>>>>>>>>>>>>>>20%ที่เหลือจากตอนที่12<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<
“แกทำอะไรลงไป”ผมโดนแม่ตบฉากใหญ่ ก่อนจะถามอย่างโกรธเคือง ทั้งบ้านเงียบสนิทลงทันที ความตรึงเครียดก่อตัวจนแทบไม่กล้าหายใจ
“ผมขอโทษ”ผมบอก ไม่อยากจะแก้ตัวหรืออธิบายอะไร เพราะไม่ว่าจะพูดยังไงสุดท้ายคนที่ผิดก็คือตัวผมเอง
“ทำไมลูกถึงเป็นคนแบบนี้ ตานนต์ รู้ไหมว่าสิ่งที่ทำลงไปมันเลวร้ายแค่ไหน ทำไมถึงไม่รู้จักควบคุมตัวเอง แม่ไม่เคยคิดเลยว่าลูกชายตัวเองจะเลวร้ายได้ขนาดนี้”แม่ต่อว่าเสียงสั่น น้ำตาเริ่มไหลอาบแก้มเพราะความผิดหวัง ที่ลูกชายคนเดียวที่ท่านเฝ้าอบรมเลี้ยงดูมาหลาย10ปี ทำตัวไม่ต่างจากเดนคนที่ลงมือข่มขืนคนอื่นได้อย่างเลือดเย็น มิหนำซ้ำคนที่ถูกกระทำกับเป็นเหมือนคนที่ในครอบครัวแท้ๆ
“คุณใจเย็นๆก่อน”พ่อผมเข้ามาดึงแม่ไปโอบเมื่อเห็นว่าแม่ผมเริ่มร้องไห้หนักขึ้น
“..........”ผมไม่ได้พูดอะไรแค่ก้มหน้ายืนสำนึกในสิ่งที่ตัวเองทำ เพราะต่อในผมพูดขอโทษอีกพันครั้ง ความผิดที่ผมทำลงไปมันก็ไม่มีทางดีขึ้น
“แล้วแกหายหัวไปไหนมา ฉันสั่งแกแล้วไง ว่าไม่ให้เข้าใกล้เกรว นี่แกเล่นหายหัวไปทั้งวันทั้งคืนกับน้องแกตั้งใจจะทำอะไร”พ่อพูดอย่างไม่พอใจ ความจริงก่อนที่พ่อจะบินไปหาแม่ที่แอฟริกา พ่อได้สั่งให้ผมห้ามเข้าใกล้เกรว ในช่วงแรกพ่อผมโทรมาย้ำทุกวัน ผมเลยต้องใช้ชีวิตอยู่รพ.แทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่หลังจากนั้นผมก็เริ่มคิดขึ้นได้ว่าการที่ผมห่างจากเกรว มันไม่ได้ทำให้เรื่องทุกอย่างดีขึ้น ผมเลยตัดสินใจกลับมาบ้านตั้งใจจะมาแก้ไขและรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ แต่พอเจอท่าทีเมินเฉยของเกรวที่ทำราวกับผมเป็นธาตุอากาศ ผมก็รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก จนสุดท้ายผมก็ทำให้เรื่องทุกอย่างมันแย่ลงกว่าเดิม แต่ผมก็ยังคิดหาทางทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น ถึงจะแค่นิดเดียวก็ตาม
“ผมพาน้องไปสอบตรงมาครับ และอยากจะปรับความเข้าใจกับน้อง..”ผมตอบตามจริง
“ปรับความเข้าใจ แล้วทำไมต้องไปค้างคืน นี่แกไม่สำนึกเลยใช่ไหมว่าสิ่งที่เกรวต้องเผชิญมันเลวร้ายแต่ไหน แล้วยิ่งต้องอยู่ใกล้กับคนที่ทำร้ายตัวเองแบบแก น้องจะรู้สึกยังไง!”ผมยังพูดอธิบายไม่ทันจบพ่อผมก็พูดขึ้นมาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด มันแย่มากที่ถูกสายตาของคนเป็นพ่อแม่มองเราเป็นเหมือนอาชญากร แต่มันก็สมควรแล้วกับสิ่งที่ผมทำไป
“ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมทำลงไปมันเลวร้ายอย่างไม่น่าในอภัย แต่พ่อครับแม่ครับ ผมอยากจะแก้ไข ผมอยากรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองก่อ และผมคงทำไม่ได้ถ้าผมไม่สามารถเข้าใกล้น้องได้”ผมเริ่มอธิบายทุกอย่างที่ผมอยากจะทำ
“.............”พ่อกับแม่ฟังผมพูดเงียบๆ แม้สายตาจะเต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจ
“ผมรู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ไว้ใจผมให้เข้าใกล้น้องอีกต่อไป แต่ผมทำไม่ได้ผมไม่อาจพูดแค่ขอโทษแล้วหายไปจากชีวิตน้อง เพราะมันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น น้องเองก็คงไม่รู้สึกดีขึ้นเพียงเพราะผมออกไปจากชีวิตเขา ผมอยากทำให้น้องรู้สึกดีขึ้นผมอยากดูแลผมอยากรับผิดชอบทุกอย่างในเรื่องนี้ทั้งหมด”ผมบอก
“ฉันจะไว้ใจแกได้ยังไง จะไว้ใจแกที่ข่มขืนน้องตัวเองได้ยังไงกัน!”
>>>>>>>>>>>>>>ตอนที่13<<<<<<<<<<<<<<<<<
“ไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ครับ แต่ผมแค่อยากขอโอกาสให้ผมได้ทำ และเมื่อคืนผมก็คุยกับน้องเรื่องนี้แล้ว”ผมบอกด้วยสายตาจริงจัง อยากให้พ่อกับแม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดสักนิดก็ยังดี
“ลูกตั้งใจจะทำยังไงตานนต์”แม่ผมที่หยุดร้องไห้แล้วถามขึ้นอย่างไม่ไว้ใจ
“ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ส่วนเรื่องอื่นผมอยากจะทำให้น้องเห็น ไม่อยากจะพูดหรือว่างแผนอะไร แต่ผมขอสัญญา ว่าต่อจากนี้ผมจะไม่ทำร้ายน้องอีกเป็นครั้งที่สอง ขอแค่ให้พ่อกับแม่อนุญาตให้ผมได้แสดงให้เห็นก็พอ”
End นนต์
เกรว talk
ก๊อก ๆๆ
“น้องเกรว น้องกันต์ลงไปทานข้าวเช้ากันลูก”เสียงของคุณป้าดาร้องเรียกที่หน้าประตูห้อง หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงตั้งแต่ผมกับน้องกันต์ถูกไล่ให้ขึ้นมาข้างบน
“ครับ”ผมขานรับ ก่อนจะอุ้มน้องกันต์ลงจากเตียง พอเปิดประตูห้องออกมาก็เห็นคุณป้าดายืนยิ้มอ่อนๆอยู่หน้าห้อง ตาบวมแดงเหมือนเพิ่งร้องไห้เสร็จ ไม่บอกก็รู้ว่าเรื่องที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนคือเรื่องของผม
“ป้าอยากจะคุยด้วย แต่ตอนนี้ลงมาทานข้าวกันก่อนดีกว่า น้องกันต์ก็คงหิวแล้ว”สายตาของคุณป้าดาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและโศกเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“ครับ”ผมตอบรับแล้วเดินตามคุณป้าดากับน้องเกรวลงไปข้างล่าง เห็นคุณลุงธนต์นั่งรออยู่ที่โต๊ะก่อนแล้ว
“เดี๋ยวเกรวตักให้ครับ”ผมบอกเมื่อเห็นคุณป้าดากำลังจะหยิบโถใส่ข้าวมาตักให้ จะว่าไปวันนี้ป้าจำปีกับพี่สาไม่อยู่เพราะกลับไปงานศพที่ต่างจังหวัด ตอนนี้ทั้งบ้านเลยมีแค่ลุงธนต์ ป้าดา น้องเกรว พี่นนต์และก็ผม
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวป้าตักให้”คุณป้าดาบอกปัด ผมรู้สึกเหมือนท่านกำลังสำนึกผิดในสิ่งที่ผมต้องเผชิญ แม้จะเข้าใจความรู้สึกแต่ผมกลับไม่อยากให้ทุกคนต้องมารู้สึกผิดเพราะผมเลย ผมไม่รู้ว่าก่อนหน้านี่ทุกคนคุยอะไรกันบรรยากาศรอบๆตัวถึงเป็นแบบนี้ มันอึดอัดและบางครั้งก็รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก
“ให้เกรวทำเถอะครับ”ผมหันไปตามเสียงร้องบอกของพี่นนต์ที่เพิ่งเข้ามาในห้องทานอาหาร ก่อนจะนั่งลงข้างน้องกันต์เหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แม้สายตาของคุณลุงธนต์และป้าดาจะมองพี่นนต์อย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ผมกลับรู้สึกดีที่อย่างน้อยๆพี่นนต์ก็ทำตัวปกติ
“จ๊ะ”ป้าดายอมปล่อยโถข้าวให้ผมแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะข้างลุงธนต์ ส่วนผมก็เดินตักข้าวใส่จานให้ทุกคน รวมถึงตัวผมเอง เสร็จ ก็มานั่งลงข้างน้องกันต์เหมือนปกติ
การทานอาหารเช้าดำเนินไปด้วยความเงียบ แม้แต่น้องกันต์เองก็ยังไม่พูดหรือร้องเพลงแบบที่เคย แม้จะรู้สึกอึดอัดแต่ผมก็ทำได้แค่นั่งทานอาหารตรงหน้าตัวเองไปเงียบๆ พอทุกคนทานเสร็จ ผมก็อาสาเป็นคนขอล้านจานเอง ตอนแรกคุณป้าดาจะมาช่วยล้างด้วยอีกคน แต่มีโทรศัพท์จากองค์กรที่ท่านเป็นอาสาสมัครโทรมา ท่านจึงต้องไปรับสาย
“พี่ช่วย”พี่นนต์เดินเข้ามายืนข้างตรงหน้าซิงค์ล้างจาน กำลังผับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้น เพื่อไม่ให้เปียก
“ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวเกรวทำเอง”ผมบอกปัด แค่ล้านจานสิบกว่าใบผมทำแป๊ปเดียวก็เสร็จ
“พี่อยากทำ”พี่นนต์หันมาบอกริมฝีปากยกยิ้มบางๆเหมือนกำลังเอ็นดูในอะไรบ้างสิ่ง
“.........”เพราะสายตาและรอยยิ้มของพี่นนต์ ทำให้ผมได้แต่หันกลับมาล้างจานเงียบๆอย่างช่วยไม่ได้ มันดีที่พี่นนต์เปลี่ยนไปในทางนี้ แต่ก็ดูเหมือนมันจะเร็วเกินไปจนผมตั้งรับไม่ทัน ไหนจะเรื่องที่พี่นนต์พูดเมื่อคืนอีก
“เรื่องที่พี่พูดเมื่อคืนยังจำได้ใช่ไหม”ราวกับถูกอ่านความคิด แอบตกใจที่จู่ๆพี่นนต์ก็พูดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา
“....”ผมไม่ได้ตอบ แต่พยักหน้ารับเบาๆแล้วเร่งมือล้างจาน เพราะรู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก
“งั้นก็ดี”ความจริงผมอยากจะถามพี่นนต์เรื่องเมื่อคืน ว่าไอ้การลองคบกันมันหมายความว่ายังไง ถึงแม้ตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมจะไม่เคยมีแฟนก็ตาม แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ซื่อจนไม่รู้ว่าการที่คนสองคนคบกันเป็นยังไง แต่ก็แค่อยากจะรู้ว่าผมต้องทำอะไรบ้าง แต่ก็อายเกินกว่าจะถาม
“เมื่อกี้พี่นนต์กับคุณลุงคุณป้าคุยอะไรกันหรอครับ” ผมอดที่จะถามเรื่องนี้ไม่ได้เมื่อเห็นท่าทีของคุณลุงธนต์และคุณป้าดามองผมต่างจากเมื่อก่อนออกไป
“ไม่มีอะไรหรอก ท่านแค่เป็นห่วงเรื่องที่หายไปเมื่อคืน”พี่นนต์หันมาบอกพร้อมระบายยิ้มอ่อนๆให้ เชิงไม่ให้ผมคิดมาก
“แต่เราไม่ได้ทำอะไรไม่ดีนะครับ”บางทีท่านอาจจะกังวนเรื่องที่ผมออกไปค้างคืนที่อื่นสองต่อสองหลังจากผ่านเรื่องแย่ๆมา บางทีพี่นนต์อาจจะถูกต่อว่าเรื่องนี้
“ไม่ต้องกังวนไปหรอก ไม่ใช่ความผิดเกรวถ้าจะผิดก็เป็นพี่ เพราะทุกเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะพี่ แต่ทุกอย่างมันจะดีขึ้น เชื่อพี่”พี่นนต์วางมือไว้บนหัวผมอย่างปลอบประโลม
ผมรู้ว่าทุกคนเป็นกังวลเรื่องคืนนั้น เพราะในความรู้สึกของคนอื่นการถูกข่มขืนมันเป็นอะไรที่เลวร้ายเกินกว่าที่จะจิตนาการได้ ผมเองก็คงจะรู้สึกแบบนั้นหากคนที่ทำเป็นคนที่ผมเกลียด หรือคนที่ผมไม่รู้จัก ผมยอมรับว่าตอนนั้นทั้งกลัวและเสียใจ แต่มันก็แค่เวลาสั้นๆที่ผมรู้สึกแบบนั้น ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม อาจเป็นเพราะผมเป็นผู้ชายที่ไม่มีอะไรจะน่าเสียหายตามมา หรือ อาจเป็นเพราะคนที่ลงมือทำเป็นคนที่ผมแอบรักมากตลอดหลายปีกันแน่
ผมไม่อยากให้ทุกคนกังวนเรื่องนี้ อย่างให้ทุกคนคิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ไม่อยากเจอสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารและเห็นใจ เพราะนั้นมันเหมือนทุกคนกำลังตอกย้ำว่า สิ่งที่ผมเจอนั้นมันเลวร้ายกว่าที่ผมรู้สึก
..............................................................................
“พี่เกรวๆ น้องกันต์อยากดื่มน้ำ”ผมกำลังเตรียมอาจหารเย็นอยู่ในครัว น้องกันต์ก็วิ่งมาหา พร้อมร้องขอน้ำดื่ม
“ครับๆ เดี๋ยวพี่เกรวเอาให้”ผมบอก ก่อนจะเดินไปที่ตูเย็นแล้วเทน้ำใส่แก้วพลาสติกที่มีหูจับสองข้างให้น้องกันต์
“ขอบคุณครับ”น้องกันต์ยกมือไหว้อย่างน่าเอ็นดู ก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ดูท่าจะหิวน้ำจริงๆ
“เอาอีกไหมครับ”ผมถามแต่น้องกันส่ายหัวปฏิเสธ
“พี่เกรวทำอะไร น้องกันต์อยากทำบ้าง”น้องกันต์พยายามเขย่งตัวเกาะขอบเค้าเตอร์เตรียมอาหารอย่าง กระตือลือล้น
“เอาไงดี งั้นน้องกันต์ช่วยเด็ดใบโหระพาให้พี่เกรวได้ไหมครับ เด็ดแค่ใบแบบนี้”ผมว่าพร้อมสาธิตวิธีการเด็ดใบโหระพาให้น้องกันต์ดู
“เอาใบไม้มาทำกับข้าวทำไม บ้านเราไม่มีเงินหรอครับ”ผมหลุดขำทันทีที่ได้ยินคำถามไร้เดียงสาของน้องกันต์ มุยหน้าทันทีที่เห็นผมหัวเราะ คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันไม่รู้เพราะความสงสัยหรือไม่พอใจกันแน่
นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้หัวเราะแบบนี้
“ทำอะไรกัน น่าสนุกเชียว”ผมหยุดหัวเราะทันทีที่คุณป้าดาเดินเข้ามาในหัว
“คุณย่า พี่เกรวขำน้องกันต์ ฮิฮิ”น้องกันต์หัวเราะอย่างภูมิใจ ไม่รู้ว่าจะฟ้องหรือจะชมตัวเองให้คุณป้าดาฟังกันแน่
“หรอครับ ดีแล้ว น้องกันต์คุณปู่เรียกไปดูนีโม่ที่ห้องนั่งเล่น เดี๋ยวย่าช่วยพี่เกรวเองครับ”คุณป้าดาบอกน้องกันต์ใบหน้าเต็มไปด้วยความเอ็นดูจนผมอดยิ้มตามไม่ได้ พอน้องกันต์ได้ยินชื่อการ์ตูนเรื่องโปรดก็รีบวิ่งออกไปจากครัวทันที
“เห็นน้องเกรวหัวเราะได้แบบนี้ ป้าค่อยเบาใจ”หลังจากที่น้องกันต์วิ่งออกไปจากครัวแล้วคุณป้าดาก็หันมาพูดกับผมทันที
“เกรวไม่เป็นไรครับ ”ผมบอกอย่างหนักแน่นไม่อยากให้ผู้มีพระคุณต้องเป็นห่วง
“ดีจ๊ะ แต่ถึงแบบนั้นป้าก็อดห่วงไม่ได้ ป้ารู้เรื่องตั้งแต่วันแรก อยากจะบินกลับมาซะเดี๊ยวนั้น แต่ก็มีเหตุว่างระเบิดที่โรงเรียนของเด็กในแอฟริกาตอนเหนือ เด็กหลายร้อยบาดเจ็บ และหลายสิบที่ต้องจากโลกเพียงเพราะความเห็นแกตัวของผู้ใหญ่”คุณป้าดาบอก สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ คุณป้าไม่ต้องเป็นกังวล”ผมย้ำอีกครั้ง ผมอยากเป็นหมอส่วนหนึ่งก็เพราะอยากเป็นเหมือนคุณป้าดา ที่ไปช่วยเหลือคนอื่นที่เขาลำบาก และไร้ที่พึง ในตอนเด็กที่ผมถูกช่วยไว้ ผมยังจำได้ดีความรู้สึกดีใจและตื้นตันอย่างหาคำบรรยายไม่ได้ ยังมีเด็กอีกหลายล้านคนที่ต้องเผชิญกับชีวิตที่ยากลำบาก ต้องทนทุกข์กับสิ่งที่พวกเขาไม่ได้ก่อและต้องอยู่กับความเลวร้ายอย่างนั้นโดยไม่มีทางเลือก ผมอยากแบ่งปันสิ่งที่ผมได้รับมาให้กับเด็กคนอื่นที่กำลังลำบากแม้จะแค่เสียวนาที ผมก็อยากแบ่งเบาความทุกข์ของพวกเขา
“ป้าไม่อยากให้น้องเกรวรู้สึกว่า ไม่มีใครห่วงใยหรือสนใจความรู้สึกของหนู ป้าอยากจะขอโทษอยากจะไถ่โทษในสิ่งที่ลูกชายป้าทำ จะยอมทำทุกอย่างที่หนูต้องการเพื่อบรรเทาความรู้สึกทุกข์ที่หนูต้องแบกรับมันเอาไว้”คุณป้าดาจับมือของผมขึ้นกุมทั้งสองข้าง ดวงตาเริ่มแดงก่ำราวกับกำลังจะร้องไห้
“เกรวยอมรับ ว่าตอนแรกทั้งกลัวและเสียใจในสิ่งที่ต้องเจอ แต่ตอนนี้เกรวไม่เป็นไรแล้วครับ จริงๆ เกรวไม่อยากให้ทุกคนต้องกังวนเรื่องเกรว ไม่อยากให้ทุกคนต้องเศร้าหรือทุกข์ใจ ถ้าไม่มีคุณลุงคุณป้าไม่มีพี่นนต์ชีวิตเกรวตอนนี้คงจะไม่ดีขนาดนี้หรอกครับ พี่นนต์เองก็ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้าย ทุกอย่างมันเป็นแค่อุบัติเหตุ ขอให้คุณป้าเชื่อว่าเกรวไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แค่ทุกคนเป็นเหมือนเดิมเหมือนเมื่อก่อนเกรวก็สบายใจแล้วครับ”ผมบีบกระจับมือของป้าดาเพราะย้ำให้ท่านรู้สึกว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปนั้นมันเป็นความรู้สึกจริงๆของผม
“ขอบคุณ ขอบคุณที่หนูไม่โกรธไม่เกลียด ทั้งๆที่ต้องเจอเรื่องแบบนั้น ขอบคุณที่หนูเป็นเด็กดีขนาดนี้”คุณป้าดาดึงผมเข้าไปกอดแน่น ก่อนจะพรำบอกขอบคุณผมนับครั้งไม่ถ้วน
...........................................................................
หลังจากวันนั้นที่ผมได้คุยกับคุณป้าดาอย่างเปิดอก ทุกอย่างก็เหมือนจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าและแววตาของทุกคนที่มองผมกลับเป็นเหมือนก่อน มีเพียงแค่ความเอ็นดีและห่วงใยอย่างที่เคย มันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ ตลอดเกือบหนึ่งสัปดาห์ที่คุณป้าดากลับมาอยู่บ้าน ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบลื่น ส่วนใหญ่ผมต้องไปโรงเรียนเลยไม่ค่อยได้อยู่กับท่านเท่าไหร่นัก แต่พอกลับมาจากเลิกเรียน ท่านก็จะเล่าเรื่องที่ท่านไปเป็นแพทย์อาสาให้ผมฟัง ผมแอบถูกตำหนิเมื่อคุณลุงและคุณป้ารู้ว่าผมจะไม่ไปสอบตรงเมื่อตอนนั้น และท่านก็ยังกำชับพี่นนต์ให้ดูแลเรื่องการเรียนต่อของผมเป็นอย่างดี บอกตามตรงว่าตอนนี้ผมไม่คิดที่จะถอดใจเรื่องเรียนแพทย์แล้ว เพราะสิ่งที่คุณป้าดาเล่าให้ฟังมันทำให้ผมยิ่งอยากจะเรียนหมอให้จบเร็วๆ
เพื่อสักวันหนึ่งผมจะได้แบ่งปันความช่วยเหลือที่ผมเคยได้รับให้กับคนที่ต้องการบ้าง
“น้องกันต์ ย่าไปก่อนนะครับวันเกิดหนูย่าจะซื้อของขวัญมาฝากเยอะๆเลย”ตอนนี้พวกผมมาส่งคุณป้าดาและลุงธนต์ที่สนามบิน ลุงธนต์ตัดสินใจเดินทางไปเป็นแพทย์อาสากับคุณป้าด้วยอีกคน เมื่อท่านเห็นปัญหาครั้งที่แล้วที่ไป อีกอย่างพี่นนต์ก็กลับมาบริหาร รพ.ลุงธนต์เลยไปได้อย่างที่ตั้งใจ
“คุณย่าโทรหาน้องกันต์ด้วยน้า”น้องกันต์กอดคอคุณป้าดาอย่างออดอ้อน เรียกรอยยิ้มความเอ็นดูของทุกคนที่เห็นได้ไม่อยาก น้องกันต์ขาวขึ้นมากตั้งแต่กลับมาอยู่กรุงเทพขาวขึ้นอย่างหน้าตกใจ ใบหน้าน่ารักกับผิวขาวใส ทำให้ใครต่อใครก็ต่างเลียวมอง
“แค่คุณย่าหรอแล้วคุณปู่ล่ะ”คุณลุงธนต์พูดขึ้นเชิงเรียกร้องความสนใจจากน้องกันต์ทำเอาทั้งคุณป้าดาและผมอดขำออกมาไม่ได้
“คุณปู่น้องกันต์ก็คิดถึง ซื้อขนมมาฝากน้องกันต์เยอะๆน้า”น้องกันต์เอนตัวไปกอดคุณลุงธนต์ กอดจะเอ่ยขอของฝากอย่างน่าเอ็นดู
“นี่ห่วงของฝากว่างั้น ตัวแค่นี้ เริ่มงกแล้วหรอ”คุณลุงธนต์ว่าอย่างเอ็นดู
“คิกคิกคิก”น้องกันต์หัวเราะชอบใจยกใหญ่ เรายืนคุยกันอยู่สักพักจนมีประกาศเรียกให้ไปเช็คอิน
“ตั้งใจเรียนนะน้องเกรว ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย โลกเรายังต้องการหมออีกมาก ดูแลตัวเองดีๆ มีปัญหาอะไรก็โทรมาหาป้าเข้าใจไหม”คุณป้าดากอดผมก่อนจะสั่งอย่างห่วงใย
“ครับ คุณป้าดากับคุณลุง ดูแลสุขภาพดีๆนะครับอย่าหักโหม เกรวไม่เป็น”ผมบอกด้วยรอยยิ้ม อยากให้ท่านสบายใจ
หลังจากนั้นคุณลุงธนต์และคุณป้าดาก็เข้าเกดสนามบินไป พวกผมเลยกลับบ้าน
“ไปหาอะไรกินก่อนกลับไหมพี่นนต์ถามทันทีที่ขึ้นรถกันครบ
“แต่พี่นนต์ต้องไป รพ.ไม่ใช่หรอครับ”เพราะลุงธนต์ไม่อยู่พี่นนต์เลยต้องดูแลโรงพยาบาลเอง เลยตั้งทำงานเกือบทุกวัน
“ยังมีเวลา ไปหาอะไรกินก่อนกลับดีกว่า”พี่นนต์ว่าพร้อมขับรถออกจากสนามบิน
“ครับ”ผมตอบรับ พร้อมหันไปมองน้องกันต์ที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง ทำท่าเหมือนจะหลับทันทีที่เพิ่งขึ้นรถ
ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพี่นนต์ยังเหมือนเดือนกับอาทิตย์ก่อน แม้พี่นนต์จะพูดว่าลองคบกัน แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาส่วนใหญ่พี่นนต์ก็ต้องเข้าดูงานที่โรงพยาบาล เพราะรอบนี้ลุงธนต์อาจจะไปนาน เรื่องงานหรือการบริหารส่วนต่างๆลุงธนต์เลยต้องสอนพี่นนต์อย่างระเอียด เราเลยไม่ได้พูดคุยหรือพัฒนาความสัมพันธ์อย่างที่ตั้งใจ แต่มันก็ไม่แย่ ตอนนี้ทุกครั้งที่ผมเจอหน้าพี่นนต์ผมไม่ได้รู้สึกอึดอัดเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เราสามารถพูดคุยทักทายกันได้อย่างปกติ พี่นนต์กลับมาเป็นพี่นนต์เหมือนเมื่อก่อน ใจดีขึ้นและไม่ต่อว่าผมในทุกเรื่องที่ทำ แต่ก็ยังแอบถูกตำนิทุกครั้งเวลาที่พี่นนต์เห็นบาสมาส่งผมที่บ้าน อย่างจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าพี่นนต์ หึงผม แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกใช่ไหมครับ
TBC.
ขออภัยที่มาช้า ไปนอนเล่น รพ.มา3วัน 555555
วันที่ 6 เมษายน เต่าตุ่นของเชิญชวนทุกท่าน ไปงานหนังสือที่ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เพื่อมาปะหน้ากันที่บูท D16 ของB2S ตั้งแต่เวลา 13:00-14:00 ใครอยากที่อยากได้ลายเซ็น หรือไม่อยากได้ก็ต้องมา ไปมาเเล้วก็ควรจะมาอีกให้ชื่นใจ นี่แอบกลัวไม่มีใครมา ใครที่มีหนังสือเราอยู่ในมือทั้ง เรื่อง เมื่อผมท้อง และร้าย...จนรัก หรือไม่มีก็ได้ สามารถมาเจอกันได้นะ นี่อาจจะเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่จะได้เจอกัน ถ้ามีคนมาหาเราถึง10คน กลับจากงานหนังสือจะลงนิยายต่อให้ทันทีสัญญา ถ้าไม่มีใครมาหรือมาไม่ถึงรอพุทธหน้าเลยนะจ๊ะ ไม่ได้ข่มขู่แค่ยื่นข้อเสนอ อย่าลืมมากันน้าไม่อยากไปนั่่งบืออยู่ที่บูธเป็นชั่วโมง