บ้านเพียรสุข "อ่าว ไม่ให้ลูกน้องมึงอยู่รอเหรอ" ไอ้โปรดถามหน้าฉงน มันเห็นว่าสมุทรขับรถกลับออกไปแล้ว ซึ่งถ้าเป็นปกติผมอาจจะให้ไอ้เด่นอยู่รอ
"ไม่อะ..ต้องไปซ้อม" ผมส่ายหัว
"ที่ค่ายอะนะ" มันถาม ผมพยักหน้าพร้อมทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างเหนื่อยอ่อน
"ลูกน้องมึงคนใหม่ที่ชื่อสมุทรน่ะนะ"
"อือ" ผมพยักหน้าอีก ไอ้โปรดทำหน้านึกพลางเบ้ปากออกมานิด ๆ
"ให้สิทธิ์พิเศษแปลก ๆ" อีกฝ่ายพึมพำ
"อย่ามาทำเป็นรู้ดี มันใกล้วันแข่งแล้ว" ผมว่า
"แล้วนี่ทำไมยังไม่อาบน้ำ" ผมมองมันหัวจรดเท้า
"กำลังเงี่ยน ๆ เลยนั่งรอมึง จะชวนให้เป็นเพื่อนชักว่าวเสร็จแล้วค่อยอาบทีเดียวเลย" มันตอบหน้าตาย เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์แล้วหยิบเหล้าออกมาหนึ่งขวด
"เสียใจด้วยแล้วกัน กูไม่มีอารมณ์" ผมตอบกลับเซ็ง ๆ ไอ้โปรดหัวเราะน้อย ๆ นำแก้วเหล้ามายื่นให้ผม
"ร้านมึงที่ทำกับป๋าจงไปถึงไหนละ"
"กำลังก่อสร้าง เอาจริง ๆ กูก็ไม่รู้สึกอยากทำเท่าไหร่แล้วว่ะ รู้สึกเหมือนว่าจะมีปัญหาตามมายังไงบอกไม่ถูก" ผมบ่น
"เป็นธรรมดา ก็ร้านเหล้านี่หว่า ถึงมึงเปิดที่ปฏิบัติธรรมก็ยังมีปัญหาอยู่ดี ต่างกันตรงที่..มึงแค่ไม่โดนตามฆ่าแค่นั้นเอง" ไอ้โปรดยิ้มว่า
"สัตว์" ผมด่าพลางหัวเราะน้อย ๆ
"ชวนกูมานี่จะไปไหน" ผมถาม
"เดี๋ยวกูต้องบินยาวอีกเป็นอาทิตย์ เลยอยากไปทำให้สมองโล่ง ๆ หน่อย" มันตอบพร้อมนั่งลงข้าง ๆ
"เอาแบบ โล่งขนาดที่..ให้หมดน้ำไปเลย" ผมได้แต่นั่งฟังมันพร่ำเรื่องไม่เป็นเรื่อง
"ตอนนี้กูรู้สึกเหมือนน้องชายกูจะออกได้ประมาณยี่สิบน้ำอะนะ" ไอ้โปรดทำหน้าซีเรียส มันมักทำหน้าแบบนี้ในเรื่องที่ไม่ควรเสมอล่ะ ผมส่ายหัวยิ้ม ๆ
"แล้ว..มึงเป็นไงวะ กับคุณตุล" ไอ้โปรดอมยิ้มเจ้าเล่ห์
"ก็ไม่มีอะไร ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกัน กูไม่ได้ให้เบอร์ไว้ด้วยแหละ"
"กูก็อยากได้คุณตุลบ้างเหมือนกันน้า แต่ดันเสือกไม่ใช่สเปกเขา" มันทำหน้าเซ็ง ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบอึกหนึ่งก่อนเทตัวลงทำท่าจะนอนไปบนโซฟา
"มีน้ำผลไม้ไหม กูไม่มีอารมณ์แดกเหล้าเลย" ผมพูดจากใจจริง รู้สึกอารมณ์มันเนือย ๆ อย่างไรบอกไม่ถูก
"เหี้ยนี่เรื่องมากอีก" เจ้าของบ้านบ่นอย่างหัวเสีย แต่ก็ยอมลุกกลับไปที่เคาน์เตอร์ให้ ไอ้โปรดกลับมาอีกครั้งพร้อมกับขวดน้ำส้มยี่ห้อดังจากต่างประเทศ
"ห่า..น้ำส้มสำเร็จรูป กูแดกน้ำเปล่าดีกว่างี้" ผมบ่นอย่างหงุดหงิดแต่ก็รับขวดมาเปิดออกอย่างช่วยไม่ได้ บ่นไปงั้น ใจจริงก็อยากกินอะไรหวาน ๆ อยู่ ผมว่าน้ำส้มสำเร็จรูปรสชาติมันคล้าย ๆ ยาน้ำสมัยเป็นเด็ก
ห่วยแตกสุด ๆ "คืนนี้กูนอนนี่แล้วกันนะ" ผมบอกมันไว้ก่อน
"อื้อ" ไอ้โปรดพยักหน้าส่ง ๆ ไปที มันหยิบโทรศัพท์มาตั้งหน้าตั้งตากด ผมเงียบมองโทรทัศน์ตรงหน้า เปลี่ยนช่องวนกลับไปมาไร้จุดหมาย ไอ้โปรดดื่มต่ออยู่แก้วสองแก้วก็ขอตัวไปอาบน้ำ ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปพลาง ๆ อ่านหนังสือพิมพ์บ้าง พลอยส่งข้อความมาหาเป็นระยะเพราะเธอเห็นว่าผมอ่านข้อความจากเธอแล้วแต่ผมดันไม่ตอบกลับ เธอเลยส่งมาไม่ยั้งเหมือนจะต้อนให้ผมตอบเธอให้ได้ พอไอ้โปรดอาบน้ำเสร็จเราจึงออกเดินทางไปหาไอ้คินที่โรงแรม ผมกับไอ้โปรดไม่ได้นัดไอ้คินไว้ก่อนล่วงหน้า มันเลยไม่ได้รีบเคลียร์งานเพื่อมาพบเราสองคน ผมเลยตัดสินใจไปนั่งกินอาหารเย็นฆ่าเวลาที่ห้องอาหารญี่ปุ่นในโรงแรมนั่นละ กะว่าไอ้คินเสร็จงานก็จะได้ออกไปพร้อม ๆ กันเลยเพราะผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรอยู่แล้ว
"คุณไฟครับ" น้ำเสียงที่ทำให้มือที่กำลังจะคีบปลาดิบเข้าปากถึงกับชะงัก เมื่อหันไปก็พบว่าตุลยืนอมยิ้มอยู่ข้าง ๆ
"อ่าว สวัสดีครับ" ผมวางปลาดิบและตะเกียบกลับลงบนจานอย่างเดิม
"สวัสดีครับคุณโปรด" ตุลผงกหัวทักทายอย่างกันเอง
"สวัสดีครับ" ไอ้โปรดผงกหัวยิ้ม ๆ
"มากินอาหารเย็นเหรอครับ" ผมเป็นฝ่ายตั้งคำถามก่อนพร้อมลุกขึ้นมองไปรอบ ๆ ตัวของตุลเพื่อสำรวจสถานการณ์
"ก็ไม่เชิงหรอกครับ พอดีมาคุยงานกับลูกค้าที่นี่แล้วก็เลยชวนกันมากินอาหารก่อนกลับน่ะครับ" ตุลยิ้มตอบ ผมเพียงแต่ยิ้มมอง เขาเหสายตาลงนิด ๆ เหมือนทำท่าทางไม่ถูกขึ้นมาดื้อ ๆ
"เดี๋ยวคืนนี้พวกเราจะไปต่อกัน ไปด้วยกันไหมครับ" ไอ้โปรดชวน ผมมองขวางไปทางเพื่อนรักแต่มันกลับไม่ยอมสบตาผมซะงั้น
"ที่ไหนเหรอครับ" ตุลถามด้วยแววตาสนใจ
"ยังไม่ทราบเลยครับ รอไอ้คินอยู่น่ะ" ผมตอบปัด
"เหรอครับ" ตุลพยักหน้านิด ๆ เขาสบตาผมเล็กน้อยและเอาแต่ยิ้มให้
"จะไปด้วยกันก็ได้นะครับ" ผมเอ่ยชวนเพราะดูท่าทีเหมือนอีกฝ่ายกำลังรออยู่อย่างนั้น
"ถ้าคุณไฟไม่ว่าอะไรละก็" ตุลพูด
"หึ..ไม่ว่าอะไรหรอกครับ แต่ว่าเดี๋ยวผมให้ไอ้คินนัดสถานที่อีกทีนะครับ เราสองคนมีธุระที่ต้องไปทำก่อนน่ะ" ผมพูด
"ได้ครับ" อีกฝ่ายเข้าใจโดยง่าย
"งั้น..เดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับ ไว้เจอกัน" ตุลพูด ผมอมยิ้มให้ เขาผงกหัวลาอีกครั้งก่อนกลับไปที่โต๊ะของตน ผมมองตาม ก่อนจะนั่งลงที่เดิมเลยเอื้อมมือตบหัวไอ้โปรดไปทีนึง
"มึงจะไปไหนของมึง" ไอ้โปรดกินไปขำไป
"เออน่า..รีบแดกให้เสร็จ จะได้รีบไป" ผมตัดบทส่ง ๆ
“แต่กูยังไม่อิ่มสักหน่อย” มันโวยวาย
“ก็เพราะปากมึงไง” ผมว่า
“ฮ่า ๆ ๆ” ไอ้โปรดหัวเราะลั่น ผมถอนหายใจแรง กวาดปลาดิบตรงหน้าเข้าปากทีเดียวด้วยความเร่งรีบ
"หึ..สัตว์ มึงนี่ตั้งใจเว้นระยะห่างโจ่งแจ้งฉิบหาย ถึงมึงไม่ทำอย่างนี้..เขาก็รู้ตัวอยู่แล้ว" ไอ้โปรดสะบัดหัวหน่าย ๆ
"ทำเพื่อย้ำให้อีกฝ่ายแน่ใจ" ผมพูดเรียบ ๆ
"คืนนี้มึงก็ไม่ต้องหาคู่แล้วงี้ เหลือแต่กูงี้" อีกฝ่ายเริ่มบ่นพร้อมทำเสียงทิ้งท้ายแปลก ๆ ผมหัวเราะ ขำหน้าของมัน เราค่อนข้างรีบกินพอสมควร อาหารมาเสิร์ฟเพิ่มอีกสามอย่าง ผมกับไอ้โปรดจัดการกินด้วยความรวดเร็วหลังจากนั้นไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำ
"ไปไหน" ไอ้โปรดถามหลังจากที่ออกมาจากร้าน
"ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว ไปดูที่ป๋าจงหน่อยแล้วกัน" ผมตอบพร้อมกับโยนกุญแจรถให้มันเพราะขามาผมเป็นคนขับ ไอ้โปรดรับกุญแจรถไปง่าย ๆ ผมอยากไปดูความคืบหน้าว่าไปถึงไหนแล้ว อันที่จริงตั้งใจว่าจะดูงานพรุ่งนี้โดยให้สมุทรไปด้วยกัน แต่ถึงไปวันนี้ก็ดีเพราะไม่ต้องเสียเวลาสำหรับพรุ่งนี้ด้วย
"แถวทรัพย์โชคนะ ?" มันถาม
"เออ" ผมตอบ ไอ้โปรดกดเปิดเพลงทันทีที่ขึ้นรถ มันเป็นคนขับรถค่อนข้างเร็วและใจร้อนมากคนหนึ่ง นั่งรถกับมันต้องทำใจในบางครั้ง ถ้ามันอารมณ์ดีมันก็จะขับเหมือนปุถุชนปกติ ถ้ามันอารมณ์ไม่ดีมันก็จะเหวี่ยงตลอดทาง ลูกน้องผมเคยนั่งไปกับมัน เข็ดอ้วกแตกอ้วกแตนกันเกือบทุกคนยกเว้นพี่ธาน
"มึงว่ามีเปอร์เซ็นต์มากน้อยแค่ไหน กับการที่ผู้ชายจะยอมผู้ชายวะ" ผมถามขึ้นระหว่างทางทำเอาไอ้โปรดหลุดหัวเราะนิด ๆ เหมือนเป็นประเด็นตลก
"กูหมายถึง..ผู้ชายแท้ ๆ ที่ไหนจะชอบใจที่ถูกผู้ชายจีบ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ต้องถูกเกลียดแน่นอนอยู่แล้วนี่หว่า" ผมวิเคราะห์
“ผู้ชายแท้ ๆ จะรักผู้ชายได้..นอกจากอยู่ที่ใจแล้ว อีกฝ่ายแม่งต้องคนดีมาก ๆ เลยที่ยอมรับเรื่องนี้ได้” ไอ้โปรดพูดปนหัวเราะ
“ขนาดนั้นเลย ?” ผมเบ้ปาก
“ขนาดนั้น” ไอ้โปรดพยักหน้า เบะปากตอบเช่นกัน
"นึกไงถามแบบนี้ ปกติกูไม่เห็นมึงสนใจด้วยซ้ำ" มันว่า
"เปล่า" ผมปัดไปที เท้าข้อศอกลงที่ขอบประตูหน้าต่าง คู่สนทนาเงียบไปสักพักหนึ่ง ผมเองก็เงียบด้วยเพราะกำลังคิดเรื่องเรื่อยเปื่อย
"แล้วแต่โชคชะตามั้ง" ไอ้โปรดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงส่ง ๆ ไปทีอย่างต้องการขยายความให้กับประเด็นเดิม
"เพราะผู้ชายแท้ ๆ ที่คิดอยากลากขึ้นเตียงเฉย ๆ กับคนที่อยากได้มาเป็นของตัวเองคนเดียว มันไม่เหมือนกัน" มันว่า ผมเหล่ตาไปมองและแสยะยิ้มตั้งใจฟัง นาน ๆ ทีมันจะพูดมีสาระกับเขาบ้าง อีกฝ่ายอมยิ้มพร้อมยักไหล่น้อย ๆ เหมือนกับกำลังบอกผมว่า "กูพูดเรื่องจริงอยู่นะ"
"แต่ก่อนกูให้มึงจีบผู้ชายแท้ ๆ ก็ไม่เห็นว่ามึงจะสนใจใครหน้าไหนเลยนี่ว่าจีบไปแล้วจะเกลียดมึงรึเปล่า" มันว่า ผมเงียบ
"ชอบใครอยู่ ?" ไอ้ปากดีถามซะตรง ผมแสยะยิ้มมุมปาก เลือกที่จะไม่ตอบโดยการเบือนหน้ามาทางหน้าต่างแทน
"เกลียดรอยยิ้มมึงฉิบหาย หึ..ไง เห็นไอ้คินเล่าเปรย ๆ ว่ามีคนทำให้มึงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ต่อหน้ามันได้ด้วย"
"นั่นสิ" ผมบ่นพึมพำถึง
"อีกฝ่ายดูท่าจะบื้อไม่เบา" ผมว่า
"ฮ่า ๆ ๆ"
"ก็ยังดีที่มึงได้ชอบใครเป็นสักคน กูนึกว่ามึงจะตายด้านจนไม่ชอบใครแล้วซะอีก" ไอ้โปรดพูดแกมบ่น
"ที่จริง กูก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่ แค่เอ่อ..ถูกใจน่ะ" ผมบอกไว้ก่อน
"กูเข้าใจ" ไอ้โปรดตอบรับแค่นั้น โดยตัดบทจบแบบที่ทำให้ผมถึงกับอมยิ้ม ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายดูเหมือนจะเข้าใจอย่างที่ผมพูดเป็นอย่างดี การขับรถต่อเป็นไปอย่างเงียบ ๆ จนถึงที่ก่อสร้างผับ ผมกับไอ้โปรดลงจากรถ แยกย้ายกันเดินดูความเรียบร้อยของงาน เกือบตกเย็นเต็มแก่แล้วแต่คนงานก่อสร้างก็ยังทำงานไม่หยุดมือ ผมเปิดโทรศัพท์มือถือดูแบบร้านที่สถาปนิกเคยส่งโครงสร้างมาให้ เดินดูแบบพร้อมมองภาพจริงไปคร่าว ๆ อีกทั้งถ่ายรูปไว้ด้วยเผื่อจะนำส่งให้กับป๋าจง
“แบบสวยดีนี่หว่า” ไอ้โปรดก้มมองมาที่หน้าจอโทรศัพท์ของผม ผมเงยหน้ากวาดตามองรอบ ๆ อีกครั้ง แขนขยับขึ้นเท้าเอวยืนมองด้วยท่าประจำที่บางครั้งทำจนเคยชิน
“มึงชอบเท้าเอวเวลาตรวจงาน ไอ้เหี้ย..เหมือนหาเรื่อง เมื่อกี้ป้าก่อสร้างแอบนินทามึงกันว่า นายไม่พอใจงานแหงเลย” ไอ้โปรดเล่าด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบทำให้ผมหลุดหัวเราะ
"ด้านโน้นลานจอดรถเหรอวะ" มันชี้มือไปอีกฝั่งหนึ่งของเขตก่อสร้าง
"เออ..จอดได้เกือบห้าสิบคัน" ผมตอบ
"เจ๋งว่ะ กูเกลียดฉิบหาย ร้านดัง ๆ แต่ไม่มีที่จอดรถ ให้ลูกค้าลำบากไปอีก" ไอ้โปรดเท้าเอวบ่น
“มึงเท้าเอวอยู่” ผมเหล่มอง
“อะ ไอ้เหี้ย” มันสวนด่ากลับยิ้ม ๆ อยู่ ๆ เสียงรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์คันแปลกตาก็ขับเข้ามาในบริเวณเขตก่อสร้าง
"โปรด" ผมเรียกโดยทำเป็นไม่หันไปมองฝั่งนั้นอีก หางตามองเห็นสิ่งผิดปกติบางอย่าง ด้วยสัญชาตญาณทำให้รู้ได้ในทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องอีกไม่กี่นาทีนี้เป็นแน่ ไอ้โปรดยืนจ้องหน้าผมนิ่งเขม็งเช่นกัน ประสาทสัมผัสมันฉลาดดี
"ท้ายรถมึงมีเสื้อสำรองไว้เปลี่ยนรึเปล่าวะ"
"ก็พอมีอะนะ แต่..ถ้าเหงื่อออกไม่เยอะ กูก็จะขอบคุณมึงมาก" อีกฝ่ายตอบเหมือนรู้ชะตากรรมเช่นกัน
ปัง!!!! ..ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้นจากฝั่งถนน ด้วยความรวดเร็วจึงคว้าหัวไอ้โปรดมาหลบในทันใด
"ช่วยวิ่งสุดชีวิตกลับไปที่รถที" ผมสั่งเสียงเรียบ
"งานถนัด..ก็กูรู้จักคำนี้ตั้งแต่รู้จักกับมึง" ไอ้โปรดเบะปากหน้าทะเล้น
“ไป!” ผมตะโกนไล่พร้อมผลักตัวไอ้โปรดให้ออกห่าง คนงานพากันแตกตื่น เมื่อเหลือบมองไปที่เป้าหมาย ผู้ชายสองคนร่างสันทัด หนึ่งคนคร่อมอยู่บนรถ อีกคนทำท่าจะลงจากรถมา ผมหันกลับไปมองที่ไอ้โปรดอีกครั้งว่ามันใกล้ถึงแล้วหรือยัง
เนื่องจากรถของเราจอดห่างจากตรงที่เรายืนอยู่พอสมควร มือปืนลงมาจากมอเตอร์ไซค์แล้ว มันจงใจเดินมาที่ผมเพียงคนเดียวอย่างอุกอาจ ผมตัดสินใจวิ่งเข้าไปในเขตก่อสร้างเพื่อหาที่กำบังเพื่อจะหาทางลัดกลับไปที่รถ ตอนนี้ผมไม่มีอาวุธใด ๆ และไม่มีแม้แต่อะไรที่จะป้องกันตัวได้ ดูท่าแล้วอีกฝ่ายต้องการมาเล่นงานผมแน่ เมื่อวิ่งเข้าไปหลบในตึก เสียงคนงานร้องกันดังระงมชัดเจนกว่าเดิมทำให้แทบไม่ได้ยินเสียงจากอีกฝั่งเลย เสียงปืนที่ยิงไล่ตามหลังอีกนัดนั้นเงียบไปแล้ว ผมได้ยินเพียงเสียงรถยนต์ของไอ้โปรดที่ขับออกไปค่อนข้างเร็ว สายตาหันไปเห็นว่ามีทางออกไปทางด้านหลังของเขตก่อสร้าง ผมจึงรีบวิ่งออกไปทันที เสียงล้อรถเสียดสีไปตามถนนดังก้อง เสียงเศษกรวดกระทบกับสังกะสี เมื่อโผล่ตัวออกมาจากป่าหญ้าอีกทีก็พบรถของไอ้โปรดจอดอยู่ไม่ไกลนัก
"หลบไป" ผมวิ่งไปเปิดประตูฝั่งคนขับ ไอ้โปรดกระโดดไปนั่งฝั่งข้าง ๆ คนขับจนแทบเสียท่า
"มึงจะทำเหี้ยอะไร" ไอ้โปรดถามด้วยสีหน้าเลิ่กลั่ก ผมคาดเข็มขัด เร่งคันเร่งพุ่งหน้ารถเข้าป่าหญ้าก่อนหันท้ายรถกลับไปที่เป้าหมายในทันที
"หมอบลงไป ..มาเสี่ยงดวงกันหน่อย" ผมบอกพร้อมใส่เกียร์ถอยหลังเตรียมพร้อม
"กูจะแดกมัน" ผมแสยะยิ้ม เหล่มองไปที่เจ้าของรถที่ลงไปนั่งด้านล่างแล้ว
"ประกันไม่น่าจะรับเรื่องนี้" สิ้นเสียงที่ไอ้โปรดพูดเสียงเครื่องยนต์ก็ดังขึ้นแทรก ก่อนที่มันจะโวยวายเสียงหลงว่า “รถกูเพิ่งซื้อมา!” ซะดังลั่น เสียงปืนดังขึ้นอีกสองนัด พวกมันกะเล็งมาที่รถอย่างจงใจ ผมถอยท้ายรถกลับไปอย่างรวดเร็วและไม่มีลังเลใด ๆ ทั้งสิ้น มือปืนยังคงยืนนิ่งอยู่กลางถนนอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว มืออาชีพแน่นอนแบบไม่ต้องสงสัย
“เอาเลย” ผมกัดฟันยิ้ม ๆ ด้วยรู้สึกสะใจขึ้นมา ความเร็วของรถทำให้ยิ่งขับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงความเร็วปะทะกับเสียงลูกปืนที่กระทบกับรถ วัดใจกันไปว่ามันหรือผมที่จะยอมก่อน และถ้ามันหวังว่าผมจะยอมให้ละก็ มันคิดผิด
"ปอดแหกเอ๊ย!" ผมสบถ มือปืนวิ่งกลับไปที่รถมอเตอร์ไซค์ อีกนิดเดียวผมก็จะถึงมันอยู่รอมร่ออยู่แล้ว
"ไอ้โปรด มึงมีปืนไหมวะ" ผมถามไปอย่างนั้นทั้งที่ก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่มี
"ปืนนะไม่ใช่เซ็กส์ทอย กูจะพกไว้ยัดตูดรึไงล่ะ" มันว่า ขยับตัวกลับมานั่งดี ๆ ผมได้แต่จิปากสบถเซ็ง ๆ วนรถกลับมาจอดตั้งท่ารอ
“อย่าตามมันไปนะไฟ กูใจไม่ดีไอ้เวรเอ๊ย” ไอ้โปรดสบถหน้าเสีย ผมหัวเราะและเลือกที่จะขับต่อไปอีกทางซึ่งเป็นคนละเส้นทางกับที่มือปืนขับหนีไป
"อยู่กับมึงอยู่นี่ดีฉิบ พอเบื่อ ๆ รู้สึกห่อเหี่ยวเจียนตายทีไร ก็มีเรื่องมาให้กูรู้สึกว่ากูยังมีลมหายใจได้ทุกที" มันบ่น
"ชีวิตต้องสู้สินะ" ไอ้โปรดพึมพำตาค้างไม่เลิก ทั้ง ๆ ที่มันควรจะชินได้แล้ว
"หึ ๆ" ผมได้แต่หัวเราะ มือกดโทรศัพท์ต่อสายหาพี่ธาน
"ครับ คุณไฟ"
"ตามรถให้ผมหน่อย บิ๊กไบท์..ทะเบียน BB 4471 สีดำ น่าจะทำสีมา" ผมพูด พี่ธานขานรับทราบเป็นระยะ
"ถามพี่ศรก็ได้ มีคนมาดักยิงผมเมื่อกี้ ที่เขตก่อสร้างร้านป๋าจง" ผมบอก
"แล้วคุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ" ปลายสายถามด้วยความตกใจ
"ยังสบายดี" ผมตอบ
"คิดว่าเป็นใครครับ" พี่ธานถาม ซึ่งถ้าเป็นคนปกติทั่วไปคงถามว่า "แจ้งความรึยัง ?" น่ะนะ
"ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนของไอ้กริด เดาอะนะ ไม่ได้ปักใจเชื่อซะหมดหรอก" ผมตอบ
"แล้วถ้าเป็นอย่างนั้น" พี่ธานพูดเชิงถาม
"ผมก็ไม่ว่าอะไร ก็มีคนคิดไม่ดีกับผมทุกวันอยู่แล้ว" ผมยิ้มนิด ๆ
"อีกอย่าง..ผมว่าก็ดีนะ ไอ้โปรดดูเหมือนจะไม่ได้วิ่งเร็วขนาดนี้มานานพอควรแล้ว เอาซะหางจุกตูดเลย" ผมพูดติดตลก
"คุณนี่ก็" พี่ธานถอนหายใจ ติดหัวเราะทิ้งท้ายนิดหน่อย ไอ้โปรดด่าแทรกเข้ามาเบา ๆ
"ไปจัดการให้ด้วยแล้วกัน" ผมพูด
"ได้ครับ เดี๋ยวผมจะรีบให้ไอ้เข้มไปจัดการ" พี่ธานรับปาก
"คืนนี้ผมไม่กลับนะ ฝากบ้านด้วย" ผมบอก
"คุณจะไปไหนครับ แล้วนี่พกอะไรไปด้วยรึเปล่า ผมว่าผมไปหาคุณดีกว่านะครับ" พี่ธานพูด
"เปล่า..อยู่กับไอ้โปรดนี่แหละ ว่าจะนอนโรงแรมไอ้คิน มีอะไรโทรมาแล้วกันนะครับ" ผมตัดบท
"ครับ ระวังตัวด้วยนะครับ"
"ครับ” ผมตอบพร้อมกดวางสาย
"น้องชายมึงใช้งานได้กับทุกคนสภาพรึเปล่าวะไอ้โปรด" ผมถามด้วยน้ำเสียงจริงจังปนสงสัย
"ถ้ากูจะแข็งตลอดเวลาขนาดนั้น วัน ๆ กูไม่ต้องทำมาหากินละฉิบหาย ขายตัวได้อย่างเดียว" มันสบถ
"ฮ่า ๆ ๆ" ผมหัวเราะลั่น
"กูก็ว่า..อุตส่าห์ตั้งใจอยากจะให้มึงเอาไอ้นั่นของมึง ยัดตูดมือปืนแทนกูสักหน่อย" ผมพูดบ่นไปที แต่ก็แอบคิดจริงอยู่เหมือนกัน พอดีพอเห็นว่าเป็นมือปืนแล้วมักไม่มีอารมณ์
"มึงนี่โรคจิตว่ะ" ไอ้โปรดบ่นด้วยน้ำเสียงรับไม่ได้ ผมขำ คนแบบมันมีสิทธิ์มาว่าผมด้วยงั้นเหรอครับ
"ไอ้กริดอีกแล้วเหรอวะ" ไอ้โปรดถาม
"อือ แต่ก็ไม่แน่ใจนะ พอดีเมื่อเช้ากูดันไปสะกิดใจมันเข้านิดหน่อย"
"แล้วมึงจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่" ไอ้โปรดเข้าประเด็นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง ผมได้แต่เงียบ
"ถึงกูตายตอนนี้ ความจริงกูก็ไม่มีห่วงอะไรน่ะนะ" ผมพูดคนละเรื่อง
"กูเบื่อว่ะ มึงชอบพูดเรื่องตายจนเป็นธรรมชาติ" ไอ้โปรดหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากจะรับฟัง ผมอมยิ้ม นำมือไปลูบหัวปลอบมันน้อย ๆ
"ที่ผ่านมากูเจอเรื่องบัดซบมากกว่านี้ กูก็ยังมีชีวิตมานั่งแลกลิ้นกับมึงได้ตั้งหลายครั้ง บางทีกูก็คิดนะว่า..ดวงกูนี่มันแข็งสุด ๆ ไปเลย" ผมพูดติดตลก แต่ความหมายลึก ๆ แล้วไอ้โปรดก็คงรู้ดีว่าผมพูดเรื่องจริง
"สบายใจเถอะ งานศพมึง..กูจัดให้สมเกียรติแน่นอน ข้าวต้มน่ะมันเชยไปแล้ว อย่างมึงนี่กูจัดเป็ดปักกิ่งมาทั้งฟาร์มเลย" ไอ้โปรดอมยิ้มกวน ๆ
"ถ้าเป็นงั้นจริง.. กูฝากมึงรักพายุกับไอ้ดินแทนส่วนของกูด้วยแล้วกัน ไม่ต้องห่วงหรอก ในพินัยกรรมก็มีของขวัญลาตายจากกูให้มึงด้วย" ผมตอบรับยิ้ม ๆ
"ไฟ!" ไอ้โปรดกระแทกเสียงหน้าเสีย ผมหลุดหัวเราะ
บางครั้งก็ใจหาย บางครั้งก็รู้สึกเฉย ๆ ก็ชีวิตผมอยู่กับความตายทุก ๆ วันอยู่แล้ว จะให้มาคาดหวังว่าตัวเองจะมีชีวิตยืนยาว มันไม่ใช่เหตุปัจจัยที่จะคิดแบบนั้นได้..
..........(ไฟ).........