หรืออื่น ๆ ท่านเหล่านี้มักนุ่งห่มให้มีลักษณะเช่นเดียวกับครูบาเจ้าศรีวิชัย เช่น มีผ้ามัดอก สวมลูกประคำ ใช้พัดขนนกยูง มีไม้เท้า และที่สำคัญเป็นพระนักอนุรักษ์รังสรรค์แบบล้านนานิยม
ครูบา ยังมีอีกความหมายหนึ่งคือ เป็นคำเรียกขานตำแหน่งพระสงฆ์ของชาวไทเขินเชียงตุงอีกด้วย ตำแหน่งสูงกว่าสวามี ต่ำกว่าอาชญาธรรม ส่วนคำว่า ครูบาเจ้า นั้น เป็นคำยกย่องในฐานะนักบุญ หรือตนบุญ เช่น ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา เป็นต้น และอีกความหมายหนึ่งตามที่บัณฑิตทางอักขระล้านนาบางท่านกล่าวว่า หมายถึงครูบาที่เป็นเจ้า คือมีเชื้อทางเจ้านายฝ่ายเหนือ เช่น ครูบาเจ้าเกษม เขมโก เป็นต้น ขอขอบคุณข้อมูลจากเวป http://www.lannaworld.com)