ตอนที่ 4
อยากรู้ ผมว่าคำที่ว่าโลกมันกลมนั้น มันไม่ใช่สำหรับผมอีกต่อไปแล้ว เพราะความจริงที่ผมได้รับรู้ในวันนี้ . . โลกแม่งโคตรแคบ! ผมที่ถือขวดสปอนเซอร์ไว้ในมือกำลังยืนมองหน้าไอ้ธามด้วยความตะลึงงัน คนที่ผมเพิ่งจะรู้จักได้ไม่กี่วัน ผมสัมผัสได้ถึงความเย่อหยิ่งที่มีแต่ในตัวของมัน ไม่เคยเห็นมุมที่มันอายหน้าแดงขนาดนี้มาก่อน . .
“ตลกละ” ยังไม่เชื่อสนิทใจ ที่ว่าไอดอลผมเป็นแฟนเก่ามันเมื่อตอนที่แล้วอ่ะ
“จริงๆ ลองให้กูโผล่ออกไปตอนนี้ดูดิ เซนได้อึ้งแน่”
“แล้วถ้ามึงอยากไปคืนดีกับเค้าจริง แล้วทำไมต้องให้กูช่วย”
ธามมีสีหน้าเลิ่กลั่กก่อนจะตอบ “เซนเป็นเพื่อนกับโอ๊ตว่ะ”
“ฮะ?” ผมทำเสียงหลง อะไรมันจะอีรุงตุงนังขนาดนั้น ทุกคนลืมไอ้โอ๊ตไปรึยังครับ ก็ไอ้คนที่อยากได้ไอ้ธามมากๆอ่ะ จ้องจะเอาอย่างเดียวนั่นน่ะ
“เอาเป็นว่า ..” มันทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “กูทำเรื่องนี้คนเดียวไม่ได้ ถ้าไม่มีมึงช่วย”
“แล้วจะให้กูช่วยยังไงมิทราบครับ” คนนอกเห็นๆเลยกูอ่ะ . .
“อืมมม” ธามทำหน้าครุ่นคิด “ไม่รู้เหมือนกันอะ”
หงายเงิบ . . ผมมองหน้ามัน มันมองหน้าผมอย่างขอร้อง ไอ้บ้าที่เอาแต่ด่าผมปาวๆกำลังขอความช่วยเหลือ ซึ่งผมก็ยังไม่รู้ว่าต้องช่วยอะไรมันบ้างมันถึงจะไต่สะพานไปถึงดวงดาวที่มันต้องการได้ แต่สะพานที่ว่าก็คือตัวผมเองนี่แหละวะ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก
“แล้วมึงลืมแฟนเพื่อนของมึงได้แล้วเหรอ” คนที่หักอกมันอ่ะครับ แอบได้ยินแว่วๆตอนเจอกันครั้งแรก
“อืม” มันพยักหน้าทันที “เพื่อนกูนิสัยดี เหมาะกับคนหล่อๆดีๆอย่างนั้นแล้ว กูไม่มีสิทธิ์ตั้งนานแล้วเหอะ”ธามบอก “ถ้ามึงร่วมมือกับกู เดี๋ยวมึงก็จะรู้เอง ว่าเซนมีความหมายกับกูขนาดไหน”
ผมเลิกคิ้ว . . ส่วนมันยังร้อนอกร้อนใจไม่หาย
“เอาเป็นว่า - -“ ธามหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เลื่อน เลื่อน เลื่อน จิ้มๆๆ สักพัก แล้วก็ชูรูปสาวสวยคนหนึ่งที่ถ่ายรูปคู่กับมันเอาไว้ สวยหยาดเยิ้มเลยแหละ ไอ้คิกกับไอ้บูมมาเห็นคงน้ำลายไหลเป็นทาง “มึงจำคนนี้ได้ป่ะ ที่วันนั้นเค้าก็อยู่กับกูตอนที่มึงซุ่มซ่ามเดินมาชนกู”
“ไม่ได้ซุ่มซ่าม มึงนั่นแหละ” ผมก็ยังอยากเถียงมันอยู่นะ
“โอ้ย” ธามบ่น “คนนี้ดูเหมือนเค้าจะชอบมึง เค้าเป็นเพื่อนกู ชื่อเนย กูจะช่วยจีบให้”
“เย้ยยยยย” ผมร้อง อีกแล้วเหรอ โดนยัดเยียดผู้หญิงให้อีกแล้ว อะไรวะ? “ไม่เอาๆ”
“ไอ้สาด สวยขนาดนี้ชีวิตมึงคงไม่เคยเจอ” ยืนอยู่หน้าประตูมอห้านาทีคนสวยก็เดินผ่านมาประมาณสามพันคนละ . . “เนย นัทริกา ดรุณวิเศษโชติ ทายาทห้างดังชื่อคุ้นหู เค้าสนใจมึงอยู่นิดๆแล้ว ถ้ามึงรุก เค้าก็คงรับอ่ะสักวัน” ตลกมากไปละ = =
“เอ่อ หมะ . .” ปฏิเสธอย่างเดียวเลยผม
“ตกลงตามนี้” เห้ย! ไอ้ธามก็คิดเองเออเองเหมาเอาเองแม่งอย่างเดียวเลยอ่ะ “นี่เบอร์กู” มันล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงผมแล้วหยิบโทรศัพท์แบนๆของผมออกมาจนผมเสียววูบ แล้วแม่งก็จิ้มๆๆโคตรคล่อง คือมึงแจกเบอร์เก่งใช่ป่ะ “เผื่อติดต่อเรื่องเซน เรื่องโอ๊ต”
บอกได้คำเดียวว่า . . มึน . . ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ผู้ชายที่เพิ่งเสียเหงื่อให้กับกีฬาไปมากอย่างผม จับประเด็นไม่ถูกจริงๆครับ
“มึงรีบออกไปแล้วก็ไปๆจากหน้าเซเว่นซะ กูเขิน” มันดันหลังผมให้ไปหาแคชเชียร์ “แต่ไม่ได้เขินมึงนะเว้ย”
รู้อยู่แล้วล่ะน่า “เดี๋ยวดิ!” กูยังซื้อของไม่ครบโว้ย
“เอานี่ไปด้วย” มันยัดกล่องๆหนึ่งใส่มือผม กล่องนมสีฟ้ามีสีเหลืองมีรูปกล้วย นี่มันนมกล้วย “ของโปรดเซน”
มันเป็นของที่พี่เซนฝากผมซื้อนี่หว่า . . มันรู้ได้ไงวะ?!!!!
หรือไอ้เหี้ยธามจะเป็นแฟนเก่าของไอดอลผมจริงๆ!
โธ่ . .
ผมสามารถบบอกได้คำเดียวว่า . . ชีวิตผมต่อจากนี้ จะต้องมีไอ้ธามเข้ามาวนเวียนป้วนเปี้ยนไม่ทางใดก็ทางหนึ่งทุกคืนทุกวันแน่ๆ
2 BROKEN HEARTS
[/b]
เรียนบัญชีมันเหนื่อย . .
แต่เรียนอะไรแม่งก็เหนื่อยเหมือนกันหมดนั่นแหละ! “ไอ้บูม เมื่อคืนฟัดสาวมา ทำเอาไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยเหรอฟะ” ไอ้คิกเห่าใส่ไอ้บูมในคาบเรียนตอนบ่ายที่โคตรน่านอนเป็นที่สุด วันนี้อากาศครึ้มๆแต่ฝนไม่ตก โคตรน่านอนจริงๆอะ
“นิดหน่อย” มันยอมรับ สงสัยในหน้าตาของพวกมันมั้ยครับ ไอ้บูมกิ๊กเยอะนี่ก็สมกับที่กิ๊กเยอะครับ คือหล่อสูงขาวตาโตหน่อยๆ ส่วนไอ้คิกที่เตี้ยกว่าจะตี๋ชอบยิ้มตาหยี ผมเจอพวกมันครั้งแรกก็คิดๆอยู่ว่าสองคนนี้มันก็หน้าตาดี แต่ชอบมาบอกกับผมว่าผมเป็นเจ้าชายในหมู่กุ๊ยอย่างพวกมัน ไอ้คิกเอ๊ย คิดได้เนอะ . .
“พูดถึงเรื่องสาว เจนนี่เค้าถามว่ามึงคิดกับเค้ายังไง จะให้กูตอบเค้าว่าไงวะ” ไอ้คิกใช้ด้ามปากกาสะกิดๆแขนผม
“บอกความจริงไป”
“มึงคิดว่าเค้าหน้าอกใหญ่”
“สาด! นั่นมันมึงแล้ว!”
“ไม่เอาน่า เล่นๆไปหน่อยเถอะเพื่อน กูไม่อยากเห็นมึงแอบเหม่อ แอบนั่งเหงา แอบเศร้า แอบซึมทุกๆวันแบบนี้อีกต่อไปแล้ว” มันพูดจบผมถึงกับมองหน้าไอ้คิกคนพูด . .
กูเป็นอย่างนั้นเหรอวะ?
. . ไม่รู้ตัวเลย “กูก็มีความสุขดีนี่ อยู่แบบนี้” ผมแสร้งทำเป็นไม่สนใจ
“ถุยเถอะครับ” ไอ้บูมเงยหน้าขึ้นมาแจมบ้างไรบ้าง “มึงไม่สนผู้หญิงเลย ถามจริง มึงเป็นเกย์ป่าววะ”
“เฮ้ย! เปล่าโว้ยเปล่า!!!”
“สาดดดด ยอมรับกับพวกกูง่ายๆก็ไม่ได้ว่าอะไร โรงเรียนเก่ากูก็มีถมเถ ฮ่าๆๆๆ”
“ก็ - -ไอ้เหี้ย ไม่ได้เป็นโว้ย กูชอบผู้หญิง แค่ยังไม่อยากมีใครตอนนี้”
“ยอมรับมาก็ได้” ไอ้คิกไม่ได้สนใจที่ผมปฏิเสธเลย “มีผู้หญิงมาชอบมึง ก็เยอะ แต่มีผู้ชายมาชอบมึง เยอะกว่า! ไอ้คิกฟันธง”
ผมขนลุกตั้งชูชัน . . ทันทีที่ฟังจบ
“เฮ้ย จริงป่ะเนี่ย” ไอ้บูมร้อง
“จริงสิ ฮ่าๆๆๆ หน้าตาแม่งถูกอกถูกใจเกย์สาวอย่างแรง ฮ่าๆๆ แต่ก็นะถ้ามันถูกใจเกย์รุกถึกๆล่ะก็ กูว่าแม่งน่าขนลุกว่ะ”
ยิ่งพูดกูยิ่งแหยงเหอะไอ้คิก เห็นกูเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอวะ . .
ครืด ครืด
โทรศัพท์ผมสั่น ปกติมีแต่แม่กับพ่อที่โทรมาหาผม แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้โทรมาหาเวลาเรียน คือท่านจะรู้น่ะครับว่าตอนกลางวันผมมีเรียนน่ะ
ชิบหาย! หน้าจอโชว์คำว่า
“Time Krit” หรา
[[สังหรณ์ใจไม่ค่อยดี ว่าวันนี้ . . ผมกำลังจะงานเข้า
“ใครโทรมาวะ” เสือกเบอร์หนึ่งเริ่มทำงาน ไอ้คิกชะโงกหน้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ผมครับ
“เย้ยยยย พี่ธาม!” เสือกเบอร์สองทำงานประสานกับเสือกเบอร์หนึ่งอย่างทันท่วงที ไอ้บูมตบเข่าเสียงดัง จนนิสิตสาวเพื่อนร่วมคณะที่หวังเกียรตินิยมหันมาจิก “กูคิดไว้แล้ว ฮ่าๆๆ”
“คิดว่า . . “ไอ้คิกครับ
“เชี่ยปอนด์แม่งจีบพี่ธาม ฮ่าๆๆ”
มั่วได้อีกอ่ะสัด . . จีบด๋อยไร ถ้ามึงจะมั่วนะมึงควรมั่วว่าไอ้ธามมันจีบกูมากกว่า เพราะมันโทรมาหากู คิดบ้างมั้ยเนี่ย!
“ไม่รับสายเหรอวะ พี่ธามโทรมาเชียวนะเว้ย”
“รู้ได้ไงว่าธามไหน” ผมยังปล่อยให้โทรศัพท์มันสั่นอยู่อย่างนั้น เพราะผมสงสัยจริงๆครับ
“ก็ธาม กฤต ชื่อประจำพี่เค้า ประเทศไทยจะมีคนชอบใช้ชื่อว่าธาม กฤตกันสักกี่คน”
ไอ้คิกแม่งรู้จริง รู้ลึกว่ะ ผมมองหน้ามันอย่างอึ้งๆ
“รับดิ! พี่ธามโทรมาต้องรับ”
“ใช่เรื่อง กูเรียนอยู่”
“โทรมาหลายสายขนาดนั้น กูว่ามีเรื่องคอขาดบาดตาย” ไอ้คิกตั้งข้อสังเกตแบบไม่ค่อยใส่ใจอะไร แต่ทว่า . . กลับทำให้สไลด์ที่อาจารย์กำลังบรรยายในสายตาผมว่างเปล่าทันที แม้มันจะมีตัวอักษรมากมายเหลือคณานับก็เถอะ
คอขาดบาดตายงั้นหรือ . .
ไอ้โอ๊ต ไอ้เหี้ยนั่นอีกแล้วใช่มั้ย ผมตัดสินใจขออนุญาตอาจารย์ออกไปรับโทรศัพท์ ทันทีที่ผมกดรับ ไอ้ธามแม่งก็โวยวายใส่ผมทันที
“รับช้าว่ะสัด!”
“กูมีเรียนครับ” ตั้งแต่ที่มันให้เบอร์ผมมาในเซเว่น นี่เป็นครั้งแรกที่ผมกับมันคุยกันผ่านทางโทรศัพท์
“โกหก”
“เอ๊า” อดงงไม่ได้ “มีเรียนจริงๆ ฟังเสียงอาจารย์มั้ย”
“เห้ย! ไม่ต้อง”
“มีไรอะ” ผมถามเนือยๆ
“เอ่อ ก็ - -“ ธามทำเสียงไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นัก ผมนึกสงสัยจริงๆว่าเราสนิทกันตั้งแต่ตอนไหน คือถ้าถามผมนะ ผมยังไม่สนิทกับมันแน่ๆ แต่ที่กำลังทำอยู่เนี่ย ไม่ได้ต่างอะไรจากคนที่รู้จักกันมานานอย่างน้อยๆก็ห้าปีละวะ “มีเรื่องปรึกษา” เสียงมั่นๆของมันขาดหายไปเหลือแต่เสียงป๊อดๆเข้ามาแทนที่
“อะไรล่ะ คอขาดบาดตายป่ะ”
“ก็ - - ไม่ เห้ย นี่มึงจะไม่ช่วยกูแล้วใช่มั้ย”
ยังไม่ได้พูดสักคำเลย . .
“ทำไงดี ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอเซนที่มหาลัย แต่วันนี้เจอ ตอนนี้กำลังนั่งมองอยู่เนี่ย มึงว่ากูเข้าไปตรงๆเลยดีป่ะ” ได้พูดที ใส่มาเป็นชุด “ตอนนี้เซนโสดมั้ยวะ”
“โสด” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด
“จริงดิ!” ธามร้องเสียงหลง ผมจับได้ถึงน้ำเสียงดีใจที่ปิดเอาไว้ไม่มิดของมัน “แม่ง! เลิกกับไอ้คนที่บ้ากระเป๋าหลุยส์คนนั้นแล้วหรอวะ!”
กูจะรู้มั้ย ?? “ทำไมมึงเสียความมั่นใจขนาดนั้นวะ มึงชอบเค้า มึงรักเค้าก็เข้าไปหาตรงๆเลย จะกลัวอะไรนักหนา”
“มึงไม่เข้าใจ” ไอ้บ้าธามมีน้ำเสียงไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่ ออกแนวหมดความมั่นใจในตัวเอง “กูทำผิดกับเค้าเอาไว้”
“ก็ไปขอโทษพี่เค้าตรงๆดิ”
“ทำไม่ได้หรอก ถ้าไม่มีใครคอยช่วย”
“แล้วจะให้ช่วยอะไร” แหม . . พ่อพระจริงๆเลยผม หมั่นไส้ตัวเอง แต่ขอบอกเลยจริงๆว่านิสัยแบบนี้เหมือนติดอยู่ในส่วนลึกๆของผมไปซะแล้ว เคยนะครับตอนเรียนมัธยม ที่ผมช่วยศัตรูเอาไว้ให้รอดพ้นจากอาจารย์ฝ่ายปกครอง จนกระทั่งตอนนี้มันกลายเป็นเพื่อนสนิทผมไปเลย ตอนนี้เรียนอยู่มอเชียงใหม่โน่นแน่ะ
“ช่วยคิดแผนก่อนอันดับแรก” มันสวน “เปิดทาง สร้างสถานการณ์ . . “
“พูดอย่างกับทำง่ายๆ นี่ไม่ใช่ละครเอกซ์แซก” จู่ๆผมก็นึกถึงดีนี่กับเพียงดาวขึ้นมาซะอย่างนั้น
“เอางี้ต่างคนต่างคิด คิดได้ก็บอกกันละกันนะ” เอาอีกละ . . รวบรัดตัดตอนได้อย่างฉับพลันจนผมมึน “พูดเปรยๆกับเนยไว้แล้วนะว่ากูรู้จักกับมึง ถ้ากูก้าวหน้าไปหนึ่งขั้น กูสัญญาว่ามึงก็จะก้าวหน้าไปอีกหนึ่งขั้นเช่นกัน”
“ขั้นอะไร ขั้นบันได?”
“อย่ากวนตีน” ไอ้นักร้อง(กำลังจะ)ดังนี่มันเถียงคำไม่ตกฟากจริงๆ “ตามนี้นะ”
ปี๊บ! กดวางสายทันที ผมมองโทรศัพท์ในมืออย่างอึ้งๆ เอางี้ผมจะคิดอย่างขำๆละกันว่าช่วยบ้างไม่ช่วยบ้างแบบไม่ซีเรียส ที่จริงผมเป็นคนไม่ค่อยซีเรียสอะไรมาตั้งแต่เก่าก่อนอยู่แล้วนี่นา
2 BROKEN HEARTS
[/b]
โทรศัพท์ผมดังอีกครั้งตอนที่ผมอยู่ในพารากอน กำลังเดินเล่นกับไอ้คิกไอ้บูม เจริญหูเจริญตามากเป็นพิเศษเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่เด็กมัธยมเดินกันให้ควั่ก ช่างอุ่นหนาฝาคั่ง คนโน้นก็น่ารัก คนนี้ก็หุ่นดี นี่สรุปผมชอบผู้หญิงที่เด็กกว่าหรือ . . เออว่ะ ดันลืมเรื่องโทรศัพท์ ??
“ฮัลโหล”
“ไหนบอกเซนโสดไง! โกหกนี่หว่า!” เคยได้ยินเสียงผู้ชายด่ามั้ยครับ มันจะออกแนวโหดๆ แต่สำหรับไอ้ธาม . . ผมว่าเหมือนเด็กผู้ชายแตกเนื้อหนุ่มกำลังแสดงท่าทีเอาแต่ใจมากกว่า
“อะไร” งงเลยครับ ผมโคตรงง ไอ้คิกกับไอ้บูมไม่ได้สนใจผมกำลังเกาะขอบระเบียงกระจกมองดูสาวๆที่เดินกรูเข้ามาในห้างอย่างชิว ต่างจากผมที่ต้องมาทนรับอารมณ์ไอ้ธาม
“ทำไมกูเห็นเซนไปรับไปส่งตุ๊ดนิเทศวะ!”
“เพื่อนเค้ามั้ง?”
“กูไม่ไหวละนะ กูจะไปเจอเซนเดี๋ยวนี้เลย”
“เฮ้ เดี๋ยวสิ เจออะไรที่ไหน”
“มันนั่งกินข้าวสวีทวี๊ดวิ้วกันอยู่เกรย์ฮาวน์เนี่ย”
“เจอตอนนี้เนี่ยนะ มึงบ้ารึเปล่า”
“ถ้าไม่ใช่เซน กูคงไม่บ้าขนาดนี้หรอก”
เอาละไง! งงซะยิ่งกว่างงอีก . . “อย่าทำอะไรบ้าๆน่ะ แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน”
“สยามเซนไง มึงอยู่ไหน”
“พารากอน”
“ดี รีบมาเลยนะ!”
“ไม่เอา”
“กูไม่อยากอยู่นิ่งๆแล้ว ถ้าอิตุ๊ดนั่นคาบเซนไปล่ะ”
“มึงซวยเอง”
“ไอ้เหี้ย! เร็วๆเลย”
แล้วมันกงการอะไรของกูวะ! ผมเกาหัวยิกๆด้วยความงงงัน แต่ก็ต้องรีบบึ่งไปสยามเซนที่อยู่ไม่ไกลอย่างด่วน เดี๋ยวไอ้บ้าธามมั่นจะเล่นอะไรพิลึกกึกกือไปซะก่อน ผมยังรู้จักมันได้ไม่ดีมาก แต่ผมรู้ว่าคนๆนี้คงมีนิสัยอยากได้อะไรก็ต้องได้กระมัง . . หรืออาจจะเป็นเพราะกับพี่เซน ไอดอลของผมคนเดียว? ยิ่งคิดก็ยิ่งอยากรู้ว่าทำไมไอ้ธามถึงอยากกลับไปคบพี่เซนนักหนา
“เฮ้ย กูต้องไปก่อน เดี๋ยวกูโทรหานะ!”
“อ้าว สาดปอนด์ เจนนี่กำลังจะมา”
“ก็แดกกับพวกมึงไงไอ้คิกไอ้บูม”
สักพักผมก็มาโผล่แถวๆหน้าร้านเกรย์ฮาวน์ ไอ้ธามยืนหน้าหงิกกอดอกพิงกระจกหน้าร้านเสื้อผ้าไม่ไกลเท่าไหร่ อะไรของแม่งวะ?
“กูดูออกว่าตุ๊ดคนนั้นอยากได้เซนใจจะขาด” ธามขมุบขมิบปากอย่างใส่อารมณ์ “กูจะไม่ร้อนไม่รนเลย ถ้าไอ้ตุ๊ดคนนั้นมันไม่ได้คบกับมือกลองของวงกูอยู่”
หะ เหี้ยอะไรเนี่ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ผมว่ามันอลหม่านจานเด็ดแบบแปลกๆซะแล้วล่ะ . .
“ตามกูมานี่”
มันลากข้อมือผมให้เดินเข้าไปในร้านสีมืดๆทึมๆหน่อย สักพักผมก็รู้สึกได้ถึงสายตาหลายคู่ที่นั่งอยู่ในร้านมองมาด้วยความสนอกสนใจ เออว่ะ ลืมไป ผมมากับดารา . .
“ทำให้มันเป็นเรื่องบังเอิญนะ” มันปล่อยมือผมและก็ก้าวฉับๆไปข้างหน้า ผมเดินตามด้วยความฉงน แปลกพิลึกที่นิสิตชายสองคนเดินตามกัน(แปลกตรงไหน?) คนหน้าตัวเล็กแต่งตัวติสต์แดกบ่งบอกคณะตัวเอง ส่วนอีกคนแม้จะไม่ค่อยถูกระเบียบเท่าไหร่แต่เอ๋อสุดชีวิต
“อ้าวเห้ยไอ้ปอนด์!”
ผมหันขวับไปตามเสียงเรียก พี่เซนยิ้มแฉ่งโบกมือให้ ข้างๆพี่เค้าเป็นนิสิตคนหนึ่งหน้าตาท่าทางไม่ได้ต่างจากไอ้ธามเลย . . แต่ไอ้ธามเรียกตุ๊ด = = เอ่อ ตอนแรกผมนึกว่าจะตุ้งติ้งกว่านี้ซะอีก
“อะ อ้าวหวัดดีครับพี่”
“มากินข้าวเหรอ มากับใครวะ”
“ปอนด์ มึงนี่เดินช้าว่ะ” ไอ้ธามโผล่เข้ามาในซีนปั๊บ ลงตัวเป๊ะ . . ทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่มันคิด
ผมเอ๋อยืนมองหน้าพี่เซนที่กำลังทำหน้าอึ้งสุดขีด เหมือนพี่เค้าจะทำหน้าไม่ถูกและผมก็เดาใจพี่เค้าได้ไม่ชัดเจน ส่วนคนที่นั่งตรงข้ามกับพี่เซน(แฟนมือกลองวงไอ้ธาม) ผมว่ามันอึ้งกว่าทุกคนในที่นี้ซะอีก หน้ามันถอดสี ซีดเป็นไก่ต้ม เหมือนคนโดนจับได้อะไรสักอย่าง
“ธาม” ทั้งคู่ที่นั่งอยู่รำพึงออกมาเป็นเสียงเดียวกัน สักพักผมได้ยินเสียงครูดเก้าอี้ ตุ๊ดของไอ้ธามก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมากระซิบข้างหูไอ้ธาม
ธามรับฟังแล้วทำหน้าโคตรจะเย็นชา แล้วตุ๊ดของมันก็เดินจากไป . .
งงกันมั้ยครับ ผมว่าผมนี่งงสุดละนะ . . มันอะไรกันวะเนี่ย “ธาม”
เสียงพี่เซนเรียกชื่อไอ้ธามทำเอาผมกลับมามีสติอีกครั้ง
“เซน”
ผมมองหน้าเขาทั้งคู่สลับกันไปมา . . เด็กแปดขวบมาดูก็รู้ว่าทั้งคู่เคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากแค่ไหน
“หายไปไหนมา”
ไม่รู้ผมคิดไปเองรึเปล่า คำพูดของพี่เซนที่ดังกึกก้องประโยคนั้นทำให้ผมรู้ว่าไอ้ธามมันสามารถสมหวังตามที่มันปรารถนาได้ โดยไม่ต้องมีผม . . ช่วยเหลือมันสักนิด
“สบายดีมั้ยเซน”
ความเย็นชาของธามหดหาย ผมสัมผัสได้ถึงความห่วงหาอาทรที่ยังมีอยู่ของคนทั้งคู่ . . LET'S TALK
คิดถึงกันมั้ย ^^
หายไปเรียน ทำแลป กับจัดการเรื่องหนังสือของเหนือคินมา
อาทิตย์หน้าแพคของแล้วนะคะ
จะพยายามส่งให้หมดภายในอาทิตย์หน้า
แต่ข้าน้อยมีเรียนทั้งวัน ก็ยังงงๆอยู่ว่าจะส่งให้วิธีไหน แฮ่
ใครที่รอจองหนังสือที่คนเขียนสั่งมาเกิน เตรียมตัวไว้ให้ดี
น่าจะมีพอสำหรับความต้องการ ไม่แน่ใจเท่าไหร่นะ TT
ว่าด้วยเรื่องปอนด์ธาม
อย่าซีเรียสน้า เรื่องนี้ดราม่าไม่หนักจริงๆ
ติดจะคิวท์ๆ แบบน่ารักๆ ทั้งๆที่เรียนกันปีสองปีสามเข้าให้แล้ว
มีคนถามว่าทำไมธามสาวจัง คนเขียนก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร
เพราะในใจคนเขียนคิดว่าธามไม่ค่อยสาว
แต่ถ้าจะมีคนบอกว่าธามเป็นเกย์จ๋า มันก็ใช่
แหะ สรุปคนเขียนแล้วแต่คนอ่านจะจิ้น
คิดถึงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
จะพยายามมาต่อให้ได้ๆๆๆ ปล. ใกล้สอบมิดเทอม T_T